30 มิถุนายน 2551 18:36 น.
พุด
พายุพัดแรงเฝ้าครวญคร่ำ
ฟ้าร่ำพลีแด่โลกโศกเหลือแสน
ดวงดอกไม้ปลิดโปรยทั่วดงแดน
ดั่งแทนรักแทนใจอาลัยลา
ฤดูกาลผ่านมาสอนสัจจใจ
มีสิ่งใดเที่ยงแท้เล่าละหนา
ทุกข์ทนวนว่ายพันธนา
แท้มายาทั้งนั้นราวฝันไป
ดั่งน้ำค้างพร่างพรมชั่ววูบ
ไล้ลูบกลางกลีบเกสรใส
อาทิตย์มาระเหยหายทันใด
ราวไม่เคยมีร่องรอย
เสมือนเสมอลมหายใจแห่งชีวิต
สั้นนิดใช่นานเคลื่อนคล้อย
อย่ามัวหลงสิ่งใดหวังใครคอย
เป็นมณีดวงหนึ่งในร้อยสร้างโลกงาม...
.........................
28 มิถุนายน 2551 09:56 น.
พุด
การะเวกกำสรวลเฝ้าครวญคร่ำ
น้ำค้างร่ำหยาดรินกลางกลีบแก้ว
กล้วยริมรั้วงามใบไปทั่วแนว
กี่ปีแล้วเฝ้ารอพ้อเจ้าคืน
จำปีรานลงยังคงหวัง
ฝันถึงความหลังเคยเชยชื่น
ดวงดอกพุดซ้อนซ่อนซึ้งทั้งหลับตื่น
แก้วยังยืนพราวดอกพ้อรอดวงใจ
ไกลสุดตาหากใกล้ชิดสนิทนัก
ใช่ห่างรักห่างจิตนานแค่ไหน
ระหว่างเราจิตหลอมจิตเชื่อมสายใย
คือสายใจแห่งรักแท้แน่นิรันดร์
ให้ใจเจ้างามพราวดั่งสายรุ้ง
ประดุจดั่งรุ่งอรุณต่อชีพขวัญ
เป็นไออุ่นโอบเอื้อกันและกัน
เป็นความฝันพลีแด่โลกลบโศกลา...
.....................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง
จันทร์ กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์
งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย...
26 มิถุนายน 2551 12:33 น.
พุด
ฟ้าเช้านี้สวยสงบ
ได้ค้นพบจิตดวงนิ่งทิ้งหวั่นไหว
มีเวลาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ
เสียงนกไพรขับขานวิมานภักดิ์
เห็นทุกข์เห็นธรรม ธรรมดา
เห็นมายาสุขโศกโลกทายทัก
เห็นคนคนคนวนว่ายหลงจมปลัก
เห็นบ่วงรักบ่วงกรรมตามย้ำวน
เห็นเงาความเขลาขลาดเคยพลาดผิด
เห็นชะตากรรมชีวิตมากมนุษย์สุดหมองหม่น
ต้องเวียนว่ายหาหนทางห่างทุกข์ทน
เพียรสร้างกุศลลบแผลโศกโลกพันธนา
แค่ทิ้งร่างว่างเปล่าความเป็น*เรา*หาย
เสมือนตายก่อนตายไร้สิ้นปรารถนา
เพราะเห็นทุกข์จึ่งเห็นธรรมเปิดดวงตา
ขอทุกดวงชีวาอย่ามีพญามารตามผลาญใจ...
25 มิถุนายน 2551 12:00 น.
พุด
ลมหลังฝนพรายพัดบางเบาผ่านผิวนวลให้แสนหนาว
เธอกระชับผ้าคลุมไหล่ให้โอบคลุมร่าง
ราวต้องการอ้อมโอบไออุ่นจากอกใครสักคนให้ซุกซบ
ตรงหน้าคือทุ่งสีทองที่ผ่องพราวด้วย
เรียวรวงระย้าสีทองสุกปลั่งที่กำลังค้อมคารวะ
อย่างรู้กตเวทิตาคุณแด่พระแม่ธรณี
ผู้พร้อมพลีเมตตา..แด่ทุกผองชนคนไทย
ในร่มรัตนแผ่นดิน..
เธอคนดี...มาที่นี่
มายืนอย่างดายเดียว ลำพัง
มีเพียงเรืองรองแห่งความฝันอันแสนงาม
ในมโนนึก ยามรำลึกย้อน
ฟ้ายามสนธยา
กำลังแปรสีอวดแสงสวย
ทอทาบอาบจับไปทั่วทั้งพสุธา
ให้คนไทยทั้งหล้าได้ต่างพากันสำนึก
นึกถึงสัจจธรรม...
ธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่งดงาม
เหนือนิยามแห่งการเข่นฆ่าแย่งชิง
ทิ้งไว้เพียงการทำลายล้าง....
ให้แสนอ้างว้างเหว่ว้าใจ..
เธอ..เดินช้าๆไปยังกระท่อมริมนา
ท่ามฟ้าสีไพล ในครองใจได้ยินเสียง
สรรพสิ่ง กำลังเคลื่อนไหวอย่างสอดประสาน
ในท่ามกลางกลิ่นหวานหอมแห่งเกสรบัว
ที่กำลังผลิเบ่งบานตระการไปทั่วทั้งหนองบึง..
ดอกปัญญาก็ชัดฉาย
พรายแสงประกายประหนึ่งพบโพธิจิต..นิจนิรันดร์...
......................
เสียงหัวใจเต้นช้าช้าอย่างสงบ
ให้ค้นพบสัจจธรรมดินน้ำฟ้า
ทุกสรรพสิ่งแท้ที่จริงบ่วงพันธนา
เพียงผ่านมาเรียนรู้โลก..ลบโศกกรรม...
23 มิถุนายน 2551 23:44 น.
พุด
โลกจะงามงามความดีมากมีค่า
อักษราจะงามตามใจฝัน
ดวงดอกไม้งามทุกดอกได้ผลิปัน
งามดวงจันทร์ทอรัศมีพลีดับร้อน
งามของใครเอาอะไรมาตัดสิน
มิรู้สิ้นคำว่างามอย่าตามสอน
งามของเธองามของฉันในบทกลอน
เพียงละครเล่นตามบทให้งดงาม
งามของใครก็งามนิยามเขา
งามใจเราคือไม่ไปเหยียดหยาม
รู้คุณค่าความเพียรพยายาม
รจนางานงามน้ำค้างใจ
งานของใครใครก็รักงานของเขา
งานของเรารจนาบริสุทธิ์ใส
งานเรียบง่ายจากสาวบ้านนาบ้านป่าไพร
ใครจะรักงานงามแบบไหนตามใจรัก...