ซ่อนแววตาซึ้งซึ้งเข้าถึงโลก ตรึงรอยโศกไว้ภายในใจดวงขวัญ ทุกข์ฤาสุขผ่านพบจบเพียงนั้น อดีตฝันปัจจุบันจริงสิ่งหวังรอ ณ แดนดาวพราวพร่างทางสายฝัน เป็นนิรันดร์นิรมิตมิคิดท้อ แสงธรรมทองนำชีวิตงามเพียงพอ ลูกอธิษฐานขอสถิตทอดตลอดกาล ในมโน... ดวงดอกไม้เพชรพรายล้อมรายรอบ ลมหอมหอบกลิ่นบุปผาหวานแสนหวาน สรรพสิ่งนิ่งเงียบงันสิ้นร้าวราน แลตระการวิมานไพรไปชั่วกัลป์ จึ่งซ่อนซึ้งแววตาเข้าถึงโศก แลเห็นโลกเพียงแค่มายาฝัน มินานช้าดวงชีวามลายพลัน เป็นนิรันดร์ธรรมดาตราบฟ้าดิน...! .........................................
เมื่อพบกันยามที่ฟ้าสีโศก โลกทั้งโลกสับสนจนเกินฝัน อ้างดินฟ้ามารับรู้รักนิรันดร์ พร้อมตะวันดวงชีวาใกล้ลาลับ ในเส้นทางสายชีวีที่แสนสั้น ผ่านเพรงฝันมายาเกินนึกนับ รู้เห็นโลกเจนจบเกินติดกับ เพียงพร้อมรับชะตากรรมรู้ทำใจ ลิขิตพรหมดลบันดาลให้พานพบ จะจากจบเมื่อใดไม่หวั่นไหว อยู่กับรักปัจจุบันหวั่นไปไย เมื่อหลอมใจรวมกันพร้อมปันพลี กุมมือมั่นสู่แดนสวรรค์ที่ทอดรอ เพียรมิท้อสะสมบุญในชาตินี้ สบตากันยิ้มหวานเติมพลังชีวี รักได้เท่านี้โลกเมตตาให้เท่านั้นมิฝันไกล...! .................................................
พบงามเงียบซ่อนซึ้งในบึงจิต น้ำผึ้งพิษสิ้นหวานสอนรู้ขม สิ้นวันชื่นคืนช้ำระกำตรม เพียงระทมฝากคำพรากจากเจ็บลา และ... คือช่วงมายาพันธนาภพ เมื่อกรรมจบอย่าก่อเลิกพ้อหา อดีตเพียงความฝันวันเหว่ว้า กาลเวลาจะกลืนกลบลบแผลใจ ไม่มีดอกรักใดให้เพียงหอม ทุกพวงพะยอมรอรานนานแค่ไหน วัฏฏโลกสอนโศกผันแปรไป ทุกข์เพียงใดมองด้านดีชี้เห็นธรรม จิตกระจ่างว่างวายเหมือนตายจาก ทิ้งถอนรากรักลวงบ่วงวนซ้ำ ปลูกต้นธรรมนำชีพนี้หนีโซ่กรรม สวดมนต์พร่ำภาวนา ลาแล้วมาร....!
กลิ่นดวงดอกพิกุลกำจายมากับสายพิรุณ หยาดเย็นในยามค่ำ ฟ้าร่ำไห้อย่างหนักมาหลายทิวาวันนักแล้ว กับวิปโยคโศกสะเทือนขวัญ ทั้งแผ่นดินไหว ไหนจะลมพายุใหญ่ไซโคลนนาร์กีสนากรรม นาฏกรรมแสนเศร้าสะเทือน เสียงเพรียกเตือนภัยจากธรรมชาติ ที่มาพิโรธเกรี้ยวกราด กวาดล้างสั่งสอนมวลมนุษยชาติให้พึงมิประมาท ได้จดจำสำนึก รำลึกรู้ถึงความแตกดับ อันนับวัน จักนับเนื่องต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หาก.. มากมนุษย์ยังมิยอมหยุดทำลายโลก อันสวยสดงดงามของผองเรานี้ ที่มีคุณมากล้นมหาศาล จนยากจักจารความยิ่งใหญ่ ที่.. เราพลเมืองนี้ไซร้ ราวมดปลวกธุลี ที่ได้รับมากมีความเมตตา เอื้อโอบให้พึ่งพาพึ่งพิงอิงอาศัยมาตลอด ให้ดำรงอยู่รอดอย่างปลอดภัย ที่เราทุกคนมีเพียงหน้าที่เดียว คือรู้เกาะเกี่ยวกันสามัคคีกตเวทิตาคุณ รู้ทะนุบำรุงอนุรักษ์ ป้องปักรักษาผืนแผ่นดิน สิ้นทั้งดินน้ำลมไฟ ให้ยังคงผสานผสมกันไป อย่างพอเหมาะพอดี เพื่อให้ชีพชนม์คนบนผืนโลกนี้..ได้ธำรง ได้ยังคงพบโลกอันแสนสดใสงดงาม ได้อยู่อย่างแสนสงบร่มเย็นเป็นสุข เมื่อ.. เรายังต้องเวียนว่ายเกิดมาเป็นมนุษย์ ยังต้องมีภพชาติ เพื่อมาชดใช้กรรม มาสร้างสรรทำกุศลธรรม มาต่อยอดคุณธรรม ความดี พลีไว้ให้โลกอย่างสมที่ได้เกิดมา พบพระพุทธศาสนา... ได้เกิดมาใต้ร่มฉัตรเพชรอันยากยิ่งจะหาได้ จากแผ่นดินใดไหนเทียมอีกแล้ว.... ..................... เด็กๆรายรอบวัดป่าธารน้ำทิพย์ ที่อำเภอสีคิ้ว โคราช ที่พุดพัดชา ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตปลีกวิเวก อันแสนสงบสงัด ได้พบความรัก หยาดน้ำค้างทิพย์ธรรม หยาดน้ำใจอันแสนบริสุทธิ์ใส เย็นฉ่ำประดุจดั่งหยาดน้ำค้างฟ้า ต่างได้โทรศัพท์มาชวนให้พุดพัดชาไปเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขปุณมี ณ ราตรี*เพ็ญพูนดวง* ในหอมห้วง แห่งความทรงจำอันแสน ยิ่งใหญ่ในศรัทธาใจของพุทธศาสนิกชน คนไทย แล..คนหัวใจธรรม ทั่วทั้งผืนหล้า ที่เพียรระรินร่ำ น้อมนำคำสอนของพระบรมศาสดา มาบ่มพร่ำภาวนารู้รักษาศีล สมาธิ ให้เกิดปัญญา อันเปรียบประดุจ *อัญมณีแก้วล้ำค่า*ที่พร่างพรายฉายฉาน ให้จิตดวงงามเกิดแสงประภัสสร ตระการ ดั่งบัวบานเหนือโลก เหนือโศกตรมระทมทับ จากสร้อยโซ่กรรมแห่งการเกิดดับนับมิสิ้นอสงไขยกาล แล... ในท่ามวันวาร อันแสนเกษมปิติ สองดวงชีวี กระวีกระวาด นักอยากจะเขียนเพียรสานฝัน ผู้เพียรรังสรรค์ถ้อยธรรม ธรรมชาติ *ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายธาร* และ..อีกนาม *สาวบ้านนา พุดพัดชา ผู้หลงรักป่าไพร* ผู้มีอารมณ์ละไมละมุน ขอหลอมรวมดวงใจอันหอมกรุ่น ด้วยดวงดอกรักรจนา ดอกพุทธรักษา ดวงดอกไม้ป่า พวงพะยอมผลิประดับทั้งหล้าโลก มาพลีกำนัล..ณ บัดนี้ ด้วยบทกวีธรรมและความเรียงอันละไม ให้พลันพา..ดวงดอกศีล สมาธิ ปัญญาจงได้ผุดพราว ลบหนาวโศกจากโลกแห่งความวายวุ่น หมุนทุกวงชีวิน ให้รู้รักผืนแผ่นดิน น้ำ ลม ไฟ อัน.. แสนบริสุทธิ์ใส สงบงามเงียบ ตราบยังมีลมหายใจ..ใฝ่ธรรมค่ะ วิสาขปุณณมีนิรันดร์ (Everlasting Enlightenment) ลำน้ำน่าน พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น อาบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า หยาดน้ำค้างพร่างสายพรายดารา ภาวนาอยู่ระวางวิมานพฤกษ์ ดุจริมฝั่งสายธารนิมานรดี เมทินีสว่างสรวงแม้นห้วงดึก รับบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก ผลผลึกอภิญญาณ-ฌานภิญโญ เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์ มนต์พุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร ทิวาวันวิสาขปุณณมี มะลุลีผลิรับจากหลับใหล หยดน้ำค้างหยาดเย็นค่อยเป็นไป ว่อนไหวเหล่ารุกขชาติดาษอัมพร ริมธารธรรมสายน้ำยามรุ่งเช้า ใต้ร่มเงาวนาวัลย์บรรจถรณ์ โพธิสัตว์แสงประทับจับจีวร พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร กรุ่นสุคันธ์สุชาดามาถวาย เครื่องพลีกรรมอวลกลิ่นมิสิ้นวาย โลกบาลร่วมเรียงรายรับพิธี รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา เมื่อทิพย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี ทินกรร่อนเริงเวิ้งวารี บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์ สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ อรุณยามฤกษ์ล่วงดั่งสรวงสรรค์ ถาดทองทวนลอยย้อยสาครครัน ทวนกระแสเนรัญฯ เป็นมรรคา ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง ยามโสมสรวงเสวยแสงแหล่งเวหา สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์ ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น นิรมิตทิพย-จักขุญาณ สรรพสัตว์เพรงกาลมาวางวาย ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์ หยั่งพินิจปัจจยาการมินานหมาย อริยสัจรู้แจ้งสำแดงกาย คลายซึ่งปฏิจจสมุปบาทอวิชชา เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา ดับสูญสิ้นกิเลสกล้าอัตตามาร มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน ใต้ร่มโพธิญาณอุรุเวฬาฯ ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท เอนกชาติสังสารังองค์คาถา สัปบุรุษตรัสรู้แล้วแก้วสัมมาฯ พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ ---------------------------------- ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ อุรุเวฬาเสนานิคม ไม่มีสรรพสิ่งไหนจะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึงบรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม ดินแดนพุทธคยา ครั้งสมัยพุทธกาล พร้อมกับบทเพลงบรรเลงดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม มหาอุบาสิกานามสุชาดา และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ ตั้งแต่บำเพ็ญเพียรภาวนา ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล มหาอุบาสิกานามสุชาได้นำข้าวมธุปายาสถวาย ทรงอธิฐานลอยถอดทอง ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย ณ เวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า "ในขณะนั้น ก็พอเป็นเวลาที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ เป็นสมุจเฉทปหาน พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ.." การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้ ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา ------------------------------------------------- ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ รจนาบูชาในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖
ตามรอยสงฆ์สู่แดนสวรรค์ มหัศจรรย์เหลือกล่าวปิตินัก พบรอยพระบาทยาตราศรัทธาสลัก กี่กัลป์กัปป์ประทับบนแผ่นผาศิลามณี หยาดพระพิรุณพร่างพรายดั่งสายรุ้ง ล่างคือทุ่งทิพย์ทองต้องแสงสี เมฆหม่นมัวสอนสัจจธรรมดวงชีวี ซึ้งชีพนี้เพียงมายาใช่ช้านาน บัวพิสุทธิ์ในบึงจิตจึ่งผลิพราว เหนือโคลนเศร้าดึงชีวิตจากพิษหวาน พ้นพันธนาเสน่หาลาลับดับชั่วกาล อย่าตามรานตามหลอนอ้อนออดใจ ในนิมิตเจดีย์ทองส่องประกาย คือมุ่งหมายส่องนำทางสว่างไสว ถึงปีนป่ายดายเดียวคลุกคลานไป ตราบยังมีลมหายใจไม่ยอมพ่ายหมายแดนธรรม...! วันแสนงาม....ยามฟ้าไสว แปรแสงใจดับโศก ให้ดูโลกช่างแสนสวยงาม สองพระภิกษุ ได้นำทางใจ พุดพัดชาและเด็กๆรวมกันหลายชีวิต ปีนป่ายสู่หน้าผาสูงชัน *สู่เส้นทางสวรรค์ สายสัจจธรรมที่ทอดรอ.. ให้เราเพียรมิยอมพ่าย.. ใช้เวลากว่าชั่วโมงฝ่าขวากหนามเหนี่ยว เกี่ยวขาให้เลือดซิบ ไต่ตามหลืบหินสูง สอดแทรกตัวไปตามโพรงไม้ ค่อยๆใช้มือเหนี่ยวกิ่งไม้นำร่าง มิให้ร่วงหล่นไปสุ่หุบเหวเบื้องล่าง ที่แสนน่าหวาดเสียว ในมือมีไม้ไผ่ปลายแหลมค่อยๆ ไล่ปักนำทาง อย่างช้าช้า ราวกับได้เรียนรู้การใช้สติตลอดเวลา เพื่อนำชีวิตให้ผ่านรอดปลอดภัย เด็กๆผู้เป็นเจ้าถิ่นทั้งหญิงชาย อายุไล่กันไปไม่ถึงสิบสองขวบ ปีนป่ายรวดเร็วราวลิงลมผู้เชี่ยวชาญ ทั้งๆอายุน้อยนิด บางเด็กพุดพัดชาคิดไม่ออกว่า เขาจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะไปกับเราได้ หากเขาไม่ย่อท้อ ขอพิสูจน์ตัวเอง พุดพัดชา ได้เรียนรู้และตระหนักถึงสัจจธรรม ณ นาทีนั้น ว่าแท้ที่จริงแล้วไซร้ มนุษย์คือหนึ่งเดียว ที่เกาะเกี่ยวกับธรรมชาติอย่างยากจะแยกออก โดยเฉพาะ.. เด็กๆที่เติบโตมาด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งท้องทุ่ง กับเรียวรุ้งงาม กับทุกโมงยามแห่งฤดูกาลที่แสน อวลด้วยกลิ่นไอแห่งความหอมบริสุทธิ์ พิสุทธิ์ใส สิ่งเหล่านี้คือสรรพสิ่งที่ได้หล่อหลอมดวงใจวัยเยาว์ ของพวกเขาให้แสนเอื้อโอบ อ่อนโยน รู้ละมุนละม่อม อ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติเป็นที่ยิ่งนัก และพวกเขาแสนโชคดีนักที่ได้ชิดใกล้ วัด วัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์วัดป่าธารน้ำทิพย์ ที่ยังคงยึดมั่นในคำสอนของพระบรมศาสดา อย่างคงมั่น มิผันแปรไปตามกระแสโลกโลกาภิวัฒน์ ระบบทุนนิยม ที่ค่อยแทรกซึมไปทำลายแม้นพระวินัย ของสงฆ์ให้ด่างพร้อย ให้พุทธศาสนิกชน ต่างพากันฉงนและด้อยศรัทธาลงไปทุกวี่วัน อันพึงจำเป็นที่เราควรช่วยกันดูแล แก้ไข และทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้ยังคงสืบทอดไปตราบชั่วกาล ให้ลูกหลานเราได้มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ ต้านกับกระแสกิเลส อันเหนี่ยวนำเหตุให้เกิด ความเสื่อมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ..................... หลังจากที่ใช้สติความเพียร ปีนป่าย ด้วยความมานะบากบั่นมุ่งมั่นจะไปให้ถึง พุดพัดชาถึงกับตะลึงถึงสิ่งที่ได้พบเห็น และ.. นี่คือส่วนเสี้ยวหนึ่งที่นำมารจนาฝากไว้ ก่อนจะจักจารจารึก เล่าถึงแดนสวรรค์ ที่ได้พบเห็นว่า.. ยังมีจริงในพสุธาไท พสุธาทอง พสุธาธรรม แดนพระอรหันต์แห่งที่ราบสูง บทกวีข้างบนคือสิ่งที่พุดพัดชาจารใจออกมาจากความ ซาบซึ้ง เพียงหนึ่งในร้อยแห่งความรู้สึกปิติเกษมดื่มด่ำ พุดพัดชากำลังจะจัดรายการวิทยุ เริ่มออกอากาศวันที่ 16 นี้ ที่ไหนเวลาใดจะมาเรียนให้ติดตามนะคะ หากไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ และ.. ก่อนถักร้อยเป็นสร้อยคำมาจากบึงจิต แห่งความทรงจำอันมากล้นค่าแห่งความงดงาม พุดพัดชาจะเรียบเรียงเล่าในรายการ ถึงแผ่นดินทองของเรา ที่พุดพัดชาเทิดไว้เหนือดวงใจค่ะ.. .................................