28 กุมภาพันธ์ 2548 23:49 น.

เก้าอี้แดงในห้องขาว!

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=193
(รังรักในจินตนาการ)
..............

ผู้หญิงในชุดรัดรูปสั้นสีขาวขลิบน้ำเงินราวนักเทนนิส
ปล่อยผมสยายยาวอย่างเป็นธรรมชาติ
พันผูกด้วยดวงดอกจำปีกับปอยผมให้พร่างกลิ่นเคลียแก้ม
แกมหอมหวานเศร้าราว
รอใครมาดอมดมพรมจูบละเมียดอย่างแสนรัก

เธอนั่งนิ่งพิงพนักเก้าอี้สูงสีแดง

ตรงหน้ามีโถแก้วใส่กล้วยไม้หลากสีสะพรั่ง
ใกล้กันยังมีดอกชวนชมแดงอมชมพูอวดดอกงาม
ในชามแก้วขอบสูงสีน้ำเงินเข้ม...ตัดฉับรับกับดอกแดงเด่น



เธอนั่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือสไตล์โบราณ 
มองออกไปจากกระจกรายรอบบ้าน 
จะเห็นเขียวไพลของนานาพรรณแมกไม้ธรรมชาติ
ลื่นไหลเข้ามาทายทักสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด.. 
ยามเหนื่อยล้าจากงานเขียน  


ต้นโมก ดอกหอมกระจิ้ดริด 
ที่ขณะนี้กำลังบานพราวหวานขาวนวลไปทั้งต้น 
ที่สูงแผ่ก้านกิ่ง เหนือโต๊ะที่ใช้เขียนหนังสือ  
เพื่อว่าให้งานฝันทุกบรรทัดอวลไปด้วย 
หอมงามละมุน ลองอ่านไปดมไปนะ...



บางทีจะได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยล่องมาปลอบประโลมใจ
ให้เลิกดายเดียว เหงาเศร้า..ไปด้วยกันทุกอณูแห่งใจรัก 
ที่เธอยินดีรินรดให้ด้วยจริงใจและ
ด้วยรักมากมีมากมายต่อทุกดวงใจ 

ให้ใสงามสดชื่นแสนสุข....
ทุกอารมณ์รู้สึกสุขเศร้าเคล้าไหว...ในงามงาน..  

จากแนวตา ที่เขียนนี้จะมีซุ้มการะเวก และบ่อปลา .. 
ในยามเย็นจะมีกลิ่นการะเวกส่งกลิ่นแกล้มมาประชัน 
ให้งานเขียนงานฝันบรรเจิดใจเป็นยิ่งนักแล้ว... 
 เวลาเขียนงาน
เธอชอบมีดอกไม้สดหอมๆเคียงข้าง  
ในโถลายครามบางที่จะเต็มไปด้วยกุหลาบๆและกุหลาบ 



และจะจุดเทียนหอมงามตามมุมต่างๆวางไว้ในยามค่ำ 
และบางค่ำคืนจะจุดตะเกียงโบราณ 
เขียนหนังสือ หรือไม่ก็เขียนกับแสงเทียนให้วับวับแวม.. 
ให้งานหวามไหวด้วยใจดวงนี้ที่สุขล้ำ..เกินรำพัน  

นี่คือชีวิตจริง..ของนักอยากจะเขียน.. 
ที่พากเพียร เขียนเรื่องรักโรแมนติก คนนี้  
ที่เกิดมากับใจดวงนี้ที่มิได้เสแสร้งแกล้งทำ  
เป็นผู้หญิงช่างฝัน อ่อนไหว  



จนใครๆบอกว่าสมแล้ว
ที่ใช้นามปากการาวลมพัดระบัดไหว
หรือหัวใจราวทะเลที่มิเคยหลับไหล 
ผันแปรเอาแน่ไม่ได้ในบางครั้งครา  
ยามอ่อนล้าใจเจอพายุร้ายพัดผันผ่านมา.

เธอ...
รักเก้าอี้แดง..ที่ได้นั่งสรรสร้างงานรจนา
มานานปีและมีที่มาแสนงามนัก

ที่สักวันเธอจะเล่าให้ฟัง
ถึงเบื้องหลังเก้าอี้แดงในห้องขาวตัวนี้
ที่ราวคู่จิตคู่ใจคู่คู่กายนักร่ายรจนางานรักโรแมนติก
ให้มีชีวิตชีวา



เขียนมาเล่า..กันฟังแค่อยากฝากฝัง 
ฝากฝันฝากกายใจ ให้รักและเข้าใจนักอยากจะเขียน
เพียรสร้างฝันถึงสวรรค์วิมานดิน
ว่ามีชีวิตติดดินและงามง่ายเพียงใด 
ในโลกสับสนเร่าร้อนนี้ ที่ตามไม่ทัน   

และเขียนเพื่อบอกว่า  เธอแสนโชคดีนัก 
ที่มีบ้านไว้ซุกกายใจ  ในยามเหว่ว้าดายเดียว
ให้ดวงใจคลายหนาวเหน็บ





เธอ..กำลัง*
ฟังเพลง..*รังรักในจินตนาการ*
และ
*ดวงใจในฝัน
กับจันทร์ค่อนดวง
ด้วยห่วงหาอาวรณ์ใครบางคนล้นใจ
หากสิ่งที่เธอทำได้คือแค่นั่งนิ่งๆทิ้งทอดตาใจเงียบงัน
กับทุกทุกฝัน 
ก็แค่ฝันฝันฝัน ก็แค่นั้น
ก็เท่านี้ก็เพียงนี้ก็เพียงนั้น..ก็พลันสลายลา.....

***********


โลกละออล้อหมายมาทายทัก
ไม่นานนักเลยลาน่าใจหาย
เขาหรือเราเราหรือเขาคือเปล่าดาย
ชีพวางไว้คล้ายวางว่างกลางธารธรรม

ตราบลมหายใจไหวหวั่นยังมิสิ้น
ฝากถวิลฝากภักดีพลีรินร่ำ
พร่างน้ำใจใสงามลบระกำ
ลืมชอกช้ำลืมอดีตกรีดดวงใจ

ยิ้มให้กันในวันนี้เถิดที่รัก
ไม่นานนักชีพขวัญสิ้นไสว
ปลิดปลิวลงฝังร่างกลางพงไพร
เลิกหนาวใจหนาวรักเคยภักดี

ให้น้ำใจหอมน้ำคำย้ำรอยรัก
โลกประจักษ์จิตภายในใครคนนี้
หวังเพียงหวังทำแต่งามสร้างความดี
เพื่อพร้อมพลีเคียงข้างสว่างใจ..

ในดวงใจของฉันแสนเกษมปิติสุข
ว่างจากทุกข์ทิ้งจากเศร้าร้าวหวั่นไหว
ไม่มีแล้วแก้ววิเศษนำทางใจ
เหลือเพียงใจใสด้วยธรรมย้ำทางงาม..

***********************






แถมให้อ่านอีกเรื่องรจนาเป็นเพื่อนในยามดึกค่ะทุกคนดีที่รัก

จันทร์ครึ่งดวง ใจครึ่งเดียว....


ปิดไฟมืด...
นอนดู จันทร์ครึ่งดวงด้วยใจครึ่งเดียว  ดายเดียว
เหมือนวันก่อน เหมือนคืนเก่า นานเนา มาไม่รู้นับไม่อยากนับ
............
ใครบางคน ใคร่ถาม 
งามใจไยเหลือครึ่งเดียวพอกับเสี้ยวจันทร์พอกันกับเสี้ยวใจ

ก็..ไม่รู้เหมือนกัน
เกิดมากับใจดวงนิ่งงัน ฝัน ฝัน ฝัน
จำได้ใจมีแค่นี้มาตั้งแต่เกิด

ใจดวงนี้ไม่เคยเต็ม 
แต่กลับเห็นงามอิ่มเต็มได้
ในทุกรายละเอียดของสรรพสิ่ง
จากธรรมชาติรายรอบชีวิต



มีทั้งเศร้า..สุข ทุกข์ปลง
กับชีวิตผู้คน 
ผู้มีร่างจนและ..
เนื้อใจยังแห้งผาก..พอกันกับทะเลทราย
ที่ยังเทียบมิได้เพราะมีโอเอซิส ให้ดื่มกิน

หากคนบางคน สักกะนิ๊ดนึงไม่มี 
หาดูไม่มีเลยในการกระทำ
มีเพียงคำลมลมลม ขมขมขม ฆ่าฆ่าฆ่า ใจ 
แค่นั้นก็แค่นี้ที่พลีมอบให้กัน

แปลกดีจัง ทำไมการทำดีต้องมีเงื่อนไข 
เลือกให้ไป...แม้นกับใครที่ไม่เคยให้มา..
แต่กับไร้ค่าแล้งไร้กับคนมากมายมากมีน้ำใจให้เรา..
..........



วันนี้.พาใจเศร้าหลาย
อ่านสาวเภสัช กินยาตาย
อยากร้องไห้แทนดวงใจแม่พ่อพี่น้อง
เพราะประโยคในข่าว

เธอ เฝ้าโทรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หาคนรักสักประมาณร้อยครั้ง..กระมังได้
แล้วไยเล่า..เขาเฝ้านิ่งเฉย..ไฉนเลยฉะนี้หนอ
จนสายเกินการณ์เกินแก้
เพราะประมาทไม่รู้ทันรู้เท่าไม่เข้าใจ  ไม่ทันการณ์กรรม..



คนดี..เพราะหัวใจคนเรานี้..มักเห็นแก่ตัว..เห็นแก่ได้
หากสิ้นไร้ใจ 
แม้นเยื่อใยแห่งมิตรภาพยังเลือนลืม
เชือดเฉือนโหดร้าย ให้ถึงตายได้โดยไม่เหลียวมอง
ว่าเคยครองปองใจกันมา..

แน่นอน..เรามิอาจพิพากษาใจใครได้
เพียงใช้คอมเมนท์เซนส์ จากความเป็นคนนอก

เพียงแค่อยากกระซิบบอก
เป็นอุทาหรณ์สอนสั่งใจ
บทเรียนใจแด่ทุกดวงใจวัยรุ่นวัยรักวัยระเริง

ให้เข้าใจคำว่ากองเพลิงแห่งรักแบบมืดบอดขาดสติ
และ
ยอมพลีแม้ชีวีที่แม่พ่อเพียรก่อสร้างเกิด
จากหยาดเลือดและหยดน้ำใจอัน
ใสงามพร่างรินมายาวนานนัก 
ดั่งลำธารรักบริสุทธิ์มิรู้สิ้น



แล้วไยเจ้ามิเคยถวิลหันมอง 
รักอันผุดผ่องไม่มีเงื่อนไขนี้
ยอมพลีชีวีเพียงเพื่อคนที่เจ้าพบไม่กี่วัน 
แถมเขาปันใจแปรไปไม่แน่ไม่นอน
และ..
อยากกระซิบบอก..สุภาพบุรุษผู้ชอบหักอกสาวสาวสาว

ยามจะตัดรอนรัก..หากมีเนื้อใจละไมละมุน
โปรดพิจารณาไกล 
คิดถึงใจเขาใจคนใจใคร
ใจแม่พ่อครอบครัว


ได้โปรดให้รักเข้าใจ 
ค่อยเป็นค่อยไปอย่าหาญหัก 
ให้เกิดรักร้าวเศร้าผิด
เป็นรอยกรรม  ย้ำรอยใจในใจตนไปตราบชั่วกาลเลย

เพราะ..เขามีแม่พ่อ 
มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ 
มีความรักความจริงใจยิ่งใหญ่มอบให้เรา

จงการุญย์กรุณาเมตตา หาทางสวยงามสละสลวย
อย่าให้ม้วยด้วยความหยาบ กระด้าง
แห่งจิตที่คิดแค่ว่าน่ารำคาญ..ใจ
****



รจนาใจไม่ออกเลยค่ะ
เพราะสองวันมานี้ 
รับบทเป็นศิราณีจำเป็นมาสองราย
คล้ายๆกันเลย
คนสองคนสองเพศแต่รักแบบพลีให้
ให้วัตถุให้ใจหมดสิ้นเลย..แต่คนรับเฉยชาชิน

แม้นเขาถวิล
ขอเพียงแค่อ้อมกอด จากยอดรัก
ยอมช้ำชอกยอมลำบากแลกเปลี่ยนดูวนเวียน 

หากคิดให้ดี นี่คือชีวีคนในวันนี้ที่แสนเหงา
ทั้งเราเขา..และหลายๆดวงใจ
โลกมือถือระบายใจ
จึงระบาดระบัดให้คุณทักษิณรวยเอ๊ารวยเอาไง
ก็...



แค่มาระบายใจ 
แต่คนรจนา
กลับไม่ค่อยสบายเวียนศรีษะอยากอาเจียนทั้งวัน

คงเป็นความอัดอั้น เหนื่อยใจเพลียใจ
กับหัวใจคนหัวใจใคร
ในโลกแล้งใจจิตวิญญาณรักละมุน
ที่หมุนวนวันไม่รู้ละกี่หนกี่ครั้งต่อวัน

หวังเพียงบันทึกร้าวนี้
คงพอให้ทุกดวงใจได้ตระหนักชัด
ทำสิ่งแสนดีมีน้ำใจแก่กัน ก่อนวันจะสายเกิน



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=290
รักเอย   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key C  

รัก เอย จริงหรือที่ว่าหวาน
หรือทรมานใจคน
ความ รักร้อยเล่ห์ กล
รักเอยลวงล่อใจคน
หลอกจนตายใจ
รัก นี่ มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำ ฤดี
รัก เอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่น ในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ

หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ... 
 







http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=193
(รังรักในจินตนาการ)


พี่ฝันจะสร้าง รังรัก สักหนึ่งหลัง
ณ ริมฝั่ง เจ้าพระยา อยู่อาศัย 
แม้ฝันของพี่ ไม่เกิดมี อันเป็นไป 
สองชีวี เราคงได้ ร่วมเสน่หา
รังรักในจินตนาการ 
วิ มาน รักอันบรรเจิดจ้า
ริม หน้าต่างปลูกซุ้มลัดดา 
ห้องนอนสีฟ้า ติดม่านชมพู
ความ รัก เป็นมนต์ดลใจ
ฝัน ไป พลังใจ ต่อสู้
คอย พี่หน่อยเถิดนะโฉมตรู
มินาน จะรู้ รังรักอยู่แห่งใด
รังรักริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา
สุขตราฝังตรึงซึ้งอยู่ในใจ
แม้ความฝันพี่เป็นจริงได้
พี่จะให้ชื่อว่า รังรักอนุสรณ์
ความ ฝันเป็นจริงวันใด 
หัวใจพี่จะบินว่อน คอย พี่ก่อนไม่ช้าบังอร
แม้ใจไม่ร้อน แน่นอนเราได้สุขสันต์...

				
27 กุมภาพันธ์ 2548 08:57 น.

น้ำค้างกรุณาจากฟ้าฝัน!

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
...........				
24 กุมภาพันธ์ 2548 10:16 น.

ลีลาวดีมณีรุ้ง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
......................


ตะวันแก้วดวงทุยติมณี
กำลังทอดวงเรี่ยต่ำระดับแมกไม้
เหนือเจ้าพระยาและพระบรมมหาราชวัง
ในยามย่ำสนธยา...



ให้ทุกจิตใส..ใจดวงงาม
ตกอยู่ในภวังค์เศร้าแสนเศร้า..สุขแสนสงบสุข

กลิ่นลั่นทมพร่างไสวรายเรียงริมทาง
ใกล้ทางศิลามณีทอด
สู่พิมานสถานสรวงพระบรมมหาราชวัง

ที่สึกกร่อนผ่านร้อนหนาวยาวนาน
มาหลายรัชสมัยยังดำรงรอรับ
ทุกร่างที่ย่างกรายมาเยือน..รอย

ราวกับกำลัง
จะคอยสอนสัจจะใจในทุกย่างก้าวไทย..ไท
แล..
ใจทุกดวง
ที่ยังรักยังหวงแหนในผืนแผ่นดิน.. 
ให้แสนถวิลเทวษ
แกมภาคภูมิปิติในทุกอดีตอันหอมงาม
ที่ล่วงลาเลยลับ...ยามอยากย้อนคืน


แผ่นศิลา..
ทุกๆก้อนกร่อน

บอกความหนักแน่นมั่นคงตรงมั่นมิหวั่นไหว
ต่อทุกรอยเท้าไทย

ให้หยัดยืนเต็มร่าง
อย่างสมค่าคน
บนแผ่นดินไทแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ณ..ที่แห่งนี้..ที่เราเรียกว่าไทยไท..


ที่มีอิสรา...ในทุกธุลีหล้า
และ
ฝากความงามล้ำค่าในยามเรืองรุ่ง
ในทุกรัชสมัยอันไสวไพจิตรพิลาสนิรมิต
ดั่งเมืองแก้วเมืองขวัญ
ราวสวรรค์ลอยมาเยือน
ด้วยความสงบสุขมาอย่างนานช้า...



สมกับคำเสียสละ
ที่บรรพบุรุษ
ได้หลั่งเลือดชะโลมหล้าทาพสุธาทอง
เพื่อปกบ้านป้องเมืองจากอริราชศัตรู
ไว้ให้ลูกหลานไทย

ที่ยังมีเลือดเนื้อกตัญญุตาในหัวใจ
ได้จำจดความงดงามนาม
ความหาญกล้าที่แสนยิ่งใหญ่
ให้มีไทยไทมาถึงทุกวันนี้



ต้นลั่นทมสีชมพู ขาว เหลือง ....
สูงตระหง่านหวานปนโศก
ปลิดใบทิ้งเหลือเพียงลำต้นแกร่งพร้อมก้านกิ่ง
ที่ไสวพวงรวงร้อยพร้อยพราว
เต็มไปด้วยดวงดอกดอกละมุนเศร้าหอม
เหนือพะยอมใด...ในทรงจำ
อัน..
ย้ำความสะท้อนย้อนสะเทือนระทมได้ถมทับทวี...



ผู้หญิงร่างเสลาสล้างบอบบาง
ในชุดผ้าซิ่นไหมทองผ่องผุดพิสุทธิ์พราย
รัดร่างอันสล้างกลมกลึงกับเสื้อแพรไหมเผยไหล่ล้ำ
ห่มสไบสีทองพันพรางทบ
จนดูแปลกตากว่าใครในละแวก



และ
แสนแผกพิศพิเศษพิสุทธิ์
ผุดพรายละออริมเรียวแก้มซูบซีดนั้น
คือ..
เธอคนงามทัดดวงดอกลั่นทม
สามสีสามดอกหยอกเย้าวงหน้าละมุนนวล

ให้ยิ่งรานหวานโศก
ราวจะหยุดโลกให้หันมาสัมผัสวิโยคงามแสนงาม
ยามสัมผัสผ่านพบ..



เธอมุ่นทบเกลียวผมตลบสูง
เผยต้นคอระเหิดระหงชวนให้หลงใหล
และ..
ยามเธอค่อยๆเคลื่อนไหว
เยื้องย่างอย่างช้าช้า
ในสายแสงตะวันลาสีทอง..

ยิ่งชวนให้ผ่องพิศสะดุดตาสะดุดใจ
ในเหว่ว้าเงียบงามนิ่งงันราวโลกฝัน
ในอดีตสมัยสี่แผ่นดินย้อนหวนคืนกลับมา



ให้เต็มตื้นในวิญญาญ์
เต็มนัยน์ตาท้น
แทบล้นละหลั่งหยาดน้ำตา
สำหรับผู้มีดวงตาที่สาม

ยามได้แลพบร่างงาม
ในท่ามกลางสถานที่แห่งนี้

ที่คือความมลังเมลืองเรืองรุ่งเป็นอมตะ
ที่ตราไว้ในทุกดวงจิตถวิลรักในเงื้อมงามเงาอดีตขวัญ
วันแห่งความตระการปานประหนึ่งแดนทิพยสถานมณีรุ้ง


ดั่งนามงามแสนงาม..

*กรุงเทพมหานคร
อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุ- ธยา
มหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานี
บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน 
อมรพิมานอวตารสถิต 
สักกะทัตติยะวิษณุกรรม- ประสิทธิ์ *
........


เธอ...คนดี..
พลีหยาดน้ำตารินหลั่งรดหยดบนพื้นพสุธา

ด้วยความสำนึกลึกล้น
ด้วยความปิติเกษมเศร้าแสนเศร้า
ที่ยากยิ่งอธิบายพรายเงาซึ้งตรึง
ในก้นบึ้งแห่งงามดวงใจใครเล่ารู้นี้



ณ..ยามนี้..ยามเย็นย่ำสนธยา
กับ..
ทิวากรรอนแสงราวร่ำลาฟ้าดิน
ให้ดวงหฤทัยถวิลล้ำลึกรู้สึกถึงค่ากาลเวลา
และ
อดีตลาเลือนลอยลับ
ราวหวนกลับมา
ให้เธอทิ้งวิญญาณ์ดายเดียวรำลึก
ราวอยู่ผู้เดียวเปลี่ยวเปล่า
ในโลกเหงาแสนเหงาเงียบงามร้างไร้...ลำพัง...!



ในท่ามกลาง...
พลังแห่งหอมห้อมล้อมหัวใจเหว่ว้า..ในภวังค์ฝัน

ให้เธอทอดตานิ่งงันใต้ลั่นทมอันสะพรั่งพราว.....


 
เสียงมโหรีแว่วหวาน
แกมเศร้าราวเสภาโศกวัน
วิปโยคที่เธอเคยมาณ.ที่นี่

วันที่...*ตะวันในดวงใจไทยทั้งดวง*
ลาล่วงสู่แดนทิพย์สถิตนิรพาน
แดนว่างงามตราบชั่วนิจนิรันดร์

วันที่แม้ฟ้าหลวงแห่งปวงชนชาวไทยสวรรคาลัย
ไปสู่แดนแก้วแพร้วเพริศพรรณราย..
*แดนดินแห่งขวัญนิรันดร์รัก*
..............



และแสนแปลกดีที่
เธอ..คนดี..
ได้ยินบทเห่เรือราวหวานแว่วแผ่ว
ทรงพลังจากลำนำลำน้ำเจ้าพระยา
ราวครวญคร่ำ...

ผ่าน...
ฟากฟ้ากว้างมาเยือนเรือนทิพย์เรือนใจ
ให้ไหวครวญให้ยิ่งเหว่ว้าอ้างว้างว่างใจ..
ในวันนี้นาทีนั้น...
ราวนิรันดร์โศกโลกหยุดหมุนไปตราบชั่วกาล...!



ให้หยาดน้ำตาเธอยิ่งพร่างริน..มิสิ้นสาย..!
สุดถวิลเทวษโสมนัสปิติ
อย่างยากที่จะรำพึงรำพัน..

พร้อมกันกับ
ดวงดอกลั่นทม..แสนหอมงาม...
พลัน
พลี...
ปลิดปลิว....ปลิดปลิว...... 
ลิ่วลอย....ค่อย..ค่อย...
ร่วง...รายพรายพรมห่มร่างรานหวานเศร้า..
ราวปลอบประโลม..!อย่างเงียบงามดายเดียว....ดายเดียว...


*************


บทชมเรือกระบวน

ลอยลำงามสง่าแม้น         มณีสวรรค์ 
หยาดโพยมเพียงหยัน     ยิ่งฟ้า 
เหมราชผาดผายผัน        โผนเผ่น นภาฤา 
พายพะแพรวพายถ้า       ถี่พร้อมผันผยอง



บทบุญกฐิน

ผดุงธรรมเผด็จทุกข์ทั้ง     แผ่นผไท 
บังบาปเบิกบุญใบ             บ่มสร้าง 
หกรอบนักษัตรสมัย          โสมนัส 
เชิญเทพชุมชเยศอ้าง        อรรถพร้องพรถวาย
..........

บทชมเมือง

สยามเอยอุโมษครื้น      คุณขจร 
สุขสถิตสถาพร              ผ่านฟ้า 
ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน      อวดโลก 
ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า       มื่อโน้นนิรันดร์เกษม




บทสรรเสริญพระบารมี

....วังทิพย์คือท้องทุ่ง           ม่านงามรุ้งคือเขาเขิน 
ร้อนหนาวในราวเนิน         มาโลมไล้ต่างรสสุคนธ์ 
   ย่างพระบาทที่ยาตรา       ยาวรอบหล้าฟ้าสากล 
พระเสโทที่ถั่งทน               ถ้าใหลรวมคงท่วมไทย




ขอจงทรงพระเจริญ            พระชนมเกินร้อยปีปลาย 
อาพาธพินาศหาย                ผองพาลพ่ายแพ้บุญใบ 
จงเสวยสวัสดิ์                     พูนพิพัฒน์ปราบมารภัย 
ผ่องแผ้วพระหฤทัย             ทุกทิพาราตรีกาล 
พระประสงค์ทุกสิ่งเสร็จ       แม้สรรเพชญพระโพธิญาณ 
ดำรงรัชย์ชัชวาล                  ดั่งเสียงสวรรค์นิรันดร์เทอญ
************
				
22 กุมภาพันธ์ 2548 11:05 น.

มาฆบูขาน้อมดวงใจให้ใสเย็น

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
.........

พระจันทร์ วันมาฆบูชาบานเต็มดวง 
เหลืองทอง สุกปลั่ง 
ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม 
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... 

แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง 
ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก 
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า.... 

แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม 
ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...
ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม..... 
ตามกันไป ในเส้นทาง 
ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า 
พาใจให้บานเบิก 
ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...
แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า 
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ 
จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้ 
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ 

กลิ่นพิกุล หอมเศร้า
เคล้าแสงเทียน วับแวม 
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ 
 


ประเพณีไทย ประเพณีงาม 
ในยามค่ำนี้ 
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันเพ็ญเดือนสาม
ที่พระอรหันต์เอหิภิกขุ
จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป
มารวมกันที่เวฬุวนาราม
อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยมิได้นัดหนมายกันมาก่อน
และพระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงธรรมโอวาทปาฎิโมกข์
เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต
ให้พุทธศาสนิกชน
ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย 
ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น 

เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม 
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน 
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม 



ค่ำ..เวียนเทียน 
นำดอกไม้ ธูปเทียน 
เป็นมาลัยแทนใจ 
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมบูชา 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. 
อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ 
ขอให้สุขภาพดี มีคนดี 
ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย 
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง 



กลับบ้าน 
มานอนดูพระจันทร์ 
ด้วยฝันเห่กล่อม 
ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ 
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม 

จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี 
ไม่มีอะไรสุขเท่า 
ขอเพียงคิดเป็น 
ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น 
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ 
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. 

ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ 
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า 
ยามราตรีนี้ 
กระซิบบอกว่า 



อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน 
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง 
โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. 
และทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง 
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด 
ขอเพียงอย่าหวั่นไหว ในรักนี้ของสองเรา ..

**************







http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
รางวัลชีวิต   
ชัชฎาพร ลักษณาเวช : : Key B  
พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...

 
  

				
22 กุมภาพันธ์ 2548 09:25 น.

ปานประหนึ่งนิรมิต!

พุด


url=http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=973


ใกล้ค่ำแล้ว..
หากสวรรค์มีตา
มองลงมา...
จะเห็นร่างๆหนึ่งในชุดสีฟ้าอมโศกนอนระทม
ตรมด้วยพิษไข้รุมๆทิ้งทอดตัวนิ่งงัน...

ท่ามกลางลานกว้างบนระเบียงบน
ปนกลิ่นหอมเศร้า
พราวดวงของการะเวกเลื้อยพัน..ลำพัง

กับโมกกระจิ๊ดที่พลันร่วงดวงดอกพราวนวล
ลงห่มหอมห้อมร่างรานราวปรานีปลอบประโลม..


เธอทำเสมือนไร้ร่างใจ
ไหวเพียงจิตยกลอยขึ้น
ไปสู่ฟากฟ้ากว้างแสนกว้าง

ไปนั่งไกวชิงช้าเมฆ
เสกมนต์ทิพย์หยิบสายหมอกสายไหมมา
พันร่างพลางเอื้อนขับโศลกเสภาโศก
พลีแด่โลกที่รอรับดับดวงพร้อมกัน
........


อ้าดูอโศกนี้    ศรีไสววิไลตา
อยู่หว่างกลางพนา    เป็นสง่าแห่งแนวไพรฯ

    ชุ่มชื่นรื่นอารมณ์    ลมเพยพัดระบัดใบ
ดูสุขสนุกใจ    เหมือนแลดูจอมภูผาฯ

    อโศกดูแสนสุข    ช่วยดับทุกข์ด้วยสักครา
โศกเศร้าเผาอุรา    อ้าอโศกโรคข้าร้ายฯ

    อโศกโยกกิ่งไกว    จงตอบไปดั่งใจหมาย
ได้เห็นพระฦาสาย    ผ่านมาบ้างฤาอย่างไร

    พระนั้นชื่อพระนล    ผู้เรืองรณอริกษัย
เป็นผัวนางทรามวัย    นามนิยมทมยันตีฯ

-พระราชนิพนธ์พระนลคำหลวง สรรคที่ ๑๒
.........


และ..หวัง
ให้ลอยไปไกลแสนไกล....
สู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์หรือไกลกว่านั้น
ไปชั้นนิพพานที่ดวงใจเธอหวังสิ้นรานว่างไสวรอรับ..


โลก..เบื้องล่างช่างสับสน
ด้วยผู้คนคนคน
อลหม่านมากมายว่ายเวียนวกวนวิบาก..

หยาดน้ำตาเธอพร่างรินมิสิ้นสาย
ราวหยาดน้ำค้างแก้วแวววะวับ
หวัง...
ดับร้อนในทุกดวงใจให้หยาดเย็น..
เห็นในทุกข์..พบวิมุตติงาม..
เช่นเฉกกัน..


เธอ..หลับตา...
พาจิตนิ่งสนิทไปพบทิพยสถาน
ปาน*ในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี*

ที่เธอพลีจิตใสไสวพร่าง
ด้วยพลังแห่งปิติเกษม
รับงามแห่งละอองเกสรธรรมภักดิ์
ที่เธอแสนรักอักษรา
จากยอดบรมครูทางภาษาไทย
อันแสนวิจิตรตระการยิ่งใหญ่ในมโนนึกนัก...



*ท่านเสฐียรโกเศศ (2431-2512) - นาคะประทีป (2432-2488)
 แปล กามนิต 
เป็นงานที่เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป 
แปลเรียบเรียงจากฉบับแปลภาษาอังกฤษ 
ของจอห์น. อี. โลจี (John E. Logie) 
จากเรื่อง The Pilgrim Kamanita 

ที่แปลจากบทประพันธ์ ภาษาเยอรมัน 
ของคาร์ล อดอล์ฟ เจลลิรูป (Karl Adolph Gjellerup) 
กวีและนักเขียนชาวเดนมาร์ค (พ.ศ.2400-2462) 
ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม 
พ.ศ.2460 ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2473 ..
..........

เธอ..ขอขอบคุณยอดดวงใจ
ที่มอบพลังงามยิ่งใหญ่นี้ให้

ได้ค้นพบ*ความมหัศจรรย์ในนิรันดร์รักนี้*

ที่แสนบรรเจิดจิตนิรมิตธรรม
มาน้อมน้ำใจ
มิให้ใหลหลงคงเศร้าหมองนาน

หากเพียรพารำงับดับได้ด้วยดวงดอกน้ำใส
ในอมตรสแห่งจากพุทธพจน์สัจจวาจา
อันแสนงามล้ำค่า



นำมายึดมั่นบูชา
เหนือจิตวิญญาญ์ดวงดีดวงนี้ที่รู้วางว่าง
ในท่ามกลางโลกย์สมมุตินี้
ที่ทุกสิ่งคือแค่สิ่งที่พรายพรมราวลมพัดไหว
แล้วผ่านไปๆมิช้านาน...




หวัง..เพียง..
*ดอกบัวแก้วแห่งตระการจิตใสเกษมสงบ*
จักบานคู่กันในวันสิ้นลม..นะทุกยอดดวงใจ..
************




ดวงใจในฝัน   
อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb  
รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา

บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา...

 
  

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด