29 มิถุนายน 2547 09:15 น.
พู่กัน (เฉพาะกิจ)
เปลี่ยนสีเทาทาบฟ้ามาเป็นฟ้า
คงถึงคราแสงส่องละอองใส
ตาวันกรุ่นระอุแดดแผดอุ่นไอ
ส่องฟ้าให้เป็นฟ้างามยามรุ่งเช้า
เสียงจิ๊บจิ๊บเจื้อยจ้อยเที่ยวคอยร้อง
ตามครรลองท้องนาดูน่าเหงา
แสงทองเริ่มเจิมฟ้าท้าตามเงา
ท้าให้เราลุกขึ้นตื่นจากคืนวาน
เพื่อรับไออบอุ่นจากทุ่นฟ้า
เป็นศรัทธาสร้างกำลังหลังความฝัน
เบิ่งใจเปิดเพื่อเจิดจ้ารับตาวัน
แววตานั้นจงมุ่งไปในสายทาง
เหนื่อยอ่อนเพียงร้อนลงชั่วพัก
ลมสลักจะพัดพลิ้วปลิวผ่านหลัง
นั่งลงพักสักชั่วครู่เพื่อดูทาง
แล้วก้าวย่างต่อไปใต้แสงทอง
พลิกตะวันผันผวนใกล้จวนบ่าย
ร้อนมากหลายพาใจให้ไหม้หมอง
แผดรังสีสุริยะระอุพอง
ผ่านเพียงต้องหลบร่มพรมร่มไม้
กระจัดฟ้าแต่คราเช้าจนคราวคล้อย
ตะวันค่อยลอยเคลื่อนเยือนธารใส
ไม่นานนักก็จากลาลงฟ้าไป
เลือนแสงไฟร้อนระอุดูดุดัน
แสงตะวันพลันจางลงกลางน้ำ
สนธยาเย็นย่ำคื่นค่ำฝัน
วิถีชนเปลี่ยนเส้นทางกันกลางคัน
แบ่งส่วน-ชั้น ชีวากลางราตรี
สิ้นแล้วนิยายปลายตะวัน
โลมชายฝันฟ้าเหงา-เศร้า-สุขี
ครั้นหมดคืนตื่นอีกคราทองธาตรี
จะส่องศรีทั่วฟ้าครามเช่นยามเดิม
28 มิถุนายน 2547 11:41 น.
พู่กัน (เฉพาะกิจ)
ร้อยดาวเดือนเคลื่อนคล้อยลอยเกลี่อนฟ้า
อุ่นจันทราทาบใจในคืนหนาว
เสียงหรีดหริ่งกริ่งกรั่งดังกริ่งกราว
คืนสกาวฟ้ากราวเมฆดุจเสกมนต์
ฉันนั่งลงตรงพื้นใกล้ผืนน้ำ
นอนลงต่ำเงยหน้าเทียมหญ้าสน
มองเมฆคล้อยลอยคว้างกลางลมบน
บังจันทร์จนมืดคล้ำปานย่ำใจ
ดับลงแล้วจันทร์เจ้าฉันเหงานัก
ตรงที่พักฉันนอนลงพงหญ้าไหว
กลับหมองหม่นเหมือนมารมาผลาญใจ
ให้ร้าวไหวอ่อนแรงไร้แสงจันทร์
ขอลมฟ้าลมดาวช่วยพราวพัด
โบกสะบัดเมฆาเบื้องหน้านั้น
เพียงแสงนวลยวนตาส่องมาพลัน
ความเหงานั้นคงจางไปในใจเรา
ค่ำคืนหนาวคืนนี้ไม่มีรัก
ฉันนอนพักพิงกอหญ้าแววตาเหงา
คล้อยต่ำแล้วแคล้วลาจันทราเจ้า
ใกล้รุ่งเช้าเต็มทีนาทีใด
ใกล้ขอบฟ้าเวลาลับดับคืนเศร้า
พระจันทร์เจ้า..เจ้าเคยเหงาเหมือนเราไหม
ใต้แสงเดือนเคลื่อนคล้อยล่องลอยไป
ไม่เห็นใครครวญจันทร์เช่นฉันเอง
คงเพราะฟ้ายามค่ำคืนคนตื่นน้อย
จันทร์คงคอยเฝ้าหาคนถูกข่มเหง
ลมฟ้ากราวดาวฟ้าไกลเรียงสายเพลง
คอยบรรเลงเสียงจันทรายามราตรี
เมื่อย่ำเช้าขอเหงาจางไกลจากฝัน
จบคืนวันแสนทุกข์ไร้สุขี
จุดชีวิตแห่งความจริงยิ่งทวี
หวังคืนนี้คงมีจันทร์...ให้ฉันครวญ...
26 มิถุนายน 2547 21:25 น.
พู่กัน (เฉพาะกิจ)
บนเส้นทางกลางถนนคนก้าวดิน
ล้วนเผชิญวนเวียนความเปลี่ยนผัน
พ้นผ่านวันหนึ่งซึ่งเนิ่นนาน
จนกลายเป็นปัจจุบันของทุกคน
อะไรหรือคือสิ่งที่จริงแท้
ที่มองเห็นเป็นเพียงแค่ความสับสน
เฝ้าแลหาความหมายของรายชน
ใยต้องทนรนดิ้นไม่สิ้นกัน
ถ้าหากไม่มีวันพรุ่งนี้
หมดสิ้นสิ่งดีให้ไฝ่ฝัน
ใครจะอยู่เพื่อรับรู้คุ่คืนวัน
เมื่อสิ่งสรรปรารถนานั้นสูญไป
ชีวิต..หนอ
คือคนเราทนรออีกเมื่อไร
สูงสุดฝันของชีวิตลิขิตไว้
หวังจะถึงเส้นชัยในสักวัน
สายลมพรมพัดพริ้ว
ล่องลอยปล่อยปลิวดั่งความฝัน
สั้นนักชีวิต..ในหนึ่งวัน
เร่งทำคุณให้เท่าทัน..กาลเวลา...