3 พฤศจิกายน 2549 22:19 น.
พุด
ลำนำแห่งกระทงสยาม ลำน้ำน่าน
ใบตองอ่อนเจียดวางอย่างปราณีต
บรรจงกรีดกลีบดอกออกเป็นแผ่น
หยวกน้ำว้าจัดวางตามขวางแกน
บัวกลีบแน่นพับติดจิตอ่อนตาม
สุดเวิ้งน้ำเวิ้งฟ้าประดาดับ
สะท้อนจับภาพเก่าเงาสยาม
เปลวเทียนทองรองเรืองเมืองโอฬาร
เหล่าเทวาแดนวิมานประทานพร
พรุดอกไฟสว่างวาบขนาบน้ำ
แตกดอกตามลำแสงราวแผลงศร
วัฒนธรรมฟูเฟื่องเมืองอมร
ทั้งเพลงกลอนสาวหนุ่มกลุ่มเด็กมี
มาลัยร้อยกระทงลงตามแบบ
พุทธธรรมฝังแนบแถบเทียนสี
ธูปหอมหวนชวนดมชมวารี
ลอยเป็นพลีบูชาคงคาชล
อธิษฐานผ่านหน้าเทวาน้ำ
ความดีงามทั่วแหล่งทุกแห่งหน
นำศรัทธาข้าลอยไปในวังวน
ให้ดิ่งท้นซึมหายเคล้าสายธาร
เหล่ามาลีนี้เยี่ยงเคียงดวงใจ
หว่านโปรยไปไหลล่องทั้งคลองสาน
อภัยเถิดขอขมาต่อหน้าธาร
เศร้าซมซานให้ลับกับเวิ้งชล
เหลือความดีศรีศักดิ์จักคงไว้
หนุนนำใจให้สุขทุกแห่งหน
ก้มหน้าน้อมแนบอิงตลิ่งชล
ศรัทธาท้นอาบแสงแห่งจันทร์เพ็ญ
กระทงทองลอยนิ่งสิ่งงามงด
ยิ่งสวยสดแสงเงาเรามองเห็น
เด่นอยู่นานบานฉ่ำจากย่ำเย็น
จนเดือนเพ็ญสิ้นแสงแห่งนภา...
http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_41040.php
กี่ดอกไม้!สายชลใบตองต้องร้องไห้! พุดพัดชา
กี่ดอกไม้ใบตองต้องร้องไห้
กี่เงินใช้สายชลพร้อมเน่าเหม็น
กี่ความรักโยนทิ้งสู่ธารเย็น
กี่ทุกข์เข็ญไหว้วอนชลปนเปื้อนใจ..
กี่หัวใจไม่รับรู้โลกหมุนเปลี่ยน
กี่คนเวียนทำลายแม่น้ำใส
กี่คราแล้วธรรมชาติให้บทเรียนใจ
กี่หัวใจจะไตร่ตรองมองเห็นธรรม.....(ธรรมชาติ)
กี่ความทุกข์ทิ้งชลใช่ทางออก
กี่ช้ำชอกอยู่ที่ใจฝึกไม่ช้ำ
กี่ปากว่าตาขยิบรักธรรมชาติละมุนพร่ำ
กี่ระกำย่ำยีมิรู้คุณ..
กี่กระทงลงน้ำแล้วหายวับ
กี่เทียนดับสะท้อนสุขนาทีหมุน
กี่ทำลายแม่คงคาไม่การุณย์
กี่ปีหมุนผิดทางห่างโลกจริง..
วอนรักน้ำดินฟ้าอย่าหลงผิด
ถนอมสนิทโลกแสนงามห่วงทุกสิ่ง
ธรรมชาติวาดฝันฉันเธอรู้รักยิ่ง
มนุษย์คือสิ่งทำลายยับหรือกลับใจ..รักษ์โลกเรา!
บุหลันลอยดวง สว่าง กลางฟ้า กระจ่างใจ ...
ริมฝั่งฝัน ปิงวังยมน่าน ผ่านสู่เจ้าพระยา
ในราตรี...
ที่กระทงสายพรายพริ้วพริบพราวราวพร่างเพชรแพร้วพร่าง
กลางลำนำ ลำน้ำ สายธาร หวานวะวับแวม
แกมประกายวูบไหวแตะแต้มดวงใจ
ให้หนุ่มสาวเคล้าคลึงคลอ
พนอนวลเนื้อละอียด
เบียดละอ่อน แนบนุ่มนวลนาง นวลน้อง
เฝ้าประคองรักประคองกระทงลงคงคาบูชารำลึกถึงพระคุณ..เทวีแห่งน้ำ..
ท่ามกลางลมหนาวพร่าง กลางจันทร์เพ็ญ พรมหวานพราย
ให้ทุกดวงใจได้ฝากฝันฝากพลังรักพลังศรัทธาใจไทยทั้งชาติ
ที่เชื่อกันมาแต่โบราณนานมาว่า..
แม่น้ำลำคลองทุกสายจะไหลรวมกันไปยังนัมทามหานที..
ที่ไหลผ่านไปยังพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์
ดังนั้น การลอยกระทง
จึงเป็นดั่งการสักการะต่อองค์พระธาตุบนสรวงสวรรค์
และเชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัย
ความเคราะห์ร้ายทั้งปวงออกไปจากชีวิต
และแสดงความชื่นชมยินดีผูกพันใจต่อสายน้ำ
ในชีวิตไทยโบราณที่มีบ้านอยู่ริมฝั่งนที
และแทบทุกเรื่องราวในชีวีหนีไม่พ้นได้มาจากสายน้ำ
ไม่ว่าอาหาร การสื่อสารเส้นทาง
และแม้กระทั่งความรัก
ที่มักมากับประเพณีเทศกาลจากลำน้ำ...
หนุ่มสาวคงเพียรเฝ้าพะนอ
ขออธิษฐานบานบนต่อแม่พระคงคา
ให้บุหลันกลางฟ้าและดวงดารา..รับรู้รักนี้
ที่หนักแน่นมั่นคงซื่อตรงคงมั่น เป็นดั่งสักขีพยานใจ..
และในดวงใจดวง..ก็พลันคิดถึงสายน้ำปิง..
ในค่ำคืนนี้...
ที่คงงามงดตระการตาตระการใจ
พาให้ใจดวงฝันฝันฝันเฝ้าอยากไปฝากฝัน
ไปชื่นชมดื่มด่ำล้ำลึกกับใครสักคนในคะนึง..
ดวงได้แต่ฝันสล้างพร่างละออพ้อเพ้อเห็น
กระทงสายพรายพร้อยนับร้อยพันพรูพร่างกลางสายน้ำ
งามอะคร้าวพราวพลอยราวสายสร้อยสายโซ่เพชร
ร้อยดาวเรียงดวงรวงดาวมลังเมลืองเรืองรองกลางผืนน้ำ
.
ไหนจะกว๊านพะเยา ที่สายน้ำไม่ไหล
พาให้ทุกดวงใจกังวลว่าทุกข์ตรมจะไม่ลอยพรากจากลาไปไหนพ้น
เลยหัวใส..เรื่องอะไรจะลอยกระทงลงน้ำ..
สู้จุดโคมลอยไปในนภากาศ ให้วาดหวังมิดีกว่าหรือ
และหากพร้อมใจจุดโคมลอยในเรือสักร้อยลำในกว๊านพะเยา
กับให้ทุกหมู่บ้านรายรอบพร้อมใจจุดโคมลอยปล่อยพร้อมกันไป
มีดอยบุษราคัมและดอยหนอกเป็นดั่งฉากหลัง
ในช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับฟ้า
ดั่งฉากสวรรค์หวานเจือสีส้มแสดแสง..แดงแรงร้อนเร่า..
ให้งามเงาในน้ำดั่งกระจกสะท้อนเลื่อมพราย
ราวมากโคมนับพันทวีคูณพูนเพิ่ม
แค่นี้ก็คงงามพร่างกลางใจไทยทุกดวงแล้ว..
ดวงขอฝากลำน้ำบทเพลงสักขีแม่ปิง
อิงหวานฉ่ำร่ำรมย์ให้ระรื่นชื่นฉ่ำใจมานะราตรีนี้นะคะ
พร้อมกับบทเพลงกว๊านพะเยาค่ะ....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song303.html
ช..กุศล ดลพี่มาพบเจ้า
ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้
ญ..น้ำ คำ รักของคนเมืองใต้
จะจริงแท้แค่ไหน
สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล
ช..ชีพสลาย ยังไม่คลายรักเจ้า
ญ..จริงดั่งใจหรือเปล่า
หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น
ช..รัก จริง เพียงหัวใจแดดิ้น
ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย
ญ..น้ำ ปิง ล้น ฝั่ง
ช..ดัง รัก พี่เปี่ยมฤดี แล้วเจ้าเอย
ญ..แล้ว คง ละ เลย ไม่เหมือนเอ่ย
ช..โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย
ญ..หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า
ช..ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า
วานน้องฆ่าเสียให้ตาย
ญ..สาบาน ชจ๊ะสาบานก็ได้
หากความรักสลาย ขอตายในสายแม่ปิง
ช.. รัก กัน หวาน ชื่น
ญ.. เกรง ขม ขื่น ชื่นกลับชังช้ำอกหญิง
ช..น้อง ควร รู้ ใจ
พี่ทุกสิ่ง เช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่
ญ..หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น
ช..พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้
ญ..อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซีพี่
พร้อมจูบฝากรักสักที
ไว้เป็นสักขีแม่ปิง...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4125.html
โอ้ธารสวรรค์ กว๊านพะเยา
ธารรักเราครวญคร่ำ ลมโชย
พริ้วฉ่ำ ในวังน้ำวน
พร่างพรมมนต์รักมา
ดูราวสายชล ธารสวยตระการ
อยู่ในนิทรา แว่วเพลงรัก
ของปักษา ร้องอำลาคืนรัง
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย...
........................
และในจินตนาการรัก
ที่ดวงใช้แค่ดวงใจละไมฝัน
พลันติดปีกโผผินบินไปตามลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นสู่เชียงใหม่
เมืองล้านนา
เมืองแห่งดวงตาสวรรค์
ที่อยากฝากฝันฝากใจกับสาวงาม
สักคนที่งามแต๊ๆไปตราบชั่วนิจนิรันดร
และในฝันท่ามกลางฟ้าพร่าง..
ดวงเห็นนางใจ นางในฝันนั้น
นวลน้องงาม หนั่นแน่น นวลเนื้อนุ่ม
กลมกลึงรัดรึงใจพิลาสพิไล
ห่มสไบสีงาช้าง..
เดินทอดย่างในผ้าซิ่นสีแดง..มุ่นมวยผมแกมเกศ
รัดเกล้าด้วยมาลัยดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม
ห้อยพวงพราวระย้าย้อย
ด้วยดวงดอกมะลิซ้อนอ้อนหวานเอียงอายอายเอียงเคียงข้าง
ด้วยหนุ่มน้อยรูปงาม ในชุดชาวไทรัฐฉานสง่างามพอกันริมฝั่งน้ำ
น้ำในตาสาว
วะวาววะวับวิบระยิบพร่างพริบดั่งเพชรพราว
แข่งกับนวลแสงดาวที่พากันเฝ้าพร่างพริบ..อิจฉา
ยามเธอช้อนตาสบตา พากันส่งกระทงน้อยลงคงคา
ให้สายน้ำในธารา ในดวงตาในดวงใจ
เป็นดั่งพยานใจพยานรักชั่วกาล..
อย่าให้รักหวานกลายกลับเป็นขม
เหมือนดั่งเพลงที่กำลังลอยลมพร่างพลิ้วมาเลย
...................
บทเพลงริมฝั่งน้ำ..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song301.html
ริมฝั่งน้ำ
ริม ฝั่ง น้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน
เคยเรียกเธอ เสนอรักรำพัน
เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง
น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวาน ปานไหลหลั่ง
น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวัง ยังคงคอย
เคยชื่นใจ ฝากไว้หัวใจลอย
เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย
ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง
ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน...
......................
และอีกที่..
เมืองแสนดีแสนงาม
นามเพราะเมืองประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย
สุโขทัย...เมืองในดวงใจแดนจันทร์แดนบุหลันงาม
ที่คงฝากความอลังการยิ่งใหญ่
เพราะมีฉากเมืองเก่าของเราแต่ก่อนให้อาวรณ์อาลัย
มีหลักศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ที่ตรึงใจก็ด้วยตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์
ที่นะค่ำคืนนี้คงคลาคร่ำด่ำดื่มกันถ้วนหน้าไม่ว่าหญิงชาย...
..........
แต่ดวงกมลของดวง..
ในค่ำคืนนี้นั้น
มีฝันอันอะคร้าวรอคลุกเคล้าใจให้ไหวงามอยู่แล้ว..
ดวงตั้งใจจะค่อยค่อยขับรถ..เข้าไปในเส้นทางงาม
เลียบลำน้ำเจ้าพระยา..สองข้างทางคือราวป่าเส้นทางสายชนบท
ลดเลี้ยวลับขนานไปกับทุ่งนา ดงตาลให้หวานในดวงใจ
และให้หวานพระจันทร์พลันพรายสีทองส่องทาทาบอาบรวงเรียว
ให้เสี้ยวใจริบหรี่ ได้พร่างพรมห่มด้วยหอมงาม
ให้บุหลันดวงหวานเศร้า ริมเจ้าพระยาคลอเคล้า
นะร้านชานเมืองชานเรือนไทยเรียบง่าย
ที่ดวงเคยเข้ามานั่งดายเดียวเดียวดาย
ใต้ดวงดาวในหมู่ร่มไม้เรือนใจพันธุ์ไทยดังไพรพฤกษ์พง
ที่ดวงดอกดงการะเวกหวานหอมแทบหลอมละลายใจ..
เททุ่มใจถอดใจร้องไห้ ร้องไห้....
ด้วยไหวคะนึงครวญหวนไห้ถึงใครบางคนสุดทนสุดใจ..แล้ว..
และนั่นดวงดอกไม้ในฝันเศร้าเสมอมามิราโรย..ร้าง
มิเคยห่างใจดวงร้าว..นี้
ลั่นทมพราวทุกราวกิ่งแกล้ม..แกมจำปีจำปา..
และกล้วยไม้ป่าห้อยคาคบยามพลบค่ำ
ราวดวง..นั่งในไพรพงจริง..
ดวงชอบเด็ดลั่นทมสองสามดอกเสียบแซมผม
มาดแม้นไร้ใครดอมดมพรมจูบ
ไล้เรียวแก้มแกมรักล้นใจ..ก็ตามทีเถอะนะ..
คืนนี้ ดวงคงนุ่งซิ่นผืนงาม
และคงคลุมไหล่สล้างด้วยผ้าไหมทอมือสีไพลผืนเก่า
ดวงคงจะขอฟังเพลงคลอพ้อรักฝากไปกับสายชล..
บทเพลงแห่งดวงใจรัก..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html
สายชล
เหม่อมองดูสาย น้ำ วน
เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน
เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป
ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา
เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ
อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง
เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล
แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด
อดีต ช่างงามล้ำล้น
มิเคยลืม ภาพเราสองคน
มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป
มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป...
ลุ่มเจ้าพระยา
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
และคงอีกคราที่น้ำตาดวงจะหยดเผาะ
เมื่อเพลงพ้อมาถึงคำร้อง..
*ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร
ที่เหินบินคู่กันไปหัวใจ..คู่กัน.*..
และหากดาวประจำเมือง ดาวบนฟ้า คือดวงตาใครสักคน
ที่เคยกระซิบบอกดวงว่าทุกความห่วงใย
ทุกสายใจสายใยรักระหว่างเราสองนั้น
ให้ฝันปองมองหาดาวในดวงใจ
ยามเหว่ว้าอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด
ที่จะพริบพราวเฝ้าปลอบประโลมใจเสมอมาเสมอไป
เป็นนิรันดร์รักนี้..ที่มิมีวันได้เคียงครองคู่
และคนดี..
ไม่ว่าค่ำคืนนี้คุณจะอยู่นะที่ใดในประเทศไทยนี้..
ขอจงฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวมาถึงดวง..นะคะ
จงพริบพราวและเฝ้าดูดวงดายเดียวริมฝั่งชล..ลำพัง
ดวงพร้อมจะหลั่งหยาดน้ำตา..
บูชาพระแม่คงคาบูชารักเรา
ที่พลีพร้อมยอมไร้ร้างห่างกันไกลสุดขอบฟ้า..
เพื่อรอวันที่
ดวงตาสวรรค์จากฟ้าเบื้องบน
มีเมตตาปรานีให้พรเราสอง
และ...คนดีในฝันในดวงใจ..
ดวง..จะพลี..เพียง..ลั่นทมดอกเดียว
ที่จะ...
ค่อยค่อยลอยละล่อง
อย่างเดียวดาย... ดายเดียว...
เปลี่ยวเหงา..ไปตามสายชล...กลางสายชล... ลำพัง..!
......................
2 พฤศจิกายน 2549 23:24 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html
ประติมากรรมแห่งชีวิต
คือลิขิตจากพรหมฉะนั้นหรือ
ฤาทุกสิ่งอยู่ที่สมองแลสองมือ
ให้โลกลือเราทำได้เราได้ทำ
ผ่านบทเรียนผิดถูกมาเพาะบ่ม
แม้นระทมเพียงใดรู้กลืนกล้ำ
แหงนเงยหน้าท้าโศกพบโลกธรรม
แล้วหลอมนำมาปั้นแต่งเป็นตัวตน
ทั้งงามนอกงามในใส่วิญญาณรัก
แสนภูมิภักดิ์รักเกียรติไปทุกหน
สัจจะรักสัจจะใจคนเหนือคน
เลิกวาดวนเพียงเปลือกนอกเฝ้าหลอกลวง
คือประติมากรรมตำนานฝันอันล้ำค่า
เทพเทวาทิพย์ประทานจากแดนสรวง
มอบหัวใจเหนืออัญมณีใดสิ้นทั้งปวง
ประดับสรวงเคียงคู่ขวัญมหัศจรรย์รัก...
.............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html
ตลอดกาล รณชัย
รัก แรก
แทรกความหวานฉ่ำล้ำ ทั้งมวล
เหมือน ชวน ให้ใจต้องเสน่หา
เหมือน ดั่ง สายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
ไหลผ่านมา
สองอุรา พาให้ฝันใฝ่
รัก นั่น
ไม่มีวันเปลี่ยนผัน หัวใจ
ให้ ใคร มีใจเพียงเพื่อเธอ
แม้ โลก
หยุดหมุนรักก็ยัง มั่นเสมอ
ฟ้า มีดาว ฉัน มีเธอ
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา
เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล...
........................
คืนแสนหวานกับคนดีที่ครีฟแลนด์
ที่รัก..คืนนี้....
เรา มีนัด ดินเนอร์ กับ ลูซี่ และจอห์น
บนเรือรบที่ทอดตัว สงบงามอยู่เหนือทะเลสาบอีรี่
ที่บรรยากาศ แสนโรแมนติก
ราตรีที่ดาวพราวพร่างฟ้า
เหนืออ่าว ครีฟแลนด์
ดินแดนแห่งความฝันความหลังของเราสอง
ผมขับรถไปรับคุณที่บ้านแจ๊กกี้..
และ
คุณทำให้ผมมองคุณตะลึงหลงงงงวย
อย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองอีกคราครั้ง...
หลังจาก...
*งานพรอม..*นานมา..
ที่คุณเคยงามงดในชุดราตรี
ผ้ากำมะหยี่แนบเนื้อสีดำ
ที่มีขนนกเป็นชายครุยกรุยกราย ยามก้าวเดิน
และ..
รอบคอ งามล้ำด้วยสร้อยเพชร..ลายผีเสื้อ แพรวพราย
ขับใบหน้าคุณให้งามผ่องผุด โดดเด่นเจิดจรัส
จนหนุ่มผมทอง หลงจ้องมองแทบไม่กระพริบตา
ยามที่คุณเยื้องย่างในงาน
และ..
คุณงาม..มากในยามค่ำคืนนี้..
เพราะร้อยวันพันปี..ผมจะเห็นแต่ภาพคุณ
ใส่กางเกงยีนส์ และเสื้อยืดง่ายๆ สบายๆ
คืนนี้คุณใส่เสื้อผูกพันทบเป็นโบว์ทิ้งชายตรงด้านหน้า
ให้เห็นเนียนเนื้อละมุนสีน้ำผึ้งของคุณ
ที่งาม จับตาจับใจและเปิดหลังผ้าไหมสีแดง
จนผมแทบลืมหายใจ..
ยามที่...
คุณค่อยๆก้าวลงมาจากบันได..
กระโปรงสั้นสีดำ..
ขับให้ขาคุณเนียนผ่องในเงาสลัวรางของแสงไฟ..
คุณแย้มยิ้มพริ้มเพรา..และอารมณ์ดี
ที่วันนี้ผมขับรถสปอร์ตสีดำคันงาม ที่มีชื่อเล่นของคุณ
ติดเป็นป้ายทะเบียน..
เราขับรถช้าๆ ดูแสงไฟพราวรอบๆอ่าวแสนงาม
ก่อนที่จะข้ามสะพานสั้นๆ
ที่ทอดรับไปยังกราบเรือที่ประดับประดาด้วย
แสงเทียนวะวับวาว..
เสียงไวโอลิน ขับกล่อมเบาๆในยามค่ำ
หวานอบร่ำมากับสายลมหนาว
แกล้มกลิ่นอวลน้ำหอมบางเบามาจากเรือนร่างงามระหงของคุณ..
ลูซี่..รอเราอยู่แล้วพร้อมสวมกอดคุณแนบแน่นด้วยยินดี..
และ
หันมายิ้มหลิ่วตาล้อผม..
ใครๆ..ในเพื่อนพ้องของเราทั้งคู่ ต่างรับรู้ว่า
ผมรักและรอคุณมาแสนนานหลายปี
กว่าจะมีวันนี้ คืนนี้....
ที่..
แสนงดงามในความทรงจำของผม
ที่จะไม่มีวันเลือนลืมตราบนานเท่านาน
ยามที่มีคุณชิดใกล้หัวเราะเริงร่า
ให้หัวใจผมไหวหวามเต้นระริก
ด้วยความรักคุณรักคุณและรักคุณที่สุดแล้ว..
เราดื่มไวน์ ฉลองคืนแห่งความฝันนี้
และ.....
น่าขันที่เราต้องโชว์พาสปอร์ตว่า
อายุเราเกินพอที่จะสังเครื่องดื่มมึนเมาได้แล้ว
เราหัวเราะกันดังลั่น
ดีใจที่เรานั้นหน้าคงเด็กกว่าอายุจริงเป็นไหนๆ
พระจันทร์สวยดวงหวาน..
พลอยเบิกบานยิ้มแฉ่งล้อเลียนอิจฉาเรา..
ในเงาจันทร์และแสงเทียนวูบไหววะวับวาว
ต้องจับใบหน้าคุณให้ละมุนในรู้สึก
ผมอยากเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้า
ด้วยสำนึกถึงสิ่งสูงค่า แสนรักแสนน่าทะนุถนอม..
ผมมองคุณผ่านกุหลาบแดงตรงหน้า
และสบตาคุณราวจะวอน
อยากกล่าวคำอ้อน
บอกว่าค่ำคืนนี้ .....
คุณหวานหยาดกว่าสายน้ำผึ้งจากจันทร์
บอบบางกว่ากลีบดอกไม้และกุหลาบนานาพันธุ์
ที่..
กำลังบานสะพรั่งทั้งโลกหล้ามารวมกันเสียอีก...
หัวใจผมกำลังสำลักอิ่มสุข
หลอมละลายหัวใจดวงนี้ให้อาวรณ์ อ่อนโยน..ถวิลหา..
และ..
คนดี..ในความสุขนาทีนี้ ผมรู้ดี หลังวันเกิดผม
คุณก็จะอำลา กลับมาแผ่นดินเกิด
ของเรา.แผ่นดินที่ผมโหยหาและรู้ว่า
ทุกธุลีดิน..
ที่ผมย่างก้าวนั้น ผมหยัดยืนได้เต็มฝ่าเท้า
ก้าวย่างได้อย่างภาคภูมิใจ...
ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆอย่างประเทศนี้
ที่ผมจำเป็นต้องอยู่เพื่ออนาคต
คนดี....ผมไม่อยากนับนาทีถอยหลัง
ผมรู้ดีทันทีที่ผมส่งคุณที่ดีทรอยส์
หัวใจผมก็จะละห้อยห่วงหาคุณ อีกนานนับปี..
ที่ผมนี้แสนกลัวความพรากจากที่แสนทรมาน
คนดี ที่รัก..
มองตาผมสิ..
ลูกผู้ชายคนนี้..ที่มีใจเดิมพัน
กำลังจะครวญคร่ำว่ารักคุณ และรักคุณ
ขอให้ฟ้าดินสิ้นทั้งโลกหล้าได้รู้เห็นเป็นพยาน..
ถึงความรักหนักแน่นมั่นคงยาวนานนิรันดร์ของหัวใจผมคนนี้
ที่ใจซื่อถือมั่นในรักแท้รักจริง..
เราสบตากัน..
หยาดเพชรพราวนัยน์ตางามส่องประกาย
ราวกับจะปลอบประโลมดวงใจผม
ที่กำลังช้ำตรมว่า..อย่าร้องไห้เลยนะคนดีที่รัก
ไม่นานนักไม่นานนี้
เราสองนี้...
คงไม่ต้องพรากจากกันอีก...จนตราบนานนิรันดร์....!!!!
.............................
1 พฤศจิกายน 2549 13:15 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
บ้านเรา
ด้วย...
ใจดวงพิเศษเดียวดาย ณ ภายใน
เห็นธาราใสไหลเอื่อยริมคลองโสนสนาน
ซุ้มประตูรั้วสวน สายน้ำผึ้งผลิช่อบาน
ยินระฆังทองแผ่วแว่วหวานลอยลมมา
ในหุบผาฟ้าสว่างกระจ่างใส
พะยอมไพรคลี่กลีบหวานบานรอท่า
หมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์โฉบบินมา
ถลาลงคลุกเคล้าเฝ้าคลึงดอม
สวรรค์หล้าข้าวสุกปลั่งสีทอง
เรืองรองเรียวรุ้งอาบข้าวหอม
สายแสงแดดจูบพสุธาฟางลอม
เห็นรวงค้อมเคลียเคล้าคารวะดิน
คือเมล็ดพันธุ์การสืบทอดไทวิถี
ดุจฤดีทุ่งฤดีทองปองถวิล
เสมอเสมือนพรพรหมพลีกำนัลแด่ผืนดิน
รักษ์มิสิ้นทายท้าโศก..ผืนโลกอุดม....!
................................
ในท่ามโลกที่กำลังพบภัยพิบัติมากมายมากมี
ที่ธรรมชาติกำลังหยิบยื่นให้..
มวลมนุษย์ในโลกหล้าหลากหลายชีวิต
กำลังดิ้นรนไขว่คว้าทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด
แม้นจะบอบช้ำทางจิตวิญญาณสักปานใด
ก็..
จำต้องสู้..เรียนรู้..ฝ่าฟัน ดั้นเดินไปตามหนทางแห่งชีวิต
ตามลิขิตวิบากกรรม
ตราบจนกว่า...จะพ้นพันธนา .....
ก็จัก..
พลันพาพบปาฏิหารย์..รักให้พักพิงอิงโอบเอื้อใจ
พร่างไสวด้วยสายแสงทอง แสงธรรม
รัศมีอันแสนสว่างสะอาดสงบ จบด้วยความสุขนิรันดร์
มิพักหวัง เวียนว่ายมาชดใช้กรรมใจ กรรมใดอีก
รักธรรม รักษ์ธรรมชาติ
โลกนี้ก็จะสดสวยสะอาดให้เราได้อภิรมย์ไปตราบนานค่ะ
ด้วยรักปราถนาดี..
จากดวงใจ
อัญมณีแห่งไพรพฤกษ์...
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
บ้านเรา
บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
พลี..*คืนเรือนรับขวัญ แด่ ชัยชนะ
จากน้ำคำน้ำใจ ที่ฝากไว้ในงาน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem94547.html
เมขลาระทม
*ให้ความรู้เป็นประโยชน์ดีครับ
เมขลาบนฟ้า กับแมขลาบนดินช่างต่างกันลิบลับ
ธรรมชาติเป็นของมนุษย์ทุกคน
เมื่อเราไม่รักษามัน มันย่อมลงโทษเราเช่นเดียวกัน
ดีใจครับทียังได้เจอชื่อนี้ประดับอยู่บ้านกลอน
ชัยชนะ 31 ต.ค. 49 - 22:06 IP 222.123.77.146
........................
และ
นั่นคือหยาดน้ำค้างพิสุทธิ์ใสจาก
ดวงใจสุภาพบุรุษแฟนพันธุ์แท้
มิ่งมิตรคนดีของพุดพัดชามานานหลายปีค่ะ
และ...
ไม่ว่าจะหายไปไหนมา
ที่นี่...*ร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งผองเรา*
จักยังรอท่า ทุกดวงใจเสมอมาเสมอไปค่ะ...
...........................
คืนเรือนรับขวัญ!
ผม...ตัดสินใจ
ซื้อที่ดินผืนนาร้างว่างเปล่านี้
ที่ผมดั้นด้นค้นหามายาวนานนัก
หลังจากเพียรพยายามตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
ทำหน้าที่ทางโลกอย่างดีที่สุดเป็นเวลาหลายแรมปี
เงินที่ผมถนอมออมเก็บกำมา เกือบตลอดทั้งชีวิต
เพื่อนำมาก่อฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง..สร้าง
*วิมานกระท่อมทับเรือนไทย*
เป็นรังรักอาณาจักรใจ ในจินตนาการ
ริมบึงบัวสล้างที่กำลังกระจ่างใจเป็นจริง
ให้หยาดน้ำตาผมรินร่วงด้วยภาคภูมิใจ
ตรงหน้าผมนี้แล้ว...
เรือนไม้เรียบงามสงบสันโดษ
ในท่ามกลางธรรมชาติพันธุ์ไม้ไทยดอกหอมพร่าง
แตกช่อสล้างพราว ขาวนวลหอมหวาน
รับอรุณยามเช้าอย่างสดชื่นระรื่นร่ำ ละออตาละออใจ
มีชานเรือนตรงกลาง
ให้นอนนับดาวเคล้ากลิ่นลำดวนดง
กับ การะเวก พุดซ้อน ปีบหอมพร่างกระจ่างใจ
พรรณไม้ไทยไหวกิ่งฝันนานา
เรือนไทยหลังน้อยของผม
สงบงาม ด้วยทางเดินร่มรื่น
ผ่านผืนนาร้างห่างเมือง
ผ่านหมู่บ้าน
เข้าทางถนนสายขรุขระ
ที่แสนมีเสน่ห์งามสำหรับดวงตาดวงใจผมนี้
ที่เห็นแง่งามมิตามโลกตามใคร
มิตามศิวิไลซ์เจริญรุ่งแบบกรุงกรงกักขัง
เส้นทางสายสวยสงบ
ที่จะพบแต่ความงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ
ท่ามกลางดงดอกหญ้าระบัดไกวไหวเอนอ่อน..
อ้อนสายลมเย็นย่ำยามตะวันรอน
ห่างแสงสีเทคโนโลยี่ฉับไว แสนจะไกลปืนเที่ยง
เพียงผ่านบานประตู
ไม้ไผ่สานละเอียดเก่าคร่ำเข้ามา
ที่ผมแค่ใช้กั้นอาณาเขต
*บ้านภายในกับโลกภายนอก*
เหมือนราวพบโลกทวิภพ..
มาพบโลกอดีตที่รินร่ำฉ่ำเย็น
แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชะอุ่มงาม
ใสพร่างหอมพรายนานาพรรณ...พฤกษ์
เรือนไม้ชั้นเดียว...
เป็นเรือนฝันสวรรค์เสก
กลางดงไม้ไทยร่มครึ้ม
ที่ด้านหนึ่ง
มีทางเดินลงสู่นาข้าว
พราวละมุนไกลกรุ่นสุดลูกหูลูกตา
ในนาที่กำลังออกรวงเรียวสีทองผ่องผุด
รอฤดูกาลเก็บเกี่ยวรอเคียวคม
ที่ผมอนุญาติให้ชาวนามาใช้พื้นที่
ช่วยหว่านเพาะปลูกหวัง
หว่านหวานฝัน อันบรรเจิดใจ
ปลุกปลูกจิตวิญญาณไพรพร้อมๆไปด้วยกัน
ผมชอบสวรรค์เสน่หาวันที่ข้าวกล้าระบัดไหว
ใน*ทุ่งรวงทองปองฝัน*ของผมนานมา
หวัง...
ยามอ่อนล้า ได้พาร่างใจ ลงไปคลุกโคลนเลน
เที่ยวท่องตามท้องร่องของกอข้าวเขียวขจีที่ไสวพร่าง
ริมนา มีต้นตาล
ที่ผมปลูกไว้ราวชะลอฉากมนต์รักลูกทุ่ง
อันหอมกรุ่นในสำนึกลึกล้ำ..ให้คืนหลังกลับมา..
อีกคราอีกครั้งดั่งภาพฝัน
ยามผมฟังที่ผมนั้นอึ้งอั้นต้องมนตรา
ในบทเพลงเสน่หา*มนต์รักลูกทุ่ง*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3102.html
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน
หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
และ
ผมปลูกผักนานา ไว้เก็บกินได้
ไร้สารพิษ
ผักบุ้ง ผักลิ้น กระถิน โสนเหลืองทองอร่าม
งามพราวพิลาสพิไลแถมเก็บไปกินได้ด้วย
พืชผักสวนครัวริมรั้วริมบึง
ข่า ตะไคร่ ฟักแฟงแตงร้านแตงกวา
ถั่วฟักยาว กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง สล้างเสลา
เคียงกันมีขนำนาเถียงนา ไว้มานอนรำพึงรำพัน
มองสวรรค์กลางดิน
มองรวงเรียวเขียวไพลเขียวพร่าง
ไสวสว่างกระจ่างใจ
ด้วยเรียวรวงสีทองราวคลื่นลอนระบัดพัดโบก
ราวผืนผ้าไหมยามลมไหวเป็นระริ้วพลิ้วระลอก
ไล่ละหลั่นสะบัดฝันเรียวรวงรอง
ผักก็งามทั่วท้องร่อง ริมบึงหนองริมท้องนา
กบเขียด อึ้งอ่างร้องอึงคนึงเคล้าคลึง
เถียงกันท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำจั๊กๆ
พรั่กพรั่กพร่างพรมลงบนรวงเรียว
จนเอนค้อมน้อมหนักลงแทบเคลียดิน
รวงงามราวนวลเนื้อนวลใจ
ราวกลีบดอกไม้พิสุทธ์ใสกลางกลีบใจ
ของนวลน้องนวลนางกลางไพรแม่สาวบ้านนา..
ผม..ชอบมานอนเหว่ว้า
อ้างว้าง ว่างใจ วางใจ ปลดปล่อยใจ
รินร่ำรับงามฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ
ฟังเพลงหวานแว่วจากวิทยุทรานซิสเตอร์
ละเมอหารักพ้อเพ้อละเมอใจหาสาวนา
ฟังบทเพลงธรรมชาติเหว่ว้ารายรอบริมบึงถึงริมใจ
ไหวหวามรำพึงคะนึงครวญหวนไห้ตาม
ให้ฝันให้ได้กลิ่นบรรยากาศของท้องทุ่งรวงทอง
ที่ยังรักกันแบบผ่องผุดพิสุทธิ์ใจราว*ขวัญ เรียม*
ในตำนานเที่ยวท่องล่องพงไพร
มิหลงแสงสี
มีเพียงแสงไต้ ยามราตรียามเข้าไต้เข้าไฟ
มีเพียงแสงตะเกียงลานดวงหวานริบหรี่วูบไหว
ให้ใจดวงหวาน หวามงาม พอกัน
..
บางค่ำคืน..
ผมจะมานอนฟังฝันฟังฝนทั้งคืน กลางเถียงนา
ดูสายฝนเหว่ว้ากระหน่ำลงมากลางนากลางใจ
ให้ไหวหวั่นฝันสะเทือนพอกัน
ดูสายฝนพรายพลิ้วละลิ่วโลมไล้ท้องนา
งามละลิบละลานตา
ดั่งสายหมอกสายเหมยสายไหม
ในทุ่งทิพย์รวงทอง
เรืองรองผืนนากับฟ้าพร่างพรม
ราวหยาดน้ำตาระทมร่วงพราวจากนางฟ้าใจดี
ที่งามเย็นทรวงร่วงให้รวงรับหยาดสายพรายพลิ้ว
และ
ยามใดที่ผมได้คลุกโคลนเลน
กลั้วกอดกลิ้งกับวัว ควาย
ที่เคยมากับกายใจในยามวัยเยาว์จนให้ใจถวิลหา..
*จะพาเกิดก่องามนิ่ม งามนวล ในเนื้อใจ*ผมนี้
ที่ราวกับว่า..เป็นหนึ่งเดียวกับชีวาชีวิตผมเลยทีเดียว
เรือนไทยของผมเป็นเรือนชั้นเดียว ยกสูง
ปล่อยลานโล่งไว้เสพทัศนียภาพรายรอบทิศทาง
ที่งดงามหวามหอม
ที่รายล้อมรอบ
ราวฉากฝันสวรรค์ลอยให้ลืมโลกจริง
ที่นับวันยิ่งแสนสับสนทุรนทุรายวายวุ่นขึ้นทุกทีทุกที..
ผม...
เพียรสร้าง..เรือนใจเรือนไทยเรือนในฝัน
ผสมผสานงานงามกับช่างภูมิปัญญาไทยพื้นถิ่น
วาดหวังให้เป็นวิมานดินเรือนรังรัก
ที่ผมระดมดวงใจรักจิตวิญญาณงามง่าย
หวังฝังฝากร่างไว้พบสุขสงบงามยามบั้นปลาย
ได้พิงพักใจตราบลมหายใจสุดท้าย
ที่แสนดายเดียวชั่วชีวาชีวิตผม
เครื่องเรือนน้อยชิ้น
ผม...มีเพียงเตียงไม้สี่เสาแบบโบราณ
ที่ผมเพียรเลื่อยไม้สร้างด้วยสองมือของผมเอง
แค่ผมพอนอนได้ มุ้งไว้ใช้แค่ กันยุง
เพราะเรือนโล่งจะเปิดหน้าต่างยันรุ่งอยู่แล้ว
เพื่อรอรับหยาดหวานกลิ่นกรุ่น
ไม้ดอกรำเพยเผยหอมหวานผ่านพร่างเข้ามา
ผม..ชอบนอนฟังเสียงสายฝนเฉียบเย็น
เต้นระบำบนเรียวใบไม้และปลายหญ้า
ผมชอบนอนนิ่งทิ้งใจดูจันทร์เพ็ญดวงหวาน
หว่านสายแสงกระจ่างสว่างไสว
ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้าที่อ้างว้างดายเดียว
ดูดาวพราวฟ้ากว้าง..ดาวประจำใจประจำเมือง
ดูดอกคูนเหลืองพราวไสวราวสายฝนสีทอง
ผ่องนวลกลางแสงจันทร์
ดวงดอกลดาวัลย์พันเลื้อยเถาริมรั้ว
กอสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน
ก้านกลีบลำดวนดง..ปีบปลิดโปรยลงพร่างพื้นพรมพร่าง
ในท่ามกลางแสงตะเกียงรำไรริบหรี่
กับ
ราตรีในวสันตฤดู
คลอเคลียคู่ใจ
แสนเศร้าหนาวในนานนัก
กับแสงเทียนแท่งหอม
ที่ผมชอบเพราะถูกหลอมให้รับรินรสหอมสดนี้
มาจากยอดดวงใจในจิตวิญญาณรักวิญญาณฝันของผม
คนดี..ที่นะนาทีนี้
เธอสถิตทอดทับไปทุกที่
ทั้งกลางใจในฤดีนี้ที่อบร่ำพร่ำรักเธอเพียงผู้เดียว
ที่ถึงแม้นผมจะละเมอเพ้อหาสักเท่าไร
เธอคงไม่รับรู้รับฟังแล้วในวันนี้
พร้อมกับที่ดวงใจฝันผมเลิกหวังเลิกเจ็บปวด
ผม..ฉลาดพอที่จะขอถอดใจ
เก็บจิตวิญญาณรักนั้นไว้
และให้เป็นกลายกลับเป็นเพียงความทรงจำ
ที่งดงามหวานหอม
ให้ใสส่องสว่างนำทางใจเส้นทางใจไฟฝัน
ให้ผมเพียรไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่มิท้อใจมิรอลา
ให้ผมทำสิ่งดีงามสานฝัน
ที่เธอหวังวาดให้เป็นจริงแทนเธอ
เธอ...
คนที่ผมแสนรัก
และเรียนรู้การหักใจทำใจมิไหวครวญ
ให้ผมรู้หยุด หวนไห้
เมื่อเธอได้ฝากบทเรียนรักบทเรียนใจ
ให้ไหวรับตั้งรับกับสายธารธรรม
มาน้อมนำใจให้ใสพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้าง
ให้รู้รัก รู้วาง รู้ว่าง และรู้ภาวนา
ให้มีสติมีปัญญาเลิกว่ายวน
หลงวงกรรม
ที่จะน้อมนำรัดรึงใจมิให้ใสว่าง
มิให้หลุดพ้นเกมกลเกมกาม
ที่ลามไหม้แผดเผาร่างใจ หากมิรู้ทันรู้เท่า
เฝ้าถาใส่ราวแมลงเม่าลงในกองไฟรัก
ที่แสนทุกข์หนักทุกข์ใจเสียไม่มี
เธอ..
ฝากพร่างใส
ราวเรียวแดดสวย
ราวดวงตะวันจันทราเอื้อโอบหล้า
เหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า
ที่เธอ..
กระซิบบอกว่า
จะนำทางผมไปสู่ฝั่งฝัน
ดินแดนนิรันดร์อันงามเงียบ
ที่รออยู่ที่แสนไกลในโพ้นฟ้า
ผมถึงมีฝัน..
และฟันฝ่า
มาสร้างรังรักพักใจ
นะเรือนไทยแห่งนี้ไว้ฝันฝากใจ
ตามหัวใจดวงงามยามสงบ
ที่ผมพบความรำงับได้จากรักที่แสนดีงาม
บัดนี้ความฝันทุกสิ่งในใจในวัยเยาว์ผม
ผมได้นำกลับมาทั้งสิ้นทั้งหมดตามมโนนึกแล้ว
และ
ด้านหน้าเรือนรักนั้นเพื่อสนองฝันสล้าง
ผมได้ใช้รถแบคโฮ มาไถขุดบึงกว้างเวิ้งว้างไกลสุดตา
ให้คนงานชาวนาปรับสภาพน้ำ
ลงบัวสล้างหลากสีสัน
ปล่อยปลานานาพันธุ์ มากมีมากมาย
และ....
รายรอบริมบึงบัวนั้น
ผม..เก็บพันธุ์ไม้น้ำ ต้นเก่าไว้ ให้งามร่มรึมบึง
คล้า จิก ไทร ไหวกิ่งฝัน
ทิ้งดอกพลันพรึบพร่างหว่านหวาน
กลางสายน้ำสายชลร่ำแสนฉ่ำเย็น
ผม...
สร้างสะพานเล็กๆทอดตัวจากลานบ้าน
เป็นดั่งสะพานรักดั่งสะพานฝัน
ลดเลี้ยวทอดลง ตรงกลางบึงบัว
คลอเคลียขนาบข้างด้วยกอกก
แตกยอดชูช่อล้อลมไสวรำเพย
ที่ปลายสะพาน..
ผมจะผูกเรือมาดลำน้อยไว้
ที่ผมชอบอาศัยพายอ้อยสร้อย
ในยามเช้าเย็น
ยามเช้า...
ผมชอบพายไปเฝ้ารอ รับอรุณอ่อนอุ่น
ดวงแดงโดดใหญ่ราวกระด้งฝัดข้าว
ที่งามดายเดียว
รับสายหมอกหยอกเมฆละมุนงาม
เป็นงามอาทิตย์ในฤดูหนาวหม่น
ผม..จะฟังเสียง
นกไพรผกโผผินบินออกจากรวงรังรัก...หาเหยื่อ
ฟังเสียงปลากระโดดผึงงับเหยื่อ เหนือสายน้ำ
เห็นเกล็ดขาววะวาววับสะท้อนรับแดดอ่อนอ่อนอุ่นสีทอง
ดู..เรียวบัว กางออกหยอกพร่าง
น้ำค้างกลิ้งราวเพชรรุ้งพราย
ค่อยๆกระจายหายวับไปกับเรียวแดดละอออุ่น..
ยามเย็น..
ตะวันลา
ผมจะพายเรือมาเก็บบัวบานไปถวายพระ
และนาทีนั้น
หัวใจผมจะฝันพร่างสว่างใจกลางบึงบัวหลากสีนั้น
ดั่งภาพฝัน ในนิมิตร..
ราวโลกรายรอบอ้างว้าง ไม่มีใคร
แสนสงบเงียบงัน
เหมือนผมหลงเข้าไปในแดนสวรรค์สุขาวดี
ที่มีเพียงผมและความว่างเปล่า
กับเงางามของดวงดอกบัวชูช่อโผล่กอพ้นน้ำ
ที่งามสดสว่างไสวพ้นโคลนเลน เต่าตมจมใต้น้ำ
ผม...จะค่อยๆเอนตัวระนาบกับกราบเรือรับพร่างพรม
ดอมดมหอมกลีบพร่างกลางเกสรบัว
รับฉ่ำงาม..
ของสายลมสายน้ำ..
ที่แสนงามเงียบฉ่ำเย็น
สงบซึ้งถึงดื่มด่ำล้ำลึกในดวงใจในเนื้อใจ
ราวสายธารธรรม..ธรรมชาติ วาดเวิ้งใจ
ให้ไหลเข้าสู่ห้วงหอมอนันตกาลอันหวานกว่าหวาน
หอมกว่าหอม
ฉ่ำๆลึกๆนึกนึกล้ำ..รำงับระกำ
เหลือเพียงความว่างใจ..แทนที่ใจ..
ดวงใจดวงวิญญาณผม
ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียวกับมวลสรรพสิ่ง
มีเพียงใจดวงนิ่ง หลอมรับงาม
จากดนตรีธรรมชาติ
จากเสียงนกไพรภายนอก
ที่ยังร้องบอกราวย้ำเตือนว่า..
ผมยังมีชีพนี้ ยังมีดวงชีวีชีวา
ยังมีลมหายใจ
มิได้หลุดพ้นหลุดลอยไปไหน
และทุกห้อมหอมห้วงในดวงใจ
ยังเวียนวนไม่พ้นดงกรรม
ในโลกอันแสนวายวุ่นสับสนนี้
ทั้งๆที่...หัวใจดวงดี
ดวงแสนงามของผมนี้
หยุดครวญคร่ำพิร่ำพิไร มานานนักแล้ว
และผม..
หยุดพักวางทุกเรื่องราวรัก
มิว่าเศร้าหรือสุข ไว้ภายนอกร่างใจ
มิรับขยะใจใดใดให้มาทำร้ายกรายกล้ำ
เหลือเพียงจิตวิญญาณงามล้ำตามวิถี
เพราะใจดวงนี้
ได้ดำรงร่างทำหน้าที่ทางโลกมานานพอแล้ว
ชีวีที่เหลือ..
ขอพิงพักธรรมชาติงาม
สรรสร้างรจนาฝัน
ตามใจหนึ่งนี้
ที่คงเหลือคืนฝันวันหวานแสนสั้นคืนสู่โลกไม่นาน
ให้ดวงใจได้คืนงามนามธรรมะ
คุ้มครองใจคุ้มครองโลก
ลบโศกสุขทุกวิถีแด่ทุกผู้คน
ทั้งกับเรานี้
และ
กับผองเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นทุกคนด้วยเถิดนะ
ก็คงประเสริฐพอ
ที่ได้มาก่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้โชคดี
ได้มาพบพระพุทธศาสนา
มีดวงชีวีที่เพียรให้น้ำใจรัก
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
มิสิ้นหวัง สิ้นหวาน
ที่เพียรพยายามค้นหา
เส้นทางใจเส้นทางจิตวิญญาณ
พราวพร่างผ่องผุดพิสุทธิใจพิสุทธิ์งาม...
ท่ามกลางสนธยาฟ้ามืด..
ผม...
ได้ยินเสียงระรินหลั่งของสายฝนพร่าง
ลงกลางบึงบัวงาม
ในยามวสันต์ลาฟ้าสะเทือน ในบางคืนค่ำ
ร่างกายและเนื้อใจผมราวดอกไม้สยายกลีบ
รับหยาดละออละอองของหยาดน้ำตานางฟ้าผู้แสนใจดี
ที่แสนมีเมตตากำลังพร่างสายละหลั่งริน ห่มว่าง
ให้ยิ่งดายเดียวเปลี่ยวเหงา
งามเงียบ...หนาวซ้ำ..ตอกย้ำใจ
ผมแหงนเงยหน้าท้าหยาดฝน ลมบน
กอบัวไหวเอนลู่ลม
พระพิรุณกำลังพร่างพรมห่มชะตาโลกสะเทือน
น่าแปลกที่หยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
กำลังพร่างสายด้วยปิติ
หลอมละลายหายไปกับสายวสันต์ลา
ทิ้งโลกโศกสะเทือนเศร้า
ทิ้งหยาดน้ำตาไว้เบื้องหลัง
ผมค่อยๆพายเรือช้าช้า
กลับเรือนรัง..
เสมือนดั่งนกไพรกลับรังรวง...เดิม..ดายเดียว!
...........................