แลลอดกิ่งจำปีไหวระบัด ฟ้าเริ่มชัดเสียงไก่ขันประชันเสียง นกเริ่มร้องระงมปลุกจากเตียง ดั่งวิมานเวียงไพรพฤกษ์พงพนา งามฟ้าเรื่อเรืองแสงสร้างแรงหวัง เติมพลังสู้วันใหม่กับแสงฟ้า โลกสอนสัจจธรรมให้เราทุกดวงชีวา อย่ารอท่าเพียรสร้างงามนิยามใจ ทุกนาทีลมหายใจช่างแสนสั้น อย่าเพียงฝันสะสมบุญจากใจใส เป็นเสบียงยามเรานี้ละโลกไป งามดวงใจใครเล่ารู้เคียงคู่ธรรม เกี่ยวก้อยร้อยความดีสละออก เลิกช้ำชอกเพียงเมตตาระรินร่ำ ดั่งสายฝนพร่างพสุธาคอยพรมพรำ พลีน้ำใจน้ำคำดั่งน้ำค้างสร้างโลกงาม......
หนีรักหนีทุกข์รุกเร้า หนีเศร้าหนาวโศกโลกหยิบยื่น บ่วงฝันพันธนาเสน่หามิยาวยืน ฝากชื่นเพียงช้ำระกำใจ เดียวดายลำพังสู่ฝั่งฝัน ทั้งนั้นเท่านี้สุขแค่ไหน เกิดดับเลือกเอาข้างใด มิวนไปในภพภูมินิรันดร์ ลมหายใจแสนสั้นวันชีวิต ฝึกจิตอย่าเพียงรอขอสวรรค์ ปีนป่ายสู่ภูผาสู้จาบัลย์ แม้นอนันต์อุปสรรคก็จักเพียร ผ่านพ้นปวดร้าวราวร่างแยก ปลดแอกรักหนักแท้หวังแปรเปลี่ยน ข้ามมหานทีสีทันดรทุกข์วนเวียน คือบทเรียนแห่งสัจจธรรม ธำรง ตามเส้นทางทองผ่องแผ้วแววประภัสร์ ไสวรัศมิ์แจ่มจรัสเลิกวนหลง ธาตุดินน้ำลมไฟแยกยามปลิดปลง แค่ดำรงดวงอัญมณีชีวีแก้วให้แพรวพราย.... ก็เพียงพอ..ก็เกินพอ...! ยืน
ราตรีที่จันทร์ดวงทองผ่องพราย หยาดสายน้ำผึ้งแสนหวาน โลกในใจนิ่งเงียบเลิกราน ผสานธรรมอบร่ำใจ ทุกข์มายาสมมุติหลุดพ้น สับสนไขว่คว้าหวั่นไหว แท้เที่ยงทุกสิ่งราวฝันไป รักใดไหนเล่ายาวนาน มิช้านานกาลเวลารอรับ หนาวนับมิกี่ปีผันผ่าน เดียวดายเจ็บทุกข์รุกราน ลำพังผ่านสู่แดนใดเลือกรอ แดนสวรรค์อันว่างร้างไร้ภพ ฤาจักจบวิบากวนยากพ้นหนอ นิพพานเสียเดี๋ยวนี้ณ..ที่นี่อย่ารีรอ เพียงมิท้อเพียรพบปัญญาญาณ แลลึกลงในจิตชีวิตขวัญ หลงโศกศัลย์ฝันเสน่หามายาหวาน ธรรมชาติภุมรินทร์บินภิรมย์เพียงชมผ่าน ฝากพิษราน... ฝากพิษเศร้าเจ้าดวงดอกไม้..ตายทั้งเป็น...!
อีกคราครั้ง ที่ดวงออกเดินทางไปกับจินตนาการฝันฝันฝัน สู่เส้นทางสายสวรรค์หล้า เส้นทางสายรวงข้าวกล้าสุกปลั่ง สะพรั่งพราวดั่งทองทาเต็มท้องทุ่ง รอประดับหล้าประดับดิน ให้ผ่องพรายฉายฉานปานประหนึ่งนิรมิต เส้นทางสายงามสู่ทะเลสาบสีเงิน ณ..บัดนี้ถูกขยายออกให้กว้างขึ้น หากทว่า.. บึงบัวยังคงไสวเคียงบึ้งนาในดวงใจ... ที่มิผันไปดั่งรอยไถแปร ฟ้ายังเป็นสีฟ้าอมโศก สวยด้วยสีม่วงหม่นเทาทึมด้วยถึงวันวสันตฤดู ฝูงนกน้ำ นกกระยาง ยังคงบินฉวัดเฉวียนร่อนขึ้นลงในดงตาลหวาน ที่บ้างก็แสนเดียวดาย โดดเดี่ยว ดูแสนเปลี่ยวเหงา บ้างก็เคียงเงาคู่ บ้างก็ดูคล้ายดั่งครอบครัวเคียง เรียงพร้อมหน้าพ่อแม่แลลูกผูกพัน ในท่ามม่านฝนหม่นมัว มุ่งเข้าสู่เส้นทางอันแสนมีมนตรา ราวพาดวงจิตดวงย้อนยุคสู่สมัยทวารวดี นับพันปีมาแล้ว สู่สุโขทัย อยุธยา ณ..หอมห้วงแห่งเวลาที่แสงสงบสุขงามงด แสนหมดจดด้วยความวิถีชีวี ที่ยังคงมีความเรียบง่าย รู้ใช้ชีวีอย่างพอเพียงเพียงพอ... และ..ในท่ามเสียงสายฝน จากฟ้าเบื้องบนอันทรงพลังธรรมศักดิ์สิทธิ์ อันสามารถนิรมิตบันดาลดล ให้ทั้งโลกหล้าแลผองชนเรานี้ จักมีอันหมุนไปในทิศทางใด...อันสุดแท้ที่ใครจะหยั่งรู้ จิตดวงหนึ่งซึ่งแสนซาบซึ้ง รู้ค่า...ของอำนาจฟ้าดินสิ้นทั่งทั้งน้ำลมแลไฟ จึ่งได้น้อมดวงใจ ท่องมนตราสวดพระคาถา เพื่อเป็นสิริสวัสดิ์มงคลแก่ทุกดวงชีวี พลีทุกครา.. ที่มาเยือนแดนดินแห่งวิมานมนตราทวารวดีนามนี้... ด้วยความคิดดี คิดได้ คิดให้เมตตาดั่งหยาดละอองฝนใสเย็นในทุกยาม ใกล้..ทะเลสาบสีเงิน เข้าไปทุกขณะ เวลาที่ฟ้าคร่ำฝนครวญ พายุแรงพัดกราวไหวจนไม้ใหญ่ฟ้อนใบระบัด หลุดร่วง ควงพลิ้วปลิวผลอยลอยวน อุโมงค์ต้นไม้สานใบแผ่ปกคลุม ดูร่มครึ้มดั่งป่าแรกแปลกปาหารย์ฝัน เสมือนหนึ่ง.. เรากำลังดั้นด้นมาค้นพบโลกที่ปราศจากมลทิน ฟ้า..หลังฝนค่อยๆแจ่มกระจ่าง เปรียบเหมือนจิตทุกดวงที่จักพบความว่างสะอาด หลัง.. ผ่านพ้นพายุใจ..เช่นฉะนั้น เพื่อรอรับพลังมหัศจรรย์รัก มหัศจรรย์หวัง ที่มิมีวันสิ้นสุด หากเรา.. มิหยุดยอมเพียร ยอมพ่าย เราก็จักได้จิตดวงสดสะอาด มาวาดวนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังการพักชำระใจ ให้ทุกสิ่งร้ายกลายเป็นอดีตอันลอยลา.. นัยน์ตาของหญิงหนึ่ง จึ่ง...พบซึ้งเกษมในธรรม ธรรมชาติ อันแสนบริสุทธิ์สะอาดรายรอบได้ในทุกยาม เห็นงามจากจิตอันเลื่อมประภัสสร เห็นใบไม้สอดซ้อนสลับระยับยิบ กำลังพลิกพลิ้วพริบพรายฟ้อนออดอ้อนสายแสงสุริยา ให้เกิด... ภาพจรัสค่า มลังเมลืองใจ เกินค่ำคำใดกล่าวเล่าบอก นอกจากต่างต้องใช้จิตนิรมิตเห็น รู้ด้วยตัวเองในดื่มด่ำอันงามอมตะนั้น ขุนเขาในเงาฝนเงาฝัน ยังทอดตัวเงียบงัน งดงาม ไล่ลดหลั่นสล้างโอบกอดทุ่งหญ้า ทุ่งสัปปะรด ทุ่งดวงดอกไม้ป่าแสนหวาน ที่กำลังนานพร่างแตะแต้ม พื้นพสุธา ให้แสนน่าเสน่หาเป็นที่สุด ดงไผ่รวกยังพัดไกว เกิดเสียงแกรกกรากฝากสอนสัจจธรรมป่า ให้รู้คุณค่าแห่งดนตรีไพร ดนตรีที่ต้องใช้ใจดวงนิ่งนิ่ง ฟังทุกสรรพสิ่ง... ที่กำลังบรรเลงเพลงพร้อง มิให้จิตหมองหมางระบมระทม ทุกข์ท้อ ขอเพียงแค่เงี่ยหูฟัง นั่นเสียงเรไร จิ้งหรีด แมลงกรีดปีกร่ำ ผสานซร้องก้องไปทั่วถิ่น แหละนี่คือ.. กลิ่นอายแห่งความเป็นธรรมดา ใช่มายาสีสัน อันพาให้ทุกข์จีรัง ดวงตามืดบอดหลงทางอย่างอ้างว้าง ในท่ามทะเลกิเลสโลกย์ หาพ้นโศกพบสุขนิรันดร์ไม่... เสียงสายน้ำเพชร ยังพร่างริน กระซิบ กระซิก กระซี๊ ราวให้ทุกดวงชีวี ได้ทบทวนหวนไห้ รู้ค้นหลังมาฝากฝังใจ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายหมายเคียงธรรม ปฏิบัติธรรม ในท่ามกลาง.. วิมานมนตราทวารวดีที่คงงามดงด แสนให้พลังสด ด้วยชื่นแสงแห่งอรุณอรุโณทัย กับ.. ฟ้าใสสะอาด กับ... เรือนไทยพิลาสรายรอบด้วยพวงพะอยมป่า มวลดวงดอกไม้นานาพรรณไหวกิ่ง ทั้งลีลาวดี โมก ปีบ ลำดวน มะลินวล พุดซ้อนอ้อนอวลร่ำ ในยามค่ำ ที่ฟ้าคงเต็มด้วยดวงดารารายพรายกระพริบ ราวเพชรพร่างสายแสนสุกใส ประดับใจเราทุกดวงให้แสนสุขล้ำเกินรำพันรำพึง มีเพียงซาบซึ้ง.. จนตระหนักว่า...ช่างแสนโชคดีนักหนา ที่ได้ลืมตาเกิดมา บนผืนแผ่นดินไทยแผ่นดินทองแผ่นดินธรรม อันแสนล้ำค่านี้ ทั้งยังมีโอกาสได้พบพระธรรม ได้นำน้อมมาสอนจิตฝึกใจ ให้เดินไปตามรอยบาทแห่งองค์สมเด็จพระศาสดา ไหนจะยัง.. ได้เกิดมาใต้ร่มฉัตรเพชรแห่งองค์พระมหากษัตรา ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตามหาบุญญาบารมี ใต้ร่มธงไตรรงค์นี้ ที่แสนให้อิสราแด่ทุกชาติศาสนาอย่างเที่ยงธรรม ใต้ผืนดินอันแสนอุดมราวทองคำล้ำค่า ที่.. สามารถหว่านโปรยพืชผักข้าวกล้าให้ระย้ารวง ให้ปวงประชาไทได้อิ่มไม่อดอยาก... แล..วิมานในฝันสวรรค์หล้า นามว่าวิมานมนตราทวารวดี ณ..ที่แห่งนี้ ไม่นานช้านี้ที่จักพลีพบศาลาทรงไทย มีองค์พระปฏิมาสุกปลั่ง ให้น้อมนำจิตกรานกราบ ถวายพวงมาลาพร้อมตั้งสัจจาธิษฐานภาวนา ให้.. เกิดปัญญาญาณอันสว่างเรืองโรจน์ ลบลืมโศกมายาโลกย์มายาตัวตน เพื่อ...ข้ามพ้นไปสู่ฝั่งฝัน อันแสนว่าง กระจ่าง สงบ ทุกภพภูมิตราบชั่วนิจนิรันดร์...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html สี่แผ่นดิน คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
ฟ้าสวยจนเกินกล่าว เมฆพราวกระจายดั่งภาพฝัน ริมบึงสายน้ำรักนิรันดร์ ราวสวรรค์รอมาแสนนาน ฝันไปว่าได้รับจูบแผ่วไล้ละมุน หอมกรุ่นแกมดอกไม้ป่าแสนหวาน ใจดวงเศร้าเลิกเหน็บหนาวร้าวราน ดอกรักบานสะพรั่งณ..กลางใจ พลังใดไหนเล่าจักยิ่งใหญ่เท่าพลังรัก ซึ้งประจักษ์จนหวามไหว อกใครไหนเล่าจะอุ่นเท่าเทพฤทัย นานแค่ไหนไม่หวั่นขวัญเฝ้ารอ แม้นโลกจักหมุนไปพบวิปโยค แสนโศกสับสนอธิษฐานขอ รักแห่งเราเป็นดั่งรักแท้นิรันดร์ก็เพียงพอ จะไม่ท้อ แม้นเพียงรอ...ฝันสมมุติ...