26 ธันวาคม 2549 12:18 น.
พุด
สวัสดีปีใหม่พุทธศักราช๒๕๕o
จาก..
ดวงใจพุดไพร..สาวบ้านนา
ถึง...
ทุกดวงใจ..
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
แห่งมิ่งมิตรน้องพี่..ผองเราค่ะ
.......................
ด้วยมิอาจอยู่ใกล้กันวันปีใหม่
จึง..ส่งใจ มามอบให้เป็นของขวัญ
พร้อม..
ขอบคุณปีเก่าให้*เราได้พบกัน(ได้รักกัน)
สำหรับ*ขวัญ*ปีไหนไหน..ไม่ลืมคุณ...ค่ะ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1938.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
บทเพลงหนึ่งมิตรชิดใกล้...กับ..ณ.วันนี้
สายลมหนาวกำลังรำเพยณ..ภายนอกหน้าต่างรถ
ที่ผมกำลังขับอย่างนุ่มนวลด้วยความเร็วพอประมาณ
สู่เส้นทาง
นครชัยศรี เมืองส้มโอหวาน...
หากทว่านาทีนี้
ผมกำลังมีใครบางคนที่หวานกว่าหวานนั่งเคียงข้าง
ให้ผมกุมมือเธออย่างทะนุถนอม...
แม่จอมขวัญ...จอมใจ...ยอดดวงหฤทัยแห่งผม...
ผม..กำลังร้องเพลงนี้พลีให้แด่เธอและฟ้าดิน
เป็นพยานรับรู้รับฟัง
ถึง...
หัวใจอันหลั่งล้นท้นท่วมทวี
ด้วยความสุขของผมเองในรอบหลายสิบปี....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1938.html
หนึ่งมิตรชิดใกล้
ชื่นชีวัน เมื่อฉันและเธอ
ชิดใกล้
แต่ไฉน เธอห่างฉันไป ทุกที
ช่างไม่มี น้ำใจ ใยดี
ต่อไมตรี สัมพันธ์
เริ่มแต่วัน ที่เราคบกัน
คล้ายเพื่อน
แต่ดูเหมือน มีสิ่งเร้าใจ
ไหวหวั่น
ปล่อยให้รุม สุมทรวง นานวัน
เปลี่ยนเป็นฉัน รักเธอ
ไม่ เคย เผย ความ ในใจ
หากวันใด เผยใจ กลัวเก้อ
เฝ้าคอย แต่หลง ละเมอ
ยามเมื่อเธอ ห่างไกล
อยากให้เธอ ได้มองเห็นใจ
ฉันหน่อย
แต่เพียงน้อย คือหนึ่งมิตรเคย
ชิดใกล้
จะคู่ควร เสมอเธอ เพียงใด
สุดแต่ใจ ของเธอ
ไม่ เคย เผย ความ ในใจ
หากวันใด เผยใจ กลัวเก้อ
เฝ้าคอย แต่หลง ละเมอ
ยามเมื่อเธอ ห่างไป
อยากให้เธอ ได้มองเห็นใจ
ฉันหน่อย
แต่เพียงน้อย คือหนึ่งมิตรเคย
ชิดใกล้
จะคู่ควร เสมอเธอ เพียงใด
สุดแต่ใจ ของเธอ...
เธอ...ทัดดอกลั่นทมริมไรผม
ที่กำลังหอมอวลทุกอณูเสน่หา
ให้ผมอยากเพ้อผวาเข้าไปโอบกอดรัดร้อย..
ไล้รอยจูบอย่างแผ่วเบา
ไปตาม...
ปากคอคิ้วคาง...แห่งนางอันเป็นที่รักนะรัก..
แสนรัก..เอยแสนรักในกมล
เดือนเสี้ยวกำลังทอเศร้าบนราวฟ้า
เธอ..ชี้ชวนให้ผมแหงนเงยขึ้นเชยชม
และบอกว่า..
ดูราวเรือสีทองลอยล่อง
ท่องไปในท่ามกลางเรียวเมฆเสกสายแสนหวาน
ปานหยาดน้ำผึ้ง...
สู่ว่ายเวิ้งแดนอนันตกาลแห่งความว่างเปล่า
หาก...ทว่าแสนเงียบงาม
หัวใจผมเต้นตูมตาม..
ราวหนุ่มน้อยแรกรัก แรกนัด
ใน..
ท่ามคืนเงียบสงัดแห่งเส้นทางทองสายชนบท
ที่..
ดูราวกับว่า....
ทอดรับ...ความภักดีจากใจดวงซื่อตรงคงมั่นดั่งศิลานี้..
อย่าง....ไม่มีวันรู้จบ....ไม่ว่ากี่ภพพลี.....!!!!!
...................
ดวงดอกรักบานเต็มลานใจแห่งเราสอง
หวังเคียงครองคู่ขวัญสวรรค์สมัย
ดั่งหนึ่งมิตรชิดใกล้หลอมรวมใจ
สู่ทิพย์ไสวทางช้างเผือก...รอ..ภิรมย์...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ณ.วันนี้
ญ ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป...
23 ธันวาคม 2549 22:54 น.
พุด
http://www.siam2.com/jukebox/pop-player.php?id=1441
Take me to your heart
take me to your soul
Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won't let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat
So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl
[Chorus:]
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true
They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far away
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy take me to your heart
Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don't really comprehend
Don't need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna sing
[Chorus:]
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true
บทเพลงเศร้ามิเคยจบลบลาเลือนจากโลกนี้
ตราบชีวียังมีรักและมีฝัน
บทเพลงเศร้ายังร้าวรอนอ้อนรำพัน
บทเพลงฝันวันเดียวดายไร้คู่ใจ..
บทเพลงเศร้าสอนสุขทุกข์คลุกเคล้า
นัยน์ตาเจ้ามีเงาใจไยหวั่นไหว
ดวงจันทราหยาดหวานสักปานใด
ม่านฝนในแววตาพาหม่นงาม..
บทเพลงเศร้าหลายดวงใจในโลกฝัน
ราวคืนวันคู่กันไปจนไหวหวาม
ทั้งมืดมนปนสุขสันต์ทุกโมงยาม
ทั้งต้องหามดามใจไอซียู..
บทเพลงเศร้าเคล้ากลอนฝันคืนวันนี้
แด่คนดีในดวงใจไร้ใครคู่
มากล่อมขวัญว่าวันหวานยังมีอยู่
ให้รับรู้คู่โลกนี้มีตะวันมีจันทร์งาม..ให้ชื่นใจ..
..........................
คุณ..ผม..จักรยาน..ร้านกาแฟ..แล้วไย..ดวงดอกกาสะลองต้องร้องไห้!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
..............................
เรื่องรักโรแมนติกแสนเศร้ารานร้าวใจของผม
เริ่มต้นณ..ที่นี่...ร้านกาแฟเล็กๆ
ริมถนนสายงามนามห้วยแก้ว
ที่มีมหาวิทยาลัยแสนงาม
นามไพเราะตามชื่อจังหวัดตั้งอยู่
คุณ..
เป็นเจ้าของร้านกาแฟหอมกรุ่นละมุนลิ้น
ส่วนผม..ไม่ได้ชอบดื่มกาแฟ
แต่กลับมาแอบชอบบรรยากาศ
เพื่อมานั่งจินตนาการสร้างงานรักรจนาสวยๆ
ที่ผมชอบระบายเป็นงานคลายเครียดงานอดิเรก
และ
ด้วยอีกเหตุผล
คือมี..คุณคนสวยรวยศิลปเจ้าของร้าน
ที่งามราวดอกกาสะลองของเมืองเวียงพิงค์ดั่งเวียงสวรรค์
ที่ราวจะเพิ่งคลี่แย้มแต้มโลก
ให้หวานระยับจับดวงจิตทุกดวงใจที่แวะมา
แล้ว
ไหนยังจะ
ประดับร้านด้วยภาพศิลปล้านนาที่ผมแสนประทับใจ
และที่แสนสวยงามในใจผมอย่างที่สุด
จนหาคำใดมาเปรียบปานมิได้
ที่ยังมิหมดเพียงนั้น
ยังมีฝันพิลาสพิไลให้ฝันไกลให้ฝันต่อ
เพราะ
ร้านคุณคนดีไม่เคยขาดดอกไม้สด
ทุกทุกวัน
จะงามงดด้วยดวงดอกไม้หวานๆตามฤดีกาล
และ
ผมเดาเอาว่าตามฤดีคุณ..เจ้าของร้านคนสวยด้วยแน่ๆเลย
เพราะ....
ดูจากการที่คุณแต่งตัวแบบสาวโบราณ
ที่ยังนุ่งผ้าซิ่นตีนจกงามละมุน
ห่มพาดสไบสวยคลุมพันทับเสื้อ
และยังเหน็บดอกเอื้องสวยนวยนาด
ราวสาวล้านนาย้อนยุคแสนงามอยู่เลย
และ
ไหนยังจะให้เชยชมชิดดวงดอกไม้ไทยไทย
ที่ทำให้ร้านคุณทั้งสดชื่น
ทั้งหวานหอมกรุ่นด้วยกลิ่นขมกาแฟ
และ
ในขณะเดียวกัน
ก็หวานหอมพลันพร่างด้วยกลิ่นดอกไม้ไพร
ดอกไม้ไทยนานาพันธุ์
ที่มีทั้ง มะลิ พุดซ้อน ลำดวน ลั่นทม แก้ว กุหลาบ
กล้วยไม้ กาสะลอง ชมนาด เล็บมือนาง ..
แต่
ทว่าที่ผมว่างามล้ำงามกว่างามงามเหนืองาม
ใดก็คือคุณนั่นแหละ
ที่
ผมคิดว่างามแบบชวนให้น่าหลงใหลเสน่หา
ราวเอื้องแซะดอกขาวพราวพิสุทธิ์จากยอดดอยดอกงาม
เพราะ
คุณมุ่นมวยผมที่ดูราวเส้นไหมนุ่มงามทุกวัน
และไม่มีสักวันที่ผมแวะมาแล้ว
จะไม่เห็นเรียวหน้ารูปไข่หวานละมุนของคุณ
จะไม่ถูกล้อมให้หอมกรุ่นน่าดอมดมด้วยดวงดอกไม้ริมเรียวแก้ม
หรือหวานหอมล้อมไว้ด้วยมาลัยรัดเกล้า
ราวร้อยเป็นสร้อยเสน่หาบนมวยผมให้ชมชื่นใจ
และในทุกวัน
ผม..จะสั่งชาหวานๆธรรมชาติมาดื่ม
และเช่นกัน
ที่คุณไม่เคยถามราวกับจะจำได้อย่างขึ้นใจ
ใหม่ๆคุณก็แค่แย้มยิ้ม ทักทาย
พอนานวันนานเดือนเข้าคุณก็เริ่มให้ความเป็นกันเอง
ที่ผมคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเอง
ว่าเพราะคุณกลัวจะเสียน้ำใจแขกขาประจำ
ทั้งๆหน้าตาผมก็งั้นๆแหละ
วันที่ผมเริ่มรู้สึกดี
กับคุณ..มากกว่าตานอกที่เห็น
คือวันที่ผมแอบเห็นหยาดน้ำตาคุณพร่างรินไม่สิ้นสาย
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน
นาทีนั้น
ใจดวงละมุนของผมเริ่มละเมียดมากพอ
ให้ผมชักหวั่นไหว
และเริ่มวาบหวามแบบไม่เข้าใจตัวเอง
ที่จะอยากเดินเข้าไป
โอบไหล่ประคองให้คุณซุกซบอกอุ่นผม
เพื่อปลอบประโลมใจและเช็ดหยาดน้ำตาให้
เพราะ
ผมเป็นโรคใจไหวอ่อน วาบหวานอ่อนโยน
หากเห็นน้ำตาของผู้หญิงทั้งโลกที่โศกครวญ
มิใช่แค่เพียงคุณดอกนะ
เพราะผมเคยได้รับการอบรมมาจากคุณแม่ผม
ที่เพียรสอนให้ผมเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเต็มตัว
อย่าได้ไปทำให้ผู้หญิงคนใดหมองมัวมลทิน
จนต้องรินน้ำตาหลั่งราวฟ้าร้องไห้
เพราะ
นั่นคือบาปกรรมราวทรยศกับเพศแม่ผู้อ่อนแอทางใจ
หากไม่จำเป็น
จงพยายามทะนุถนอมใจดวงอ่อนหวานปานเรียวรุ้งยามรัก
อย่าไปทำร้ายหาญหักใจหากไม่รักเธอจริง
วันนั้น..
ผมเพียงแค่ได้แต่คิด และ
แสนเสียดายดวงตางามซึ้ง
ราวหยาดน้ำผึ้งเพชรที่ช้ำหมอง
ที่ผมเห็นราวนางฟ้ากำลังร้องไห้ตรงหน้า
หากไม่กล้าเอื้อนเอยคำใด
นอกจากรีบพาตัวไปนอนรำลึกคิดถึงคุณด้วยความสงสาร
ในภาพม่านน้ำตาที่ช่างแสนน่าทะนุถนอมเสียไม่มี
หลังจากนั้นไม่นาน
คุณ..เริ่มแย้มบานหัวใจอีกคราและ
ตั้งหน้าตั้งตาขยันบริหารร้านงามของคุณอย่างแสนมีอัธยาศัย
และ..
อย่างคนที่มีหัวใจเป็นผู้ให้..
แบบมิใช่แค่บริการแขกแบบธรรมดาๆ
หากทว่าทุกแขกคือคนพิเศษ
ที่ราวเพื่อนฝูงแวะมาเยี่ยมเยือน
จนคุณมีขาประจำมากมาย
ที่ได้ใช้ร้านแสนงามของคุณมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ราวกับร้านกาแฟโบราณตามบ้านนอกทุกถิ่นที่
ที่คือสภากาแฟไว้แลกทุกข์สุขแลกทุกอย่าง
ทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องงาน
การบ้านการเมือง
และ
แม้นราวเรื่องมากมายในมุ้งของคนในหมู่บ้าน
ที่ข่าวสารจะแพร่กระจายเร็ว..ราวลมพัด
ก็มักจะมาจากร้านกาแฟ..กาแฟ..นี่แหละนะ
ระหว่างเรา..
จากแขกรู้จักรู้ใจ..ทายทักธรรมดา
และ
คุณสามารถชงชายี่ห้อโปรดให้ผมได้อย่างแม่นยำ
บางครั้ง
ผมเริ่มสัมผัสไออุ่นจากถ้วยชาที่ละมุนอวลตรงหน้า
และ
อุ่นไอจากนัยน์เรียวตางามหวานซึ้ง
ผ่านม่านฟ้าฝนเป็นใจ
ในยามที่ผมเดียวดายอ้างว้าง
และกับบางคืนฝนพรำ
ที่ผมมักจะชอบพาตัวเองมานั่ง
ดูสายฝนพร่างสายละออละออง
ทอทอดหยาดย้อยเป็นดวงดอกแสนงาม
ยามกระทบม่านกระจก
จนพร่างพรายราวดอกไม้เพชรพรหมแสนสวยเศร้าสิ้นดี
และ
สำหรับคนหนุ่มใจหนาว
ไร้ร่างสาวไร้เนื้อสาวหนั่นแน่น
มาคลุกเคล้าให้หนาวคลาย
ให้หนาวทรวงมานานปี
ที่เริ่มชักมีชีวีชินชา
กำลังจะหันหน้าไปบวชยามบั้นปลาย
เพราะคิดว่า
สุดท้ายคงไม่มีเนื้อใครให้ผมเบียดหอมห่ม
คงนอนหนาวลมจนตาย
สู้ไปหอมห่มด้วยธรรมะจะดีกว่า
หากหาคู่ใจคู่ธรรมคู่ทองไม่ได้
ก็จะยอมหนาวเพียงร่าง
หากจะมิอ้างว้างจิต
คิดคิดก็ดีกว่าเลือกทางโลกย์
หากไม่อยากโศกสุข
หมุนเวียนไปอีกยาวนานจนตราบชั่วกาลกัปป์
เพราะมาหลงในดงกรรมกามพงกิเลส....
คุณ..จะเริ่มแย้มยินดี
และกุลีกุจอช่วยเก็บจักรยาน
หากวันไหนผมมาในยามค่ำคืนและรุ่มร่ามด้วยเสื้อฝน
คุณ..ก็จะอุ่นชาร้อนๆ
และเตรียมขนมปังปิ้งหอมๆไว้รอรับ
คุณ..เริ่มรู้จักรู้ใจผมมากขึ้นๆทุกวัน
และยิ่งนานวัน
ผมราวกับจะมาฝากชีวิตไว้ที่ร้านคุณเสียครึ่งหนึ่ง
นอกนั้นคือวิถีประจำงาน
ที่ผม...ต้องพร่ำบ่นเพียรสอนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย..
และ
เตรียมเอกสารมากมายก่ายกองเป็นพะเนินภูเขาเลากา
น่าระกำว่าจะตกลงมาทับศรีษะตัวเองเข้าสักวันไม่ช้านาน
หากต้องทำด้วยอุดมการณ์
และ
จะได้มีงานสุจริตไว้เลี้ยงชีพชอบ
แถมยังได้ประกอบกุศลจิตแสนดี..
หากชีวีได้สั่งสอนวิทยาการ
แถมพยายามใส่ธรรมให้งามจิตไปพร้อมกัน
เหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัวแบบ
สุภาษิตก่อนเก่าเขาว่าไว้
ที่ในยามนี้ผมขอคิดเองจะดีกว่า..
ให้เข้ากับสถานการณ์เลิกทำร้าย
ว่า
*ไม่ยิงนกหากยกมาเพาะเลี้ยงให้ได้ดีทั้งนกทั้งต้นไม้เลย*
อันนี้เป็นสำนวนผมเอง
ที่จดลิขสิทธิ์คำไว้แล้วห้ามใครนำไปเผยแพร่นะ
กลับมา..
ยังเรื่องรักหวานฉ่ำ
ที่ยังไม่ถึงบทเศร้าร้าวระกำช้ำระทมดีกว่านะ
กับ
ในคืนค่ำที่ฝนพรมพรำพร่างสายหนักจะดีกว่า
คืนที่
ผมยังเหว่ว้าบ้าพอที่จะคว้าจักรยานปั่นลิ่วมาหาคุณ
ด้วยร่างที่เปียกโชก
จนคุณต้องคอยใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่ม
คอยเช็ดหัวหูผมและเนื้อตัวให้อย่างละมุนละไมละม่อม
ราวกับผมเป็นเด็กชายตัวน้อยๆผู้ซุกซน
หนีคุณหนีใครออกไปตากฝนราวลูกนกตกน้ำ..หนาวสั่น
และ
สิ่งนี้คือความดี
ที่โดนใจประทับใจ
ที่ทำให้ผมแสนซาบซึ้งจนอยากรินน้ำตา
เมื่อคิดถึง
*คุณแม่ยอดดวงใจของผมที่พรากลา*
ที่ทิ้งผมไปแสนนานแล้ว
และ
เคยทำแบบนี้กับผมมาก่อน
อย่างแสนรักแสนทะนุถนอมพอกัน
ราวกับหัตถาครองพิภพ
จบด้วยรักเหมือนกันทั้งคู่เลยเชียว
และ
คืนนั้นร้านทั้งร้านแสนหนาว
หากใจดวงดายเดียวกลับอบอุ่นอ่อนหวาน
ปานดอกไม้กำลังค่อยๆคลี่แย้ม
รับสายแสงแห่งหยาดหวาน
จากพรายน้ำผึ้งพระจันทร์เสียมากกว่า
ทั้งฟ้าฝนพิไรร่ำเป็นใจราวสวรรค์ยิ่งใหญ่เมตตามากกรุณา
ให้คุณมีเวลานั่งคุยกับผมอย่างเข้าใจในทุกเรื่องราว
และ
ราวกับคนที่รู้จักกันมานานแสนนาน
คุณ.กระซิบบอกผม..
ว่าผม..นั้นมีบุคลิกบางอย่าง
ที่ทำให้คุณอบอุ่นทุกครา
สงสัยตรงนัยน์ตาสีสนิมเหล็กของผม
ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความมั่งคงลึกๆราวผู้ชายโบราณ
ที่ยังมีงามนวลในเนื้อใจ ยังมีกระแสอบอุ่นไหลหลั่ง
เป็นพลังบวกสู่ร่างใจคุณยามได้พบสบตา
และ
นาทีนั้น
คุณพูดแทบมิทันสิ้นคำ
แม่เหล็กแห่งรักภักดีที่รอเวลาดูดพลังเข้าหากัน
ก็ค่อยๆเคลื่อนร่างอย่างช้าช้าเข้ามา
หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างดูดดื่ม
และ
ด้วยรอยจูบที่แสนหวานหอมสดชื่นชุ่มฉ่ำ
ที่ค่อยๆทวีบดขยี้แรงขึ้นๆด้วยแรงรักแรงเสน่หา
จนเลือดในกายฉีดพล่านราวมีไฟแผดเผา
ให้ร่างใจแทบมอดละลาย
กลายเป็นเนื้อเดียวกันมิทันนานนาที
ผมพึมพำไม่เป็นภาษาส่ำศัพท์
ภาวนา ให้โลกหยุดหมุนสักเวลานาทีก็ยังดี
ในยามที่อ้อมอกอุ่นผมนั้น
ได้ทำหน้าที่ทลายปราการ
แห่งความเหงาเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ให้มลายหายวับไป
เหลือก็เพียงพลังหวังหวานแห่งรัก
ระหว่างเราสอง..อย่างไม่มีปราการใดใดอีกเลยแล้ว
และ
ราวได้เพิ่ม..เติมความรักความฝัน
อันคือขั้วบวกแห่งหยินหยางชายหญิง
ที่จักสามารถสกดให้โลกทั้งใบเป็นของเราสอง
อย่างงามสิ้นอย่างไม่มีคำว่าฉันเธอ..อีกต่อไป
ให้โลกนี้ยังคงดำรง..คงหมุนไปหมุนไป
ได้ด้วยไฟรักไฟปรารถนา
หากดวงชีวามนุษย์ยังมิพ้นวิบากเก่าวิบากกรรม
ให้จำต้องชดใช้หนี้รัก
และ
ด้วยพลังแห่งความภักดีพลังที่จะสรรสร้างโลก
ให้งามแสนงามหวานแสนหวานผ่านร่างรักสนิทเสน่หา
และ
ในยามนั้นทุกสิ่งในคลองตา
ทุกความหวานหอมในร้าน
ที่ผมเคยเล่าไว้
ไม่ว่าจะจากดวงดอกไม้ไทย
หรือจากายงามภายนอกของคุณ
ก็มิประมาณหวานหอมเทียบได้
ยามเราอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน
กับ
คืนที่ฝนสั่งฟ้าให้น้ำตาคุณหลั่งรินแทนด้วยซึ้งซ่านสุข
ในปิติรักในอ้อมภักดิ์อ้อมใจผม
ที่เพียรกระซิบพลี..ตลอดเวลา ยอดรัก ๆๆๆๆๆ
นาทีหวานหอม..
ที่จะตราไว้จนตราบวันตาย
และ
นี่คือสิ่งที่โลกได้สอนบทเรียนให้ตามมา
ให้ผมกำลังระรินหลั่งน้ำตาสังเวยไม่สิ้นสาย
ในวันนี้
หลังจากคืนค่ำที่แสนดีผ่านมานาน
จนผ่านงานพิธีมงคล
ที่เราสองได้ตกลงปลงใจใช้ชีวิตรักร่วมกัน
คือชีวิตช่วงที่งามกว่างาม
จนผมมิอาจบรรยายได้ถึงหยาดน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน
ทีเราได้ปันแบ่งจนโลกแล้งไร้
เหลือเพียงมองไปทางไหนมีแต่สีชมพูและสีรุ้งเรียว
คนดี...
แล้วทำไมพระเจ้า..ให้มาแล้วเรียกคืน
ให้ผมสะอื้นหวนไห้อาลัยอาวรณ์
ราวจะมาสอนใจให้ซึ้งถึงคำที่ว่า*ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์*
*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*
และ
อย่าให้ลืมล่วงประมาท
ให้ทุกชีวิตได้รำลึกถึงความพลัดพรากจากลา
ให้รู้คุณค่าของความรัก
และ
ยามมีชีวิตอยู่
ให้รู้จักใช้คุณค่าของเวลาอย่างคุ้มค่ารักทุกนาที
ให้เพียรเพาะบ่มห่มหอมด้วยดอกธรรมในจิต
ที่จะเป็นดั่งดวงแก้วนิรมิตตามติดเราไปได้เพียงสิ่งเดียว
ไม่เกี่ยวกับคนกับใครกับใจผู้ใดทั้งสิ้น
เราต้องไป..เพียงลำพัง...
กับพลังพร่างแห่งปิติเกษม
ที่จงเพียรสร้างสะสมไว้เป็น..*เสบียงบุญ*ก่อนคำว่าสายเกิน
ที่ไม่รู้ว่านาทีไหน ..วันของใครของคนนั้นจะมาถึง
วันนี้ที่ยังคงซึ่งมีชีวิตแสนสุขสดใส
และ
อีกนาทีถัดไปพญามัจจุราชก็อาจไม่ปรานีเมื่อถึงวันที่ต้องไป
ท่านจะมาทำหน้าที่อย่างซื่อตรง
ไม่เลือกเศรษฐีผู้ดีมีจน..ทุกคนต้องไปที่เดียวกัน
ดั่งค่ำคำมรณาณุสตินี้ที่ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ให้..*เตรียมตัวเตรียมใจตายก่อนตาย..*ไว้ให้ทุกคน
เหมือนอย่างผม..ในนาทีนี้
ที่วันเวลาแสนดีแสนงามแสนหวาน
ได้พรากลาพาคุณไป
ให้หัวใจผมมานั่งย้อนระกำย้ำระทมทับ
แทบรำงับดับไม่ได้
เมื่อจู่ๆสายฟ้าฟาดลงบนกลางใจผม
กับเสียงร่ำไห้ของใครบางคน
ที่โทรมาบอกผมว่า...*คุณถูกรถชนและเสียชีวิตแล้ว*
วันที่
ฟ้าสีโศกและโลกสีหวานของผมพรายพลัด
ตกแตกกระจายหายวับไปแบบไม่มีชิ้นดี!
แหลกธุลีไปต่อหน้าต่อตาผม!
ให้หัวใจผมกระโจนเร็วกว่าร่างอย่างไม่คิดชีวิต
ไปตามเส้นทาง
ที่ร่างไม่มีชีวิตของคุณรอผมอยู่....
ให้หัวใจผมแทบไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคน
กับภาพอันแสนสะเทือนใจสะเทือนขวัญ
ภาพที่ทำให้ผมต้องหลั่งรินน้ำตายิ่งกว่าฟ้าร้องไห้
อย่างไม่อายใครไม่อายฟ้าดิน!
ภาพที่ผมจะไม่มีวันลืมสิ้น
ที่ยังจดจำในรอยถวิล
แม้นจะเป็นภาพสุดท้ายของคุณ
ผู้เป็นที่รักนี้
และจักไม่มีวันลบเลือนหาย..!
ภาพคุณกับเลือดสีแดงที่หลั่งรินไม่สิ้นสาย!
ไปกับฝนหยาดสุดท้ายในฤดูฤดี
กับจักรยานที่เราเคยซ้อนซบโอบกันไปในทุกที่
ที่ใครๆพากันกระซิบบอกว่า
วันนี้คุณตั้งใจจะมารับผมกลับบ้าน
หากทว่า....
คงเหลือเพียงร่างไร้จิตวิญญาณของผมกลับบ้านอย่างดายเดียวลำพัง.....
ไม่มีทั้งร่างคุณ..
และ
จักรยานที่รานแหลกรวมกันอย่างไม่มีชิ้นดี
เหมือนกันกับหัวใจผมดวงนี้
ที่คงรานแยกแตกยับพอกัน
ที่คงต้องใช้เวลาเกือบชั่วชีวิต
เพื่อใช้ยาธรรมะมาน้อมนำมาเยียวยารักษาใจ
ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเมื่อสิ้นไร้คุณนะคนดีนะดวงใจ...
กับสายน้ำปิงที่ยังระรินไหล
กับหวานหอมของเอื้องไพร
กับกลิ่นกาสะลองแสนเศร้าเฝ้าครองใจมาในหนาวคำนึง
กับเสียงสะล้อ ซอ ซึง
ที่พาให้ผมยิ่งถูกตรึงราวถูกพันธนาการด้วยรัก..นี้ที่หนีไม่พ้น!
........................!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่ กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้
ไม่หนักเลย...
20 ธันวาคม 2549 12:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(บทเพลงฉันรักเธอเสมอ )
เหมันต์ในดวงใจ...ลำน้ำน่าน
เมื่อลมหนาวพัดร้าวมากล่อมไกว
ดอกไม้ไหวเหมันต์นิรันดร์หวาน
มวลสุมาลย์ใต้หล้าฟ้าประทาน
ต่างเบ่งบานประดับต้นแห่งนนทรี
บานลำพังโรยลำพังกับธรรมชาติ
กลีบสะอาดปลิดปรอยในร้อยสี
สลัดไว้แต่บุหงาชั่วตาปี
ดั่งรักนี้สถิตย์ใจใว้ทุกคราว
ลึกซึ้ง...
สุดคะนึงคะเนเหลือเมื่อลมหนาว
ครวญกวีขลุ่ยเตือนใต้เรือนดาว
ให้ลบร้าวลบเลือนเถิดดวงใจ....
คิดถึง.......
ดอกบัวบึงสายธารแสนหวานไหว
กาลเวลาโรยร่วงจากบ่วงใบ
ถักสายใยอีกคราวหนาวมาเยือน
มั่นคง....
อัสดงตรงฝั่งฟ้าเวลาเหมือน
มวลดอกไม้สายธารและลานเดือน
หวังเป็นเพื่อนจิตวิญญาณจนกาลคลาย....
หมายมั่น...
ลั่นสัญญารัดตรึงซึ้งจุดหมาย
ทะเลหมอกเมฆห้อมหลอมละลาย
หลีกลมร้ายมาเมตตาและปราณี...
อ่อนโยน...
ดั่งขุนเขาทะโมนอย่าหลีกหนี
ร่วมจรรโลงคุณงามและความดี
ตราบชีพนี้ลาลับกับเหมันต์........
...................
เป็นเช้าที่ไสว เหลือเกิน
ดวง..
เดินดายเดียวมายังเส้นทางสายชนบทที่แสนงาม
แล้ว..
ในท่ามดงตาลแลท้องทุ่งนาพาให้
ดวงเพลินยืนจ้องดูบัวแล้งน้ำ..ที่ณ..บัดนี้กำลังแห้งคาบึง
ให้หัวใจดวงซึ้งๆของดวง..
ราวกับมีหยาดน้ำตาซึมตกต้องณ..ภายใน
ด้วย..
รำลึกนึกถึงอดีตแสนหวานมากมาย
ที่...กลายกลับมาเป็นดั่งภาพฉายชัด..
ให้ตระหนัก...
ถึงความรู้สึกอ่อนหวานอ่อนไหว
ในลึกซึ้ง..จากคะนึงนวล
อีกคราแล้วนะเจ้าแก้วเจ้าจอมใจ
พร้อมกับ...
บทเพลงนี้ราวหวานแว่วลอยลมมา
กับ..
ฟ้ากว้าง กระจ่างแจ่ม
ด้วยเมฆพราวขาวนวลแตะแต้มกระจาย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4414.html
บัวแล้งน้ำ
คนเราต้องมี หัวใจ
ต้องมีเลือดเนื้อ ข้างใน
ต้องมีความดี คู่กาย
ต้องมีความหมาย ในตัวเอง
อดีตที่เคย ผ่านมา
เราคงต้องผ่าน พ้นไป
จะดีหรือเลว อย่างไร
ขึ้นอยู่กับใจ เราเอง
กระเสือก กระสน
ดิ้นรน กันไป
ก่อนเคย เลวร้าย
ก็ลืม ให้ลง
มีเพียง พรุ่งนี้
เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง
ด้วยใจ ซื่อตรง
เราคง ได้ดี
ถ้าบัวไม่มี รากใบ
คงมองไม่สวย เท่าไหร่
ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย
ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง
คนเราก็คง เหมือนกัน
นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่
หลงลืมว่าเคย เป็นใคร
สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ
กระเสือก กระสน
ดิ้นรน กันไป
ก่อนเคย เลวร้าย
ก็ลืม ให้ลง
มีเพียง พรุ่งนี้
เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง
ด้วยใจ ซื่อตรง
เราคง ได้ดี
ถ้าบัวไม่มี รากใบ
คงมองไม่สวย เท่าไหร่
ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย
ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง
คนเราก็คง เหมือนกัน
นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่
หลงลืมว่าเคย เป็นใคร
สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ...
............
กระท่อมรึมบึง ร้างไร้
ด้วยเจ้าของเรือนติดป้ายขาย
พร้อมรื้อถอน...ด้วยเหตุผลกลใด
ดวงมิอาจรับรู้..
หากทว่า..
ดวง..แค่แสนเสียดายความมีชีวิตชีวา
ที่ก่อนหน้านี้ที่ดวง..เคยพลีใจรักแสนรักภาพฝัน
อันแสนเงียบสงบงามเสียเหลือเกิน
ทุกสรรพสิ่ง...
ช่างแปรผัน ไปกับทิวาวันแลความไม่แน่นอนของ
บทละคอนโลกย์ โศกสุข ของทุกชีวาชีวิต
ที่สถิต ณ..ใต้ฟ้าแห่งนี้...
ที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้า..ค้นหา
*เส้นทางชีวิตจิตวิญญาณของตัวเอง*
และอาจค้นพบ*บทเพลงแห่งรักนิรันดร์ ไม่รู้จบ*
ที่ทบทวีคูณไปกับกาลเวลา....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song65.html
ความรักไม่รู้จบ
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด...
ชีวิต..คืออะไรกันเล่า....
ดวงเฝ้าถามตัวเอง เสมอมา...
คือบทเพลงเหว่ว้าสุขโศก..
บทเพลง..
ที่โลกแลพรหมชะตาฟ้าดินหยิบยื่นลิขิตให้เพียงกระนั้นหรือ...
ฤา...ว่า..
เราจักหาญกล้า..*.สร้างปาฏิหารย์รักอันแสนมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่*
ด้วยตัวเราเอง...อย่างมิเกรงฟ้าดิน...
ให้...โลกรับรู้และยลยินถึงความสัตย์ซื่อถือมั่น
ในพลังแห่งรักภักดิ์พลีที่ก่อเกื้อจากเนื้อแท้ในนวลใจ
อันแสนไสวงาม..
ดั่งอัญมณี...
ที่เรายากจะหนีพ้นพันธนา..!
......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song23.html
ลมหวน
ลม หวน ชวน ให้ คิด
ถึง ความ หลัง
ภวังค์จิต คิด ขื่น ขม ระทม ใจ
ตัว ใครเป็น คนผิด อยาก ถาม นัก
รัก ไย ใจ จะกลับ ดัง ลม หวน
ใกล้ เรา กล่าว ถ้อย นัย ที่ รัก
เจ็บ นัก พอ ถึง อื่น ก็คืน คำ
มา ทำชิด สนิทใหม่ ใคร จะเชื่อ
เบื่อ แล้ว ไย จะ มา รับ กลับ คืน
ใกล้ เรา กล่าว ถ้อย นัย ที่ รัก
เจ็บ นัก พอ ถึง อื่น ก็คืน คำ
มา ทำชิด สนิทใหม่ ใคร จะเชื่อ
เบื่อ แล้ว ไย จะ มา รับ กลับ คืน...
................................................................
บัวบานในบึงใจ..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(ฉันรักเธอเสมอ)
อุษาวดีคลี่ฟ้าอีกคราแล้ว
ดวงดอกแก้วหอมพรายริมหน้าต่าง
นกเขาไพรปลุกดวงใจฟ้าเรื่อราง
ริมหน้าต่างกลางดงดอกจำปี
นอนคลี่ยิ้มแอบดูเจ้านกน้อย
เพื่อนผู้คอยเคียงขวัญยามเช้านี้
ไกวเปลหวานแกว่งไกวพร้อมดนตรี
ธรรมชาติชีวีธรรมดาเช้าเฝ้าทายทัก
หอมมะลิระรินที่ริมหมอน
กับที่นอนนวลนุ่มน่านอนนัก
ขอนิทราหลับตาฝันอีกนิดนะที่รัก
ฟังเพลงภักดิ์ในยามเช้าเคล้าอรุณ
โลกหอมหวานภายในใจดวงแก้ว
รับหวานแว่วสรรพสิ่งพร้อมโลกหมุน
เปิดดวงใจบ้านภายในงามหอมกรุ่น
สร้างละมุนพบละไมกลางใจธรรม
แล้วสวดมนต์ช้าช้าอย่าเพิ่งลุก
เพื่อปลอบปลุกพลังใจหวังรินร่ำ
แผ่เมตตาขอบคุณโลกโชคน้อมนำ
ได้มีวันทำความดีนาทีทิพย์
ทุกลมหายใจที่ยังมีช่างมีค่า
ขอบคุณฟ้าแลดินที่ยื่นหยิบ
ได้ชื่นใจในรสพระธรรมอันล้ำค่าน้ำอมฤต
ใสสนิทจิบซ้ำซ้ำพรำพร่างริน
ดั่งน้ำค้างหยาดสายกรายสู่หล้า
ดั่งน้ำฟ้าหยาดพรายมิรู้สิ้น
สู่บึงบัวรอบัวบานเหนือวาริณ
เพียงถวิลรับอาทิตย์อุทัยในเวลา
ดั่งนาฬิกาชีพชนม์คนแสนสั้น
ลืมตาฝัน พลันตื่นล่วง บ่วงเสน่หา
ที่รัดร้อยสร้อยห่วงหวงพันธนา
สร้างศรัทธาเดินตามรอยบาทมิวาดวน
พาจิตใสตั้งใจตรงคงสัจจะ
มิลดละภาวนาบุญสร้างกุศล
เพียรฝึกสมาธิมีปัญญาคุ้มค่าคน
ก่อนที่ลมหายใจจะไม่มี..!นะคนดี นะดวงใจ..
..................................
ดวงตื่นมากับฟ้าหนาว...
ยามเช้านี้
จิต...ราวกับมี..บทกวี
หวานแว่วลอยลมมาขับกล่อม..จากโพ้นฟ้าไกล
ให้...
ไม่ยอมท้อแท้แพ้พ่าย กับทุกสรรพสิ่ง..ในมายาเวลา
เปิดเมล์..มา..
แล้วน้ำตาเริ่มซึมซึ้ง...รอพร่างพรู
น้ำตาปิติเกษม
ที่คู่กับใจดวงนวลดวงน้อยดวงนิดนี้มาเนานาน
ใช่..!
จะเป็นดั่งน้ำตาแห่งรานร้าวเศร้าหมอง..ฤาก็หาไม่..
นิ่งงัน.....
กับทุกภาพงาม..เงียบ
ผ่านเลนซ์เฉียบคม..
จากดวงกมลใสงาม..ของผู้รู้ธรรม รักษ์ธรรมชาติ
รู้ปล่อยวาง...ในท่ามโลกอ้างว้างเหว่ว้าดายเดียว
ได้อย่างล้ำลึก
จาก..
*รู้สึกภายใน ที่ยากยิ่ง..
ที่ใครจะหยั่งถึง*บึ้งใจบึงใจ
ที่ราว..
บัวดอกพิไลโผล่พ้นน้ำแล้ว..พร่างงามไสวไกลตา
ในท่ามป่ารกชัฏสงัดเงียบ...
ภาพจาก..
ผู้มี*ดวงตาที่สาม*
ตามมากอบเกื้อเอื้อกมล
ให้..รู้อดรู้ทน
กับการรอคอยมิน้อยใจรัก
กับ..
นาทีนี้..ที่ปลายหางตา
หยาดน้ำเพชรกำลังรอท่าทำหน้าที่
ค่อยๆพลีหยาดรินอย่างช้าๆ
อย่างรู้ค่าอย่างแสนซึ้งนัก...
น้ำตา..แห่งพลังศรัทธารักภักดี
ที่ยินดีพลีมอบ *ให้*
เหนือหล้า..
เหนือกว่าความเข้าใจใดใด..
ยิ่งใหญ่...
จนไร้คำใดมาอธิบายร่ายรจนา
ดั่งราวว่ามี*จิตเป็นหนึ่งเดียว*
* มีเพียงฟ้าดินรับรู้*
ถึงเงางาม..ที่ซ่อนอยู่..
ราว..*สายธารหวานนิรันดร์*
เป็น..
*ดั่งขวัญทิพย์เทียนทอง*ส่องนำทางใจ
ให้...
แสนใส..ไสวพร่างสว่างเย็น..สงบสยบทุกข์มายา
ตราไปตราบชั่วนิจนิรันดร...
.................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล
หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
.....................
19 ธันวาคม 2549 10:33 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song330.html
ค่ำแล้วในฤดูหนาว
กับ...
สายลมหนาวววววว.....ในยามค่ำ
ที่แผ่วพรายระร่ำริน
พัดผ่านเข้ามาให้ร่างรานยิ่งหนาวเนื้อไร้เนื้อห่ม
เปิดวิทยุฟังเพลง...
พร้อมกับ..
แลลอดเห็นดาวระดะดวงราวรวงรุ้ง
รุ่งฟ้าประดับนภางามในท่ามราตรี..
ที่สวย..สวยตระการสุกสกาว....พราวพร่างใจ
ฤดูกาล
ยังคงผ่านมาผ่านไป
อย่างสัตย์ซื่อถือมั่นต่อมวลมนุษยชาติ
แม้นผู้คนจะฝากโศกสะเทือนทำลายให้แล้งไร้
ไปทุกขณะอุทัยโลกหมุน...ก็ตามที..
ดวงดอกไม้..
ก็ยังคงค่อยๆคลี่กลีบสยายเกสรหอมกรุ่นกำจาย
ร่ายมนต์ให้มวลเหล่าแมลงภู่ผึ้งภมร...
ได้ดอมดมชมชื่นฉ่ำภิรมย์รสหวาน
เพื่อสืบสานวังวนวัฏฏจักรสร้อยโซ่รัก..ภักดิ์พันธนา
ดวง...นอนนิ่งนิ่งบนที่นอนนวลนุ่ม
พร้อมหลับตาคล้ายสนิทในนิทรา
หากทว่า..
ไยเล่าบทกวีแห่งสายลมหนาว
จึงปรากฏชัดเจิดจรัสในดวงใจเสียเหลือเกิน...
................
ใจดวงรานเหว่ว้ากับฟ้าหนาว
คืนไร้ดาวสิ้นเดือนเป็นเพื่อนขวัญ
ฟ้าดินเอ๋ยไยนิ่งเฉยแสนเงียบงัน
ใจดวงขวัญรับเพียงช้ำย้ำรอยวน
กี่ปีแล้วใจดวงร้าวหนาวเช่นนี้
ทางฤดีสายเปลี่ยวสลัวหม่น
ไม่มีภักดิ์จริงแท้เพียงทุกข์ทน
เงากมลเพียงนิยามฝากงามลวง
คือ..
เส้นทางว่างเปล่าเหงาล้ำลึก
สอนรู้สึกสัจจธรรมก่อนลาล่วง
มาลำพังไปลำพังเจ้าขวัญดวง
ฝันสู่สรวงสร้างทิพยจิตนิรมิตธรรม
แม้นฝ่าฟันขวากหนามมิยอมพ่าย
ตราบสุดท้ายลมหายใจปลิดปลิวในยามค่ำ
กับรอยยิ้มอิ่มเอมลารอยกรรม
ไร้ใครร่ำขอเพียงโลก...โศกสะเทือน...!!!!
................
และ...
กับ...*ปีทองอันแสนสุข*
กับ..
ทุกวันชื่นคืนหวาน
ทุกทิวาวันราตรีผันผ่าน...เลย..
ล่วงลามาจนจวบใกล้วันปีใหม่...อีกคราแล้ว...
*ของขวัญใดใด....ก็คงไม่เท่าใจที่แสนสุขชื่นฉ่ำ...*.
ที่ได้อยู่กันชิดใกล้กับ
*ผู้เป็นที่รัก...ที่รัก และรักรักรัก*
ตราบใด...
ที่ในอ้อมใจเรายังมีกันและกัน....
ในคืนฝันวันอันแสนดี.....นี้
ที่..
ดวงใจทุกดวงอาจฉลองปีใหม่กับใครสักคนสองต่อสอง
อาจจะเป็นริมทาง ...หรือ..
กลางภัตตาคารหรู ท่ามกลางแสงเทียนอันริบหรี่
สบตากันด้วยความดื่มด่ำกำซาบซึ้ง
ถึงล้ำลึกแห่งบึ้งดวงใจในรักนี้ที่หนีไม่พ้น
และ..
ช่างแสนงดงามหวามไหวในรู้สึก..
ขอแสดงความยินดี..
กับ....
ผู้คนนับล้านนับแสน...
ที่โชคดีมีรักสดชื่นสมหวัง
ให้มีพลังใจ สร้างสรรสิ่งดี
เพื่อตัวตนนี้และสังคมโลกมนุษย์เรา....
คงไม่มีที่ไหนและสิ่งใดจะสุขใจเท่า.....
*พลังแห่งรักนี้..*
ที่..
มวลมนุษย์พากันดิ้นรนแสวงหา
นำมาสร้างพลังใจเพื่อต่อสายใจสายใยรัก
ให้โลกจักดำรงอยู่ด้วยพลังรักอันแสนยิ่งใหญ่
เกินอานุภาพใดในจักรวาล
และ..
ขอกระซิบถึงดวงใจทุกดวงให้บอกกับตัวเองว่า.....
*คนเรานั้นสำคัญที่ใจ*
โลกนี้....
มีความสุขรายล้อมรอบตัวเราทุกอณู....
ถ้า...
เพียงแต่เรารู้ทำใจ..ไม่ยอมพ่าย
ไม่ให้ชะตากรรมมากำกับ
จักผงาดยืนหยัดทายท้า..
แม้นดวงใจจะทุกข์ตรมขมขื่นสักเพียงใด
กับบางสิ่งที่เราฝืนชะตาฟ้าดินไม่พ้น
เราก็จะเพียรลบลืมและให้กมลละมัยของเรา
ให้อภัย...และกรุณา.....
คอยเป็นความหวัง....กำลังใจ.....
ให้..
*ศรัทธารัก*..จักธำรงอยู่...
แด่ทุกดวงใจเพื่อนร่วมโลก..
ให้..
ปีใหม่หรือเก่าของเรา..หมดโศก
พบ..
แต่โชคแสนดีพอกัน...ตราบชั่วนิจนิรันดร....!!!!!
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song330.html
ค่ำแล้วในฤดูหนาว
พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว
ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฮึม
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้าค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ยหนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้องก้องสนั่น ฮึม
ทำให้ฉันเป็นสุขใจ
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง
คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ
หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม
ฉ่ำเท่ารักเราไม่มี
สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป
เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น
เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม
ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น
นภาสะอาดดูงามสดใส
ฉันรักจับใจสะอาดนั่น
หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม
จิตใจฉันเลื่อนลอยไป
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน
ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ
ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม
ไม่ลืมคำที่ฝากกัน...
12 ธันวาคม 2549 18:02 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song20.html
เธอ......ผู้หญิงคนพิเศษพิสุทธิ์ของผม...
กำลังก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...
สนามบิน..
ที่แสนทันสมัยขจรไกลให้โลกลือ
สนามบิน...
ที่คนไทยทุกคนถือเป็นความภาคภูมิใจ....
เฉกเช่นชื่อพระราชทานนั้นประดุจกัน
ด้วย..
ลีลาแลทีท่าแห่งความเชื่อมั่น..อย่างช้าช้า
และด้วย..
นัยน์ตาสงบนิ่งเงียบงัน
แฝงพลังฝันใฝ่ล้ำลึกราวผลึกแก้วเจียรนัย
ที่..
คอยตามเกี่ยวรัดร้อยใจ*ผม..*เสมอมา
และ..ไม่ว่า...
กัปป์กาลเวลาจะเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อน
เลือนผ่านมานาน...สักกี่วันเดือนปี...ก็ตามที...!
เธอ...ยังคงงามล้ำ
งามดื่มด่ำ ประทับ...ประดับในดวงใจผม
ที่..
ไม่มีวันจะผันแปร....
มั่นคงดั่งภูผาทายท้าสิ้น
ทั้ง...ฟ้าดิน..พายุฝน..และลมแรง
อุปสรรครักแกล้งหลากหลายเรื่องราว
ให้หนาวเหน็บ
เพียงเพื่อ..
ทดสอบใจ...พิสูจน์รักแท้แห่งสองเรา
และ...
ไม่ว่า....สักกี่ภพชาติกัปป์กาลเวลา
กับ..
โลกย์ที่หมุนโศกสุขเหว่ว้า
ให้..
เฝ้ารอคอย ร่างน้อยๆ อย่างมิท้อถอย
ด้วย..
*แรงจิตอธิษฐาน*
เพื่อ..
ให้ร่างงามไสวโผเข้ามา
ในอ้อมกอดอ้อมใจของลูกผู้ชายคนนี้
ที่ภักดิ์แสนภักดิ์ รักแสนรักเป็นที่ยิ่งนักแล้ว..
เธอ..แย้มยิ้มด้วยนัยน์ตา
นัยน์ตาที่พาให้ดูราวกับโลกหล้า
ยอมสยบสิ้นรวมทั้งดินฟ้า
ที่ต่างพากันหยุดหมุนเฝ้ามอง
ผม...กางแขนออก
พร้อมกับที่..
เธอโผเข้ามาในอ้อมจิต เป็นขวัญชีวีชีวิตของผมจริงๆ
ในนาทีนี้...ณ..นาทีนี้..
เราสบตากันนิ่งนาน
ในท่ามโลก
แลความสับสนวายวุ่นรายรอบแห่งวิถีผู้คน
หาก..
กมลภายในกลับ แสนเงียบงาม พร่างแจ่ม
ราวกับมี..*ลำแสงแห่งความว่าง *
ส่องกระจ่างสว่างเย็น นำทางไสว
ไปสู่แดนดิน ดินแดนอันแสนไกล..ไกลแสน
ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาล..อันประมาณหาที่สิ้นสุดมิได้...
ผมกระซิบริมแก้มนวล
ที่..
ยังหอมอวลด้วยนวลกลิ่น
ดวงดอกไม้ไทย..*ดวงจำปา*
ที่เธอแอบทัดแซมผมมา
ให้..
ผมได้ละเมียดละมุนใจ ในยามนี้
ยามที่..
ผม..ค่อยๆขับรถ..พาเธอออกมานอกชานเมือง
ให้..
เธอคนดีได้เอนอิงทิ้งตาทอดใจ
สัมผัสเส้นทางสายรวงเรียวแสนเปลี่ยวเหงา
หากให้ความงดงามอย่างแสนเรียบง่ายดิบเดิม..
อาทิตย์..กำลังอัสดงลงตรงชายทุ่ง ท่ามเวิ้งวัน
ในแดนดินแห่งความฝันอันสูงสุด...*อยุธยา *
ที่..
ผมกำลังขับรถพาเธอไป
เพื่อ..
กรานกราบองค์พระปฏิมา ในโบสถ์คร่ำ...
ที่..เธอร่ำเรียกร้องในทุกครา
เมื่อมีเวลาขึ้นมาให้ผมรับขวัญ..
หลัง..
วันคืนที่เธอเพียรตรากตรำ
ตั้งใจ..
สร้างสรรทำสิ่งยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ
*วิมานวนา*วิมานที่กำลังปรากฏจริงในโลกหล้า
เพื่อ...
รอเวลาพัฒนาจิตผองชนเพื่อนมนุษย์
ให้..
พบกับความหลุดพ้น...มิจำต้องเวียนวนหลงว่ายในวิบาก
อย่างหาทางออกมิพบเจอ โดยไม่มีความหวังพลังใจ
ฤาแรงบุญใดมาหนุนนำ..
ให้..
ทุกดวงใจใสงามมิยอมพ่ายเพียร....
....................
*คนดี..เหนื่อยมั้ย
เที่ยวนี้มาพักสมองพักใจ..ให้ผมรักรักรักได้สักกี่วัน*
ผม...ทำนัยน์ตาล้อ พ้อเพ้อ
อย่างคนที่หลงละเมอหวามไหว
อย่างเทใจ ทุ่มใจ ให้เธอจนหมดสิ้น
เธอ..ยิ้มหวาน
ก่อนจะยกมือผมขึ้นประทับจูบอย่างช้าๆ
อย่างเอาอกเอาใจ ....อย่างเข้าใจ..
และ..
เหนือสิ่งใด
ระหว่างเรา...
บทสนทนาใดไหนเล่า
ก็..
คงไม่จำเป็นสักเท่าไร
ในเมื่อได้ผ่านบททดสอบจากกาลเวลา
ที่ฟ้าดินเฝ้ารับรู้เป็นพยานมาอย่างยาวนาน
และ..
แน่นอนจนเกินจะนับนึก ในทุกอณูรู้สึก
ที่..
เคยได้แลกปลี่ยนแลแบ่งปัน
เกินกว่าฉันท์เพื่อนธรรมกัลยาณมิตรผู้สนิทใจ
อย่าง..
เอื้อโอบเกี่ยวก้อยกันไป
ด้วยความเอมอิ่มเกษมเปรมปรีย์
จน..
เกินจักหาคำมารำพันรำพึง
ในซาบซึ้งแห่งปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอนี้
อัน..
แสนที่จักน่าภาคภูมิใจ
ในความหนักแน่น สัตย์ซื่อ
ถือสัจจะคำอธิษฐานอย่างมั่นคง
อย่าง..
มิยอมหลงทาง
ไปท่ามกลางทะเลโลกย์เลือก
เปลือกกิเลสเนื้อหนังภายนอกเป็นสำคัญ
ที่..
จำต้องพบพรากจากลา
และคงแสนอ้างว้างเหว่ว้าใจ
ไปจนตราบถึงวันสิ้นลม..หากสายเกิน...!
เราสอง...
แวะซื้อมาลัยแสนงาม
ที่..
ร้อยรัดด้วยมะลิหอมกรุ่น
อย่างละมุนละเมียด
และ..
แสนดูเรียบง่ายหากตรงชายอุบะ
กลับแฝงฝังด้วยพลังแห่งความศรัทธา
เพราะ..
มาลามาลัยพวงพิเศษพิสุทธิ์นั้น
ได้รับการร้อยสร้อยโซ่อุบะด้วยบัวตูมบริสุทธิ์
สามดวงดอกแทนการคารวะพระรัตนตรัยทั้งสาม
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ผู้ทรงคุณอนันต์แด่สัตว์ผู้ยาก...
ให้..
ได้ฝากชีพชนม์
มิให้ติดกับหลงวนวิบากว่ายในทะเลโลกย์โศกน้ำตา
อย่างหาทางออกมิพบเจอ
ให้ได้พบพระพุทธศาสนา
ค่อยๆเพียรพายกระดับจิต ให้ขับเคลื่อนชีวาชีวิต
สู่แดนดินทิพยนิรมิต ดั่งชีวิตเกิดใหม่...
ผม....จอดรถที่วัดชัยวัฒนาราม
แล้ว..
เดินเกี่ยวก้อยเคียงไหล่...
เดินข้ามสะพานมิติแห่งกาลเวลา
ราว...
ย้อนรอยถอยหลังกลับไปสู่สมัยทอง
*แห่งรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ*
เสียงเสภาลอยแผ่วแว่วหวานมา
อย่างรานร้าวในบึ้งดวงหฤทัย
เมื่อคิดว่า...
เหตุใดไยเล่าเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จึงต้องพ่ายแหลกแตกยับ
ดับดวงเมืองไปกับความไร้รักสามัคคี..
ที่ในยามนี้...
เราลูกหลานเหลนโหลนไทย
ควรได้มองย้อนรำลึกนึกถึงบทเรียน
แห่ง..
นาฏกรรมสุดโศก แสนเศร้า วิปโยค
อัปยศ สะเทือนใจจนยากหาคำใดมาอธิบาย
หมาย...
เพียงหวังอย่าให้ซ้ำรอย..
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
๓.เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์
๔. โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์
๕. เสร็จสารพระยศซ้อง สรรเสริญ
ไป่แจ่มใจจำเริญ ร่ำอ้าง
ตราตรอมตระโมจเหิน หวนสวาท
อกวะหวิวหวั่นร้าง รีบร้อนการณรงค์
๖. แถลงปางบำราศห้อง โหยครวญ
เสนาะเสน่ห์กำสรวล สั่งแก้ว
โอบองค์ผอูนอวล ออกโอษฐ์ อรเอย
ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว คลาดคล้ายขวบปี
๗. รอยบุญเราร่วมพ้อง พบกัน
บาปแบ่งสองทำทัน เท่าสร้าง
เพรงพรากสัตว์จำผัน พลัดคู่ เขาฤา
บุญร่วมบาปจำร้าง นุชร้างเรียมไกล
๘. จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม
๙. โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ แลโลม โลกเอย
แม้ว่ามีกิ่งโพยม ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม แมกเมฆ ไว้แม่
กีดบ่มีกิ่งฟ้า ฝากน้องนางเดียว
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน
๑๑. ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา
ทราบสวยมภูวจักรี เกลือกใกล้
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง
๑๒. บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้งเตียงสมร
เตียงช่วยเตือนนุชนอน แท่นน้อง
ฉุกโฉมแม่จักจร จากม่าน มาแฮ
ม่านอย่าเบิกบังห้อง หับให้คอยหน
.
.
เสียงสวดมนต์หลายบท...
ด้วยแรงศรัทธาปสาทะสูงสุด
อย่างถวายจิตถวายใจของสองพลังดวงใจ
ที่...
กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ก้องกังวานไปกับสายลมอยุธยาในยามค่ำ
กับ..
เสียงสายน้ำเจ้าพระยาระรินร่ำ
ผ่าน...พระตำหนักสิริยาลัย
ที่..
ฟ้าเบื้องบนกว้างไกล
ณ..บัดนี้...ช่างงามล้ำมลังเมืองเจิดจรัส
ราวรัศมีรุ้งพุ่งพรายพราวเฉิดฉายฉันท์พรรณราย
รอเวลา..
*พูนพระจันทร์เดือนธันวา*
จะประดับฟ้า...ในท่ามราตรีเพ็ญ
ใจดวงงามสองดวง จึ่งพบเย็นกว่าเย็น
งามกว่างาม เกินกว่าที่จักให้ค่านิยามใด
แทนรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึกณ..บ้านภายใน
ได้จน..หมดจดหมดใจ
เรา...
ก้มพลีศิระกราน...กราบลาองค์พระพุทธปฏิมา...ในยามพลบ
อย่างอ่อนน้อมอ่อนโยน
ก่อน..
จะเกี่ยวกุมมือกันอย่างแนบแน่นมั่นคงจงรัก
เดินผ่านลานลั่นทมแห่งภักดิ์
ที่....
กำลังปลิดดวงดอกหวานเศร้า
ลงเคล้าคลุกธุลีหล้า ราวสั่งฟ้าฝากดิน
ให้รู้ซึ้ง..
ถึงบทเรียนแห่งถวิลเทวษโทมนัส
ที่ผ่านกัปป์กาลเวลา
ราวให้ย้อนกลับมาสอนสัจจธรรม อันแสนยิ่งใหญ่
ให้ใจไท ไทยทุกดวง
ได้หวนไห้รำลึก ไตร่ตรองรู้สึก
รู้รักสมานฉันท์ปันพลี
ปันดี ก่อนวันที่จักสายเกิน...
ฟ้า....งาม ในท่ามเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
พาให้หัวใจดวงอรชรอ่อนหวานของเธอ..
คงเผลอ..คิดถึงใครบางคน
*คนในอดีตกรีดใจ*
ที่..
ถือเป็นชาตินักรบทั้งตระกูล
ที่เคยมาเกื้อกูลเกี่ยวพัน
ให้ก่อเกิดสายใยรัดร้อยดั่งสร้อยโซ่รักโซ่ผูกพัน
ในบุพเพเพรงกรรม ตราบจนถึงวันนี้ ณ..วันนี้
ที่...
ดั่งมียอดดวงใจรักยิ่งใหญ่ร่วมกัน
ร่วมสายขวัญ สายใจสายหฤทัยแห่งรักแท้นิรันดร์
มาสานฝัน รังสรร ประโยชน์
แด่..
ผืนดินทองแลผองชนผู้ร่วมทนทุกข์ยากในแผ่นดิน
อย่างยากจะแยกออก
.....................
เธอ.....
กำลังเผลอเหม่อยลอยดูกระแสน้ำวนเชี่ยว
ดั่งเกรียวใจมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึง แห่งก้นบึ้งดวงใจ
ที่...
มากมีสัญญาเดิม สัญญาใจ ผูกพิสวาทกันมา
ให้จำต้องชดใช้
ด้วยการพลัดพรากจากลา
อย่าง..
สุดที่จะหนีพ้นในพันธนารักนี้...
ผม..พาเธอ มานั่งร้านเล็กๆริมฝั่งชล
ที่สายน้ำลึกล้นกำลังทอตลิ่ง
เสียงสายน้ำระรินระริกกระซิกกระซี้กระซิบ
อยากบอกทุกสรรพสิ่งแห่งชีวิตให้หยุดนิ่งฟัง
บทเพลงธรรม ธรรมชาติแห่ง*สายน้ำรักนิรันดร์ ได้ระบาย...
ดีกว่า..
ฝากกลายกลับพิโรธ
ราวอยากสอนให้มวลมนุษย์
ได้หยุดทำลาย แล้วแก้ตัว....เริ่มต้นใหม่...
.....................
กุ้งแม่น้ำ กับหลากอาหารค่ำ
แกล้มกับเสียงเรไรร่ำพร่ำบอก
ราว..
เสียงสายน้ำแห่งรัก
ที่..
คอยตอกย้ำเตือนให้ตระหนักถึงลมหายใจแสนสุข..
ที่มักแสนสั้น
ให้..
ทุกดวงใจ อย่าได้ไหวหวั่น
มัวประมาทไปกับคืนและวัน..*ที่ยากย้อนหวนคืน*
หาก..
สอนให้รู้รับชื่นรื่นอภิรมย์ ก่อนลมหายใจจักสิ้น..
และ
กับ...ทุกนาทีแสนมีค่า...
ยาม....
ได้พบรักแท้นิรันดร์
ได้ปันแบ่ง ทุกสิ่งแสนงามแสนดีอย่างแสนมีพลังใจ
ผม...
พาเธอมายังคอนโดกลางเมือง
*อาณาจักรแห่งรักแห่งฝัน*
ยามที่..
ผมเองนั้นยังจำต้องรับบทเป็น
*คนเมืองเรืองรุ่งมุ่งทำงานเพื่อสร้างหลักฐาน*
ให้..
เราได้สานฝันสร้าง
*วิมานลอย*
ที่กำลังคอยให้ฝันนั้นพลันจริง
เพื่อ...
ทิ้งความศิวิไลซ์
แล้ว..
ไปสัมผัสวิมานแห่งความสงบสงัดในยามบั้นปลาย
หมายได้ชิดใกล้ธรรมชาติ
และ...
วาดวงชีวีชีวิตให้สถิตสถาวร..สถาพร..
เพื่อ..
นำบทเรียนธรรม มาสอนใจแด่ทุกเพื่อนมนุษย์..
ไม่ว่า...ชนชาติภาษาใด
อย่าง..
ผู้เข้าใจโลก อย่างผู้อยู่เหนือโลก เหนือโศกสุขทั้งปวง
มิห่วงหาอาวรณ์สิ่งใดแล้ว
รอ...
เวลาร่างโรยร่วง ลงสู่ดิน
หากจิตวิญญาณดวงแก้วแววประภัสส์
จักโบยบินโบกด้วยแรงบุญแรงกุศลส่ง....
ให้ตรง...ไปยัง
*แดนดินแห่งความว่างเกษมเย็นเป็นนิรันดร์...*
.................
ราตรีแสนงาม...
กำลังพรายพร่างด้วยดารารายเรียงดวง
เธอ..
ยืนชมวิวบนระเบียงตึกสูง
แลลอยละลิบไปสู่ทิวทิพย์เมฆ
ทอดทัศนา รายรอบวิวทิวทัศน์ วัดวา
ยอดหลังคาโบสถ์อร่ามเรือง เลื่อมพรายพราวดั่งทองทา
โน่น....
พระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้วในยามค่ำ
แสนมลังเมลืองพราวพร่าง งามระยับจับนัยน์ตา
ราว..
เมืองฟ้า เมืองสวรรค์ ที่ฟ้านี้ประทานให้
กับ...
ลมหนาวละลิ่วละล่องมาปะทะร่างราน....
แลละลิบลงเบื้องล่าง
แลรายรอบราวเมืองสวรรค์ฝันสับสน..
กับ..
ชีวิตผู้คน..อลวนอลเวง..ในเมืองลวง และ..
รอ..
ดาวนำทางใจศรัทธาใจดวงไกล
ที่..
กำลังลอยละลิ่วปลิวด้วยลมรักลอยมาหา
มาปลอบประโลมใจ
ยามที่เราราวธุลีหล้าเล็กนิดเดียว
ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้....!
ที่ทุกดวงใจเฝ้าเพียรแต่สงสัย ถามใจตัวเองว่า..
จะมอบนิยามใดให้แก่โลกใบนี้ดี..ละหนอ ละหนา
ที่มีทั้ง ดิ้นรนเหว่ว้าสับสนต่อสู้
สุขแสนสุขในบางมุมของโลก
และ..
โศกแสนโศกโลกแทบสะเทือนไหวในบางชีวาชีวิต
ที่ถูกลิขิตไปตามกาลไปตามแกน
ความงามซ่อนอยู่มากมาย
ความชั่วร้ายก็ซ่อนอยู่มากมี
สุดแต่ใจเรานี้จะไขว่คว้าและ
ชะตากรรมนำพาหมุนวนให้ไปพานพบกับสิ่งใด
บางวันสุขล้นหัวใจอยู่ดีดี..
พออีกนาทีต้องมานั่งเศร้าดายเดียวลำพัง
น้ำตาพร่างพลันพรู
ร้างไร้ผู้ใดรู้เห็น....
โอ้ช่างไฉนเลย สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ลา สวรรค์ปิด
ผมเองเคยพลันคิด..
ฝันใฝ่
ใส่จินตนาการงาม..ให้..เมืองมลังเมลือง
เบื้องล่างนั้น
คือเมืองสวรรค์ในฝัน....
ที่มี...
แม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน
มีม่านหมอกราวสายไหม
มี..
ดวงดอกไม้หวานแอร่มแต้มไพรระดะดวง
มีเส้นทางสายงามทอดทาบราวอาบทองทา
นำพาไปสู่ป่าหิมพานต์
ณ.แดนดินแห่งมนต์ขลัง
เป็นป่างามสะพรั่งพรรณตระการตา
มี..
ดวงดาราพร่างดาระดาดกระพริบพราว
มืทางช้างเผือกงามอะคร้าว
ราวรุ้งเรียวรอรับร่างขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
เสกรวงดาวหว่านพราวพร่างพรมห่มให้โลกงาม
.................
หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์...
..............
ผม......
ค่อยๆเดินออกมา..
กอดกระหวัดรัดร่างเธอโอบกอดไว้
อย่างแนบแน่น
ด้วย..
แรงรักแสนรัก คิดถึงแสนคิดถึง
ให้ตราตรึงอบอุ่นณ..ทางเบื้องหลัง
แล้ว..
ไล้คางสากไปตามริมเรียวแก้มหอมหอมหอม
ดอมดอมดอมอย่างดูดดื่มชื่นฉ่ำใจ ..ภักดีใจ..
ในยามนี้..
ที่ฟ้าดินเบื้องบนกำลังเมตตาเป็นใจ
ประสานใจให้ใฝ่เฝ้ารอดูดวงดาวแห่งศรัทธารัก
ที่..
หวังจักโชนแสงส่อง
มาปลอบประโลมไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์.
และ..พลัน..!
ดาวในดวงชีวันก็ส่องกระจ่าง..สว่างไสว..ณ..กลางใจ
ดาวประจำเมือง..ที่สุกไสวราวรักเราสอง
ที่..
รอให้ครองเคียงคู่กันไป
แล้ว..
ลอยละล่องติดปีกฝัน สู่ไพรพฤกษ์พง
เราสอง...หลับตา
ราว..
ตกอยู่ในเงื้อมเงาแห่งเมตตา
จากหัตถาสวรรค์บันดาลดล
ให้..
ต้องอยู่ในมนต์ขลังภวังค์เสน่หา
และ.
ในมโนนึกอย่างแสนซาบซึ้งรักล้นล้ำเลอค่า
ในแย้มยิ้มยินดี...
เมื่อ*เรามีกันและกันในอ้อมกอด..*
ผม..จึ่งยืนนิ่ง
ให้เธอพักพิงอิงไหล่อยู่ในอ้อมโอบแห่งรัก
หอมหอมหอมเป็นยิ่งนัก
ทั้งกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพรในกลางใจเมือง
ที่กำลังไหวกิ่งฝันรับสายแสงจันทร์
และ
กับ..
อวลกลิ่นฝันอันอุ่นไอจากอ้อมอกแนบละมุนละไม..
จากหัวอกหัวใจของผมคนนี้
ที่เธอกระซิบว่า..
ดั่งสุภาพบุรุษลูกผู้ชายชาติอาชาไนยทรนงคงมั่น
สมดั่งสัจจอธิษฐานวาจา...
ให้เธอหนาวคลาย..ให้คลายหนาว..
ให้..
ใจดวงร้าว เลิกดายเดียว ตลอดไป
เราพากัน...ค่อยๆชี้ชวน
ชมทางช้างเผือก
ที่กำลังทอแสงสว่างกระจ่างเย็น
เป็นลำแสงว่างอย่างโชติช่วงชัชวาลย์
ปานประหนึ่งเพชรพร่างแพร้วพร้อย
พร้อม..
กระซิบพ้อรอรวมพลังรักอธิษฐานใจ....
ให้สองดวงหฤทัยแห่งเรา
ได้..
ครองคู่มหัศจรรย์รักยิ่งใหญ่...
ไปทุกภพทุกชาติ..อย่างพิสวาท..มิคลาดคลา...!!!!!!!
..........................................
ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..
ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!.
ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร...
เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม...
ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ....
ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม....!
........................
กลิ่นสไบนางหอม
หอมดอกพะยอมไม่เทียบเปรียบปาน
หอมดอกคัดเค้ารื่นเร้าจิตหวาน
เมื่อมาประมาณ กลิ่นไม่เทียบทานสไบ
กลิ่นสไบนวลนาง
แม้ห่างยังหอมไม่ชืดจืดใจ
ฉันจากถิ่นฐานมาเสียห่างไกล
โอ้กลิ่นสไบเจ้ายังร่ำไรไม่จาง
กลิ่นสไบใช่แล้วอกเอย
กลิ่นนี้พี่เคยเหมือนกลิ่นที่เชยจูบปราง
เจ้าปัดให้พี่วาง
พลัดปรางแนบใจ พี่ชื่นสไบบัวทอง
กลิ่นสไบนุ่มนวล
หรืออบลำดวน มะลิก่อนครอง
หอมยั่วจิตใจให้คิดใฝ่ปอง
ถ้าอยู่ห่างน้อง กลิ่นเจ้าร่ำร้องตามมา
กลิ่นสไบใช่แล้วอกเอย
กลิ่นนี้พี่เคย เหมือนกลิ่นที่เชยจูบปราง
เจ้าปัดให้พี่วาง
พลัดปรางแนบใจ พี่ชื่นสไบบัวทอง
กลิ่นสไบนุ่มนวล
หรืออบลำดวน มะลิก่อนครอง
หอมยั่วจิตใจให้คิดใฝ่ปอง
ถ้าอยู่ห่างน้อง กลิ่นเจ้าร่ำร้องตามมา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song20.html
วิมานสีชมพู
วิมานนี้สีชมพู
สีแห่งรัก งาม หรู
ซึ้งอยู่ในความฝัน
วาง ราก ศิลารัก สลักด้วย ดวง ชี วัน
จารึก ไว้ ร่วมกัน ไม่ มี วัน เสื่อม คลาย
ชื่น ใด เล่า เหนือกว่าใจเรา
เนาว์รัก มิวาย
ขอพลีใจ และกาย
รักเดียวไม่เคลื่อนคลาย
มลาย กลายสีชมพู
วิมานนี้ ฉันปลื้มฤดี เพราะมี เธอคู่
ถึงเข็ญใจ ไม่คลายชมพู เสรีรักอยู่ ชื่นชู ใจ
ชื่น ใด เล่า เหนือกว่าใจเรา
เนาว์รัก มิวาย
ขอพลีใจ และกาย
รักเดียวไม่เคลื่อนคลาย
มลาย กลายสีชมพู
วิ มาน นี้ ฉันปลื้มฤดี เพราะมี เธอคู่
ถึงเข็ญใจ ไม่คลายชมพู
เส รี รัก อยู่ ชื่น ชู ใจ...