9 มิถุนายน 2551 21:37 น.
พุด
ขอบคุณความฝันอันแสนงาม
ในท่ามโลกแล้งหลอนลวงหลง
ขอบคุณความบริสุทธิ์ใสแห่งไพรพง
ขอบคุณป่าดงสอนซึ้งค่าศรัทธาใจ
ขอบคุณดวงดอกไม้ประดับหล้า
ขอบคุณฟ้าแปรสีแสนสวยใส
ขอบคุณอุ่นไอดินหอมละไม
ขอบคุณแดดไสวสีทองส่องเรียวรวง
ขอบคุณสายธาราไหลละล่อง
ขอบคุณนาทองดั่งแดนสรวง
ขอบคุณอัญมณีจิตดั่งดาวดวง
ขอบคุณปวงไม้ป่ารู้ค่าดิน
ขอบคุณผืนหล้าไทด้วยใจภักดิ์
ขอบคุณทุกความรักในนวลถวิล
ขอบคุณสายน้ำตาละหลั่งริน
ขอบคุณทุกข์ทั้งสิ้นให้เห็นธรรม..ณ หทัย...!
8 มิถุนายน 2551 11:08 น.
พุด
แลผ่านกระจกบานกว้าง
แดดเรื่อรางทอดทอใบไม้ไหว
วะวิบวับหยาดน้ำค้างกลางกลีบใบ
กระจ่างใสฟ้าวันนี้เป็นสีฟ้า
ลบรอยหม่นบนผืนหล้าพสุธาทอง
เรืองรองด้วยเรียวรวงระย้า
แสงสงฆ์ยามเช้าสอนศรัทธา
เหนือชีวาซึ้งค่าคนรักผืนดิน
โลกไม่รอดอกหนาให้สำนึก
รู้ตรองตรึกลมหายใจรอวันสิ้น
สว่างสงบค้นพบค่าดวงชีวิน
เกินทรัพย์สินภายนอกหลอกหลงลวง
สักนิดน้อยนำพาไปได้หรือ
เฝ้าเวียนยื้อวนแย่งคอยห่วงหวง
แท้กิเลสพันธนาวันลาล่วง
อยู่บนบ่วงมายาน่าเศร้านัก
อัญมณีอยู่ตรงนี้ที่ดวงจิต
ดอกไม้ทิพย์ผลิช่อเป็นศรีศักดิ์
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกก่อเกิดรัก
มาเนานักสอนมนุษย์หยุดเปล่าดาย....
หยุดทำลาย.............
อรุณหวานกี่กาลกัลป์ที่ผันผ่านมา
สอนสัจจธรรม จากธรรมชาติพิลาสพิไล
แสนสวยใสพิสุทธิ์....
มากมวลมนุษย์ยังประดุจดั่ง*ตัวไหม*
ในรังแคบ
ไม่เคยมีเวลาแหงนเงยเชยชิด
สนิทแนบแอบอิง
รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่ง..ดิน น้ำ ฟ้า ลม ไฟ
ดวงใจแลร่างไร้ไม่เคยได้รับการพักผ่อน
ปีแล้วปีเล่า ที่เฝ้าเวียนวนอยู่บนความละโมภ
ในขณะที่ดวงจิตภายในมีเพียงความไร้แก่นสาร
เมื่อความตายมาเยือน
ใครเล่าจะนำพาร่างเจ้าไป
สู่แดนดิน..
แห่งความว่าง สว่าง กระจ่าง..สงบ ...เป็นนิรันดร์...
....................
7 มิถุนายน 2551 09:19 น.
พุด
ขอร่ายรจน์บทกวีเป็นศรีโลก
เลือนรอยโศกจากใจไททั้งผอง
สามัคคีตามรอยบาทเส้นทางทอง
คือครรลองหยาดเย็นเช่นนานมา
สร้างสรรปันดีพลีแด่ดิน
ฟ้ายลยินสรรเสริญไปทั่วหล้า
น้ำระรินเลิกพิโรธมากเมตตา
ลมเหว่ว้าพายุกล้าพัดลาไกล
หากมากมวลมนุษย์มิสำนึกรู้ซึ้งค่า
อาจจะสายเกินกว่าจะแก้ไข
ดินน้ำฟ้ารอลงทัณท์ทุกดวงใจ
กวาดสิ้นไปพบเพียงหนาวเศร้าน้ำตา
จึ่ง..ขอรจนาบทกวีพลีปลอบขวัญ
อย่าไหวหวั่นสร้างความดีมีคุณค่า
รู้รักกันสมานฉันท์นะดวงชีวา
ให้พสุธาไทนี้ยังยืนยง...!
6 มิถุนายน 2551 17:37 น.
พุด
ฝนซาลงแล้ว.....
หลังพายุพัดแรง
ภายในกระท่อมหลังคาจาก
ที่ฉันมาซุกฝากตัว
ในท่ามม่านฟ้าสลัวและแสงเทียนวับแวม
ดูช่างงดงามเสียนี่กระไร
ด้วย..
แรงใจอันแสนสว่างไสวภายในดวงจิตของฉันเอง
ฉันหลับตา....
และ..
ดูเสมือนว่ากำลังล่องลอย
เหนือหล้า เห็นสายธาราสายใจเจ้าพระยาสีทอง
กำลังไหลละล่องระรินอย่างมิสิ้นสาย
ไม่รับรู้ดีร้ายของผองชนคนไทย
ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
ทางการเมืองเรื่องยุ่งอย่างยากหาที่ยุติ
ใกล้กระท่อมฉันแลเห็น
หยาดละอองฝนหยดหยาด
บนเรียวใบตอง..
จนดูผ่องพราวราวแก้วมณีรุ้ง
เห็นกิ่งการะเวกเลื้อยพันพร่าง
เกาะเกี่ยวไปตามหลังคากระท่อม
เกิดลวดลายชดช้อยงามละม่อมละไม
ร่มเงานานวัน ที่ฉันร้างรา
ไม่มีเวลาทอดตาทอดใจสัมผัสรักละมุน
ที่เคยเคียงใกล้ให้หอมกรุ่นยามฉันรจนาบทกวี
และ
ยามที่ชอบมานอนนิ่งนิ่งอยู่คนเดียว
อย่างดายเดียว
หากได้ความสดชื่นเย็นฉ่ำร่ำสุนทรีย์จากเพื่อนไพร
ล้ำลึกสู่บึ้งใจที่แสนแจ่มใสเสียเหลือเกิน
ราตรีนี้...
ในท่ามความวิเวกเงียบงัน
ฉันปล่อยให้ภวังค์ฝันสู่ห้วงอารมณ์
อันว่างวาง จนดูราวจิตกระจ่างแจ่ม
พร้อมแย้มยิ้มกับทุกธรรมชาติสรรพสิ่งรายล้อม
อีกคราครั้ง หลังพายุฝนพัดพ้นผ่าน
ปิดม่านเพรงพรหมชะตา
ที่พาให้เรียนรู้คุณค่า
แห่ง...
*ความสุขลำพัง*อันจริงแท้...!
...............................
4 มิถุนายน 2551 09:08 น.
พุด
ไม่มีดอกเดือนดาริกาที่มั่นหมาย
แท้เปล่าดายหลงทางอ้างว้างฝัน
ในดวงใจมีเพียงพบเงียบงัน
วิมานสวรรค์แสนไกลเกินไขว่คว้า
ไม่มีดอกสิ่งใดดั่งใจหวัง
หาจีรังไม่มีโลกนี้หนา
รักนิรันดร์ฝันใฝ่ประดับชีวา
แท้มายารัดร้อยสร้อยชีวิต
ไม่มีดอกความเข้าใจจากใครเขา
เพียงตัวเราขีดเส้นพรหมลิขิต
ลมหายใจใฝ่ธรรมเหลือน้อยนิด
สู่แดนทิพย์เสรีที่ใฝ่ปอง
ไม่มีดอกดวงดอกไม้ใดไม่รานโรย
รอปลิดโปรยสู่พื้นสิ้นทั้งผอง
ไม่มีแล้วดอกดวงใจให้ใครครอง
เพียงเรืองรองอัญมณีจิตนิจนิรันดร์....