ขอเป็นเช่นดวงดอกไม้ประดับหล้า เป็นจันทรากระจ่างกลางเวหน เป็นสุริยาส่องสว่างนำทางชีวิตคน เป็นสายฝนดับร้อนโลกให้โศกคลาย เป็นพสุธาผลิเรียวรวงระย้าระยับ เป็นดาวพราววะวับแสงอันฉานฉาย เป็นทางช้างเผือกทอดรอฝันอันพร่างพราย เป็นดั่งสายธาราสวรรค์นิรันดร เป็นนักฝันรจนาภาษาธรรม เป็นหยาดน้ำค้างพรำกลางใจชนคอยดับร้อน เป็นบัวบุญบานในบึงใจละไมอรชร เป็นธรรมชาติสอนมวลมนุษย์หยุดทำลาย เป็นลมหายใจแด่เธอนะมิ่งมิตร เป็นลิขิตอักษรานิรันดร์ดั่งมั่นหมาย เป็นสายสร้อยร้อยใจเธอตราบชีพวาย เป็นผู้ให้..แด่โลกนี้...ขวัญ..พลีแล้ว...! ......................
ตื่นมาพร้อมนกเขาขันคู โลกสีชมพูพร้อมรับขวัญ ดวงดอกไม้ผลิช่อให้ชมทุกวัน โลกฝันคืออดีตลาไกล นาทีนี้ลมหายใจมีหวัง สร้างพลังอย่าหวั่นไหว ใครจะรักฤาชังช่างใคร สำคัญที่ใจของเรา กอดตัวเองก็ได้ใช่ไหมเล่า ยามรานร้าวสะเทือนทุกข์เหงา โลกมีสองด้านหวานเศร้าดั่งเงา ใช่นานเนาสรรพสิ่งใดนิรันดร์ แล้วก็ยิ้มพริ้มเพรารับแสงทอง ที่ยังส่องนำทางใจนะยอดขวัญ ชีวีเราแค่ธุลีหล้าใช่อมตะกัปป์กัลป์ สร้างสวรรค์..ณ..กลางใจ..อย่าไปรอ...! คงปฏิเสธไม่ได้ว่า... คนเราไม่สามารถย้อนรอยถอยหลังคืนกลับไปสู่อดีตได้ เสมือนดั่งคำมีคนกล่าว ราวสอนสัจจธรรมเอาไว้ว่า... *อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง และ.. เมื่อเรายังมีลมหายใจ มีดวงตาสวยใสงดงาม ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คงเพียงพอแล้วกับทุกปัจจุบันนาที ที่เราพึงจักสร้างสรร สวรรค์ สุนทรีย์ ทำความดี ณ..ภายในใจเราเอง อย่ารอให้ใครมานิรมิตฝันใดให้ และฝันที่งดงาม คือการเริ่มคิดดี คิดให้ ก็จงอย่าได้รีรอ ตัดพ้อน้อยอกน้อยใจโชคชะตา จงกล้า ที่จะเดินไปข้างหน้า เพียรทำความดี สะสมเสบียงบุญ บารมี อย่างช้าๆทว่ามั่นคง และ.. คงเป็นความงดงามยิ่งนัก ที่...เราจักมีใครสักคน ที่รักเข้าใจเมตตาเรา จากเนื้อแท้ เดินเกาะกุมมือกันไปในเส้นทางธรรมธรรมชาติ อันแสนยิ่งใหญ่นี้ ก่อนที่.. ดวงชีวีเราจะแตกดับลับลา คืนกลับลงสู่ธุลีหล้า ในไม่ช้านาน...! ..................
โลกวันนี้สีชมพูผ่องพราว คืนเหน็บหนาวทั้งพสุธาไทยหายสิ้น ไทยทั้งชาติปิติกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทน้ำตาริน เจ้าแผ่นดินผู้ครองใจไทยทั้งปวง คือพระมิ่งมงคลกมลดั่งเพชรพร่าง ทุกก้าวย่างสอนสัจจธรรมดำเนินล่วง หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรสู่เรียวรวง เพื่อให้ปวงพสกนิกร..มีกิน.. หยาดน้ำใจใสงามประดุจดั่งน้ำค้างฟ้า ระรินหล้าทุกหนแห่งดับแล้งสิ้น รักห่วงใยแก้ไขปัญหาให้ทั้งแผ่นดิน ไททุกชีวินตามรอยบาททุกชาติภพ ขอมอบกายถวายมโนชีวีธุลีหล้า แด่ชาติศาสนาตราบดินกลบ ทำความดีตามรอยพ่อจิตน้อมนบ เพียรอธิษฐานขอพบ..พระมิ่งขวัญนิรันดร์กาล...! หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรร่วงพลีแด่ผืนพสุธาไทนี้..แล..ผองชน.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html (อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก) สองดวงใจ.... ลำน้ำน่าน....พุดพัดชา ดั่งธุลีหล้า... ข้าแห่งแผ่นดินไทผืนดินธรรมแผ่นดินทอง ขอ.. ปองมั่นหมายจิต อธิษฐานนิรมิตทิพยทองสร้อยภาษาอักษราไทย ด้วย... ดวงใจพิสุทธิ์ใส... ดั่งหยาดน้ำค้างกลางหาวห้วงแห่งกตเวทิตา สำนึกรู้... ในพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ ขอน้อม.. ศิระกรานกราบ..ณ..แทบเบื้องพระยุคลบาท ด้วยแรงแห่งรักภักดี พลีเทิดพระเกียรติแด่องค์ราชันขวัญชาติ ด้วย... บทความเรียงพร้อมบทกวี *พบพุทธบุญเพรงสยาม* เพื่อ.. เทิดไท้สดุดี.. พระปิ่นเพชรจอมขวัญจอมใจไทยทั้งชาติ... เนื่อง.. ในวโรกาสมงคลสมัย ที่พระองค์ทรงเถลิงถวัลยครองสิริราชสมบัติ *ครบรอบ60ปี ด้วย.. ทศพิธราชธรรม ที่ธ..ทรงนำไทยให้แสนสุขสงบร่มเย็นเป็นสุข... บรรเทาทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า ด้วย.. พระปรีชาสามารถที่ทรงมองเห็นการณ์ ไกลเป็นยิ่งนัก และ..ยังทรงตรัสสอน ให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย พอดี พอเพียง...มาอย่างช้านาน... เพื่อปกบ้าน.. ป้องเมืองของเรานี้ เอาไว้.. ให้ลูกหลานไทยได้มีอิสระเสรี ที่จะยังคงมีผืนดินหยัดยืน ได้อย่างทรนง คงความเป็นไท ให้..แสนภาคภูมิปิติใจ ไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์... ................................. พบพุทธบุญเพรงสยาม..ลำน้ำน่าน ๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา* โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้ แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ (*นิราศนรินทร์) (๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............ วงศ์สวรรค์ เก้ารัชกาลบรร-................... จบแล้ว รัตนวงศ์วรรณ.................... วัฏแผ่น ดินแฮ สันตติวงศ์แพร้ว................. ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ (๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว.. ดำเกิง สุรีย์แล แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง..... ศึกเชื้อ แดง...มารมอดมารเพลิง...... พ่ายพุทธ แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ..... เลือดแก้วละเลงสยามฯ (๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า.... เครือกษัตริย์ กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ (๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ (๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ (๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ (๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ (๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ (๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ (๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ (๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ (๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่ นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ (๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ (๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้ บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ (๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ (๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ (๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ (๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์ บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ (๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ (๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ (๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์ เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ (๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้ ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ (๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ (๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ .............................. ดวงสุริยเทพ... กำลังเผยโฉมอวดองค์อย่างสง่างาม แผ่สร้านกำจายรัศมีสีรุ้งฉายฉาน ปานประหนึ่งดั่งมณีแก้ววิเศษนพรัตน์อันจำรัสจำรูญ ไขแสงสายพรายเหนือฟ้า*รัตนโกสินทร์* แผ่นดินทองแผ่นดินไท.. แผ่นดินสาลีเกษตรอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล อัน.. ยังคงงามไสว..ด้วยเรียวรวงระย้าระยับ... ราว..ถูกหัตถ์ทิพย์ปรายโปรย โรยละอองอาบด้วยอัญมณีเพชรพราว..ระยิบ... ตะวัน..ดวง... ที่โชติช่วงฉายฉานเฉิดฉันท์พรรณราย งามที่สุดในแผ่นดิน...ณ..วันนี้ในวันนี้ วันที่9มิถุนายนพุทธศักราช2549 วันครบรอบเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60ปี แห่ง.. องค์พระมหาจักรพรรดิในดวงใจ..ของปวงชนชาวไทย สายแสงแดด..ดั่งดาดทองดาดเพชรพราว งามอะคร้าว...ตกต้อง..ลงกระทบผืนหล้าฟ้าไทย ที่กำลัง... พร่างไสว...ราวมีรัศมีสีเหลืองทองสุกปลั่ง แห่งแก้วโกเมนมณีงามผ่องผุดจรัสชัชวาลย์ ขึ้นมา.. ในแดนดินสุวรรณภูมิพุทธิ์..ให้แสนพิลาสพิไล ปวงเทพยดาฟ้าดิน..สิ้นทั้งมวลมนุษย์ทั่วโลกหล้า ต่างพา.. กันมาเฉลิมฉลองแซ่ซร้องสรรเสริญสดุดี ดั่งมี.. เสียงทิพยดนตรี มีเพลงพิณ.. ลอยมาจากแดนเทวสวรรค์ทุกชั้นฟ้า ที่ทวยเทพเทวา ต่างพากัน.. มาดีดสีพลีบรรเลงดั่งเพลงพรหมเสนาะ..สนองพร สายน้ำใจเจ้าพระยา...ในทิวาราตรีนี้ ดั่งกระแสธารสีทองล่องไหลมาจากแดนดินศักดิ์สิทธิ์ มหาบรรพตหิมพานต์ ทิพยพิมานฟ้าขวัญแดนสวรรค์สรวง ทอดตัวนิ่งเงียบสงบ เคี้ยวคดดั่งพญานาคจากแดนบาดาล.. รอรับขบวนพยุหยาตรา อันแสนเกริกเกียรติเกรียงไกร อัน... แสนงามยิ่งใหญ่.. ซึ่งหามีไม่แล้วในพื้นปฐพี ที่จะหาที่ไหนมาเทียมทันดั่งสวรรค์ลอย..... แสงสีทองพร้อยแพร้วพร่างพราย สาดส่องทั่วมหานทีธารเจ้าพระยา ดั่งสายแสงแห่ง.. *มณีสวรรค์* หยาดสายหวานหว่านเย็นลงประดับโลกหล้าแลฟ้าไทย เสมือนเสมอ.. รัศมีหยาดเย็นแห่งน้ำพระทัย ดั่ง... น้ำค้างแก้วน้ำค้างฟ้า น้ำฝนทิพย์ หยาดอมฤตให้พสกนิกรไทยได้จิบ ด้วยดวงจิตแสนไสวเกษมเปรมปรีย์ปิติ เปี่ยมล้น ด้วย... ความซึ้งค่า ในน้ำพระทัยมากล้นพระเมตตา แสนชื่นชมโสมนัสในพระบารมี แห่งพระบรมมหากษัตราธิราชเจ้า นาม... *พระภูมิพลนวมินทร์มหาราชา...* พระโพธิทองร่มฟ้า..ร่มฉัตร... แห่งผืนดินไทแผ่นดินธรรม... พระ.. ผู้เปรียบดั่งสายธาราระรินใสสะอาด ที่..เพียรหยาดสายพรายแผ่รัศมีฉ่ำเย็น ดั่งมาจากธารทองแห่งพรหมโลก มาดับร้อนผ่อนโศก ให้โลกนี้แสนงาม... ไป...จน...ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์...นิรันดร... ............... กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในโอกาสประชุมเอเปคในประเทศไทยพุทธศักราช ๒๕๔๖ ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัยผู้เห่ พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง บทที่ ๑ชมเรือ ลอยลำงามสง่าแม้น................มณีสวรรค์ หยาดโพยมเพียงหยัน...........ยั่วฟ้า สายชลชุ่มฉ่ำฉัน เฉกทิพย์ ธารฤา ไหลหลั่งโลมแหล่งหล้า หล่อเลี้ยงแรงเกษม เรือเอยเรือพระที่นั่ง พิศสะพั่งกลางสายชล ลอยลำงามสง่ายล หยาดจากฟ้ามาโลมดิน สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ โอดโฉมโสมโสภิน ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม นารายณ์ทรงสุบรรณ ดังเทพสรรเสกงามสม ปีกป้องล่องลอยลม ดุจเลื่อนฟ้ามาล่องลอย กระบี่ศรีสง่า งามท่วงท่าไม่ท้อถอย เรือครุฑไม่หยุดคอย ยุดนาคคล้อยลอยเมฆินทร์ อสุรวายุภักษ์ ศักดิ์ศรีคู่อสุรปักษิน พายยกเพียงนกบิน ผินสู่ฟ้าร่าเริงบน เรือแซงแข่งเรือดั้ง พร้อมสะพรั่งกลางสายชล เรือชัยไฉไลล้น ยลเรือกิ่งพริ้งเพราตา ยักษ์ลิงกลิ้งกลอกกาย แลลวดลายล้วนเลขา รูปสัตว์หยัดกายา พาโผนเผ่นเป็นทิวธาร นาวาสถาปัตย์ เชิงช่างชัดเชี่ยวชาญฉาน ท่อนไม้ไร้วิญญาณ ท่านเสกสร้างเหมือนอย่างเป็น ฝีมือลือสามโลก ดับทุกข์โศกคลายเคืองเข็ญ ยิ่งยลยิ่งเยือกเย็น เห็นสายศิลป์วิญญาณไทย เจ้าเอยเจ้าพระยา ถั่งธารามานานไกล เอิบอาบกำซาบใจ หล่อเลี้ยงไทยแผ่นดินทอง รวงทองเหลืองท้องทุ่ง แดดทอรุ้งเหนือเขื่อนคลอง ข้าวปลามาเนืองนอง เรือขึ้นล่องล้วนเริงแรง วัดวาทุกอาวาส พุทธศาสน์ธรรมทอแสง น้ำใจจึงไหลแรง ไม่เคยแล้งจากใจไทย เกลียดใครไม่นานวัน แต่แรกนั้นนานกว่าใคร เจ้าพระยาหยาดยาใจ คือสายใยหยาดจากทรวง เห่เอยเห่เรือสวรรค์ เพลงคนธรรพ์ลั่นลือสรวง ฝากหาวเดือนดาวดวง อย่าลับล่วงอยู่นิรันดร์เทอญ. บทที่ ๒ ชมเมือง สยามเอยอุโฆษครื้น คุณขจร สุขสถิตสถาพร ผ่านฟ้า ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน .อวดโลก ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า เมื่อโน้นนิรันดร์เกษม สยามเอย สยามรัฐ งามร่มฉัตรทัดเทียมโพยม กิตติศัพ์ขับประโคม โคมครืนครั่นลั่นหน้าคง สุโขทัยไกลสุด ถึงอยุธยายง ธนบุรีลอยฟ้าลง ทรงศักดิ์ฟื้นคืนคุณขจร รัตนโกสินทร์ศิลป์ สืบระบิลอันบวร แม่นแม้นแดนอมร ถอนจากฟ้ามาเมืองดิน เจ้าเอย เจ้าพระยา ถั่งธารามาเรื่อยริน ทวยไทยได้อาบกิน ลินลาศลุ่มขุมกำลัง งามเอย งามระยับ แวววาววับวัดเวียงวัง ย่ำค่ำย่ำระฆัง วังเวงหวานซ่านซึ้งเสียง เจดีย์ศรีสูงเหยียด เสียดยอดท้าฟ้ารายเรียง ปรางค์ยอดทอดเงาเคียง เลี้ยงตาเมืองเรื้องเรืองรมย์ พืชพันธุ์ธัญญาผล เลี้ยงชีพชนดลอุดม นาสวนชวนชื่นชม ร่มรื่นไม้ไพรพฤกษ์มี รอยยิ้มพิมพ์ใจสวย ชนรุ่มรวยด้วยไมตรี เสน่ห์ประเพณี ศรีสง่ามานิรันดร์ น้ำใจไม่เคยจืด อยู่ยาวยืดยิ้มยืนยัน ต่างเพศต่างผิวพรรณ แต่ใจนั้นไม่ต่างใจ แขกบ้านแขกเมืองมา ไทยทั่วหน้าพาสดใส ท่านมาจากฟ้าไกล อยู่เมืองไทยไร้กังวล เทคโนอาจน้อยหน้า แต่ข้าวปลาไม่ขัดสน สินทรัพย์อาจอับจน แต่ใจคนไม่จนใจ บ้านเรือนไม่หรูหรา แต่สูงค่าปัญญาไทย หนทางอาจห่างไกล แต่หัวใจใกล้ชิดกัน ศาสนาสถาพร ประชากรเกษมสันต์ ร่มธรรมฉ่ำชีวัน ฟั้นฝึกใจใฝ่ความดี ราชันขวัญสยาม ปิ่นเพชรงามปักธานี ร่มพระบารมี ศรีไผทฉัตรชัยชน ไตรรงค์ธงชัยโชค ลอยอวดโลกโบกลมบน ขวัญฟ้าขวัญตายล ล้นเลิศหล้าศักดิ์ศรีสยาม เมื่อนี้ตราบเมื่อหน้า คงคู่หล้ากล้าเกียรติงาม ใครบุกรุกเขตคาม ตามหาญหักรักษ์แผ่นดิน ฟ้าเอย ฟ้าสยาม งามกว่าฟ้าทุกธานินทร์ เพลงสยามทุกยามยิน วิญญาณปลื้มดื่มด่ำเอย และ..ทุกบทความด้านล่างนี้ ที่น้อมพลีมาเรียงวางไว้...เพียงส่วนหนึ่ง จากหลายร้อยเรื่องที่พุดพัดชารจนานานมา...หลายปี เพื่อน้อม*สดุดีพระองค์ท่าน.. ผู้ทรงเททุ่ม *หยาดพระเสโทพราวราวหยาดเพชรพลี แด่พสกนิกรแลผืนดินไท*ค่ะ ................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42257.html ความฝันอันสูงสุด http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83930 น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html ลีลาวดีมณีรุ้ง http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=76322 ขวัญข้าวขวัญชีวิต http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64557.html แด่พสุธาที่ข้ารัก http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76049.html แผ่นดินของเรา http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=80090 แผ่นดินเดือด http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=81097 เพดานดาว http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79708 ผ้าไทไหมทอง http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79639 พระแม่ขวัญมิ่งเมือง http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83932 ดวงตะวันธันวา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem68585.html ฟ้าพุทธภูมิ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64605.html อัญมณีไท http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67010.html มงกุฏแก้วประกายพฤกษ์ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem65081.html มุกดาเพ็ญ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html สไบนวลสไบนาง http://truehits.net/let/index.php?id=29&pageNum=29 เพลงเห่เรือ http://www.rta.mi.th/52200u/songs/honor.htm เพลงสดุดี ..................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html รัก ....เพลงพระราชนิพนธ์ รักทะเล อันกว้าง ใหญ่ไพศาล รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร รักทั้ง รัตติกร ในนภดล รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร รักทั้ง รัตติกร ในนภดล รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...
เส้นทางสายสงบงามเลาะเลียบไปตามดงหญ้าและไผ่กอ สู่เนินสูงที่ถูกโอบกอดด้วยขุนเขารางเลือนรายรอบอย่างจงรัก มาอย่างยาวนานหลายศตวรรษแห่งผืนดินมนตรานี้ ที่มีนามว่า*แก่งกระจานธารใส * ทะเลสาบ..ที่..ยามอาทิตย์อัสดง ทอทอดกระทบราวสายไหมระยิบระยับ ที่เคยฝันใฝ่จะได้ชิดใกล้ ในดวงใจตั้งแต่ยามเยาววัย อย่างภาพในปฏิทินของประเทศเมืองหนาว ที่ร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน ที่ติดตาตรึงใจ เพราะให้ความรู้สึกสงบเงียบเสียเหลือเกิน และ..ทุกยามที่วสันต์มาเยือนฤาเดือนแห่งคิมหันต์ฤดู เส้นทางจะงามมลังเมลืองด้วยบึงบัวดอกบัวริมทาง ดวงดอกไม้สลับสล้างสีส้ม ชมพู แดง เหลืองทอง ฟ้อนพราย ออดอ้อน ให้ใจดวงอ่อนหวาน ได้พบความละไมละมุน ดงไม้เขียวพร่าง..ซ้อนใบละอออ่อน แก่ เหลืองแดงพราว ให้งดงามราวภาพวาดจากจิตรกรเอกของโลกธรรมชาติ ยามใบไม้ร่วง ควงพลิ้วลิ่วลอยหล่นมาตามสายลมยามค่ำ ยิ่งราวย้ำดวงใจให้พบสัจจธรรมแห่งพรากจากยากหนีพ้น เฉกเดียวกับดวงชีวาชีวิตมวลมนุษย์เราทุกผู้นาม ทุกครั้ง..ที่พุดไพร เดินทางกลับเข้าไปสู่ไพรกว้าง ใจมิเคยอ้างว้าง ราวกำลังกลับไปพบเพื่อนเก่า กระท่อมไม้ไผ่ ของสองสามีภรรยาชาวไร่ ใกล้.... วิมาน..ดาวราย.. ที่ช่างแสนเรียบง่าย มีสวนมะนาวที่กำลังห้อยย้อยลูกดกเต็มทุกราวกิ่ง ค้างถั่วฝักยาว ที่กำลังพราวพรายด้วยฝักเขียวเรียวยาวระย้า ไร่กล้วยหอมที่กำลังรอท่าออกเครือ หวีไหว ให้ชื่นใจผู้รดน้ำพรวนดิน และไหนจะพืชผักสวนครัว ตะไคร้ มะกรูด โหระพา แมงลัก พริกสวน ที่เก็บกินไม่มีวันหมดสิ้นเพราะเจ้าของคอยปลูกเพิ่มตลอดเวลา และ.. ยังมีแปลงดอกไม้พื้นบ้านนานาพรรณ บานชื่น หงอนไก่ ดาวเรือง ที่เหลืองละออ รอเก็บไปร้อยมาลัยถวายพระ และ มาตรแม้นว่าให้ความรู้สึกถึงความยากไร้แห่งวิถี สำหรับคนที่มีชีวีติดเปลือกตมปมแห่งกิเลสวัตถุหรูหรา บรรดามีไปตามความคลั่งไคล้ในเทคโนโลยี่ ที่เปลี่ยนรุ่น ออกมาดูดเงินในกระเป๋าให้แบนจนแฟนขอทิ้ง เพราะหนี้ล้นพ้นตัว พันธนา และ.. นี่คือชีวิตของคนที่ด้อยโอกาส หากทว่า ด้วยสองมือ ด้วยแรงใจ พวกเขากลับสรรสร้างตำนานยิ่งใหญ่ คืนกลับให้กับแผ่นดิน..ด้วยการทำกินอย่างซื่อสัตย์สุจริต อย่างรู้คุณ..กตเวทิตาสมดั่งคำว่ารู้บุญคุณแผ่นดินแม่มาตุภูมิ และ... ใจดวงดิน ดวงงาม ก็มีค่าน่าปลาบปลื้มปิติใจ นับอนันต์กว่าใครใคร คนที่กินบ้านกินเมือง... พุดไพร..ชื่นชมยกย่องด้วยดวงใจคารวะ และ..ปรารถนาจักจารเรื่องราวรจนาฝากไว้ในผืนหล้า ถึง... สาวบ้านป่า บ้านไร่ ที่เธอมีชื่อแสนพราวพรายว่า *...ดาว..* เธอ มิใช่ดาวบนฟากฟ้า หากทว่า คือดาวที่ร่วงลงมาประดับดิน ประดับใจประดับไทย ที่แสนน่าประทับใจ ภาคภูมิใจ... ให้สมกับคำที่ว่า... เราทั้งหล้าคือข้าแห่งดินน้ำลมไฟ..ไฉนเลย.....! ......................... รอรจนาเรื่อง*ดาวประดับดิน*เมื่อมีไฟยามรำลึกนึกถึงไป ถึงทุกเรื่องราวแห่งชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านวนิยายค่ะ
ฝันไว้ในจินตนาการ มินานรอไปเป็นชาวไร่ ปลูกฟักแฟงแตงไทยผลไม้ ได้ใช้ชีวิตติดดิน อาจมีเพียงกระท่อมไม้ไผ่ ไม่ศิวิไลซ์ไร้สิ้น วัตถุใดใครใครใฝ่จินต์ ดวงชีวินมิให้ความสำคัญ จะหว่านดาวเรืองบานชื่นหงอนไก่ รดน้ำด้วยใจเปี่ยมฝัน ชื่นชมพุดตานบานบุรีมะลิวัลย์ ทานตะวันเต็มทุ่งรับรุ่งอรุโณทัย ริมบึง..บัวผลิละออจากช่อรัก มาทายทักแสงทองส่องไสว เกี่ยวก้อยยอดรักอธิษฐานใจ ชวนกันไปวัดทำบุญ ยามค่ำนอนนิ่งดูดาว รับลมหนาวดวงดอกไม้ไทยหอมกรุ่น มะลิพุดซ้อนอ้อนฝากกลิ่นละมุน โลกหยุดหมุนดูวิถีงามนิยามรักแห่งสองเราที่รู้พอ..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song217.html กระท่อมชาวไร่ พี่ นี้ ไม่มีสมบัติพัสถาน ที่จะบันดาล วิมาน ห้อง หอ มีเพียงกระท่อม ไม้ ไผ่ ของชาวไร่ มอซอ สงสาร โปรดรอ พี่เถิด ทูนหัว กระท่อม น้อย อยู่ริมลำห้วยธารา ทั่วถิ่น วนา ไร้ความ น่า กลัว เรไรจำเรียง เสียง ก้อง แสงจันทร์ส่อง สลัว น้องรัก อย่ากลัว ว่าจะขื่นขม ไม่มี บันไดจะไต่ขึ้นไปสู่สรวง สวรรค์ เปรียบกระต่าย หมายจันทรา สุดทางรักมัน ได้แต่ระทม ถ้ามีปีกบิน เหมือนนก พี่จะโผผิน ลอยลม คว้าน้องมาชม ให้สมอุรา เป็นดอกฟ้า อยู่กลางทรวงพี่ได้ไหม จะมอบดวงใจ ไว้เพียง แก้วตา เอ็นดูพี่เถิด สาย ใจ ขอจงได้ เมตตา แม้นน้องศรัทธา จงอย่าเดียดฉันท์...