ดวงใจแสนหวั่นไหวยามคิดถึง ลึกซึ้งห่วงหาฟ้าดินรู้ ไกลสุดหล้าน้ำตาพรู ให้รับรู้คนทางนี้พลีใจรอ นางฟ้า...ที่รัก วิมานภักดิ์รอรับขวัญอธิษฐานขอ ให้ดลจิตคิดคืนหลังนะนวลละออ เรามิท้อรอพร้อมหน้าฟ้าเมตตา ยอดเทวี..แห่งดวงหฤทัย อยู่หนไหนใจห่วงหา ส่งอ้อมกอดสู่ขวัญชีวา ในปรารถนาอย่าพรากกันนิรันดร..! วันที่พายุร้าย พรายพัดแรงราวแกล้งโลกให้โศกราน วันที่สายการบินหนึ่งพาผู้โดยสารสังเวยเกือบร้อยชีวิต พาให้จิตหลายดวงที่ร้อยรัดกับผู้เป็นที่รักในเที่ยวบินมรณะนั้น ถึงกับนิ่งงันฝันร้ายด้วยความตกตะลึง วันที่ทำให้.. ใจดวงหนึ่งพลอยหวั่นไหววิปโยคโศกสะเทือนไปด้วย และขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมาณ..ที่นี่. และ..พลอย..พาย้อนคิดกลับ.. ไปถึงเรื่องรักที่เคยรจนาฝากไว้นานมา..ค่ะ อย่าร้องไห้เพื่อฉัน..นะเชน! ปริมกำลังเดินทางไปสุราษฎร์ธานี.... กับเที่ยวบินของสายการบินไทย....... ด้วยใจ ที่เต็มไปด้วยความสุข.......... จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไรเล่า........ เมื่อมีหนุ่มคนดีของปริมรอรับอยู่ที่นั่น .......... ปริมรอเวลานี้มาแสนนาน..... เวลาที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดอันแข็งแรง และอบอุ่นของคนที่ปริมรัก และภักดีด้วยใจทั้งดวง......... ........ หนุ่มคนซื่อของปริมถูกย้ายไปทำงานที่นั่นในตำแหน่ง.. เจ้าหน้าที่ที่ดินประจำอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่ง........... ........ ปริมรักกับเชนมานานหลายปี ตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ เชนเป็นทั้งเพื่อน...ทั้งพี่ ผู้แสนจะอ่อนโยน..ใจดี.. .และ..เชนไม่เคยห่างหายไปจากชีวิตของปริม ไม่ว่าในยามใดที่ปริมต้องการ.......... นานหลายเดือน......... ที่ปริมรู้สึกมีบางสิ่งขาดหายไปจากชีวิต....ไม่มีเชนคอยชิดใกล้....ช่วยเหลือ.......ทุกเย็นเชนจะขับรถไปรับปริมจากโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ที่ปริมสอนอยู่......... เชนหัวเราะง่าย...ใจดีนักหนา จะมีขนมไปแจกเด็กๆ..... และบางครั้งจะแอบพ้อกับปริม....เมื่อไหร่หนอ.... ปริมจะใจอ่อน..ยอมรับคำขอแต่งงานของเชนสักที....... ปริมจะได้สอนลูกของเราเองบ้างนะ.... ปริมสับสน.......ปริมเพียงแต่รอบคอบ... ใจแข็ง..เพื่อจะรอให้ทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้..... .ปริมอยากมีเงินเก็บสักก้อนเพื่อจะได้เริ่มชีวิตใหม่ที่แสนจะสวยงาม......... แต่.......... วันนี้ปริมพร้อมแล้ว เชนทำให้ปริมไม่รีรออีกแล้ว...... ตั้งแต่เชนจากไป...ปริมรู้สึกโลกนี้ช่างว่ างเปล่า... เดียวดาย ไร้หวัง ซะเหลือเกิน จดหมายเชนที่เล่าถึงสภาพความกดดัน..... ของการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตงฉินของเชน แต่ไปขัดผลประโยชน์ของ ผู้มีอิทธิพล ทำให้ปริมรู้สึกร้อนรุ่มใจ............ .และยิ่งเชนพร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงปริมอย่างมากมาย........... ในคืนวันที่เดียวดาย........ในอำเภอเล็กๆ ซึ่งห่างไกลความเจริญ.. โดยที่ไม่มีปริมเคียงข้าง........... เดือนก่อนเชนขึ้นมาหาปริม และก่อนจากลา...... เชนดึงปริมเข้าไปกอด ...พร้อมกับทำให้ปริมประหลาดใจ ด้วยการสวมแแหวนวงเกลี้ยงให้ปริมที่นิ้วนางซ้าย....... .เชนกระซิบบอกว่า..นี่คือแหวนหมั้นจากหนุ่มข้าราชการคนจน..... และคิดว่าถ้าปริมยินดี ก็ให้สวมมันไว้........ จนกว่าจะถึงวันนั้น..ของสองเรา ปริมน้ำตาซึม...โลกทั้งโลกตรงหน้าที่เคยว่างเปล่า................ เมื่อขาดเชน......กลับสว่างไสวโดยพลัน..... .ปริมรู้..นับจากนาทีนั้น..ว่าปริมขาดเชนไม่ได้ .. และจะไม่มีวันทำให้เชน...ต้องรอคอยอีกต่อไป.......... ปริมตัดสินใจในวันนี้....เพื่อจะบอกเชนว่า.. ปริมจะไม่จากไปไหน ปริมเพียงแต่ขอให้เชนจัดพิธีมงคลเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของการเริ่มชีวิตคู่ ..... เพื่อการเริ่มต้นที่งดงามในชีวิตหนึ่งนี้....... ปริมรู้ว่าเชนรอคำตอบนี้........มาแสนนาน................... เชนคงจะยิ้มแก้มปริ และคงจะกอดปริมแน่นด้วยความดีใจ................ ปริมเหลือบดูแหวนอีกวงที่ปริมสวมคู่กับแหวนของเชน... ที่ปริมตั้งใจจะมอบให้เชน..และจะบอกคนที่ปริมรักดังดวงใจว่า................ เราจะไม่มีวันพรากจากกันอีกตราบชั่วนิรันดร์ ................ ปริมหลับตาคิดและฝัน..... รอที่จะให้ถึงเวลาแห่งความสุข รอเวลาที่เครื่องบินจะแตะรันเวย์...... และปริม...... จะได้โอบกอดใครบางคนแนบแน่นเท่ากับแรงใจแห่งรักที่มี ........ ปริมจะสร้างชีวิตใหม่.......ชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย...งดงาม..มากล้นด้วยความรัก .....ความเข้าใจ......กับเชน...........ปริมจะเนรมิตให้บ้านเล็กๆริมลำคลองในชนบทแห่งนี้....ให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา....... ปริมจะปลูกผักสวนครัวมุมหนึ่งของบ้าน.......เย็นๆปริมจะขอให้เชนดูแลรดน้ำให้..........และปริมจะปลูกไม้ดอกที่จะออกดอกชูช่อสวยงาม.....จนกลายเป็นบ้าน.....ในดงดอกไม้นานาพรรณ......... เย็นๆปริมจะทำกับข้าวที่เชนชื่นชอบไว้รอท่า..........และเมื่อค่ำคืนมาเยือนปริมจะออกมานอนชานระเบียงเพื่อชื่นชมดาวเดือน ในอ้อมกอดของคนที่ปริมรักนักรักหนา................. ปริมฝัน..........และฝัน.................จนนาทีสุดท้ายของชีวิตที่ปลิดปลิว................ .......... สถานีข่าวทุกหนแห่งในประเทศไทย.....กำลังแพร่ภาพออกไปพร้อมข่าวด่วน........เครื่องบินของสายการบินไทย..ตกที่สุราษฎร์ธานี..ตอน 3ทุ่ม..ขณะที่ฝนตกหนักและมีพายุ..........และหนึ่งในรายชื่อผู้โดยสาร.......มีชื่อของนางสาวปริม บุรีรักษ์ .................................................................................................................................. เขียนจากความทรงจำอันเจ็บปวด จากการสูญเสียคนที่รักไปด้วยเหตุการณ์ในวันนั้น
ฟ้า...ค่อยๆคลี่ม่านตระการ เปิดรับสายแสงแรกสราญ รับอรุณรุ่ง..อีกวันและอีกวัน ดวงดอกไม้ละออทั้งโลกหล้า ก็ต่างพากันคลี่รอรับดวงดอกแดดอ่อนๆอุ่นๆ ให้ไล้ละมุนหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้าง พร่างระเหยหายวับไปกับพรายสุริยา แล้ว.. ต่างพากันแย้มเผยอกลีบเกสรแสนหวาน บานรอมวลหมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์ มาตอมบิน..ตามติดชิดเชย..ชม.. สายธารา... ยังระรินไหลพร่างพรม ในป่าใหญ่พฤกษ์ไพรกว้าง จาก..เทือกภูสู่แดนดินที่ราบลุ่ม ฝากความกลุ้มระทึก ให้นอนหลับไม่ลึกไม่เต็มตื่น ด้วยกลัวภัยจากสายน้ำป่า ที่นับวันจะแล้งไร้น้ำใจ ต่างพากันพร้อมพลีไหลเชี่ยวกราก มาฝากมาสอนบทเรียนสัจจธรรม.. มวลมนุษย์ไม่รู้รักษ์ พึ่งพาพิงพิงอิงเอื้อโอบซึ่งกันและกัน ไม่สมานฉันท์สามัคคี ดีแต่ทำลายล้าง อ้างต่างชาติ ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไซร้.. เหนือกว่าสิ่งใดในโลกาภิวัฒน์นี้ คือความยิ่งใหญ่แห่งธรรม ธรรมชาติ ที่นำความบริสุทธิ์ สว่างสะอาดสงบ มาพบ..มาสู่ขวัญปันดี.. มาพลีให้ทุกดวงชีวีได้ชื่นชมโลกลดโศกตรม ให้ธาตุ ดินน้ำลมไฟ ยังคงผสานผสมเพาะบ่ม สอดประสาน ประทานเมตตาแด่สรรพชีวาชีวิต ให้ยังคงสถิตทอด ดำรงอยู่รอดมาอย่างนานช้า อย่างกรุณาปราณี อย่างมิ่งมิตรที่หยิบยื่นไมตรี อย่างที่แสนสัตย์ซื่อถือมั่นเป็นภารกิจหน้าที่ ดั่งดวงตะวันนี้ ที่ยังมิเคยหนีหาย ดั่งลมที่ยังร่ายพัดโบกไหว ดั่งดาวไสวเดือนพรายในราตรี ดั่งสายน้ำรักนิรันดร์ในฤดีที่ยังคงไหลล่อง ดั่งพระแม่ธรณีทองที่ยังคงทอดนิ่งหนักแน่นให้เหยียบย่ำ ให้ได้หว่านเพาะพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ พูนเพิ่มพลังแห่งรักพลังลมหายใจ ที่จักพาให้โลกหมุนไป หมุนไป หวังให้ทุกดวงใจนับพันล้านได้ตระหนัก รู้สรรสร้างฝันดีรู้พลีคืนกลับกตเวทิตาต่อฟ้าดิน ต่อแผ่นดินแม่มาตุภูมิ รู้ภาคภูมิใจ รู้ปันแบ่งหยาดน้ำใจรัก รู้ค่าความภักดีต่อโลกรู้ลดโศกแล้งไร้ หมายสร้าง... สงบสันติสุขให้หมดทุกข์โพยภัยไปทุกหย่อมหญ้า หากทว่า... กี่ครั้งคราวกี่หนาวเหน็บกี่หมื่นทุกข์ที่บุกโหมโถมถา พวกมนุษย์ใต้หล้า ก็ยังต่างพากันไร้สิ้นจิตสำนึก ไม่รู้สึกถึงพลังธรรม ธรรมดา ที่ฟ้าดินเมตตาประทาน ยังประมาทหาญหัก ยังไม่รู้รักษ์ ..รู้ทะนุถนอมดูแล รู้เพียงแค่เห็นแก่ตัวทำลาย ราวหมายให้การเกิดดับนับอนันต์นี้ถึงที่สุดกระนั้น.. แลฝัน...ใดไหนเล่า.. จะวิปโยคโศกสะเทือนเท่า เมื่อวันหนึ่ง... มวลมนุษย์จะตรึงตรมด้วยหยาดน้ำตา เสมือนค่าคำทำนาย.. ที่ว่า... โลกหล้าที่แสนหมดจดงดงามนี้ จักถึงกาล..สิ้นไร้ซึ่งแสงตะวัน... ไปตราบชั่วนิจนิรันดร...!
เราสาม..มิใช่เราสอง.. กำลังนั่งทอดตานิ่งนิ่ง ริมฝั่งฝันเจ้าพระยาในยามเย็น อาทิตย์อัสดงอย่างซื่อตรงเหนือชายชลทิวไม้ เห็นเรือโยง กำลังโยงกันไปในท่ามกลางสายน้ำใจเจ้าพระยา ฟ้าเริ่มแปรสีเป็นฟ้าสวย ชมพูปนส้ม อมเทาทองทอดทาบอาบอิ่มกลมกลืน ดูละมุนละไมด้วยนวลเมฆนุ่มดั่งสายไหม ในยามตะวันรอน ผู้หญิง..หัวใจดวงอรชร ใส่หมวกสานสวยด้วยหัวใจ..จากฝีมือชาวบ้าน ที่คงค่างามความประณีตละเอียดอ่อน ทวนกระแสโลกศิวิไลซ์วัตถุ ที่วัดความหรูด้วยราคา ใช่งามล้นค่าจากความดิบเดิม..แห่งภูมิปัญญาไทย ที่สืบทอดสานสายใยมาอย่างยาวนาน..ต่อเนื่อง.. ให้ลูกหลานประเทืองประทับใจมาจนทุกวันนี้.. อย่างควรที่จะรู้ค่ารักษ์ธำรงเอาไว้..ให้โลกประจักษ์.. เสียงเพลง..หยาดเพชรกำลังถูกขับครวญ จากสุภาพบุรุษหัวใจดวงทอง ที่ปองหมายฝากรักฝากขวัญ ให้สายน้ำรักนิรันดร์ได้รับรู้...บนเวทีที่ดนตรีกำลังบรรเลงคลอ ฟ้าทอสีจรุง..ราวรุ้งจรัส ท่ามธรรมชาติสงบสงัดริมชายชล สามกมล..กำลังดื่มด่ำกับบทเพลงแล้วบทเพลงเล่า ที่นักดนตรีเฝ้าครวญให้ฟัง ราวกับ.. ตกต้องอยู่ในภวังค์ฝันแห่งหอมห้วงมนตรา ไปกับฟ้าสีโศก ... ที่โลกทั้งโลก กำลังเริ่มวิกฤต ด้วยนานาปัญหาอันรุมเร้า ให้เร่าร้อน ยากผ่อนเพลา เข้าทุกที.. เจ้าพระยา กำลังนิ่งฟังทุกเสียงกระซิบสั่ง..อาลัย ไทยหนอไทย เคยสงบร่มเย็นมานาน แล้วไย.. จำมาพล่าผลาญเข่นฆ่ากันเอง ในแผ่นดินแม่มาตุภูมิ ที่ให้ข้าวให้น้ำให้เจ้าได้หยัดยืนมาอย่างทรนง คงความเป็นคน หล่อเลี้ยงกมลให้เจ้าได้ยังมีลมหายใจ แค่นี้.. ก็ยิ่งใหญ่จนเกินจักให้หัวใจตอบแทนกตเวทิตา รู้ค่าความเป็นมนุษย์ผู้พิสุทธิ์งามแล้ว.. เสียง...แสนหวานรานโศก จากบทเพลงวิปโยคสะเทือน ของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ *โลกของผึ้ง* ลำนำที่... ถูกนำมาขับกล่อมจากอีกหญิงหนึ่งที่ยังมีชีวิต หาก..ถูกชะตาพรหมลิขิตให้ดวงตามืดบอด หากเธอก็ยังมีดวงใจงดงาม ด้วยนิยามแห่งการต่อสู้ อย่างผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และ..กับนาทีนั้น.. พลันพาให้หัวใจหญิงชาวไพร ช่างแสนละมุนเกินกล่าวแล้ว...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4685.html โลกของผึ้ง ...พุ่มพวง ดวงจันทร์ โลก สุดสวย อันแสนกว้าง ไกล มวล พิษภัยดูมาก มี แต่ ชีวิต ในโลกทุกชีวี ยัง ต้องมี ดิ้น รน ผึ้ง น้อย ตัวหนึ่งนี้ ดิ้นหนี พิษภัย ที่ ผจญ ต้อง ทุกข์ ต้อง ทน เพื่อชีพตน และคน ร่วมเดิน ผึ้ง ผกผิน บิน ลอยลิ่วเคว้ง เอา เสียงเพลง แลก เงิน ผึ้ง ก็หวัง แฟนผึ้งยังไม่เมิน ปล่อย ผึ้งเดิน ที่สลัว ผึ้ง ได้กิน ใช่กิน เพียงตัว ทาง ครอบครัว ก็อิ่ม กัน ผึ้ง น้อย ตัวหนึ่งนี้ ดิ้นหนี พิษภัย ที่ ผจญ ต้อง ทุกข์ ต้อง ทน เพื่อชีพตน และคน ร่วมเดิน ผึ้ง ผกผิน บิน ลอยลิ่วเคว้ง เอา เสียงเพลง แลก เงิน ผึ้ง ก็หวัง แฟนผึ้งยังไม่เมิน ปล่อย ผึ้งเดิน ที่สลัว ผึ้ง ได้กิน ใช่กิน เพียงตัว ทาง ครอบครัว ก็อิ่ม กัน...
ทะเลหน้าฝนหม่นมัวด้วยแรงลม พรายพรมด้วยสายวสันต์พรูพร่าง ในท่ามทะเลฝันเวิ้งว้าง งามกระจ่างด้วยน้ำค้างเพชรจากฟ้า ในอ้อมกอดทะเลที่แสนรัก ลั่นทมทายทักเหว่ว้า ซบหน้ากับหมอนนิทรา ฝันว่าพรานทะเลคืนสู่กระท่อมใจ ชบาชมพูริมรั้วบานรอ เคลียคลอด้วยปาริชาติสวรรค์ไสว อ้อมตักนี้รอเธอซุกซบนะดวงใจ นานเท่าไรแล้วที่ดาวชีวีนี้มืดมน คลื่นคลอทรายกระซิบสั่งดั่งคำมั่น นิรันดร์รักยังฝากขวัญมิสับสน หากตราบใดสายนทีมิแปรวน ถึงทุกข์ทนตราบวันตายยังหมายรอ...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html ฉันรักเธอเสมอ หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์ เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์ เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์ เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์...
เล็บมือนางพร่างหอมรับอุษา แลลอดฟ้าสีเงินงามกระจ่างใส นอนหลับตานิ่งนิ่งนะดวงใจ รับระรินไหลช้าช้าเมตตาธรรม หยาดน้ำค้างยังคงค้างบนใบไม้ ดั่งเพชรพรายสดชื่นจากคืนค่ำ หยาดน้ำตานางฟ้ามิร้างราคอยพรมพรำ พลีน้อมนำสัจจโลกลบโศกคน ทิวาร้อนจักผ่อนเพลาเป็นเย็นชื่น ยามดึกดื่นเสียงฝนกระทบหล่น ฟังไพเราะราวดนตรีทิพย์คนธรรพ์ดล พริ้งพราวกมลเสียจนอยากร้องไห้ยามได้ยิน เปิดหัวใจรักธรรมชาติที่รายล้อม ให้งามหอมหลอมสู่บึงจิตกระแสสินธุ์ มิสิ้นสุดหยุดภักดิ์ทั้งฟ้าดิน ธรรมระรินสอนเมตตารู้ค่ารัก....! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song385.html ยามชัง ยาม ชัง พี่ยิ่งช้ำ ทุกยามเช้า ไม่เห็นเจ้า เหงาจิต คิดจนเกือบสาย วาน อย่าชัง ให้พี่ช้ำ ถึงยามบ่าย อย่าให้ชาย หมายคอย จนคล้อยเย็น ค่ำแล้ว แสงเดือนงาม อร่ามสรวง ดาว ลอยดวง ดูกับทรามเมื่อยามเห็น ฟัง เพลงรัก เหมือนเพลงลา น้ำตากระเซ็น ไม่วายเว้น สวาทหวามยาม น้องชัง ค่ำแล้ว แสงเดือนงาม อร่ามสรวง ดาว ลอยดวง ดูกับทรามเมื่อยามเห็น ฟัง เพลงรัก เหมือนเพลงลา น้ำตากระเซ็น ไม่วายเว้น สวาทหวามยาม น้องชัง...