25 มิถุนายน 2549 09:06 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน
ในราตรี..มืดหม่น
ฤดี..นอนซุกตัวในเตียงโบราณ
ฟัง...
เสียงพายุฝนนอกหน้าต่างกำลังขับขานบทเพลงฝัน....
ในท่ามราตรี...
ที่ไร้สิ้นแสงจันทร์แลแสงดาวรำไรรำไร
มีเพียงบทเพลงฝน..หล่น..กราว..กราว
ให้หนาวใจ....
พร้อมเสียง..พราวพร่างเริงร่ายระบำ
ของมวลดวงดอกไม้ใบรับละออละอองหยาดฝนพรำ
เสียง..ที่กมลนวลนวลของฤดีรักที่จะฟัง
ทุกลีลาปีศาจวสันต์มาเยี่ยมกราย..มาทายทัก..
จน..
นับนึกไม่ถ้วนว่ากี่วันเดือนปีเข้าไปแล้ว
ดวงดอกแก้วผลิช่อดอกในปุ่มปมเขียวไพล
เขียวใบตองอ่อนยังระบัดโบกพัดโยกไกวสะบัดสะบิ้ง
ราวสไบนางฟ้าไปตามแรงลม..
การะเวกยังให้หอมห่มใจละไมละมุน
กรุ่นกลิ่นอวลตรลบมา
จำปี..ยังบานทายท้าสายลมแรงแสงแดดกล้า
ท้าให้คนอยากดอมดม..ดมดมหอมหอม..หวาน
พุดซ้อนอรชร
ยังค่อยค่อยคลี่กลีบเผยอแย้มบาน
อวดกลิ่นเกสรแสนหวานซ่อนสวาทหวามเสน่หา
มนตราลีลาวดี ยังมิมีวันเสื่อมคลาย
ยังทายทักใจคนเศร้าทุกเช้าค่ำ
ระร่ำรินโมกกอ..
ค้อมดวงดอกพราวพ้อ..ดินเดิม
ให้เพิ่มเติมต่อรักสักวันละนิดละน้อย
ห้อยย้อยพวงดวงดอกขาวพร่างพราว
เต็มไปทั้งราวกิ่งนวล
เข็มขาว ยังแทงยอด
ราวอยากกระซิบบอก
ถึงความรักอันแสนสัตย์ซื่อถือตรงคงมั่น
มิมีวันแปรเปลี่ยน
กล้วยไม้ไพร
ยังวนเวียนอวดดวงดอกหลากสีสวยสง่า
ราวนางพญาผู้เลอโฉม..
ดงดอกรัก
ที่เจ้าของหลงภักดิ์ไปขุดหน่อมาจากข้างทาง
บัดนี้พร่างตูมตั้งเต่งตึงรอผลิผลึงอวดรักแท้
มิท้อแท้แม้จักพบเพียงระทม...ตรมตรอม...
มากมวลพะยอมกำลังเห่กล่อมให้หอมหอมหอม
แด่เจ้าของวิมานดิน....
แล้ว..
ราวพลันได้ยินบทเพลงแสนงามลอยลมมาในท่าม
ความงามเงียบ..เยียบเย็นหลังฝนหยุดพรำสาย
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน ใหม่เจริญปุระ
เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน
และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา
ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบยบินไปถึงฟ้า
หวังจะไปให้ถึงในซักวัน
กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน
อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า
อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา
แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...
..............
ใจดวงงามลอยล่องท่องไปยังดินแดนแห่งความฝัน
ที่ดวงใจกำลังรอวันจะติดปีกโบยบินไป*กรีซ*
ไปสัมผัสศรีวิไลของอาณาจักรบนเกาะครีต
ไปยืนดูพระราชวังเก่าแก่ที่สุดในยุโรป คโนโซส (Knosos)
ของกษัตริย์ มิโนส (Minos)
ผู้ครองอาณาจักร มิโนน (Minoan)
ไปที่ฮานย่า (Hania)ที่ เป็นเมืองหน้าด่านของเกาะ
ที่มีประวัติศาสตร์การสู้รบยาวนาน
ไปทอดทัศนาดู เมืองเก่าเมืองแก่
ตั้งอยู่ในกำแพงเมืองแบบโบราณ
ที่มีเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี
ไปเดินเท้าในเขตกำแพงเมือง
ที่เป็นตึกสองชั้นหลังเล็กๆแคบๆ
มีถนนแคบๆลัดเลี้ยวขึ้นลง
ดูสถาปัตยกรรมบ้านเรือน
ที่เป็นแบบเวนิเชียน (Venetian)
ไปดูตัวตึกเป็นปูนตกแต่งแบบโบราณ
ที่เป็นตลาดสด
ตลาดที่คงสะท้อนถึงวิถีชีวีชีวิตของผู้คน
ที่เป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์
เหมาะสำหรับการเกษตร
และภูมิประเทศที่แสนงดงาม
ไปนั่งเหว่ว้าทอดตาเดียวดาย
ชมวิวนอกเมือง
เห็น..
สวนมะกอกใบระยิบระยับงามจับตาเต็มทิวทุ่ง
เห็นโบสถ์ไบแซนทีนสมัยเก่า
ตั้งสงบเสงี่ยมกลางสวนส้ม
และ...
ไปนอนฝันหวานเศร้า
ที่เกาะสวาทหาดสวรรค์ Myconos
ทอดใจ...ดูวิวสวยราวสรวงสวรรค์
ดู น้ำทะเลสีฟ้าใส
บ้านในดวงใจที่เป็นสี่เหลี่ยมสีขาวประตูฟ้า
ที่สร้างลดหลั่นตามเชิงเขาเป็นชั้นๆๆ
และ..
................
.........................
ในภวังค์...
อันแสนโอบเอื้อ อ่อนหวาน
ค่อยๆ..ผ่อนลมหายใจรานร้าวเศร้าครอง
ลงอย่างช้าช้า..
แล้ว..
หลับตา....ฝัน..ฝัน ..ฝัน
ให้ในสนิทนิทรานั้น...
พลัน..ดวงใจ
พร้อมขยับปีก..อิสรา..โบยบิน...โบยบิน...
..............
24 มิถุนายน 2549 14:18 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก
ฝนกำลังปรอยสาย ปรอยสาย
ใบไม้ไหวตามแรงลม
ไพล..นอนซมระทมด้วยพิษไข้
ที่เรือนใบไม้เรือนจำปี
กับฟ้าที่แสนหม่นมัวหม่นมัวด้วยหมอกเมฆ
เห็นเครื่องบิน..บินไปในเวิ้งฟ้าสลัว
ใจไพลยิ่งหม่นมัวพอกัน..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4668.html
ฝนซาน้ำตาซึม สุนารี ราชสีมา
ฝนปลายปี เริ่ม ซา เหลือบแลฟ้า
คราใดดวงใจ เศร้า หมอง
หยาดน้ำตา เอ่อซึม เปื้อนปราง ทั้งสอง
ความหม่นหมอง ย่ำ ยี หัว ใจ
ฝนซาน้ำตาซึม เศร้า แสน เปลี่ยวใจแสน
เมื่อแฟนแรมร้าง ห่างหาย
อกระทวยด้วยความระทมข่มใจ
ทำไม๊ ทำไม ไปลับเลย
เมื่อ แฟน อำ ลา อา ลัย
ไฉน พี่จึงเงียบไปเฉย ๆ
ไม่คิดถึงวันผ่านมา ฝนจากฟ้า
ฟ้ายังสั่งเลย พ่อทรามเชย ไม่เอ่ย ลา
ฝนซาน้ำตาซึม โศกศัลย์
โอ้ จอมขวัญ ทำไมจึงลืม สาว นา
ผู้รอคอย ละห้อย หัว ใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม
เมื่อ แฟน อำ ลา อา ลัย
ไฉน พี่จึงเงียบไปเฉย ๆ
ไม่คิดถึงวันผ่านมา ฝนจากฟ้าฟ้ายังสั่งเลย
พ่อทรามเชย ไม่เอ่ย ลา
ฝน ซาน้ำตาซึม โศกศัลย์
โอ้ จอมขวัญ ทำไมจึงลืม สาว นา
ผู้รอคอย ละห้อย หัว ใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม
ผู้รอคอย ละห้อย หัวใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม...
..................
ติดปีกฝัน ให้ใจดวงน้อยสิ้นพันธนา
โผไปบนฟ้า
จะไปไหนดี หากชีวีเป็นดั่งนกน้อยพเนจร
คงราวขมิ้นเหลืองอ่อน
ใครจะให้รังนอนโอบเอื้ออุ่น
ใครนะใคร
เรือนรังใจใครหนอ ยินดีจะรอรับ
ให้พักพิง
น้ำตารินเดียวดาย เดียวดาย
มลาย...หมายหา...ไม่มี..ไม่มี...
ฤดีร่าง..รอน รอน
คง..เปียกปอนเหน็บหนาวในท่ามเวิ้งฟ้าฝัน
แล้ว...พลัน..หมดสิ้นพลัง สิ้นแรง
ค่อยๆ...ร่วงหล่นเคว้งคว้างอย่างช้าช้า..ช้าช้า
เพียงรอ..รอ..รอ
หลับตา.... รอ
นาทีสุดท้าย...หมายได้จูบพสุธา
ก่อนอำลา...
ฟ้าแลดินแลทุกสรรพสิ่ง
อย่างเงียบงาม อย่างนิ่งงัน
อย่างสิ้นไร้อ้อมขวัญอ้อมใจ
อย่างเหว่ว้าดายเดียวเดียวดายในดวงใจ
นะเจ้านวลนางนกไพร นกไพร....พเนจร..
.........................
ฝนปลิดปรอย ใจปลิดปลิว
รู้สึกไม่สบาย..
ก่อนนอนต้องกินยาไปหนึ่งเม็ด
แล้วหลับไป..เปิดม่านหน้าต่างไว้ให้แลลอดเห็นกิ่งจำปีไหวเอน
และไรแสงดาวพราวพร่างฟ้าสาดส่องลงมาเป็นเพื่อนประโลมใจ
จนกว่าจะหลับไหลไปกับฝันคว้างทุกค่ำคืน..
เห็นเครื่องบิน..
ไฟพริบพราวอยู่ไกลๆ ไปไหนกันละหนอ เกาะสมุยละมังนะ..
ยิ่งพาใจเศร้าไปใหญ่ เมื่อคิดถึงใครบางคน
ที่แสนรักเอยแสนรักในกมลที่ยามนี้
อยู่ไกลสุดหล้าขอบฟ้าเขาเขียวเลย..
ก่อนนอน..บนที่นอนจะมีหนังสือกองกระดาษมากมาย
ที่เขียนค้างคาวางรอท่านักอยากจะเขียน
ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ริมหมอน..บางทีคิดอะไรได้จะเด้งดึ๋งขึ้นมา
คว้าปากกาเขียนมืดๆก็เอา กันลืม..
แต่พอตื่นมาอีกทีอ่านไม่ออกไม่รู้ภาษา..อะไร..เฮ้อ!
เช้าตื่นมาฝนตกปรอยๆ...
แปลกดีที่ชอบอากาศชุ่มฉ่ำหอมเศร้าแบบนี้
ที่ทำให้ระลึกถึงสิงคโปร์..
ใจเลยหมองหม่นนิดๆไปกับสายฝนพรำ..
จำปีทิ้งกลีบกระจายเกลื่อนกล่น
พร้อมแก้วราวพรมกลีบดอกไม้..เกลื่อนพื้นพราว
เวลาไม่สบายใจ..เสียใจอะไรจะขยันผิดปกติ
ลากข้าวของมาจัดหางานให้กับชีวิตจะได้ลืมๆไป
ทุกเรื่องราวที่เศร้าหมอง..
เช้านี้ปีนต่อโคมไฟเอง สวยมากเลย
ลายดอกไม้พราวมีผีเสื้อน้อยๆคอยเกาะชิมน้ำหวาน...
เสร็จแล้วเปิดวิทยุ..104.5
ฟังนักร้องบ่นว่าไปไม่ค่อยจะฟังรู้เรื่อง
เอาแค่ประเทืองอารมณ์เป็นพอ
ทรุดตัวนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือประจำ..
เพ่งพิศดูลั่นทมล้อระทมในแววตา
ในแจกันแก้วเจียรนัยข้างขวามือ
ที่เคยได้รับรางวัลจากงานเขียนพิลาสพิไล
ใส่กุหลาบขาวหอมงามจนเต็ม..
มองผ่านหน้าต่างกว้าง..เห็นแมกไม้และท้องฟ้า.
พาให้คิดถึงใครบางคนอีกแล้ว..ที่แสนไกล
ป่านนี้คงกรนครอก ฟี้ ครอกฟี้
มิรู้ร้อนหนาวเศร้าใจ..ด้วยผอมเพรียว..
ไร้สิ้นแรงอ่อนเพลีย..
ฝนปลิบปรอย..ใจเราปลิดปลิว..เคว้งคว้าง
รานร้าวใจกับดวงใจที่เดียวดายว่างเปล่า..
ที่เขามิเคยอยากรับรู้
รับทราบและรับฟัง.....
...............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก
ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา
แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา.
24 มิถุนายน 2549 10:07 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2420.html
วันที่ฟ้าครึ้มฝนพรำ
วันที่ฟ้าฉ่ำไปด้วยหยาดฝนโปรย
ราวโรยด้วยละอองเมฆเทาทึมสลัวเลือนลาง
พรางทุกถิ่นที่..
ให้ราวตกอยู่ในม่านมนต์*เมืองในหมอก*
หากทำไม...
หัวใจดวงเคยช้ำชอกของผม
กลับมีเพียงความฉ่ำกมลเสียจนยากจักรำงับใจ
ด้วย...
วันนี้ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ผู้หญิงที่ฟ้าดินส่งมา..
จักมาปรากฏกายตรงหน้าผมแล้ว...
ผู้หญิงที่ผมเทิดทูนว่าเธอคือนางแก้วนางใจของผม
*เพียงหนึ่งเดียว*....
คนดี..
คุณจะรู้บ้างไหม
ว่าเลือดในกายผมกำลังฉีดพล่าน
ด้วยแรงรักแรงหวังหวาน
ราวมี..*ธารน้ำผึ้งเกษมสาย*คอยซ่านซึมให้สุขเกินสุข
คนดี..ผม..นอนคิดไม่ออก บอกไม่ได้ว่าจะทำฉันท์ใดดี
กับ...นาทีแรกที่เราพบกัน
กับ...ความฝันที่ผม..รอคอยมาแสนนาน
ผม..อยากแสดงออกมากมายให้คุณได้รับรู้
ถึงทุกสิ่งที่อยู่ในตัวผม
พลังแห่งความพิสวาทหวามเสน่หา
มนตรา... ที่อยากแนบชิดสนิทนวลสนิทในร่างคุณ
ที่คงกรุ่นหอมราวมวลดวงดอกไม้ไทย..
ที่ค่อยๆกรายกลีบกลิ่นเกสรแสนหวาน
ปานรอภู่ผึ้งภุมรินทร์ให้บินลง
ไปคลุกเคล้าดอมดม เชยชมเชยชิดด้วยรักแสนรัก
คนดี....
ฟ้าที่นี่ กับฝนพราว
ผมยังนอนหนาวนิ่ง
ในที่นอนนวลนุ่มหมอนมุ้งขาวในขนำนา
กับความตื่นเต้นรอคอย รับ นับนาทีแสนยิ่งใหญ่นี้
ที่..
ผม..รอรอรอ...ปาฏิหารย์มานานแสนนาน
ปานชั่วกาลกัปป์กัลป์เลยทีเดียว
คนดี...
รู้ไหม ใครๆแปลกใจ..ที่ผู้ชายชาติไพร หัวใจทรนง
กลับเผลอยิ้มกับต้นไม้ใบหญ้า
กับฟ้าฝนกับลมบน
กับเมฆนวลกับอวลดวงดอกไม้หอมหอม
ที่อยากน้อมพลีทุกดอกดวงมากำนัลแด่คุณ
ด้วย..
ความสุขที่แสนอวลอุ่น
กรุ่นด้วยความหวานล้ำดำดื่มอยู่ณ..บ้านภายใน
จากใจดวงที่เคยรานเคยร้าว
เคยเศร้าหม่นทนเหน็บหนาว มานานปี
ใจดวงที่เคยปิดบ้านภายใน
ไม่เคยคิดหวามไหวคะนึงครวญหวนหาใครอีกเลย
หากทว่าทำไม..ณ..บัดนี้..
กลับเริ่มเต้นถี่ด้วยแรงฤทธิ์พิสวาท
ที่ผม..ถือว่าแสนสะอาดพิเศษพิสุทธิ์เกินจะหยุดได้ลง
คนดี..
ผม...เฝ้าคอยคอย คอย และคอย ใครสักคน
มาป้อนปรน มาปันน้ำใจ
มาหยิบยื่นให้ผมได้มีพลังใจไฟฝัน
มีพลังรักได้สรรสร้างสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่นัก
เพื่อพลีให้ผืนแผ่นดินนี้
ที่คือรักเหนือรักใดในโลกหล้า
จำได้ไหม..
ผมเคยกระซิบบอกกับคุณว่า
รักของผม ที่เกินกว่ารักใด คือรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
และ...
คือรักหัวใจคนที่จักเข้าใจว่าคนเราเกิดมาเพื่อสิ่งใด
ผม..จึงมิเคยคาดหวัง
ว่า...
จักได้พบ*หญิงใด*
ที่เข้าใจใน*ความฝันอันสูงสุด*ของผม
เข้าใจอุดมการณ์แห่งคำว่าชายชาติไพร
ที่..ยอมเททุ่มใจเพื่อผองชนคนยากไร้
ให้มีชีวิตที่ดีกว่า..
ก่อนที่ตะวันแห่งดวงชีวาผมจะลาลับดับไป
ทิ้งเพียงแสงสว่างไสว แม้นสักนิดน้อย
ให้กับผู้ด้อยโอกาส คนชายขอบ ชายเขา
คนที่...เราทุกคน..ลืม..หันไปมอง....
คนดี...
อีกไม่กี่นาที ผมจะทำฉันท์ใด
เมื่อหัวใจเราสองดวง
กำลังจะได้ยินเสียงเต้นของกันและกัน..
ภายในอ้อมกอดอ้อมฝันที่กำลังจะเป็นจริง
ให้..
โลกแลทุกสรรพสิ่ง....
ต่างหยุดนิ่งหยุดหมุนเฝ้ามอง
*ปาฏิหารย์แห่งรักมหัศจรรย์แห่งรอนี้*
ที่...ฟ้าดิน
คงพร้อมพลีอวยพรให้แด่สองเรา.....แล้วนะยอดรัก...
......................
คอยติดตามตอนต่อไป
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2420.html
เกิด มาชาตินี้ ด้วยศักดิ์ศรี อันยิ่งใหญ่
กลับต้องปราชัย ถูกปองร้าย หักหลัง
เปลี่ยนทางชีวิต ให้อับจน หมดหนทาง
ต้องจากบัลลังก์ เร่ร่อนมา
อยู่ ถึงแห่งไหน ยังถูกภัยคอยคุกคาม
จนต้องซมซาน ยังไม่มี จุดหมาย
ชาติกำเนิดชีวิต ต้องคอยปิดบังไว้
คอยวันที่เลวร้าย นั้นพ้นผ่าน
ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปาง กลางคลื่นลม
เหมือน พายุ ที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวัง ใครสักคน คอยให้กำลังใจ
ให้สู้ ฝ่าฟัน เรื่อยมา
จาก ผู้หลบหนี แทบไม่มี ที่ให้อยู่
สู้ มาด้วยมือ และใจ เท่านั้น
สร้าง สิ่งที่หวัง ให้กลับจริง ขึ้นทุกวัน
จนได้พานพบ วันที่ดี
เมื่อ ถึงวันนี้ วันที่คอย มาแสนนาน
วันที่เปิดเผย ชีวิตจริง ที่มี
ขอคนหนึ่งเท่านั้น เคียงข้างกันอยู่อย่างนี้
คือ วันนี้ ที่รอคอย
ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปางกลางคลื่นลม
เหมือนพายุที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวังใครสักคน คอยให้กำลังใจ
ให้สู้ ฝ่าฟัน เรื่อยมา
ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปางกลางคลื่นลม
เหมือน พายุที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวัง ใครสักคน คอยให้กำลังใจ
จนถึง วันนี้ ที่รอคอย...
23 มิถุนายน 2549 07:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1112.html
(ได้รักเธอก็พอ)
อรุณรุ่งรับอุษาพร่างน้ำค้างใส
คลี่กลีบใจฟังเพลงลูกทุ่งรอรุ่งฝัน
หอมดอกไม้ช่อมาลีมะลิวัลย์
น้ำตาจันทร์น้ำตาใจไยพร่างทรวง..
จูบลั่นทมนิ่มนิ่มเคลียยิ้มเศร้า
แหงนดูดาวฝากคำวอนอ้อนห่วงหวง
ถึงคนดีที่แสนภักดิ์ที่รักรวง
อย่าลาล่วงลาลับดับดารา..
ดอกรักซ้อนซ่อนสลดหมดสิ้นรัก
เพียงพุดภักดิ์พุดซ้อนอ้อนเหว่ว้า
กล้วยแตกหน่อละออใสน้ำค้างคา
ราวน้ำตาเจ้าของหลงครองราน..
เล็บมือนางวันนี้ไม่มีดอก
ราวช้ำชอกราร่วงปลิดกลีบหวาน
เลิกร่ายฟ้อนอ้อนดวงใจตราบชั่วกาล
ขอริดรานรัดร้อยสร้อยโซ่ใจ...
มะม่วงหม่นทิ้งผลให้กระรอก
กลับแตกยอดสอดแซมสีม่วงใส
เหมือนชีวีชีวิตรอปลิดใจ
ทิ้งอาลัยไหวซอนซบจบพสุธา..
จำปีพราวขาวนวลทุกราวกิ่ง
นกเขานิ่งขันก้องร้องครวญหา
ดอกไม้ไพรไหวกิ่งฝันพราวพนา
ดอกเหว่ว้าไยบานเศร้ายามเช้านี้..
ค่อยค่อยจูบพุดซ้อนอ้อนอ่อนหวาน
จูบใจรานภายในใจร้าวนี้
ฝากอ้อมกอดคลึงเคล้าเจ้าคนดี
ค่อยค่อยคลี่ใจห่มอุ่นลมรัก..
ฝากเมฆนวลยวนเย้าเล้าโลมร่าง
ฝากอ้างว้างกลางใจแทนเพ้อภักดิ์
ฝากฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมพร้อมพลีรัก
เป็นแน่นหนักมั่นคงซื่อตรงใจไปชั่วกาล..
********************
ตื่นมาตีห้าค่ะ ตีห้า ยามฟ้าสาง
ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม
พรมพร่างใจราวไพรพนา..
ได้ยินเสียงนกกา จุ๊บจิ๊บๆ กระซิบกระซาบ
พร้อมพรากรังรวง..
ฟัง..มนต์เพลงฝัน..ลูกทุ๊ง..ลุกทุ่ง รับอรุณรุ่ง..หอมงาม
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4668.html
ฝนซาน้ำตาซึม ...สุนารี ราชสีมา
ฝนปลายปี เริ่ม ซา เหลือบแลฟ้า
คราใดดวงใจ เศร้า หมอง
หยาดน้ำตา เอ่อซึม เปื้อนปราง ทั้งสอง
ความหม่นหมอง ย่ำ ยี หัว ใจ
ฝนซาน้ำตาซึม เศร้า แสน เปลี่ยวใจแสน
เมื่อแฟนแรมร้าง ห่างหาย
อกระทวยด้วยความระทมข่มใจ
ทำไม๊ ทำไม ไปลับเลย
เมื่อ แฟน อำ ลา อา ลัย
ไฉน พี่จึงเงียบไปเฉย ๆ
ไม่คิดถึงวันผ่านมา ฝนจากฟ้า
ฟ้ายังสั่งเลย พ่อทรามเชย ไม่เอ่ย ลา
ฝนซาน้ำตาซึม โศกศัลย์
โอ้ จอมขวัญ ทำไมจึงลืม สาว นา
ผู้รอคอย ละห้อย หัว ใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม
เมื่อ แฟน อำ ลา อา ลัย
ไฉน พี่จึงเงียบไปเฉย ๆ
ไม่คิดถึงวันผ่านมา ฝนจากฟ้าฟ้ายังสั่งเลย
พ่อทรามเชย ไม่เอ่ย ลา
ฝน ซาน้ำตาซึม โศกศัลย์
โอ้ จอมขวัญ ทำไมจึงลืม สาว นา
ผู้รอคอย ละห้อย หัว ใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม
ผู้รอคอย ละห้อย หัวใจ หนักหนา
สาย ฝนซา น้ำ ตา ซึม...
********
อาบน้ำให้ต้นไม้..ดวงดอกไม้ไทยรายรอบบ้าน
ที่กำลังเอนอ่อนไหวหวานคลี่บาน
เริงร่ายระบำราวรับสายฝนพรำพรม
ที่เจ้าของเทใจดวงงาม เทียบใจ
ทำเทียมให้..พร่างใสหยาดสายหวานหว่านรินรด..
แหงนดู..ดาวประกายพฤกษ์ ยังพริบพราย
ยังยิ้มหวานเศร้า ปลุกปลอบใจซึ้ง
ที่ยังโหยหาคะนึงครวญ คำคน คำใคร
คำหวานใดคำลวงลวงบ่วงเสน่หา..
ที่เคยกระซิบว่าขอฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว..
น้ำตาพราวซึมซึ้ง จากก้นบึ้งดวงใจดื่มด่ำ
เงยหน้ารอรับจูบจากจันทร์
หากฝันคว้างร้างไร้รอยใดรอยใจรอยใคร
ไม่เป็นไรนะใจนะจันทร์นะขวัญเจ้านะดาวดวง..
********
ไฉนฉะนั้น..
พลันอย่าช้า
ก้มลงจูบอ้อยอิ่งรินร่ำดวงดอกลั่นทมเสียเองดีกว่า
ฝากเหว่ว้าระทมทับทุกราวกิ่งนวลพราวแทนราวร้าวใจ..
นกเขาไพรกำลังไกวกิ่งจำปีฝันขันก้อง
กลางกอละออดอกดก
มวลมาลี ไหวพร่างราวร่างไห้หวน
ครวญเคล้าคลุกปลุกอุษาใจ
มะม่วง แตกยอด ใบเขียวอ่อน สอดแซมซ้อน
สีทองอมพร่างสว่างใส..
รอ..เรียวแดดละมุนละไมทอทอดลอดลายใบ..
ให้คลี่ไหวงามเติบต่อตามกาล..ตามกรรม.
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1112.html
ฉัน ไม่รู้ ฉัน ไม่รู้
ว่าจะอยู่ อย่างไร
แต่ ที่รู้ และไม่เคย สงสัย
อยู่ที่ไหน ต้องมีเธอ
เคย ได้รู้ เคย ได้รัก
แต่เพิ่งประจักษ์ ใจฉัน
ว่า ความรัก
ที่ได้เคย รู้นั้น
ไม่เหมือนที่ฉัน ได้รักเธอ
ฉัน ไม่รู้
ชีวิต เกิดมา เพื่อใคร
แต่ ที่รู้
ต้องอยู่ ต่อไป เพื่อเธอ
จาก วันนี้
ตราบที่ ฉันยัง หายใจ
ต้องเจ็บ ปวดเท่าใด
ก็ยัง รักเธอ เสมอ
ถึง พรุ่งนี้ เป็น อย่างไร
ฉันเต็มใจ ยอมรับ
ไม่ เป็นไร
แค่เพียงยัง มีเธอ
ให้ฉัน ได้รัก ก็พอ
ฉัน ไม่รู้
ชีวิต เกิดมา เพื่อใคร
แต่ ที่รู้
ต้องอยู่ ต่อไป เพื่อเธอ
จาก วันนี้
ตราบที่ ฉันยัง หายใจ
ต้องเจ็บ ปวดเท่าใด
ก็ยัง รักเธอ เสมอ
ถึง พรุ่งนี้ เป็น อย่างไร
ฉันเต็มใจ ยอมรับ
ไม่ เป็นไร
แค่เพียงยัง มีเธอ
ให้ฉัน ได้รัก ก็พอ...
22 มิถุนายน 2549 17:09 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song138.html
(ที่รัก..ที่รัก)
.............
ตะวันชิงพลบ....
ใกล้อำลาฟากฟ้าแล้ว...
เหนือ..ฝั่งฝันริมธารสวรรค์*เจ้าพระยา*
เสียงสายธาราค่อยๆไหลล่อง
เซาะไซร้ชายฝั่ง ร่ำลาราวมโหรีธรรมชาติ
ที่ช่างหมดจดสดชื่น
พาให้แสนระรื่นระร่ำฉ่ำใจเสียไม่มี
หญิงหนึ่งในชุดไทยเรีอนต้นสีชมพูหวานกว่าหวาน
ปานดวงดอกไม้ทั้งหล้าโลก
มาพร่างสีสันให้แสนผ่องพรรณราย
ขับผิวอันงามผุดผาดให้ยิ่งดูพิไลพิลาส
เกินคำรำพึงรำพัน
*เรือนต้นเรือนใจแสนงามงด
เรือนกายปรากฏทุกถิ่นที่
คือเรือนหอมเรือนงามแห่งความดี
เรือนต้นชี้เรือนใจเรือนกายงาม*
............
เธอ..
กำลังนั่งทอดนัยน์ตาลึกล้ำสีอำพัน
อันแสนสงบนิ่ง
ราวทิ้งทุกทุกข์สรรพสิ่งไว้นะภายนอกใจ
เสมือนเธอกำลังพาจิตใสใจดวงงาม
ลอยล่องท่องไปสู่แดนฟ้าไกล
แดน..ที่มีสวรรค์ปาริชาติ
ในเรือข้ามฟากอย่างดายเดียว..
ฟ้าเริ่มแปรสี
เป็น..
นวลนวลส้มส้มอมชมพูฉ่ำฉ่ำก่ำแกมแดง
แฝงพลังรุ่งโรจน์ราวรัศมีสีรุ้งกำลังพุ่งพรายฉายฉาน
ให้ตระการตาตระการใจไปทั่วทั้งพื้นพสุธา..
แล้ว...
ไม่ทันนานช้า..ฟ้าผืนงามนั้นก็พลันเลือนลา..สลาย
กลายเป็นสีเทาทึม ด้วยเมฆฝน พายุลมแรง
ราวกลับมาแฝงสอนสัจจะธรรม
ให้มวลมนุษย์มนาทั้งผืนหล้า
ได้ตระหนักชัดว่า
ธรรม..คือธรรมชาติ อย่าได้หลงยึดมั่นถือมั่น
ในฝันหวาน..ฝันงาม...ฝันรานใด
เพราะไม่ว่าฟ้าฤาว่าใจ จักจบในที่สุดคือ..
ยากจักคงที่คงทน
ไม่..
แม้นสามารถยื้อกมลแลร่าง
จากท่านพญามัจจุราชได้
หากมาตรแม้นถึงคราคราว
ที่กาลเวลาพร่างพัดพามาถึง*เวลานาทีสุดท้ายแห่งเรา*
ให้..
ลมหายใจแสนสั้นวันแสนเหงา
ได้ค่อยๆผ่อนเพลาระริบหรี่ระริบหรี่
ดั่ง..แสงเทียนแห่งชีพชนม์นี้
ที่จักมอดไส้จำต้องพรายพลัดพราก
จำต้อง...จรจาก
ค่อยๆดับวูบ..ลง..อย่างช้าช้าอย่างเหว่ว้าลำพัง...
กับ..
จิตที่รู้เท่าทัน ไม่ไหวหวั่น
ไม่หลงทาง
ไม่อ้างว้างเหว่ว้า..อาลัยอาวรณ์สรรพสิ่งใด
มีเพียงจิตราวแก้วมณีใสใสประภัสสร
เป็นอาภรณ์เสบียงบุญ
หาก
จำต้องหนุนนำ
ให้กลับมารับวนวงวิบากกรรม
อีกชาติแลอีกชาติ....
ตราบจนกว่า..
สร้อยโซ่กรรมอันแสนร้อยรัดรึง
ดั่งถูกตอกตรึงด้วยพันธนารัก
อันเกินกว่าจักหักห้ามใจได้..
จักขาดผึง..ลง
ด้วย..
ใฝ่บุญ มิมัวหลงทางพาร่างหมุนไปในทะเลโลกย์
พบเพียงโศก สิ้นสุขว่างกระจ่างสว่างสงบสะอาด
ให้เสียชาติเกิด...
หฤทัย..กำลังจะพาร่างใจ
ไปกรานศิระกราบพระพุทธา
วัดใกล้บ้าน ด้วยพลังเคารพศรัทธา
ราวกับว่าไปย้อนรอยถอยหลัง
กลับไป..ในเงาเศร้าแห่งอดีต
วัน..
แห่งมหาวิปโยคโศกทั่วหล้าทั่วฟ้าพุทธชมพูทวีป
วันที่..
พระพุทธองค์กำลังทรงดับขันธ์ปรินิพพาน
วันที่
ไม้สาละทั้งคู่ เผล็ดดอกบานสะพรั่งนอกฤดูกาล
ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระ
ของพระตถาคตเพื่อบูชาพระตถาคต
แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์
ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั้น
ร่วงหล่น โปรยปราย
ลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชาพระตถาคต
แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นทิพย์
ก็ตกลงจากอากาศ
จุณแห่งจันทน์ เหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยัง
พระสรีระของพระตถาคต เพื่อบูชาพระตถาคต
ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่า ก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต
แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาพระตถาคต
.................
และ...
ทุกคราที่หฤทัยมาที่นี่
ราว..
กับมีพลังอะไรบางอย่างกระซิบ
ให้..
เธออยากหยิบจับผ้าถุงสีชมพูสวย
พร้อมเสื้อสีเดียวกัน
อันดูงามเรียบง่ายมาสวมใส่
ใจเธอแค่คิดว่านานๆที่ที่ได้แต่งไทยไปกราบพระ
เพราะเธอรักวิถีวัฒนธรรม
จนอยากธำรงดำรงไทยเอาไว้ทุกวิถีทาง ..
เธอคนดี ...
จึ่งอิ่มเอมนัก ในวันนี้
ที่เป็นวันแสนดีแสนงาม
วันเฉลิมฉลองครองราช60ปีของในหลวง
หลังจากเธอได้ไปร่วมน้อมศิระถวายพระพร
ที่พระที่นั่งอนันต์และ..
พลีพลันหยาดน้ำตาพร่างพรู
พอกับสายฝนพรำด้วยความแสนปิติเกษมใจเอมอิ่มใจ
หลังจากนั้น
เธอก็กลับเข้าบ้านอาบน้ำคลายร้อน
แล้วพาร่างอรชรในชุดไทย
พร้อม..
พวงมาลัยดวงดอกไม้สด
ที่ร้อยรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
เพื่อไปตั้งจิตทิพยอธิษฐาน
สวดมนต์ภาวนานั่งสมาธิ
เพื่อพลีบูชา....
แด่พระพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย
และ
นี่คือที่มาว่าทำไมยามพลบแล้ว
เธอยังมานั่งนิ่งนิ่งทิ้งตาสงบแสนเศร้างาม
ในท่ามริมสายธารธาราทอง*นามเจ้าพระยา*
หฤทัย..ค่อยๆก้าวขึ้นฝั่ง
พร้อมกับกางกั้นร่มคันงาม
จากสายพระพิรุณ
หาก
ทว่าทันทีนั้น..!
มีเรืออีกลำมาเทียบท่า
พาผู้คนพอประมาณมาลงนะที่นี่
ท่ามกลางเสียงฟ้าครืนคราง
ที่..
กำลังหยาดสายพร่างรินมากับพายุลมแรง
และแล้ว..
ราวสวรรค์แกล้ง..ให้เธอคนดี ลื่นเซถลา
เมื่อมีร่างใครบางคนมาปะทะอย่างบังเอิญ
และ..
พลัน...!
พาให้ร่มเธอคันงาม...
พลัดตกลงไปในเวิ้งน้ำเบื้องล่างอย่างไม่ทันระวังระไว
เธอ...เห็น..ใครบางคนพยายามคว้าร่ม
หาก..
ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ก่อนที่..
เขาคนนั้น
*ผู้ชายร่างสูงเพรียว*จะหันมาระล่ำระลักขอโทษเธอ
ตาสบตากัน....
และ..
ราวมีพลังบางสิ่ง..แฝงในนาทีนั้น
ที่ทำให้เธอรู้สึกราวขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
เธอ... จึงรีบยิ้มอย่างอ่อนหวานอย่างมีเมตตา
และ..
บอกกับเขาว่า
*อย่ากังวลเลยค่ะ*ดีกว่าคนตกลงไปนะ
ว่าแล้ว..
เธอก็หัวเราะเบาๆเพื่อ..คลี่คลายบรรยากาศ
*ฉันผิดเองค่ะ *
เขา..กล่าวอย่างสุภาพ
ครับ..
หากผมต้องขออภัยจริงๆ..
พร้อม..นิ่งมองเธอ..ด้วยนัยน์ตาที่เป็นดั่งคำถาม
กับ..
ร่างบอบบางในชุดไทยที่ช่างแสนไฉไลงดงามนัก
หาก..
สิ่งที่เขาพูดออกไปทายทัก..
คือ
*ดูสิคุณเปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว*
เขารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนโตสีขาวสะอาดให้เธอ
ก่อนที่จะกล่าวว่า
เอาไว้เช็ดผมนะครับ*
แล้ว..
ทั้งเขาและเธอก็รีบวิ่งขึ้นมา
ยืนเคียงกันใต้เรือนชานพักที่มีหลังคาคุ้ม
ยืนมองดูดวงดอกพิกุลร่วงพราวเคียงใกล้
และ..
ท่ามกลาง...สายฝน
ที่กำลังพร่างพราว
ราวดอกไม้แสนสวยในผืนน้ำแตกกระจาย
เขาค่อยๆหันมาพินิจมองผู้หญิงที่ยืนชิดเคียงใกล้
แล้วยิ่งหนาวใจ
ผู้หญิงอะไรกันเขานึก
ยังนุ่งผ้าถุงที่มีเชิงชายลายงามราวสาวโบราณย้อนยุค
ไหนจะยังมีใบหน้างามเศร้าราวรูปสลักเสียอีก
เธอ..หันมามองเขาเช่นกัน
หากด้วยคำถามตามมา
คุณจะไปไหนคะ
ฉันเองจะไปกราบพระพุทธไสยาสน์ค่ะ
เตรียมมาลัยดอกไม้ที่ร้อยมาเองด้วยค่ะ
ถ้าคุณไปที่นั่น ฉันจะแบ่งให้คุณพวงหนึ่งนะคะ
เขางงงัน...ใช่แล้วเขาตั้งใจไปกราบพระ
และ..ยิ่งอึ้งอั้นมากขึ้น
เมื่อย้อนรำลึกนึกอะไรขึ้นมาได้
คลับคล้าย...ฉากนี้
*ราวฉากอันแสนบรรเจิดใจในฝันเมื่อคืนนี้
ที่เขาฝันไปว่า....
เขาเดินไปที่ไหนสักแห่ง แล้วมีโบสถ์คร่ำ
ระร่ำรินด้วยดวงดอกไม้ไทยรายรอบ
พร้อมกับในฝันท่ามม่านหมอกสลัวราง
พลาง..มีร่างหนึ่งมาเคียงคู่เกาะกุมมือเขาไว้
พาเดินเข้าไปในโบสถ์นั่น
และ
พบพระพุทธรูปสีทองสุกปลั่งในท่านอนสิริไสยาสน์
ท่ามแสงเทียนทองทอทอดอาบไล้ไปทั่วทั้งผนังโบสถ์
จนดูงามขลังมลังเมลืองไปทั่วทั้งบริเวณ
หากทว่า..
ในฝันเขากลับมองไม่เห็นหน้านาง...
นอกจากพอจำอย่างลางเลือนได้ว่า
นางใส่ชุดไทยสีชมพู
ใช่แล้ว..
สีชมพู อย่างนี้..อย่างนี้ที่แสนดูดีเรียบง่าย
หากในฝันนั้นเขาเห็นเพียงเสี้ยวหน้าซูบ
แถมริมเรียวแก้มทัดแซมด้วยดวงดอกจำปาสี
แล้วนี่...
อะไรกันนะ เมื่อเขาตั้งใจว่า
จะต้องมากราบพระพุทธไสยาสน์
สมัยอยุธยาตอนปลาย ในวิหาร
มาดูภาพจิตรกรรมที่เพดานแปลกตากว่าที่อื่น
เป็นตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย
มาสักการะพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี
พระนนทมุนินทร์ ที่เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลาย
ปางขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในบุษบกแบบมอญ(จองพารา)
สลักโดยฝีมือช่างที่นี่
และ..
ไปกราบพระพุทธรูปหินอ่อน
ซึ่ง ซาง ซิว ซูน ชาวพม่าถวายให้กับรัชกาลที่ 5
หากทว่า
เขากลับมาพบเธอราวนางใจนางในฝัน
และแสนงามล้ำเสียเป็นยิ่งนักแล้ว
เขา...ผ่อนลมหายใจด้วยความตื่นเต้นอย่างช้าช้า
ก่อนหาคำมากล่าวขอบคุณเธอผู้หญิงในละเมอฝัน
ที่พลันจริงในน้ำใจไมตรี
และ..
ค่อยๆบอกเธอว่า*ใช่ครับ
ผมตั้งใจจะมากราบพระ
เพราะว่าที่นี่ใกล้บ้านที่สุดครับ
ผมมาตามหาฝันนะครับ
แล้วเขาก็ตั้งใจสบตาเธอนิ่งนานด้วยรอยยิ้มปริศนา
เพราะ..
หลังจากผ่านนาที
ที่เขานึกย้อนด้วยยินดีตื่นเต้นเสียเป็นนักหนา
เขาก็..กำลังรู้ดีว่า
*เป็นปรารถนาของพรหมชะตาแลฟ้าดินลิขิต*
นิรมิต...
ส่งเธอมา...เพื่อ
เป็น*นางใจนางในฝันของเขา*
ตราบสวรรค์วาย..ชั่วฟ้าดินสลาย..
ตราบชั่วนิจนิรันดร...............
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song138.html
ที่รัก
นานแล้วพี่หลงพะวงมิหน่าย
นานแล้วที่หมาย จะได้ภิรมย์
นานแล้วพี่รักคอยจักชื่นชม
นาน แล้ว รักเพียงลมลม ตรมเช้า ค่ำ
ที่รักนะรักเพราะใจมิกล้า
ที่ช้านะช้า มิกล้าเผยคำ
ที่คิดนะคิด กลัวอกจะช้ำ
เอ่ย คำแล้วเจ้าจะทำให้ช้ำใจ
อย่าเหมือนน้ำค้างพราวพร่างใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่ม กิน ได้
พอ รุ่งสางก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจ ได้แต่ ระทมชีวี
ที่รักนะรักเพราะเทพเสริมส่ง
ที่หลงนะหลง เพราะเจ้า แสนดี
ที่หวงนะหวง เพราะสวยอย่างนี้
กลัว ใครเขามาแย่งพี่ ไป เอย
อย่าเหมือนน้ำค้าง พราวพร่าง ใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่ม กิน ได้
พอ รุ่งสางก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจ ได้แต่ ระทมชีวี
ที่รักนะรักเพราะเทพ เสริมส่ง
ที่หลงนะหลง เพราะเจ้าแสนดี
ที่หวงนะหวง เพราะสวย อย่างนี้
กลัว ใครเขามาแย่งพี่ ไป เอย