ดึกดื่นคืนนี้ เล็บมือนางกำลังพร่างหอมริมรั้ว ฟ้าสลัวด้วยเมฆฝนรอร่วงหล่นดั่งน้ำตานางฟ้า ในเงาปรารถนา เห็นดาราราย คล้ายกระพริบพราวเต็มห้วงหาว หวังปลอบประโลมใจดวงรานร้าวเศร้าหมอง ที่มากทุกข์รุกโรมเข้าโหมไห้ในห้องหัวใจ หลับตาสิทุกคนดีที่รัก มีอ้อมตักอ้อมใจฉันมอบปันพลีแด่เธอ เสมอมาทุกราตรี ผ่านสร้อยโซ่รักอักษราจากดวงฤดี ดั่งทุกหยดน้ำหมึกคือ หยดน้ำค้างคอยพร่างมาจากจิตดวงเกษมไสว ให้ทุกดวงใจ ได้มีพลังใจก้าวเดิน มิดายเดียว บนถนนสายเปลี่ยวมายาฝัน สวรรค์โลกบรรณพิภพ แม้นท้ายสุดเราอาจจะจบจากพรากลา ก็ใช่..!จักว่า ทุกหยาดน้ำค้างใจอันใสหยาดเย็น ที่ประดุจเป็นความรักความฝันที่เราน้องพี่ ได้โอบเอื้อ หยอกล้อพ้อครวญหวนหาห่วงใยกันนั้น จักมลายหายไปกับกาลเวลา ทุกสิ่งที่งดงามมากมีค่า จักดำรง ธำรงสถิตสถาวร ในหอมห้วงแห่งดวงใจเราไปตราบกาล.. ใช่ไหมเล่า เจ้าแห่งโลกฝันเจ้าแห่งจอมจินตนาการ และ.. ศรัทธาเถอะว่าหัวใจเจ้าจักเป็นอมตะรักนิรันดร์กาล ตราบผลงานของเจ้า ได้พลีหอมฝากงามดีไว้ให้โลก..นี้ และผู้เป็นที่รักได้ประจักษ์..ซึ้งสุขใจ.. ........... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html โลกแห่งความฝัน เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบนบินไปถึงฟ้า หวังจะไปให้ถึงในซักวัน กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...
เคยตื่นมาดูทะเลไหมในยามดึก งามรู้สึกดื่มด่ำเกินคำเผย เงียบสงบพบว่างเปล่าลมรำเพย หนาวใจเอยมีเพียงจันทร์ให้ฝันไกล เรือหาปลาลอยลำอยู่ลิบลิบ ไฟกระพริบวิบวับวะวูบไหว พอกับเงาน้ำค้างณ..กลางนัยน์ ช้าช้าไหลต้องแก้มนวลท่ามแสงจันทร์ คือชีวิตลำพังอันดายเดียว ชินเหงาเปลี่ยวไร้ตัวตนบนทางฝัน ฝึกหัวใจให้ชินชากับคืนวัน คือนิรันดร์มายาอย่าตรอมตรม หลับตานิ่งทิ้งร่างใจรับหยาดน้ำค้าง เย็นทั่วร่างละอองฝนพร่างหอมห่ม หนาวแค่ไหนไม่เป็นไรไม่ระทม ก็แค่ลมแค่ฟ้ามาใกล้กราย..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song78.html หนาวตัก นันทิดา แก้วบัวสาย ทะเล งาม ยามดึกดื่น ฮึมเหมือนคลื่น หลับ แสงเดือน จับ เจิดนภา เวหา หาว นั่งเรือ น้อย เคลื่อนคล้อย ใต้แสงดาว พร่าง น้ำพราว ผ่องเพชรเกล็ด นที ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน...
ค่าของคนยังงดงามท่ามมายาโลก หวังดับโศกปรารถนาดีพลีชีพขวัญ ใครไม่เห็นไม่ซึ้งค่าไม่ว่ากัน ก็แค่ฝันลาเลยลบจบสัมพันธ์ ไม่เสียใจไม่ทุกข์ร้อนเฝ้าครวญคร่ำ ไม่คอยพร่ำสอนสัจจเมตตาสวรรค์ ไม่มีแม้คำกล่าวลาว่ายังคิดถึงกัน ไม่มีฝันอักษรารอท่าพลี ก็แค่คนเคยพบจบแล้วจาก ล้วนพลัดพรากในหนทางต่างวิถี เส้นขนานอย่าพานพบกันเลยตราบชีวี สิ้นเมตตาปรานีต่อนี้ไป อัญมณีภายในยังคงแจ่มจรัส สว่างชัดสงัดสงบไสว เพียงว่างเปล่าไร้เงาใครในหัวใจ กระจ่างใสดั่งเพชรงามท่ามโลกลวง..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song820.html หากในชีวิต ของคน หนึ่งคน ต้องการคนรัก และคน เอา ใจใส่ แต่ในความรัก ที่ให้เธอ จน หมดใจ กลับมีเพียงฉัน ในความ อ้างว้าง เมื่อ เวลาเปลี่ยนไป ใจ เธอก็เปลี่ยนแปลง เหมือน คนหมดเรี่ยวแรง เมื่อรู้ ว่าเธอเป็นอื่น รัก เธอก็ไม่ซึ้ง เมื่อเธอ ไม่ ต้องการ รู้ไหมมันทรมาน จะ มี บ้าง ไหมใครสักคน สักครั้งให้เดิน ผ่าน เข้ามา คลายความเจ็บช้ำ ที่ยังเกาะกิน หัวใจ เติมความสดใส และความอบอุ่น ในหัวใจ จะ มี บ้าง ไหมใครสักคน ที่พร้อมจะเดิน ฟันฝ่ากันไป ทุกทาง เป็นกำลังใจ และเป็นแสง สว่าง ในคืนและวัน ที่โหดร้าย ก็ในชีวิต ของคน เพียง หนึ่งคน ต้องการคนรัก และคน เอา ใจใส่ เฝ้าคอยดูแล และคน คอย ห่วงใย จะมีไหมใคร สักคน จะ มี บ้าง ไหมใครสักคน ที่พร้อมจะเดิน ฟันฝ่ากันไป ทุกทาง เป็นกำลังใจ และเป็นแสง สว่าง ในคืนและวัน ที่โหดร้าย ก็ในชีวิต ของคน เพียง หนึ่งคน ต้องการคนรัก และคน เอา ใจใส่ เฝ้าคอยดูแล และคน คอย ห่วงใย จะมีไหมใคร สักคน...
อย่างช้าช้าฟ้าแปรเป็นสีโศก โลกทั้งโลกดูราวจะหยุดหมุน ทุกก้าวย่างอ้างว้างวางวายวุ่น แลละมุนรายรอบนาทีนั้น นั่นป่ากกรกเรื้องามเหลือล้ำ วิถีธรรมธรรมชาติดุจภาพฝัน ทุกชีวีพึ่งพิงกันและกัน รู้เท่าทันรู้รักษาฟ้าประทาน หอมบัวบานตระการแย้มกลีบเกสร ยั่วภมรร่อนภิรมย์น้ำผึ้งหวาน บ้างชูช่อรอแสงทองเหนือสายธาร มิยอมรานราโรยรับแสงธรรม บัวสี่เหล่าพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ยังเวียนว่ายวิบากเฝ้าครวญคร่ำ รับกิเลสเวทนาวนเพรงกรรม จิตระกำย้ำทุกข์ท้อทรมาน เลือกชูช่อรอแสงทองแสงธรรมนำชีวิต ถูกฤาผิดแค่อดีตให้พ้นผ่าน รักษาศีลสมาธิปัญญาญาณ ให้จิตบานเหนือโลกย์เหนือโศกกรรม...! วันที่ฟ้าฉ่ำฝน สายหมอกหม่นบางเบา กำลังเคลียไคล้ยอดเทือกภูตะนาวศรี ที่ซ้อนสลับสล้าง ให้.. รู้สึกงามอ้างว้าง เหงา โดดเดี่ยว เดียวดาย ไปกับพรายละอองฝนพรำ ไปกับบทเพลงปีศาจวสันต์อำลา ในท่ามเสียงฟ้าร้องครางครวญ วันที่ ... เราหลายดวงใจ ต่างพร้อมร่วมเดินทางกันไป เพื่อ... ตามหาฝันวันแสนดี ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาในเงาฝน ทอดทาบไปทั่วทุกทิศทาง เป็นวันงามทรงจำ วันหนึ่งที่ตรึงตรา มีค่าควรแก่การบันทึกไว้ในซอกลึกแห่งบึ้งใจ วันที่.. ได้พบภาพประทับใจมากมาย ที่ได้ชิดใกล้สัมผัสด้วยหอมห้วงจากดวงใจ ไม่ว่าที่.. *วิมานมนตราทวารวดี* ฤาว่าที่..*ทะเลสาบสีเงิน* ให้กำซาบซึ้งอาบเอิบอิ่มกมล ไปกับวิถีแห่งผู้คนผู้ที่ยังรู้ครองตน อย่างมีความสุขสงบงามสมถะเพียงพอ ขอเพียงได้ใช้ชีวิตติดดินเรียบง่าย ได้เห็นบึงบัว ดอกบัวหลวงมากมาย ท่ามฟ้าสลัว ที่ดูราวภาพฝัน ในม่านฝนอันรางเลือน มีทั้งบัวชูช่อรอพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวรอโรยโปรยปลิดปลิว และ.. บัวที่มิมีแม้นโอกาส ชูช่อดอกพลิ้วไหวรับสายแสงทองแห่งทิวาวัน มีอันต้องติดตมจมโคลนเป็นเหยื่อเต่าปลา อย่างน่าเศร้าสะเทือนใจ...! เสมือน..เสมอ..ธรรมชาติ กำลังวนว่ายกระซิบคำ เฝ้าพร่ำสอนสัจจธรรมอยู่ริมหู ให้ดู ... ให้เห็นความเป็นไปในครรลองอนิจจังวัฏสังขารา ว่า.. ทุก ทุกข์ สุข สรรพสิ่ง หาหยุดนิ่งจีรังไม่..! เที่ยงแท้แล้วไซร้ คือมายา อันจิตอัตตาพาเกาะเกี่ยวให้เกิดวิบากกรรม นับไม่รู้กี่อสงไขยกาลกัปป์กัลป์ จนกว่า... เราทุกคนนั้นจักเพียรรักษา ศีล ภาวนา พาให้จิตสว่างใส เกิดดวงปัญญาญาณภายใน ราวดวงแก้วแววไสวโชติ..จรัสกล้า พาให้.... เหนือโลกย์พ้นโศกสุข สิ้นทั้งปวง..! ........................
แม้นหลงทางกลางป่าโศกโลกหยิบยื่น ทนกล้ำกลืนฝืนทนบนทางฝัน สะสมสะเบียงบุญทุนบารมีพลีทุกวัน จะฝ่าดั้นพ้นหนาวพายุใจ ไม่นานช้าเจ้าจักกล้าหยัดยืนทรนง จะมิหลงทะเลโลกย์โศกหวั่นไหว วิบากซ้ำกรรมซัดใดใด แม้นโพยภัยมิหมายมาใกล้กราย เพียงโอบเอื้อเผื่อแผ่เมตตาจิต ฝากชีวิตใต้ร่มรัตน์ฉัตรมั่นหมาย กตเวทิตาคุณแด่ผืนดินก่อนชีพวาย มิเดียวดายได้พบพระพุทธิ์พิสุทธิ์ธรรม ร้อยมาลัยความดีพลีโลกแล้ง เป็นสร้อยแสงสอนสัจจะระรินร่ำ ดับทุกข์โศกโลกนี้ที่มืดดำ ด้วยน้ำคำน้ำใจที่ใสเย็นที่ใสงาม....! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6271.html อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์..*รัก* รักทะเล อันกว้าง ใหญ่ไพศาล รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร รักทั้ง รัตติกร ในนภดล รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร รักทั้ง รัตติกร ในนภดล รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ