2 ธันวาคม 2548 18:45 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5820.html
(ดวงตะวัน...MY HEART WILL GO ON)
..............
ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน
ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..
แพน..เดินตามตะวันดูตะวันงามตามใจฝัน
ผ่านถนนสายโลกสายโศกสุข
เหมือนเฉกเช่นทุกวัน ทุกวัน และทุกทุกวัน...
แต่กลับ..
มองตะวันแตกต่าง ต่างแตก แผกผิดไม่เหมือนเดิมสักวัน
ทั้งๆที่ตะวันสำหรับใครหลายๆคน
มองแล้วก็เท่านั้น ตะวันก็ยังคงดวงกลมเท่านี้!ก็เท่านี้!
ไม่มีเวลาให้ดวงตาไม่มีเวลาให้ดวงชีวี..
ว่างพอที่จะแหงนเงยมองเสียด้วยซ้ำไป
ตะวันก็ยังเป็นตะวัน..
มีขึ้นมีลงทุกวัน....
ขึ้นตามอรุณฝันทางทิศตะวันออก
และบอกได้เลยโดยไม่ต้องดู...
ตกทางทิศตะวันตกไงเล่า..
แล้วจะเฝ้าดูไปทำไมละหนอละนี่ ให้เสียเวลา
ว่าจริงไหมเล่า ?นะคนดี..
สำหรับบางคนที่..คิดดีคิดได้คิดเป็น
เห็นเพียงแค่นี้ก็แค่นี้ก็แค่นั้นก็เท่านั้น..
และบอกได้อีกทีอย่างแม่นยำว่า..
อรุโณทัยจะกลับมาในยามฟ้าสาง
ตราบทุกเมื่อเชื่อวันมิว่างเว้น..มิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย
มิห่างหันห่างหาย พรายพลัดพราก
ลาจากโลกไปไหน อย่างแน่นอน..
แต่สำหรับแพน..
แม่สาวแขนไม่อ่อนดั่งนางรำคนนี้
นอกจากมีแต่สองมือที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นเน้นย้ำว่า
ทุกคืนวันที่ผันผ่านมากับดวงสุริยา
ตลอดชีวาชีวีมิเคยสบายเลย...
กลับมองเห็น..ตะวันจริงและตะวัน..ในใจ
แสนแปลกใจ บางวันงามกระจ่างสดใส
บางวันแสนสวยซึ้งเศร้ามิเหมือนเดิมเลย..สักวัน ..
ทั้งตะวันและจันทราระย้าระยับ
ที่มีดาวเคียงเดือนประดับ
เหมือนมิยอมให้ราตรีมีวันดายเดียว
แม้นเป็นธรรมชาติกาลเวลา
ที่แปรไป ตามเงื่อนไขโลก
และตามใจเราคิดเพ่งพินิจดู
ที่ยังคงหมุนวนหมุนเวียนเปลี่ยนหนาวร้อนมาทายทัก
ทั้งทุกข์โศก สุขคลุกเคล้าให้ชีวีมีรสชาติประหลาดล้ำ
ได้บทเรียนบางบทนำมาสอนใจ
มิให้หัวใจหลงเดินผิดทางรัก
จนกว่า..
วันที่แสงแห่งดวงชีวาจะลาลับหล้าลงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนพสุธา
มิต้องคะนึงหาใคร ไหวครวญอีกต่อไป..
ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..
ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล
ยามเช้าแสนหวาน
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น
เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง..
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม
แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34
พรานทะเล สุนทราภรณ์ : :
ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
อยู่ห่างไกลกลางสายชล
มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
สู้แดดฝนลำบาก กาย
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดินเข้ามา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน...
และบางคราแม้นเห็นแต่ปลากลางทะเล
ก็อยากผวาจูบแทนหน้าลูกน้อยและเมียขวัญ...
เป็นหนทางทำกินทางเดียว
ที่ต้องเที่ยวท่องล่องไปตามสายชล
ไม่เว้นวัน..วารไม่มีกาลเวลาหยุดเช่นกัน
ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น
กลางหุบเขาลำเนาไพร เทือกเขาสูงไสว
ที่แพนนั้นเห็นเพียงในฝันในฉากภาพยนตร์
ตะวันที่ขึ้นกลางใจในหุบเขาประเทศฑิเบต
ที่แพนหวังจะได้เห็นสักคราครั้ง
มิใช่แค่มานั่งเทียนเขียนเขียนเอาให้งามตามวาดฝัน
อย่างในหนัง 7 YEAR IN TIBET
ที่พระเอกจอมกวนแบรดด์ พิทท์
เปลี่ยนบทบาทการแสดงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
ให้แก่องค์ดาไลลามะน้อยได้อย่างซึ้งอกซึ้งใจพระเดชพระคุณ
ก่อนที่จีนจะมาย่ำยีเรียกสิทธิในดินแดนมาปกครองเสียเอง..
ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในท่ามกลางป่าดงดิบอัฟริกา
ที่แพนเพิ่งได้ดูยามตะวันขึ้นและตะวันลา
อย่างรู้ค่าและแสนซาบซึ้งใจ
*จากเกมคนจริงSERVIVER เกม*
ให้เหลือผู้อยู่รอดปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องอาศัยพลังสติปัญญาและไหวพริบ
พร้อมมนุษยสัมพันธ์อันดียิ่ง
เพื่อช่วงชิงสิ่งสุดท้ายคือรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์
ซึ่งกว่าจะได้มานั้นก็ต้องเลือดตาแทบกระเด็นตามค่าเงินงาม
และอย่างที่แพนอยากเห็นนั้น ใครๆก็ฝันๆเอาได้
หากชอบดูหนังเกี่ยวกับสารคดี
NATIONAL GEOGRAPFIC
เกี่ยวกับการท่องไพรพนาป่าเขาลำเนาไพร
มีฝูงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ธรรมชาติไพรนานา
ที่ยังเหลือพันธุ์สัตว์ป่าพอหาได้ให้เห็น
เช่นเสือสิงห์กระทิงแรดหมูป่าช้างกวางหมียีราฟ
ที่พากันเริงร่าในทุ่งหญ้ารอรับอรุณ..
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ป่านานา ท้าแสงแดดอ่อนอุ่นรำไรๆ
แพน..ชอบดูหนังทุกเรื่องราว
ที่มีฉากสัตว์ป่าและยังมีงามล้ำค่าจากธรรมชาติไพร
ชอบอ่านหนังสือทุกเล่ม ย้อนยุคสู่โลก
ที่ยังไม่เปลี่ยนทิวไม้เป็นทิวตึกแทนที่มากมายมากมีอย่างทุกวันนี้
จะยังมีก็แต่อ้อมกอดไพร......
โอบกอดให้หอมหอมดวงใจให้พักพิงนิ่งเงียบงาม
ให้ไหวหวามดิบเดิมดิ่งด่ำติดดิน
มิพักดิ้นเดือดเลือดพล่านหาเงินมาเสนอสนองครอบครองวัตถุ
ตามความอยากนี้ที่ถูกป้อนปลอมปรนเปลอมิรู้จบรู้สิ้น
ตามวัฎฎะโลกตามค่านิยมโลก
พาให้โศกวายวุ่นหมุนหาเงินตัวเป็นเกลียวแทบไม่พอกินพอใช้
แพนอยากพาตัวเองไปสร้างกระท่อมทับที่นั่น
และนอนดูดวงตะวันในทุ่งหญ้า แม้จะมีสัตว์ป่า
ก็คงมีพระเอกสักคนมาพลีอ้อมกอดอันอบอุ่นอ่อนโยนปกป้อง
ถนอมนวลใจและกายให้ปลอดภัย และหลับไปนิทรารมย์อันแสนสุข..
ตะวันเบิกฟ้า ..
หรือ ตะวันลา ก็คงงามหยาดหล้าทั่วฟ้าดินทุกถิ่นที่
ที่ฟ้าใจดีมีเมตตาประทานมาให้เรา...
*มนุษย์บนหล้าโลกให้ลืมโศก
*มีพลังสร้างสุขใหม่*ตามตะวันมิมีวันยอมแพ้พ่าย
ให้เรามีอรุณหวังอรุณหวานเริ่มชีวิตใหม่ได้ในทุกทุกวัน
นำมาสอนใจ เป็นธรรมชาติใจธรรมดารัก
ตราบจนกว่าชีวิตจะแตกดับตามดวงตะวัน..
ตะวันงาม ที่ปราสาทพนมรุ้ง
ตะวันลา ที่นครวัตนครธม
ตะวันโศกตรมยามดายเดียวริมทะเลงาม
ตะวันหวานในกรุงกรงบางวัน..
แต่...
ทุกดวงตะวัน..
ที่ไหนๆ..ก็ไม่งามเท่าตะวันกลางใจ
ปลุกดวงใจไทยทั้งชาติให้ตื่นให้เบิกบาน
ให้มีพลังสรรสร้าง คุณงามความดี
ทุกธุลีชีวีที่พร้อมพลีอุทิศใต้เบื้องบาทพระองค์
ด้วยความจงรักภักดี..
ให้ทั่วผืนดินไทยแข็งแรงด้วยพลังแห่งดวงใจรู้รักสามัคคี
ได้หยัดยืนทายท้าอารยะโลกอย่างผู้รู้ตนอย่างคนรู้ค่าชีวิต
แบบพอเพียงแบบเพียงพอ
แบบไม่ลืมตนไม่ลืมตัวไม่ลอยละล่องฟองฟู
ดั่งว่าวเหลิงลมคราได้รับคำชมคำเยิรยอ
หรือต้องแฟบฝ่อห่อเหี่ยวแทบสิ้นเรี่ยวแรง
แม้นถูกคำคนพิพากษาไม่เข้าใจเหยียบย่ำกระหน่ำใจ
เพราะไม่ว่าคำใดใครคนไหนมอบให้
ก็แค่ลมลมมิยั่งมิยืน..เท่างามดวงใจใครจะรู้
ให้เฝ้าทนสู้เก็บกลืนกล้ำ
ให้เลิศล้ำความเป็นยอดคน
ให้ฝึกอดทนอภัย มากมีน้ำใจเมตตา
ที่จะเผื่อแผ่แบ่งปัน
ให้ไปไม่หวงไม่หวัง..
ไม่กลัวใครจะมาลวงมาหลอน..มาย้อนยอกหลอกใจ
ก็ไม่หวั่นไหว ไหวหวั่น
ยึดมั่นงามดวงใจให้สวยใสกระจ่างงาม
ตามดวงตะวันกลางใจ
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท..
พระผู้เปรียบประดุจยอดปราชญ์
พลังรวมชาติรวมงามสิ้นแห่งผืนดินทุกหย่อมหญ้า
ทั่วหน้าพสกนิกรชาวไทยได้ร่มเย็นเป็นสุข
และ..
ดั่งมีดวงตะวันสดใสส่องนำทางใจนำไทยทั้งผืนดินนี้
ให้อบอุ่นเป็นสุขตราบชั่วกาล..นานชั่วนิจนิรันดร...
บันดาลใจจากอรุณรุ่งเช้าวันที่5ธันวาคม
ที่แพนพาหัวใจละมุน
ไปใส่บาตรทำบุญน้อมถวายเป็นพระราชกุศล
แพนได้ทำบุญกฐินถวายวัด ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า
ได้แผ่ส่วนกุศลให้แก่ตนเองและทุกดวงใจ
ที่แพนแสนรักค่ะในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ให้มองตะวันเป็นเห็นงาม
รู้เก็บตะวันกลางใจ....
ดวงกระจ่างใสดวงงาม
ไว้ส่องนำเส้นทางใจสนองพระบรมราโชวาทที่ว่า
รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่ รู้เพียงพอพอเพียง..
เพียงแค่นี้...
ก็พอเพียงก็เพียงพอแล้ว..นะแก้วตานะดวงใจ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร
ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา
ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป
นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง
หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส
ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน
โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย
.........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.htm
lดวงตะวัน
ที่เคยส่องแสงให้ความ สว่าง
กำลังจะจาง
กำลังจะเลือนหายไป
คนที่ดี ที่มีแก่ใจให้กัน มาก่อน
กำลังจะลืม กำลังจะเดินหนีไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
แม้แต่ดาว ที่พราวบนฟ้าก็ดู
เลือนลาง
และมันก็จาง ไม่พอจะแทนที่ใคร
คนใด
มีแต่เธอ เป็นเพียงตะวันไม่มี
คนอื่น
และเธอเท่านั้น
คือดวงตะวันที่หายไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5820.htm
lEvery night in my dream
I see you,I feel you
That is how
I know you go on
Far across the distance
and spaces between us
You have come
to show you go on
Near,far,
wherever you are
I believe that the
heart does go on
Once more,
you open the door
And you're here
in my heart,
And my heart
will go on and on
Love can touch us
one time and last
for a lifetime,
And never let go
till we're gone
Love was when
I loved you,
one through time
I hold to
In my life we'll
always go on
Near,far,
wherever you are
I believe that the
heart does go on
Once more,
you open the door
And you're here
in my heart,
And my heart
will go on and on
You're here,
there's nothing I fear
And I know that
my heart will go on
we'll stay
forever this way
You are safe
in my heart,
And my heart will
go on and on...
2 ธันวาคม 2548 14:56 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6197.html
(สายฝน เพลงพระราชนิพนธ์ )
..................
เพชรคือ.. อัญมณี
ที่..
ทุกคนยอมรับว่า เป็นสิ่งงดงาม
ที่..ธรรมชาติ ได้หยิบยื่น ให้แก่มนุษยชาติ
เพื่อนำมาใช้เป็นสื่อแทน
สิ่งที่มากค่า สูงส่ง งามเลิศล้ำ มากความหมาย
ในทุกสรรพสิ่ง บนผืนโลกนี้
เหตุด้วยเพชรเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง
ที่มีคุณสมบัติมากล้น.......
เพชรมีความแข็งแกร่ง มีน้ำงาม
มีเหลี่ยมมุม
ที่..
เมื่อมนุษย์ ได้ใช้ใจที่สูงด้วยอารมณ์สุนทรีย์ มีศิลป
นำมาเจียรนัย ให้สัมผัสแลเห็นงาม
เกิดประกายวาววับ เจิดจรัส บาดจิต บาดใจ
งามจนน่าไหลหลง ยามเมื่อต้องแสงสวย........
และ...
ที่สำคัญ มีกรรมวิธีสลับซับซ้อน
ยากลำบากกว่าจะได้มา
ดั่งคำว่า..*เพชรในตม*
ที่กว่าจะขุดพบ
และ..
เลือกคัดสรร จนสามารถนำมาเจียรนัย
และแปรรูปเป็นอัญมณีนั้น
เป็นขั้นตอน..ที่ยิ่งเพิ่มความมากค่าของ หิน
ที่เรียกกันใหม่ว่า ...
*เพชร *ให้มากยิ่งขึ้น.........
มนุษย์.....
คือผู้กำหนด ในบางสิ่งบนผืนโลกนี้
ยกเว้น...ธรรมชาติยามพิโรธ
ที่เรายังมิอาจหยุดยั้งได้
แต่....
ไม่ว่าค่านับของเงิน ทอง หรือสิ่งใดๆ
เกิดจากน้ำมือ...น้ำใจ
ด้วยมันสมอง...
อันเลอเลิศของมนุษย์ ทั้งสิ้นทั้งนั้น มิใช่ดอกล่ะหรือ.......
เพชร....จึงถูกนำมา
เพื่อใช้เป็นสิ่งแทนค่า แลกเปลี่ยน
และ..
เป็นดังเช่นสัญญลักษณ์ของความสูงส่ง
ในทุกๆด้าน ของชีวิตมนุษย์เฉกเช่นกัน.......
นอกจากสัญญลักษณ์ที่เห็นได้ด้วยตา
และจับต้องได้
หลังจากนำมาประดิษฐ์ประดอย
เป็นเครื่องประดับงามบนร่างของมนุษย์นี้แล้ว ..
เรา...
ยังได้นำเพชรมาเปรียบกับ......
คุณงาม ความดี ความยิ่งใหญ่
เกียรติยศ ความสำเร็จ
และ
ความภาคภูมิใจของชีวิตคนบนผืนโลกนี้
มิใช่..
เพียงเฉพาะที่ซื้อหามาได้ด้วยเงินเพียงนั้น....
เพราะเพชรในที่นี้
*เปรียบประดุจดังความดีมีค่า *
ที่เงินก็ไม่สามารถ นำมาซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนให้ได้มา.........
ถ้าจะเปรียบ....ความสูงส่ง...ยิ่งใหญ่ของเพชรล้ำค่า
ต่อ ผู้คนที่ล้ำเลิศ คงได้ดังนี้.............
เพชร........ของโลก
คือระดับผู้นำของประเทศ
ที่..กุมบังเหียน
บริหารบ้านเมือง ลิขิตโชคชะตาผู้คนได้
และ..
จะเป็น..*เพชรแท้ *หรือ..*เพชรเทียม* หรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับ..จิตวิญญาณของผู้นำนั้นเอง......
เพชร.....ที่ประดับโลก ประดับไทย
ประดับใจของคนไทยเราทุกดวง
คือ
*องค์พระประมุขของชาติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และ
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ....*
ธผู้เป็นยิ่งกว่าเพชรแท้มากมีมารวมกัน....
ก่อเกิดเป็นพลังแผ่นดิน
รวมดวงใจไทยทุกดวงให้ หลอมเป็นดวงเดียวกัน
ด้วยน้ำพระทัย ใสเย็น
ดังหยาดเพชรที่หยดหยาด ให้พสกนิกร
ด้วยรัก..เมตตา เสมอมายาวนาน.มิรู้สิ้น
เพชร......
ที่แท้จริงอีกอย่าง
คือ..*แก่นธรรมมะ แก่นแท้ของศาสนา*
แม้คนในโลกนี้..
จักมีเพชรงามหลาย
รูปแบบ หลายศาสนา
เราคนไทยมี..*พระพุทธศาสนา *
ที่..
เปรียบประดุจดังเพชรเม็ดงามเรืองรุจี.........
ที่...
เราทุกคนโชคดีนัก
ที่มีโอกาสเกิดมาพานพบ
และ
เลือกมา...ประดับใจของเรา...
ให้มีคุณค่า
มากล้นด้วยคุณงามความดี
ด้วยน้ำใจ...
ที่ใสสะอาดราวเพชรงามน้ำดี
เพื่อ..
ส่องสว่างนำทางให้ จิตวิญญาณ สงบงาม.
และ..
ยังประโยชน์ เพื่อนำ..เส้นทางใจ
ให้แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน มืดบอด หาแสงสว่าง ไม่พบเจอ.........
เพชร.......ของมนุษย์เรา
นอกจากประดับที่ร่างกายแล้ว
ทุกคน..
จะมีเพชรส่องประกาย...ภายในใจ
ให้งามงดเฉพาะรูปเฉพาะนาม
ตามทางแห่งการระลึกรู้
ด้วย..
ความเพียรและกุศลผลบุญที่ได้สร้างสม
บ่มเพาะ แตกต่างกันไป แล้วแต่ใจใครจะไขว่คว้า..........
เพชร.........
ของพระราชินีทุกๆองค์ คือมงกุฏเพชร
ดังเช่นมงกุฏงามของพระราชินีเอลิซาเบธ...
ที่คงมากล้นค่าแห่งเกียรติยศ
ในดินแดนที่เคยกล่าวว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตก..........
และรวมทั้งมงกุฏงามมากค่า
ที่...สวมใส่ประดับให้แก่หญิงงาม
พร้อมการน้อมยอมรับ จากผู้คน
ที่เราพากันเรียกขานว่า..*นางงาม*ต่างๆ.......
เพชรของชีวิต......
คือความสำเร็จ ในทางที่ถูกที่ดีงาม
ในหน้าที่การงาน ต่อครอบครัว และต่อสังคมส่วนรวม.......
เพชร...ของคนตาบอด.....
คือ..
ความหวังเรืองรอง
ที่..ต้องการมีดวงตาสว่างไสว
มองเห็นโลกนี้ที่สวยงามสดชื่น
มีสีสรร ราวดวงตาสวรรค์ที่ฟ้าประทาน..
ให้..
ทุกผู้ที่โชคดี..มีวาสนา สัมผัสเห็นงามตามใจนึก....
เพชรในใจแม่..พ่อ..ผู้ก่อกำเนิด..คือลูกรัก...ปานดวงใจ.........
เพชรในใจหนุ่มสาว..............
คือ..
ความรัก ความสมหวัง
การได้ครองคู่อย่างอบอุ่นเป็นสุข
ด้วยความรักเข้าใจ อภัย กรุณา ตราบจนชีวีนี้จะหาไม่....
และ
เมื่อรัก... สิ่งสูงค่า
ที่อยากนำมาแทนใจ คือ..*เพชร *
รักมาก เงินมาก ไม่เดือดร้อน
ก็แสดงออกบอกรัก..ด้วยค่าของเพชรมาก กะรัต.........
รักมาก เงินน้อย ไม่พึ่งพาเพชรพลอย ก็...ไม่ผิดอันใด.........
เพราะ. ...
ใจดวงดีที่มั่นคงจงรัก
และเปี่ยมล้นด้วยเข้าใจกันและกัน
ย่อมมากล้นค่าเท่าเพชรได้เฉกเช่นเดียวกัน
สำคัญที่ใจ..และตัวใครตัวคนนั้น
ที่มีสิทธิ์จะแสดงออกในรูปแบบต่างกัน.....ดังฝัน
ที่มิอาจ ...
เหมือนกับชาย..อย่าง ริชาร์ด เบอร์ตัน
ที่..
แสดงออกบอกรักหญิงงามนามเอลิซาเบธ เทย์เลอร์
ดาวค้างฟ้า ด้วยเพชรมากค่า....
แต่ก็ยังมิอาจฉุดรั้งให้รักราร้าง ในวันหนึ่ง....
เพชร........ในใจของนักเขียนคือ.....
กำลังใจจากท่านผู้อ่าน ที่ยามได้รับคำ ติชม ราวหยาดรุ้งงาม
เพชร........ในใจของเจ้าของร้านเพชร
คือ
*ผู้ซื้อ..ที่รู้คุณค่า*
มิเกี่ยงราคา ด้วยซึ้งค่าในการออกแบบ
ให้งามงด...เป็นมรดกฝากไว้ไม่สูญสลาย....
เพชร..........ในใจที่สว่างไสวของเด็กเร่ร่อนจรจัด
คือ ..
ครูวัลลภ และครูทุกๆคนที่ร่วมด้วยช่วยกัน
ให้ความสำคัญของอนาคตของชาติ ที่ถูกเมินเฉย ทอดทิ้ง ....
เพชร...
ยังมีอีกมากมายหลายสาขาอาชีพ......
ในจิต ในวิญญาณของผู้คนที่ทุกข์ทนยาก
คือ..
*คนดีมีน้ำใจงาม*
* ผู้ถือโคมเพชรพราวราวแสงไฟ *
นำทางชีวิตให้สว่างไสว...ไม่ย่อท้อ...แพ้พ่าย....
และ..
เพชรใดใด
ที่..เลอล้ำค่าที่สุด
ก็มิ...อาจเปรียบเพชรนี้ที่ให้ด้วยรัก....
ด้วยเมตตาบารมีได้......
คือ......
เพชร......ในใจของชาวนา..เกษตรกรผู้ยากไร้..
ที่เพียรพลิกฟื้นผืนดิน....
ด้วยหยาดสายน้ำพระทัยมิรู้สิ้น
จาก....
*พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว *
ที่มี..
โครงการในพระราชดำริมากมาย
เกี่ยวกับการหาแหล่งน้ำ.....
เพื่อนำมารินรด...ให้ใจทุกดวงที่รอคอย...
น้ำจากฟ้า จากพระบารมี..
ให้...ดวงใจทุกดวงอาบชื่น
ให้มีความหวัง....มีพลังแห่งใจ....
ดังคำที่ว่า.....
มีน้ำ....มีนา....มีชีพชอบ....ได้ปลูกข้าว....
ให้ออก...รวงเรียวงาม...ราวรวงเพชรพลอยพราว........
คราวได้รับหยดน้ำค้าง
*ราวหยดน้ำเพชรพราวพร่าง....แห่งชีวิต....*
ที่..
จะนำมาหล่อเลี้ยงพืชพรรณ...และชีวิตผู้คน...
บนผืนดินทอง แผ่นดินไทย นับล้านๆ ให้ดำรงรอด......
เพื่อมีร่างงาม...
ให้ประดับเพชร เพียงสวย....
แต่....
มิใช่เพื่อชีวิตนี้...ที่จำเป็น...!
************************
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6197.htm
สายฝน ..เพลงพระราชนิพนธ์
เมื่อลมฝน บนฟ้ามาลิ่ว
ต้นไม้พลิ้ว ลู่กิ่งใบ
เหมือนจะเอน รากคลอนถอนไป
แต่เหล่าไม้ ยิ่งกลับงาม
พระพรหมท่าน บันดาลให้ฝนหลั่ง
เพื่อประทัง ชีวิตมิทราม
น้ำทิพย์สาด
เป็นสาย พรายพลิ้วทิวงาม
ทั่วเขตคาม ชื่นธารา
สาดเป็นสาย
พรายพลิ้วทิวทุ่ง
แดดทอรุ้ง อร่ามตา
รุ้งเลื่อมลาย พร่างพรายนภา
ยาม เมื่อฝนมาแต่ไกล
พระพรหมช่วย อำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำ ดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่ง ลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพันธุ์ไม้ ชื่นยืนยง...