http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3719.html นอนนิ่งนิ่งทิ้งทอดตาดูฟ้าเศร้า ฟ้าหลังฝนชุ่มพราวด้วยเมฆหม่น โลกสีเทาเงียบงามสอนกมล โลกของคนมีสุขทุกข์ธรรมดา ธรรมชาติสอนสัจจะใจอย่าไหวหวั่น กี่รานฝันกี่ร้าวใจกี่เหว่ว้า เปรียบเสมือนพายุฝนพัดผ่านมา แล้วก็ฟ้ากระจ่างสว่างวัน นั่นนกน้อยบินถลาเกาะกิ่งแก้ว ดอกพร่างแพร้วผลิพราวบานรับขวัญ โน่นพุดซ้อนอรชรอ้อนหวานมานานวัน แล้วก็นั่นลั่นทมฝันชูช่อพ้อพลีใจ ดอกไม้ใดไหนเล่างามเท่าดอกดวงใจมนุษย์ เพชรพิสุทธิ์ดั่งอัญมณีขวัญอันไสว กี่พันทุกข์รุกทรวงรู้ทำใจ กี่กิเลสใดไม่ไหม้หมองครองราน..นาน เพราะหัวใจดวงทองปองเพียงให้ ประดุจสายธาราระรินผ่าน ดับแล้งโลกโศกใจตราบชั่วกาล หวังนิพพาน ณ กลางใจ ไม่ท้อเลย...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3719.html เรือลำหนึ่ง หากชีวิต เปรียบดังทะเล ฉัน คงคล้าย เป็นเรือ ล่องไป ให้ลมพาพัดไป ไร้ ทิศทาง สุดขอบฟ้า กว้างใหญ่ ใคร รู้ บ้าง สุดท้ายหนทาง จะร้าย หรือดี มีความหวัง ฝั่ง อันแสนไกล เห็น เพียงแสงรำไร อ้างว้าง จะมีใครสักคน หรือ ไม่มี หากคืนไหน ไร้ ดาว เหงา ทุก ที ชีวิตก็อย่างนี้ อยากมี ความหมาย เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย ฉัน ก็คงเป็นแค่เพียง ผงฝุ่นในสายลม ไม่มี ไม่มีความหมายใด ไม่ มี ใคร มรสุม พัด ผ่าน ทาน ไว้ ได้ ชีวิตวันต่อไป ไม่มีใคร รู้ เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว... เริ่มรุ่ง..รับงาม! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6189.html (บทเพลงพระราชนิพนธฺ*ใกล้รุ่ง*ค่ะ) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6881.html (น้ำเซาะทราย ..คุณจำรัส เศวตาภรณ์) ..................... ถึงคนดี... มีคำถาม.. จากดวงใจใสสวยแสนงาม..แสนสดชื่น จากคนที่แสนดีแสนเก่ง.. ที่ยังมองโลกนี้เป็นสีชมพู.. ถามพุดพัดชามาว่า * สวัสดีพี่พุดครับ ทำไมงานมักจะออกมาแนวเศร้าๆเสมอหล่ะครับ ส.ธันวันตรี จาก : รหัสสมาชิก : 5338 - หมึกมรกต * และ.อีกหนึ่งค่ะ * หวัดดีจ๊ะ พุด สาวบ้านนา ผม ...... นะ อยากรู้จักหนะ เอ่อ พูดไม่เก่งอะนะ แนะนำตัวพุดให้ฟังหน่อยสิ เอ่อ แค่นี้ก่อนนะ บาย.. * เป็นคำถาม ที่พุดพัดชาไม่มีคำตอบค่ะ.. เพียงขอกระซิบบอก.. ในความเป็นพุดพัดชาและสาวบ้านนานั้น ทุกคำถาม มีคำตอบในงานที่ร่ายรจนาแล้ว หากรักและอยากรู้จักพุดพัดชาอย่างจริงแท้ ก็ให้ตามติด ตามคิด ตามอ่านหัวใจ จากงานงามรจนา ที่พยายามเพียรฝากธรรมชาติธรรมะธรรมดาคน ไว้อย่างให้มองโลกนี้ แบบมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆ *ที่ยังคงต้องมีรักในบางวันฝันในบางที และในที่สุดดวงชีวาชีวีก็ ปลงตกยอมรับชะตากรรมได้กับทุกเรื่องราว* และท้ายสุดสุดท้าย ที่ได้พยายามเพียรบอกคือ ให้ใช้ธรรมะปลุกปลอบใจ..น้อมนำใจ สู่เส้นทางสายใสสายงามสว่างสงบ.. พบสุขว่างทุกฤดี..ดวง และ น่าแปลกใจ เป็นมหัศจรรย์รัก มหัศจรรย์ใจ เชื่อไหมว่า อดีต.. มีเพียงผู้เดียว.. ที่ตั้งใจอ่านงาน แบบเก็บรายละเอียดมายาวนานนัก.. เป็นที่รักเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ ที่รู้ใจรู้จักและอาจจะรักงานพุดพัดชา อย่างถึงแก่นก้นบึ้งถึงดวงใจ ประทับใจตราตรึงใจจำจด.. และแล้ว.. ที่นะวันนี้วันหนึ่ง.. เขาก็ถึง*อิ่มงามพบนิยามความเบื่อ* และ นี่ก็คือคนในโลกฝันโลกรจนา โลกมายาอีกด้านหนึ่งของชีวาชีวิต โลกนักอยากจะลิขิตเขียน.. เพียรฝันค้างอ้างว้างแสนว้าเหว่ใจ แสนเปลี่ยวดาย ที่หมุนมาสอนใจมนุษย์ ว่าเรามิอาจยึดมั่นถือมั่นอะไรได้เลย ไม่ว่าเขาไม่ว่าใคร แค่ผ่านมาฝากหวามหวังพลังใจ ให้มีทั้งรักทั้งชังทั้งหวานขมขื่น ทั้งรื่นอภิรมย์ใจ เพียงนั้น.... ก็เท่านั้นก็เท่านี้.. กับฤดีคนคนคนวนวนมิรู้จบให้พบเจอมิรู้สิ้น แค่มาฝากบทเรียนให้ไหวหวั่นฝันระทม ให้...เรียนรู้รัก..หักใจ..พักใจ รู้งามให้.รู้เมตตา..อภัย.. รู้ทันเท่าความเป็นไป และในที่สุด รู้ปล่อยวาง ..ว่าง... ไม่ว่าค่าคำใด.. สรรเสริญ เยิรยอ ด่าทอ หรือให้กำลังใจ แท้ไซร้คือลม..ลม....และลม ที่พุดพัดชา ไม่ตรม..ไม่เศร้านานเลยไม่ว่ากับสิ่งใด เหลือเพียงดวงใจ ที่พร่ำสวดมนต์ภาวนา ขอเมตตาขอพรพระ ให้ใจดวงร้าวที่เฝ้า หวังเพียรพยายาม ให้ค้นพบเส้นทางสายงาม ให้รู้วาง ว่าง มากขึ้นและมากขึ้น ในทุกขณะจิตแห่งชีวิตหนึ่งนี้ ที่มากมีมากมายเรื่องราว ผ่านเศร้าผ่านสุข เข้ามาคลุกเคล้าให้ชีวิตมีรสชาติ ที่ใจจริงแท้..นาทีนี้ พุดวาดหวังแค่ลืมทุกสิ่งทิ้งทุกอย่าง วางไว้ข้างนอกเหลือก็เพียง *บ้านภายในลั่นดาลรักตอกสลักตรึง* ขอแค่ดำรงซึ่งร่างใจ ทำหน้าที่ทั้งในโลกจริงและโลกฝัน ให้ดีที่สุด และหวังเพียงดวงชีวี หากจะมีเหลือ ไม่ขอมีรสชาติขอเพียงสะอาดสว่างสงบ.. พบว่างในบั้นปลายเพียงแค่นั้น ฝันเพียงแค่นี้ค่ะ และเป็นฝันพลี..สุดท้าย จากดวงใจพุดพัดชา. นักรจนาฝากไว้มากมายมากมี.. มาจนถึงนาทีนี้ ที่คิดว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ในโลกฝันมากขึ้นทุกที และทุกวัน ที่ไฟฝันราวริบหรี่ลางเลือน เหมือนใกล้จะมอดลงทุกทีแล้วละค่ะ ไม่รู้ว่านาที*อิ่มฝัน*นั้นจะผันมาถึงในวันใด ที่คงพรากจากไปแบบไม่จับปากกาอีกเลยแล้ว เหมือนกำลังค้นพบว่า หากจะยังคงเหลือแรงใจแรงรักรจจนา ก็แค่อยากใช้เวลาให้มีค่า ได้มีก่อเกิดงามฝันบันดาลใจ รจนางานที่พอมีค่าคืนกลับโลก เรียนรู้โศกลบทุกข์ ฝากให้ทุกดวงใจ พบสุขในความเย็นรื่นชื่นฉ่ำชื่นทรวง ดั่งธารน้ำใส.. มีดวงดอกไม้หวานหอมหลอมลอย ประดับรับขวัญงามให้ทุกดวงใจ ในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้ ที่ยิ่งอยู่ไปๆนานนาน ก็พานพบน้ำใจมิ่งมิตร ที่มิชิดกายหากใกล้ใจมากมายเลยค่ะ และ สำหรับวันนี้ ชีวิตพุดพัดชายังคงมีคงฝาก *เพลงบทเศร้ามิรู้จบ! * บทเพลงเศร้ามิรู้จบลบลาเลือนจากโลกนี้ ตราบชีวียังมีรักและมีฝัน บทเพลงเศร้ายังร้าวรอนอ้อนรำพัน บทเพลงฝันวันเดียวดายไร้คู่ใจ.. บทเพลงเศร้าสอนสุขทุกข์คลุกเคล้า นัยน์ตาเจ้ามีเงาใจไยหวั่นไหว ดวงจันทราหยาดหวานสักปานใด ม่านฝนในแววตาพาหม่นงาม.. บทเพลงเศร้าหลายดวงใจในโลกฝัน ราวคืนวันคู่กันไปจนไหวหวาม ทั้งมืดมนปนสุขสันต์ทุกโมงยาม ทั้งต้องหามดามใจไอซียู.. บทเพลงเศร้าเคล้ากลอนฝันคืนวันนี้ แด่คนดีในดวงใจไร้ใครคู่ มากล่อมขวัญว่าวันหวานยังมีอยู่ ให้รับรู้คู่โลกนี้มีตะวันมีจันทร์งาม..ให้ชื่นใจ..(ไทยโพเอมทุกทุกคน) ...................... และ ขอฝากเริ่มรุ่ง..อีกคราครั้ง มอบหวังให้กำลังใจพลังใจทุกดวง จากดวงใจพุดพัดชา.. ตราบที่ดวงใจรักรจนายังมิพรากลานะคะ .................. เริ่มรุ่ง! .... พุดพัดชา เริ่มรุ่ง..... ในราวเมือง.. ที่มิใช่..ราวป่าใหญ่ไพรกว้าง. ที่ฉันนี้ฝันใฝ่ อยากฝากกายใจไปเริ่มรุ่ง..ในราวพฤกษ์ไพรพนา.. เริ่มรุ่ง..... เช้าวันใหม่ ทุกดวงใจ ทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่.. ต่างมีฝัน ต่างมีหวัง ต่างยังมีลมหายใจต่อดวงใจรักไปอีกวัน เริ่มรุ่ง.... ที่ยังมีเสียงนกร้องขันคู จู้จุ๊กกรู จู้จุ๊กกรูเพราะพริ้งพราว บรรเลงเพลงแห่งราวไพร. เพราะยังมีต้นไม้ใหญ่ ให้เกาะคอนขัน..ในบ้านของฉันเอง.. เริ่มรุ่ง..... ฟ้าหวาน ลมหนาว เย็นฉ่ำ เมฆอิ่มใส อาบไรแสง สายไหม ลมชื่น อวลหอมดอกไม้ บานเบิกชูช่อชัน ขันแข่งกันกับใบไม้เขียว ล้อลมไสว..รอหวานใจชื่นชม..ดมดอม เริ่มรุ่ง..... บ้านนี้ ที่ยังมีงามดวงใจใครจะรู้ ที่ทำให้ดวงใจใสชุ่มฉ่ำ ราวหยาดน้ำค้างหยดพราว มาให้ดอกไม้ฝัน..สดสว่างกลางใจ บานแย้มรับหวัง พลังใจ ไฟฝัน ในโลกหวัง โลกอนาคต ที่หมดจดแสนดี ..มิมีท้อแท้แพ้พ่าย... กับกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง.. เริ่มรุ่ง..... ที่ยังมีฝันว่า สักวัน ใครบางคนที่พิเศษสุดในใจ ที่เราแสนภาคภูมิใจในคุณค่าความดี ที่มีรักแท้ หนักแน่นมั่นคงจะก้าวมาร่วมชายคา พาให้ใจเราทุกคนฝันแสนดีร่วมกัน วันเคียงหมอน มิจากลาเลยลับไปไกล ไปหนไหนอีกแล้ว... เริ่มรุ่ง..... ที่ยังมีกลิ่นดอกไม้หวานหอม จรุงใจลอยฟุ้งคละเคล้า มากับสายลมหนาว หวานอมเศร้าพราวกับหยาดน้ำค้าง ที่รอระเหยหาย..ยามอรุณร่ำลา.. พายามสายมาเยือนเยี่ยมแทน... เริ่มรุ่ง..... ที่มีเช้าแสนดี มีละอองหมอกเย็น แสนสบาย มาทายทัก ในบางวัน พร้อมกับความฝันความรักมากมี จากทุกดวงใจที่ใสงาม มากด้วยรัก..ด้วยจริงใจ ที่ยินดีมอบให้ไร้ร้องขอ... เริ่มรุ่ง..... กับใจดวงดี ที่รู้จักมองโลกให้เป็น แลเห็นงาม ไม่มืดบอด รู้รัก รู้ให้ รู้ห่วงใย เข้าใจอดทนต่อความเป็นไป ผันแปร ไม่แน่ไม่นอนของโลกที่หมุนวน ยอกย้อนลวงหลอนหลอกใจ ให้มากบทเรียน มากประสบการณ์สอนใจฝากจำจด.. เริ่มรุ่ง..... ที่รู้ค่าการมีชีวิต ที่ถูกลิขิตมาให้แสนโชคดี มีดวงตาดวงใจเห็นในธรรมชาติเงียบสงบงาม มีพลังใจว่าได้เกิดมาในแผ่นดินร่มเย็น ได้พบพระพุทธศาสนาที่ส่องสว่างนำเส้นทางใจ ให้แลเห็นในความว่างความพอดี พอดี.. เริ่มรุ่ง..... ในวันนี้..ขอทุกชีวี คิดแต่เรื่องดี ให้เรามีพลังสร้างฝันให้เป็นจริง พบทุกสิ่งที่หวัง และมีความสุข กับคนดี คนเดียวในดวงใจ.. ขอให้มีใครสักคนนอนเคียงข้างยามเริ่มรุ่ง.. ตราบวันนี้ ตราบชั่วชีวี และชั่วฟ้าดินสลาย..! ............................ .
จันทร์นวลสีทองกำลังฉายแสงผ่องพราว เหนือราวฟ้า หว่านสายแสงเสน่หาแสนหวาน ทายท้าให้ทุกดวงใจ.. ได้ปันแบ่งความคิดถึงลึกซึ้งยามห่างไกล เมื่อได้แล เหลียวเห็น ดวง..เปิดบทเพลง*ม่านไทรย้อย* ที่กำลังครวญคร่ำบรรเลงในนาทีนี้ ที่หยาดน้ำผึ้งแสนหวานแห่งดวงจันทรา กำลังพร่างพรมห่มหอมให้ไปทุกถิ่นที่ .. ในท่ามราตรี ที่ฟ้าไทแสนทุกข์เทวษ ด้วย.. เหตุแห่งความไร้รักสมานสามัคคี http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html ม่านไทรย้อย ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร แม้จันทร์ ที่เคยเป็นใจ หลบบัง ร่มไทรย้อยกิ่ง กระซิบรำพัน แฝงจันทร์ เคยแอบเอนอิง หนาวลม แนบอกเธอผิง สุขซึ้งใจจริง หาใดปาน ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ ซึ้งจำ ติดรอยใจพิมพ์ เคยชิม ว่าเป็นน้ำตาล ยังหวานตรึงใจ รสใด จะเปรียบประมาณ แท้จริง ลมปากเธอหวาน หลอกฉันมานาน ร้อยหมื่นอย่าง กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา... ดวง...แลลอดผ่านเรียวใบจำปี ริมหน้าต่างกระจกบานกว้าง เห็นมวลเมฆอ้างว้างลอยวนไปกับมนต์จันทร์ ให้ฝันฝากใจ.... แล้ว...ไฉน..ไยเล่า .. ในค่ำคืนนี้.... ที่ทั้งน้ำตาดวงน้ำตาดาว จึงต่าง...พราวพร่าง..พลี.. ฝากโศกสะเทือน..แด่โลกพร้อมกัน...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song346.html เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น ได้ยินไหมเสียงหัวใจเราสองกระซิบ ดั่งดนตรีทิพย์คนธรรพ์สวรรค์สรวง ว่ารักแท้นิรันดร์เจ้าขวัญดวง มิมาลวงหลอนหลอกช้ำชอกใจ ในอ้อมกอดหอมกรุ่นสัญญามั่น มีกันและกันตราบกาลนานแค่ไหน ปาฏิหารย์ฟ้าเมตตานะดวงใจ อย่าหวั่นไหวในรอยอดีตกรีดใจจำ หยุดหนาวน้ำตาดั่งนางฟ้าร้องไห้ หยุดวนว่ายระทมระรินร่ำ หยุดซ้ำวนบนวิบากรักระกำ หยุดใจย้ำคำว่ากลัวเสียทีหนีให้ไกล อยู่กับมหัศจรรย์รักนี้ที่แสนงาม กับปัจจุบันนิยามสัจจจากใจใส พลีรักแท้ให้สิ้นแล้วแม่ยอดดวงหฤทัย เราสองไม่พรากจากกันตราบวันสิ้นลม....! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3517.html เสียงกระซิบ ธงไชย แมคอินไตย์ เมื่อเราสบตา เหมือนว่าจะรู้ ทั้งที่มองอยู่ แต่ก็ดูเหมือนยังไกล ช่วยกระเถิบมา เข้ามาฝากใจ ซบลงตรงไหล่ แอบอุ่นใน ของกายกัน ลมหายใจ อุ่นๆ ไอละมุนจากเธอ ใจฉันคงละเมอ ไปแสนไกล คำรักเพียงแผ่วๆ ฟังแล้วยอม หมดใจ ลืมฟ้าดินใดๆ ไปทั้งวัน เอ่ยคำ รักกัน เมื่อเรานั้นได้อยู่เคียง มีแต่เสียงกระซิบ กระซิบ มาจากหัวใจ ฝังรอยอุ่นไอ ให้เราจดจำ แสนจะชุ่มช่ำ เอ่ยแต่คำ ที่จริงใจ ขอจงพูดจา สัญญาออกไป ซบลงตรงไหล่ ติดตรึงใจ มิลืมเลือน ลมหายใจ อุ่นๆ ไอละมุน จากเธอ ใจฉันคงละเมอ ไปแสนไกล คำรักเพียง แผ่วๆ ฟังแล้วยอม หมดใจ ลืมฟ้าดินใดๆ ไปทั้งวัน เอ่ยคำ รักกัน เมื่อเรานั้นได้อยู่เคียง มีแต่เสียง กระซิบ กระซิบ มาจากหัวใจ ลมหายใจ อุ่นๆ ไอละมุน จากเธอ ใจฉันคงละเมอ ไปแสนไกล คำรักเพียง แผ่วๆ ฟังแล้วยอม หมดใจ ลืมฟ้าดินใดๆ ไปทั้งวัน เอ่ยคำ รักกัน เมื่อเรานั้นได้อยู่เคียง มีแต่เสียง กระซิบ กระซิบ มาจากหัวใจ ช่วยกระเถิบมา เข้ามาฝากใจ ซบลงตรงไหล่ แอบอุ่นใน ของกายกัน ฝังรอยอุ่นไอ ให้เราจดจำ แสนจะชุ่มช่ำ เอ่ยแต่คำ ที่จริงใจ... ................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song346.html เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง มัน คลุ้ม คลั่ง ฝัง รอย สวาท ใจ มันซุก มันไซร้ มันซบทรวงทราย แทรก ซึมไม่มีวันวาย มันเคลิ้ม มันคลุก มันเคล้า มิคลาย รสทรายรื่นรมย์ เสียง กระ ซิบ แผ่ว ฟัง หวาน แว่ว พริ้ว ตามเกลียวคลื่น มา เรารัก กันหนา มาหา มาชม คลื่น คอยติดตามเกลียวลม มาร้อย รอยรัก มาทัก คลื่นชม ภิรมย์เพียงฝั่ง ฟัง ซิคลื่น มันละ เมอ ฝาก สวาท เหมือน เธอ ละเมอเพ้อให้ ฟัง เห็น ใจฝั่งบ้างหรือ ยัง ฝั่ง รัก จี รัง เหมือนคลื่น ยืนใจ เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง กระ ซิบ สั่ง ฝัง รักตลอด ไป มันซุบ มันซิบ กันชื่นใจ มันซบ มันหนุน จนอุ่นไอ กระซิก กระซี้ กันเรื่อยไป จะรัก กันไว้ ตลอด กาล เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล...
ยัง..ซึ้งใจจำ... ถึง.. คืนค่ำที่ดาวดวงระดะเต็มอ้อมฟ้า..อ้อมฝัน ยามใกล้รุ่ง... สองข้างทาง..ดูอ้างว้างเหว่ว้า ท่ามม่านหมอกสลัวมัวหม่นเลือนลางแห่งวสันตฤดู บัว..ริมทุ่ง ในคู.. ค่อยๆคลี่กลีบแย้มเผยอเกสรแสนหวาน บานรอรับหยาดละออละอองน้ำฝนหยดน้ำค้าง ในยามดึก ที่กำลังพร่างพรมห่มหอมให้ไพรพฤกษ์.. อย่างเงียบงาม ดาวประกายพฤกษ์ ทอดวง.. เหนือนวลนภาทะเลสาบสีเงิน ดูสุกใสแสนใกล้ ราวกำลังลอยทายท้าให้เราสอง.. สองเรา เอื้อมมือไปคว้าไขว่ มาประดับเรือนใจ..ให้สวยใสงาม แล..ประดุจดั่ง.. ดวงดาวพราวไสวกำลังสอนสัจจธรรม ไม่มีฝันใด เป็นจริง.. หากไม่เพียรพยายาม ไม่...แม้..มีฝัน .... อันคือเป้าหมายแลทิศทางแห่งชีวีชีวิต... ในท่ามความเงียบ... ในคืนฝันวันไร้ฝน ดวงกมลแห่งสองเรากำลังสัมผัสได้ ถึงเสียงสายน้ำรักนิรันดร์ กำลังครวญคร่ำกระซิบ...พ้อ..เพ้อ ฝากลมละเมอ..ให้เฝ้าถามมวลมนุษย์ ชาติหนึ่งนี้... เจ้ามาพลีลมหายใจเพื่อสิ่งใดกันเล่า... ให้แสนหนาวเหน็บในคำนึง... ฟ้าเริ่มรุ่ง... สุริยาสาดแสงดั่งสายรุ้งฉายส่องอาบไล้ ไปตามใบไม้ ใบหญ้า บึงบัว ทั่วทุ่งข้าวกล้าเรียวรวงระย้าระยับ ให้ดูราวกับสุกปลั่งมลังเมลือง ดั่งทองทาบทาไปทั่วทั้งแผ่นดิน นกกา บินว่อนร่อนโฉบหาเหยื่อเพื่อดำรงรอด สู่รวงรัง..เป็นวัฏฏธรรม ธรรมชาติ แห่งการมีชีวิต.. ดงดอกหญ้า...ฟ้อนร่ายระบำไปกับสายลมอรุณไหวเอน ไพล..พาตัวไปนอนนิ่งๆใต้เงาไม้ ใช้หมวกสานสวยฝีมือชาวบ้านปิดหน้า แล้วปล่อยภวังค์พาเพลินอย่างแสนสุขสงบใจ ในขณะที่ฟ้าสาย ฉายแสงแดดสีเงิน ลอดส่องพรายผ่านใบไม้ ก่อให้เกิดแสงระยิบพริบพราวพลิกพลิ้ว กระทบกับผองใบ.. จนเกิดเป็นประกายแก้ววะแวววับ.. แล้ว.. กับความเงียบงามในท่ามความแล้งไร้..นั่น พลัน..หัวใจไพล..ก็ลอยล่องท่องไปในทิพยนิรมิต ติดปีกอิสรา และ.. ราวกับได้ยินเสียงกระซิบ..ว่า... ทุกบทเพลงฝันบทเพลงแห่งชีวิต กำลังเริ่มต้นบรรเลง..ใหม่..ในวันวนวงกรรม.. อันจัก..มิมีวัน..สายเกิน....!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3238.html นกขมิ้น ดิอิมพอสซิเบิ้ล ค่ำ คืน ฉันยืนอยู่เดียวดาย เหลียวมองรอบกาย มิวายจะหวาดกลัว มอง นภามืดมัว สลัวเย็นย่ำ ค่ำคืน เอ๋ย ฮืม ยามนภาคล้ำไป ใกล้ค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้าดอก ขจร นก ขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย เอ๋ย เล่า นก เอย อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์ เหมือนคนพเนจร ฉันนอนไม่หลับเลย หนาว พระพายพัดเชย อกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่น ทอน ฮืม ยามนี้เราหลงทาง กลางค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้าดอก ขจร ฉันร่อนเร่ พเนจร ไม่รู้จะนอน ไหน เอย เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย บ้าน ใด หรือใครจะเอ็นดู รับรอง อุ้มชู เลี้ยงดูให้หลับนอน นก ขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำไหน นอนนั่น อกฉัน หมอง ฮืม ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ ยินเสียงร่ำ น้ำตก โอ้หัวอก เอ๋ย โอ้อก อาวรณ์ ฉันไร้คู่ ร่วมคอน ต้องฝืน นอน หนาว เอย เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย เมื่อ มอง หมายปองก็แลเห็น หวิวในใจเต้น เหมือนเป็นเพียงแต่มอง เหมือน พบรัง จะครอง แต่หมองเกรงที่ หวั่นจะมีเจ้าของ ฮืม ฟังสำเนียงเสียงเพลง ครวญคร่ำ ใครหนอร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้าดอก ขจร นก ขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำนี้ จะนอน ไหน เอย เอ๋ย นอน ที่นี่ เอย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2121.html โลกมายา ดิอิมพอสซิเบิ้ล รุ่งสุริยาขอบฟ้าขลิบทอง วิหคเร่าร้องเสียงก้องพงไพร ม่านฟ้าเรืองแสงทองยองใย โลกตื่นจากหลับไหล สู่ความโสภา รุ่งแจ้งแสงทองแซ่ซ้องปักษิน บ้างก็ผกผินเหิรบินเมฆา โลกสวยด้วยแสงสุริยา มองสุขสันต์หรรษา ดูน่าภิรมย์ โลกเรานี้ ล้วนมีมายา เฮฮาหัวร่อ แล้วก็ระทม มัวเศร้าอยู่ใย ร้องไห้ ร้องห่ม ทำไมให้เสียน้ำตา รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ วิหคขับขานก้องดานดงป่า โลกฝันมายิ้มกันดีกว่า ลืมโลกแห่งมายา มาร่าเริงกัน โลกเรานี้ ล้วนมีมายา เฮฮาหัวร่อ แล้วก็ระทม มัวเศร้าอยู่ใย ร้องไห้ ร้องห่ม ทำไมให้เสียน้ำตา รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ วิหคขับขานก้องดานดงป่า โลกฝันมายิ้มกันดีกว่า ลืมโลกแห่งมายา มาร่าเริงกัน...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html บทเพลง..ร้อยบุปผา ดั่งดวงแก้วส่องนำทางกลางป่าใจมวลมนุษย์ สร้างพิสุทธิ์สร้อยอักษราภาษาฝัน เป็นกวีแก้วแววฟ้าวิลาวัลย์ เป็นเทพสรรค์สวรรค์ส่งประดับดิน บรมกวีภู่ครูกลอนอักษรสร้อย มาถักร้อยเป็นมณีแห่งศรีศิลป์ เป็นสายธารหวานหอมแห่งแผ่นดิน เป็นอวลกลิ่นรสชื่นสุคนธา เป็นดาวพรายพราวพร่างสว่างใจ เป็นน้ำใสดับโลกแล้งทุกแหล่งหล้า เป็นยอดขวัญอัญมณีเพชรหนึ่งในพสุธา เป็นฝันฟ้าประโลมใจวรรณกวี เป็นงามใจงามไทยศรีแห่งชาติ เป็นหวังวาดในโลกฝันแห่งสร้อยสี เป็นครูกลอนสอนสัจจธรรมสร้างค่าคนค่าชีวี เป็นกวี..พลีงามฝากสายธารบุญสนองคุณแห่งแผ่นดิน..! ......................... บรรจงใจร้อยมาลัยกลอนอย่างอ่อนหวาน ศรัทธาธารแทนด้ายรักอักษรขวัญ คารวะบรมครูกวีศรีชาติดั่งตะวัน คุณอนันต์ต่อฝันไทยใจทุกดวง.. ดั่งสร้อยเพชรนามบทกลอนงามอ่อนไหว ดั่งสร้อยใจมิ่งมงคลงามใหญ่หลวง ดั่งสร้อยรักภักดิ์ภาษางามเรียงรวง ดั่งดาวดวงจรัสแสงจากแรงใจ.. พลีดอกไม้ฟ้าบูชากวีแก้ว งามเพริศแพร้วพิลาสล้ำคำไหนไหน สุภาษิตสอนหญิงมิ่งกมลงามดวงใจ อันหวานใดไม่เทียบเท่าเจ้าจอมภักดิ์ พุดเพียงหิ่งห้อยน้อยแสงแฝงเรือนไม้ ใช่ดาวพรายฉายแสงหรูอยู่ด้วยรัก เป็นนักฝันรักคำงามตามพ้อภักดิ์ ดวงใจรักหอมละมุนกรุ่นกลิ่นไพร เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจอ่อนหวาน กลอนชาวบ้านสาวชาวนาพิสุทธิ์ใส กลอนธรรมดากลอนตลาดหญิงชาวไพร ฝากหอมใจฝากหอมงามตามเห่กล่อม. จุดเทียนทองส่องบูชานาทีนี้ กราบบรมกวีแก้วกลางใจพร่างพรมหอม หวังกมลพุดคนดีที่ตรมตรอม ปลูกพะยอมงามกลางใจ..ไทยทุกดวง.. ..................... ฉันอยู่ไหนในโลกนี้...ที่เธอฝัน..ลำน้ำน่าน ฉันอยู่ไหนในโลกนี้...ที่เธอฝัน ในเงาจันทร์หรือเงาดาว..พราวไสว อยู่บนดินปวงพฤกษ์ป่า..หรือพงไพร หรือหัวใจอันแสนล้า....นภาราย อยู่ในรักหรืออ้อมกอด..มวลดอกไม้ ในรอยทรายหรือรอยแยก..แตกสลาย ในเเสงทองท้องทะเล...หรือหาดทราย หรือเลือนหายเวียนว่าย...ในเวิ้งวรรณกรรม อยู่ใต้หล้าบนฟ้ากว้าง....ทางแห่งสุข หรือเงาทุกข์โถมเล้า......ระทมร่ำ หรือเป็นเพื่อนเตือนตอกย้ำ...ชะตากรรม หรือแสงธรรมอันพร่างพราว...คราวมืดมน อีกไม่นานจะกลับมา...หาบ้านเก่า แนบนานเนาดวงใจ...มิสับสน จะอยู่ไหนใจเตือนว่า...ยังเวียนวน ตราบถึงจนวันคืนคอน....นอนแนบดิน ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล ในดวงใจในดวงตาดารากาล.. อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!.. ...................... แด่ดวงตาดารางามนามนักเขียน .... พุดพัดชา พระจันทร์สีส้มสุกดวงโตสุกปลั่ง กำลังสาดส่อง ทอประกายนวลละอองดั่งทองทา เมื่อแหงนเงยหน้า ขึ้นดู บนฟากฟ้าสีน้ำเงินงามเข้มดั่งกำมะหยี่ ในราตรีที่ดวงดาวราวเร้น หลีกหลบประกายกล้า มิหาญกล้าทายท้าแสงนวลใย หายเข้าไปในหน้าต่างเมฆ.. ฝากดอกไม้ไทยที่พากันเอาใจ บานละออชูช่อรอหยาดน้ำค้าง ที่คงหยาดสายพรายพร่างในยามดึก... ผ่านม่านมนต์เมฆเสกเสน่หา ให้มวลมนุษย์ มองหาสวรรค์ฝันหวานหวาน ฝาก... ผ่านถึงดวงใจ.. ทุกดวงที่ยังห่วงใยเกี่ยวกระหวัดรัดรึง ให้ละเมียดละมุน ด้วยความงามนี้ที่ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ และ.. ผ่านดวงตาดารางามนามว่า *นักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝัน* กันมิว่างเว้นในยามนิทรา.. ที่ทุกดวงตาอื่นๆนั้นพากันหลับไหล ไฉนเลย..! เราจึงมาเดินบนถนนสายเดียวกัน ในมิติฝัน.. อันแสนลี้ลับมหัศจรรย์...ไร้กาลเวลา. นอกเสียจาก.. ใจจักนำพาให้เราได้มาพบและรักกัน ได้โอบเอื้อแบ่งฝันอันละเมียดใจ ในทุกอณูหนึ่งนี้... กับโชคดี ที่กาลเวลาได้ประทานของขวัญ อันแสนเลอล้ำค่ามลังเมลืองใจ ..เกินกล่าว..แล้ว ... ! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html ร้อยบุปผา สุนารี ราชสีมา ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน ร้อยดอกงาม เด่นตระการ แย้มบานในดวง ใจ ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์ ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์ มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์ ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก ร้อยสำนักประชันแข่งใจ มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน ร้อยดอกงาม เด่นตระการ แย้มบานในดวง ใจ ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน