13 ธันวาคม 2550 12:42 น.

อธิษฐานขอ..รอ..สู่..สวรรค์ปาริชาติ..

พุด

watphrathathariphunchai.jpgaishwed01a.jpg3651333_aishwarya-rai_7585.jpgaishwarya-rai-05.jpg
ยืนเดียวดายระหว่างทางสองแพร่ง
ทางแห่งสายแสงธรรมนำชีพพ้น
อีกทางหนึ่งแสนโศกซึ้งใครบางคน
รักมากล้นเกินกล่าวคำว่าอำลา

หากพินิจถึงคำพรากจากแลเจ็บ
เคยหนาวเหน็บสุดเหว่ว้า
เคยน้ำตาท่วมใจทรมา
เคยไร้ค่าดั่งธุลียามมีกรรม

ในวันนี้เงาคนดีมาเคียงขวัญ
เสมือนสวรรค์ส่งน้ำอมฤตมารินร่ำ
ให้นวลใจใสเย็นดั่งฝนพรำ
คือหยาดน้ำอมฤตธรรมจากเทพไท

ระหว่างทางแยกช่างแปลกนัก
ราววงวัฏฏรักนิรันดร์อันหวั่นไหว
ไยไม่เลือกเดินหันหลังลาจากดวงใจ
สู่เส้นทางธรรมไสว..ที่ทอดรอ..

เพราะมิอาจสลัดจิตเธอที่เกาะเกี่ยว
ให้เปล่าเปลี่ยวหลงโลกย์ทางโศกหนอ
หวังเคียงกันสู่สวรรค์ปาริชาติรอ
ดั่งคำขออธิษฐานสาบานภักดิ์แห่งรักเรา..!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
สี่แผ่นดิน 

คนมี ชีวิตและกายา
ถือ กำเนิดเกิดมา
เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
เป็นแดน ที่ให้ชีวา
พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน

ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
 
 


384889159_small.jpgaishwaryarai30pu0qg1jb5bh.jpg?imgmax=512Aishwarya_Rai3.jpg				
6 ธันวาคม 2550 10:47 น.

ประดุจดั่ง..ประทีปรัตน์...ฉัตรเพชรแห่งแผ่นดิน...!

พุด

king2502.jpgking2478.jpg038_01.jpg2911254513214.jpg038_02.jpgid_14411_1.gifpicture%5C147254920472.jpg
วันนี้..
ใบบัว..มีความสุขที่สุด
เป็นวันมหามงคลแห่งความปลื้มปิติ
ของทุกดวงใจไทยทั้งหล้า

วันที่ใบบัวทราบซึ้งดีว่า
ใจคนไทยทุกดวงได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่องค์พระพ่อหลวง..
แห่งปวงชนชาวสยาม...
ที่โลกคงเฝ้าติดตามดูด้วยความมหัศจรรย์ใจ

พระองค์..คือหนึ่งในดวงใจไทยทั้งชาติ
พระองค์คือความสะอาดสว่างสงบ
พระองค์คือพลังอันงามงดยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน
พระองค์คือปิ่นเพชรฉัตรแก้วกางกั้นเกศ
พระองค์ทรงเสียสละด้วยมหาเมตตาบารมี
ให้ไทยพ้นทุกข์เทวษ
มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษแล้ว
และ..
พระองค์คือพระมิ่งขวัญร่มแก้ว 
ที่เราทุกคนเทิดไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม

และ..
ให้เราได้สอนจิตตน
ให้รู้ซึ้งถึงสัจจธรรมแห่งค่าคน
ค่าแห่งลมหายใจนี้ที่ได้เกิดมา

ให้รู้ใฝ่เพียรทำความดี 
ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
เพื่อถวายเป็นราชพลีกตเวทิตาแด่พระองค์ท่าน
และ..
แด่แผ่นดินทองแผ่นดินธรรม
แห่งผองเราอย่างเนานาน

อันคือความฝันอันสูงสุด 
ในชีวิตหนึ่งที่ได้เกิดมา
ใต้ร่มฟ้าร่มฉัตร..
อันรัตนเรืองรองของแผ่นดินรัตนโกสินทร์นี้


ใบบัว...มีโอกาสมงคลสิริ
ได้ไปนั่งสมาธิ สวดมนต์ถวายพระพรที่วัดสุทัศน์

หน้าเบื้องพระพักตร์พระศากยมุนีสีทองสุกปลั่ง
ที่งามมลังเมลืองใจเกินจะกล่าว

และ..
มากเรื่องราว แห่งวันเฉลิมขวัญ ฉลองรัฐ
ที่ใบบัวได้ทำและประสบทุกสิ่ง
ด้วยดวงใจนิ่งงาม

ใบบัว...
ได้แต่บอกกับดวงใจตัวเองซ้ำๆ
และกับผู้ที่เคียงข้างชิดใกล้
ให้อธิษฐานจิตไว้...
ว่า
หากเราจำต้องเวียนวนเกิดมาใช้กรรมอีกกี่ภพชาติ
ขอให้เพียรสร้างทาน ศีล สมาธิ ภาวนา 
ให้ได้มีบุญวาสนา 
ได้เกิดมาในแผ่นดินพุทธภูมิ
ได้พบพระพุทธศาสนา 
ได้เกิดมาใต้ร่มฉัตรเพชร
แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม
ได้เกิดมาพบองค์พระอรหันต์แห่งแผ่นดิน
ได้มีใจดวงสัมมาทิฏฐิ คิดดี พูดดี ทำดี
รู้พลีให้..อย่างมีเมตตา อย่างสมค่าคำว่ามนุษย์
ผู้มีใจดวงพิสุทธิ์งามผ่องแผ้วด้วยเทอญ..!




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6195.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์

ลมหนาว

ยาม ลมหนาว
พัดโบกโบย โชยชื่น
เหล่า สกุณฯ ร้องรื่นรมย์
หมู่ ดอกไม้ ชวนภมร ร่อนชม
ช่าง สุขสม เพลินตาน่าดูชูใจ
โอ รักเจ้าเอย
ยามรัก สมดังฤทัย
พิศ ดูสิ่งใด
ก็แลวิไล แจ่มใสพลัน
อัน ความรัก
มักจะพา ใจฝัน
เมื่อรักนั้น สุขสม จิตปอง

ยาม ลมหนาว
พัดโบกโบย โชยชื่น
เหล่า สกุณฯ ร้องรื่นรมย์
หมู่ ดอกไม้ ชวนภมร ร่อนชม
ช่าง สุขสม เพลินตาน่าดูชูใจ
โอ รักเจ้าเอย
ยามรัก สมดังฤทัย
พิศ ดูสิ่งใด
ก็แลวิไล แจ่มใสพลัน
อัน ความรัก
มักจะพา ใจฝัน
เมื่อรักนั้น สุขสม จิตปอง... 
.............................
 
  
rice%20farm.jpgบุญข้าว..ประดับดิน..!

ขอเทิดพระเกียรติ 
ด้วยบทรจนาในนามปากกาสาวบ้านนา 
ด้วยรักแผ่นดินทองแผ่นดินไทของเราค่ะ


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song330.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song81.html
(ค่ำแล้วในฤดูหนาว..หนาวลมที่เรณู)
............



วูบแรก..ของไหวพรายแห่งสายลมหนาว 
กำลัง...พัดพร่างพาให้ สายหมอกกระจ่าง
และ..
มวลเมฆแสนงามค่อยๆพล้อยสายพรายพลิ้วปลิว
ฟ่องท่องทาบฟ้า
จน..ราวกับทาบทาด้วยอิ่มสีเทาทอง
พลางส่องล่องไล้ลูบจูบแผ่วผิวน้ำ
จนมองเห็นระยิบริ้วพลิ้วไหวดั่งแสงเพชรเกล็ดแก้วแวววะวับ
จับสายน้ำรักนิรันดร์งามดั่งภาพฝันในยามเหมันตฤดู


ที่คือ..
ฤดูกาลแรกแย้มแห่งปลายฝนต้นหนาว
อันแสนเหน็บหนาวหนาวเหน็บในดวงใจ
หาก..
ไม่ยอมรับความแปรไปในวัฎฎกาล
แห่งธรรม ..ธรรมชาติอันวนหวานเวียนย้อน
กลับมาสอนสัจจะใจ ราวกับฤดีใจฤดูกาล
ที่..
ทุกสิ่งทุกอย่าง มักจะแค่ผันผ่านมาผ่านไป 
ไม่คงที่คงทน...

ราวกับ...
กมลแห่งมวลมนุษย์นี้ที่มากมีมากมาย
ที่จำต้องพบดีร้ายมากรายกล้ำ..
ให้รู้ปล่อยวางร้างไร้
อย่างเข้าใจ 
ให้..
ฝึกฝนเพียรพาจิตใสให้บานไสวราวบัวพ้นน้ำ


และ
กับยามนี้..ที่
สาวนา..คนดีกับอ้ายยอดดวงใจ
กำลังเดินคลอเคลียเคียงคู่กันริมชายชล
ริมบึงบัวกับฟ้าเริ่มสลัวโพล้เพล้สีไพลในยามค่ำ


กับ..
สายลมหนาว
ที่พราวพัดระร่ำระรินระรินมาพร่างพรมพราย
มาร่ายมนต์ให้หนาวกายหากมิหนาวใจ 
ด้วยได้ไออุ่นโอบเอื้อจากอ้อมกอดอันอวลรักจนได้ไอร้อน


อ้าย..หันมาแย้มยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน
ให้สาวนา
และ...
กระชับไหล่แข็งแรง
ให้เอนอิงพิงพักราวกับจะพิทักษ์ลมหนาว
ที่..
กำลังกรีดกรายมากรายกล้ำ..
มิให้ช้ำชอกหยอกเนื้อนวลเนื้อนาง..
ให้ระคางระเคืองผิวผ่องยองใยดั่งน้ำผึ้งไพรน้ำผึ้งรวง


เสียงบทเพลง...แห่งคิมหันตฤดู...กำลังครางครวญ
หวนไห้...ลอยแว่วแผ่วมา..ในมโนนึก
ให้..
ย้อนรอยถอยหลังรำลึก 
คิดถึงอดีตอันแสนงามในกาลโบราณ


บทเพลง...ที่หนุ่มสาว 
จะพากันรอวันเวลาแห่งสายลมที่มาพรมพร่าง
ให้..
ทุกคนเฝ้ารอ งานฤดูหนาว
ที่จะให้สนุกสนานเตรียมต้อนรับปีใหม่
อันคือ...
สัญญลักษณ์แห่งวัยวันให้ได้เริ่มต้นชีวิต
หากคิดผิดทำพลาด อย่างผู้ฉลาดหวัง
............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song330.html
ค่ำแล้วในฤดูหนาว 

พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว
ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฮึม
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้าค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ยหนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้องก้องสนั่น ฮึม
ทำให้ฉันเป็นสุขใจ
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง
คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ
หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม
ฉ่ำเท่ารักเราไม่มี
สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป
เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น
เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม
ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น
นภาสะอาดดูงามสดใส
ฉันรักจับใจสะอาดนั่น
หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม
จิตใจฉันเลื่อนลอยไป
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน
ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ
ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม
ไม่ลืมคำที่ฝากกัน...
...............


สำหรับ..สาวนา
เมื่อย่างเข้าเขตหน้าหนาว
ที่ลมหนาวพัดกระหน่ำ
ระร่ำริน...ให้ดวงใจแสนรักแสนถวิลหวัง
ตั้งใจจะไปอยุธยา..เมืองเก่าขอเงราแต่ก่อน


เพื่อไปสัมผัส
ประเพณีทำขวัญข้าว 
พิธีสำคัญของชาวนา 

ประเพณีพื้นบ้าน
ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทย 
อันผูกพันกับสายน้ำมาเนิ่นนาน


โดยในฤดูฝนเมื่อเสร็จ สิ้นการดำนา 
นับจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงราว เดือนพฤศจิกายน
ที่น้ำหลากเต็มตลิ่ง 
ที่ชาวบ้านร้านถิ่นริมชายชลจะจัด งานแข่งเรือกันขึ้น
เพื่อความสนุกสนานและการ สมัครสมานสามัคคีกัน


และ..
ทำพิธี ที่ยาม เมื่อต้นข้าว
แตกกองอกงาม..
จะทำพิธี " ขวัญข้าว " เพื่อเป็นการขอบคุณ
และ...
เอาใจแม่โพสพที่ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนนา 
ที่พอถึง...
เดือนอ้ายชาวนาจะลงแขกเกี่ยวข้าว
 แล้ว...เอาข้าวเข้าลาน 
ก็จะทำพิธี " รับขวัญเข้าลาน " 
เชิญพระแม่โพสพกลับเข้าเรือน 

จากนั้นก่อนนวดข้าวจะทำพิธี " ขวัญลาน " ให้เป็น
สิริมงคล ซึ่งก็คล้ายกับรับขวัญเข้าลานนั่นเอง...


ประเพณีทำขวัญข้าว 
เมื่อข้าวเริ่มตั้งท้อง 
ชาวนาจะเอาไม้ไผ่มาสานชะลอมแล้วนำ
ครื่องแต่งตัวของหญิง ...
เช่นแป้ง น้ำมันใส่ผม น้ำอบไทย หวี กระจก
ใส่ในชะลอมพร้อมด้วยขนมหวาน ๒ - ๓ อย่าง 
ส้มเขียวหวาน ส้มโอแกะกลีบ 


ปักเสาไม้ไผ่แล้วเอาชะลอมแขวนไว้ในนา 
เพื่อให้แม่พระโพสพแต่งตัวและเสวยสิ่งของนั้น 
จะได้ออกรวงได้ผลดี..
 
ทำพิธีลงยันต์เสกเป่า 
แล้วเอาตอกไม้ไผ่มาขัดไขว้เป็นรูปยันต์ ๕ มุม 
ปักไว้ที่ปากหม้อ เขาเรียกว่า "เฉลว


ลักษณะเฉลวแบบหนึ่ง
ที่ใช้ไม้ไผ่สาน
จักเป็นตอกเส้นบางๆ
สานตาเหลี่ยม..หรือตาชะลอมมัดไว้กับไม้ไผ่
ปักให้แน่นในแปลงดำนา...
 หมายถึงการปัดรังควานสิ่งชั่วร้าย

ที่...จะทำให้ข้าวไม่งอกงาม 
รวมทั้งเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เจ้าของนาเป็นศิริมงคล
ในการประกอบอาชีพเก่ากาล ..
สืบสานตำนานนาต่อไปอย่างไม่รู้สิ้นรู้จบ.........



และ..
หวังดวงใจสาวนา
ก็คงถูกรับขวัญ...
ให้..
พบพลังอิ่มหวานในลานใจเฉกเช่นกัน
ในทุกยามย่ำแห่งเหมันตฤดู


สาวนา..
ผู้เกิดมาคู่กับวัวควาย...
รักวิถีไร่นาวิถี*บุญข้าวประดับดิน*

ผู้มิยอมทิ้งถิ่น..ลืมทุ่งทอง ลืมรวงหอมข้าวใหม่
ที่...ยังมีดวงใจใสงาม 
จึง..เพียงเพียรหวังไปต่อตามเติมใจ
ให้ยิ่งไสวงามเกิดก่อพอกันกับกอรวงเรียว


ที่..
ยังมีหวังรอคมเคียวพลีเกี่ยวเก็บ
ทุกเมล็ดข้าวพราวหอมงามจากผืนดินถิ่นแหลมทอง
ที่คงกลับมาหล่อเลี้ยงท้องผองพี่น้องคนไทย 
ให้...
ยังไม่สิ้นเรี่ยวแรงด้วยแรงรักในรวงเรียวเรียวรวง

มิหวงหยาดเหงื่อ..ที่ยอมพลีมิรู้สิ้น
แม้นใคร...จะหยามหมิ่น ว่าแสนเหม็นสิ้นงาม
ก็ตามทีตามใจ
ด้วยแรงใจแรงรักมิมีวันจักให้รอยใจรอยไถจักแปร..


และ..
เพียรมิท้อแท้
ที่จะพยายาม...*รักษาพันธุ์ควายเจ้าเพื่อนยาก..*
ให้ฝากอุดม...ช่วยกันหว่านพรมผืนนาให้แปรสี
ดั่งมี..
พรมแพรทองแห่งท้องนามาผลิกล้า
บานประดับหล้าประดับดินประทังท้องประทังหิว
ให้ทุกกายชาวไทยมีกิน..มิอดตาย 


มิหมายทะเยอทะยาน 
มิหวังรานยาก...ไปฝากผีไข้ในราวเมืองเรืองรุ่ง 
ให้ยิ่งยุ่งยากยิ่งนัก 
หาก..
มิพบกับความสงบงาม
มิสมถะมิมีธรรมชาติ
ที่แสนสะอาดบริสุทธิ์ใส


ที่จะค่อยๆหลอมละลาย..ซึมดวงใจให้พบเงียบงาม
ในทุกยามทอดสายตา 
ไม่ว่า..
จะบึงเหว่ว้าที่เห็นผักบุ้งทอดยอดเลื้อยช่อชูชัน
ฤาเห็น..
ปลาตะเพียนในยามสายวสันต์กระโดดผึง
เพื่อรอกินข้าวที่พึ่งร่วงพรูกรูลงน้ำนา
ยามข้าวกล้าสุกหลงเหลือจากเรียวจากเคียวคม..เกี่ยว..



สาวนา..พร้อมดวงใจมิเปลี่ยวเหงา
หากงามเงียบในยามนี้...
ยามที่...ยังมีอ้าย
มาชิดใกล้เคียงกาย..ทรุดร่างไร้ลงรึมบึงบัว
กับฟ้าสีชมพูเจือส้ม
กลืนด้วยสีเทาทึม
ที่..
กำลังคลี่ทอดทาบเงาสลัวๆลงมาโอบไล้ร่าง
ให้ยิ่งงามอย่างนางไม้ในแสงละมุน..ละมุน


สาวนา....เอนกายสยายผม..หอมกรุ่นพิงไหล่อ้าย
รับสายลมหนาว...ริมชายนาใต้ตาลเดี่ยว..
ปล่อย..
ให้เจ้าสายน้ำ*ควายเดียวในดวงใจ*
ได้เลาะเลียบเล็มหญ้า 
นอนเคี้ยวเอื้องอยู่ใกล้ๆ อย่างแสนสุขใจ..



อ้ายคนดีค่อยๆไหวร่างแข็งแรงกำยำ
เอื้อมมือออกไปเด็ดบัวบูชา
ที่...
ผลิดอกงามแย้มแต้มตระการไปทั่วทั้งบึงฝัน
แล้วนำมามัดรวบใส่ไว้ในใบบัว
เขียวสดไสว 
แล้ว..
รัดร้อยด้วยสร้อยสายบัว
มากำนัลให้ในอุ้งมือสาวนา
พร้อม..กับรอเวลาให้เราสองไปวางพลีถวาย
เป็นพุทธบูชาสัการะหน้าพระพักตร์พุทธ
ในค่ำคืนนี้ ..ในราตรีนี้



ที่มีจันทร์เสี้ยวเกรียวทองดั่งเรือธรรมเรือทอง
คอยท่าพา..ลัดเลี้ยวลอยล่องท่องทิพยรุ้ง
พุ่งไป..
สู่แดนดินแห่งฝันว่างกระจ่างงาม
ให้เพียรพาร่างท่ามเดือนครึ่งดวง
มิห่วงหาใคร 


มี..เพียงจิตไสวเป็นหนึ่งเดียว
ผสานเสี้ยวสมาธิกับความสงบงามเงียบ

เปรียบประดุจดั่งปัญญาพิสุทธิ์ใส
ที่จะนำพาพายใจพาจิต
สู่แดนนิรมิตใต้ร่มพระรัตนตรัย
ที่มีบึงใจบึ้งใจเราเพียงนั้น
รอรับเรือธรรม ยามพบฝั่งแห่งความฝัน
ที่จะกลายกลับเป็นจริง..


 เมื่อเรากล้าพอ..
ที่จะสละทิ้งทุกสรรพสิ่งจากเรือใจ
อย่างไม่ไยดี...และยึดมั่นถือมั่นไว้นาน 

มิ..ให้เรือพานพาล่ม จมใต้น้ำ 
ก่อนการได้ขึ้นถึงฝั่ง
อันคือเกษมสานต์..
ตราบชั่วกาลกัลปาวสานต์
ตราบชั่วนิจนิรันดร...มิย้อนวน
มาปนเปื้อนกับกิเลสโลกย์โศกสุขทุกข์รัก
ที่..
หนักดั่งศิลาอีกแต่ไป..ในภพภูมิกรรม


สาวนาหลับตาราวบริกรรมคาถา
ภาวนาสมาธิ
และ..
ในคลองจิตที่คิดดีแสนเงียบงาม
กลับราวได้ย้อนรำลึกนึกจินตนาไปถึง
ภาพจาก..
*พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน *
ที่..
สาวนาเคยหลั่งน้ำตาปิติเกษมยามได้พลีอ่าน
ผ่านดวงตาและดวงใจแสนใสงาม..


และ...
กับในยามนี้ราวกับ
ในจิตดวงอัญมณี..ได้พลีพบภาพในทิพยนิรมิต
อันมีเพียงจิตไสวเลื่อมประภัสสรเพียงนั้น 
จึงจะจับได้....


คล้ายดั่ง....
มีมุกมณี..
ที่พร่างพราวฉายฉันท์ดั่งฉัพพรรณรังสี
ที่กำลังโชติช่วงแตกช่อ..
ดั่ง...กอเพชรพราวพร่างไสวในรวงใจของสาวนา
ราวกับ...ภาพตรงหน้าได้พบประสบเอง..เช่นฉะนั้น...!!!
....................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song81.html
หนาวลมที่เรณู ..โอภาส ทศพร 

เรณูนคร ถิ่นนี้ช่างมีมนต์ขลัง
ได้พบนวลนาง ดั่งเหมือนต้องมนต์แน่นิ่ง
น้องนุ่งซิ่นไหม ไว้ผมมวยสวยเพริด พริ้ง
พี่รักเจ้าแล้วแท้จริง 
สาวเวียงพิงค์แห่งแดนอิสาน
เราเคยสัมพันธ์ 
พรอดรักเมื่อคราวหน้าหนาว
คืนฟ้าสกาว เหน็บหนาวน้ำค้างหรือนั่น
เพราะได้เคียงน้อง
ถึงต้องหนาวตายไม่หวาดหวั่น
รุ่งรางต้องร้างไกลกัน
สุดหวั่นไหว ก่อนลา
ผ้าผวยร้อยผืน ไม่ชื่นเหมือนน้องอยู่ใกล้
ดูดอุร้อยไห ไม่คลายหนาวได้หรอกหนา
ห่างน้อง พี่ต้องหนาวหนักอุรา
คอยนับวันเวลา จะกลับมาอบไอรักเก่า
เย็นลมเหมันต์ ผ่านพ้นยิ่งพาสะท้อน
โธ่น้องบังอร ก่อนนั้นเคยคลอเคียงเจ้า
ครั้งเที่ยวชมงานพระธาตุพนม
ยามหน้าหนาว พี่ยังไม่ลืมนงเยาว์
โอ้แม่สาว เรณู...


a017.jpg				
4 ธันวาคม 2550 10:15 น.

ดั่ง..หยาดน้ำค้างเพชรพร่าง ณ กลางใจไทยทั้งชาติ..!

พุด

king_003.jpgking_001.jpg02_400.jpg
ดั่งหยาดน้ำค้างนิรมิต
หยาดให้จิบทั้งพสุธา
โลกหมุนไปกี่ทิวา
ร่มฉัตรฟ้ายังป้องไทย

เป็นแบบอย่างแห่งความรัก
เป็นศรีศักดิ์แสงไสว
เป็นเทียนทองส่องนำใจ
เป็นจอมใจเหนือราชันย์

คือเพชรแห่งแผ่นดิน
องค์ภูมินทร์พระมิ่งขวัญ
ประดับไทยไปนิรันดร์
เทพสวรรค์บันดาลดล

ถวายภักดีด้วยดวงดาริกา
บนฟากฟ้าทั่วสกนธ์
พร่างพราวทั่วเวหน
แทนกมลสำนึกในหยาดน้ำค้างพระหฤทัย...!
.............................................................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem109374.html

โลกวันนี้สีชมพูผ่องพราว
คืนเหน็บหนาวทั้งพสุธาไทยหายสิ้น
ไทยทั้งชาติปิติกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทน้ำตาริน
เจ้าแผ่นดินผู้ครองใจไทยทั้งปวง

คือพระมิ่งมงคลกมลดั่งเพชรพร่าง
ทุกก้าวย่างสอนสัจจธรรมดำเนินล่วง
หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรสู่เรียวรวง
เพื่อให้ปวงพสกนิกร..มีกิน..

หยาดน้ำใจใสงามประดุจดั่งน้ำค้างฟ้า
ระรินหล้าทุกหนแห่งดับแล้งสิ้น
รักห่วงใยแก้ไขปัญหาให้ทั้งแผ่นดิน
ไททุกชีวินตามรอยบาททุกชาติภพ

ขอมอบกายถวายมโนชีวีธุลีหล้า
แด่ชาติศาสนาตราบดินกลบ
ทำความดีตามรอยพ่อจิตน้อมนบ
เพียรอธิษฐานขอพบ..พระมิ่งขวัญนิรันดร์กาล...!
.........................................................



พระบารมี เปรียบร่มฉัตรเทิดเหนือใจ ไทยคุ้มครอง

พระประดุจ ทุกธารน้ำใส ในโลกนี้ 
พระประดุจ ทุกความดี แสนยิ่งใหญ่ 
พระประดุจ จอมขวัญเกล้า ของชาวไทย 
พระรวมใจ ราษฎร์จงรัก และภักดี 

ทุกดำเนิน แห่งพระบาท ยามไทยทุกข์ 
ทุกกลียุค หยาดน้ำใจ ไม่ถอยหนี 
ทุกยากไร้ ชาวไทย จำได้ดี 
พระบารมี เปรียบร่มใจ ไทยคุ้มครอง 

ทุกพระราชดำริ ทุ่มเทให้ ไทยทั้งชาติ 
ทุกเสโท ที่หยาด เพื่อไทยผอง 
ทุกปัญญา คิดกอบกู้ เฝ้าทดลอง 
หวังไทยต้อง อยู่ด้วยรัก สามัคคี 

ทุกดำรัส จดจำไว้ ในชีวิต 
น้อมดวงจิต ชาวไทย ตราบชีพนี้
ให้ทุกคน ล้วนมุ่งทำ แต่ความดี 
เป็นราชพลี เทิดพระบาท ปราชญ์ของไทย 

หกสิบล้านดวงใจไทยวันนี้ 
ทุกความดี เย็นชื่นฉ่ำ หยาดน้ำใส 
ทุกทุกชึพ พลีเรียงร้อย ถวายพระพรชัย 
ยอดกษัตริย์ไทย ฉลองรัฐ เฉลิมสุข ตราบนิรันดร์...!
.......................................


00244_28805.jpglotus_bloom.jpgหยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรร่วงพลีแด่ผืนพสุธาไทนี้..แล..ผองชน..


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
(อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก)


สองดวงใจ....
ลำน้ำน่าน....พุดพัดชา
ดั่งธุลีหล้า...
ข้าแห่งแผ่นดินไทผืนดินธรรมแผ่นดินทอง
ขอ..
ปองมั่นหมายจิต
อธิษฐานนิรมิตทิพยทองสร้อยภาษาอักษราไทย
ด้วย...
ดวงใจพิสุทธิ์ใส...
ดั่งหยาดน้ำค้างกลางหาวห้วงแห่งกตเวทิตา
สำนึกรู้...
ในพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ
ขอน้อม..
ศิระกรานกราบ..ณ..แทบเบื้องพระยุคลบาท
ด้วยแรงแห่งรักภักดี
พลีเทิดพระเกียรติแด่องค์ราชันขวัญชาติ

ด้วย...
บทความเรียงพร้อมบทกวี
*พบพุทธบุญเพรงสยาม*
เพื่อ..
เทิดไท้สดุดี..
พระปิ่นเพชรจอมขวัญจอมใจไทยทั้งชาติ...
เนื่อง..
ในวโรกาสมงคลสมัย
ที่พระองค์ทรงเถลิงถวัลยครองสิริราชสมบัติ
*ครบรอบ60ปี
ด้วย..
ทศพิธราชธรรม 
ที่ธ..ทรงนำไทยให้แสนสุขสงบร่มเย็นเป็นสุข...
บรรเทาทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า 
ด้วย..
พระปรีชาสามารถที่ทรงมองเห็นการณ์ ไกลเป็นยิ่งนัก


และ..ยังทรงตรัสสอน
ให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย
พอดี พอเพียง...มาอย่างช้านาน...
เพื่อปกบ้าน..
ป้องเมืองของเรานี้
เอาไว้..
ให้ลูกหลานไทยได้มีอิสระเสรี
ที่จะยังคงมีผืนดินหยัดยืน ได้อย่างทรนง 
คงความเป็นไท ให้..แสนภาคภูมิปิติใจ
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์...

................................. 


พบพุทธบุญเพรงสยาม..ลำน้ำน่าน


๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา*
โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้
แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล
อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ
(*นิราศนรินทร์)

(๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............    วงศ์สวรรค์
เก้ารัชกาลบรร-...................    จบแล้ว
รัตนวงศ์วรรณ....................    วัฏแผ่น ดินแฮ
สันตติวงศ์แพร้ว.................    ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ

(๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว..    ดำเกิง สุรีย์แล
แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง.....    ศึกเชื้อ
แดง...มารมอดมารเพลิง......    พ่ายพุทธ
แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ.....   เลือดแก้วละเลงสยามฯ

(๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า....   เครือกษัตริย์
กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ
ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล
ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ

(๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง
เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า
เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด 
เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ

(๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง
ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ
ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ 
ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ

(๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม
เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง
เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก 
เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ

(๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ
โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว
ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ
บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 

(๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา
เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ
นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป 
อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ

(๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม
สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม 
เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล
โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ

(๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา
ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม
พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา
แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ

(๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ
เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง
เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ
แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ

(๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล
จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า
ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่
นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ

(๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ
เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ
อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ
เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ

(๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล
ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้
บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล
บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ

(๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล
สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว
ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล
พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ

(๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ

(๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า
มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ 

(๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์
บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ
เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา
เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ 

(๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย
ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น
วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ
เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ

(๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา
แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม
ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ 
กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ

(๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์
เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว
ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา
สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ

(๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร
พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้
ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล
ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ

(๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา
เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น
ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล
จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ

(๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร
พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น
ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ
กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ

..............................



ดวงสุริยเทพ...
กำลังเผยโฉมอวดองค์อย่างสง่างาม
แผ่สร้านกำจายรัศมีสีรุ้งฉายฉาน
ปานประหนึ่งดั่งมณีแก้ววิเศษนพรัตน์อันจำรัสจำรูญ


ไขแสงสายพรายเหนือฟ้า*รัตนโกสินทร์*
แผ่นดินทองแผ่นดินไท..
แผ่นดินสาลีเกษตรอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
อัน..
ยังคงงามไสว..ด้วยเรียวรวงระย้าระยับ...
ราว..ถูกหัตถ์ทิพย์ปรายโปรย
โรยละอองอาบด้วยอัญมณีเพชรพราว..ระยิบ...


ตะวัน..ดวง...
ที่โชติช่วงฉายฉานเฉิดฉันท์พรรณราย
งามที่สุดในแผ่นดิน...ณ..วันนี้ในวันนี้
วันที่9มิถุนายนพุทธศักราช2549
วันครบรอบเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60ปี
แห่ง..
องค์พระมหาจักรพรรดิในดวงใจ..ของปวงชนชาวไทย


สายแสงแดด..ดั่งดาดทองดาดเพชรพราว
งามอะคร้าว...ตกต้อง..ลงกระทบผืนหล้าฟ้าไทย
ที่กำลัง...
พร่างไสว...ราวมีรัศมีสีเหลืองทองสุกปลั่ง
แห่งแก้วโกเมนมณีงามผ่องผุดจรัสชัชวาลย์
ขึ้นมา..
ในแดนดินสุวรรณภูมิพุทธิ์..ให้แสนพิลาสพิไล


ปวงเทพยดาฟ้าดิน..สิ้นทั้งมวลมนุษย์ทั่วโลกหล้า
ต่างพา..
กันมาเฉลิมฉลองแซ่ซร้องสรรเสริญสดุดี
ดั่งมี..
เสียงทิพยดนตรี มีเพลงพิณ..
ลอยมาจากแดนเทวสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
ที่ทวยเทพเทวา ต่างพากัน..
มาดีดสีพลีบรรเลงดั่งเพลงพรหมเสนาะ..สนองพร


สายน้ำเจ้าใจพระยา...ในทิวาราตรีนี้
ดั่งกระแสธารสีทองล่องไหลมาจากแดนดินศักดิ์สิทธิ์
มหาบรรพตหิมพานต์ 
ทิพยพิมานฟ้าขวัญแดนสวรรค์สรวง

ทอดตัวนิ่งเงียบสงบ 
เคี้ยวคดดั่งพญานาคจากแดนบาดาล..
รอรับขบวนพยุหยาตรา
อันแสนเกริกเกียรติเกรียงไกร
อัน...
แสนงามยิ่งใหญ่..
ซึ่งหามีไม่แล้วในพื้นปฐพี
ที่จะหาที่ไหนมาเทียมทันดั่งสวรรค์ลอย.....


แสงสีทองพร้อยแพร้วพร่างพราย
สาดส่องทั่วมหานทีธารเจ้าพระยา
ดั่งสายแสงแห่ง..
*มณีสวรรค์*
หยาดสายหวานหว่านเย็นลงประดับโลกหล้าแลฟ้าไทย


เสมือนเสมอ..
รัศมีหยาดเย็นแห่งน้ำพระทัย
ดั่ง...
น้ำค้างแก้วน้ำค้างฟ้า น้ำฝนทิพย์
หยาดอมฤตให้พสกนิกรไทยได้จิบ 
ด้วยดวงจิตแสนไสวเกษมเปรมปรีย์ปิติ
เปี่ยมล้น
ด้วย...
ความซึ้งค่า ในน้ำพระทัยมากล้นพระเมตตา
แสนชื่นชมโสมนัสในพระบารมี
แห่งพระบรมมหากษัตราธิราชเจ้า
นาม...
*พระภูมิพลนวมินทร์มหาราชา...*
พระโพธิทองร่มฟ้า..ร่มฉัตร...
แห่งผืนดินไทแผ่นดินธรรม...
พระ..
ผู้เปรียบดั่งสายธาราระรินใสสะอาด
ที่..เพียรหยาดสายพรายแผ่รัศมีฉ่ำเย็น
ดั่งมาจากธารทองแห่งพรหมโลก 
มาดับร้อนผ่อนโศก ให้โลกนี้แสนงาม...
ไป...จน...ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์...นิรันดร...
...............

กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ในโอกาสประชุมเอเปคในประเทศไทยพุทธศักราช ๒๕๔๖
ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัยผู้เห่ 
พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง
           
 บทที่ ๑ชมเรือ
ลอยลำงามสง่าแม้น................มณีสวรรค์    
หยาดโพยมเพียงหยัน...........ยั่วฟ้า    
สายชลชุ่มฉ่ำฉัน                    เฉกทิพย์ ธารฤา    
ไหลหลั่งโลมแหล่งหล้า            หล่อเลี้ยงแรงเกษม 

เรือเอยเรือพระที่นั่ง              พิศสะพั่งกลางสายชล    
ลอยลำงามสง่ายล                   หยาดจากฟ้ามาโลมดิน    
สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย             งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์    
โอดโฉมโสมโสภิน                  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม    
นารายณ์ทรงสุบรรณ              ดังเทพสรรเสกงามสม    
ปีกป้องล่องลอยลม                  ดุจเลื่อนฟ้ามาล่องลอย    
กระบี่ศรีสง่า                          งามท่วงท่าไม่ท้อถอย    
เรือครุฑไม่หยุดคอย              ยุดนาคคล้อยลอยเมฆินทร์    
อสุรวายุภักษ์                         ศักดิ์ศรีคู่อสุรปักษิน    
พายยกเพียงนกบิน               ผินสู่ฟ้าร่าเริงบน    
เรือแซงแข่งเรือดั้ง                พร้อมสะพรั่งกลางสายชล    
เรือชัยไฉไลล้น                     ยลเรือกิ่งพริ้งเพราตา    
ยักษ์ลิงกลิ้งกลอกกาย             แลลวดลายล้วนเลขา    
รูปสัตว์หยัดกายา                   พาโผนเผ่นเป็นทิวธาร    
นาวาสถาปัตย์                        เชิงช่างชัดเชี่ยวชาญฉาน    
ท่อนไม้ไร้วิญญาณ                 ท่านเสกสร้างเหมือนอย่างเป็น    
ฝีมือลือสามโลก                      ดับทุกข์โศกคลายเคืองเข็ญ    
ยิ่งยลยิ่งเยือกเย็น                 เห็นสายศิลป์วิญญาณไทย    
เจ้าเอยเจ้าพระยา                  ถั่งธารามานานไกล    
เอิบอาบกำซาบใจ                   หล่อเลี้ยงไทยแผ่นดินทอง    
รวงทองเหลืองท้องทุ่ง              แดดทอรุ้งเหนือเขื่อนคลอง    
ข้าวปลามาเนืองนอง               เรือขึ้นล่องล้วนเริงแรง    
วัดวาทุกอาวาส                       พุทธศาสน์ธรรมทอแสง    
น้ำใจจึงไหลแรง                    ไม่เคยแล้งจากใจไทย    
เกลียดใครไม่นานวัน            แต่แรกนั้นนานกว่าใคร    
เจ้าพระยาหยาดยาใจ             คือสายใยหยาดจากทรวง    
เห่เอยเห่เรือสวรรค์               เพลงคนธรรพ์ลั่นลือสรวง    
ฝากหาวเดือนดาวดวง            อย่าลับล่วงอยู่นิรันดร์เทอญ. 

บทที่ ๒
ชมเมือง

สยามเอยอุโฆษครื้น             คุณขจร    
สุขสถิตสถาพร                      ผ่านฟ้า    
ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน             .อวดโลก    
ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า             เมื่อโน้นนิรันดร์เกษม 

  
สยามเอย สยามรัฐ               งามร่มฉัตรทัดเทียมโพยม    
กิตติศัพ์ขับประโคม              โคมครืนครั่นลั่นหน้าคง    
สุโขทัยไกลสุด                      ถึงอยุธยายง    
ธนบุรีลอยฟ้าลง                    ทรงศักดิ์ฟื้นคืนคุณขจร    
รัตนโกสินทร์ศิลป์                สืบระบิลอันบวร    
แม่นแม้นแดนอมร              ถอนจากฟ้ามาเมืองดิน    
เจ้าเอย เจ้าพระยา               ถั่งธารามาเรื่อยริน    
ทวยไทยได้อาบกิน               ลินลาศลุ่มขุมกำลัง    
งามเอย งามระยับ                 แวววาววับวัดเวียงวัง    
ย่ำค่ำย่ำระฆัง                       วังเวงหวานซ่านซึ้งเสียง    
เจดีย์ศรีสูงเหยียด                เสียดยอดท้าฟ้ารายเรียง    
ปรางค์ยอดทอดเงาเคียง       เลี้ยงตาเมืองเรื้องเรืองรมย์    
พืชพันธุ์ธัญญาผล                 เลี้ยงชีพชนดลอุดม    
นาสวนชวนชื่นชม               ร่มรื่นไม้ไพรพฤกษ์มี    
รอยยิ้มพิมพ์ใจสวย              ชนรุ่มรวยด้วยไมตรี    
เสน่ห์ประเพณี                     ศรีสง่ามานิรันดร์    
น้ำใจไม่เคยจืด                    อยู่ยาวยืดยิ้มยืนยัน    
ต่างเพศต่างผิวพรรณ           แต่ใจนั้นไม่ต่างใจ    
แขกบ้านแขกเมืองมา           ไทยทั่วหน้าพาสดใส    
ท่านมาจากฟ้าไกล                อยู่เมืองไทยไร้กังวล    
เทคโนอาจน้อยหน้า             แต่ข้าวปลาไม่ขัดสน    
สินทรัพย์อาจอับจน               แต่ใจคนไม่จนใจ    
บ้านเรือนไม่หรูหรา              แต่สูงค่าปัญญาไทย    
หนทางอาจห่างไกล               แต่หัวใจใกล้ชิดกัน    
ศาสนาสถาพร                      ประชากรเกษมสันต์    
ร่มธรรมฉ่ำชีวัน                   ฟั้นฝึกใจใฝ่ความดี    
ราชันขวัญสยาม                   ปิ่นเพชรงามปักธานี    
ร่มพระบารมี                        ศรีไผทฉัตรชัยชน    
ไตรรงค์ธงชัยโชค                 ลอยอวดโลกโบกลมบน    
ขวัญฟ้าขวัญตายล                 ล้นเลิศหล้าศักดิ์ศรีสยาม    
เมื่อนี้ตราบเมื่อหน้า              คงคู่หล้ากล้าเกียรติงาม    
ใครบุกรุกเขตคาม                ตามหาญหักรักษ์แผ่นดิน    
ฟ้าเอย ฟ้าสยาม                   งามกว่าฟ้าทุกธานินทร์    
เพลงสยามทุกยามยิน           วิญญาณปลื้มดื่มด่ำเอย




และ..ทุกบทความด้านล่างนี้
ที่น้อมพลีมาเรียงวางไว้...เพียงส่วนหนึ่ง
จากหลายร้อยเรื่องที่พุดพัดชารจนานานมา...หลายปี
เพื่อน้อม*สดุดีพระองค์ท่าน..
ผู้ทรงเททุ่ม
*หยาดพระเสโทพราวราวหยาดเพชรพลี
แด่พสกนิกรแลผืนดินไท*ค่ะ

...................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42257.html
ความฝันอันสูงสุด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83930
น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html
ลีลาวดีมณีรุ้ง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=76322
ขวัญข้าวขวัญชีวิต
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64557.html
แด่พสุธาที่ข้ารัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76049.html
แผ่นดินของเรา
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=80090
แผ่นดินเดือด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=81097
เพดานดาว
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79708
ผ้าไทไหมทอง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79639
พระแม่ขวัญมิ่งเมือง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83932
ดวงตะวันธันวา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem68585.html
ฟ้าพุทธภูมิ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64605.html
อัญมณีไท
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67010.html
มงกุฏแก้วประกายพฤกษ์
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem65081.html
มุกดาเพ็ญ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html
สไบนวลสไบนาง



http://truehits.net/let/index.php?id=29&pageNum=29
เพลงเห่เรือ
http://www.rta.mi.th/52200u/songs/honor.htm
เพลงสดุดี
.....................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
รัก ....เพลงพระราชนิพนธ์ 

รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ

รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ... 
 




untitled2045.jpg
น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร

เพชรคือ อัญมณี ที่ทุกคนยอมรับว่า เป็นสิ่งงดงาม 
ที่ธรรมชาติ ได้หยิบยื่น ให้แก่มนุษยชาติ 
เพื่อ..
นำมาใช้เป็นสื่อแทน สิ่งที่มากค่า สูงส่ง งามเลิศล้ำ 
มากความหมาย ในทุกสรรพสิ่ง บนผืนโลกนี้ 

เหตุด้วยเพชรเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง
ที่มีคุณสมบัติมากล้น
เพชรมีความแข็งแกร่ง มีน้ำงาม มีเหลี่ยมมุม 
ที่..
เมื่อมนุษย์ ได้ใช้ใจที่สูงด้วยอารมณ์สุนทรีย์ มีศิลป 
นำมาเจียรนัย ให้สัมผัสแลเห็นงาม 
เกิดประกายวาววับ เจิดจรัส บาดจิต บาดใจ 
งามจนน่าไหลหลง ยามเมื่อต้องแสงสวย...

และ..
ที่สำคัญ มีกรรมวิธีสลับซับซ้อน 
ยากลำบากกว่าจะได้มา 
ดังคำว่า*เพชรในตม *

ที่กว่าจะขุดพบ 
และ..
เลือกคัดสรร 
จนสามารถนำมาเจียรนัย และแปรรูปเป็นอัญมณีนั้น 
เป็นขั้นตอน..ที่ยิ่งเพิ่มความมากค่าของ หิน 
ที่เรียกกันใหม่ว่า *เพชร* ให้มากยิ่งขึ้น

มนุษย์.....คือผู้กำหนด ในบางสิ่งบนผืนโลกนี้ 
ยกเว้นธรรมชาติยามพิโรธ
ที่เรายังมิอาจหยุดยั้งได้ 
แต่..
ไม่ว่าค่านับของเงิน ทอง 
หรือ
สิ่งใดๆ เกิดจากน้ำมือ...น้ำใจ 
ด้วยมันสมองอันเลอเลิศของมนุษย์ ทั้งสิ้นทั้งนั้น มิใช่ดอกหรือ

เพชร....
จึงถูกนำมาเพื่อใช้เป็นสิ่งแทนค่า แลกเปลี่ยน 
และ..
เป็นดังเช่นสัญญลักษณ์ของความสูงส่ง 
ในทุกๆด้าน ของชีวิตมนุษย์เฉกเช่นกัน..

นอกจาก..
สัญญลักษณ์ที่เห็นได้ด้วยตา และจับต้องได้ 
หลังจากนำมาประดิษฐ์ประดอย
เป็นเครื่องประดับงามบนร่างของมนุษย์นี้แล้ว 

เรายังได้นำเพชรมาเปรียบกับ...
คุณงาม ความดี ความยิ่งใหญ่ เกียรติยศ ความสำเร็จ 
และความภาคภูมิใจของชีวิตคนบนผืนโลกนี้ 
มิใช่..
เพียงเฉพาะที่ซื้อหามาได้ด้วยเงินเพียงนั้น
เพราะ..
เพชรในที่นี้ เปรียบประดุจดังความดีมีค่า 
ที่เงินก็ไม่สามารถ นำมาซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนให้ได้มา....

ถ้าจะเปรียบ....
ความสูงส่ง...ยิ่งใหญ่ของเพชรล้ำค่า 
ต่อ ผู้คนที่ล้ำเลิศ คงได้ดังนี้...

เพชร........ของโลก 
คือระดับผู้นำของประเทศ 
ที่กุมบังเหียน บริหารบ้านเมือง ลิขิตโชคชะตาผู้คนได้ 
และ..
จะเป็นเพชรแท้ หรือเพชรเทียม หรือไม่นั้น 
ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณของผู้นำนั้นเอง

เพชร.....
ที่ประดับโลก ประดับไทย ประดับใจ
ของคนไทยเราทุกดวง 
คือ..
*องค์พระประมุขของชาติ *
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ
ธ.ผู้เป็นยิ่งกว่าเพชรแท้มากมีมารวมกัน....

ก่อเกิดเป็นพลังแผ่นดิน 
รวมดวงใจไทยทุกดวงให้ หลอมเป็นดวงเดียวกัน 
ด้วยน้ำพระทัย ใสเย็น ดังหยาดเพชร
ที่หยดหยาด ให้พสกนิกรด้วยรัก..เมตตา 
เสมอมายาวนาน....มิรู้สิ้น 

เพชร......
ที่แท้จริงอีกอย่าง คือแก่นธรรมมะ 
แก่นแท้ของศาสนา 

แม้คนในโลกนี้..
มีเพชรงามหลาย รูปแบบ หลายศาสนา 
เราคนไทยมีพระพุทธศาสนา 
ที่เปรียบประดุจดังเพชรเม็ดงามเรืองรุจี...

ที่เราทุกคนโชคดีนัก
ที่มีโอกาสเกิดมาพานพบ และเลือกมา
ประดับใจของเรา...ให้มีคุณค่า 
มากล้นด้วยคุณงามความดี 
ด้วยน้ำใจที่ใสสะอาดราวเพชรงามน้ำดี 
เพื่อ..
ส่องสว่างนำทางให้ จิตวิญญาณ สงบงาม..
และ
ยังประโยชน์ เพื่อนำ..เส้นทางใจ
ให้แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน มืดบอด 
หาแสงสว่าง ไม่พบเจอ...

เพชร.......
ของมนุษย์เรา นอกจากประดับที่ร่างกายแล้ว 
ทุกคนจะมีเพชรส่องประกาย...ภายในใจ 
ให้งามงดเฉพาะรูปเฉพาะนาม 
ตามทางแห่งการระลึกรู้ 
ด้วยความเพียรและกุศลผลบุญที่ได้สร้างสม 
บ่มเพาะ แตกต่างกันไป 
สุดแล้วแต่ใจใครจะไขว่คว้า....

เพชร.........
ของพระราชินีทุกๆองค์ คือมงกุฏเพชร 
ดังเช่นมงกุฏงามของพระราชินีเอลิซาเบธ...
ที่คงมากล้นค่าแห่งเกียรติยศ 
ในดินแดนที่เคยกล่าวว่า..*พระอาทิตย์ไม่เคยตก....

และ..
มงกุฏงาม
ที่...สวมใส่ประดับ
ให้แก่หญิงงามพร้อมยอมรับ 
จากผู้คน ที่เราเรียกว่านางงามต่างๆ...

เพชรของชีวิต......
คือความสำเร็จ ในทางที่ถูกที่ดีงาม 
ในหน้าที่การงาน ต่อครอบครัว และต่อสังคมส่วนรวม....... 

เพชรของคนตาบอด...
คือความหวังเรืองรอง
ที่ต้องการมีดวงตาสว่างไสว 
มองเห็นโลกนี้ที่สวยงามสดชื่น มีสีสรร 
ราวดวงตาสวรรค์ที่ฟ้าประทานให้
ทุกผู้ที่โชคดี..มีวาสนา สัมผัสเห็นงามตามใจนึก.... 

เพชรในใจแม่..พ่อ..ผู้ก่อกำเนิด..
คือลูกรัก...ปานดวงใจ.....

เพชรในใจหนุ่มสาว.....
คือความรัก ความสมหวัง 
การได้ครองคู่อย่างอบอุ่นเป็นสุข 
ด้วยความเข้าใจ อภัย กรุณา ตราบจนชีวีนี้จะหาไม่....
และ..
เมื่อรัก สิ่งสูงค่าที่อยากนำมาแทนใจ คือเพชร 
รักมาก เงินมาก ไม่เดือดร้อน 
ก็แสดงออกบอกรักด้วยค่าของเพชรมาก กะรัต 

รักมาก เงินน้อย ไม่พึ่งพาเพชรพลอย 
ก็...ไม่ผิดอันใด...
เพราะ. 
ใจดวงดีที่มั่นคงจงรัก 
และ..
เปี่ยมล้นด้วยเข้าใจกันและกัน 
ย่อมมากค่าเท่าเพชรได้เฉกเช่นเดียวกัน 

สำคัญที่ใจ....และตัวใครตัวคนนั้น 
ที่มีสิทธิ์จะแสดงออกในรูปแบบต่างกัน.....ดังฝัน 

ที่มิอาจ 
เหมือนกับชาย..อย่าง ริชาร์ด เบอร์ตัน 
ที่แสดงออกบอกรักหญิงงาม
นามเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ดาวค้างฟ้า 
ด้วยเพชรมากค่า
แต่..
ก็ยังมิอาจฉุดรั้งให้รักราร้าง ในวันหนึ่ง...

เพชร........
ในใจของนักเขียนคือ.....
กำลังใจจากผู้อ่าน 
ที่..
ยามได้รับคำ ติชม ราวหยาดรุ้งงาม 

เพชร........
ในใจของเจ้าของร้านเพชร 
คือผู้ซื้อ..ที่รู้คุณค่ามิเกี่ยงราคา 
ด้วยซึ้งค่าในการออกแบบ ให้งามงด...
เป็นมรดกฝากไว้ไม่สูญสลาย...

เพชร..........
ในใจที่สว่างไสวของเด็กเร่ร่อนจรจัด 
คือ ครูวัลลภ 
และครูทุกๆคนที่ร่วมด้วยช่วยกัน 
ให้ความสำคัญของอนาคตของชาติ 
ที่ถูกเมินเฉย ทอดทิ้ง 

เพชร..
ยังมีอีกมากมายหลายสาขาอาชีพ

ในจิต ในวิญญาณของผู้คนที่ทุกข์ทนยาก
คือคนดีมีน้ำใจงาม 
ผู้ประดุจดั่ง..
ถือโคมเพชรพราวราวแสงไฟ นำทางชีวิตให้สว่างไสว
ไม่ย่อท้อ...แพ้พ่าย 
....................................


และ..
เพชรใดใด ที่เลอล้ำค่าที่สุด 
ก็มิอาจเปรียบเพชรนี้ที่ให้ด้วยรัก....
ด้วยเมตตาบารมี......
คือ....
เพชร......ในใจของชาวนา..เกษตรกรผู้ยากไร้..
ที่เพียรพลิกฟื้นผืนดิน.....

ด้วยน้ำพระทัยจาก.... 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 

ที่มีโครงการในพระราชดำริมากมาย
เกี่ยวกับการหาแหล่งน้ำ
เพื่อนำมารินรด...ให้ใจทุกดวง
ที่รอคอย...น้ำจากฟ้า จากพระบารมี 
ให้..
ดวงใจทุกดวงอาบชื่น 
ให้มีความหวัง....มีพลังแห่งใจ....ดังคำที่ว่า.......... 

มีน้ำ....มีนา....มีชีพชอบ....
ได้ปลูกข้าว....ให้ออก...
*รวงเรียวงาม...ราวรวงเพชรพลอยพราว*
คราว..
ได้รับหยดน้ำค้าง 
ราวหยดน้ำเพชรพราวพร่าง....แห่งชีวิต...

ที่จะนำมาหล่อเลี้ยงพืชพรรณ...
และ..
ชีวิตผู้คน...บนผืนดินทอง แผ่นดินไทย นับล้านๆ 
ให้ดำรงรอด....
เพื่อมีร่างงาม...ประดับเพชร เพียงสวย....
แต่มิใช่เพื่อชีวิต......นี้ที่จำเป็น....!

........................



p102_01.gifAF688~White-Lotus-Posters.jpg
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า
พุดพัดชา
ในนามนักเขียนไทยโพเอม..



				
2 ธันวาคม 2550 23:16 น.

เจ้ามิ่งขวัญ..คนยาก...!

พุด

mountain-valley-blossoming.jpg
นางนวลบินว่อนร่อนโฉบ
อวลโอบอกอุ่นอิงขวัญ
อ้อมรักพักพิงนิรันดร์
สวรรค์แย้มเยือนในใจ

เคียงกันปันดีแด่โลก
ดับโศกดับเศร้าหวั่นไหว
รู้รักเมตตาอภัย
ลมหายใจไม่นานผ่านวัน

นิ่งนิ่งดื่มด่ำงามธรรมชาติ
หวังวาดเคียงกันสร้างฝัน
เพียงเรามีกันและกัน
เท่านั้นก็คงงามพอ

ปรารถนาใดไหนเล่าเจ้าจอมภักดิ์
รู้รักรู้ให้ไร้ร้องขอ
กี่กัปป์กี่กาลรู้รอ
รู้พอสร้างเพียงนวลใจใฝ่บุญ...!

.................................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html
วิมานดิน 

ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า 
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน 
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน... 
 


050610-Holtz.jpgCA_AMANGANI1.jpgprop6463_29100.jpgBlueSkyBarn.jpg				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด