ฤดูกาลดอกไม้บานในใจก็ผันผ่าน ฤดีหวานก็รานร่วงดั่งดวงบุปผา น้ำผึ้งหวานเคยซ่านซึ้งในแววตา ก็พลอยพาเหลือเพียงเศร้าเหน็บหนาวใจ นี่แหละรักนี่แหละภักดิ์ ซึ้งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล มิเคยย้อนบ่าทวนหวนขึ้นไป มีแต่ไหลลงสู่สัจจธรรมย้ำความจริง สู่มหาสมุทรนิรันดร์ทุกชีพชนม์ ยากจะพ้นอนิจจังทุกสรรพสิ่ง ฝึกพายพาเรือชีวิตรู้ละทิ้ง ลำพังนิ่งถือหางเสือเรือแห่งเรา ระยะทางอาจห่างฝั่งยังไกลลิบ เห็นเพียงทิพย์หาดทรายทองคงมิเหงา เพียรประคองสมาธิปัญญาให้เรือเบา แม้นนานเนานิรันดร์..ก็ฝันไป..ก็ดั้นไป..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3719.html เรือลำหนึ่ง แหม่ม พัชริดา วัฒนา หากชีวิต เปรียบดังทะเล ฉัน คงคล้าย เป็นเรือ ล่องไป ให้ลมพาพัดไป ไร้ ทิศทาง สุดขอบฟ้า กว้างใหญ่ ใคร รู้ บ้าง สุดท้ายหนทาง จะร้าย หรือดี มีความหวัง ฝั่ง อันแสนไกล เห็น เพียงแสงรำไร อ้างว้าง จะมีใครสักคน หรือ ไม่มี หากคืนไหน ไร้ ดาว เหงา ทุก ที ชีวิตก็อย่างนี้ อยากมี ความหมาย เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย ฉัน ก็คงเป็นแค่เพียง ผงฝุ่นในสายลม ไม่มี ไม่มีความหมายใด ไม่ มี ใคร มรสุม พัด ผ่าน ทาน ไว้ ได้ ชีวิตวันต่อไป ไม่มีใคร รู้ เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่ ฟ้า คลื่นลมซัดมา ก็ หวั่น ไหว... ..................
รอแสงดาวในฤดีจักพรายพร่าง ยามรุ่งสางรับขวัญฟ้าวันใหม่ เหมือนทิวามีตะวันประดับไพร เหมือนราตรีมีจันทร์อันอำไพดับมืดมน เหมือนชีวีมีทุกข์แลสุขล้น ดั่งกรรมวนมาซ้ำซัดให้สับสน หากพินิจคิดด้วยชอบปลอบกมล จักผ่านพ้นห้วงทดท้อทรมาน ธรรมคือสัจจธรรมเฝ้าพร่ำสอน เลิกหวังวอนเติมจิตชีวิตหวาน รักฤาชังไม่นานช้าเก่ากับกาล พบเพียงรานเพียงร้าวต่างเศร้าใจ ลมหายใจแสนสั้นวันแสนโศก รอลาโลกเลือนร้างรักแค่ไหน ไปลำพังมาลำพังแล้วหวังใด อย่ารอใครมาเคียงข้าง..สร้างเพียงบุญ...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2825.html อาจจะเป็นคนนี้ ..ธงไชย เบริด์ ขนนกกับดอกไม้ ผ่านความระทม เกือบจมน้ำตา ช้ำ มานานเท่าไหร่ ถูกทำลาย หมดจนไม่เหลือ อะไร มี เพียงความอ้างว้าง พอมีใครซักคน เดินเข้ามา เป็นความหวัง ครั้งใหม่ ใจ จึงทุ่มเทไป อย่างเลื่อนลอย อย่าง เลื่อน ลอย เผื่อจะเป็น คนนี้ ที่เรา เฝ้าคอยไขว่คว้า ที่เรา คอยมองหา ที่คง ไม่ทำไม่ทำให้เราให้เรา ช้ำ-ใจ อาจจะเป็น คนนี้ คนนี้ ที่ใจ จะไม่ โหดร้าย ไม่โหดร้าย เกินไป หวัง ว่าใจ เขาคงดี พอมีใครซักคน เดินเข้ามา เป็นความหวัง ครั้งใหม่ ใจ จึงทุ่มเทไป อย่างเลื่อนลอย เผื่อจะเป็น คนนี้ ที่เรา เฝ้าคอยไขว่คว้า ที่เรา คอยมองหา ที่คง ไม่ทำไม่ทำให้เราให้เรา ช้ำ-ใจ อาจจะเป็น คนนี้ คนนี้ ที่ใจ จะไม่ โหดร้าย ไม่โหดร้าย เกินไป หวัง ว่าใจ เขาคงดี เผื่อจะเป็น คนนี้ ที่เรา เฝ้าคอยไขว่คว้า ที่เรา คอยมองหา ที่คง ไม่ทำไม่ทำให้เราให้เรา ช้ำ-ใจ อาจจะเป็น คนนี้ คนนี้ ที่ใจ จะไม่ โหดร้าย ไม่โหดร้าย เกินไป หวัง ว่าใจ เขาคงดี เผื่อจะเป็น คนนี้ ที่เรา เฝ้าคอยไขว่คว้า ที่เรา คอยมองหา ที่คง ไม่ทำไม่ทำให้เราให้เรา ช้ำ-ใจ อาจจะเป็น คนนี้ คนนี้ ที่ใจ จะไม่ โหดร้าย ไม่โหดร้าย เกินไป หวัง ว่าใจ เขาคงดี...
วันจะรานคืนจะร้าวเศร้าแค่ไหน มิเคยร้างรมณีย์ใจฝากฝัน วสันต์ปลอยปลิดปลิวสิ้นหวานจันทร์ หากใจขวัญก็มิเคยท้อขอรจนา ฝากหยาดน้ำค้างพิสุทธิ์คำมาพร่ำปลอบ ฝากกระซิบบอกผ่านดวงดอกไม้แม้นเหว่ว้า ฝากมธุรส ร้อยสร้อยแสงดาวในเงาตา ฝากปรารถนาจุดเทียนธรรมคอยนำทาง แม้นแสงเทียนใจในวันนี้ไหววูบวับ ราวจะดับด้วยเดียวดายเหงาอ้างว้าง หากรู้เท่าทันรู้เงียบงันรู้ปล่อยวาง แม้ไร้ร้างร่างใดใจยังพลี ขอฝากดีฝากงามลบเลือนโศก วิปโยคแห่งเพรงพรหมกรรมวิถี ด้วยพลังปาฏิหารย์รักอันมากมี จึ่งพร้อมพลีเสกสร้อยขวัญ สวรรค์วิมาน...แด่เธอ..!
เจ้านกไพรในใจนวลมณี มาวันนี้ข้าจะปลดปล่อยเจ้า ให้โผผินบินจากดินสู่ดวงดาว สู่พร่างพราววิมานเพชรหฤทัย ข้ายอมเหน็บหนาวราวไร้จิต พลีชีวิตให้เจ้าสู่โลกกว้างใหญ่ พเนจรรอนแรมเรียนรู้อ้อมกอดไพร ดื่มน้ำค้างใสแทนน้ำทิพย์จิบนิรันดร์ จงเป็นนกที่กล้าหาญ รักดอกไม้บานรักอิสรารักฟ้าฝัน รักโลกนี้พลีทุกสิ่งเอื้อโอบปัน โลกจินตนาการขวัญรอดวงใจไม่รวนเร ให้ปีกใสใจดวงงามบินเหนือโลก ไกลจากโศกจากสุขเสน่หา รู้ทุกข์สรรพสิ่งรายรอบเราคือเหว่ว้า ชั่วพริบตามายาฝัน... วันสองเราก็หายไป..วันรักเราก็หายไป....! ..........
ฉันนั่งนิ่งฟังเสียงใบไม้ร่วงรายรอบ อีกไม่ช้านานฤดูหนาว ที่ได้ชื่อว่าแค่ทำให้ฤดีหนาว ก็จักผันผ่านพ้นไป ไม่มีสายหมอกหยอกดวงใจที่ไหน ให้พบเห็นในเมืองมายา จะมีก็เพียงฟ้า ที่ยังเป็นสีฟ้า แล.. มาตรแม้นว่าจักไม่กระจ่างสว่างไสว เหมือนฟ้าบ้านไพรบ้านไร่ก็ตามที แต่ก็คงพอทำให้ดวงฤดีของเราได้พบ กับวันดีดีของชีวีชีวิต.. ได้.. ฝันเฝ้ารอฤดูกาลดวงดอกไม้บานสลอน ผลิดอกดวงละอออ่อนกลีบบางใสมาทายทักโลก แล..ริมหัวใจ ให้อ่อนไหว อ่อนหวานตระการตาตระการใจ ให้โลกภายในของเราได้สิ้นหมองไหม้สดใส.. ลืมสิ้นสับสน... เพื่อสร้างสรรปันพลีปันดีแด่โลกนี้แลผองชน ตราบจนกว่า... จะถึงวันสิ้นลมหายใจสุดท้าย... ไปกับแสงตะวันลา...นิรันดร์..!