รถบุญพาจิตขวัญสู่ทางทอง ท่ามละอองหมอกหม่นบนทางฝัน สวดมนต์เช้าภาวนาในรุ่งวัน ดั่งเส้นทางสวรรค์งดงามในยามนึก ป่าแล้งหากแฝงฝังสอนสัจจะ ให้ลดละเลิกหลงในรู้สึก จิตประภัสสรเพียงตัวรู้ในล้ำลึก ให้ตามตรึกทุกผัสสะอย่ารอรี อวิชชาพาดวงตาเรามืดบอด แสงธรรมทอทอดด้วยแรงบุญกุศลศรี ให้แลเห็นสรรพทุกข์ทุกชีวี ตราบชีพนี้แตกดับลับลาไป ช่างแสนสั้นวันโศกโลกแห่งชน เพียรกมลพบทางสว่างใส สว่างสงบสยบพันธนาตอวัฏฏ์ใจ พบนิพพานไสวแม้นชั่วกัลป์ขวัญเฝ้ารอ.... ..................!
ดอกเอ๋ยดอกเยาว์ งดงามแฉล้มเฉลาดั่งภาพฝัน โลกสีขาวพราวพิสุทธิ์ท่ามคืนวัน อิ่มขวัญไร้ทุกข์สุขใจ ปั้นแต่งเสกสรรเนรมิต ให้จิตดั่งอัญมณีสว่างใส เพาะบ่มเรียนรู้เป็นไป ตามวัยแห่งฝันวันเยาว์ หยาดน้ำใจใสเย็นเช่นหยาดฝน กมลเพียงให้ไร้เหงา เติมเต็มด้วยรักนานเนา ดั่งเงาคอยชิดนิจนิรันดร์... .................. ดอกเยาว์ หากเปรียบชีวิตนี้ดังดอกไม้ ก็คลับคล้าย คลับคลา ดวงดอกฝัน ดอกเยาว์วัย หวานแฉล้ม ต้นวัยวัน บริสุทธิ์สั้น แสนดี วันวัยเยาว์ แล้วดอกโศก เริ่มแย้มบาน เมื่อรู้รัก ซึ้งประจักษ์ เล่ห์กลกาม จนใจเขลา ดอกเสน่หา ผุดงอกงาม แทนดอกเยาว์ เมื่อสองเรา แลกรสรัก รู้รสกัน ดอกราโรย เริ่มบาน ไร้รักแท้ ผ่านเกมแก้ เกมกาม จนเลิกฝัน ดอกความจริง ผุดสอนใจ ทุกคืนวัน ดอกสวรรค์ ลอยลาลับ ลงลานดิน ดอกดวงใจ แม่พ่อ เพาะบานใหม่ วนเวียนไป เป็นดอกเยาว์ มิรู้สิ้น ดอกโศกบาน ดอกรักร่วง พราวสู่ดิน บานมิสิ้น ดวงดอกไม้ ชดใช้กรรม! .............................................
เห็นจันทร์เสี้ยวบนเรียวฟ้า ปรารถนาสิ่งใดมายาฝัน เก็บทุกสิ่ง ณภายในใจเงียบงัน ให้คืนวันผันผ่านพ้นจนวันนี้ ........................... แหงนดูเดือนเสี้ยว สีทอง เห็นดาวผ่องพรายพริบพราวเต็มฟ้า ทรุดตัวนั่งนิ่งๆในกระท่อมหลังน้อย กิ่งการะเวกเขียวไพลพันพ้อคลอเลื้อยไต่ ไปตามหลังคาจาก ในราตรีที่เหงาเงียบ มีเวลาชื่นชมความงามธรรมดาธรรมชาตินี้ ที่แสนเรียบง่าย ที่ยังชอบหมายมอง ด้วยใจแสนเป็นสุขเสมอมาและจักเป็นเช่นนี้เสมอไป อีกไม่นานแล้ว ที่ฝันจะเป็นจริง คลื่นคงซัดฝั่ง ดีใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะคืนหลังกลับบ้าน กลับไปสานสร้างสิ่งที่รอคอยมาแสนนาน ให้ดวงดอกรักแท้บานในดวงใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ .................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html ปลายฟ้า ปลายฟ้าปลายฟ้า แค่หลับตาลง คงพบกัน โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์ ท่ามกลางความฝัน ของเรา ดาวน้อยดาวน้อย โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล คิดถึงเพียงเธอ ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ มากมาย เท่าคำ นี้เลย ดาวน้อยดาวน้อย โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล คิดถึงเพียงเธอ ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ มากมาย เท่าคำ นี้เลย ดาวน้อยดาวน้อย โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล ปลายฟ้า... เด็กผู้หญิงช่างฝันดวงดอกไม้สวรรค์ริมทะเลไหมมรกต! ตะวันดวงโตเท่ากระด้งฝัดข้าว สีส้มสุกกำลังลอยเรี่ยผิวน้ำทะเล ที่นะบัดนี้ทั่วทั้งท้องน้ำอาบประกายระยิบระยับ ราวผืนผ้าไหมทะเล..ทอทองทาบทา... ริมทะเลสีทองนั้น หลับตา.. จะพาไปพบกับ ภาพเด็กผู้หญิงผมเปียสองข้าง นัยน์ตาสร้อยเศร้า ผิวบอบบางราวแพรไหมไข่ปอก ที่มีที่มาที่ไป ที่คุณแม่เธอเคยเล่าให้เธอฟังว่า วันที่เธอลืมตาดูโลกนั้น เป็นที่อัศจรรย์นักกับทุกสายตา ที่เธอ..เกิดมาผิวนวลใยละไมผุดผ่องจนใครใคร พากันพูดเป็นเสียงเดียวว่า..งามแปลกนัก ทั้งๆที่ถิ่นที่เธอเกิดนั้นคนมักจะมีผิวสี และ ที่แปลกดีคือหน้าผากเธอ..จะมีชาร์มและมีขวัญ ใครๆเค้ามีขวัญเดียวแต่เธอมีสอง อย่างคุณพ่อและน้องชายแบบกรรมพันธุ์แปลก ที่คนมักทายทักกันไปต่างๆนานา ที่จนนะบัดนี้ก็ยังปรากฎอยู่ ให้เวลาเธอแสกผมแล้วจะวนเป็นก้นหอยงอนงาม ตรงกลางหน้าโหนกนูนนั้น.. แทบทุกวัน..เด็กผู้หญิง เธอจะมานั่งใต้ต้นไม้แห่งนี้ ต้นทองหลางที่ไร้ใบในยามฤดูร้อน ที่ออกดอกแดงสะพรั่งพรึบเต็มทั้งต้น ที่ตัดฉับกับผืนฟ้าที่เป็นสีฟ้าจริงๆ ฟ้ากระจ่างสดสว่างเข้มเต็มผืนแบบไร้มลพิษ เพราะที่นี่ คือเกาะที่ไกลร้าง ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่ หลายร้อยไมล์ทะล ที่ราวไข่มุกทะเล อันแสนพิไลใสสดขาวพร่างพราวพิสุทธิ์ ที่ถูกซุกซ่อนไว้โดยเงื้อมหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระพรหมผู้บันดาล ให้เป็นสถานที่แห่งรักแห่งหวังหวานยิ่งใหญ่ แด่ทุกดวงใจ..คนช่างฝัน ราวฟ้าดินมอบกำนัลให้เป็นของขวัญ แด่โลกและมวลมนุษย์ชาติ ราวสถานทิพยวิมานบนหล้าโลก มาลบโศก ให้ได้เสพสุขสงบ พบความสุนทรีย์แห่งชีวาชีวิต ที่จนถึงนะวันนี้ ก็ยังคงเป็น.. แม้นจะหลีกเร้น หนีไม่พ้นมนุษย์มนามากมาย ที่พากันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก มาเพิ่มสุข ทิ้งโศก ฝากไว้แทน มาสนุกสนานเบิกบานร่ายระบำรับขวัญ รับหวานจากพระจันทร์ดวงงาม ที่กล่าวขานไปทั่วโลกแล้วว่าหาที่ใดงามเท่าไม่มีแล้ว นอกจาก มีที่อินเดียอีกที่ หากทว่า..ที่นี่ได้องค์ประกอบครบถ้วน ล้วนเลิศล้ำยิ่งกว่าจะหาถ้อยคำใดมาพร่ำพรรณนา คือเป็น สถานที่ พระจันทร์งามขึ้นระหว่างโค้งอ่าว ที่มีทรายเนื้อละเอียดนวลนุ่มเท้า ขาวสะอาดราวแป้งเนื้อดี ที่ทุกยามเต้นรำนั้นหยุ่นนุ่มละมุน ราวเยื้องย่างบนฟองเมฆสกาวพราวพอกับฟลอร์สวรรค์ ก็มิปาน.. ย้อนรอย กลับมา...หาเด็กผู้หญิงช่างฝันดีกว่า ในเมื่อเรื่องเกาะงามวิไลนั้น เคยเล่ารจนามามากมายหลายฉากแล้วในเรื่องรักๆ ของนักอยากจะเขียนเพียรฝันคนนี้ เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่บอบบาง เกิดมากับทะเลกว้าง กับงามงดของทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริง ที่ใครใครมักงงว่าทำไมเธอถึงหลงใหลในแสงตะเกียง แสงเทียนในโบสถ์คร่ำกันเล่า ก็เพราะว่า*งามเงาแห่งอดีตนั้น* เธอตราหอมแห่งความทรงจำที่ตอกตรึงสลัก ไว้ในดวงจิตภายในอย่างงามไสวพร่าง อย่างยากจะลบเลือนหาย แม้วันปีเดือนจะเคลื่อนจะคล้อยลอยลาลับ.. ยากที่จะย้อนรอยเงาอดีต อันงามงดสดชื่นแสนหวานหวนกลับมาก็ตามที ยามนั้น เด็กหญิงน้อย ผู้ราวมีหนึ่งร่าง หากราวสองภาคสองใจในคนๆเดียวกัน ที่ ทั้งดูเดียวดายเศร้าสร้อยแสนเงียบเหงาช่างฝัน กับอีกคนอีกภาคนั้นช่างเจรจาพาทีเป็นยิ่งนัก และมีผู้ทายทักบอกว่าคงเป็นเพราะ มีไฝเล็กๆสองเม็ด ที่แทบมองไม่เห็นหากไม่สังเกตุ แตะแต้มริมเรียวปากด้านซ้ายบนล่างคู่กัน ภาคเดียวดายนั้น เธอจะปลีกตัวจากผองเพื่อน ที่ชวนกันมาวิ่งเล่น โดยใช้หาดทรายริมทะเลกว้างดั่งสนามผืนโต และมีสระน้ำทะเลแพรไหมสีมรกตเคียงข้างให้กระโดด จากต้นมะพร้าวหักงอลงล้อคลื่นตูมตามๆ ราวเป็นสระส่วนตัว และราวสวรรค์บันดาล ให้งามอย่างเกาะในฝันของอภิมหาเศรษฐีชาวกรีก อริสโตเติ๊ล โอนาซิส ผู้ล่วงลับ ที่มีเกาะแสนงามเป็นส่วนตัวไว้พักผ่อนลำพัง.. ยามนั้น เด็กหญิงน้อยผู้เดียวดายช่างฝัน จะหาทางมะพร้าวแห้งมาปูแทนเสื่อผืนงาม และ ค่อยๆเอนตัวลงนอน เธอจะค่อยๆหรี่ตาดูท้องฟ้างามสีครามเข้ม ที่นะบัดนี้ ราวถูกแตะแต้มตัดฉับ ด้วยดวงดอกแดงโดดเด่น ของดอกทองหลางทองพร่างสล้างไสว หรือดวงดอกปาริชาติงามแสนงามตามนัยน์ตา พาดวงจิตเธอดั่งสนิทแนบผสานร่าง เป็นหนึ่งเดียวราวเกลียวทองผ่องพิลาสพิไล ที่ใจเธอเท่านั้น..มองเฟ้นมองฝันพลันพาเห็นงาม ตามดวงใจภายในดวงน้อยๆนี้ ที่ยากยิ่งจะบอกเล่าให้ใครรับรู้ และเข้าใจ ยามนั้น เธอฝันไกลและแสนจะขอบคุณในน้ำใจฟ้าแลดิน ที่ช่างเมตตาปรานีให้ชีวินชีวิตจิตวิญญาณเธอ ได้มาเกิดกลางเกาะ ที่เพียบพร้อมแสนหวานแสนงาม ที่แสนยิ่งใหญ่ ด้วยธรรมชาติแสนสวยสงบสุข ไม่ให้ไปเกิดในแดนทุกข์ดั่งทะเลทราย ที่ใครๆเล่าว่า ผู้คนอดหยากยากไร้ไม่มีแม่น้ำสะอาดดื่มกิน เด็กๆจะหัวโตพุงโรก้นป่อง แมลงวันพากันมาตอมน่าเวทนานัก เธอจึงรักผืนดินฝันอันอุดมผืนนี้ ที่ ในกาลต่อมา.. เธอก็ยิ่งกลับซาบซึ้งรู้ค่ามหาศาล ว่าเธอนั้นแสนโชคดี ที่ได้มาพบพานได้มาเกิดใน *ร่มบุญพระบรมธิสมภาร* ภายใต้ร่มฉัตรร่มธรรมร่มทอง อันแสนยิ่งใหญ่ แสนดีแสนงาม อย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณได้อีกเลยแล้ว... และ บางคราเธอจะใช้เถาวัลย์ มาถักร้อยดวงดอกไม้ ดั่งสายสร้อยแสนงาม สวมเป็น *มงกฎดอกปาริชาติ* ที่วิลาศวิไล สำหรับดวงใจเด็กผู้หญิงชาวเกาะชาวไพร ที่เติบโตมาท่ามกลางความไกลห่างจากความเจริญศิวิไลซ์ ห่างไกล จากคำว่าเมืองอันเรืองรุ่งด้วยแสงสี และใจร่างดวงใสดวงดี ก็แสนจะมีชีวิตชีวาเรียบง่ายติดดิน ไร้วัตถุใดใดมาหลอกล่อใจ ให้หลงใหลไปกับเงางามนามวัตถุ ที่จำต้องแลกซื้อด้วยเงินแพงแสนมาเป็นของเล่นแก้เหงา แบบกุมารเศรษฐี แบบที่แม่พ่อมีเงินเปรอปรนเป็นถุงเต็มถัง และบางเวลา เมื่อเธอเด็กผู้หญิงน้อยเหว่ว้าอ้างว้างใจ ดายเดียวอย่างสุดๆ เธอก็จะมุดร่างใจ ให้ท้องทะเลสีเขียวราวแพรไหมใสดั่งมรกต ปลอบประโลมคลี่คลุมห่มร่าง พาตัวเองดำดิ่งลงใต้ผืนทะเลลึก อย่างไม่หวั่นสิ่งใด เธอจะกลั้นลมหายใจให้ยาวนานที่สุด และค่อยๆพาตัวแหวกว่าย ราวกับสาวน้อยนางเงือก เปิดดวงตาเฝ้าดูโลกสีคราม ที่งามสะพรั่งสีจัดจ้านสวยสุดใจ ด้วยปะการัง สาหร่ายสีน้ำตาลแผ่พรายร่ายงาม ดูดอกไม้ทะเล ฟองน้ำ หอยเม่นและปลาหลากหลายชนิด ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อลาย ปลาสินสมุทร ปลากระเบนทอง ปลาเก๋า ให้ลืมเหงาใจ แบบให้ธรรมชาติทะเลไทยทะเลใจ ที่แสนชิดใกล้ได้เชยชิดชมห่มหอมใจ.. และ เด็กหญิงน้อยๆ จะค่อยๆนอนเฝ้าลอยคอรอดู พระอาทิตย์ดวงโตสีหมากสุก ค่อยๆลดระดับลงเรี่ยผืนน้ำ ที่ยามนั้นจะสาดสายแสงสีทอง ลงอาบต้องทาทาบผืนน้ำราวแสงเพชรพร่าง วะวิบวับงามจับจิตเลื่อมประภัสสร รอเวลาให้เธอนับถอยหลัง จนกว่าตะวันดวงงามยามทิวาหวาม จะค่อยๆจมหายกลายเป็นตะวันลับฟ้า ไปกับท้องทะเลผืนงาม ให้ราตรีตามต่อเติมมาเพิ่มหยาดหวาน ด้วยพรายแสงจันทร์ มาหอมห่มงามพร่างสายแทน.. ชีวิตเด็กหญิงน้อยช่างฝัน มีเพียงคุณย่า ให้คอยตามติดเคียงกาย คุณย่าชรา ที่ช่างงามนักในรำลึก ภาพหญิงชราผมสีดอกเลา ที่ยึดมั่นในร่มเงางามศาสนา ที่สอนให้เธอศรัทธาตาม ในทุกยามค่ำคืน ให้พร่ำเพียรท่องบ่นสวดมนต์ภาวนา จุดธูปเทียนบูชากราบหน้าองค์พระปฏิมาบูชาพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.. คุณย่า ที่มีชมรมวรรณคดีสัญจร นัดไปนอนรวมกันนอกชาน ที่บ้านเรือนไทยราวในหนังเรื่องโหมโรง ค่าที่เรือนไทยนั้น แฝงฝังงามอยู่ในท่ามดงมะพร้าว และดอกไม้ไทยๆ ไสวพรั่ง ส่งกลิ่นอวลหอมลอยล่องตามลมมาพาให้ใจยิ่งชื่นยิ่งฉ่ำ บางค่ำคืน ที่ท้องฟ้าไร้เมฆ จันทร์ดวงกลมสีทองราวลูกจันทร์แขวนฟ้า จะทอแสงงามอร่ามเรือง แจ่มดวงจรัสเจรืองใจเสียเป็นยิ่งนัก เด็กหญิงน้อยจะได้ยินเสียงคุณปู่ ที่ขานขับเสภาได้อย่างไพเราะแสนเศร้าประทับ ในบทของวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน.. และ เด็กหญิงน้อย จะค่อยๆผลอยหลับพับไป กับแสงตะเกียงริบหรี่ไหว กับเสียงกระรอกไพรวิ่งไล่กันจิ๊กจั๊กเหนือทิวมะพร้าวงาม กับหอมงามแห่งดวงดอกไม้สะพรั่งริน กลุ่นกลิ่นโมกมะลิซ้อนมะลิลา และกอราตรีตรงริมชานเรือน และ หาก ค่ำคืนไหน ยังพอฝืนนัยน์ตาไหว ก็จะหวั่นไหวไปกับเสียงเล่าอันเร้าใจ ในเรื่องรามเกียรติ์ ตอนต่างๆ ที่ทำให้เด็กหญิงน้อย ค่อยๆเปิดดวงจิตกระจ่าง เฝ้าซึมซับรับซึ้งตรึงตราไว้ ด้วยความดำดื่มระรื่นรสรักวรรณคดีไทย ได้อย่างล้ำลึกเมื่อ ตรองตรึกนึกมาถึงทุกวันนี้ เด็กหญิงน้อย มีหน้าที่ตามติดคุณย่าไปทุกที่ เสมือนเงาตามตัว โดยหารู้ไม่ว่า*วันแห่งการพรากลา*ใกล้เข้าทุกขณะๆ เธอจะเดินหิ้วปิ่นโตตามหลังคุณย่า ที่ทูนกระเฌอสานสวยด้วยลวดลายดวงดอกพิกุลแสนงาม ละเอียดละเมียดละมุนใจ ในมือน้อยๆจะมีดอกไม้พื้นบ้านหลากสีสันหลากพรรณ หอมงามประดิดประดอย รัดร้อยด้วยสร้อยศรัทธาแห่งรักหวังน้อมนำไปถวาย พลีบูชาพระพุทธในโบสถ์คร่ำ ที่งามล้ำมลังเมลืองใจ ให้ใสงามงดสว่างทุกยามที่ได้กราบกราน สิ่งที่ดวงใจน้อยๆดวงนี้ ยังตรารอยจดจำรำลึกไว้ในดวงจิต อย่างลึกชึ้ง อีกสิ่งหนึ่งคือคำสอนของคุณย่า ที่ราวจะอ่อนโยนแว่วมา ให้ได้สดับในทุกคราวยามรานร้าวเศร้าใจ กับน้ำคำคนน้ำคำใครที่ไม่เข้าใจ..เรา คำสอนที่ว่า *ให้รู้เมตตา มีน้ำใจ ให้อภัย ทุกดวงใจผู้คน* และ *อย่าพิพากษาคนพิพากษาใคร ตามคำใครเขาว่า ไม่นินทาคนลับหลัง ให้รู้จักคำให้อภัยให้โอกาส คน ที่สามารถทำผิดพลาดได้ ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนเดินดิน จงใช้และให้ความปรานีมิรู้สิ้น รินน้ำใจที่ใสงามดั่งหยาดน้ำค้าง ลงพร่างพรมห่มหอมทุกห้องหัวใจ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพียรเพาะบ่มฝึกให้มีจิตดวงใสดวงดี ที่พลีพร้อม จะให้พลังใจกำลังใจทะนุถนอมทุกผู้คน ไม่ว่าจนรวย หากทำได้* ที่ไม่ช้านานเมื่อกาลเวลาลาล่วง เด็กผู้หญิงน้อยจึงพึงได้ระลึกรู้ว่า ท่านคือปูชนียบุคคลอันงามจิตงามใจอย่างที่สุด ที่เป็นดั่งครู ดั่งแม่ที่แผ่เมตตาสอนจิตใจให้เด็กหญิงน้อย ได้เติบใหญ่และ เพียรพยายามน้อมนำมาประพฤติปฎิบัติตาม ทุกน้ำใจทุกความดีงามหอมห่ม มาพรมพร่างให้แด่ทุกผู้ที่รักที่ได้ชิดใกล้ ให้เพื่อนมนุษย์ ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่างยินดีอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ภาพเด็กหญิงน้อยนั่งดายเดียว หากใบหน้าเรียวละมุนเศร้านั้น ดูช่างแสนสวยใสสงบงาม ด้วยกำลังผสานพยายามสร้างสมาธิ ตั้งใจ ร้อยพวงมาลัยดวงดอกพิกุลพราว ที่ราวธรรมชาติฝากสลักลายแสนบรรเจิดบรรจง เป็นดั่งโซ่สายสร้อยจากจิตใจผจงเส้นยาว ที่ได้งามแผกงามหอมมาถึงยามนี้ ที่ยังอวลกลิ่นกรุ่นหวานละมุน ในอกในใจในมโนนึกทุกครั้งครา.. ยามที่คะนึงนึกระลึกย้อนหลังไปในอดีต..แสนงาม.. ภาพเด็กหญิงน้อย..ช่างฝัน ที่นั่งพิงเสาในโบสถ์คร่ำ ยามคุณย่าและพุทธศาสนิกชน เพียรฟังธรรมในวันเพ็ญเดือนหก ให้พานพาเงียบสงบหากงามใจ เมื่อเธอเหลือบไปเห็นพลังกระจ่างสว่างวาบ ดั่งดวงแก้ววิเศษที่จิตจับได้ ราวเกิดปาฏิหารย์รักจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ภาพแสงเทียนพรรษาแท่งใหญ่ถูกจุดให้สว่างไสว จับจีวรสงฆ์งามกระจาย พรายพร่างดั่งแสงสงฆ์มลังเมลืองพรายไปตามผนังโบสถ์ แสงเทียนเสียงธรรมจากพระสงฆ์ นำบทสวดก่อนให้ทุกจิตนิ่งสนิทสมาธิภาวนาพาพบปัญญาใส ยามนั้น ราวโลกเล็กๆใบสวยใสสงบงาม ในดวงจิตใจดวงใจของเด็กหญิงน้อย ราวค่อยหยุดคล้อยเคลื่อนหมุนช้าลงๆ โลกเสมือนสว่างวาบด้วยปลาบปลื้มปิติ ที่จิตไหวรับได้สัมผัสงามที่กระจ่างแจ้ง ราวพบพร่างว่างวิบชั่วนิจนิรันดร.. ....................
แด่..คุณกฤษยุ ภักดีชน ผู้สอนให้รู้ซึ้งถึงค่าคำล้นค่า รักแท้..นิรันดร์.. เรื่อไรแสงนภายามฟ้าสาง หอมจางจางดวงดอกไม้ในอุษา นวลจำปีเคลียหน้าต่างมิร้างรา จากลีลาวดีบนระเบียงชิดเคียงใจ ในอรุณรุ่งหยาดน้ำค้างพร่างใบไม้ อวลลมพรายพัดพลิ้วสะท้านไหว หนาวเนื้อไร้เนื้อห่มนะดวงใจ เจ้าพรากไกลสุดขอบฟ้าไกลตาแล คิดถึงเอยแสนคิดถึง ลึกซึ้งเกินลึกซึ้งเจ้าดวงแข ดอกขจรประทับกลิ่นในดวงแด ให้ชะแง้หมายคอยจนน้อยใจ กีปีแล้วเจ้าขวัญแก้วแรมราร้าง ให้อ้างว้างนับวันรอใจร้าวไหว ให้เรียนรู้กลืนกล้ำมิพ่ายใด รู้ทำใจรักเหนือโลกสิ้นโศกราน เพียง..รอ.. ดอกรักแท้บานนิรันดร์ ปาริชาติสวรรค์พบวันหวาน กี่ภพชาติพิสวาทชั่วกัปป์กาล จะจำจารจารึกไว้...หมายรักเดียว...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...
ริมสายน้ำเจ้าพระยามหานที ในราตรีแสงดาวกระพริบไหว ราวรับรู้เป็นสักขีพยานใจ ในยิ่งใหญ่ปาฏิหารย์รักนี้ที่รอคอย.. ...................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html ในวันที่ฝนพรำฟ้าฉ่ำฝน วันที่.. ดวงดอกไม้จริงในทุกแหล่งหล้า กำลังร่ายมนตราออดอ้อนฟ้อนเสน่หา สายวสันต์ลีลา ที่ราวกำลังรอเวลา กล่าวคำอำลาพรากจากไปอีกคราครั้ง ดอกไม้..ใจ...ก็ได้รับซองจดหมายปิดผนึก ที่ทำให้หัวใจเธอ..เต้นตึกตักเสียยิ่งกว่าเสียงกลอง และ ราวกับว่า จะได้รับกลิ่นหวานหอมของหญ้าหวานชนิดหนึ่ง อวลระคนปนมาในซองจดหมาย เธอค่อยๆเปิดซองอย่างช้าช้า พลัน.. น้ำตาก็เริ่มปริ่มเต็มเรียวตา เมื่อเห็นลายมือหนักแน่นคุ้นชินเริ่มชัดขึ้นๆ และ กับข้อความในจดหมาย ที่ชาตินี้เธอ..ตระหนักชัดที่จิตที่ใจว่า หามีใครไม่แล้ว ที่จะรจนาภาษาใจได้หวานหอมเท่า ที่เร้าร้อยรัดรึงตรึงให้ดวงใจผู้อ่านผ่านตา โดยเฉพาะผู้หญิงหัวใจละมุนคนนี้ ต้องร่ำไห้สะอึกสะอื้นทุกครั้งครา กับทุกประโยค ที่ช่างแสนหายากยิ่งนักในปฐพีนี้ ที่เธอคิดว่า... เธอคือผู้หญิง...ที่ช่างแสนโชคดีที่สุดในโลกนี้ ที่ได้รับเกียรติได้รับความรัก อันหนักแน่นแสนพิสุทธิ์ใสนั้น จากสุภาพบุรุษ ที่เป็นดั่งดวงใจเป็นผู้ดีด้วยกายวาจาใจ ด้วยความรักยิ่งใหญ่ด้วยธรรมหอมห่ม ให้เธอได้เกิดความซาบซึ้งปิติใจ ด้วยความภูมิใจ ด้วยความรู้สึกลึกล้ำ เกินกว่าจะหาคำ มาบอกเล่าได้ทั้งสิ้นทั้งหมดความรู้สึกแสนงดงามนี้ ที่จะตราตรึงให้คนทั้งสอง ยิ่งคิดถึงคะนึงหากันและกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ให้ยิ่งซึ้งค่า รู้ค่ารัก รู้ค่า คำ ที่จะพลีทะนุถนอมโอบเอื้อใจกัน เพื่อสรรสร้างให้มีพลังจิตเกษมกระจ่าง ดั่งดวงแก้วงามดวงแก้ววิเศษงาม ที่จะนำทางไปสู่ความรักนิรันดร์ เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดว่าในโลกนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิย่อมมีจริง ย่อมประทานพรมาให้ กับผู้*ให้*ผู้*เมตตา* ผู้เพียรค้นหาทางธรรมมาน้อมนำทางใจ ให้ไสวพร่าง ประคองร่างประคองจิตให้งามใสไปด้วยกัน อย่างกัลยาณมิตร.. เธอ..จึงอึ้งอั้นเมื่อ พร้อมกันกับจดหมายนั้น เธอได้รับลายแทงให้เธอเตรียมเดินทางไกล ไปตามหาฝันที่แสนยิ่งใหญ่ที่มีเขาคนดีรออยู่ ที่สุดที่รักในดวงใจของเธอเขียนมาว่า *ดวงใจของพี่.. อย่าร้องไห้นะคนดีทันที่ได้รับจดหมายนี้ เพราะพี่รู้ ถึงแม้นน้องจะเป็นคนเข้มแข็ง และเพียรต่อสู้โลกและอุปสรรคชีวิตได้ในทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเศร้าสุขที่ผ่านมา หากทว่า พี่รู้ดีว่าน้องคนดีจะร้องไห้อีก ด้วยความปิติตื้นตัน ที่ทราบว่าพี่นั้นยังมีชีวิตอยู่ คนดี..ครับ พี่กำลังรอ..น้องให้มาพบพี่ พี่จะรอรับที่จุดนัดพบ เมื่อถึงเวลา และให้น้องบินตรงมายังสนามบินอุบลราชธานี ในวันเวลาตามตั๋ว ที่พี่แนบมาได้ระบุวันเวลาชัดเจนแล้ว ให้น้องทำใจให้สบายรักษากายให้ดีนะครับ ให้คิดนะครับว่า ไม่กี่ที่ทิวาราตรีแล้วที่เราจะได้พบกัน จะได้อยู่ในอ้อมแขนกันและกันแล้ว คงไม่มีอะไรที่จะงามใจ ไปกว่านี้อีกแล้วใช่ไหมครับดวงใจของพี่ พี่จะนับวันนับนาทีรอนะน้องน้อยนะครับ ด้วยรักห่วงใย จากใจพี่ .. อย่าลืมดื่มนมก่อนนอน และดูแลสุขภาพดีดีนะครับคนดีของพี่... ............. และนั่นคือสิ่ง..บันดาลดล ที่ทำให้เธอกำลังมานั่งนิ่ง ราวตกอยู่กมลฝันอยู่ในภวังค์รัก บนนกยักษ์... นะวันนี้ ที่กำลังพาร่างใจจิตวิญญาณของเธอ ผกโผผินบินผ่านม่านหมอกเมฆแสนหวาน และดวงดอกไม้ไพรในทุกแหล่งหล้าธาตรี ที่กำลังบานสะพรั่งพรึบพร้อมพลีอวยพรให้เธอ เดินทางอย่างปลอดภัย เพื่อไปตามล่า..หาฝันตามหายอดดวงใจของเธอ ที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จากขอบฟ้ากว้างใหญ่ ก็พลันจะค่อยๆแคบเข้าๆ ราวกับฟ้าดินกำลังเฝ้าอวยพรรับรู้ และ เข้าใจยอมแพ้พ่าย อำนาจความรักความคิดถึง คะนึงหาอันแสนยิ่งใหญ่ ในเนื้อใจมนุษย์ ในดวงใจมนุษย์ ที่แสนพิสุทธิ์ใสเป็นยิ่งนักแล้ว ............ เธอหลับตา ... และ..ไม่นานนาที เสมือนฝันเป็นจริงพร้อมรออยู่ตรงหน้า เมื่อถึงสนามบิน ที่เธอ..เริ่มได้ยินเสียงผู้คนสับสนอลหม่าน พากันแยกย้ายเดินทางรอนแรม หรือกลับบ้านสู้อ้อมแขนครอบครัวสู่รวงรังแห่งรัก ****** ที่นะบัดนี้ เธอ..คนดีกำลังยืนคว้างอย่างละละล้าละลัง เพื่อรอร่างใครบางคน ที่กมลภายในเธอ..โหยหามาอย่างนานเนิ่นเกินนับ ที่ขอแค่ได้เพียงกลิ่นกาย ที่คุ้นชินได้ยินเสียงนุ่มนวล ปลอบประโลมใจก็พอเพียงก็เพียงพอแล้ว และนั่น.. ผู้ชายของเธอ....ทั้งในโลกฝันและโลกจริง ร่างเพรียวของเขายืนอยู่นั่น ในท่าอันเจนตาเจนใจ กับ รอยยิ้มอันแสนสดใสแสนอบอุ่นอ่อนโยน เธอ..ทนไม่ได้ค่อยๆเดินแกมวิ่งและ ถาโถมเข้าใส่เขาเหมือนเด็กเล็กๆ ที่เขาก็กำลังอ้าแขนรอเวลาโอบรัด กระชับร่างงามบอบบางนั้นด้วยความรักมากล้น ให้ยอดดวงใจแสนรัก.. ทิ้งทอดร่างงามกอดรัดเขา และ พร่ำกระซิบจูบริมหูเบาๆ และกับคำพูดที่แสนซึ้งซาบ ที่ได้ยินกันเพียงสองคน *น้องคิดถึงๆๆๆๆค่ะ* *เช่นกัน*มากที่สุดเลยจ้า พร้อมเค้าเคลียคางสากริมไรผม และดอมดมพรมจูบแผ่วผิว หากแสนหวานซึ้ง จากใจที่หนักแน่นมั่นคง เสมือน ยามที่ภูผาปล่อยให้เมฆนวลเคล้าเคลียอย่างมิรู้เบื่อหน่าย ให้เธอ..ได้คลายรู้สึกรักคิดถึง จนกว่าจะหนำใจ แล้วๆค่อยๆผละออกจากอ้อมอกอุ่นละมุนละไม เมื่อเขาพยายามหมุนร่างเธอวนดูรอบๆ ฝากทุกสายตาเอ็นดูผ่านมาชื่นชม กับภาพแบบนี้ ในสนามบินที่ใครๆ พากันเห็นกันจนชินตา กับภาพอำลา... หรือภาพรับขวัญประทับใจ ที่สามารถเรียกน้ำตาได้ ทั้งผู้ที่กำลังจะจากไปจากไกล และสำหรับผู้ที่มาเยือน ที่คืนเรือนมาให้ครอบครัวได้รับขวัญอย่างพร้อมหน้า จนกลายเป็นภาพแห่งความเคยชินธรรมดาๆ และ ที่ทุกคนมองมายังคู่เธอนั้น เพราะ ดูราวกับว่าพี่ชายกำลังพบหน้าน้องสาวก็มิปาน ค่าที่ใบหน้านั้นละม้ายกัน และงามละมุนใจทั้งคู่ กับความสุภาพที่แฝงอยู่ในเรือนร่างบึกบึน อย่างสุภาพบรุษของพี่ชายคนดี เธอยิ้มหวาน..เขายิ้มกว้าง และ ร่างใจราวกำลังหลมอละลายกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อสบตากันฉ่ำชื่นชื่นใจ และ ราวกับโลกและฟ้าดิน กำลังค่อยหยุดเคลื่อนไหวลงอย่างช้าๆ ราวกำลังจะรอเวลาหยุดหมุนเอาใจช่วยอวยพร เฝ้าดูปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์แห่งรักนี้ที่รอคอย ที่ยากยิ่งนักที่ผู้ใดจะเข้าใจ.. เขา...มีคนขับรถจิ๊ปคันใหญ่ มาให้เธอนั่งเป็นเจ้าหญิง และ ตลอดเวลาตลอดระยะทาง ทั้งสองดวงใจ จะนั่งเอนอิงพิงไหล่และ เกาะกุมมือกัน ราวจะใช้ใจถึงใจหลอมละลายแนบประกบ ราวกับจะถ่ายทอดพลังแห่งหัวใจ ที่แสนงดงามเปี่ยมแปร้ ด้วยความคิดถึงๆและคิดถึง ที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำใดออกมา ต่างก็สบตากันและกันอย่างแสนซาบซึ้ง ที่เป็นความรู้สึกงามล้ำดำดื่ม นะภายในก้นบึ้งแห่งดวงวิญญาญ์ ตลอดเวลาตลอดทาง.. เธอ..ไม่มีคำถาม เพียงเพียรพยายามใช้สายตาสำรวจเส้นทาง ที่รถขับผ่านไป...ผ่านไป...อย่างไม่เร็วนัก เสมือนจะให้เธอที่รัก ได้ทอดทัศนาสิ่งแวดล้อมรายรอบ ที่เริ่มจะชัดเจนขึ้น ให้เธอ..เริ่มอึ้งงงงัน และ พลันในรายรอบสายตาเธอก็เริ่มชัดขึ้นๆ ราวกับฝันไปในเวิ้งจินตนาการ... เมื่อ..รถจอดสนิท เขาบอกเธอให้หลับตาช้าๆ.. และบอกว่า.. อย่าลืมตาจนกว่าเขาจะบอก.. เธอ..ได้กลิ่นดวงดอกไม้บางชนิดที่ชั่วชีวิตนี้ ไม่มีวันที่เธอจะลืมเลือนจะจำไม่ได้.. *กลิ่นดวงดอกพุดซ้อนที่หวานหอมแสนเศร้า* และ ยิ่งยามนี้ ยามที่สนธยาใกล้ค่ำ ก็ราวยิ่งอบอวลระรินร่ำ ราวทำให้เธอตกอยู่ภวังค์ฝัน ในดงดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ในดวงใจในความฝัน ที่เธอผูกพันมาตั้งแต่อ้อนแค่ออกแต่แรกเกิดก็ว่าได้ เขาบอกให้เธอค่อยๆลืมตาขึ้น..อย่างช้าๆ และ นั่น...!!!!!1 ตรงหน้า ภาพในคลองตา ที่เธอใช้คลองใจคลองจิตวิญญาณ บ้านภายในใช้ใจดวงสวยใสสว่างกระจ่างสัมผัสงาม... ในยามที่เธอตั้งใจต้องการรับรู้รับทราบ กับทุกภาพยามชิดใกล้ยามได้อยู่ใกล้พี่ชายแสนรักคนดี ที่เธอนี้.. อยากจะมีอยากจะเก็บทุกส่วนเสี้ยว แห่งความทรงจำอันมักจะหวานหอมห่ม ให้ห้องห้วงใจได้รับหวามไหวงดงาม ในทุกยามกับกาลเวลาเนานานที่ผันผ่านฝากดี และ นั่น..!! ราวสวรรค์ชลอ...ฟ้าประทาน.. ให้พลันปรากฎความงามแสนยิ่งใหญ่ ตรงหน้า... ราวกับว่าเป็นวิมานแก้ววิมานทิพย์ ภาพกระท่อมในฝันในใจ ที่โผล่พลันขึ้นมาในท่ามกลาง สายหมอกรำไรในดงดวงดอกไม้ไทยสะพรั่งกลิ่น ที่ หันไปทางไหน มีแต่ดงดวงดอกพุด..สีขาวๆและสีขาว ที่ออกดอกดกมากมาย กำลังพรายพร่างกระจ่างใจ ที่กำลังส่งกลิ่นประทิ่นระรินร่ำประโลมใจดวงเศร้า ให้หยาดน้ำตาใสใส ราวน้ำค้างแก้ววะวาววับจับจิตจับใจ หล่อเลี้ยงในเรียวตา รอเวลาเพียงละหลั่งรินรับ กับงามประทับใจจนเกินกล่าว ให้พี่ชายผู้แสนดีทนไม่ได้ต้องหันไปบอกว่า คนดี.. อย่าร้องไห้.. พี่กำลังจะกระซิบเล่าอะไรให้ฟัง เอียงหูมานะครับ และสัญญานะครับคนดี.. ว่า.. น้องน้อยจะต้องหยุดร้องไห้เสียที ก่อน ที่พี่จะเล่าเรื่องราวทั้งสิ้นทั้งหมด ที่ปรากฎแก่สายตาน้อง นะบัดนี้นะนาทีนี้..! ให้น้องน้อยได้รับทราบได้รับฟัง อย่างหมดจดใจ อย่างถอดใจ..นะครับสัญญา.* น้ำตาเธอยิ่งพร่าพราว เมื่อเขาเล่าเรื่องจบลง และ ทุกสิ่งฝัน ได้ค่อยๆชัดเจนขึ้นให้เธอเพ่งพิศ ด้วยดวงใจด้วยดวงตาด้วยน้ำตา ที่เริ่มจะระรินไหลอีกคราหนึ่ง อย่างมิรั้งรอมิอาจหยุดยั้ง กับภาพ ตรงหน้า.. ราว*สวนประหนึ่งฝัน* ปานประดุจดั่งวิมานแก้ววิมานทิพย์ ดั่งสวรรค์เนรมิตร สวนทิพย์สวนขวัญ มากำนัลมามอบให้ด้วยมากเมตตา วิมานดิน..กระท่อมทิพย์วิมาน ที่งามล้ำเคียงหล้าเคียงใกล้ผืนน้ำโขง ที่กำลังส่องแสงพรายพร่างงามระยับระยิบ ดั่งมือนางฟ้าเพิ่งมาปรายโปรยเกร็ดเพชร ลงในท้องน้ำเบื้องล่าง..ให้งามพรายอย่างหาที่ติไม่ได้ และนั่น อาคารเป็นสไตล์ล้านนาท้องถิ่น จำลองมา ให้ราวแยกเป็นสองส่วน มีอาคารหลักราวแบบวิหาร และ มีอาคารเปิดโล่ง โปร่ง เพื่อเปิดรับสายลมเย็นและกลิ่นไม้หอม ดวงดอกไม้ป่าดวงดอกพุด ที่กำลังล่งกลิ่นสะพรั่งรินอวลมาเป็นระยะๆ กับสายลมหนาวในยามค่ำ ที่ตะวันดวงโตสีไพล กำลังค่อยๆผันดวงลงสู่ผืนน้ำอย่างละมุนละไม อีกอาคารรองถัดมา มีลักษณะเป็นศาลาบาตร สำหรับรับรองแขก ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะ มีเตียงสี่เสาและตั่งสำหรับนั่งเอกเขนก มีหมอนขวานหมอนอิง ที่ใช้ผ้าไหมหลากสีมาประดับตกแต่ง แบบตะวันออก อาคารและการก่ออิฐถือปูน การใช้ไม้ในการปลูกสร้าง เป็นการยืนยันเอกลักษน์ของสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ที่ดัดแปลงให้เข้ากับการใช้งานจริง มีหน้าบันวิหารเก่าแบบล้านนา เครื่องเรือนอื่นๆเช่นตู้ โต๊ะ ตั่งเตียง ก้ล้วนแล้วแต่ใช้ช่างฝีมือพื้นถิ่นทำ เพื่อรักษาวิถีภูมิปัญญาไทย รวมทั้งงานศิลปะ รูปสลักหินทุกทุกชิ้น ที่สื่อแสดงความเป็นไทยโบราณ ย้อนรอยอดีตอันงดงาม..แต่กาลก่อน ที่วางประดับตามสวนในมุมต่างๆ ที่นะบัดนี้ สายแสงเทียน กำลังอวดแสงโชนจากทุกดวงโคมไผ่ ที่ซุกซ่อนไว้ตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์ และ กำลังถุกจุดขึ้นทำหน้าที่พร่างไสววะวูบวับ รับล้อกับตุงผ้าฝีมือประดับไปรายรอบเรือน และ ที่แสนงามใจอย่างที่สุดคือ มีชานเรือนไม้ที่ยื่นชิดออกไป ให้คลอชิดใกล้สายน้ำโขง ที่กำลังไหลระรินอย่างช้าๆ มีลั่นทมหลากสี ที่เคลียใกล้ชายคาแห่งรักแห่งฝัน และ ราวกับกำลัง ได้ยินเสียงมหากาพย์ดนตรีแห่งพงไพร และเสียงแห่งสายน้ำที่ราวกำลังร้องเพลงเห่ครวญ ให้สุดหวนไห้ในดวงใจอย่างหวานเศร้าละมุน ในท่ามกลางความสงบสงัด และมีเสียงเรไร จั๊กจั่น กำลังช่วยบรรเลงเพิ่มเติมตามต่อคลอใส ด้วยเสียงหวานหวานหวาน ในท่ามกลางนวลพรายสายแสงจันทร์ ที่กำลังลอยเลื่อนพ้นดงไม้รำไรๆ ข้ามพ้นขอบโค้งภูเขามาอย่างช้าๆ ในคืนหนาว ที่ดาวกำลังระดะดวงเต็มอ้อมฟ้าอ้อมฝัน ที่นางฟ้าได้มาปันโปรยหว่านหวาน ให้ทั่วทั้งท่องนภาฟ้ากว้างราวมีทางช้างเผือก ประดับประดา กับทุ่งดวงดอกหญ้า ทุ่งดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร กับเถาวัลย์ที่กำลังพันเลื้อย ออดอ้อนกิ่งมะลิวัลย์ กับเสียงวิหคไพร ที่กู่ก้องร้องเพลงหวานแสนหวานมาจากแมกไม้ กับมนต์หวานในม่านเมฆงามเงา กับกลิ่นของความเป็นชนบท และ ที่สำคัญที่สุดคือกับความงดงาม แห่งเนื้อใจของผู้อันเป็นที่รักภักดิ์พลี ที่ได้มีโอกาสมาเคลียคลอพ้อฝันชิดใกล้กัน ............ ดวงดอกไม้พุดไพร..น้อยๆ จึงค่อยๆหยุดร้องไห้ พร้อม กับเอนอิงนั่งพิงลงในตักของพี่ชาย ****** พลางโน้มน้อมคอดอมดมพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า อย่างอ่อนหวานอ่อนโยน อย่างละเมียดละมุนใจ อย่างแสนขอบคุณแสนซึ้งใจ ในน้ำใจอันแสนหนักแน่นยิ่งใหญ่ อย่างยากที่ผู้หญิงคนใดจะได้รับ ที่ เธอแสนรักเอยแสนรักในกมล เสียเป็นยิ่งนักแล้วนะยอดดวงใจของน้องน้อย และพร้อมกันกับที่..พี่ชาย..แสนดีของเธอคนนั้น ก็พลันค่อยๆจูบประทับรับขวัญ ตอบกลับมา ที่หน้าผากน้องน้อย อย่าละมุนละม่อม อย่างแสนรักแสนอ่อนโยนเฉกเช่นกัน ให้ฟ้าดิน..สวรรค์พลันรับรู้ เพื่อโปรยพรให้กับทั้งสองดวงใจ..ที่ช่างแสนสุข...ล้ำ.. ในสวรรค์ไพรสวรรค์บนดิน *ในกระท่อมพุดไพรในเวิ้งฝันนิรันดร์รัก..!! ........................ บุพเพสันนิวาส เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์ คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม คอยภิรมย์ เรื่อย มา ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้ ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้ รักยังได้ บู ชา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา...