รจนาบทกวีนี้ปลอบใจใครเรียนโท มิอยากโก้แต่เกิดมาคว้าศักดิ์ศรี หวังใช้ปริญญาใบเบิกทางสร้างความดี เพื่อพร้อมพลีดับโลกแล้งด้วยแรงใจ เป็นกวีรจนาภาษางาม เป็นนิยามสายธารธรรมส่องไสว ลำนำรักลำนำคำวิถีไทย ลำนำใจเทิดไว้เหนือชีวา วิญญาญเสรีพลีแด่ดินถิ่นก่อกาย และมั่นหมายสืบหวังหลังเสาะหา ค่าของคนตามเพรงโศกโชคชะตา แม้นเหว่ว้าทุกข์ทนหนทางใจ เจ้านกไพรแสนดายเดียวแลเปลี่ยวเหงา มีเพียงเงาแห่งฝันวันไหนไหน ไม่รู้เลยชีวิตนี้จบที่ใด มีก็เพียงปริญใจคว้าไว้ให้คนจน....
พุดพัดชาเกิดมารักชุดเจ้าสาว งามแพรวพรายดั่งเจ้าหญิงเทพนิยายฝัน เห็นแววตาปิติสุขรักนิรันดร์ ในวันนั้นของหญิงสาวเจ้าสาวใคร เห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขสนุกสนาน ดอกไม้บานลูกโป่งสวรรค์สีสันไสว ปาร์ตี้เริงรื่นชื่นบานสราญใจ เป็นงานมงคลยิ่งใหญ่ในชีวี จึ่งรักชุดเจ้าสาว ฝากเรื่องราวให้งามล้ำสมศักดิ์ศรี มีเจ้าบ่าวมากล้นคุณธรรมความดี มาคุกเข่าวอนพลีขอแต่งงาน เจ้าสาวเจ้าสาวและเจ้าสาว เอื้อมคว้าดาวประดับใจน้ำผึ้งหวาน เริ่มรักจริงยิ่งใหญ่ฝากตำนาน ให้ลูกหลานรู้ซึ้งค่าธาราน้ำนม..... พุดพัดชาเกิดมาชอบดูภาพเจ้าสาว ดูแล้วมีความสุขใจค่ะ ไม่รู้เพราะเหตุใด ถามใจตัวเอง ก็ตอบไม่ถูกถ้วน รู้เพียงว่า... ในชีวิตจริงของลูกผู้หญิงทุกคน ที่ยังเป็นธรรมดาปุถุชน ยังไม่ได้ไปบวชชี คงประมาณนี้ คือรอวันวิวาห์ รอระฆังวิวาห์ลั่นดัง ซึ่งถือว่า.. เป็นวันยิ่งใหญ่สำคัญ วันมงคลงาม ยาม.. ที่จะได้เริ่มรับบทแรก ของการทำหน้าที่แห่งความ เป็นมนุษย์ผู้หญิงที่จักจรรโลงโลก ด้วยความรักอันแสนบริสุทธิ์ใจ จากเนื้อแท้แห่งใจ อันงดงามเกินรักใดจักปานเปรียบ ที่จะเป็นภรรยา และแม่ที่ดีของลูก..สืบไป เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อันคือธรรมชาติธรรมดาโลก ที่ยังไม่หลุดพ้น วิบากรักวิบากกรรม เพียง... ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ให้สมค่าคน คือสร้างคนให้เต็มคน ให้ สมค่าคน คนเหนือคน จนสามารถเรียกว่า เป็น*มนุษย์* ผู้พิสุทธิ์ใส มีดวงใจงดงาม ดวงตาเห็นธรรม มีอัญมณีในดวงจิต พุดพัดชา จึ่งรักชุดเจ้าสาว และ.. ขอพลีบทกวีนี้ ที่รจนาเร็วไปนิด เพื่อทุกผู้หญิงที่ได้ทำหน้าที่ แม่และเมียได้อย่างสมภาคภูมิค่ะ...
เอนกายลงนอนหนุนหมอนหญ้า ฝันถึงดวงดอกไม้ป่าในปองฝัน กระจ่างจิตชีวิตว่างสว่างวัน มิ่งมงคลขวัญคือพุทธบูชา ตะวันอัสดงเรี่ยดงไผ่ รำไรพรายฝนหล่นหล้า ละออละอองพราวพร่างน้ำค้างฟ้า นกกาฝ่าพายุกล้ากลับรวงรัง บัวในบึงหุบกลีบรออรุณรุ่ง วันพรุ่งแดดทอรอหวัง เฉกชนม์ชีพนี้ใช่จีรัง เดี๋ยวรักเดี๋ยวชังหวานระทม ดั่งมวลมาลีผลิช่อละอออ่อน ภุมรินทร์บินว่อนเฝ้าห้อมห่ม มิช้านานรานโรยตามแรงลม เพียงแปรชมฝากช้ำธรรมดา สัจจะโลกโศกสุขวนเวียน กงกรรมกงเกวียนปรารถนา ตัดใจตัดสวาทพันธนา บ่วงมายาเสน่หาไปตราบกาล...
เป็นภาพงามท่ามโลกแล้ง แตกแขนงซ้ายขวาทุกแห่งหน ให้สำนึกแผ่นดินนี้งามกมล อย่าสับสนจนสิ้นชาติขาดสามัคคี คือแดนดินอิสรเสรีมานานช้า ได้หยัดยืนก้าวกล้าด้วยศักดิ์ศรี ได้แหงนมองฟากฟ้ายามราตรี ด้วยใจดวงนี้ที่งดงาม ไฟในบ้านร้อนเร่าพระเพลิงเผา มลายเราทั้งผองคนมองหยาม โลกทั้งโลกกำลังดูเฝ้าติดตาม ทั้งสยามขาดรอยยิ้มประทับใจ เมื่อสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินจะสำนึก หากรู้สึกก็สายเกินแก้ไข วิปโยคเหน็บหนาวร้าวรวดใจ คำว่าไทใจดวงทองต้องทุกข์ทน รู้บ้างไหมโลกรอวันมลายสิ้น ทั้งฟ้าดินสิ้นเมตตาไปทุกหน มวลมนุษย์ไม่รักธรรมทำลายตน ดิ้นทุรนสู่นาฏกรรมโศกโลกหายวับ... ดับสิ้นกาล...!
เราสบตากันในท่ามคืนฟ้าหนาว ดาวพร่างพราวพยานเสน่หา กุมมือมั่นอธิษฐานจิตสัจจวาจา ทั้งชาตินี้ชาติหน้าเคียงคู่บุญ เกี่ยวก้อยกันสู่ประตูสวรรค์ รักนิรันดร์ประดับใจให้หอมกรุ่น ดวงดอกไม้ณกลางใจบานละมุน ตราบโลกหมุนรักหอมหวานสราญใจ ดั่งช่อธรรมช่อทองคล้องชีวิต ทอดสถิตรับรู้ความหวามไหว รักให้เป็นรักให้เย็นตลอดไป หลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวไม่เกี่ยวกาล .................................. นี่คือรจนาภาษารัก น้ำผึ้งพิษภักดิ์รักมั่นวันแสนหวาน วอนฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมเป็นพยาน โซ่กรรมกาล.. รัดร้อยสร้อยพันธนามายามนุษย์.......!