ยามเช้าเฝ้าคะนึงถึงสายน้ำนิรันดร์รัก นกเขาทักส่งเสียงก้องร้องเสียงหวาน ดวงดอกไม้รสสุคนธ์ยังคลี่บาน ปลอบขวัญรานลืมเรื่องตรมระทมใจ เมตตาแท้แด่เพื่อนมนุษย์ อย่าสิ้นสุดแม้นโศกเศร้าสะเทือนไหว อุเบกขาภาวนาบุญรู้อภัย วันสิ้นใจปิดเปลือกตาลาด้วยดี เงียบและงามในท่ามโลกวายวุ่น ไร้ไออุ่นอกใครใจดวงนี้ กอดตัวเองปลอบใจขวัญอัญมณี คือเพชรดีมีหนึ่งในร้อยดวง ให้น้ำใจใสเย็นเช่นหยาดฝน แด่ทุกคนชิดใกล้ด้วยรักห่วง ซึ้งฤาไม่ซึ้งขึ้นกับเธอไม่ถามทวง เจ้าขวัญดวงพร้อมใจพรากจำจากลา ขออยู่อย่างดายเดียวแม้นเปลี่ยวร้าง บนความว่างกระจ่างแจ่มท่ามเหว่ว้า ในเส้นทางธรรมทองสายธารา เป็นขวัญหล้ารจนาบทกวีพลีแผ่นดิน...! ....................... ใกล้ค่ำ......... จุดตะเกียงเพียงแสงเดียว ล้อเรียวจำปีเขียวใสใบระบัด วิบวับ วูบไหว กลางกระท่อมใบไม้... กังหัน..เหนือชายคาหมุนวน ตามแรงลม... แต่..ใจคนที่นอนเฝ้าดูกลับนิ่งงันเงียบงาม.. โมบาย..กระทบกันกรุ๋งกริ๋ง..ๆ หรีดหริ่ง จิ้งหรีด พากันกรีดปีกร้องระงม.. เสี้ยวจันทร์แรม.. ราวเคียวสีทองส่องทอทอดลอดริ้วเรียวไผ่ โผล้พ้นกลีบเมฆ เหนือทิวไม้ตะคุ่ม.. ดาวดวงละออ ทอแสงแข่งกันพริบพรายฟ้า.. มนต์จันทรา..พาให้นวลใจ..นุ่มเนียนนึกลึกล้ำ..... ใช้กิ่งไม้แทนตะเกียบ..คีบก๋วยเตี๋ยวในชามกะลา อาหารค่ำง่ายๆ ใต้แสงตะเกียงเพียงลำพัง... ท้องอิ่ม.. หลับตานิ่งๆ ทิ้งหน้าที่ ทิ้งสรรพสิ่ง สรรพเสียง ไว้ภายนอก..ร่าง...ใจ มิไหวรับรู้ จิตจับ กับความว่างเปล่าเบาสบาย คล้ายสายลมบางเบา พัดร่างให้ลอยละลิ่ว..ปลิวคว้าง.. เหนือโลก..เหนือโศกสุข ของผู้คน และ.. บางครั้งครา ราวกับว่า ได้ถอยจิต ทอดร่าง ไปวางไว้บนฟองคลื่น เหนือริ้วทะเลสีคราม น้ำใสใส.. ปลดปล่อยดวงใจ... ปล่อยผมสยาย แผ่พลิ้วพราย คล้ายสาหร่ายงามละเลื่อม กับ ร่างไร้น้ำหนัก ที่มีเพียงรักจากผืนฟ้า คลุมร่าง พร่างพรมด้วยลมรำเพย โลมไล้แผ่วเบา ละเมียดละไม เหนือนับ..กับ นาน..นี้..ที่ใจ..เพียรพยายาม ... ใฝ่หางามภายในใส่ตัว แม้นานนับชั่วกับป์กัลป์ มิถึงไหน หวังเพียงขณะ ที่นวลใจพบนิ่งงันนั้น พลัน.. พอเพียง ได้ปิติ ดื่มด่ำ กับความว่างเปล่า เบาสบาย ไม่ว่าใจดวงนี้ จะผ่านดี ผ่านร้าย ผ่านร่ำ ผ่านรวย ผ่านสวย ผ่านงาม ผ่านหวาน ผ่านสุข ผ่านทุกข์ ผ่านโศก ที่... โลกและเราเลือกหยิบยื่นให้.. ก็ใช่จะนานนักหนอ กับชีวีนี้ ที่รอวันโบกมือลา ..มิช้านาน..มิยาวยืน แล้วอะไรกันเล่า.. จะช่วยเราได้ เท่าจิตวิญญาณ ที่จะตามติดให้งามกับเนื้อนวลใจเรา ทุกผู้ ทุกภพ ทุกชาติไป..... ใช่ไหมเล่าทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย..ไทยโพเอม ผู้พร้อมเต็มไปด้วยน้ำใจ เนื้อใจงามละม่อม พร้อมพลี.. ที่จักหวังได้ครองจิตวิญญาณแห่งงามนั้น ขอเพียงโอบเอื้อฝัน ปันอ้อมอุ่น กรุ่นกลิ่นรักสามัคคี ด้วยความงาม ด้วยความดี ที่ล้ำค่านี้แด่กันและกันทั้งฉันเธอ นะดวงใจ! ................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html หนึ่งในร้อย พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
วันฟ้างาม... ในท่ามลมหลังฝนพัดระรินระริน.. ไพล..ได้กลิ่นไอดิน กลิ่นหอมละมุนของดวงดอกลีลาวดี ในสวนศรี สวนปรีชา สวนของเกษตรกรไทย ที่มากค่าแห่งความงดงามหวานเศร้า ยาม.. ได้มาเคล้าอวลดอก มากระซิบบอกคำว่ารักรักรัก..ยิ่งนัก.. แล้ว.. ค่อยค่อยดอม...ค่อยค่อยดม..ค่อยค่อยพรมจูบ อย่าง..ซาบซึ้งแสนหวาน ที่กลางกลีบดอกบางเบา หลากสี ของลีลาวดี มากพรรณ ต่างสีสัน ต่างหอมแผกหอมพร่างหอมเย็น หอมให้ห้อมใจ.. แสนเอมอิ่มปริ่มเปรมปรีย์เกษมศานต์ อย่าง..ทะนุถนอม ละเมียดละไม ไพล...ทรุดตัวลงนั่งเคียงกันกับคนรู้ใจริมบึงฝัน ใต้กิ่งร่มใบบังของ.. *ต้นไม้รักนิรันดร์ในดวงใจแห่งสองเรา* ในท่ามเงาไม้ ริมชายคลอง เสียงครรลองแห่งธรรมชาติ กำลังสอนสัจจธรรมพร่ำบอกเราในบางสิ่ง ที่.. เพียรวิ่งหนีโลกโลกาภิวัฒน์วัตถุ..เสมอมา ตาสบตากัน.. จิตวิญญาณ อันพันผูก.. มิได้รานโศกไปกับโลกแห่งความเหงาเศร้า ในท่ามดายเดียวแห่งลีลาวดี ลีลาภักดิ์ หาก.. กลับสอน งามให้ สอนความปล่อยวาง ว่าง ให้จิตกระจ่างแจ่ม ดั่งอาทิตย์แรกแย้มยามอรุณ ที่เพียงจำต้องหมุนมารับภารกิจหน้าที่ ก่อนที่จะลับลาพรากจาก...ไป.... ในยามค่ำย่ำสนธยา กับ ฟ้าที่เปล่งแสงรัศมีสีรุ้งพุ่งพรายพราว..สดุดี พลีอ้อนอำลาอาลัย.. โลก..ดายเดียว ที่เอิบงาม ท่ามวังวนทุรนร้อนของคนนับล้าน ที่กำลังพล่านพาดวงชีวาชีวิตหลงผิดทาง จน.. ร่างไร้..ถึงเวลาไร้สิ้นลมหายใจ..จะไขว่ธรรม ได้เพียงแต่น้ำตาระรินร่วง อยากเพียงทรุดร่างทวง เพียรขอต่อเวลากับพญามัจจุราช ก็มิอาจจะยุดยื้อ ลมหายใจชื่น..ให้คืนกลับมา เพราะว่า...สายเกิน..!. นั่น..บึงบัว...บาน ที่กำลังงามสราญสะพรั่งทั้งตั้งเต่งตูม ทั้งเพิ่งผุดผลิพลี ทั้งที่จะหนีน้ำเหนือโคลนตม ล้วนให้น่าชม น่าชื่น แสนระรื่นอภิรมย์เสียนี่กระไร เสียงบทเพลง จากดวงใจ จึ่งเริ่มขึ้นคีตทิพย์บรรเลงบทเพลงอัศจรรย์ มหัศจรรย์แห่งขวัญงาม พลังแผ่นดิน หวังลอยลมไปทุกถิ่นที่ปลอบประโลม ผองชนคนชั้นรากหญ้า ที่.. หลังกำลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน อย่างมิสิ้นถวิลภักดิ์รักแผ่นดินนี้ ให้มีเรียวรวงระย้าดั่งทองทาบอาบทา สมกับคำว่า *แผ่นดินทอง แผ่นดินธรรม แผ่นดินไท* ที่..จักดำรง ธำรงไป พร้อมกับคำว่าอิสรา ชาติ ศาสนา และ..พระมหากษัตราธิราชเจ้า ผู้ทรงมากล้นน้ำพระทัยเปี่ยมพระเมตตาบารมี ให้สมกับ..ค่าแห่งลมหายใจดวงชีวี ที่ได้หยัดยืนมาบนผืนดินแห่งนี้ อย่าง.. ผู้มีหัวใจไททอง..ทรนง...! ................................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song406.html บนลานลั่นทม... รวงทอง ทองลั่นทม แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่ ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่ สุดสวรรค์ เทวัญ ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์ เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า ที่คอยเผา โทรมใจ...
ในเส้นทาง*สายน้ำผึ้ง* มีหวานซึ้งโศกสุขนะยอดขวัญ ดั่งสร้อยโซ่เสน่หาหลอมผูกพัน มิสิ้นฝันสวรรค์รอในดวงใจ ขึ้นอยู่กับเพรงพรหมพรชะตา บันดาลฟ้าพบรักแท้หวามไหว ฤาสิ้นสวาทจำพรากลาสุดหล้าไกล สิ้นสายใยพิสวาสทุกชาติภพ ยอมจำนนท์..ศิโรราบ ก้มกรานกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อมนบ อโหสิกรรมวิบากใดให้ลืมลบ ให้เราจบจากกันด้วยฝันดี ให้..สายน้ำใจยังคงอยู่ ยังเคียงคู่เคียงข้างท่ามศักดิ์ศรี งามแสนงามค่ารักแท้ปรารถนาดี เหนือชีวีดวงชีวา..ค่าของคนคือ..กมลธรรม..!!!! ....................... ในราตรีกาลที่ผ่านมา สายวสันต์พร่างลีลาลงมาอย่างหนักหน่วง.. นอนดูกิ่ง..ใบมะม่วงเคียงชายคา ไหวระบัดพัดโยกไกวไปตามแรงลม...พายุ แก้วผลิช่อละออดอกดวง พวงพราวระย้า..ยามเช้านี้ ฟ้าสีฟ้างามแจ่มกระจ่าง ไร้ร้างเมฆหมอก ราวมากระซิบบอกบทเรียนสัจจธรรม หลังการระรินร่ำเศร้าโศก วิปโยคใด ทุกข์ ใด ในหัวใจก็จะจางคลาย คละคลับคล้าย... ฟ้ากระจ่างใส หลังฝน..เช่นฉะนั้น ดั่งใจขวัญ ฝัน ฝันเช่นฉะนี้ ทุก..คนดี ที่แสนรักในดวงใจ จดจำไว้... ไม่ว่ารักฤาราน หวานฤาขม ตรมฤาซาบซึ้งตรึงตรา แท้แล้วคือ *ลีลาแห่งชีวิต* ตามพรหมลิขิต สวรรค์เมตตา* และ.. เพียงขออย่าได้ยอมท้อแท้ แพ้พ่ายเพียร ให้พ้นเวียนวนวิบากรักวิบากกรรม ขอให้เพียงน้อมนำดวงจิต สร้างทิพยนิรมิตพบพระนิรพาน ในท่าม.. ผู้คนที่กำลังสับสนเสาะแสวงหาหนทาง แห่งสัจจธรรม ธรรม ธรรมชาติ เพื่อให้พบความสะอาดสว่างสงบ ก่อน.. จากจบ ลบบัญชีรัก บัญชีฝัน ไปตราบชั่วนิจนิรันดร...!! ..............
กรานศิระกราบพระพุทธในโบสถ์คร่ำ วอนน้อมนำดวงจิตนิรมิตฝัน สิ้นวิบากรักหมองหม่นตราบชั่วกัลป์ นิพพานขวัญวันหมายครองสี่ห้องใจ ไม่เสน่หาผู้ใดใจระทม ไม่พ่ายลมหวานใดใจดวงใส ไม่เสน่หาวาบหวามพิศวาสใคร ไม่ข้องเกี่ยวรักใดพันธนา ให้จิตว่างกระจ่างแจ่มดั่งดวงมณี โชติรัศมีราวจันทร์กระจ่างณ.กลางฟ้า ไร้หมอกเมฆวิเวกใจปวารณา ทุกทิวาราตรีต่อนี้ไป.. ขอหัวใจได้รับพรอธิษฐาน ความอ่อนหวานพรสวรรค์ไสว พลีรจนามอบฝันวันงามพสุธาไท ตราบ.. สิ้นลมหายใจสุดท้ายกับสายแสง..ตะวัน..ลา..
แล้ว.. ดวงดอกหยาดน้ำผึ้งตรึงตราก็ลาลับ ร่วงไปกับคืนฝนลาฟ้าหมองหม่น การเวกพลอยร่วงพรูสะเทือนทน ดอกว้าเหว่บานบนลานใจในราตรี เกสรหวานเคล้ารานในทุกข์รัก เพิ่งตระหนักน้ำผึ้งขมขอหลีกลี้ เส้นขนานอย่าพานพบจบทุกชาตินะคนดี นับจากนี้สวดน้ำคว่ำขัน..สิ้นวันรัก.. ลืมเสียเถิดน้ำคำพร่ำกระซิบอยู่ริมหู รู้ทั้งรู้ไร้สิ้นถวิลภักดิ์ รักฤาชังหวังฤาหวานมินานนัก พิษสลักจักตอกตรึงตรมพันธนา รอ.. ลบเลือนลารอยใจเคยไหวหวาน ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์ขวัญผวา ลืมให้สิ้นพิสวาทวายขอหมายลา ทั้งชาตินี้ชาติหน้า..ไม่ซึ้งค่าเสน่หา..ไม่รู้รัก.....!