29 สิงหาคม 2550 21:34 น.
พุด
แด่..กวีซีไรต์..หมี่เป็ดด้วยดวงใจ..!
พุดไพรเพิ่งอ่านพบข้อเขียน*ของผู้ดูแลระบบ*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story8538.html
ที่ได้เขียนถึงข่าวอันแสนน่าปลื้มปิติใจแสนภาคภูมิใจ
แสนยินดีเป็นที่ยิ่ง
จึงขอถืออนุญาติหยิบยกบางเสี้ยวคำ
เพื่อแสดงความรู้สึกงดงามที่แสนน่าประทับใจแด่เราทุกคน
ในโลกบรรณพิภพ ถนนสายดอกไม้งาม
ที่จักร่วมชื่นชมยินดีด้วยปรารถนาดีอย่างจริงแท้ค่ะ....
****แด่ หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก สมาชิกหมายเลข 4766 กับ "รางวัลซีไรต์ประจำปี 2550" ผู้ดูแลระบบ
การประกาศผลรางวัลซีไรต์ประจำปี 2550 นี้ ผลปรากฏว่า มนตรี ศรียงค์ นักเขียนหนุ่มชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าของรวมบทกวีร่วมสมัย โลกในดวงตาข้าพเจ้า ได้รับรางวัลนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยมีการประกาศผลไปเมื่อเวลา 14.00 น. ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) โดยขณะนี้ มนตรี ได้เดินทางขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อรับการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ผลการตัดสินครั้งนี้ทำให้ มนตรี ศรียงค์ กลายเป็นชาว จ.สงขลา คนที่ 3 ที่ได้รางวัลนี้หลังจาก วินทร์ เลียววารินทร์ เคยได้รับรางวัลในผลงานนวนิยายเรื่อง ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และ บินหลา สันกาลาคีรี ได้รับรางวัลในผลงานรวมเรื่องสั้น เจ้าหงิญ
........................
........................
ยังมีต่อนะคะ..!
ณ..ที่
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story8538.html
โดยผู้ดูแลระบบ
พุดไพรจึงขอนำเสนอเรื่องรักในดวงใจ
ที่ท่านกวีซีไรต์ คนล่าสุดเคยได้ให้เกียรติฝากคำไว้
ไม่นับเทียบเชิญที่ท่านเชิญให้ไปเยี่ยมเยือนเวบส่วนตัว
ซึ่งซาบซึ้งประทับใจเป็นที่ยิ่งนัก
หากก็ไม่ค่อยมีเวลาไปทายทักค่ะ
ในสิริมงคลโอกาสสมัย
พุดไพรจึงขอพลีเรื่องรักรจนานี้
แทน..ศรัทธาคารวะจาก
ทุกดวงใจมิ่งมิตรน้องพี่แห่งผองเรา
ณ..ร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
แด่คุณ..คนดี คนเก่งค่ะ
..............................
เจ้านกไพร..ในใจ..นวล..!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html
บทเพลงเดือนต่ำดาวตก
..............................
นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ
วันนี้!..
นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า..
หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น....! ตรงหน้านวลนี่แล้ว
ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์
นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน
ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..
เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..
นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน.
และใช่!..เลย
นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส
ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง
ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว..
ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง...
และ..
นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม
เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล
ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน.
.
นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย
เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..
คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ
พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน
หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ
ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์
คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม
ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล
ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..
ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ
กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย
กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว
กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก
แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ
เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน
เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง
อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ
ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก
เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง
ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ
อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย
ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...
และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
ใครจะรู้..
ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..
หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..
แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว
ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
นองน้ำตารอรอและรอ...
เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน
หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ...
เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง..
ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ
ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!
นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..
กระทั่งวันนี้...
วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน
จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ
ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย
คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ
แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..
นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร
รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..
และ
นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ
ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง
ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน..
ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน
ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
................
นกไพร..เจ้านกไพร..
น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม กำลังพร่างสายรินไหล
หอม หอม หอม..
หอมละเมียด...ละไม...
หอมหลอมละลายใจ
ไปกับ..รอยจูบดื่มด่ำริมเรียวแก้มนวล...!
....................
ความคิดเห็นที่ 1 : หมายเลข 181114
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก
พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ
ผวา มองจ้องตามเพียงครู่
รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง
เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ
น้ำค้างร่วงกราว
ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง
ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน
หวานดังน้ำผึ้ง
แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
พุด 11 พ.ย. 46 - 21:06 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 2 : หมายเลข 181117
พี่พุดค่ะ อยากบอกว่าอ่านแล้วยอดเยี่ยมมากจริงๆนะ อ่านแล้วสะเทือนใจแล้วก้อเข้าถึงมากๆ
weenie 11 พ.ย. 46 - 21:12 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 3 : หมายเลข 181140
เรื่องราวจบด้วยความสุข แต่อ่านไปแล้วรู้สึกเศร้า ๆ อย่างไรก็ไม่รู้
นกไพรที่จากไกลนวลน้องที่เที่ยวท่องชะตาท้าป่าคอนกรีต จะมีนกไพรสักกี่ตัว
ที่เป็นได้เหมือนเช่นดั่งเจ้า ต้องยอมรับในวาสนาและความพยายามทุ่มเทของเขา
จึงก้าวสู่เวทีแห่งความประสบผลสำเร็จอย่างมากมาย ก่ายกอง
ขอยกย่องยอมรับในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาที่ไม่เป็นวัวลืมตีน
พร้อมที่จะกลับไปหานวลผู้เป็นที่รัก กลับไปตายรังเดิม
เรื่องนี้น่าจะเป็นกำลังแรงใจเป็นอย่างดี สำหรับคนหนุ่มสาว ที่ต้องมีความกล้า
ท้าที่จะเผชิญกับโรงละครโรงใหญ่โดยไม่หวาดหวั่น ถ้าใจสู้ย่อมมีหนทางชนะ
จะมีสักกี่คนหนอที่ทำได้อย่างเจ้านกไพร
ชัยชนะ 11 พ.ย. 46 - 22:17 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 4 : หมายเลข 181162
บทกวีบอกเล่าเรื่องราวแห่งจิตวิญญาณนกไพรนวลใจในยามนี้...ภาคภูมิในเนื้อใจหากแม้นต้องลมอย่างเดียวดาว ก็อย่าหมายว่าจะเพรี้ยงพร่ำหมดแรง..ด้วยปีกแห่งฝันอันท้ายท้ากับดวงวิญญาดิบเดิม เงียบงามในดวงใจ เวหานี้กว้างไกลนัก วันเวลาเพิ่งจะเริ่มต้น..นกไพรจักเฉิดฉายเริงลมในป่าพฤกษ์ ในสักวัน
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2529
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี...
บทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ผมฟังทุกครั้ง ราวกับมีปาฎิหาริย์ อย่างประหลาด ก่อเกิดกำลังใจในทุกๆ ครั้งไป คงเข้ากันได้ดีกับบทกวีที่เพียรสร้าง ด้วยรักและเข้าใจในงามงามยิ่งนักแล้ว
บุรุษแห่งสายน้ำ 12 พ.ย. 46 - 00:55 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 5 : หมายเลข 181233
อ่านแล้วค่ะ
งามในใจเช่นเดิม
tiki 12 พ.ย. 46 - 14:49 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 6 : หมายเลข 181312
^_^ งดงามค่ะ
รดา 12 พ.ย. 46 - 17:28 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 7 : หมายเลข 181442
ฝีมือสุดยอดเลยค่ะ
ผู้หญิงไร้เงา 13 พ.ย. 46 - 00:02 IP 203.151.217.160
ความคิดเห็นที่ 8 : หมายเลข 209076
จดหมายรักจากนวล
เขียนจดหมายสักใบใส่ดาษขาว
เขียนเองอ่านเองเป็นเพลงยาว
เขียนถึงบ่าวผมสร้านอยู่บ้านไกล
ว่านกเขาขันคูอยู่ข้างทาง
ไปขันกู่คูครางอยู่ข้างไหน
มาเงียบงำคำยินเหมือนสิ้นใจ
มาเงียบในเสียงบินเหมือนสิ้นลม
ว่าเจ้าบ่าวผมซื่อมือนวล
มาเรรวนคำหวานให้พานขม
จูบนั้นจีบปากจูบหรือลูบคม
ที่บ่าวข่มปากจีบจูบกลีบใจ
นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด
จารีตธรรมเนียมบังล้าหลังสมัย
เพียงแรกจูบลูบแรกก็แปลกไป
หวาดไหวคำกระทบกระเทียบเกินเปรียบปาน
ดั่งวัวสันหลังหวะอยู่กลางทุ่ง
หวาดสะดุ้งตื่นกาบินมาผ่าน
นวลห่มไห้ไข้เข็ญอยู่เป็นนาน
รอยแปลกนั้นประจานอยู่ลานใจ
ชั่วเพราะพลีเพื่อรักลืมหลักคอก
ดั่งวัวเขาสวยหนอกงามตาใส
โลดแล่นลั่นกระดึงตะบึงไป
ค้อมคอให้บ่าวเทียมเข้าเกวียนรัก
เปลื้องจารีตธรรมเนียมที่เจียมตน
รักล้นจึงทอดหยิ่งและทิ้งศักดิ์
แต่ดื่มรักก็ยิ่งด่ำยิ่งสำลัก
ดื่มน้ำวักใสสะอาดกลับฝาดคอ
บ่าวมาหวะแผลเหวอะเลือดเกรอเนื้อ
ใจซื่อบ่าวก็เถือมิเหลือหลอ
คำรวนเรเห่ร่ำที่พร่ำคลอ
ก็ลืมคำที่พร่ำพ้อทุกข้อความ
นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด
จารีตธรรมเนียมแบกดังแอกหาม
แต่รักแล้วปานแก้ววะแวววาม
จะชั่วทรามปานใดก็ให้เป็น
โนราห์หลงสรงสระอโนดาด
แล้วบ่วงบาศก์คล้องตนเกินโผนเผ่น
อันปีกหางงามงอนซึ่งซ่อนเร้น
ดั่งตั้งวางห่างเว้นเห็นลิบลิบ
เกินเอื้อมมือหยิบคว้าถลาฉวย
ระรวยรวยขวยเขินเกินเอื้อมหยิบ
หากรักแล้วร้าวรานวิญญาณทิพย์
จะมิรักแม้สิบพระสุธน
อานวลเพียงวัวนากินหญ้าเขียว
จะท่องเที่ยวเทียวหาสุดหล้าหน
ควรหรือแม้นวลจะจวนตน
ควรแล้วแม้ทนทุกข์จนตาย
ต่อวันนวลฟุบซบเป็นศพซาก
จะออกปากฝากเผาก็เปล่าหมาย
เกรงขี้เถ้าผงคลีธุลีคาย
จะเปื้อนกายป้ายกลิ่นให้หมินคาว
นวลม้วนผมมวยเกล้าดำข้าวเขียว
นวลฟ้อนแกะเก็บเรียวเกี่ยวรวงข้าว
บ่าหยาบนี้หาบคานมานานยาว
แดดกริ้วแผดผิวสาวผู้กร้าวงาน
มินิ่มนวลชวนต้องแม้ย่องแตะ
ก็อย่าแขวะคำถากจากปากหวาน
นี่กระไรตะละคำช่างชำนาญ
ตะละลิ้นช่างลึกคว้านจนสุดลึก
เพียงชมเชยเกยกอดตลอดกาย
ดินกระด้างฟางคายใช่รู้สึก
ทุกคำหวานสรรพิษมาคิดนึก
กล่อมนวลจนนวลสึกผลึกนวล
ขนำน้อยก็แอบอิงพิงผนัง
แม้ขนำก็เวียงวังยังไห้หวล
บ่าวเป็นเทพลงดินมากินง้วน
พอดินร่วนซ่วนซุยก็ถุยคาย
ถุยขมถ่มขื่นมาคืนนวล
ถุยทวนคำหวานซึ่งซ่านสาย
ตะละคำตะละลิ้นรินระบาย
ล้วนคำชายหมายหยามประณามนวล
นวลเป็นสาวมีศักดิ์แหละรักศรี
เกียรติที่มีแม้น้อยยังคอยสงวน
หากต่ำต้อยถ้อยคำที่คร่ำครวญ
ก็มิควรทวนถ้อยเพื่อคล้อยตาม
ลงท้ายว่ายังรักยังคิดถึง
แต่โศกซึ้งเพียงใดอย่าได้ถาม
ทุกคำนวลล้วนชีวิตประดิษฐ์ความ
จากเศษสากซากทรามนามว่านวล
ปล.เจ้านกเขาชีกอสร้อยคอสวย
อยู่ไหนให้ข่าวด้วยแหละช่วยด่วน
ทุกถ้อยความหยามหยาบดังดาบทวน
และทุกถ้วนคำประณามความไม่เอา!
ในวงเล็บ เป็นพื้นถิ่นภาคใต้ที่ได้ยินมา
//จบต่างกับงานชิ้นต้น แหะๆ
ภาษาสวยดีครับ
ปล. ผมชอบ ทูน ทองใจ
หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ 27 ม.ค. 47 - 22:41 IP 203.151.217.160
29 สิงหาคม 2550 12:41 น.
พุด
พิษไข้รุมสุมร่างใจแสนเหน็บหนาว
มากเรื่องราวรานร้าวเศร้าสับสน
ให้ทบทวนสัจจธรรมสอนใจตน
ห่างกิเลสโลกโศกคนรักษาใจ
นอนนิ่งนิ่งดูดวงดอกไม้เฝ้าทายทัก
เคยเพียรภักดิ์เพาะปลูกจนเติบใหญ่
จำปีเอ๋ยอย่าเอ่ยถามความโศกใจ
เจ็บเพียงไหนไม่นานก็ผ่านวัน
ในเส้นทางสายน้ำผึ้งพิษจิบดูหวาน
หากไม่นานทำร้ายหมายฆ่าขวัญ
เฉกเช่นนี้ในตำนานผ่านคืนวัน
เหยื่อสวรรค์สวาทอนาถใจ
ไม่มีคำอธิบายภายในใจเนื้อแท้
เกินกล่าวแก้สิ่งใดที่สงสัย
พิพากษาเปลือกเลือกประหารตามชอบใจ
ลืมน้ำใจลืมน้ำคำพร่ำอ้อนวอน
และ..
บทสุดท้ายไปให้ไกลคนละโลก
อโหสิโศกหยุดเรื่องราวบทเรียนสอน
กี่กัปป์กัลป์ขนานกันนิรันดร
แม้นร้าวรอนขอยอมตายทั้งเป็น..เซ่นสังเวย...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song112.html
หัวใจสลาย
ดัง แก้วบาง เขา ทุบ ทิ้ง แตก
ใจ ฉันแหลก เพราะน้ำมือเธอ
ปวด ช้ำ คร่ำครวญ พร่ำเพ้อ
เคย ไหมเธอ จะเหลือบเหลียวมา
คำ ทุกคำ ล้วน ซ้ำ หยาม เหยียด
คำ รังเกียจนั้นเหลือระอา
เทอด ทูนเธอ ดั่งเจ้า ชีวา
ไย ถึงฆ่า ฉันลง
คงเป็นสุขอุรา ที่สม ดัง ใจ
ลวงคนให้คลั่งไคล้ เหมือนนก เพลิน กรง
เธอช่างฆาตกรรม ได้แสน บรรจง
เกินดวงจิตพะวง ไหว ทัน
ดั่ง เหมือนถูก ทับ ไว้ ใต้ โลก
น้ำ ตาตกทุกค่ำคืนวัน
สุด โทษใคร ให้คน ขบขัน
ใจ ฉันมัน ง่าย เอง
คงเป็นสุขอุรา ที่สม ดังใจ
ลวงคนให้คลั่งไคล้ เหมือนนก เพลิน กรง
เธอช่างฆาตกรรม ได้แสน บรรจง
เกินดวงจิตพะวง ไหว ทัน
ดัง เหมือนถูก ทับ ไว้ ใต้ โลก
น้ำ ตาตกทุกค่ำคืนวัน
สุด โทษใคร ให้คน ขบขัน
ใจฉันมัน ง่าย เอง...
...................
รับฝันวันฝนริน...!
รับฝันวันฝนรินราวเพชรพร่าง
โลกกระจ่างฟ้าหลังฝนกมลใส
เหมือนนภาเคียงนวลหล้าเฝ้าสอนใจ
โลกยิ่งใหญ่ทุกข์ธุลีพลีสัจจธรรม
ให้หัวใจดวงทองยังผ่องพิสุทธิ์
ล้างใจมนุษย์ด้วยเมตตาระรินร่ำ
ให้อภัยดั่งเทียนไสวเฝ้าส่องนำ
สู่เส้นทางสวรรค์นำดวงใจไปด้วยกัน
เลือดอาจจะไหลท่วมใจด้วยบาดเจ็บ
อาจหนาวเหน็บหนามชีวิตลิขิตขวัญ
อาจจะเศร้าเหงาโศกท่ามมืดจันทร์
หากตะวันธรรมณ..กลางใจไสวดวง
เดียวดายกับโลกเหว่ว้า
เรือมนุษย์ประดาที่จมร่วง
คลื่นกิเลสถาโถมมายาลวง
นิรันดร์สรวงนิพพานฝัน...พลัน....พรากไกล...
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน ใหม่ เจริญปุระ
เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน
และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา
ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบนบินไปถึงฟ้า
หวังจะไปให้ถึงในซักวัน
กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน
อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า
อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา
แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...