เก็บความเศร้าไว้ลึกลึก เก็บรู้สึกดื่มด่ำในงามเหงา เก็บดวงใจอรชรซึ้งซ่อนเงา เก็บรานเรานับนานกัปป์กาลเวลา สิ้นแววตาฟ้องใครให้ใจหวั่น สิ้นแววฝันเพียงเดียวดายไร้เสน่หา สิ้นตัวตนรอเพรงพรหมโชคชะตา สิ้นเหว่ว้าเหลือว่างเปล่ากับเงาใจ มีเพียงสารธารใจยังไหลริน มีเพียงรอยยิ้มโศกระแวงไหว มีเพียงกลีบดอกไม้โรยร่วงกลางดวงใจ มีเพียงเสียงภายในสะอื้นรอ รอ..เธอเก็บดวงดาริกามาฝากขวัญ รอ..สวรรค์กระท่อมไพรกระซิบขอ รอ..เกี่ยวก้อยกันไปวัดศรัทธารอ รอเพียงรอ ขอเทพเทวา...เมตตา..ภักดิ์..!
ระดะดาวในคืนหนาว สวยพราวเกินพร่ำ น้ำค้างพร่างพรมพรำ จำปียังให้หอมลอยลม การเวกเสกมนตรา เสน่หาลีลาวดีห้อมห่ม โมกน้อยค้อมดอกให้ดม หนาวลมหนาวใจพอกัน เล็บมือนางร้างไร้ รอสายน้ำผลิพวงฝัน สิ้นฝนโรยรารอวัน ดั่งฉันรอเธอเคียงใจ ไม่นานสิ้นสุดยุติ มิติมายารอโลกใหม่ หวังพบพิสวาททุกชาติไป สิ้นวิบากใจสู่แดนฝันสวรรค์ทิพย์...!
เห็นเรียวรุ้งในสายแสงตะวัน เห็นหวานจันทร์ในแจ่มหล้า เห็นทิวเขาทะเลเมฆเหว่ว้า เห็นธารธาราวารีทอง เห็นระยิบระยับแดดทอไม้ เห็นลมร่ายเพลงโศกแด่โลกผอง เห็นสายฝนพรมพร่างเนืองนอง เห็นนกร้องดั่งเสียงดุริยางค์ไพร เห็นแววตาเธอยังทอแสงแห่งความรัก เห็นแววภักดิ์จากนวลใจหวามไหว เห็นเสน่หาแสนหวานน้ำผึ้งใจ เห็นพฤกษ์ไพรไหวระบัดพัดวน เห็นลำเพาพริ้งพรายยามหมายต้อง เห็นครรลองสองเราสร้างกุศล เห็นทิวาฝันวันแสนงามเคียงกมล เห็นพรหมดลเทพบันดาล..พบปาฏิหารย์รัก..!
จากเนินทุ่งที่แลไกลได้รายรอบ พบภูผาโอบกอดดั่งสวรรค์ มีไร่สัปปะรดละลดหลั่นลาดชัน ในท่ามวันฟ้าสว่างกระจ่างใจ ดงดอกหญ้าระบัดไหวกับสายลม ระงมเสียงนกร้องในดงไผ่ ผีเสื้อแมลงบินว่อนวัฏฏไพร รอดอมเกสรไสวยามบัวบาน มีกระท่อมในฝันนิรันดร์รัก ได้พิงพักดูดวงดอกไม้หวานแสนหวาน เอนกายนอนนับดาวเดือนตรงนอกชาน ฟังเพลงนิทานหิ่งห้อย..พร้อมร้อยมาลัย เป็นมาลัยกลีบบัวมาเรียงร้อย แซมด้วยสร้อยพุดซ้อนอรชรไสว เด็ดมะลิผลิพราวมาบูชาพระรัตนตรัย ฝึกสมาธิใจในปัจจุบันรับขวัญวัน ในห้องพระกรานศิระกราบพระพุทธ จิตพิสุทธิ์ให้พสุธาสิ้นโศกศัลย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้รู้รักสามัคคีกัน พลีชีพอันแสนสั้นสร้างสรรงาม ให้แดนดินพุทธภูมิยังคงอยู่ ดับแล้งไร้คู่แผ่นดินสยาม พระพ่อหลวงดั่งฉัตรเพชรชนทุกนาม วะวาววามดั่งรัศมีรุ้งสุริยา มิ่งมหานทีทองเจ้าพระยา สู่ทุ่งกล้าผลิเรียวรวงภักษา อุดมผลทรัพย์ในดินถิ่นทองธารา หยาดน้ำค้างฟ้าโปรยสอนสัจจธรรม มองสรรพสิ่งจากนิ่งในเนื้อใจแท้ เฝ้าคอยแก้จิตกระจ่างเพาะบ่มร่ำ รู้เมตตารู้ให้สายธารธรรม รอพ้นกรรมที่เวียนวนจนนิรันดร์ เกี่ยวก้อยเธอนะดวงใจมุ่งไปสู่ แดนแห่งรู้แดนแห่งธรรมนะยอดขวัญ มีเรือนรักได้พิงพักได้แบ่งปัน คุ้มค่าขวัญวันได้เกิดมาใต้ฟ้าไทย..ใต้ฟ้าทอง..!
หอมระรินละอองบัวในลมหนาว แย้มบานพราวท่ามฟ้ากระจ่างใส ตระการตางามแสนงามในดวงใจ ประดับไพรสอนสัจจธรรมมิย้ำวน เกิดในตมรู้ชูช่อรอแสงทอง ให้สาดส่องพ้นโศกพบกุศล ใช่เป็นเหยื่อเต่าปลาไร้ค่าคน พากมลให้วางว่างสร้างสมบุญ แล้วจิตจักผ่องพรายโชติฉายฉาน ดั่งบัวบานนิรันดร์ให้หอมกรุ่น ละทิ้งโศกประดับโลกละไมละมุน รู้บุญคุณชีพนี้ที่เกิดมา แม้นทุกข์สุขในฤดีมิยึดมั่น เพียรแบ่งปันโอบเอื้อใจ..ปรารถนา เมตตาธรรมล้ำเลิศกรุณา ให้สมค่าคำว่ามนุษย์...หลุดพ้นกรรม... ..................................! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4414.html บัวแล้งน้ำ คนเราต้องมี หัวใจ ต้องมีเลือดเนื้อ ข้างใน ต้องมีความดี คู่กาย ต้องมีความหมาย ในตัวเอง อดีตที่เคย ผ่านมา เราคงต้องผ่าน พ้นไป จะดีหรือเลว อย่างไร ขึ้นอยู่กับใจ เราเอง กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ...