ดวงดอกฝนแตกช่อจากกอเมฆ หว่านสายเสกเสน่หามายาฝัน ให้เวียนว่ายทะเลโลกย์โศกวนวัน เป็นนิรันดร์นานมาปาฏิหารย์ใจ เพราะเพรงกรรมกำหนดทุกข์บทบาท ให้หมายมาดปรารถนาหลงคว้าไขว่ ดาวลอยดวงเด่นหล้าเวิ้งฟ้าไกล งามไสวลบมืดมนหนทางชีวิต กระพริบระยิบระยับดับหมองหม่น กลางกมลนำทางสว่างจิต มิหลงทางเหน็บหนาวดั่งเข็มทิศ นิรมิตให้เห็นเส้นทางทอง เกี่ยวก้อยรัดร้อยให้รู้สึก ล้ำลึกจิตเกษมงามผุดผ่อง ตามรอยบาทพระศาสดางามเรืองรอง ในจิตปองสุขนิรันดร์ใช่ฝันลวง....! ........................... ระเบียงบนฝนพรำพรำค่ำคืนนี้ ระริบหรี่ด้วยแสงดาวหนาวสลัว เห็นไผ่กอพลิ้วไหวอยู่ริมรั้ว นั่นดอกบัวบานรอเพ็ญพุทธบูชา การเวกยังหวานเศร้ากี่หนาวฝน กลีบพร่างหล่นเกลื่อนพรายบนพื้นหญ้า นวลมะลิตูมตั้งยังให้หอมทุกเวลา วาสนาไร้ดอกร้างอ้างว้างใจ จำปีพ้อกี่ปีแล้วเจ้าแก้วขวัญ ยังเศร้าวันรานคืนนานแค่ไหน มายาโลกย์โศกเสน่หานะดวงใจ ดับเยื่อใยพิสวาทวายตายจากกัน พิษน้ำผึ้งซึ้งพอแล้วรู้ทันเท่า มากเรื่องราวรัดร้อยสร้อยโศกศัลย์ หันหลังลาเส้นขนานตราบชั่วกัลป์ ลืมคำมั่นมายาลาชั่วกาล....
![]()
ตามฉันมาพบฟ้างาม เป็นนิยามมหัศจรรย์แห่งความฝัน เป็นโลกธรรมชาติวิถีวัน ราวสวรรค์เยือนหล้าสงบใจ ห่างจากภัยไกลแสงสี มีเพียงชีวีบริสุทธิ์ใส ลบลืมโลกย์วายวุ่นไป คือโลกไพรใจเลือกแล้ว แลเห็นดวงตะวัน ทอแสงขวัญน้ำค้างแก้ว ป่าสนสูงเป็นแนว วะวับแววส่องแสงทอง กระท่อมริมลำธาร รักโปรยหว่านงามเรืองรอง เรือน้อยลอยละล่อง พาเที่ยวท่องสู่แดนทิพย์...! ....................... วันนี้ฉันนั่งนิ่งๆดูพายุฝนพัดไผ่ไหวเอน ฟ้าปรายโปรยสายพิรุณรุนแรง ละอองน้ำทิพย์หยาดเย็นไปทั่วทุกทิศทาง พร่างพรายหมายปลอบโศกพสุธา เมตตาฟ้ากรุณาดิน สอนถวิลให้มวลมนุษย์เรียนรู้ การดำรงอยู่กับวิถีใจวิถีไพร ที่แสนบริสุทธิ์ใส สอนให้พบไสวสว่างสงบงาม ภายในดวงใจ ให้รู้สยบกิเลสเหตุแห่งเพทภัย ที่พายพัดดวงใจผู้คนให้ทนทุกข์เทวษ ในวังวนแห่งวิบาก มากด้วยความรักความต้องการ ..............................
![]()
ติดปีกดวงใจ แล้วบินไปสู่เสรีแห่งความฝัน แสวงหาอิสรภาพตราบนิรันดร์ อย่าติดขวัญไขว่คว้ามายาลวง ฟ้าก็คือฟ้า ไม่เหว่ว้าแม้นจันทราจำลาล่วง ไม่ยึดมั่นดารารายงามเด่นดวง เพราะทั้งปวงเป็นธรรมธรรมดา เราแค่ผู้เฝ้าดูแล้วรู้วาง จิตเป็นกลางสร้างสุขอุเบกขา ไม่ติดรักรสน้ำผึ้งพิษดั่งภุมรา ที่จักพร่าดวงชีวาให้เปล่าดาย เจริญสติตามดูรู้นึกคิด ตามติดลมหายใจยังไม่สาย ทุกข์ใดไหนเล่าจักกล้ำกลาย ช่างแสนง่ายเพียงพริบตาพาพบธรรม.....! ...............................................
เจ้านก..นิรันดร์..ในดวงใจ...! เจ้านกไพรในใจนวลมณี มาวันนี้ข้าจะปลดปล่อยเจ้า ให้โผผินบินจากดินสู่ดวงดาว สู่พร่างพราววิมานเพชรหฤทัย ข้ายอมเหน็บหนาวราวไร้จิต พลีชีวิตให้เจ้าสู่โลกกว้างใหญ่ พเนจรรอนแรมเรียนรู้อ้อมกอดไพร ดื่มน้ำค้างใสแทนน้ำทิพย์จิบนิรันดร์ จงเป็นนกที่กล้าหาญ รักดอกไม้บานรักอิสรารักฟ้าฝัน รักโลกนี้พลีทุกสิ่งเอื้อโอบปัน โลกจินตนาการขวัญรอดวงใจไม่รวนเร ให้ปีกใสใจดวงงามบินเหนือโลก ไกลจากโศกจากสุขเสน่หา รู้ทุกข์สรรพสิ่งรายรอบเราคือเหว่ว้า ชั่วพริบตามายาฝัน... วันสองเราก็หายไป..วันรักเราก็หายไป....! ..........
![]()
พระพิรุณพร่างสายหมายสอนโศก ให้กับโลกเรียนรู้ฤดูฝัน ว่าเพลงฝนหล่นลาอาลัยวัน เสมือนขวัญรอใครพรากทุกฉากตอน หลับตาเฝ้าตามดูในรู้สึก เงียบล้ำลึกฟังเสียงวสันต์สอน แม้นดายเดียวลำพังนิรันดร ใจดวงอรชรเงียบงามยามสนธยา สายฝนเฝ้าครวญคร่ำร่ำแด่โลก วิปโยคสังเวยชนทุกข์ทั่วหล้า ด้วยดวงใจมืดดำจึงเหว่ว้า รินน้ำตาบูชาแม่พระธรณี ดังสายธารจากสวรรค์สรวง พรายร่วงราวเพชรมณีศรี มิสิ้นรักฝากงามให้ทุกชีวี สร้างความดีพลีฝากไว้ก่อนสายเกิน...! ........................... ทรุดตัวนั่งนิ่งนิ่ง..ณ..ที่เก่า กับเก้าอี้เหงาสีแดงในแสงฝัน ฟังเสียงฝนกระซิบรำพึงรำพัน ฟ้าไร้จันทร์ขวัญไร้ใครใจว่างวาย เสียงสายลมกระซิบอยู่ริมหู เกิดดับอยู่ทุกขณะยังมิสาย อย่ายึดมั่นฝันรักใดใจเปล่าดาย แค่ร่างไร้มายาเปลือกอย่าเลือกครอง ดวงมณีจิตของเจ้าแจ่มกระจ่าง มาสว่างไปสว่างอย่าหม่นหมอง ลารอยกรรมย้ำระทมมิคิดปอง สู่ครรลองทางธรรมย้ำสอนตน โลกชีวิตผ่านมาได้ชดใช้ ทั้งดีร้ายให้สิ้นทุกข์สุขสับสน อโหสิกันและกันวิบากวน ล้างกมลวางว่างหยุดสร้างภพ..ลบด้วยลืม..!.
![]()
ราตรีผ่านไปเพียงครึ่ง ลึกซึ้งดายเดียวบทเพลงฝน ยินเสียงกระซิบจากเบื้องบน ผู้คนหลงทางห่างธรรม แลหาแลเห็นเวียนว่าย ในสายน้ำตาโศกร่ำ รักรักรักระกำ ต่างช้ำต่างชอกบอกลา คู่บุญคู่ธรรมคู่ทอง หมายปองครองเคียงปรารถนา หากใช่เคยร่วมบุญกันมา พรพรหมเมตตาผูกพัน กี่ภพกี่ชาติพิสวาทภักดิ์ นึกรักนึกรู้คู่ขวัญ นี่คือปาฏิหารย์มหัศจรรย์ จากสวรรค์เปิดตาฟ้าเปิดใจ... ........................................ ใต้ลำพู..รอคู่กรรม! อาทิตย์ใกล้ลับฟ้า... ฟ้าเป็นสีฟ้าหวานแปลก เทาอมส้มชมพูนิดนิดฉ่ำแสงแดงเจือ.. ดวงตะวันแฝงในม่านหมอกหม่นๆ และ นี่คือตะวันชิงพลบสงบงาม ยามสายันห์ในเหมันตฤดู ที่ทั้งฟ้าแลฤดี.. มีวันจะหมองหม่นปนเทาๆทึมๆพอกัน กับวันที่ฟ้ามืดเร็ว ไพล..นั่งอยู่ริมฝั่งฝัน.. ริมแม่น้ำนครไชยศรี เงี่ยหูฟังเสียงดนตรีธรรมชาติแสนหวาน จากทุกสรรพสิ่ง..รายรอบสองฟากฝั่ง หัวใจนิ่งงัน..เงียบงาม ใต้ต้นลำพู สูงใหญ่... ที่แผ่ใบสล้างเคียงเรือนไม้หลังคาจาก.. ในฉากงามราวย้อนยุคไปสู่อดีตกาล.. ไพล..ทิ้งดวงใจดื่มด่ำกับวันแสนดี ที่แสนงาม เพียงนิยามเงิน มิอาจซื้อได้. หากมิใช้..มิมีดวงใจเห็นงาม ในความเรียบง่าย ไร้มายา งามสมถะ.. และมาตรแม้นวันนี้ มากมีบางสิ่งมากมีค่ากองตรงหน้า..มากมาย ไพลก็ไม่คิดเริงร่า ไปเดินหาซื้อเพชรทอง แทนในชอปปิ้งเซนเตอร์ แทนที่จะหลงละเมอรอกำไลเงินจากดวงใจ จากใครบางคนแบบไม่มีวันจะได้มา... ที่มากล้นค่าเกินนับ กับ วันเวลาที่กำลังจะผ่านเลยลาลับ กับ.. หัวใจดายเดียวดวงเดิม.. มิเพิ่มมิแปรไปตามกระแสสังคม พล่าไหลบ่าบูชาเงินงาม..ตามใครๆ.. หัวใจยังคงเป็นหัวใจ ดวงใสดวงดี ที่มิว่าจะมีหรือไม่ก็ยังคงเป็นไพล ผู้หญิงบ้านนอกบ้านนาเกิดมากับแสงตะเกียง. เคียงใจที่รู้ความพอดีพอเพียงรู้เพียงพอ.. ไพล..ประทับใจรากลำพู ที่โผล่ออกมาหายใจ ที่แทงช่อกอแหลมโอบล้อมลำต้น จนน่าพิศวงใจ ไฉนหนอ.. ธรรมชาติจึงสรรสร้างอะไรๆให้โลกไพร ให้ต้นไม้มีชีวิตดำรงรอดปลอดภัย แม้นในกระแสชล..วนเชี่ยว.. ไล่สายตา พาสายใจสายใยรัก..ล้ำลึกรู้สึกในวิถีงามล้ำ ของเรือนไทยที่รายเรียงสองฟากฝั่งฝัน แม้นวันนี้จะดูทรุดโทรมโย้เย้.. ไปตามกาลเวลา ที่ไพลอยากมาอยากมีคืนฝันลองฝากฝังใจ นอนในเรือนไทยริมน้ำ แบบโฮมสเตย์สักคืน. กับใครสักคน ที่รักหวังชื่มชมงามเงียบเรียบง่าย ใช้ชีวิตแบบดิบเดิม ฟังเสียงเรไร นกไพรโผผิน เสียงสายน้ำระรินใต้ที่นอน ฟังเสียงอ้อน ท่ามกลางพรายพระจันทร์ให้ฝันหวานๆๆๆ.. จนอุษาสางดุเหว่าร้องแว่วมา ไพล..ขับรถดั้นด้นเข้ามาที่นี่ มาพบบรรยากาศ อย่างนี้ ด้วยความสุขเหลือแสน สวนผลไม้รายเรียงสองฟากถนน ที่ไพลแอบให้ฉายา *เส้นทางมนตรา..เสน่หา..เสน่ห์ไทย* เส้นทางใจ สำหรับ ผู้รักงามเงียบได้ลัดเลาะ ซอนเซาะ ซอกแทรกบุกสวนผลไม้เข้ามา ที่ทำให้นาทีตรงหน้า.. น้ำใสในคลองตาซึมซึ้งถึงตื้นตัน นั่น.. เมื่อมองเห็น..ส้มโอห้อยย้อย อยู่ในขนัดสวนเหนือท้องร่องคลองคูขุดลำเล็กๆ ทั้งต้นหมากสูง..สวยขนาบ เคียงเรียงไปกับดงละมุด.. ไพลคิดถึงใครบางคนจับใจ.. คนที่ร้องเพลงสาวชาวสวนส้มโอ.. ที่ตื่นแต่เช้า เฝ้าคอยเก็บส้มโอเต็มตะกร้ารอท่าหนุ่มน้อยใจดี ขอแค่มีความสุขตามประสายาก ไพล..หลั่งน้ำตากับธรรมชาติเหว่ว้า.. กับธรรมชาติไพร กับธรรมชาติสวนสงบงาม ที่บัดนี้ตึกรามประเทืองเฟื่องฟุ้ง กำลังมุ่งมาเบียดทั้งสองฟากฝั่ง เงิน เงิน เงิน ........ สาวบ้านนา มนุษย์เรานี้แสนดีนักหนา ขายไร่ขายนาแถมขายภูเขา แปรรูปแปรร่างไม้เคยงามเงา เป็นตู้โต๊ะเอาเก้าอี้แปลกตา เปลี่ยนเทือกเขาเป็นทิวตึกได้ เปลี่ยนดอกไม้หวานหอมในราวป่า รองเท้านารีงามบาดใจงามบาดตา เพาะพันธุ์มากมีค่าส่งนอกออกไทย.. นายทุนหมุนวนจนเงินมากล้นฟ้า ยังคิดอีกว่าหาให้ลูกหลานไว้ ขายเหล้าขายเบียร์ลามเลียดั่งไฟ เยาวชนไทยไม่มีสติสตังค์.. คนไทยรึเปล่าชอบกินชอบดื่ม มอมเมาให้ลืมแสนดีสอนสั่ง แค่นี้มากพอแม่พ่อทุกข์ประดัง ใครตายช่างมันขอแค่ข้ามีเงิน เงิน และเงิน..... ช่างมันเถอะนะ..หัวใจ.. ไพลกำลังพยายามฝึกดวงใจ ให้ไหวอ่อนอ่อนโยนน้อยๆหน่อย ปล่อยให้โลกนี้..หมุนไปตามกระแสทุนนิยม.. แม้นว่า.. หัวใจไพลจะตรอมตรมระทมทับ ดับดวงทีละนิดละน้อยก็ช่างมัน.. เพราะไพล.. ไม่มีอำนาจใดใดจะต่อต้านกระแสบ่าโหมนี้ ที่ทุกชีวีชีวามากมาย ต่างตะเกียกตะกายเป็นทาสตกอยู่ในวังวน.. ไพล..จึงได้แต่มานั่งซึ้งตรึงใจ ขอแค่มาฝากฝันฝากใจ กับสายชลไหล. สายน้ำใจแห่งผูกพันรัดร้อยวิถีไทย ธรรมชาติไพร.. ชีวิชีวิตติดดินธรรมดาเดิมธรรมดางาม ให้มานั่งตาปรอยอ้อยสร้อยเหงาเศร้า เคล้าคลุกความผันแปรมิแน่มินอน สอน.. ดวงใจให้ยอมรับความจริงแท้ของชีวิต ที่ไหลไปไหลไป... มิไหลคืนกลับ ดั่งกระแสชล...ตรงหน้านะเวลานี้.. ยอมรับสิ..อย่าดึงดื้อ เสียใจ มิว่ากับสิ่งใด ที่พลัดหลงเข้ามา.. ธรรมชาติมากมีค่า.. หรือ.. แม้นกระทั่ง ชีวาชีวิตจิตวิญญาณ ของผู้ที่เราค้นหามาทั้งชีวิต ที่หายากยิ่งนัก.. จงตระหนัก.. และกอบโกยด้วยดวงใจใช้ใจเดิมพันใจ.. *ใช้ใจหลอมละลายใจ. ไว้ในเนื้อใจในงามความทรงจำ ให้งามล้ำหวานลึก..ผนึกแนบเป็นจิตเดียว* ที่จะตามเกี่ยวตามติด เป็นพิสวาสทุกชาติทุกภพไป ให้สวยใสรอเวลา.. ให้เกิดมาท่ามกลาง *ความแผกพิเศษพิสุทธิ์*นี้ ที่จะมีดวงตาที่สาม.....งามเลอค่า.. .นามว่าความละเมียดละมุน ให้มองโลกหอมกรุ่น รู้ละมุนน้อมใจรับซึ้งถึงบึ้งดวงใจในสรรพสิ่ง ที่งามง่าย..คล้ายมี..*ฌาณเฉพาะตน*... ไพล..ดึงหัวใจกลับมา.. และบอกกับใจตัวเองว่า อย่า.. หยุดหัวใจฝัน.. ขอเพียงวันเวลาแสนดี มีใครสักคนโอบเอื้อฝัน อันจรุงท่องไปในแดนดินดินแดน ที่แสนงดงามเคียงข้างใจ ที่ยังพอฝากหวามไหว ในอารมณ์ดิบเดิมติดดินถวิลไพร บันทึกภาพ ผ่านเลนซ์ใจ เนื้อใสพิสุทธิ์นี้.. เป็นเรื่องรักรจนา..มากำนัล.. ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย ไ ปด้วยกันให้มีฝันหวานๆมิรู้สิ้นรู้จบทบทวี.. นั่น.. บ้านเรือนไทยดัดแปลง หลังมหึมา ถามได้ความว่า.. เป็นของตระกูลเจ้าของสายการบิน ที่มีเงินมิรู้สิ้น สามารถซื้อได้ทั้งผืนดิน ผืนฟ้า ซื้อไว้จนกว่า.. อนาคต มนุษยโลกอย่างเราๆท่านๆ ต้องอยู่แบบขมิบลมหายใจ เพราะ.... ไม่มีใบจับจอง. และ หากซื้อได้ทั้ง .พระจันทร์อากาศวาดเวิ้งฟ้า ดวงดาราดาระดาดทะเลงาม คนรวยทั้งสยาม คงจะจับจองไว้ดูเฉพาะตน..ลำพัง.. ให้หัวใจคนจนแห้งผากดับดวง ดับฝันมอดสิ้น..จิตวิญญาณ.. หันมาดูสองฟากฝั่งดีกว่านะ ที่ยังคงมีความงามหลงเหลือให้เสพให้สุข ดู.. ความงามของผักบุ้ง ที่ทอดยอด ชะอุ่มงาม เรี่ยริมบึง เถาถั่วฝักยาว ห้อยย้อย เพลินใจ ไหนจะท้องร่อง ลำประโดง ที่อ้อมโอบเข้าไปเป็นลำน้ำ สายเล็กสายน้อย ให้ชาวสวนปลูกผัก ปลูกผลไม้ ฝรั่ง ชมพู่ ดูช่างน่ากิน..... บ้านผู้คน บนสองฟากฝั่ง แพริมน้ำ น่านั่ง น่านอน บ้านเรือนดั้งเดิมของชาวสวน และ บ้านของผู้ดีมีเงิน ที่มีฐานะมาจับจองสร้างบ้านสวย .. เพื่อได้ดื่มด่ำ กับสายน้ำ..งามล้ำ ให้ใจสงบงาม ไปกับวิถีไทย วิถีใจ ของชาวชนบท ตั้งแต่โบราณ นานมา ที่มีชีวิตผูกพัน กับสายน้ำ เปรียบดั่งสายน้ำใจ ที่ไหลเย็น อย่างยากยิ่งจะแยกกันออก...... มีเรือลำน้อย.... จะลอยลำ ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ช้าๆ.... และ ไปถึงวัด ที่มี พระพุทธรูปองค์โต ที่อยู่ในโบสถ์ เพื่อขอพร.... วัดริมน้ำ.. ที่มีฝูงปลาชุกชุม กระโดด โผงผาง โชว์ความงามของลำตัว ที่สะท้อนแดด เห็นเกล็ดขาววาววับ.... เพราะ มีอิสระ เสรี ราวรู้ดีว่าอยู่แถวหน้าวัดจะปลอดภัย ไม่มีใครกล้าเอาเบ็ดมาเกี่ยว... และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คือ สายใยเหนี่ยวรั้งให้ดวงใจไพลหวนกลับมา.. ไพลยอมเหว่ว้ายอมดายเดียว เพื่อพบกับความสงบสุขนี้.. ที่ยังมี เสียงเพลงสายชล ครวญคร่ำริมเรือนแพ.. มีดวงดอกไม้มากมาย ส่งกลิ่นกำจายหอมสะพรั่ง *พวงคราม*..กลีบม่วงอมฟ้า ที่พากันรอเวลาสยายกลีบ รอหมุนลิ่วปลิวไปตามกระแสลมกระแสชล *พวงประดิษฐุ์*.. เลื้อยประดับคลุมกระชับยอดไม้สีชมพูสดใส พาหัวใจเบิกบาน สีเงินงามตามคลอที่ชาวเหนือเรียก*เครือออน* *ช้างกระ ประสีม่วง มิหวงดอกในฤดูนี้ มีชื่อเรียกตามสีดอก เช่นช้างแดง ช้างเผือก และนั่น *เอื้องแซะหลวง..*แตกกอ ชูช่อดอกสีขาว กลีบปากเหลืองละอออมส้มหอมร มร่ำพร่ำกลิ่นจรุงใจอวลไปในทุกอณู *ปีบ*หอมกลีบบีบหัวใจไพลให้แทบหยุดเต้น ด้วยหลงใหลในดอกรูปแตร ที่ไพลนี้ต้องแล่นถลา ไปเก็บคว้ามาทัดผมให้พรมหอมร่ำให้ชื่นฉ่ำใจ.. และ... ในท่ามกลางหวานหอมดอกไม้ริมชายชล ไพล..พากมลละมัย เดินดายเดียว เดียวดาย ต้านลมหนาวสะท้าน ใต้กิ่งหวานลำพูพราว และ ราวเฝ้ารอ รอ หิ่งห้อยประดับใจ..ไปชั่วกาล! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1965.html คู่กรรม ช...ดังนรกชัง ฤาสวรรค์แกล้ง แกล้งทรมาน ให้ฉันได้เจอ ญ...เกลียดชิงชัง สุดท้ายรักเธอ แต่พอเผลอ พรากเธอดับสูญ ช...เวรกรรมหรือไร แต่ปางไหนนั่น ญ...สุขเพียงชั่ววัน แต่ช้ำทวีคูณ ช...ให้ห่างไกล สุดฟ้าอาดูร ญ...สูญสิ้นเธอ ตลอดกาล ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน ช...ฐานันดรใดใด ทุกสถาน ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน วอนสวรรค์ ได้ไหม ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย ใต้ลำพู รอคู่กรรม ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน ช....ฐานันดรใดใด ทุกสถาน ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน วอนสวรรค์ ได้ไหม ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย ใต้ลำพู รอคู่กรรม...