ปรอยฝนปรายสายประโลมโศก ปลอบโลกสิ้นหมองปองขวัญ คืนนี้ไร้สิ้นน้ำผึ้งจันทร์ มายาวันผันแปรไม่แน่นอน นึกนึกชีวิตนี้น่าหน่ายนัก วิบากภักดิ์ย้อนรอยคอยสอน ชีพชื่นฤาช้ำร้าวรอน อย่าอาวรณ์อดีตอาลัย แท้แล้วชั่ววูบหายวับ นิรันดร์กาลกัปป์อสงไขย เกิดมาตั้งอยู่ดับไป ภพใหม่ยึดมั่นพันธนา ปล่อยวางทั้งทุกข์แลสุข ดั่งวิมุตติมาลีเหนือปรารถนา ชูช่อบานไสวในสายธารธรรมธารา สอนโลกหล้าหนึ่งมณีงามที่ใจ....!
นั่งริมนาในวันที่ฟ้าสีโศก แลเห็นโลกเงียบงามท่ามกระแส ดั่งชีวิตทุกชีวิตว่ายวนแปร มิเที่ยงแท้ทุกสรรพสิ่งสัจจธรรม ขอเลือกเส้นทางสายธรรม ธรรมชาติ บริสุทธิ์สอาดบ่มจิตร่ำ ให้หยาดน้ำค้างทิพย์เฝ้าพรมพรำ น้อมนำดวงชีวิตสถิตไพร อยู่กับโลกใบเล็กแสนสงบ เพียรค้นพบความกระจ่างสว่างใส ว่าแท้แล้วชีพนี้ที่เป็นไป แค่ผ่านมาผ่านไปใช่ชื่นนาน นั่งริมนาฟ้าโพล้เพล้ ในว้าเหว่เห็นบัวบึงชูช่อหวาน ตะวันชมพูลอยดวงผ่านดงตาล ทิวากาลสอนซึ้งค่าฝากฟ้าไพร.....!
ฉัน..นอนนิ่งบนที่นอนนวลนุ่ม ในห้องสวยบนตึกสูง ตระหง่านกลางเมืองลวง ปิดไฟ เปิดใจ ทอดนัยน์ตา แลไปพบดาวประกายพฤกษ์ วะวิบวับ ประดับดวงบนฟากฟ้า ท่ามวิมานเมฆ ในคืนหม่น นภานวลด้วยสีเทาสลัว ด้วยแสงสีเบื้องล่าง ที่ราตรียังเพิ่งเริ่มต้น ในภวังค์จิต... ฉันแลเห็นหลากชีวิต กำลังดิ้นรนไขว่คว้า อยู่ในเงาปรารถนามายาแห่งอารมณ์ ให้.. โลก..ต้องแบกความทุกข์ตรม อันมากมายของมวลมนุษยชาติ ผู้หลงว่ายเวียนวนในวงวิบากกรรม ในอีกด้าน หากเรา... ลบรานลืมเรื่องไม่ประเทืองประทับใจ เราก็จะแลเห็น ความยิ่งใหญ่ใจดีของโลก ที่พลีมอบความงามงดแห่งธรรมชาติ ให้อย่างบริสุทธิ์ใจ.. อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อย่างปันแบ่งให้เท่าเทียมกัน สรรเสก.. ให้แดนดินทะเลทรายอุดมด้วยน้ำมัน สรรสร้าง..ให้แดนดินอัฟริกัน เต็มไปด้วยพืชพรรณสัตว์ป่า ที่ช่างน่าพิศวง.. ให้...อเมริกา... แดนกว้างใหญ่เต็มไปด้วยไพรพฤกษ์พนา ที่ราบกว้าง เกินกว่าจะคณานับ ให้แม่น้ำอันแสนศักดิ์สิทธิ์ไหลระริน เพื่อให้คนพลัดถิ่น ได้มาแสวงหาสิทธิ์เสรี ได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ จากแดนดินทุกโพ้นทะเลไกล หลังโคลัมบัสค้นพบ ไหน..จะยังยุโรป... ที่เต็มไปด้วยโบสถ์....สถาปัตยกรรมเก่าแก่ และ.. แผ่นดิน ที่มีผู้ไม่ยอมแพ้เฝ้าพลิกฟื้น แม้นพบหนาวเย็น แดนดินเอเชีย... ที่แสนงดงามละไมละมุน ด้วยดินหอมกรุ่น ด้วยมนต์ขลังแห่งพลังศรัทธา จากวัฒนธรรมประเพณีที่ล้นค่า แดนดินที่เรียกขานกันว่า *สุวรรณภูมิพุทธิ์* แดนที่มีพระผู้บริสุทธิ์ศีลมากมาย ได้ฝากตัวภายใต้ร่มรัตนตรัย เพื่อ.. เดินตามรอยอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้า ผู้ค้นพบสัจจธรรม อันคือมหัศจรรย์ธรรมชาติ แห่งความจริงแท้แน่นอน เป็นความยิ่งใหญ่เหนือใดปาน ที่ตราบชั่วอนันตกาลก็จักธำรงอยู่.... และ.. นี่คือจิตที่หยั่งรู้แลเห็น ความเป็นเช่นนั้นเอง... ในเพรงพรหมพันธนา... ให้.. พสุธาชนบนผืนหล้าต่างต้องมา แบกรับวิบาก.. อันยากจะหลีกลี้หนีพ้น ตราบใดที่เรายังไม่ค้นพบ ทางแห่งอริยทรัพย์ภายใน ที่จักนำทางเราไปสู่แดนแห่งการละวาง เลิกสร้างตัวตน ให้วนว่ายเป็นนิรันดร์..... ฉัน...หลับตาภาวนา พลัน.. ราวกับโลกหล้าที่เงียบงาม กำลังลอยเลื่อนลงมาหลอมละลาย ให้ นวลใจฉันนั้นพร่างพราว ราวรัศมีจันทร์รุ่งเรืองรายรอบ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html คิดถึง จันทร์ กระจ่าง ฟ้า นภา ประดับ ด้วยดาว โลก สวย ราว เนรมิต ประมวล เมืองแมน ลม โชย กลิ่น มาลา กระจาย ดินแดน เปรืยบ มี แสง คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์ งาม ใด หนอ จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง เจ้า งาม ต้อง ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน ถ้า หาก น้อง อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน โลก จะ เหมือน เมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย...
ดารารายพรายพราวในดวงใจ เริงไสวสาดส่องนำทางฝัน ก่อพลังงามเงียบมหัศจรรย์ พ้นผ่านวันว่ายวนจนพบ*ทาง* แม้นเปลี่ยวร้างกระจ่างแจ่มในดวงจิต พรหมนิมิตเมตตาชีวาสว่าง ดั่งรุ่งอรุโณทัยฟ้าเรื่อราง ทำใจว่างรับเพียงสายแสงบุญ ปลูกดอกมงคลกุศลสิริ ให้แย้มผลิในบึงจิตฝากหอมกรุ่น น้อมรับธรรมนำนบใจละไมละมุน ตราบโลกหมุนจนชีพดับลาลับลา แล้ว..แย้มยิ้มพริ้มเพราลืมเหงาโศก วิปโยคใดใดไม่ใฝ่หา วางแอกภักดิ์หนักจากบ่าทิ้งน้ำตา ก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตมั่นเลิกหวั่นวน...!
ยอศรัทธาถึงหนุ่มหนึ่งในดวงใจ สุภาพบุรุษไพรชื่อแก่นคำกล้า อยู่อำเภอกุดชุมยโสธรา ลูกชาวนาผู้รักวิถีไท วิถีทองวิถีทุ่งรุ้งรังสี ให้ชีวีคนในหล้าใต้ฟ้าใส ได้อิ่มท้องมองโลกอย่างชื่นใจ คือยิ่งใหญ่คนดีพลีแด่ดิน พัฒนาสายพันธุ์ข้าวเวสสันตะระ ฝากสัจจะการดำรงถึงพงศ์ถิ่น สอนการให้ดั่งพระเวสสันดรหว่านระริน ลูกหลานไทยมีกินตราบนิรันดร์ คารวะหนุ่มน้อยใช่ด้อยค่า ไม่ต้องมีใบปริญญาสู้สานฝัน ค่าของคนอยู่ที่งามให้รู้แบ่งปัน มณีขวัญประดับหล้าผู้กล้าจริง...! ข้าวเจ้าหอมเวสสันตะระ และ ข้าวเจ้าหอมดำสูตะบุตร เปิดตัว ข้าวเจ้าหอมเวสสันตะระ และ ข้าวเจ้าหอมดำสูตะบุตร ข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อชาวนาไทย พร้อมแนะวิธีการเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดี ข่าวดีสำหรับชาวนาโดยเฉพาะทางภาคอีสาน กับการเปิดตัวข้าวสายพันธุ์ใหม่ ข้าวเจ้าหอมเวสสันตะระ และ ข้าวเจ้าหอมดำสูตะบุตร หนึ่งในความภาคภูมิใจของวงการข้าวไทย ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ คุณแก่นคำหล้า พิลาน้อย บุคคลผู้มีอาชีพทำนาโดยแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย หลายครั้งที่เราพบว่า การคิดค้นปรับปรุงข้าวสายพันธุ์ใหม่ๆ มักเป็นผลงานของนักวิชาการและคณาจารย์ในระดับศาสตราจารย์หรือดอกเตอร์ แต่สำหรับคุณแก่นคำกล้านั้น เขาไม่ใช่นักวิชาการในสังกัดหรือในหน่วยงานใด ไม่ได้จบปริญญาตรีเป็นเพียงชาวนาคนธรรมดาทั่วๆไป ซึ่งมีใจและมุ่งมั่นที่พัฒนาอาชีพที่ได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติให้ก้าวไกล โดยคุณแก่นคำกล้าได้บอกถึงแนวความคิดส่วนตัวที่ว่า โลกนี้คือโรงเรียน เราต้องการนำความรู้มาใช้ในการดำรงชีวิต มิใช่เพื่อใบปริญญา เพราะฉะนั้นการศึกษาเล่าเรียนจึงไม่จำเป็นต้องอยู่สถาบันใดสถาบันหนึ่ง สื่อทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ก็สามารถให้ความรู้แก่ผมได้รวมไปถึงการได้มาดูงานในสถานที่ต่างๆ ด้วย พอได้ฟังแบบนี้แล้วผู้เขียนคิดว่า คุณถาวร พิลาน้อย(ผู้เป็นพ่อ) คงจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวของบุตรชายมิใช่น้อย อะไรคือ แรงบันดาลใจที่ผลักดันให้หันมาพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว? คุณแก่นคำกล้าบอกว่า เราเป็นชาวนาใช่หรือไม่ ทำไมต้องเอาแต่พึ่งพาคนอื่นทุกอย่าง รถไถก็พึ่งคนอื่นแล้ว นำมันก็ต้องพึ่งคนอื่น ส่วนเมล็ดพันธุ์เราก็เก็บเองอยู่แล้วแต่ก็ไม่สนใจ มั่วแต่มานั่งรอพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าว ก็คงจะไม่ดีนักไม่มีใครจะรู้จักผืนดินของเราเท่าตัวเราเอง ดังนั้นเกษตรกรควรจะพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด คุณลักษณะของข้าวทั้งสองพันธุ์เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าวเจ้าหอมเวสสันตะระ ลักษณะพิเศษ คือสามารถแตกกอได้ดีในระดับน้ำที่ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตั้งตัวได้เร็วในระยะเวลาเพียง 7 วัน(หลังปักดำ) หากต้นงามมากๆ จะมีความสูงประมาณ 160-170 ซม. ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่เหมาะกับพื้นที่ทางภาคอีสาน(แปลงข้าวนาปี) ด้านการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตจะดีกว่าข้าวหอมมะลิ 105 เปรียบเทียบโดยการใส่ปุ๋ย(ทั้งเคมีและชีวภาพ) ในปริมาณที่เท่ากัน ข้าวหอมมะลิ 105 จะได้ผลผลิต 300 กก./ไร่ ถ้าเป็นข้าวพันธุ์เวสสันตะระ จะได้ผลผลิต 450-500 กก./ไร่ อายุการเก็บเกี่ยว ช่วงระยะการออกรวงพอๆกับข้าวหอมมะลิ 105 แต่จะแก่ช้ากว่าประมาณ 7-15 วัน เมล็ดใหญ่ ยาว มีน้ำหนักต่อถังมากกว่าเมื่อเทียบกับหอมมะลิ 105 (ประมาณ 6 ขีด/ถัง) ข้อเสีย คือ ฟางข้าววัวควายจะไม่กิน เนื่องจากแข็งและระคายเคือง แต่ในทางกลับกันก็เกิดผลดี เนื่องจากมีข้าวตั้งตัวได้เร็วและก็จะไม่ถูกวัวควายมาแทะเล็มจนเสียหาย รวมถึงยังต้านทานต่อแมลงอีกด้วย ข้าวเจ้าหอมดำสูตะบุตร เป็นข้าวนาปรัง ซึ่งสามารถนำไปปลูกได้ทุกฤดูกาล เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำ(ระดับน้ำประมาณ 2-5 เซนติเมตร) มีรสชาติคล้ายข้าวเหนียว ทั้งๆที่เป็นข้าวเจ้า อีกประการหนึ่งคือ เมื่อหุงแล้วเมล็ดจะนุ่มไม่แข็งเหมือนข้าวนาปรังทั่วไป อายุการเก็บเกี่ยว 120 วัน (นับตั้งแต่ปักดำ) เพาะต้นกล้าอายุ 8 วัน ก็สามารถนำไปปักดำได้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการขึ้นทะเบียนและรับรองพันธุ์ ซึ่งคุณแก่นคำกล้ายังบอกอีกว่า ในภายภาคหน้าข้าวทั้งสองพันธุ์นี้ ก็จะกลายเป็นสาธารณสมบัติของชาติ คนไทยทั้งชาติสามารถนำไปปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต นอกเหนือจากการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าวจนประสบความสำเร็จแล้ว คุณแก่นคำกล้ายังแนะวิธีเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวทีดีให้อีกด้วยเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต และได้พันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ปราศจากการปลอมปนของข้าวพันธุ์อื่นๆ หรือข้าววัชพืช คุณแก่นคำกล้าบอกว่า สำหรับเกษตรกรทั่วไปนั้นผมขอแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องเก็บพันธุ์ข้าวบริสุทธิ์ก็ได้ เนื่องจากการเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษและขั้นตอนค่อนข้าวยาก แต่สำหรับวิธีที่แนะนำทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการแยกแปลงที่จะปลูกข้าวพันธุ์ไว้ต่างหากและควรทำการปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นทำการปักดำโดยควรปักดำเพียงต้นเดียว อย่าใช้ 3- 4 ต้นอย่างเคย และควรเว้นระยะห่างให้เสมอกัน ปักให้เป็นแถวตรง เพื่อที่จะได้ง่ายจากการสังเกตว่าต้นไหนที่แปลกปลอมเข้ามา หรือต้นไหนที่แตกแถวออกมาแสดงว่าเป็นข้าวเรื้อ (เป็นข้าวที่เกิดเองตามธรรมชาติ) ในช่วงระยะการเจริญเติบโต ให้สังเกตว่าข้าวต้นไหนที่สูงเกินต้นอื่นๆก็ให้ถอนทิ้งทั้งหมด และเมื่อเข้าสู่ช่วงออกร่วง หากต้นข้าวต้นไหนออกรวงก่อนหรือหลังก็ให้ถอนทิ้งสุกหรือแก่ก่อนหรือหลังก็ให้ถอนทิ้ง เพียงเท่านี้เราก็จะได้ข้าวที่เจริญเติบโตพร้อมกัน ออกรวงพร้อมกัน และสุกพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นข้าวพันธุ์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน สุดท้ายให้สังเกตที่เมล็ดข้าว คัดเลือกเฉพาะที่มีขนาดที่มีขนาดเท่าๆกัน หากใครที่ชอบข้าวเมล็ดสั้นก็คัดเมล็ดยาวออก แต่หากใครที่ชอบเมล็ดยาวก็คัดเมล็ดสั้นออก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนถึงปีที่สองปีที่สาม เมล็ดพันธุ์ค่อนข้าวจะนิ่ง ได้ตรงตามที่เราต้องการ ข้อควรระวังในการเก็บเมล็ดพันธุ์อีกประการหนึ่ง ในขั้นตอนการนวดข้าวไม่ควรใช้รถนวด เนื่องจากความเร็งของการตีเมล็ดข้าวจะแรงและสูง ส่งผลให้จมูกข้าวแตกดั้งนั้นจึงควรใช้วิธีการนวดแบบพื้นบ้าน ไม่เช่นนั้นก็เหมือนการตกม้าตายตอนจบนั่นเอง แต่สำหรับเกษตรกรรายใดที่ไม่ได้เตรียมการตั้งแต่แรก ลงปักดำข้าวไปแล้วก็เลือกเก็บเฉพาะรวงข้าวที่ต้องการมา(หมายถึง รวงข้าวที่มีลักษณะตรงตามพันธุ์ รวงใหญ่ ไม่มีหาง เมล็ดสวย และสม่ำเสมอ) ประมาณ 2-3 กก. แล้วปีต่อไปค่อยทำแปลงพันธุ์ก็ได้ บนพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถผลิตเมล็ดข้าวดีได้ประมาณ 400-500 กก. การนำไปใช้สำหรับนาหว่านจะใช้เมล็ดพันธุ์ 8- 10 กก./ไร่ แต่ถ้าเป็นนาดำจะใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 3-5 กก./ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าของแปลงว่าจะใช้วิธีใด แล้วจำเป็นหรือไม่การทำข้าวพันธุ์ต้องใช้ระบบการปลูกแบบอินทรีย์ ? คุณแก่นคำกล้าได้ให้คำตอบว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของแปลงนั้น แต่สำหรับผมแนะนำว่า ควรใช้ระบบอินทรีย์ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของคนอื่นๆ แต่ถ้าหากเราทำแปลงข้าวพันธุ์ด้วยระบบอินทรีย์ แล้วหันกลับไปปลูกด้วยระบบเคมีนั้น ก็ย่อมไม่เกิดประโยชน์อันใด ซึ่งที่ผ่านมาผมยึดหลักการทำนาระบบอินทรีย์มาโดยตลอด และได้สังเกตเห็นว่า เมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์จะมีอัตราการเจริญเติบโตได้ดีกว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ปลูกแบบเคมี สุดท้ายนี้ผมอยากฝากหลักการคิดที่ว่า จงคิดที่จะพึ่งตัวเองให้มาก ดีกว่าหวังรอพึ่งคนอื่น และจงเชื่อมั่นในตนเองให้มาก อย่าหลงเชื่อตามคนอื่น ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณแก่นคำกล้า พิลาน้อย บ้านเลขที่ 153 ม.11 บ้านโนนยาง ต.กำแมด อ.กุดชุม จ.ยโสธร โทร. 08-4642-230 (ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.)