9 สิงหาคม 2549 20:30 น.

ฤาจักพึงซับเพียงภาพฝันอันอ่อนหวาน...!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
(ปรารถนา)


วันที่ฟ้าครึ้มฝน
ให้บรรยากาศเทาทึมทอดทับไปทั่วทั้งท้องนภางค์

ในวันที่...
ฟ้ากว้างแสนกว้าง...
ที่พระอาทิตย์แสนสว่างกระจ่างแจ่ม นั้น
พลัน....!
ราวตกอยู่ในม่านหมอกสลัว 
เสมือน.*.ภาพฝัน*
ที่รอเวลาลีลาวสันต์พลันพร่างให้ความสุขสงบร่มเย็น

ให้ทุกดวงใจใต้ผืนหล้าฟ้าไทยที่เป็นทุกข์ 
ดิ้นรนเร่าร้อนได้ผ่อนคลายลง


ผม..ได้รับโทรศัพท์จากเธอคนดี ที่มีมา
เพื่อขอคำปรึกษาจากสำนักงานสถาปนิกของเรา
ให้ไปดู....
*บ้าน*ฤา*วิมาน*หลังใหม่ให้กับเธอ 
ที่..
ผมเพียงได้ยินได้ฟัง..เสียงเธอเสมอเสมือนละเมอ
เพ้อมาสั้นสั้นอย่างฝันฝันซึ้งซึ้ง 
แค่ว่า...
เป็นห้องชุดหนึ่งเดียวในอพาร์ตเมนท์เก่าชั้นที่สิบ
ที่มีรายละเอียดงดงามมาก
หากทว่า..
ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้
เพราะ..
เจ้าของเก่าแค่หวังมาจับจองไว้ปล่อยขายต่อทำกำไร
และ...
วันนึง เมื่อเธอไปเยี่ยมเยือนเพื่อนสนิทของเธอ 
จึงถูกนำเสนอ..
ให้เธอเกิดไอเดียสว่างวาบ ขึ้นมา
ที่อยากซื้อและนำมาดัดแปลงตกแต่งเสียใหม่
ให้พิไลพิลาสพอที่จะเป็นที่อยู่อาศัย
ตามประสาสาวโสดแบบเธอ..เพียง..ลำพัง



เธอ ..นัดผมในวันถัดมา 
และนั่นหมายถึงเวลาย้อนกลับไป...เมื่อ6เดือนที่แล้ว
และ...
มาจนถึงวันนี้ ..
วันที่ไม่แคล้วผม  ผู้เป็นสถาปนิก 
ที่จำต้องเวียนวนเข้าออก
เพื่อ 
มาบอก..มาดูงาน 
ที่ให้ช่างมีฝีมือได้เสกสรร 
ดัดแปลงแต่งโฉมเสียใหม่
ให้..
งามประทับใจ ประโลมใจเธอ ให้สมกับราคาค่าจ้าง 


และ..
น่าแปลกดีที่งานนี้ ผมยินดีพลีใจ ทำให้เธอ 
ผู้หญิงที่..
เพียงแวบแรกแวบเดียวที่เห็น
ก็ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเอาเสียเลยทีเดียวเชียว


เธอ..ผู้งามแผกงามพิศ งามน่าสนิทเสน่หา
งามตรงนัยน์ตาราวมฤคาใสซื่อ 
ที่ดูราวแย้มยิ้มได้...
ให้
ทุกชายชาติได้หมายมาดอยากมากรายใกล้ ได้ชิดใกล้
ได้หว่านเสน่หาพิสวาท..
อยากพิชิตเอาชนะใจเธอไปตราบชั่วกาล...


และ...
สำหรับผม... ยิ่งนานวันเข้า
กลับยิ่งได้ค้นพบความพิเศษ
ในดวงจิตเธอ ...
ผู้ต้องนำเสนอ ให้ผมสนอง ไอเดีย ที่แสนงามล้ำ
ตรงที่เธอ พยายามเน้นย้ำ 
ให้รู้ว่าชีวาชีวีเธอนั้นรักความเรียบง่าย
และ..
เพียรอธิบายให้ผมพยายาม 
ออกแบบตกแต่งเติมเพิ่มรายละเอียดวิมานเธอ 
ให้แสนเรียบง่าย
แสนสบายๆสะอาดๆโล่ง ด้วยโถงเพดาน 
ที่ยังมี..
ลวดลายปูนปั้นลายดอกไม้ผีเสื้อ
ให้ยามพบแสงไฟพลัน 
จะยิ่งงามเหลืองามล้ำ
ให้อารมณ์อันแสนสุนทรีย์นุ่มนวลอ่อนหวาน


วิมาน...
ที่เธอ ตั้งใจให้ใช้ไม้กระดานแผ่นโต
ที่ให้สีสันดั่งไม้เก่าซีดหากดูยิ่งอบอุ่น 
เมื่อทอดรับกับสไตล์...  บ้าน...
ที่...
เธอต้องการมีเพียงเฟอร์นิเจอร์
ตู้โต๊ะ ไม้เก่าโบราณไม่ขัดเงาดูดิบเดิม 
และแสนให้ความนิ่งงันอลังการ
ที่เธอใช้สำหรับนั่งทำงานเขียน ในยามกลางวัน 

บ้านฤาวิมานฝัน
ที่เธอทาฉาบสีขาวธรรมดาๆ...
ประมาณว่าคล้ายๆผนังหิน
ที่ให้ช่างสาดสีทิ้งทีแปรงแฝงความเก่าคร่ำฝากเอาไว้ 


และ
มี...ห้องหับว่างเปล่า...กับที่นอนหนานวลนุ่ม
พร้อม..
เครื่องนอนสีขาวที่ดูแสนอบอุ่นสบายๆ
ที่วางไว้ ณ กลางห้อง เพียงสิ่งเดียว
พร้อม..
ตั่งวางเชิงเทียนทรงสูง 
ที่..
พร้อมจะจุดใช้งาม ยามเธอจะประหยัดไฟ
ให้ก้าวพร้อมไปกับทิศทางของบ้านเมือง 
ที่...
ทุกคนพลเมืองไทยประเทศ  
กำลังต้องช่วยกันหันกลับ
มายึดถือตามรอยพระบรมราโชบาย
แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงมีพระราชดำรัสทรงตรัสฝากไว้
ให้...
รักความสมถะพอดีพอเพียง 
พยายามเลี่ยงกิเลส เหตุแห่งทุกข์อยาก 
ที่แสนมากมายมากมี
อย่าง..
ที่ไม่มีวันสิ้นสุด 
และ..
จักก่อทุกข์ถนัดอย่างใหญ่หลวง
เมื่อต้องตกเป็นทาสแห่งหนี้สิน



แสงไฟจากเทียนแท่งที่คงงามพร่าง
ใน...
ท่ามม่านเมืองมนตรา 
ที่คงพาให้...
อารมณ์แสนไสวโรแมนติก ในยามคืนค่ำ
 ที่เธอจะนั่งรจนางานเขียน
ด้วยพลังไฟฝันอันแสนบรรเจิดจิต
ด้วย..
ได้ใช้ชีวิตแสนชิดใกล้ธรรมชาติ
ความสมถะอย่างชาญฉลาด
แม้นจะดั่งปลาผิดน้ำ ในยามนี้
ที่เธอ..ยังจำต้องอยู่สู้ทน
วนว่ายในบึงคลองหนองเมืองก็ตามที
อย่างน้อย..
ก็ยังให้ชีวีชีวิตได้พบความประเทืองประทับใจบ้างก็ยังดี


และ..
ในห้องเรียบโล่งโถงห้องหนึ่งนั้น
 ตรงผนัง
เธอจะมีหิ้งไม้ หลายชั้น สำหรับแค่วางหนังสือแสนรัก 
ที่จำจักต้องเก็บไว้ค้นคว้า 
หลังจากได้บริจาคไปตามโรงเรียนต่างๆ
หาก..
ไม่จำเป็นต้องใช้งานแล้ว


และ..
กับบานประตูที่เธอให้เขาเปลี่ยนวงกบ 
ให้ดูดีมีความเรียบง่ายมากขึ้น
รับกับผนังและเพดาน
และ..
กับช่อโคมไฟ ในยุคซิกส์ตี้ 
ที่แสนให้ความหวานอบอุ่น
ราวย้อนยุค...
 ไปพบกับความละมุนละไมละเมียดใจมากขึ้น


ตรงระเบียง..ที่มีลายเหล็กดัดอันงดงามอ่อนช้อยนั้น
เธอ หาเพียงต้นพุดซ้อน
ที่มีดวงดอกดั่งกุหลาบขาวพราวพรรณ
มาวางเคียงกัน สี่ห้าต้น 
ที่จักปันปรนผลิดอกให้หอมเศร้าเร้าใจไม่เว้นแต่ละวัน
ให้เธอ 
ยิ่งมีอารมณ์ฝันฝันฝัน หวานหวานหวาน บานเบิกใจอย่างที่สุด
................


และ..
ในท่ามทุกวัน 
ที่ผมต้องผายผันร่างมาตรวจงาน
ที่ดูคล้ายจะทำง่าย 
หาก..
คงมิใช่เพราะมากความละเอียดละออพิถีพิถัน
อย่างที่เธอ เจ้าของวอนขอร้อง 
ให้เราช่วยกันทุ่มเทสร้าง*รวงรังแห่งรักแห่งฝัน*
ให้พลันวิจิตรใจ พลีแด่เธอ..
โดย..
ราวดูไม่มีอะไร 
หาก..
ในความว่างเปล่านั้น
กลับให้สัจจธรรม ที่ถึงพร้อมในวิถีเซน 
ที่..
ให้รู้รักความเย็น ความสมถะพอดี พอเพียง
เลี่ยงการสะสม สรรพสิ่ง 
ให้รู้รักความนิ่ง ความสงบเงียบ
ที่จักเปรียบประดุจดั่งจักหล่อหลอมให้ จิตยิ่งมีพลังสมาธิ 


และ..
ยิ่งมีการรู้สละออก...
มิเพียรพอกสะสมอุดมด้วยนานาสารพันสารพัดวัตถุ
ไม่ว่าจะเลิศหรู ดูดีสักแค่ไหน
หากจริงๆแล้ว..
ทุกชีวิต แค่มาอาศัยโลกใบใหญ่นี้
เพียงแค่ชั่วครู่ 
ใช่มาลบหลู่เบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ
ดิน น้ำ ลมไฟ อย่างมิฉลาดใช้ 
อย่างราวกับอยากให้โลกได้พบ
ความแล้งไร้ ภัยพิบัติ 
ให้ได้พบ..
*ความสูญเสียเอนกอนันต์*อันแสนยากจะย้อนแก้คืน


ผม..
จึงชื่นฉ่ำใจ เกิดศรัทธาใจ ปิติเกษมใจ 
ที่ได้พบเธอ 
ที่ทุกคราพาให้ผมคิดถึงบทกวีบทหนึ่ง
ที่แสนซึ้งซาบใจ...


ซ่อนความลึกซึ้งไว้ทุกส่วน
ซ่อนเสน่หานิ่มนวลมิเสแสร้ง
ซ่อนอำนาจดูดดึงไว้รึงแรง
ซ่อนแววเสาะแสวงมิรู้วาย
อยู่ในห้วงคิดของคนอื่น
เป็นความเช่มชื่นที่แผ่ขยาย
อยู่อย่างต้นแบบที่แยบคาย
เป็นเชิงอรรถอธิบายแห่งบรรพชน...
..................


และ..
สำหรับวันนี้ 
ที่งานผมที่รับผิดชอบเสร็จสมดั่งจำนงหมายแห่งเธอแล้ว
และ..
ต้องเดินตามดู
*นางแก้วนางที่อยากให้แนบชิดสนิทเนาในดวงใจ*
ค่อยๆเ
ดินเยื้องกรายไปมา
พร้อมกับดวงตาใสเป็นประกายราวเด็กน้อย
ที่ได้มี*รวงรักแห่งรัก *
ได้ฝากภักดิ์พลี พิงพักเอื้อโอบใจ


ให้..
หัวใจผมแสนผ่องแผ้วใสเกษมพร่างสว่างไสวตามไปด้วย
อย่างแสนยินดี
ที่สู้เพียรพลี ได้ชิดใกล้ ได้ทำงานให้เธอ
 และ..
ได้พบเธอ 
ที่ราวฟ้าสรรสวรรค์ส่ง..สั่งตรงลงมาเสนอฝัน
สนองวันคืน...
ให้ผมได้พบความสดชื่นระรื่นร่ำแสนฉ่ำใจ เสียไม่มี
จน....
ผมนี้...อยากให้มีวันทอดไกล........
ขอวอนอธิษฐานใจ....
ให้ได้เป็น*ประดุจดั่งหนึ่งเดียวในดวงใจของเธอ*
ไปตราบชั่วกาล....นานเนานิรันดร์
..............................
 


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
ปรารถนา ทูล ทองใจ 

หากแม้นเลือกเกิด เองได้ 
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ตามใจเขา ปรารถนา 
แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
หากร้อนผิวกาย ใจระทม
ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม
เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน
หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน
ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น
เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง
อยากเกิดมาเป็น สีแดง
แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ
อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น
ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง
อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้
อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู
อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง
จะขอเป็นแหวนสวมก้อย 
เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย 
เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง
อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์
ขอเกิดเป็นหมอนข้าง
เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...


				
8 สิงหาคม 2549 16:52 น.

ฝนหยาดสุดท้ายหมายพรากลาจากเรียวแก้ม..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html


ฝนหยาดสุดท้ายหมายพรากลาจากเรียวแก้ม
ให้เราแย้มเรายิ้มเริ่มวันใหม่
สกุณายังคงร้องเพลงหวานเบิกบานใจ
ดอกไม้ไพรยังไหวกิ่งฝันเช้าวันนี้

นอนนิ่งนิ่งในที่นอนหอมหอมอุ่น
โลกละมุนลมหายใจแสนมีค่านาทีนี้
อิสราว่างกลางดวงใจแล้วคนดี
นับแต่นี้ใจอิ่มสุขไร้ทุกข์รัก

ดอมดอมดอกพุดซ้อนเคลียหมอนซ้ำ
กลีบจะช้ำยังให้หอมหวานยิ่งนัก
สัจจะธรรมคืองามดวงใจนะที่รัก
อัญมณีภักดิ์อัญมณีพุทธพิสุทธิ์ใจ

วาสนาใครเล่าจะเข้าถึง
ให้พบซึ้งพบซ่านหวานหวามไหว
หากบุญไม่พอพรหมบันดาลพรากแรมไกล
รอหัวใจใครคนดีหากมีบุญ

ไม่เสียใจไม่ไหวหวั่นไม่ขวัญหาย
ไร้คนใกล้ไร้คนชิดหอมแก้มกรุ่น
รอเวลาอิงอ้อมใจหวานละมุน
ทุกอุทัยโลกหมุน..หวังฟ้าสรรสวรรค์รอ...
.....................






วสันต์สอน! 


ฟ้ายามเช้า..แจ่มสวย..
หลังฝนพรำพรำทั้งคืนเมื่อคืนนี้
เพื่อนสีเขียวของไพลรายรอบบ้าน
ระบัดใบเริงร่ารับหยาดฝน
ใบเขียวจึงดูสล้าง สดชื่น สวยใสกว่าทุกวัน..

ไพลมองผ่านกระจกใสแจ๋ว
ที่ถูกสายฝนชะล้างเมื่อคืนนี้
แล้วยิ้มออกมาอย่างยินดี..
ที่เห็นดวงดอกไม้นานาพันธุ์ของไพลนั้น
กำลังบานชูช่อ ล้อสายลมสะอาดหอม 
กับสายลมยามเช้าที่พัดไหวระริน..

กุหลาบดอกตูมตั้งเผยอแย้มหวานบานอีกคราแล้ว
หางนกยูงฝรั่งก็ออกดอกแดงพรืดเต็มต้น
ไหนจะพุดเวียตนามที่บานพราวจนเก็บไม่หวาดไม่ไหว

ไพล..ดีใจที่วันนี้ไพลมีดวงดอกไม้หลากสี
ประดับโต๊ะเขียนหนังสือ ให้หอมจรุงไปทั้งวัน
จนถึงยามค่ำถึงดึกดื่น..
ที่ที่ไพลจะนั่งอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสืออยู่ตรงนี้
ที่เป็นมุมสงบสุข แสนดี อย่างเหลือเกิน..

แต่พอยามเย็นมาเยือน..
พลันฟ้าที่แจ่มสวยนั้นก็พลันหม่นมัวราวใจคน
ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะสลับกันสุขทุกข์
เป็นสัจจธรรมเฉกเช่นเดียวกันกับธรรมชาติงาม
ที่หมุนวนหมุนเวียนเปลี่ยนผันมาเยือนมาสอนใจ...

ฟ้าสวยกลับเศร้าเทาทึมราวร้าวรานจนอยากร้องไห้
ยามแหงนเงยมอง..ไปรายรอบทุกทิศทาง..
ลมพายุพัดแรง น่ากลัว
จำปี ที่เชยชิดถึงชายคา สลัดใบร่วงกราวปลิวว่อนไปตาม
กระแสลมแรงที่พัดกระโชกกระชั้น..
ร่มสีเหลืองคันใหญ่ ที่กางไว้ใต้ต้นก็พลันราวจะปลิวไปตามแรงลม..

ไพล..ใส่เสื้อฝนสีฟ้า รีบพาร่างออกไปนอกชายคา
ไปดูแลอ่างปลา..และ
เร่งมือกวาดใบจำปี มิให้พัดไปไกล กลัวว่าจะไปอุดท่อระบายน้ำ
นี่คือความรับผิดชอบของคนรักต้นไม้ ที่ต้องขยันหมั่นเก็บกวาด
มิใช่แค่..ปลูกหวังเชยชมเพียงอย่างเดียว..
แต่ต้องเอาใจใส่ดูแลต่อส่วนรวมมิให้ไปตกตามถนนและหน้าบ้านใคร..

กล้วยกออวบงาม ที่สูงใหญ่แทงใบโชว์ความเขียวอ่อนสวยใส
แทบถึงชั้นสองริมหน้าต่างห้องนอน..
บัดนี้ออกเครือมากมีหวีงามห้อยต่องแต่ง 
หวาดเสียวว่าจะหักราญลงมา จนต้องไปหาเชือกมาผูกไว้

ในท่ามกลาง สายฝนกระหน่ำหนัก ที่พรมพร่างฝอยฝน
ราวธรรมชาติประทานฝันให้หัวใจไพลพลันสะอ้าน...
หวานไปกับฝนแรกแทรกบทเรียนสอนใจนี้ที่เวียนวน
ให้ผู้คนบนผืนโลกยอมรับโศกสุขราวฤดูกาลที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..
ตราบใดที่หัวใจยังไม่ว่าง..วาง
เพื่อหนีห่างหนี้กรรม..หนี้รักนี้  ที่คู่โลก คู่คน  วนย้อนรอยมิรู้จบ.....
 
 



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html

ฝนหยาดสุดท้าย

ฝนหยาดสุดท้ายหัวใจหวั่นไหวให้ตรม
ซ่อนรอยน้ำตาขื่นขม ร้าวระบมสุดที่จะฝืน
ถึงคราวจำพราก โศกช้ำกล้ำกลืน
ฉันนอนซบหมอนสะอื้น
ค่ำคืนผวาโศกศัลย์
ฝนหลั่งสั่งฟ้านิจจาจำร้างห่างกัน
อย่าลืมรักเคยผูกพัน ทุกคืนวันอย่าลืมเสน่หา
ถึงกายจะห่าง แต่รักอย่าลา
เธอเคยสัญญาไว้ว่า 
จะมาเมื่อฝน เยี่ยมเยือน
จงหมั่นจำความหลังอย่าลืม
สองเรา เคยรักเคยปลื้ม
ด่ำดื่มจำไว้อย่าเลือน
คอย ฉันคอยจนฝนใหม่เยือน
หวั่นเกรงรักลวงลอยเลื่อน
เพื่อนใจอยู่ไหนไม่มา
ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม

ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม... 

				
7 สิงหาคม 2549 21:29 น.

มฤคาน้อยบริสุทธ์ใส..ฆ่าเลือดเย็น..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song255.html
(สายสร้อยร้อยใจ)



แว่วบทเพลงสายสร้อยร้อยใจในกระท่อม
แล้วก็นอนหอมดอกจำปีคลี่เหว่ว้า
เห็นจันทร์ดวงงามลอยท่ามนวลนภา
ฝันฝันว่ามีอ้อมใจใครสักคน

แสงเทียนในตะเกียงแก้ว..ริบ..ริบหรี่แสง
ดั่งฝากแฝงรอยรักร้าวเศร้าอีกหน
ไม่เป็นไรแม้นมีสายฝนตกกระหน่ำกลางกมล
เจ็บจนทนร้าวจนชินคนสิ้นรัก

เปิดดวงใจแค่ไม่นานพรานหมายฆ่า
เชือดช้าช้าทาเกลือเกินเจ็บหนัก
ไร้น้ำตารักคนผิดแสนช้ำนัก
ถอดใจภักดิ์แล้ววันนี้..ไม่มีใจ..

ลั่นดาลรักครั้งสุดท้ายให้ทานเธอ
หลงละเมอเชื่อคำมั่นด้วยใจใส
หารู้ไม่โลกนี้หนามากพรานไพร
มฤคาน้อยบริสุทธิ์ใส..หลงศรัทธา..ฆ่าเลือดเย็น..!
...........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song255.html
สายสร้อยร้อยใจ ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ 

สายสร้อยร้อยใจสายไยสวาท
หมายขาดหลุดสุดหนทาง
รักจางตรอมตรมไม่หาย
โอ้ใจเอ๋ย ไหน เลย มาหน่าย
ฟ้า ดินแม้สิ้นสลาย รักมิคลายรักสุดบูชา
สายจิตร้อยทรวงไยลวงหลอกหลอน
อกสั่น หวั่นรักรอน ยามกินยามนอนผวา 
ภาพความหลัง นั้น ยัง เตือนตา 
น้อง คงมิปรารถนา จึง ลาระทมตรมใจ
พี่ แพ้ เจ้าไม่แลเหลียวมองมาเลย 
อก เอ๋ย ไปชื่นชมหลงคารมใคร 
พี่ รัก ใช่หลอกลวงรักเต็มทรวงใน
รัก ซ่อนซ้อนใจ ห่วงหรือไรทิ้งพี่ให้ตรม
สายโซ่คล้องใจสายไยสวาท
พี่อยู่ ก็เหมือนคน ไม่กายไร้ใจชื่นชม 
สร้อยใจหาย รัก กลาย เป็นลม 
เหลือรอยสายสร้อยขื่นขม 
ร้อยอารมณ์ระทมตรมทรวง... 
 

				
7 สิงหาคม 2549 00:12 น.

ฤา..จักสิ้นสายสวาท..เสน่หา....!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
(คนเดียวในดวงใจ)



วันที่..ฟ้าสีฟ้า
ฟ้าสีครามงามเข้มกระจ่าง
เต็มไปด้วยพรายแดดอ่อนๆอุ่นๆ
หัวใจดวงละมุนของผู้ชายชาติไพรดวงเดิมๆดวงดีๆ
ดวงที่ติดดิน
ได้หมุนโลกมาให้หยุดนิ่งตรงหน้า*ฤทัย*
ด้วยน้ำเสียงสดใสด้วยแรงรักแรงเสน่หา
ด้วยลีลาแบบเรียบง่ายของคุณ


คุณกระซิบบอก*ฤทัย*ว่า..วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ
เราสองน่าจะขับรถไปหาอะไรเสพทางจิตวิญญาณ
ไปนั่งทานข้าวริมบึงบัวนอกเมืองริมทุ่งรวงทอง
ไปนั่งจ้องพระอาทิตย์ลาลับฟ้า
ไปฟังเสียงนกการ้องกลับรัง



หรือ
หากยังไม่อิ่มใจพอก็พากันนอนคลอในเรือนริมน้ำ
ดูดาวนับพันพร่างฟ้า
รอดูอ้อมนภางดงามยามฟากฟ้าฝันพลันเปล่งประกาย
พรายแสงแห่งนวลจันทร์เพ็ญ
กับหิ่งห้อย
ที่ค่อยๆกระพริบแสงพร้อยพราวพร่างฝัน
ออกมาแต้มแตะตามกิ่งก้านกอต้นลำพูราวรอคู่กรรม



คนดี..
คุณบอกหากสิ่งสำคัญสุดคือ
อยากพา*ฤทัย*ไปวัดในดวงใจ
ไปกราบพระประธานพระพุทธองค์ใหญ่ในโบสถ์คร่ำ
ที่เราสองเคยไปมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หากมิเคยเบื่อเพราะมันคือเลือดเนื้อจิตวิญญาณคุณ
ที่แฝงฝังจิตนิมิตงามมาตั้งแต่ยามยังเยาว์

ค่าที่คุณเกิดที่นี่ โตที่นี่ 
เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
เมืองที่หลอมให้คุณคิดได้คิดให้คิดเป็น
ให้คุณเห็นโลกในมิติหนึ่ง
ซึ่ง
แสนพิเศษพิสุทธิ์
ผิดแผกแตกต่างจากโลกหอมหวานแบบของใครๆ
โลกที่คุณเคยบอก*ฤทัยว่า*แสนยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ
โลกที่หวานหอมห่มบ่มพิสุทธิ์ใสกระจ่าง
สอนให้รู้วางว่างด้วยธรรมะ



คุณบอกว่า..
เมื่อมาพบ*ฤทัย*สงสัยวิบากยังไม่หมด
เลยต้องมาแบกความวาบหวามงามงดสักระยะ
และ
หากว่า*ฤทัย*เข้าใจรักแท้
มิแพ้กรรมพากันสร้างงามรักขึ้นในนิยามใหม่
ในมิติใหม่แบบเหนือโลกได้แล้ว
ก็จะชวนกันพาไปสู่อีกแดนดินหนึ่ง
ที่ซึ่งจะเป็นแดนดินถวิลวางว่างแห่งรักนิรันดร์อันไร้ร่าง
ไม่ต้องหลงพงกรรมดงกรรมอีกต่อไป



คนดี
หัวใจคุณ
จึงราวคนโบราณย้อนรอยถอยหลังกลับมา
คุณยังห่วงโหยหาอาวรณ์
ฉากตอนเรื่องราวย้อนยุคอันแสนงดงาม
ที่ตามติดมาให้ระสึกรู้ในสัญญา
และในภาพนิมิตนั้นกลับน่าแปลกนัก
ที่คุณ..บอกตั้งแต่พบ*ฤทัย*นาทีแรก
ทำให้ดวงใจแผกคิดถึงเพลงนี้เลย



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html

เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม

คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...

...................
 



คุณบอกทุกสิ่งที่เมืองเก่าบ้านเกิดนี่แหละ
ที่คือภาพจริงราวภาพฝัน
ที่รายล้อมหลอมละลายให้คุณคิดคุณเป็น
คุณเห็นอะไรแบบพิเศษ
มาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วละกระมัง



และ
ทุกคราคราว..
ยามที่ใจดวงร้าวของคุณเศร้าหมอง
เมื่อได้รับแรงกระทบจากผู้คนอลหม่าน
ในเมืองอันเรืองรุ่งริ่ง
กับมากเรื่องราวร้าวราน
กับโลกภายนอก
ให้หัวใจรวดร้าวบอบช้ำสุดทน



คุณก็จะหมุนกมลร่าง
มาสถิตทอดตาเหว่ว้าดายเดียวริมฝั่งฝัน
ณ...ที่วัดนี้
ที่ยังมีลานลั่นทมให้คุณแฝงฝังร่าง
พลางทอดนัยน์ตาเศร้าเฝ้าดูดวงดอกลั่นทม
ที่
ทิ้งทอดตัวระย้าย้อยห้อยเหนือซากปรักหักพัง
ราวกับจะสั่งลาฝากบางสิ่งทิ้งบางอย่าง
ให้กับผู้มาทีหลังได้สำนึกฝังฝากใจ
น้อมนำไปสอนจิตเตือนใจ
ไปย้ำรอยความรักชาติ
ฉลาดที่จะใช้ชีวิต
มิให้ซ้ำรอยเดิม
มาเติมทุกข์ทนหม่นไหม้ไปทั้งประเทศ



คุณบอกชอบมานั่งสเก๊ตภาพฝัน
ที่มีแบคกราวน์คือ
ลั่นทมดอกเศร้า
กับสายน้ำแสนโศกกับโลกอดีตลำพัง

ที่พรายผุดความหลัง
ที่มีแต่ทรากสลักหักพังทลายไร้ร้าง
ให้ยิ่งแสนอ้างว้างเปลี่ยวเหงาใจเป็นยิ่งนักแล้ว
หากไม่มีนางใจนางในฝันพลันมาปรากฎสักที..
ที่คุณรอคอยมาแสนนาน
ราวชั่วกาลกัปป์กัลป์นั้นเลยทีเดียว



และ
นะวันนี้...คุณคนดี
จึงวอนขอ*ฤทัย*ว่า
ให้ใส่ผ้าซิ่นพันทบผืนสวย...ที่ทอมือ
รอบเชิงชายปักลายผืเสื้อดอกไม้กรายเกสร
ให้งามอรชรว่อนว่ายเป็นชายเชิงอันงามอ่อนหวาน
ยามกรายย่างก้าวเดิน
ให้เพลินมองราวน้องนางหลุดมาจาก
เมืองงามแห่งอดีตอันเคยเรืองรุ่งแสนระยับงามจับใจ



เพราะ..
คุณอยากเก็บภาพ*ฤทัยไว้*
และเคยหมายตาตั้งแต่เห็น*ฤทัย*
ในงานวันลอยกระทงของคณะ
ที่ต้องพากันแต่งตัวด้วยชุดไทยทั้งชุด..
เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม



คืนนั้น
ที่คุณและเพื่อนๆต่างพากันมาเยี่ยม*ฤทัย*
ถึงในคณะที่จัดงาน
และเพื่อนๆต่างพากันล้อคุณทันที
เมื่อเห็นคุณแอบเด็ดดอกลั่นทมดอกงามนะลานฝัน
ให้ฤทัยทัดแก้มแซมผม



ว่าหัวใจคุณคงหลงทางไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
ก่อนกระทงแก้วกระทงขวัญ
จะพลันพาถึงเวลาลอยลงบูชาพระแม่คงคาเสียด้วยซ้ำ
เมื่อคุณแอบสบตาฤทัยแล้วทอดถอนใจ
ใจลอยล่องไม่เป็นอันทำอะไรได้แต่เขินอาย


และ
คนดี..
ผู้ชายผิวสีทองแดง
กับหลายปีต่อมา
เมื่อคุณตามติดและได้เข้ามาชิดใกล้
สนิทแนบในดวงใจหฤทัยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว



คุณ...ถึงกับสารภาพว่า
นาทีนั้นราตรีนั้น
คุณมองเห็นฤทัย
ราวนางใจนางในฝัน
หลุดมาจากภาพโบราณภพโบราณ
ผ่านในมโนนึกของคุณ
ยามที่เห็นฤทัยย่างเท้า
แล้วเสียงกำไลข้อเท้ากระทบกันกรุ๋งกริ๋งๆ



คุณ..
ยังกระซิบบอกว่า
ราวในความคิดได้ยินเสียงมโหรี
ดีดสีตีเป่าระทึกย้อนรอยคืนหลัง
ให้คุณงันงงสงสัยว่า
นั่นคือภาพจริงหรือภาพในนิมิต
ฤาว่าคุณกำลังฝันไป



และ
นั่นแหละคือคุณคนดี
คนที่ฤทัยแสนรักเอยแสนรักในกมล
คุณ..คนที่มีหัวใจดวงดีดวงเดิมดวงงาม
คนที่เกิดมาเกินกว่าจะรับไหวหวั่นทันโลกอารยะ
ที่บ่าโหม
มาแปรผันปันทุกข์ในรัก



อันมักฉาบฉวยไร้หนักแน่นมั่งคงตรงมั่นจีรัง
แบบคนโบราณผ่านภพภูมิเก่า..
ที่โลกเราหมุนเร็วมากเพียงไหน
คุณก็บอก
ก็ยิ่งหาผู้หญิงทีมีนวลใจละมุนละเมียดยากยิ่งขึ้นทุกวันทุกที
ที่มักแพ้กิเลสไปตามแรงเหวี่ยงแห่งกระแสโลกนี้
ที่เห็นค่าวัตถุความสบายกาย
สำคัญกว่าเรื่องจิตวิญญาณบ้านภายใน



และ
กี่ปีนะดวงใจ
ที่คุณกับฤทัย
ต้องขับรถไปๆมาๆ
ระหว่างอยุธยากับทะเลฝัน
อันเป็นบ้านเกิดของฤทัย



ที่คุณบอกใหม่ๆทำใจลำบากมาก
เพราะเกิดมา
คุณเห็นแต่นาข้าวรวงเรียวเหลียวไปก็มีแต่แม่น้ำ

คุณรักวิถีทางแห่งท้องทุ่งมากกว่าทะเลเค็ม
ที่แสนกว้างใหญ่ยากหยั่งถึง



ซึ่งคุณชอบนำมาหยอกล้อเปรียบเปรยไว้ว่า
*ใจฤทัย*ก็คงราวทะเลเหว่ว้า*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล*
ที่คงลึกล้นเหลือคณายากนักยากหนาจะหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งห้วงใจ
และ
คงนานกว่าจะได้เคียงครอง
สัมผัสร่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
และนับถึงวันนี้นาทีนี้
ก็ให้คุณรอท่ารับคำรัก
มาสักเกือบจะสิบปีเข้านี่แล้วสินะ



แต่
ทันทีที่คุณได้สัมผัสแผ่นดิน
ที่เรียกกันว่า..เกาะสวาทหาดสวรรค์
หัวใจคุณคนดีก็ราวต้องมนต์มายา

ไปกับม่านทะเลกว้างแสนกว้างแลละลิบตรงหน้า
กับขอบฟ้าที่ตัดฉับกับน้ำทะเลสีน้ำเงิน...เขียวมรกต.....
และโทนสีทะเลที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ......... 
แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม.


มีเรือใบล่องไปในอ่าวที่แสนสงบงาม..
ยามอาทิตย์สนธยา ทั่วทั้งท้องนภาและผืนน้ำ..
เป็นสีส้มเหลือบชมพูแดงรอนรอนอ่อนๆเทาๆทองทอง
ส่องอาบทาบทาประกายวะวิบระยิบระยับ 
งามจับตาทั้งเวิ้งฟ้าแลเวิ้งน้ำ
งามเกินคำพรรณา รำพึงรำพัน..ราวสวรรค์ลอยนิรมิต



และ
มากกว่านั้น
คุณยังได้สัมผัสความสงบงาม
ในท่ามกลางหุบเขาไพรพะงัน
อันคือนาข้าวขั้นบันไดแบบบาหลี
ทีมีเสียงดนตรีไพรธรรมชาติ
มีสระน้ำราวสระอโนดาตชื่อสระมโนราห์



มีกล้วยไม้ป่าชื่อว่า*มงกุฎไพร*ที่มีชนิดเดียวในโลก
ที่ยังมี..
โตรกผาดอกไม้ป่าดอกไม้ไพรนานาพรรณงามแผก
ทีมีเงื้อมเงาง้ำหินแผ่นผาดั่งศิลามณีให้ชมวิว
ที่
วันนั้นวันที่*ฤทัยอุตส่าห์พาคุณไปป่ายปีนเพื่อพบงาม
คุณถึงกับกระซิบด้วยใจสั่นเสียงสั่น
แล้วโอบรับขวัญเคลียเคล้าซุกหน้ากับเรือนผมฤทัย
พร้อมคำที่หลั่งท้นออกมาจากดวงใจส่วนลึกบอกฤทัยว่า
นี่อย่างไรเล่าสวรรค์มาเยือนหล้ามาทายทักตรงหน้า



ที่ทำให้คุณแทบลืมหายใจไปกับทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น
จากลานหินกว้าง..
แลไกลออกไปคือโลกสีครามกว้างไกลสุดตา
แลลงไปเบื้องล่าง 
จะมองเห็นทิวมะพร้าวสลับซับซ้อนเป็นหมื่นหมื่นต้น
บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ เงียบสงบ
มีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ



บนหน้าผา  ชะโงกง้ำ  ลอยเลื่อนราวทายทักเมฆ
จะมีหอระฆัง และพระพุทธรูป
ให้กราบไหว้อธิษฐานจิต

มีลั่นทมขาวออกดอกพราวไปทั้งต้นบนชะง่อนผางาม
ส่งกลิ่นหวานเศร้า  อบร่ำให้ใจ นิ่ง เยือกเย็นล้ำลึก
อวลมากับสายลมเย็น  กับบรรยากาศ 
เงีบบงาม  ที่รายล้อม
ราวกับว่า..
ธรรมชาติจำลองฝันสวรรค์ลามาฝากหล้าเยือนโลก
มาให้คุณเลิกโศกแสนภูมิใจว่า
ได้หลงรักผู้หญิงดิบดิน
ที่เกิดมากับไพรพงมีชีวินแสนงามง่ายไร้แสงสี



หากทว่า
มีธรรมชาติงามกว่าดงเมืองเสียเป็นไหนๆ
ค่าที่มีงามไพรงามทะเลพร้อม
และได้หลอมละลายให้ดวงดอกจิต
มีแต่คิดดีคิดได้คิดให้คิดชอบประกอบไป
ตามความงามงดที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้มา

ให้รู้ค่านวลเนื้อดินนวลเนื้อใจไม่ฟุ้งเพ้อทะเยอทะยาน
ไปตามโลกศิวิไลซ์แบบหลงทางห่างธรรม
ราวคอยย้ำเตือนตนให้รู้วางกมลลงบนดินมิถวิลวัตถุใด
นอกจากเพียงเพียรพาจิตใสลอยเหนือโลกลบโศกครวญ
มิหวนวนคืนมารับวงกรรมย้ำรอยเดิม
เพิ่มทุกข์ทนอีกต่อไป...



.........
คนดี...
สองเราขับรถไปเรื่อยๆกับดวงใจที่แสนสงบงาม
ในท่ามกลางบรรยากาศริมนาข้าวขจี
ที่สองฟากฝั่ง
ยังมีดวงดอกชมพูพันทิพย์กรายฟ้อนอ้อนกลีบม่วงบางเบา
ยังมีดอกเสลาดอกคูนบานสะพรั่ง
ยังมีความหลังแห่งเงางามอดีตเมืองเก่ารอเราไปสัมผัส


คนดี
วันนั้น
ดูคุณเศร้าๆราวดวงใจมีเรื่องสำคัญให้คิดมาก
เหมือนรอจะพูดอะไรบางอย่าง
ไม่ช่างเล่นช่างเล่าอย่างเคย



พอถึงวัด..
คุณจูงมือฤทัยเข้าสู่ วิหาร  
พาฤทัยไปกราบพระประธาน
ด้วยดอกบัวสีขาวพราวพิสุทธิ์
และ..
เราสองก้มลงกราบพร้อมกัน
นะเบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธ
ที่ทอดสายตามองเราอย่างเมตตาเอ็นดู 

น้ำมันหอมที่ใช้บูชาพระส่งกลิ่นหอมหวาน 
คุณอธิษฐานขอประทานอนุญาตจากพระพุทธองค์ 
ใช้ปลายนิ้วแตะแผ่วเบา 
ก่อน..แต้มลง กึ่งกลางนลาฏของฤทัย  
เป็นเครื่องหมาย  เป็นสัญญลักษณ์ 

แล้ว
กระซิบบอกฤทัยว่า 
หากฤทัยไปเกิดภพภูมิใดก็ตาม  ขอพุทธบารมี 
โปรดคุ้มครองและนำความสุขกายสุขใจมาให้นิรันดร 



และ
บอกให้*ฤทัย*อธิษฐานตามคุณจะได้ไหม
ว่า*หากกายและลมปราณของเราได้แตกดับไปแล้ว 
ณ ภพนี้   เมื่อวันนั้นมาถึงเราจะไม่เสียใจ 

เพราะความพลัดพราก หรือ มรณา
 เป็นสิ่งที่ สรรพชีวิตไม่อาจฝืนลิขิตได้ 
หากเราทำใจน้อมรับ 
ยอมรับธรรมชาตินี้ไว้ ค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ 
เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึง  ความสะเทือนใจจะไม่มี



และสำหรับเราจะจากก็แต่เพียงกาย   
จิตเราไม่ได้จากไปไหน 
จิตไม่มีวันแตกดับ หรือ สลาย  
จิตจะดูแลกันและกัน
และวันหนึ่งเราจะได้พบกัน 
เป็นการพบกันครั้งที่สองในอีกภพภูมิหนึ่ง 



บุญทุกอย่าง บารมีที่เราบำเพ็ญ 
ขอฝากกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้กัน
ให้จดจำรักนิรันดร์แห่งใจสองดวง   
ให้ ติดตัว ไปทุกๆชาติ 
และ .. คุ้มครองเราสองให้มีความสุข ด้วยเทอญ..



และนี่แหละ
ที่ทำให้ฤทัยยิ่งงงงัน
ถามคุณว่ามีอะไรในใจ
เมื่อคุณพามานั่งทอดตา
ดูดวงดอกลั่นทม

ที่กำลังปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
แล้วร่วงลงกลางพื้นพรมห่ม
หอมพร่างระทมทับใจ

คุณบอกว่า..มีเรื่องในใจจะสารภาพ
ก่อนที่จะก้มลงเก็บดอกลั่นทมสีขาวทำ*มงกุฎดอกไม้*
สวมให้กับฤทัยอย่างแสนรักแสนทะนุถนอม



และ
บอกฤทัยว่าให้ขึ้นรถไปดูอะไรกับคุณเสียก่อนจะดีกว่า
แล้ว
คุณก็พาฤทัยมาพบภาพตรงหน้า
ที่ฤทัยยิ่งกว่าฝันไปเสียอีก

คือภาพทุ่งนาร้างไร้
หากติดชายชลริมฝั่งแม่น้ำอยุธยา
ที่มีต้นไม้ที่ตายแล้ว
เหลือเพียงกิ่งก้านแผ่กระจายราวกัลปัลหาสีดำ

หากทว่าเป็นงามแปลกตา
เมื่อมองเห็นความเหว่ว้า
ในทะเลนาแห่งนี้
ที่คงเคยเขียวขจีมีชีวิตชีวามาก่อนหน้า



ที่ฤทัย..พยายามใส่ภาพฝันในหนหลัง
เมื่อเหลียวไปมีกระท่อมไพรเล็กๆน่ารักนัก
ที่หลังคามุงจากที่ดูราวยังสดใหม่ไม่นาน

ใกล้ๆลานดินติดกับรั้วกั้นด้วยผักตำลึงเลื้อยพันพร่าง
มีกอโมก
และ..ดงดอกพุดซ้อนอ้อนหวานอยู่ริมชายคากระท่อม
และ
นั่นมีไก้แจ้ตัวเล็กๆสีสวยมากกำลังแคะไค้ข้าวเปลือก



คุณก็ค่อยๆโอบกระชับพาฤทัยเข้าไปเยือนนะภายใน
ที่บัดนี้ทำให้ฤทัยใจเต้นราวตีกลองเมื่อสายตาค่อยๆชิน
กับทุกสิ่งที่สลัวเลือนรางในม่านแสงสนธยา
ที่ส่องผ่านผนังไม้ไผ่ทอดแสงเงารำไรลงมาราวแสงทอง

ร่างใครบางคนยืนขึ้น
ที่ฤทัยเห็นชัดในนาทีนั้น
ว่าคือร่างเด็กผู้ชายกำยำหากทว่าดวงตาอ่อนโยนใสซื่อ
เขายกมือไหว้ฤทัยอย่างนอบน้อมก่อนก้าวเลยออกไป

ทิ้งให้ฤทัยในดวงตามีคำถาม
ฤทัยจำได้คลับคล้ายคลับคลา
ว่าเคยเห็นหน้าเด็กคนนี้



ก่อนที่คุณจะกล่าวย้ำเตือนความจำอีกทีว่า
จำได้ไหมครับฤทัย..
เจ้า..คนนี้ที่เพื่อนผมว่าความให้แม่เขา
ที่เคยเล่าว่า
ติดคุกเพราะขโมยอาหารในห้างที่เหลือๆแล้วเก็บกลับบ้าน
เพราะความยากจนเพื่อจะให้ลูกๆที่อดอยากได้มีกิน



ผม..ไม่ได้เล่าต่อว่าผมตัดสินใจอุปการะเด็กๆไว้
ไม่อยากให้ฤทัยคนใจดีต้องพลอยมารับภาระทางใจ
ไปกับการตัดสินใจของผมด้วย
และ
ผมเลยมาใช้ที่ตรงนี้
ที่เคยจะเตรียมไว้เป็นเรือนรักยามมาพักผ่อนของสองเรา
ให้กลายมาเป็นบ้านของเด็กๆแล้วละครับ
แล้วให้เขาไปกลับสะดวกโรงเรียนวัดแถวนี้


.
คนดี..
คุณคงพอคิดออกแล้ว
ที่ผมหนีคุณมาบ่อยๆไม่บอก
เพราะเตรียมเอาข้าวปลาอาหารมาให้ครับ
เขาอยู่กันได้ปกครองกันได้ดีทีเดียว
แบบเด็กเคยลำบากมาก่อน



ฤทัย..งงงันและนาทีต่อมา
รู้เพียงว่าหยาดน้ำตาแห่งความภาคภูมิกำลังไหลริน
นี่ไงล่ะคนดีที่ฤทัยเลือกถวิลรักภักดิ์พลี
และ
นี่ไงล่ะคนดีที่ฤทัยไม่เคยเสียใจเลย
กับการที่ได้เกิดมาเพื่อเคียงข้างเป็นนางใจ
ที่จะได้คอยเคียงไหล่ทำความดี
พลีเพื่อสังคมแม้นจะน้อยนิด



คนดี
กุมมือฤทัยแนบแน่น
และพาไปยืนนิ่งริมบึงบัวเคียงชายชล
ดูความสวยสดหลากสีสัน
ของบัวพ้นน้ำที่กำลังไสวชูช่อสงบงาม
ดูความเงียบเยียบเย็นฉ่ำของสายน้ำที่กำลังไหลล่อง
เห็นโบสถ์คร่ำเคียงฝั่งฝันตรงหน้า
ใบระการะยับไหวในท่ามกลางสายลมอ่อนๆอุ่นๆ
แดดรอนรอนอ้อนอัสดง
ที่กำลังไล้โลมไปบนผืนน้ำให้งามอาบไปด้วยสายแสงสีทอง



ฤทัยเห็นสายใจเจ้าพระยาราวหมุนวนตรงหน้า
แต่ทว่าราวโลกหยุดนิ่ง
เมื่อเขาหันมากอดฤทัยแนบแน่นและกระซิบคำ
*แต่งงานกับผมเถอะนะ*คนดี
นี่คือคำขอแต่งงาน
ที่ฤทัยคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดแล้วในชีวิตหนึ่งนี้



เพราะฤทัยรู้จักเขาดี
เขารักผืนดินนาแห่งนี้รักลำน้ำเจ้าพระยา
รักเหว่ว้าโบสถ์คร่ำ
รักลำนำแห่งความเหงาเงียบงามใจ
รักชีวิตไพรพงที่เคยพร่ำบอก

อยากมีกระท่อมเรือนหอ
ในท่ามกลางดินนานะดินเดิม
แล้วมีฤทัยคอยหุงข้าวใหม่ข้าวหอมใส่บาตรในยามเช้า
ให้เขาที่ชอบเฝ้าเขียนบทกวี
ฟังดนตรีน้ำค้าง
ฟังเสียงดุเหว่าแว่ว
แล้วลงนาไปหาผักปลามาพอกินยังชีพชอบ
ประกอบการงานที่รักอาจจะสอนหนังสือเด็กๆที่ยากไร้..



คนดี..ดวงใจ
แล้วจะให้ฤทัยปฎิเสธคำขอของคุณได้อย่างไรเล่า
แม้นว่าดวงใจฤทัยจะยังไม่ทันคิด..คิดไม่ถึงว่า..
จะได้พบคำซึ้งซึ้งราวจะตรึงให้จิตใส
และ
ราวให้ดวงหฤทัยแสนหวานแทบหยุดเต้น
ในนาทีที่แสนยิ่งใหญ่อย่างนี้



และ
กับใจดวงที่ยังไม่ทันตั้งตัว
ฤทัยเลยเหมือนละเมอตอบไปในอ้อมกอดคุณ
แบบเหมือนฝัน
พึมพำ..ซ้ำๆว่า..*ตกลงค่ะ..ตกลงค่ะคนดี..*



นาทีนั้น
ราวสวรรค์ลอยลงตรงหน้า
ฟ้าเล่นแสงสีเปิดเวทีแสนสวยพร่างพรโปรยพร
ให้คุณอ้อนทั้งโลกและฤทัยพร้อมๆกัน

เราต่างรินร่ำน้ำตาปิติในอ้อมกอดกันและกัน
ด้วยรอวันนี้มาแสนนาน



และ
หวังจะตราบชั่วกาลได้เป็นคู่ใจคู่ธรรมคู่ทอง
ได้ปองสร้างสรรมีพลังทำคุณงามความดี
ได้..
พลีจิตราวเพื่อนธรรมมากกว่าคำคู่ใจ
แค่ได้เคียงไหล่ทำสิ่งงดงามได้ดูแลยามแก่เฒ่า
ได้แบ่งปัน..
ยามเห็นฝันเห็นงามนิยามโลกย์มิดายเดียวเดียวดาย
ก่อนจะเข้าไปสู่ร่มธรรมร่มทอง
พากันลอยล่องสู่ฝั่งฝันพระนิพพาน



คนดี
แต่สิ่งที่ตามมาคือ
คุณบอกว่าก่อนแต่งงานนั้น
คุณได้รับคำสั่งย้ายไปประจำที่ปัตตานี
แดนดินที่ฤทัยรู้ดีว่าแสนจะน่าห่วงใย



หากคุณเฝ้าปลอบใจฤทัยว่า
อย่าคิดมากคนเราเกิดมาชาติหนึ่งตายหนเดียว
และ
เมื่อแผ่นดินนี้ที่ร่มเย็นให้ชีวิต
จงรู้กตัญญูรักผืนดินนี้ที่ให้หยัดยืนมายาวนาน
อย่างสงบสุขสงบงามอย่างยุติธรรม
อย่างมีร่มฉัตรกั้นเกศ
อย่างพิเศษพิสุทธิ์วิสุทธิ์จิต



ที่มีพุทธธรรมส่องกระจ่างนำทางจิต
ดั่งดวงแก้วนิรมิตในร่มเงาพุทธศาสนา
ในร่มฟ้า
ที่มีพระเจ้าแผ่นดิน
ที่ทรงมีทศพิธราชธรรมทรงมีขันติธรรมอันล้ำเลิศ
แผ่ไพศาลเกินคำรำพันรำพึง
ถึงความงดงามแห่งหยาดน้ำพระราชหฤทัย
อันแสนยิ่งใหญ่เหนือโลกย์
เพื่อดับทุกข์ร้อนผ่อนเย็น
ที่เน้นน้ำใจให้รู้รักสามัคคีสอนไทยให้เป็นไท
ให้รู้ค่าคำความพอดีสมถะมานะบากบั่น
ใช้ชีวีเย็นงาม



ในขณะเดียวกันก็ให้ตามโลกให้ทัน
แบบรู้ทันเท่าแบบเข้าใจ 
แบบที่ควรจะหันไปรับได้ในความศิวิไลซ์
แบบไม่จำต้องไปเป็นทาสฟุ้งเฟ้อโลกวัตถุ
ให้รู้ค่าความพอเพียงเพียงพอ
และ



ด้วยการทรงมีพระราชจริยวัตรอันแสนงามงด
เสียสละให้เห็นเป็นแบบอย่าง
ให้ใจไทยทุกดวงได้รับน้ำค้างพร่างริน
จากน้ำพระราชหฤทัยอันใสเย็น
ราวหยาดฝนราวรวงเพชร



ที่ทรงไม่เคยท้อถอย
ได้ทรงใช้สมองสองมือเพียรสร้างโลก
และ
หวังให้..
ลูกหลานไทยให้สามัคคีปรองดองอย่างฉันท์พี่น้อง
ไม่ว่าชาติศาสนาใด
เมื่อพร้อมใจมารวมกันเราอยู่บนผืนดินเดียวแล้ว
ให้ก้าวเดินไปด้วยกัน
ในผืนดินแก้วอันร่มเย็นแห่งขวานทอง



ให้ทุกศาสนาปรองดองกันเพื่อที่จะสอนให้ทุกคนเป็นคนดี
ที่จะพากันส่องนำทางน้อมนำใจไปในทิศทางที่ดีเดียวกัน
ไม่มีชนชั้นมากั้นกีดขวาง
ที่แสนจะน่าภาคภูมิใจยามได้หยัดร่างดำรงคงเอกราชไว้
ให้ยังเงยหน้าได้ว่าเราคือไทยหัวใจทอง.....
.........................




รออ่านตอนต่อไปเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกของเรานะคะ
มาช่วยกันตั้งชื่อพระเอกดีกว่าไหม				
6 สิงหาคม 2549 23:01 น.

ราตรีคลี่ดาวใจ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html
(เธออยู่ไหน)


ใน...ราตรีหนึ่ง
ไพลนั่งดายเดียวเดียวดาย
ดูไฟพริบพราวบนตึกสูง..สูงลิ่ว 
กับลมหนาวละลิ่วละล่องมาปะทะร่างราน.... 
แลละลิบลงเบื้องล่าง แลรายรอบราวเมืองสวรรค์ฝันสับสน.. 
กับชีวิตผู้คน..อลวนอลเวง..ในเมืองลวง และ..
รอดาวนำทางใจศรัทธาใจดวงไกล
ที่กำลังลอยละลิ่วปลิวด้วยลมรักลอยมาหา
มาปลอบประโลมใจ
ยามที่ไพลราวธุลีเล็กนิดเดียว 
ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้


ที่ไพลเฝ้าเพียรแต่สงสัย ถามใจตัวเองว่า..
จะมอบนิยามใดให้แก่โลกใบนี้ดี..ละหนอ ละหนา
ที่มีทั้ง ดิ้นรนเหว่ว้าสับสนต่อสู้ 
สุขแสนสุขในบางมุมของโลก
และโศกแสนโศกโลกแทบสะเทือนไหวในบางชีวาชีวิต
ที่ถูกลิขิตไปตามกาลไปตามแกน

ความงามซ่อนอยู่มากมาย 
ความชั่วร้ายก็ซ่อนอยู่มากมี
สุดแต่ใจเรานี้จะไขว่คว้าและ
ชะตากรรมนำพาหมุนวนให้ไปพานพบกับสิ่งใด

บางวันสุขล้นหัวใจอยู่ดีดี..
พออีกนาทีต้องมานั่งเศร้าดายเดียวลำพัง
น้ำตาพร่างพลันพรู
ร้างไร้ผู้ใดรู้เห็น....
โอ้ช่างไฉนเลย  สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ลา สวรรค์ปิด

........


ไพลจึงพลันคิด..
ฝันใฝ่
ใส่จินตนาการงาม..ให้..เมืองมลังเมลือง 
เบื้องล่างนั้น
คือเมืองสวรรค์ในฝัน....


ที่มีแม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน 
มีม่านหมอกราวสายไหม 
มีดวงดอกไม้หวานแอร่มแต้มไพรระดะดวง
มีเส้นทางสายงามทอดทาบราวอาบทองทา 
นำพาไปสู่ป่าหิมพานต์ 

ณ.แดนดินแห่งมนต์ขลัง 
เป็นป่างามสะพรั่งพรรณตระการตา 
มีดวงดาราพร่างดาระดาดกระพริบพราว 
มืทางช้างเผือกงามอะคร้าว
ราวรุ้งเรียวรอรับร่างขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
เสกรวงดาวหว่านพราวพร่างพรมห่มให้โลกงามเลยค่ะ.. 

ไพล..พรรณนายากจังเลย 
หากวาดเป็นภาพออกมาได้คงดีนะคะ.... .


*หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้ 
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ 
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ 
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์...*


ไพล.. ใส่เสื้อหนาวชาวเขา 
ออกมานั่งรอดูดวงดาวแห่งศรัทธารัก 
หวังจักโชนแสงส่องมาปลอบประโลมใจ ในยามเหว่ว้า 

และดาวในดวงชีวาก็พลันส่องกระจ่างกลางใจ
ดาวประจำใจดาวประจำเมือง..แห่งรักเราสอง
รอหัวใจไพลลอยละล่องติดปีกฝัน 
พลันสู่ไพรพฤกษ์พงเลยค่ะ.


ในฝัน ไพลนุ่งผ้าถุงชาวเขาผืนงาม 
และคลอคล้องร่างห่มพรายให้หนาวคลาย 
ด้วยผ้าไหมทอทอดสอดดิ้นทองสีไพล.. 
และ 
บนภูผาสีเงิน ที่ใกล้แสนใกล้ 
ราวเอื้อมมือคว้าดาวสุกใสเอามาใส่อุ้งมือได้ 
ไพลมีเขาคนนั้นยืนนิ่ง 
ให้พิงไหล่อยู่ในอ้อมโอบอ้อมอกอุ่นละมุนหอมหอมหอม 
ทั้งกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร.
และกลิ่นอุ่นไอไออุ่นจากอ้อมอกแนบละมุนละไม..
ไปถึงหัวอกหัวใจให้หนาวคลาย..ให้คลายหนาว



และใครคนนั้นพลันชี้ชวน 
ให้ไพลชมทางช้างเผือก

ไพลกระซิบขออธิษฐานใจ.... 
ใครละหนอ ใครกันละนี่ ที่จะได้รับรู้รับทราบ
หรือ.. 
อาจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินได้ฟัง.. 

พระเอกในฝันในใจ
หรือมีเพียงใจดวงเศร้าร้าวไหวของไพลได้ยินคำดายเดียวลำพัง.. .

  

ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..

ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!.

................


ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว 
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน 
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน 
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร... 

เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง 
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว 
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ 
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม... 


ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว 
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม 
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม 
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ.... 

ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์ 
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว 
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ 
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม
.................. 



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html

เธออยู่ไหน 

ญใครคนนั้น ที่ ฉัน ฝันถึงเขา
ใครคนนั้น ยิ้มเศร้าเศร้า เขาอยู่ไหน
ใครคนนั้น ที่ฉันรัก เหมือน ดวงใจ
อยู่ที่ไหน นะจันทร์ ฉัน หลงคอย
ชอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ หรอกขวัญ จิต
โปรดจงคิด ถึง กัน สักวันละหน่อย
อาจแทรกอยู่ กับน้ำค้างตาม ดาวลอย
อาจจะยิ้ม อย่างละห้อย คอยสัมพันธ์
ญเธออยู่ไหน
ชฉันอยู่นี่ ที่รัก จ๋า
ญเธออยู่ไหน ชในดาราคือตาฉัน
ญเธออยู่ไหน ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ
ชที่กลางใจ เธอ นั้น คือฉันเอย
ญเธออยู่ไหน
ชฉันอยู่นี่ ที่รัก จ๋า
ญเธออยู่ไหน ชในดาราคือตาฉัน
ญเธออยู่ไหน ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ
ชที่กลางใจ เธอนั้น คือ ฉัน เอย... 
 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด