31 ตุลาคม 2548 20:35 น.

คิดถึง..เจ้าจันทร์แจ่มในดวงใจ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง กุ้ง กิตติคุณ เธียรสงค์

จันทร์ กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์

งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย...
..................





ใจดายเดียวดูจันทราฟ้ามัวหม่น
กับลมฝนหลงฟ้านภาหมอง
หอมจันทร์นวลดวงงามน้ำตานอง
นภาผ่องไยจันทร์เศร้าเหน็บหนาวใจ

จันทร์เอ๋ยเคยคลี่แย้มแต้มโลกหล้า
ทุกราตรีมาคลี่ดวงให้หวามไหว
น้ำตาเดือนรินพร่างร้างรานหฤทัย
โอ้ดวงใจไฉนเลยเคยหวานงาม

ยังหลงเพ้อละเมอรักภักดิ์เพียงเพ็ญ
อย่าหลีกเร้นพรายแสงแรงวาบหวาม
ยังรักรอยังรอรักทุกโมงยาม
ราตรีงามรอจันทร์เพ็ญลอยเด่นดวง

กระจ่างฟ้าลบมืดหม่นคนใจร้าว
หยาดหวานพราวเสน่หาอย่าลาล่วง
คืนสู่ฟ้าคืนสู่ใจในอ้อมทรวง
เจ้าขวัญดวง..ดวงขวัญฟ้า..อย่าลาไกล..อย่าแรมใจ..ไปนิรันดร์
				
30 ตุลาคม 2548 10:46 น.

.....

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html
(เสน่หา)
.................				
26 ตุลาคม 2548 20:41 น.

มุกมณีจิต..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
(หนึ่งในร้อย..ณ..วันนี้เรือนมยุรา)
.....................

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html
(เสน่หา)
.................


คืนนี้....
ผมฟังบทเพลง*เสน่หา*
ที่กำลังขับขาน
ด้วยน้ำเสียงแสนหวานเศร้ามีเเสน่ห์
แบบเซ๊กซี่ๆของนักร้องในดวงใจ 
*คุณนัดดา วิยะกาญจน์*

แล้ว..
น้ำตาลในเลือด 
และพลังแห่งรัก Power of love 
ก็พลันพร่าง..โชนช่วงในดวงใจ..
อย่างช่วยไม่ได้แล้วละครับ..



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html
เสน่หา..

ความ รัก เอย
เจ้า ลอยลมมาหรือ ไร
มาดลจิต มาดลใจ เสน่-หา
รัก นี้จริงจากใจหรือเปล่า
หรือ เย้า เราให้เฝ้าร่ำหา
หรือแกล้งเพียง แต่แลตา
ยั่วอุรา ให้หลง ลำพอง
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย...
............




ราตรีที่ผ่านมา
ผม..ล่องเรือไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
ที่สงบเงียบแสนงาม
ราวกับ
กำลังย้อนยุคกลับไปในต้นสมัยรัตนโกสินทร์

ลำน้ำเจ้าพระยา..ทอดตัวคดเคี้ยว
*ราวพญานาค*
เลี้ยวเลาะไปท่ามสองฟากฝั่ง
ที่ไฟสะพรั่งพริบ
วะวิบวาววะวับแวม..
ประดับวัดวา บ้านเรือน ไปทั่ว



เดือนเสี้ยวดวงเศร้า แขวนฟ้า
ขับให้...
ราตรีแสนน่าเสน่หา
เสียยิ่งกว่ายามกลางวันเป็นไหนไหน

ผมยืนดายเดียวพิงกราบเรือ
แล้ว..
แหงนเงยฝากใจไปกับจันทร์ฝากฝันไปกับดาว
ที่..
กำลังกระพริบพราว
ราวกับการได้อยู่ลำพังกับสรรพสิ่งรายรอบ
นั้นก่อพลังสุขล้ำลึกเสียยิ่งกว่าสิ่งใด...



หัวใจผม..
ได้ยินเสียงบทเสภาก้องลำน้ำ

ในคลองใจผม 
ราวกับเห็นภาพ
*ขบวนเรือพยุหยาตรา*
กำลังลอยเลื่อนมา
ราวกับ
*พญาหงส์ทรงพรหมมินทร์ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม*
เลยทีเดียว...


หัวใจผม...
ลอยละล่องท่อง..ไปตามสายนทีทอง
ย้อนยุค..
กลับไปในสมัยเก่าก่อน
ที่..
บ้านเรือนยังซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ริมสายน้ำ
หรือไม่ก็ริมชายทุ่งท้องนา



และ..
กับความงามสว่างแห่งวัดวาอารามดาระดะ
เต็มไปด้วยเจดีย์สีทองสุกปลั่ง
และ
แฝงฝังฝากลีลาธรรมชาติ
ที่..
แสนงามสงบเงียบ
เรียบง่าย ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสมถะ

ให้สาวๆชาวไพรได้ตื่นเช้าไปวัด ทำบุญ
หุงข้าวใหม่หอมกรุ่นห่มสไบผืนสวย
ที่..
ทอด้วยมือตัวเองยามว่างนา..



พาจิตดวงสวยใสดั่งอัญมณี..
ไปน้อมดวงชีวี..
พลีศรัทธาปสาทะในร่มธรรม..รับธรรม
อันดั่งน้ำอมฤต
ให้..
ดวงจิตดวงชีวียิ่งงามล้ำเลอค่า
ราวเพชรกล้า
ยิ่งกว่าทองคำอันแสนผ่องผุดพิสุทธิ์เสียอีก..


พลัน..
บทกวีแสนหวาน..
จาก
*ดวงใจเจ้าฟ้ากุ้ง*
ที่..
กล่าวถึง..ความงามของนางอันเป็นที่รัก
ก็..สะท้อนลอยลมมากับฟ้ากว้างกับสายน้ำ
ที่...
กำลังระรี่ไหลระรินไหล..
อย่างใสเย็นอย่างช้าๆ...
...................




จำปาหนาแน่นเนือง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
(เห่ชมไม้ )
พุ่มพวงดวงดอกฟ้า ในใต้หล้าหาใครเทียม
โฉมงามทรามเสงี่ยม เรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ
(เห่บทสังวาส)
ต้นกลายเหมือนนางกราย เดินหิ้วชายหมายตาคม
น้อยนาฎผาดผายสม พี่รักเจ้าเท่าตัวเรียม
(กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง)
..........................




ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกจะหมุนพา
ผ่านคืนฝันวันแห่งวิถี
ที่แสนเป็นสุขใจเร็วรี่เสียนี้กระไร

จนมาถึง..
วันนี้ นาทีนี้กับโลกยุคนี้
ที่มี..
ภัยจากผู้คนมากมายทุกมุมโลก
ที่บ้าสงครามช่างทำลาย
กลายกล้ำ ห้ำหั่นกัน
และ
แม้นจนกระทั่งแผ่นดินแม่
ที่ตัวเองอาศัยหยัดยืนอยู่
มาอย่างยาวนานก็ยังมิวายเว้น



ไหนจะภัยที่เกิดจาก
*เชื้อโรค *ที่มองไม่เห็น

หากคือภัยแฝงเร้น
ที่น่าหวาดวิตกกว่าสิ่งใด
เพราะ..
หากเกิดพิษภัย
แล้วจักผลาญพร่าคร่า
ชีวิตพลเมืองโลกนับเป็นร้อยๆล้าน
ก่อนที่จะค้นพบหนทางแก้...




นี่คือสรรพสิ่ง
ที่กำลังราวปีศาจรอล่าเหยื่อ
ให้มิเหลือสักผู้เดียว
หาก..
ยังมิเหลียวแลและเคารพความเป็นธรรมชาติ
อันคือความพึ่งพาพึ่งพิง
ใช่วิ่งทำลายล้างเขาข้างเดียว
และ
เพราะจากน้ำมือคน..คน..คน
ผลกระทบนั้นจึงย้อนรอยคืนหลังมา
ให้แสนน่าโศกเศร้าสะเทือนใจ..!




ผม...น้ำตาซึม..
คิดถึงโลกและชีวิต
และ..
ทุกสรรพสิ่งแห่งธรรมชาติ
ดินน้ำ ลมไฟ ที่สถิตทอดในนิมิตผมเสมอมา

พลังธรรม...
ที่..
สอนสัจจะให้ผมรู้ค่าของลมหายใจแห่งการมีชีวิตอยู่..



ผม..เพียงหวังและคิดว่า* โลกนี้น่าจะดีกว่า*
หาก..
ทุกดวงชีวา
เริ่มสร้างค่านิยมใหม่
นับจากเริ่มแรกปฎิสนธิ

ให้มีความรู้รักธรรม ธรรมชาติ
ให้รู้ว่าแค่ชั่วเวลาหนึ่งที่ได้เกิดมา
มีดวงตาเห็นถึงพลังแห่งรักอันแสนยิ่งใหญ่
ของทั้งพระพุทธศาสนา
และ
ธรรมชาติท้องนาท้องไร่ป่าไพร 
ห้วยละหานลำธารใส ก็แสนบุญใจนักแล้ว



ผม...
ดายเดียวในดวงกมล
และ..
พลันราวได้ยินเสียงสายนทีทอง
กำลังร้องเพลงให้ผมฟัง..
..................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
ลุ่มเจ้าพระยา..

ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน

เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน
...................





หัวใจผม...พลันราวนกไพร
ที่กำลังเหิรบิน
ไปในทุกถิ่นสวย แสนงาม 
ป่าใหญ่ไพรกว้างหนทางเถื่อน 
ห้วงดาวเดือน หมู่เมฆ ในเวิ้งอนันตกาล
ชม..
ดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าผลิแย้มบาน
ดู..
กระท่อมเรือนชานในท่ามท้องทุ่งนา
ดู..
ฟ้าแสนงามในทุกยามไร้มลพิษ



ดูชีวิต 
ชาวนาชาวป่าในแดนดงพงไพร
ที่ค่ำมา..ก็ยังมีฟากฟ้า
และ..ดวงดาราสุกสว่าง
มานำทางใจ.แสนสวยใสสงบกระจ่างพร่างพราว
ไร้กิเลสอยากได้วัตถุใด..




มีเพียงหัวใจดวงทอง 
ที่ยังผ่องผุด
ยังอยากสร้างโลกละมุนกรุ่นหอมด้วยเรียวรวง
ให้หอมไสว..
ในนาสีทองสุกปลั่งดั่งเพชรพราวพราย
ฉายฉันท์สวรรค์บ้านไร่สวรรค์บ้านนา
.



ให้โลกร้ายได้กลายกลับคืนดี
สู่วิถีที่สงบพบเพียงฝันดี
ที่ทั้งหล้าโลกนี้ 
แม้นไร้แสงสีความศิวิไลซ์
หากไยเล่า ..
ถึงช่างงามพราวหอมนักในรู้สึกอันแสนลึกซึ้ง




ผม...ฝันไกล
ฝันด้วยใจดวงโบราณ 
ที่..
ใครจะหยามเหยียดว่างายงมอย่างไรก็ตาม
หาก..
ผมแสนปิติภาคภูมิใจ
ที่ได้ครองอัญมณีใจดวงไพร
ดวงรักดินถิ่นพุทธภูมินี้...
อย่างที่มิมีวันจะแปรผัน



ไม่ว่าโลก...
และ
ผู้คนจะผันแปรแพ้รอยไถ 
ไร้หัวใจรักวัวควายไร่นาสักเพียงใดก็ตามที

ผม..ก็จะดำรงชีพนี้
ด้วยความมั่นคง 
ซื่อตรงกับความเป็นตัวของผมเอง
มิยำเกรง..ให้โลกวัตถุใดมาทำลาย
คล้าย..
ดั่งมีเพชรดวงกล้าแกร่งที่แฝงฝัง
ในร่าง..อย่างแนบสนิทสถิตไปเป็นนิรันดร์รัก..
..............



คืนนี้..
ท่ามลมโชยพลิ้วฉ่ำ
และ...
ท่ามนทีทองนทีฝัน
ผม..
รอท่าพาทั้งร่างและจิตวิญญาณ
ผ่านภพจบชีวิตในชาตินี้
ที่ผมเลือกแล้ว...



ที่..จะก้าวย่างไปในเส้นทาง
แห่งธรรม และธรรมชาติ

และจักดำรงจิตภายใน
อย่างสวยใสกระจ่างงาม
อย่างว่าง วาง 
อย่าง ...
ผู้พบทางเหนือโลกโศกสุขทุกข์มายาวนแล้ว...!!!!





ผม...หลับตานิ่งๆ..
และ..
น่าแปลกนัก...

ที่ในมโนนึกราวกับผมพบ
ภาพตัวเอง..กำลังนั่งเรือมาดลำน้อยๆและ
กำลังเทียบท่าค่อยๆพาผมก้าว
ไปสู่...
เรือนไทยริมชายน้ำในเงาดาว
กับหอมพราวของดงดอกสายหยุดพุดซ้อนอรชร
และดวงดอกราตรีริมชานเรือน




ผมเห็น..
*นางหนึ่งในฝัน.ในใจ 
ในจิตวิญญาณราวผ่านภพ*
ใน..
ชุดผ้าซิ่นไหมสีฟ้าอมโศก
และ..
เสื้อผ้าลูกไม้ไหล่ล้ำสีนวล
ทบมุ่นมวยผมเกล้าตลบขึ้นไปรัดร้อยไว้
ด้วย..
ดวงดอกลั่นทมและพุดซ้อน
เผยให้เห็นต้นคออรชรระหงและไรผมระร่าย
ช่างแสนงามอ่อนหวานเป็นเสียยิ่งนัก...



เธอ..คนดี 
กำลังนั่งเอนอิงพิงหมอนขวาน
ตรงกลานชานไม้แผ่นโต 

ตรงหน้ามีชามแก้ว ใส่ดวงดอกมะลิ กุหลาบ
ที่..
เธอกำลังตั้งใจร้อยเรียง 
ท่ามมีเชิงเทียนทองเหลือง
ที่กำลังพรายแสงวูบไหว ไปตามแรงลม
ให้..
พรายพร่างจับร่างงามจนเกิดเงาแสงสีทอง
ให้ผิวผ่องนั้นงามดั่งทองทา



เธอ..ค่อยๆหันมาคลี่ยิ้มหวาน
และยกขันเงินงาม
ที่มีน้ำลอยดอกมะลิเย็นฉ่ำค่อยๆส่งให้ผม

*ตาเราสบกัน..ในเงาดาว*
แสงนัยน์ตาพราวด้วยหยาดน้ำผึ้ง
สะท้อนสะท้านใจ..
ด้วย..*แรงรักแรงเสน่หา*




ผม..
ค่อยๆเอนหลัง..ลงนอนเหยียดยาว
เอาศีรษะซุกในอ้อมตัก
อันแสนอบอุ่นอวลหวานหอม
ก่อนที่จะ..
ยกมือเธอขึ้นมาดอมดมพรมจูบละเมียด
ที่ละนิ้วอย่างแสนรัก

เธอ..ค่อยๆลูบไล้ใบหน้าผม
คืนกลับอย่างรักภักดี
และราวกับว่า
กำลังเห่กล่อมทะนุถนอมเด็กทารกน้อย
ไว้ในอ้อมกอดอย่างแสนรักใคร่..




เสียงสายน้ำระรี่ระรินไหล
กล่อม..
ให้ดวงใจและร่างผม...
ค่อยๆนิทราหลับไหลไปกับ

มวลแมกไม้ในราตรีที่แสนหวาน
กับ..
ร่างนวลนางณ..กลางใจ
ที่แสนบริสุทธิ์ใส 
ท่ามกลางโลกแห่งความเงียบสงบงาม...
...........





ชมดวงพวงนางแย้ม บานแฉล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
จำปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
พุดจีบกลีบแสล้ม พิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยอารมณ์ เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
สายหยุดพุทธชาติ บานเกลื่อนกราดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน
(กระบวนเห่ชมไม้เจ้าฟ้ากุ้ง)
............................




พิกุลบุนนาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นุชสุดสายสมร เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่มิรู้หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู 
มลิวันพันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นคิดวนิดา
ลำดวนหอมหวนตระลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นิกถวิลกลิ่นบุหงา รำไบเจ้าเศร้าถึงนาง
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแอบแนบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคหลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกัน จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย.....

(มูลละเห่ เจ้าฟ้ากุ้ง)
.......................


มุกมณีจิต..				
24 ตุลาคม 2548 11:19 น.

กระท่อมไม้ซุงริมลำห้วย..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
..............

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
..............


เส้นทางสายเล็กๆ..
ทอดแหวกกอหญ้าสูงท่วมศีรษะ
พา..
ลัดเลาะผ่านไป..
ทั้งในป่าโปร่งและป่ามืดครึ้ม 

ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น..คลี่คลุมรายรกไปทั่ว
มีทั้ง..
ไม้ยาง ตะเคียนทอง 
ไข่เขียว ตะเคียนทราย 
สยาขาว กระบากดำ กระบากขาว 
พันจำ หลุมพอ เอียนเซียด อบเชย 
เทพธาโร จำปาป่า ก่อต่างๆ 
แดงคาน แดงเขา ยมป่า ที่แสนหายาก



ให้เดินเดินไปได้ตลอดทั้งวัน
หรือตลอดทั้งเดือนก็ไม่พ้นเขตป่า
ป่า..
ที่มีทั้งป่าดิบเขาและป่าดิบชื้น
แถมยังมี..
เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน
ก่อให้เกิดมีต้นน้ำลำธารหลายสาย
ที่มี..
เนื้อที่เกินกว่าสามแสนไร่
และครอบคลุมไปหลายอำเภอ



มีถ้ำ น้ำตก ยอดเขา ทิวทัศน์ต่าง ๆ 
และ...
สัตว์ป่านานาชนิด
ที่พบว่า..
ในอุทยานแห่งนี้
จะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย
ของสัตว์ป่าไม่น้อยกว่า 327 ชนิด 
เช่น.... 
สมเสร็จ เลียงผา ลิงกัง 
เม่นหางพวง เสือลายเมฆ เก้ง กวาง เสือดำ 
เสือโคร่ง หมีหมา ค่างดำ ค่างแว่นถิ่นใต้ 
สัตว์จำพวกนก ....
เช่น 
นกอินทรีดำ 
ไก่ฟ้าหน้าเขียว ไก่ป่า นกเขาเปล้าธรรมดา 
นกหว้า นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ 
นกกก นกชนหิน 
นกโพระดกหลากสี และนกกินปลี ฯลฯ
..............




และ...
ใกล้ๆกับ.ณ..ที่แห่งนี้..
จะมี
*กระท่อมไม้ซุงแสนงาม*
ซ่อนตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยวสงบ
ริมลำห้วยสายสวย...
ที่มีก้อนหินใหญ่น้อยระเกะระกะ
และราวกับ..
*เมืองลับแล*..ที่ผมชอบมาฝากฝังตัว
ให้ไกลห่างจากโลกภายนอก
ที่แสนหลอนหลอกลวงใจ

และ..
ที่สำคัญอันแสนน่าภาคภูมิใจ
คือ..
ตัว*ผม.*.ได้เป็นผู้ครองผืนไพรแห่งนี้
ที่..
เป็นมรดกจับจองตกทอด
สืบมามาตั้งแต่ครั้งสมัยบรรพบุรุษ
จนตกมาถึงผม..



ผืนดินที่...
ครอบครัวเรามีประวัติตำนานแสนตื่นเต้นมากมาย
หลายร้อยเรื่องราว
ที่..
แสนยาวนานเกี่ยวกับการผจญภัย
กับป่าใหญ่ไพรกว้างณ..ที่แห่งนี้



ที่จะเล่าให้ใครๆฟัง...
ที่จะมิมีวันร้างแรมรัก

อันเนื่องมาจาก..ผม..เป็นคนรักผืนดินและป่า
และจะมิมีวันยอมทิ้งถิ่น
ยอมขายแลกเงิน

ที่จะนำมาใช้ให้มลายหายไป..ไม่กี่วันก็หมด

ผม..ต้องการเก็บอัญมณีไพรผืนนี้ไว้
ตั้งใจว่า*จนตราบลมหายใจสุดท้ายแห่งผมเลยทีเดียว*



คืนนี้..
หลังเลิกงานและจัดการบางเรื่องราวแล้วเสร็จ
ผมก็...แพ๊คกระเป๋าและของใช้จำเป็น
คว้ามอร์คันเก่าคันเก่งคู่ใจ.
บิดบึ่งเข้ามาในป่าท่ามราตรี

ที่...
เดือนยังระดะพราวเต็มราวฟ้า
จันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
ทอดตาหวานลงมาราวปลอบประโลม
ทั้งดวงใจผมและป่าทั้งป่า...
ให้หลับไหลอย่างแสนสงบสุข




ทุกวันหยุด..
ผมจะมาใช้ชีวิตที่นี่
ที่ที่ใกล้ๆ..กับอุทยานแห่งชาติ
เพื่อ..
วาดวงฝันปันดวงจิต..ให้กับชีวิต
และธรรมชาติที่แสนเงียบสงบงาม..



ตลอดเส้นทาง...
กลิ่นหอมหวานแห่งดวงดอกไม้ป่าและกล้วยไม้ป่า
อีกทั้ง
พันธุ์ไม้นานา
พากันอวลกลิ่นหอมจรุงไปทั่ว
ป่าที่..
ยังมีกุหลาบพันปี กุหลาบป่า
หรือ..
กุหลาบเขาหลวง เต่าร้าง บิโกเนีย
หรือ 
ก้ามกุ้งหลายชนิด มหาสดำ (เฟิร์นต้น Tree Fern) 
พืชในวงศ์กล้วยไม้ที่มีอยู่มากกว่า 300 ชนิด 

บางชนิดเป็นกล้วยไม้เฉพาะถิ่น
ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลก 



เช่น 
สิงโตพัดเหลือง สิงโตอาจารย์เต็ม ขนตาสิงโต 
เอื้องสายเสริตสั้น เอื้องแดงหิน 
กล้วยปลอก เอื้องคีรีวง เป็นต้น

พันธุ์ไม้พวกนี้ที่นับวันจะยิ่งหายาก
และน่าจะปล่อยให้แพร่พันธุ์
เพื่อ..
รักษาความงามอันแสนสมดุลย์ของป่า
ดีกว่าพากันไปบุกรุกทำลาย

..........



ฟ้าแจ่ม..
แต้มด้วยดาวดวงดารารายกระพริบพรายพร่าง
ส่องประกายสว่างสีเงินยวงสะท้อนสายน้ำในลำห้วย
จน..
กลายเป็นสีเงินงาม...




ผม..พาตัวมาถึงกระท่อมในยามใกล้ดึกแล้ว..
และ..
ตั้งใจจะนอนค้างที่นี่สักสองสามคืน
ให้หัวใจได้หอมชื่นสดฉ่ำ..ด้วยเสียงสายน้ำระรินไหล
และ..
ได้นิทราหลับไหลไปกับกลิ่นกล้วยไม้ป่า
ที่พากันแจกจ่ายตระการหวานหอมไปทั่ว...พงไพร

ผม..จุดเทียนหอมขับไล่ความสลัว
ให้แสงมัวมัวระริบระริบหรี่
พลีแข่งกับแสงแห่งเดือนดาวในราตรี
และ.
วางไว้ที่หัวนอน
ไม่ลืมจะค้อมเด็ดดวงดอกพุดซ้อนและลีลาวดี
ที่บานคลี่ริมชายคากระท่อม
มาวางไว้เคลียหมอนรอดอมดมให้หลับฝันดี




แต่..คนดี..
กับ..
ฟ้าสลัวในคืนเดือนแรมอย่างนี้
แม้นจะหนาวแสนหนาว...
ด้วยความเคยชิน
ผม..
ก็ยังต้องลงไปอาบน้ำอย่างลำพังในลำห้วย


สายน้ำ...ที่ราวกับมิเคยหลับไหล
ยังระรินระรี่ไหล..ซอนเซาะเซาะ..ซอน
อย่างแสนอ่อนหวานอย่างไม่มีวันหยุดพัก



ผมทรุดตัวนั่งลงบนหิน
แล้ว..
วักน้ำเย็นเยือกขึ้นพรายพรมตัว
ก่อน...
ที่จะแหงนเงยมองฟ้าคืนแรมสลัว
ราวหวังซ่อนหยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
ที่..กำลัง
แสนเหน็บหนาวในหัวใจเสียยิ่งกว่า..เนื้อนอกเสียอีก..



เพราะ....
นาทีนี้ผมคิดถึงคุณมากมาย นะคนดี
และ..
ในทุกคราที่มานั่งที่นี่ ณ..ที่ตรงนี้
ที่ที่..
เคยมีคุณอยู่ชิดใกล้ภายในอ้อมอกอ้อมใจผม
และเราได้อาบน้ำด้วยกัน
ใน..
ท่ามแสงจันทราและดาวพากันกระพริบตาล้อเลียน
ที่ผมเฝ้าแต่เวียน..วนรักคุณ อย่างมิรู้เบื่อ..
เพื่อ...
เอื้อให้ไออุ่นให้ร่างคุณได้หนาวคลาย..
............



แล้ว.....ไยเล่า..ราตรีนี้
ราวฟ้าสิ้นไร้ดาวไร้เดือน
แม้น..
จักพราวพรายฉายแสงระริบหรี่
ระรุบหรู่อยู่ก็ตามที...

เพราะเพียง..
ผมมองมิเห็นงาม..ในท่ามม่านน้ำตาแห่งลูกผู้ชาย
ที่กำลังสะอื้นไห้อย่างมิอายฟ้าดิน..
............



โลก..แปรไป..
หัวใจและหน้าที่แห่งความจำเป็น
ทำให้ทุกอย่างพลอยเปลี่ยนไปไฉนเลย..

กระท่อมไม้ชุงแสนงาม
ที่ผม..เลื่อยไม้ทุกท่อนด้วยตัวเอง
สร้างด้วยแรงรัก แรงใจ แรงกาย

เพื่อพลีไว้รอรับขวัญคุณ..
ให้มาเป็น
นางใจนางไพร..
นางกลางดวงใจแห่งรักภักดี



ที่..ณ..บัดนี้..
มาทอดทิ้งผมไว้ลำพัง 
ให้ราวกับหัวใจจะหมดสิ้นหวัง
แสนดายเดียวเปลี่ยวเหงาในเงามืด..
พอกันกับ
เงาหม่นในห้องแห่งใจเจ้าของผู้ทุกข์ทนรอ
ที่...
หัวใจเพียรจะยังมิท้อเลิกรอฝัน..ขวัญ
ยังได้ยินเสียงรำพันรำพึงกระซิบ
ฝากตราตรึงให้..คะนึงหา
ด้วยสลักพันธนา...แห่งรักอันแสนหนักแน่นมั่นคง



ยามที่..
เราสองคน
ต่างพากันเคลียคลอออดอ้อนพะนอในม่านมุ้ง
จนใกล้อรุณรุ่งฟ้าใกล้สาง..สว่างรำไรๆ
จนได้ยินเสียงไก่ป่าขันกระชั้นถี่มา
และ..
ดุเหว่าเรไรพากัน
ร่ำร้องพร้องหวานไปทั่วทั้งราวไพร ..
ณ กลางใจกลางกระท่อม
ที่..
หอมด้วย
ละออละอองหยาดน้ำค้าง
แลหยาดน้ำผึ้งแห่งรักกำลังระรินรด..



*เค้าจะกลับมานะ
คือคำมั่นสัญญา
เขาจะมากลับมาและจะอยู่ที่นี่
ตายที่นี่ในอ้อมอกตัว อย่ากลัวไปเลย...*

*รอเค้านะ... สิบปี ...
*คงไม่นานไปนะ 
และ..
อย่าร้องไห้..นะคนดี 
กับวันคืนที่ร่างเราต้องแรมร้าง
ห่างไกลราวสุดขอบฟ้า...*




*ตัวจำไว้นะ ..
เค้าจะคอยมองตัวจากฟ้าแจ่มจันทร์แรม*
ที่..
ทุกคราคราว...ยามตัวหนาวใจ
ขอเพียงให้แหงนเงยมอง
ไม่ว่าเขาจะท่องอยู่แดนดินไหนในโลกกว้างนี้
เรา..
ก็ยังคงมีจันทร์ให้ปันพลี
ให้สองดวงใจเรานี้ได้ฝากรักภักดีแด่กันและกัน
ตราบที่ยังมีจันทร์ดวงเดียวกันนะ*



*คนดี ...
คนเราเกิดมาต้องทำหน้าที่
เค้าขอเวลาไม่นานเลย..แค่สิบปีเอง

สิบปี...ที่ตัวเองคงรอคอยเขาได้นะ
และ..
ตราบใดสายน้ำในลำห้วยยังระรินไหล
ดวงใจเขาก็..ยังรักตัวเองไปเสมอ..
ตราบชั่วนิจนิรันดร์*นะจำไว้
............



ใช่...
นั่นคือ..*คำมั่นสัญญา..*
ที่เขาคงรอท่า และมีหน้าที่เพียงรอ..รอ..และรอ..
รอ..
นับวันนับเดือนนับปี..
และรอ..มานานตราบจนถึงวันนี้.....



และ..
เธอ..คนดีจะรู้ไหมนะ..
ว่า..
จะสักกี่ปีกี่ภพชาติ..
เขา..
ก็ยังยินดีจะเฝ้ารอ รอ และรอ
ขอเพียงได้พบเธอ..
ผู้หญิงในดวงใจพิสวาทเสน่หา
มิคลาดคลา..อีกสักคราสักครั้ง..ก็เกินคุ้ม..!!!!!

.................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา..... พิ้งค์ แพนเตอร์

ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป

แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...


.................
				
23 ตุลาคม 2548 08:37 น.

รักกรูมากับลีลาวสันต์..หยาดสุดท้าย..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2940.html
(ฝนหยาดสุดท้าย..รักเอ๋ยรักข้า)
...............



ผมกำลังพายเรือ... ในทะเลสาบสีทอง
ทะเลสาบ...
ที่ผุดพร่างราวแผ่นสีทองลำยองใย
ขึ้นมาในท่ามดงดอกหญ้าแสนสวยเศร้าอรชร
ที่..
กำลังชูช่ออ่อนอ่อนอ้อนสายลมไหว
ไปกับแสงตะวันรอนยามใกล้ตะวันลา




ฟ้าโพล้เพล้ใกล้ค่ำ...
ฉาบไล้ไปด้วยรัศมีแดดอ่อนละมุน
ราวรุ้งพราย ฉายฉาน.. หาก..งามเงียบสงบ 

เสียงนกกินปลาในหนองน้ำ ร้องระงมผสานมากับสายลม
และเสียงแห่งสรรพสัตว์ราวสังคีตไพร



แล้ว..
ดวงอาทิตย์ดวงกลมสีทองสุกปลั่ง..
ก็ค่อยๆหย่อนตัวลงมา...
สัมผัส..
ทายทักดงดอกหญ้า
และเส้นตัดขอบฟ้าอย่างแสนอ่อนหวาน



ผม..หรี่ตา.. ดูตะวันและฟ้าอันแสนบรรเจิด
ผ่านเรียวไสวของใบหญ้า
ที่กำลังกรายฟ้อน..ช่างแสนงามซึ้งนัก

ผมคิดถึง..ฉากหนึ่งในหนัง..OUT OF AFARICA 
ที่มีฉากแสนงดงาม 
ยามที่..
พระเอกขับเครื่องบินเล็ก
พานางเอกร่อนภิรมย์ชมวิวทิวทัศนียภาพเบื้องล่าง
และ..
ก่อนที่จะไปนั่งอ้างว้าง
เอนอิงกันดูภาพตะวันอันแสนสวยราวภาพฝัน...



ผม..ห่อตัว
เมื่อสายลมหนาวพรูผ่านมา
ราวกับจะปลอบประโลมใจ
พลัน..
มีหยาดลีลาวสันต์พรมพร่างลงมาในท่ามบึงงามสงบ
พาให้หัวใจผม..พบสงบสุขตาม...



และ..
ในท่ามเพลงฝนหล่นพร่าง
ลงมาอย่างเบาบางบางเบา

หัวใจดวงเหงาเงียบงาม
ก็..
ย้อนรำลึกนึกถึงบทเพลงหนึ่ง
ในอดีต ที่กำลังมากรีดก้องในห้องใจ
ราวกับ..
ใครสักคนกำลังร่ำไห้รำพึงรำพันฝันฝากรัก
ไปกับฤดูกาล...ที่..กำลังจะผ่านเลย..
.......................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html

ฝนหยาดสุดท้าย สุนทราภรณ์

ฝนหยาดสุดท้ายหัวใจหวั่นไหวให้ตรม
ซ่อนรอยน้ำตาขื่นขม ร้าวระบมสุดที่จะฝืน
ถึงคราวจำพราก โศกช้ำกล้ำกลืน
ฉันนอนซบหมอนสะอื้น
ค่ำคืนผวาโศกศัลย์
ฝนหลั่งสั่งฟ้านิจจาจำร้างห่างกัน
อย่าลืมรักเคยผูกพัน ทุกคืนวันอย่าลืมเสน่หา
ถึงกายจะห่าง แต่รักอย่าลา
เธอเคยสัญญาไว้ว่า 
จะมาเมื่อฝน เยี่ยมเยือน
จงหมั่นจำความหลังอย่าลืม
สองเรา เคยรักเคยปลื้ม
ด่ำดื่มจำไว้อย่าเลือน
คอย ฉันคอยจนฝนใหม่เยือน
หวั่นเกรงรักลวงลอยเลื่อน
เพื่อนใจอยู่ไหนไม่มา
ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม

ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม...
..............




ผม..
แหงนเงยยิ้มรับฝนหยาดสุดท้าย
ที่กำลังพร่างรินด้วยหยาดน้ำตา
และนอนพาดตัวนิ่งนิ่งกลางลำเรือ
คอยเฝ้าดู..



ตะวันกำลังลับฟ้า...
ในม่านหมอกมนต์แห่งสายฝน..เสน่ห์วนา
และ..
บึงกว้างมิร้างไร้แรมรัก..
และ..
จักหมุนวนกลับมาทายทักมวลสรรพสัตว์ในเช้าวันใหม่
ให้ทุกดวงใจ ...ได้คลี่ยิ้มหวานๆ
รอรับวันหวานวันหวัง..
รับพลังธรรมแห่งธรรมชาติที่แสนพิลาสพิไล 

มาส่องนำทางใจ 
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
อย่าง..ไม่มีวันสายเกิน 
ที่จะเริ่มต้นใหม่ในทุกลีลาชีวิต
หากรัก..
ที่จักลิขิตชะตา ใช่รอท่า..เพียงพรพรหม...!



และ..ในไม่ช้า
สายลมหนาวจะกราวกรูมา

พวงพยอมยังคงบานตระการคู่หล้าประดับใจ
พงพฤกษ์ไพรยังคงรอสายฝนสายฝัน
ที่จักหยาดรินมาใหม่..มิสิ้นสายใยแห่งรัก

น้ำค้างไพร..
ยังคงทายทักระริน..
ที่จะยังคงรอพร่างพรายพรม
ลบระทม..คืนสดชื่นให้ แด่..ทุกดวงดอกไม้



ฤดูกาลผ่านมาสอนทุกข์สุขให้ทุกฤดี
ได้มีชีวี
และ..
ลมหายใจตระหนักชัด ถึง..
*พลังแห่งรัก..มหัศจรรย์แห่งรอ*

โลกละออให้ศิลปะอันแสนอ่อนช้อย
ที่ถึงเพชรพลอยร้อยพัน ใช่..!จะแทนที่กันได้




และ..
หากตราบใด...

ฟ้ายังคงเปลี่ยนสี
สายนทียังรี่ไหล
เรา...
ยังมีดวงตาสวยใส
ดวงใจนวลนุ่ม

ดวงที่หวานละมุนราวกลีบดอกไม้
ดวงที่
คิดเพียงพลีให้รักน้ำใจ
แด่ทุกดวงใจ...อย่างไม่สิ้นเมตตาปรารถนาดี




ไว้รอรับทุกนาที ที่..จะได้สัมผัสฝัน
อันจัก.
มาเพาะพันธุ์พร่างให้สว่างหอมในหอมห้วง
แห่งเนื้อดินใจ..

อันคืออัญมณีไพร อัญมณีจิต
ที่จักตามติด..ให้เกิดก่อทิพยนิรมิต
ไปตราบทุกภพชาติ
ตราบจนวันตาย
ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย..!
..................................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2940.html
รักเอ๋ยรักข้า ...สวลี ผกาพันธ์ 


รักเอ๋ย รักข้า
คิดยิ่งเหมือนพา
กังวลอุรา หวนไห้
เดี๋ยวรัก ก็ชื่นฉ่ำใจ
เดี๋ยวรักก็จากไปไกล
ไม่เคยสดใส จีรัง
รักเอ๋ย รักข้า
ครั้งแรกรักมา
เหมือนดังผกา สพรั่ง
ดูรัก เจ้าช่างจริงจัง
แสนชื่นชุ่มฉ่ำประดัง
แทรกมนต์ที่ขลังอาจินต์
รักเอยรักจงอย่าเฉย
แรมไกล
รักเจ้าโปรดเห็นดวงใจ
หวนไห้ถวิล
น้ำตา ร่วงริน
ท่วมฟ้า ท่วมดิน
ไม่อยากจะกินจะนอน
รักเอ๋ย รักข้า
เคล้าด้วยน้ำตา
หรือน้ำผึ้งพาใจอ่อน
บางครั้ง รักเจ้ารุ่มร้อน
เดี๋ยวรัก ก็จากก็จร
อกเอ๋ย สะท้อนดวงใจ

รักเอยรักจงอย่าเฉย
แรมไกล
รักเจ้าโปรดเห็นดวงใจ
หวนไห้ถวิล
น้ำตา ร่วงริน
ท่วมฟ้า ท่วมดิน
ไม่อยากจะกินจะนอน
รักเอ๋ย รักข้า
เคล้าด้วยน้ำตา
หรือน้ำผึ้งพาใจอ่อน
บางครั้ง รักเจ้ารุ่มร้อน
เดี๋ยวรัก ก็จากก็จร
อกเอ๋ย สะท้อนดวงใจ...
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด