28 กุมภาพันธ์ 2552 12:09 น.
พุด
รุ่งอุษาวดี...
หอมจำปีริมหน้าต่าง
ในเรื่อราง..
แลลอดทอดตาเห็น
แสงสวยสุริยาฟ้ายามเช้า..
ลมหนาว..พรากลาไปแล้ว
พลอยพาพวงดวงดอกแก้วสิ้นหอม
ดวงดอกโมกน้อยน้อยนิดนิดน้อมกิ่ง
ทิ้งกลีบ..
ปลิดปลิวโปรยโรยร่วงตามแรงลม
สายลมพัดโบยโชยชื่นผ่านเย็นน้ำค้างฟ้า
ในยามดึก..
ที่หยดหยาดกลางกลีบเกสรสล้าง...
ให้หอม..ในห้อมห้วงหัวใจ ในคำนึง
ตรึงตรา...
ปลุกตา เตือนจิต
ให้ชีวิตนี้ยังมีพลัง
มีหวัง..ไปกับฟ้าวันใหม่
มาตรแม้น..
นึกเหนื่อยหน่ายกับโลก..
มากมายเรื่องราวรานร้ายจากมวลมนุษย์
ผู้มิอาจหยุดกิเลสทำลายป้ายสี
ให้ทุกข์ทุกชีวีต่างด่างพร้อย..
พลอยไร้สิ้นแสงประภัสสรใส
ในดวงใจเมตตา
กรุณากันและกัน
ฉันท์คนในผืนแผ่นดินแม่มาตุภูมิเดียว
....................
และ..
ทุกยามเย็น...
หากฟ้ามีตา..
ในเส้นทาง
ที่งดงามพราวพราย
ประดับรายด้วย
ดวงดอกตะแบกม่วงราน
หวานละมุนชมพู
เคียงคู่ถนนสองฟากฝั่ง
จะเห็น
หญิงหนึ่ง...
เดินอยู่ลำพัง...อย่างดายเดียว...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.html
ดวงตะวัน
ดวงตะวัน
ที่เคยส่องแสงให้ความ สว่าง
กำลังจะจาง
กำลังจะเลือนหายไป
คนที่ดี ที่มีแก่ใจให้กัน มาก่อน
กำลังจะลืม กำลังจะเดินหนีไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
แม้แต่ดาว ที่พราวบนฟ้าก็ดู
เลือนลาง
และมันก็จาง ไม่พอจะแทนที่ใคร
คนใด
มีแต่เธอ เป็นเพียงตะวันไม่มี
คนอื่น
และเธอเท่านั้น
คือดวงตะวันที่หายไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน...
26 กุมภาพันธ์ 2552 15:19 น.
พุด
อาทิตย์ดวงแดงทิ้งแสงเศร้า
ฟ้างามพราวราวสายรุ้งสลับสี
ดอกตะแบกม่วงละมุนงามชีวี
กับวันนี้ในเส้นทางแห่งการรอ
มีเพียงเงียบสงบยามพลบค่ำ
อวลกลิ่นร่ำลั่นทมปลิดกลีบพ้อ
การะเวกสอนวิเวกมากเกินพอ
ราวร้องขอให้โลกหยุดโศกตรา
ลำพังทุกก้าวย่างอย่างเดียวดาย
มิมาดหมายไร้สิ้นปรารถนา
แลเห็นวันวนซ้ำธรรมดา
ซาบซึ้งค่าวิบากภพลบลาไกล
อาจจะมีบ้างคิดพลาดผิด
หลงยึดติดเมตตาให้ใจใส
หากค้นพบบัวสี่เหล่ารู้ทำใจ
ปล่อยวางไปไม่ยึดมั่นกับฝันลวง...!
25 กุมภาพันธ์ 2552 12:21 น.
พุด
มิ่งไม้จำนรรจ์กับแสงจันทร์ค่ำคืน
ดาวสะอื้นหยาดน้ำค้างหล่นร่วง
วาสนาโชยหอมช่อพริ้วพวง
จันทร์พูนดวงโลมไล้สายธารา
ถนอมขวัญถนอมจิตชีวิตหนึ่ง
งดงามลึกซึ้งเหนือปรารถนา
กระท่อมในอ้อมไม้กระซิบกับกาลเวลา
ดอกเสี้ยวเสน่หาประทับประดับใจ
ลำเนาป่าฝากค่าเสมือนหมาย
เคลียกายในทุ่งหญ้าวันฟ้าใส
พรายพะยอมหอมเศร้ามารำไร
ให้หลับใหลในห้วงฝันบรรพกาล
ให้ธรรมชาติบริสุทธิ์สะอาดโอบกอด
ดั่งยอดมิ่งมิตรละมุนหวาน
เพลงไพรบรรเลงคีตกานท์
สู่..สราญวิมานทิพย์ทอง..แดนมณี..!
..........................
24 กุมภาพันธ์ 2552 11:51 น.
พุด
โลกวนวนวนและวน
คนคนคนและคนเวียนว่าย
นึกนึกนึกน่าหน่าย
เกิดตายมิสิ้นตราบกาล
วันวันวันและคืน
เดี๋ยวชื่นเดี๋ยวช้ำเดี๋ยวผ่าน
เช่นนี้เช่นนั้นเนิ่นนาน
กิเลสกัปป์กาลนิรันดร์
สิ้นคิดสิ้นทุกข์สุขโศก
วิปโยคใดใดดั่งฝัน
เจริญสติภาวนาพ้นวัน
บ่วงพันธนาภพพาน
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
มืดบอดหลงลมน้ำผึ้งหวาน
แท้มายาสมมุติฝากราน
หวังพุทธดลบันดาลพบธรรม..!