วสันต์ในสายหมอกหยอกนาข้าว วันที่ฟ้าฉ่ำพราวด้วยม่านฝน นกในดวงใจไหวหวานในกมล ซึ้งเสียจนอยากกระซิบถึงคนดี นานเท่าไรแล้วหนาฟ้าสีโศก โลกทั้งโลกเหน็บหนาวเศร้าปานนี้ เพราะหลงทางขวัญคว้างร้างฤดี หวังคงมีใครสักคนบนทางใจ เศร้าลำพังลึกลึกเกินนึกนับ กับการรอสายน้ำวนกลับเริ่มต้นใหม่ วันที่ดวงดอกไม้หวานหอมมารำไร วันที่เจ้านกไพรหวนคืนรัง ตราบสายนทียังระรินร่ำ งามบานฉ่ำจันทร์พูนดวงมิสิ้นหวัง ดวงตะวันยังรักฟ้าฝากพลัง ประดุจดั่งใจดวงนี้ที่เฝ้ารอ.....! วันที่ฟ้าพรายฝนหล่นร่วงบนรวงข้าว วันที่ใจเหน็บหนาวราวเพลงฝน วันที่ฟ้าฉ่ำสวยลมพัดวน วันที่ดวงกมลอยากซุกซบอ้อมอกเธอ.... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html ปีศาจวสันต์ เรา จากกันวันนั้นยังจำ จากกันวันนั้นฝนพรำ พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน เรา จากกันวันนั้นนานมา แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้ ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม ไป จากไป ไปแล้วไปเลย อย่ามาชวนชิดชวนเชย ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์ ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
นำดอกไม้หวานละมุนดอกหอมหอม อีกทั้งพวงพะยอมในราวป่า วางประดับในอ้อมใจทุกดวงชีวา วันที่ฟ้าไทยเศร้าหนาวฤดี หมายปลอบขวัญเห็นเป็นธรรมดาโลก อย่ารานโศกทุกข์เรื่องราวเช่นวันนี้ กี่ครั้งคราฟ้าสีทองยังผ่องพรายในธาตรี รอวันที่ดอกประชาธิปไตยผลิเบ่งบาน มากระซิบคำหวานลบรานเศร้า หลังเหน็บหนาวในดวงจิตคิดสร้างสาน ใช้สติมีปัญญาเป็นกรรมการ หวังไทยผ่านเรื่องร้ายหมายผดุงธรรม วันนี้แม่พระคงคาบ่าพิโรธ รอลงโทษคนไทยใจระส่ำ หากไม่เทิดคำพ่อหลวงมาน้อมนำ โลกมืดดำรอวันสิ้นชาติเพราะขาดสามัคคี... .....................
เธอคือความสงบงามในยามยาก ที่ขวัญฝากดวงจิตสนิทหวาน ระหว่างเราดวงดอกรักเพิ่งแย้มบาน ทิวาฝันราตรีผ่านนานเนารัก ท่ามทุกข์ทนทุกหย่อมหญ้าฟ้าสีโศก โลกทั้งโลกยังอวลอุ่นด้วยความภักดิ์ เกี่ยวก้อยกันฟันฝ่าพายุหนัก ซึ้งประจักษ์สร้างสรรดีพลีแด่กัน ด้วยเข้าใจในชีวิตที่แสนสั้น จึงแบ่งปันก่อนชีพลับดับสิ้นฝัน เพียงภาคภูมิฝากซึ้งค่านิจนิรันดร์ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวศรัทธาใจ ดั่งดวงจิตชีวิตหนึ่งไร้ยึดมั่น เป็นมิ่งขวัญมิ่งมงคลส่องไสว นำทางรักนำทางฝันทุกดวงใจ ก่อนลาไกลเพียงฝากไว้ให้โลกงาม....
เดือนหมองดาวร้องไห้ ดวงดอกไม้หุบกลีบฝัน มายาชีวิตนิจนิรันดร์ เพียงฝันวันผ่านกัปป์กาลรอ พรายฝนหล่นพรากฝากจำ รินร่ำรอยใจใครหนอ หลงวนเวียนว่ายหมายพ้อ แค่รอเมตตาฟ้าดิน เพรงพรหมชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตงดงามมิสิ้น หลอมจิตรวมใจดั่งจินต์ ชื่นชีวินชั่วชีวันขวัญภักดิ์.....! จันทร์กระจ่างฟ้า นานแล้ว...ไม่ได้จุดเทียนวับแวมบนระเบียงบน คืนนี้กับฟ้าหลังฝน กับ สายลมเย็นที่พลิ้วแผ่ว.. จุดเทียน วางไว้ในโคมแก้ว วะวับวาว พริบพราว ระริกไหว ล้อเล่นลม ดั่งแสงหิ่งห้อย.. ฟ้ายังดูฉ่ำฝน....หนาวกมล หนาวร่าง จนต้องหยิบผ้ามาคลุมไหล่ ในเงามืด..เห็นลั่นทมชมพู ชูช่อพราว เผยอแย้มรอหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้าง พร่าพราย แตะแต้ม.. ผู้หญิงใจอ้างว้าง..คนนี้ ค่อยๆดอมดม เด็ดดอกดวงเบามือ.. มาทัดหู เคลียแก้ม ให้กลิ่นหวานเศร้าอวลละไมไปถึงเส้นผมงาม.. หยาดน้ำใสในเรียวตา แตะแต้มแกล้มกลิ่นลั่นทม ด้วยเหว่ว้า คิดถึงคนไกล ดวงใจแห่งรักนิรันดร์.. แนวไพรรายรอบ..ดูทะมึนมืดดำ กับคืนแรม จันทร์ซีด ดวงเศร้า เฝ้ารอ ปรากฏการณ์ ดาวล้อมเดือน.ที่จะมาเยือนโลกหล้า รอฟ้าเปิด เปิดใจให้หวามไหว กับงามล้ำค่า ที่ธรรมชาติกำลังจะหยิบยื่นให้มาประทับใจ..มิรู้เลือนลืม เบื้องบนท้องนภา..พยับหมอก พร่างพรายเป็นฉากชั้น เมฆริ้วราย ขับดวงดาว ทอแสงหม่นมัว ประดับราตรี.. ปล่อยใจฝัน........นิ่งงันเงียบ.. ดูเวทีธรรมชาติ รายรอบฉากงามงด ที่ปราศจากเสียงดนตรีกราว กราว ยามฝนพรำ ทุกค่ำคืน ใบไม้ระบัดไหว อวลหอมกรุ่นล้ำลึกจากดอกไม้ไทยนานาพรรณ โชยกลิ่นฝันให้ขจรขจาย แทรกซึม หวานล้ำลึก ละเมียดละมุน สู่หัวใจดวงน้อยน้อย นิ่มนวล... หลับตาดำดิ่ง สู่ภวังค์ว่างเปล่าดายเดียว ฟังเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เรียกพลัง กล่อมขวัญ ขัดเกลา อ่อนโยน อ่อนหวาน กลมกลืน ประสานแทรกเป็นหนึ่งเดียว ในใจดวงนี้ ที่รู้ค่างาม.. คิดถึง..กลางคืน..กลางป่าใหญ่ พงพฤกษ์ไพร.. คิดถึงกระท่อม ในราวไพร ของคุณตาสุดที่รัก ที่สวยสงบสุขเป็นยิ่งนัก บนภูเขาทั้งลูก ที่ราวสวรรค์ลอยเลื่อนลงมาหยิบยื่นประทานผืนดิน.. บ้านราวไพร ปลูกด้วยปีกไม้ลายสวยละเอียดละออ ตั้งติดกับชะง่อนหิน ใหญ่ยักษ์ รายรอบ ที่ราวนอกชาน ให้เราหลานๆนอนนับดาวเดือนพราว เกลื่อนฟ้า ยามราตรีที่จันทร์กระจ่าง.สว่างไสว..เงียบงามในใจทุกดวง.. เราจะได้ยินเสียงเพรียกจากกระรอกกระแต สัตว์ป่านานา ก้องราวป่าราวไพร ยามดึกดื่น และวิ่งไล่ตามไต่ไปบนยอดมะพร้าว..อย่างเริงร่า.. ทุกวิวาวัน ที่ฉันมิเคยเลือนลืม แดนดิน แห่งความหลัง ฝากฝังใจ ที่แสนยิ่งใหญ่ สวยงามในมโนนึก ทุกคราครั้ง ยามย้อนรำลึกเรียกคืนสุขวันแสนดีให้ย้อนคืน.. ทุกฤดูร้อนเยือน คือที่พึ่งพิงพัก ให้เรารู้จักเรียนรู้ชีวิตธรรมชาติธรรมดาๆจากโลกจริง นอกห้องเรียน..ที่คุณตาจะเพียรสอนให้เข้าถึงงามง่ายสมถะ .. จำสับปะรด พันธุ์พื้นเมืองที่คุณตาปลูกตามไหล่เขา ที่อร่อยกรอบหวาน ได้รับประทานสดสด..นาทีนั้น และบนเนื้อที่เป็นร้อยไร่นั้น จะแลลดหลั่นสลับไปด้วยมะม่วงหิมพานต์ ที่เป็นพันธุ์ไม้งาม แสนแปลกตา แปลกใจ ที่เมล็ดนั้นดันโผล่ออกมาจากลูกที่ดูราว ผลชมพู่ แต่ยามสุกสีจะแดงอมชมพู น่ารับประทาน แกล้มกับเกลือแก้คันคอคันปาก เรื่องราวมากมี มากมาย ยามวัยเยาว์ กับคืนฝันวันธรรมชาติ .. ที่ดั่งฉากฝัน แต่มีจริง บนภูเขา กลางเกาะพะงัน ที่ฉันคนช่างฝัน จะพยายามรจนาเรียบเรียงไม่ช้านานเพื่อเล่าสู่กันฟัง..นะดวงใจ สัญญา..และสัญญา.. โอ้ละหนอ ค่ำคืนนี้ ไยดวงใจดวงนี้ที่แสนเหว่ว้า จึงพาใจฉันให้หลับตาฝันไกล ได้ถึงเพียงนี้ละหนอ เพื่อพ้อหาวันคืนของอดีตลาล่วงเลยลับ ของธรรมชาติงามที่หายากยิ่งขึ้นทุกวัน ในป่าคอนกรีตนี้ ที่ใจทุกดวง ยังมีสิทธิ์จะฝันและคว้าไขว่ เพียงแต่เปิดใจและสร้างมันขึ้นมา ด้วยสมองและสองมือนี้ที่จะเนรมิตรงาม..ได้ตามฝันนะคนดีทุกๆคน..
กลับมานั่งตรงนี้ ณ ที่เก่า กับใจเหงาดวงเดิมต่อเติมขวัญ กระซิบรักกับอ้อมใจใครคนนั้น เรียกงามฝันวันเก่าเนานวลใจ จะกี่ปีกี่เดือนโลกหมุนผ่าน กี่กัปป์กาลจิตยังพร่างกระจ่างใส ศรัทธาภักดิ์เทิดเธอไว้เหนือดวงใจ เป็นหนึ่งในมิ่งมิตรนิจนิรันดร์ อาจมีบ้างในเส้นทางต่างจำพราก ตามวิบากกรรมเก่าดั่งเงาฝัน ชดใช้ด้วยเมตตาเอื้อโอบปัน ให้ดวงตาสวรรค์รับรู้เป็นพยาน ฝากอัญมณีจิตดวงทองผ่องเลอค่า ฝากโลกหล้าด้วยแรงบุญกุศลสาน พลีชีพนิดชีวิตหนึ่งสร้อยโซ่กาล สืบสายธารงามให้ไร้หวังใด..........