21 กุมภาพันธ์ 2552 16:03 น.
พุด
ดวงจิตเงียบงามรู้วางปล่อย
ค่อยค่อยเรียนรู้โลกที่โศกแสน
เห็นทุกข์เห็นธรรมธำรงแทน
หนักแน่นเจริญสติมีปัญญา
นิ่งนิ่งสงบสยบจิต
ไม่ยึดติดสิ่งใดไม่ปรารถนา
ค้นพบโลกนี้สมมุติมายา
ซึ้งค่าอนัตตาอนิจจัง
แท้เที่ยงผ่านมาผ่านไป
เหลือสิ่งใดรำลึกนึกหวัง
เพียงธรรมเท่านั้นจีรัง
สู่ฝั่งฝันสิ้นทุกข์สุขลวง
อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธ
พบวิมุติมิหวังแม้นสรวง
สิ้นไร้กายจิตติดบ่วง
หมดห่วงปวงกรรมอย่าซ้ำวน...!
ดั่งดวงเนตรในทุกยาม!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
ใต้ร่มไม้ใบระยิบระยับไหว
ฟังธรรมใจรับแดดทองส่องพรายพร่าง
ใจดวงทองรับยอดธรรมส่องนำทาง
ใสกระจ่างอัญมณีทิพย์นิรมิตใจ..
หลับตานิ่งทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก
ตาในบอกเปิดจิตงามรับพร่างใส
ดอกบัวบุญแย้มคลี่บานกลางบึงใจ
ยอดพระรัตนตรัยดั่งน้ำค้างลงพร่างริน..
ในนิมิตเราเคียงกันลานดอกจิต
น้อมชีวิตกราบกรานถวายสิ้น
มีเพียงว่างวางทุกข์น้ำตาริน
หวังสุดสิ้นทุกข์ระทมเคยห่มใจ..
แกะเปลือกใจพบจิตใสอย่างช้าช้า
แก่นชีวาคือทำดีมิหวั่นไหว
รู้สละออกเพียรรู้ให้น้ำค้างใจ
หอมดวงใจใสเย็นพร่างสร้างรอยบุญ..
เสียงสวดก้องสะท้อนทาบอาบอุ่นนัก
ฝากใจภักดิ์สองดวงจิตอันหอมกรุ่น
ใบไม้ร่วงพรูพร่างกระจ่างใจรับอรุณ
ดอกพุดไพรใจละมุนรับวันพร..
แล้วดวงจิตกระจ่างก็พร่างวับ
งามธรรมจับนวลเนื้อจิตซึ้งคำสอน
สนิทแนบแอบแสนรักฟ้าอวยพร
ให้เราสองล่วงสู่ฝั่งฝันวันนิพพาน..!
ใบบัวไปวัดมาในยามเช้า
นุ่งผ้าถุงตีนจกผืนสวยลายดวงดอกไม้
รัดผมด้วยดวงดอกเล็บมือนางสามสีสลับ
แดงชมพูนวลพราว
ขับมุ่นมวยผมยาวดำขลับ
ที่พันทบยกรวบไว้เผยให้เห็นต้นคอเรียวระหงงาม
มีเขาคนดีที่แสนรักช่วย
หิ้วตะกร้าเงินถักสานลายสวยละเมียด
ลายแมลงปอเกาะเกสรดอกไม้ฝากหยาดสายเสน่หา
และ
มีอาหารคาวหวานผลไม้พร้อม
ในมือใบบัว
ถือช่อดอกบัวสีขาว
ที่*เขาคนดี*เพิ่งพายเรือลงบึง
เก็บมาให้นำไป
น้อมกราบถวายพระ
และ
ดวงดอกไม้ไทยรายรอบบ้าน
ที่นำมามัดรวมงามแบบบุหงาส่าหรี่
พร้อมมีพวงมาลัยมะลิห้อยอุบะ
ด้วยดวงดอกรักพราวพิสุทธิ์
แทนดอกดวงใจใบบัว..และเขาคนดี
ที่กำลังจูงมือใบบัวอยู่นะนาทีนี้
อย่างทะนุถนอมแสนรัก
สองร่างค่อยๆก้าวไปในเขตขอบขัณฑสีมา
เขาค่อยๆประคองใบบัวให้นั่งลง
ตรงลานหินใต้ร่มปีบใบระยิบระยับ
ที่ดวงดอกแดดสีทองกำลังทอทอดส่องลงมา
จนเกิดประกายพร่างพราย
ราวใบไม้แก้วกำลังควงฟ้อน
อ้อนออดออเซาะสายลมหนาว
ในยามเช้าที่ช่างแสนงามนี้
สองดวงใจน้อมจิตใสประภัสสร
ชวนกันฟังธรรม
และหันมาแย้มยิ้มเย็นฉ่ำ
ยามสายธรรมแทรกผ่านไปรินรด
*ให้บัวบุญดอกงามในลานจิตบึงใจ*
ได้แย้มตระการรับหยาดน้ำค้างจากยอดพระรัตนตรัย
จบฟังธรรม น้อมนำใจถวายสังฆทาน
ก้มศิระกรานกราบพระสงฆ์
และพระประธานขอประทานพร
เพื่อให้สองดวงใจมีความสุขและเจริญจิตในธรรม
เขาขับรถพาใบบัว ไปตลาด
ไปซื้อปลา ไปปล่อยในแม่น้ำ
ไปยืนนิ่งนิ่ง
ให้ใบบัวเอนอิงพิงไหล่กว้าง
มองดูสายน้ำสายใจเจ้าพระยา
ที่ระรินไหลเอื่อยๆอย่างช้าๆ
ราวกับว่าคือธารน้ำรัก
ระหว่างกันและกันที่แสนฉ่ำเย็น
และ
ยังประโยชน์ให้แด่ผืนหล้าพสุธาไทยเรานี้ที่ได้หยัดยืนดำรง..
เวลายังมีที่เขาคนดีจะ
ขับรถพาใบบัวไปอยุธยา
ไปนั่งใต้ต้นลั่นทม เหว่ว้า
ที่เขารู้ดีว่า
*คือต้นไม้แห่งรักระหว่างสองเรา*
ที่มีฉากหลังเป็นโบราณสถานแสนงาม
ที่ย้อนรอยกาลรอยเก่าเงางามแห่งอดีต
กลิ่นลั่นทมหวานเศร้า
ราวย้อนเตือนถึงคืนวันแห่งรัก
ที่สวรรค์และฟ้าดินได้เมตตาส่งเขามาพบกับใบบัว
เขาคนดี
ค่อยๆก้มลง
เลือกเก็บดอกลั่นทมสีชมพูและขาว
ที่ยังสดหวานพราวแตะแต้มเต็มพื้นหญ้ามาสองสามดอก
และ
ยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
หันมาทัดผมให้ใบบัว
อย่างแสนรักแสนทะนุถนอมอ่อนโยน
เป็นกิริยาละมุนละม่อมที่หายากยิ่งนัก
ที่แสนงามนักจากน้ำใจรักภักดี
และมาจากนวลเนื้อใจดวงดี
ดวงที่ได้รับการอบรม
ให้รู้ค่าคำว่าสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย
ที่จักพึงให้เกียรติผู้หญิงคนเดียวคนดีที่แสนรัก
เขาโอบตระกองกอดใบบัว
ไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง
และค่อยๆไล้ลูบจูบแผ่วผิวไปตามริมเรียวแก้ม
ที่ถ่ายทอดพลังแห่งหวานหอมทั้งสิ้นทั้งมวล
นัยน์ตาสีสนิมเหล็กทอแววหนักแน่นมั่นคงจงรัก
ราวผู้ชายโบราณ
ที่มัก..มีรักภักดิ์พลีวางไว้แทบตัก
มอบให้ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในดวงใจนี้
ที่จักเป็นดั่งรักนิรันดร์
เป็นดั่งตำนานให้ตราไว้
ให้จำจดอย่างสุดงดงามล้ำลึก..ในรู้สึกไปตราบชั่วกาล....
แล้ว
ถึงพาไปวัดมเหยงค์
ที่มีธรรมชาติสวยสด
ด้วยลานธรรมลานทอง
และ
มีกำแพงแก้วสองชั้นล้อมรอบพระอุโบสถ
ที่มีลวดลายปูนปั้นแสนละเอียดสวยงาม
มีพระเจดีย์ช้างล้อม
ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสยาวด้านละ 32 เมตร
มีช้างเห็นได้ทั้งตัวที่ประดับโดยรอบองค์พระเจดีย์
เป็นแบบลังกา
เหมือนพระเจดีย์ช้างล้อมที่จังหวัด สุโขทัย
และ
ให้ใบบัวนั่งราวเจ้าหญิง
เป็นนางแบบ ค่อยๆคลี่ยิ้มหวานเศร้า
แกมเคล้าซึ้งโศก..สะเทือน
กับงามเงาในอดีตกาล
แล้ว
ให้เขาวาดภาพสเก๊ตต์
ลงไปบนกระดาษที่เตรียมไว้
อย่างละเมียดละมุน
และ
นี่คือโลกธรรม โลกทิพย์ และ
โลกรักที่แสนหวานหอมอบอุ่นกรุ่น
ด้วยดวงดอกแห่งความดี
อย่างที่สองดวงใจนี้ได้หลอมรวมรัก
*เป็นหนึ่งเดียว*
พากันเกี่ยวก้อยสู่แดนดินแห่งฝันอัน
คือรักที่จักเป็นนิรันดร์ไปตราบชั่วกาล....
และ
ราวกับ
บทกวีแสนงาม
ของคุณทมยันตี
จะหวานแว่วแผ่วมากับฟากฟ้ากว้าง
มาปลอบประโลมสองดวงใจอันแสนสงบงามเงียบนี้
ที่ช่างแสนสุขและเอมอิ่มเปรมปรีย์ด้วยภาคภูมิปิติเป็นยิ่งนักแล้ว..
เจ้าร่างน้อยเอย อย่าอาวรณ์เทวษ
พี่ไม่ละดวงเนตร ยังอยู่กับเจ้าไม่หายไปไหน
ยามตื่นจะแลหาเจ้า ยามหลับจะฝันถึงสายใจ
พี่ไม่ลี้หนีหาย ห่างไกลหัวใจเจ้าเอย
..พ่อไม่ลี้หนีหาย ห่างไกลหัวใจแม่เอย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
จงรัก
โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...
20 กุมภาพันธ์ 2552 14:27 น.
พุด
เปลือกหอยร้อยเป็นม่านหวานไว้แหวก
ไว้จ่ายแจกเจิมใจคนไกลฝัน
ม่านทะเลเทคลื่นใจมอบคืนวัน
ราวม่านฝันวันเหงาเงียบเลียบทะเล..
หลับตานึกนอนเหยียดยาวนับดาวใส
คลื่นคลอใจเคล้าคลึงทรายคล้ายว้าเหว่
บทเพลงฝั่งร่ายมนต์หวานเรียกพรานทะเล
ที่ร่อนเร่เหใจร่างห่างฝั่งใจ...
กลับมาจูบผืนทรายให้สดชื่น
ทุกวันคืนพายุพัดขวัญจนหวั่นไหว
จะร้อนหนาวสักกี่เศร้าฤดูกาลใจ
พรานทะลไยใจไม่เทียบท่าพาวกวน..
ม่านทะลคอยปิดฉากฝากใจรัก
ขอเพียงพักพิงพรานใจไม่สับสน
ฝากหัวใจในฝั่งฝันกลางกมล
กี่ลมฝนกี่พายุกล้าอย่าจำพรากจากอ่าวใจ!
....................................
คิดถึงทะเลงามในยามเช้า
แดดคลอเคล้าเคลียคลื่นปลุกตื่นฝัน
เรือลำน้อยค่อยห่างฝั่งตามตะวัน
สู่สวรรค์ว่างวางกลางทะเล
เห็นนางนวลถลาบินเหนือนภา
อิสราแสนงามท่ามว้าเหว่
เพียงน้ำจรดฟ้าพาร่อนเร่
พรานทะเลรอคืนฝั่งหวังรักรอ...!
จากน้ำจรดฟ้า ...ลำน้ำน่าน
กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก
ทุกข์เบาหนักร้อนเย็นเห็นเสมอ
มองหาฝั่งเร้นลับกลับไม่เจอ
หรือละเมอเพ้อไปไม่ทันคิด
เห็นแผ่นน้ำเบื้องฟ้าไกลนัก
ยามหน่วงหนักทิ้งฝนพรมตามติด
ภาพสะท้อนอายดินกลิ่นชีวิต
แม้นน้อยนิดติดอยู่คู่หายใจ
เคยไต่ถามความจริงสิ่งรายรอบ
ไร้คำตอบไม่รู้หลงอยู่ไหน
เค้นสำนึกลึกตื้นฟื้นความใน
พอจำได้น้ำตารินบ่าท้น
ภาพแผ่นดินเกาะน้อยร้อยพันหาด
บรรจงวาดผุดตื่นคืนอีกหน
ทุกรอยย่างยากไร้ในผู้คน
ตัดสินใจดั้นด้นทิ้งบ้านมา
เรื่อเก่าคร่ำนำทางกลางเกรียวคลื่น
แผ่นดินอื่นจุดหมายได้เสาะหา
ท้องทะเลอ้อนวอนย้อนถามมา
จากไปหาความจริงกับสิ่งใด
ธารน้ำตาหลั่งรินไม่สิ้นสาย
หากไม่ตายจักทิ้งแผ่นดินใหญ่
จะเกี่ยวเก็บวิชาการนานเพียงใด
มากำนัลมอบให้ไพรพะงัน
จากแผ่นดินแผ่นน้ำข้ามพิภพ
พบจุดจบยากยิ่งในสิ่งฝัน
สำเร็จแล้ววิทยาท้าตามทัน
กลับเงียบงันเดียวดายตายทั้งเป็น
กลางเมืองทรามต่ำต้อยเต็มรอยโลกย์
ความเศร้าโศกแฝงเงาเรารู้เห็น
กระแสเงินบ่าจมถมรำเค็ญ
ผ่านพอเป็นพิธีหนี้ท่วมตัว
ปลาผิดน้ำครวญคร่ำลำธารเก่า
ทิวขุนเขาท้องน้ำยามฟ้าหลัว
จึงว่ายกลับฝ่าดั้นไม่หวั่นกลัว
จิตท่องทั่วค้นพบจบฝั่งลวง
เสียดายนักเวลากับอาจม
หลงโง่งมถมปลักหลักเหมืองหลวง
หวังออกไปท้ายท้าชะตาดวง
น้ำตาร่วงรดฟ้าอยู่อาจินต์
ระลอกคลื่นซัดฝั่งนิ่งฟังนาน
จิตวิญญาณชัดมีนทีสินธุ์
ท้องทะเลเปล่งปลั่งดั่งเพชรนิล
ขุดไม่สิ้นถมไม่ตื้นจึงคืนมา
กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก
ได้ตระหนักหลายสิ่งยิ่งค้นหา
จากผืนดินจรดน้ำกาลเวลา
เพียงละเมอมายาหาใช่จริง..!
.................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2461.html
ทะเลไม่เคยหลับ
ดิอิมพอสซิเบิ้ล
มอง ซิมองทะเล
เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน
บาง ครั้งมันบ้าบิ่น
กระแทก หินดัง ครืน ครืน
ทะเล ไม่เคยหลับไหล
ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น
บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไวั
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไว้
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล...
19 กุมภาพันธ์ 2552 12:32 น.
พุด
ชื่นเช้าชนบท
รับอรุณงามงดยามฟ้าใส
มวลสกุณาโบกบินไป
ดอกไม้ไพรหอมกรุ่นกำจร
แลลอดทอดตานั่นนาข้าว
สุกเหลืองพราวจรดเชิงสิงขร
นอนนิ่งนิ่งได้ไออุ่นใจอรชร
นกพเนจรเกาะคอนไม้ร้องขันคู
คือกระท่อมสงบลบลืมโศก
ทิ้งเศร้าโลกมายาอย่ารับรู้
เจริญสติภาวนาตามเฝ้าดู
ธรรมชาติคู่ธรรมภายในใจค้นพบ
ลั่นทมพ้อหอมรานหวานเศร้าเศร้า
สอนเรื่องราวรักวนไม่รู้จบ
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนผันทุกข์ทนทบ
เพียงสยบกิเลสโลกโศกชีวิต
ลมหายใจใสว่างกระจ่างแจ่ม
ดอกธรรมแย้มหอมเย็นในบึงจิต
วันชีวีแสนสั้นนับน้อยนิด
พรหมลิขิตชะตาสร้างค่าคน
ลอยเหนือโลกโศกสุขสิ้นทุกข์ร้อน
รู้เพลาผ่อนปล่อยวางสร้างกุศล
หยุดคิดถึงอดีตอนาคตอันว่ายวน
เลิกทุรนสร้างเพียงสะเบียงบุญ
เด็ดดอกไม้ชายสวนลำดวนหอม
อย่าหลงตรอมทำจิตใสให้หอมกรุ่น
อยู่กับปัจจุบันฝันฝากใจละไมละมุน
ปล่อยโลกหมุนช่างโลกหยุดโศกครวญ
เก็บแผ่นดินผืนสุดท้ายไว้ปลูกรัก
ชูช่อภักดิ์รักแท้เป็นศรีสวน
ชีวิตนี้เลือกแล้วไม่เรรวน
คนคู่ควรเคียงข้างเดินนับแต่นี้..!!!
.................
ฟ้าเริ่มรุ่ง แสงอรุณทองทอทาบอาบไปทั่วผืนฟ้า
บัวนา...นอนนิ่งนิ่ง หลับตา สมาธิภาวนา
ทั้งๆที่มวลหมู่นกกา
ต่างพากันร้องระงมปลุกให้ตื่นจากหลับใหล
ในดวงใจอันเงียบงามนั้นเกิดปิติสุข สงบล้ำลึก
บัวนา..ลืมตาช้าช้า..
นาทีแรก
ที่แลลลอดออกไปจากบานกระจกกว้าง
คือบัวบึงหลากสีสัน ที่ต่างพากันหยัดช่อ
รอแดดทองให้สาดส่องโอบไล้
ให้หยาดน้ำค้าง
พร่างพราวกลางกลีบ...ระเหยหาย
ไกลออกไป..
คือทุ่งข้าวเขียวขจีสุดตาจรดเชิงเขา
เห็นพระอาทิตย์
กำลังค่อยๆชักรถเหนือเหลี่ยมเขา
สูงขึ้นทุกทีๆ...
เป็นภาพที่คุ้นตา คุ้นใจ
และ..บัวนา..ก็ตัดสินใจไม่ผิดที่คิดมาสร้าง
กระท่อมไพร ณ..ที่ตรงนี้
ที่ดูๆราวกับสุโขทัยในอดีตย้อนหวนคืน
มีทั้งดงตาล ทุ่งข้าว
มีทั้งดาวสวยเต็มฟ้าเวลาค่ำ
มีทั้งเสียงจั๊กจั่น เรไร
มีบรรยากาศที่ชวนให้ทุกใครใครที่มาเยือน
ต่างพากันแย้มยิ้มยลด้วยยินดี
ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาสัมผัส
บัวนา..
ชอบความสงบสงัดมาแต่ไหนแต่ไหนแต่ไร
และ
ต่อให้โลกหมุนไปเช่นไร
บัวนา..ก็ซึ้งซาบอยู่แก่ใจว่า
ในชั่วลมหายใจหนึ่งนี้ของบัวนา..
ขอเลือกมีชีวิตอยู่กับท้องไร่ท้องนา
กับ..
สายลมที่ยังพรายพรมพัดผ่านมา
ให้ได้ชื่นสุนทรีย์
จากหอมแห่งปวงสุมาลีป่า
ทั้งสารภี จำปี จำปา พวงพะยอมมากค่า
ที่ยังอวลเอื้อ ในทุกยามเย็น...
บัวนา...หรี่ตาดูฟ้าพยับแดดสวย
สายลม..พัดโบกระรวยระริน
จน..
ผืนนาราวแพรไหมที่ไหวเอน
ไปตามแรงลมระบัด
ฟ้าบ่ม..ให้ทุกดวงใจ ในผืนป่า
ในทุกแหล่งหล้า ใต้ฟ้าไทย
ไม่ยอมแพ้พ่ายสิ่งใด
ให้คนไทยในผืนพสุธาทองนี้
ยังครองนวลเนื้อใจ..
ที่เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งความรัก
โอบเอื้อ ช่วยเหลือแบ่งปัน
ด้วยปราถนาดี มีน้ำใจ เมตตา อภัย
ได้ลุกขึ้นมา
สร้างสรรสังคมใหม่อย่างมีคุณค่า
อย่างเอื้ออาทร
อย่างผู้ที่รู้ว่า..
แผ่นดินนี้
คือที่หลอมรวมให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน
พสุธามาตุภูมิแม่...
ที่รอสอนสัจจธรรม ให้ลูกหลานไทย
ได้ชึ้งค่าคำรู้รักสามัคคี รู้สร้างความดี
พลีเมตตาปันแบ่ง
ใช่..!คิดแย่งชิง
เพียงอำนาจ วาสนา บารมี
เพราะ
สรรพสิ่งเหล่านี้แท้แล้วคือมายา..
โลก..
กำลังบ่ายหน้าไปสู่การล่มสลาย
หาก..
มวลมนุษย์ยังไม่มีจิตสำนึกหยุดทำลาย
ทั้งธรรมชาติและสิ้นไร้ซึ่งคุณธรรม
บัวนา...ดื่มด่ำ กับทุกสรรพสิ่งรายรอบ
เพราะ..
ได้คำตอบให้กับหัวใจตัวเองแล้วว่า
*ชีวิตนี้ไซร้ เกิดมาเพื่ออะไร...!
17 กุมภาพันธ์ 2552 12:58 น.
พุด
เธอคือความอ่อนหวาน
ประมาณสายรุ้งไสว
เธอคือดวงดอกไม้ไพร
ยึดมั่นในคุณความดี
เธอคือหยาดน้ำค้าง
รู้สร้างบุญกุศลศรี
เธอคือมิ่งมณี
ค่าควรภักดีบูชา
รักษ์นวลให้อวลหอม
ดั่งพะยอมมากล้นค่า
ทวนกระแสโลกโศกเงินตรา
งามเกินกว่าสตรีใด
บูชากุลสตรีศรีแห่งชาติ
บริสุทธิ์สะอาดจิตสวยใส
หนึ่งนุชคุ้มขวัญประดับใจ
แพรวไสวเกินค่านับประทับทรวง...!