30 กันยายน 2547 21:11 น.

ฤาสิ้นสายเสน่หา1

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438 
(ที่สุดของหัวใจ)
ฤาสิ้นสายเน่หาภาคแรก
***************


คนดี...
ผมจำพรากจากลาคุณอีกคราแล้ว
กับวันนี้...
วันที่คุณบอกผมว่า...คุณจะไม่มาส่งผมที่ท่าเรือ

เพราะคุณทนไม่ได้ที่จะเห็นภาพผมค่อยๆโบกมือลา
พร้อมกับพรายน้ำจากเรือเฟอรี่
ที่ค่อยๆพาผมห่างคลองตาคุณไปทีละนิดๆ


คนดี..

ผม..ตื่นมาก่อนอุษาฟ้าสาง
เฝ้าเพ่งพินิจดูคุณยามหลับไหล
ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย
ที่คุณเคยบอกว่าหนักแน่นดั่งแผ่นผา

แต่ทว่าทำไมในราตรีนี้มันถึงว้าเหว่เดียวดายนัก
จนน้ำตาแห่งรักต้องหยาดรินพลีสิ้นถวิลหาด้วยดายเดียวสุดทน


คนดี..

ผม..จำได้ทุกฉากตอน
อันแสนงดงามในกระท่อมรักแห่งสองเรา
กระท่อมขวัญเคียงทะเลกว้าง

ที่คุณบอกสร้างไว้พอที่จะซุกหัวนอนก็พอใจ
หากไม่ว่าที่ไหนๆเรายังมีกันและกัน


คนดี..

จำได้ไหม..วันที่ฟ้าใสแดดสวย
ที่ลมหอมอวลระริน
ด้วยมวลหมู่ดอกไม้ไทยริมกระท่อม

ที่เราเฝ้าเพียรถนอมปลูกรดน้ำวันแล้วคืนเล่า
เฝ้ารอดูยามผลิดอกออกช่องามให้เราฉ่ำชื่นชื่นใจ

ไหนจะยังทองกวาวกระจ่างเคียงทองหลางแดงสะพรั่ง
ตัดกับฝั่งฟ้าทะเลฝันสีน้ำเงิน..ราวภาพวาด


คนดี..

คุณ..ชอบนอนชี้ชวนให้ผมนั้นหรี่ตา
ดูภาพภายในกรอบหน้าต่างกระท่อมน้อยแสนรัก
ที่คุณบอกโฟกัสภาพให้ดีดีสิแล้วเปิดใจดวงที่งดงาม



แล้ว
จะได้พบความอ่อนหวานบรรเจิดใจ
อย่างหาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
เพราะภาพนี้ได้ทั้งกลิ่นสี แสงเสียง พร้อม
อย่างยากจะหาได้ที่ไหนในหล้า

คุณยังเย้าว่า
ดูสิแม้แต่ฝรั่ง
ยังมาเสพย์สุนทรีย์กันสะพรั่งพรึบราวหนอนก็ไม่ปาน
ในยามฤดูร้อนมาเยือนแย้ม



คนดี..

คุณสร้างกระท่อมทับแห่งนี้ด้วยดวงใจรักภักดิ์พลี
หวังเป็นที่พักพิงยามสุดท้ายในผืนดินฝันผืนดินเกิด

คนดี..

แล้วพระเจ้าก็ส่งผมลงมาราวกับว่าจะจับวาง
ลงกลางเกาะแห่งมนต์รักทะเลใต้
ให้ผมผู้พิสมัยบทกวี
ชีวิตร้างไร้ได้แบกเป้ใบเดียวเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณ..



จำได้ไหม..
วันที่หัวใจผู้ชายชาติไพรพลัดหลงเข้ามา
และ...
เจ้าสุนัขที่รักนายยิ่งกว่าชีวิตวิ่งไล่กัดให้ผมนั้น
อกสั่นขวัญหายไปตามชายหาดกว้าง
ร้างไร้ผู้ใดจะหันมาช่วยชีวิตผมไว้
ยามเข้าด้ายเข้าเข็มแบบน่าตระหนกตลกมิออก



ทันใดนั้น...

ผมก็พลันล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
ไปกับหาดทรายละเอียดเนียนนุ่ม
หากหัวใจผมมิยักกะจะนุ่มเนียนตามด้วยความหวาดผวา

ในความชุลมุนด้วยความกลัวจับจิตจับใจนั้น

พลัน..
ผมได้ยินเสียงหวานแว่ว
หากดุดันสั่งบังคับให้สุนัขหยุดขู่ผม

แต่พระเจ้า..
หัวใจผมราวลอยล่องขวัญหนีดีฝ่อ
จนมิอาจเผยอร่างขึ้นมาชมนวลน้องเจ้าของเสียงได้อีกต่อไป

นอกจากนอนปล่อยตัวแบบสิ้นแรงหายใจระรวยๆ



ท่ามกลางแสงสนธยา
ที่กำลังร่ำลาผืนน้ำทะเลสีทอง
กับฟ้าที่ผ่องผุดด้วยพลังแห่งแสงสุริยาฉายฉาน
ราวประกายรุ้งพราวพราย


ผมเห็น..คุณ..นางในฝัน
ที่แม้นยามนั้นใจผมยังมิอยู่กับเนื้อกับตัวดี
ผมก็พลีเทคะแนนให้ได้ว่าคุณงามจรัสยิ่งกว่านางใด



ภาพ..
ผู้หญิงผมสีทองด้วยต้องประกายแดดพร่าง
ที่ทอดเงางามลงมาทับทอดร่างผม
ให้ผมค่อยหรี่ตาอย่างช้าๆ
เพื่อดูวงหน้างามให้ถนัดถนี่

ที่นะบัดนี้..
ร่างงามล้ำ..ยอนแสงตะวันจนดูพรายพร่างมลังเมลือง
ผิวราวประเทืองอาบด้วยทองคำ


คุณ..ค่อยๆยื่นมือมาให้ผมจับไว้พยุงตัวลุกขึ้น
และด้วยอารมณ์คุกรุ่น
หมดสิ้นจะละมุนละไมไปกับภาพงามที่หวานไหวตรงหน้า



ตาต่อตาจ้องกัน..

ผมพยายามใช้สายตาดุดันยิ่งกว่าคุณ 
หวังกลบเกลื่อนความวายวุ่นน่าอาย
ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดปลอดจากเขี้ยวสุนัข



ผม..พยายามบังคับรำงับน้ำเสียงเคืองขุ่น
หากยังมิสิ้นกรุ่นกลิ่นความโกรธ
*คุณ.เลี้ยงสุนัขอันธพาลนี่ได้ไงนี่
*
*ดูสิหากมันกัดผมเข้าแล้วคุณจะว่ายังไง
ไม่น่าเลยนะที่คุณจะมีสุนัขดุแบบนี้ 
หากคุณทำธุรกิจบังกาโลว์ให้คนพัก
แขกไหนจะกล้าหักด่านคมเขี้ยวสุนัขมาพักละคุณเอ๋ย*



จำได้ไหม...
คุณคนเก่งเถียงผมฉอดๆไม่ลดราวาศอก
ทำนองว่า
ทำไมผมไม่ดูตาม้าตาสุนัขให้ดีเสียก่อน
จะบุ่มบ่ามย่างเหยียบเข้ามาในอาณาจักรส่วนตัวของคุณเล่า 

แล้วเจ้าที่ไหนจะไปรู้ ไปห้ามทัน
เอ๊ะ...!
ตอนนั้นผมเลยชักใจอ่อน แต่ก็ยังงอนไม่หาย
ยิ่งคุณร่ายยาวมาสารภาพว่าหมู่นี้ขโมยชักชุม
คุณจึงจำต้องมีองครักษ์สุนัขไว้คุมแนวปราการรั้วอีกชั้นหนึ่ง

ผมอึ้งด้วยยอมจำนน 



ในขณะที่ฟ้าสวยแสงเศร้า
กำลังร่ำลาฟ้าฟาก

และราตรีเตรียมคลี่ม่านเปิดฉากฝัน
คืนพระจันทร์เต็มดวง 
ที่ผมสู้ล่วงหน้ารอนแรมมาหวังมาสัมผัสงาม
จนแทบเอาชีวิตไม่รอด



ผม..จึงคิดขึ้นมาได้ว่า
ที่เดินมานี่เพื่อหาบังกาโลว์ที่พัก
ที่ไม่พล่านพลุกด้วยผู้คน

ผมจึงยอมเดินดายเดียวเลี้ยวลดมาตามชายหาดกว้าง
หาดแล้วหาดเล่า 


 
ที่เฝ้าตอบเพียงว่าบังกาโลว์เต็มๆ
เมื่อเห็นหน้าผมเป็นไทย..
แถมยังไม่มีแววหล่อล่ำลูกครึ่งแบบพี่วิลลี่สักกะนิ๊ด

ผม
จึงต้องยอมแพ้อำนาจเงินดอลล่าร์
เดินขาจะขวิด มาจนถึงบังกาโลว์นี้ ที่แทบเอาชีวิตมาทิ้ง

ทั้งๆที่ชื่อแสนเก๋แสนดี 
*กระท่อมทะเลจันทร์..จันทร์บ้าละซีผมนึกในใจ*


แต่ช่างเถอะ ...
จะกระท่อมทะเลจันทร์
หรือทะเลจริงทะเลใจ..ทะเลอะไรๆก็ช่างเถอะ

นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว
ขืนผมคิดมากผมคงไม่มีที่พัก

ในเมื่อเธอ ตกปากรับคำดิบดีที่จะจัดที่พักให้ผม
เป็นการรับขวัญที่สุนัขเธอมาทำให้ผมฝันหนี่ดีฝ่อ
วิ่งกระจุยกระเจิงมาแล้ว



เธอ..
คนงามนามเพราะมาก..*ทะเลจันทร์*
จึงมีอันต้องรับผมเป็นแขก ด้วยประการละฉะนี้

แถมต้องแลกให้ผมนอนในกระท่อมริมผาหินริมหาด
ที่เป็นกระท่อมที่พักของเธอเอง



คนดี..
แล้วคืนแรกก็เริ่มต้น.
ในท่ามกระท่อมริมผา..

กับพระจันทร์ดวงนวลสีทองงามแจ่มราวกระด้ง
ที่ค่อยๆผันตัวเองอย่างอรชรอ่อนหวาน
ขึ้นมาคลี่ยิ้มให้ชาวไทยเทศผู้เฝ้ารอได้เยือนแย้มงาม



ในคืนที่เรียกขานกันว่า
FULL MOON PARTY
จนต้องบินหลั่งไหลข้ามฟ้ามหาสมุทร
มาหยุดนอนรายเรียงเป็นทิวแถวริมหาดริ้น
และบ้างก็ดื่มกินเสพสุนทรีย์อย่างมิยั้ง



จนต้องมาฝังฝากร่างเป็นนิรันดร์เสียก็มาก
ที่ผมตั้งใจจะเดินทางไปสัมผัสกับตา
หากว่าต้องรอ *แม่สาวงามตาคมผมดำขลับราวแพรไหม

ที่ชื่องามนามเพราะ*ทะเลจันทร์*ให้นำทางไป


เนื่องจากหาดนี้กับหาดที่จะไปนั้นไกลกันมาก
และเธอขู่ว่า ...อย่าบังอาจขับมอเตอร์ไซด์ไปเองเลย
ดีไม่ดีอาจจะต้องอยู่ที่เกาะนี้ชั่วนิจนิรันดร์
นอนนิ่งอยู่ก้นเหว

ผมจึงจำต้องนั่งรอเธอผู้มีหน้าที่มัคคุเทศก์จำเป็น
ที่คงจะขับรถเก่งชำนาญเส้นทางมากกว่าพาไป


คืนนี้..
จึงจำใจต้องนั่งรัปประทานอาหารมื้อค่ำ 
ที่อร่อยล้ำจากฝีมือเธอ คนดีที่มีแต่อาหารทะเลสดๆ
รสชาติบรรเจิดกระเพาะมากจนอิ่มล้น



และก็หากไม่คิดเข้าข้างตัวเอง
เพราะมีเธอคนดีนั่งตรงหน้าแกล้มอาหาร
ให้สบตาท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่

ที่ดูดูโรแมนติกแบบทุลักทุเลเสียเต็มประดา
ค่าที่คนสองคนยังไม่คุ้นชิน 
หากจำต้องมาพานพบประสบกันแบบฟ้าดิน
พระพรหมสรรสวรรค์แกล้ง


ผมจำได้นะคืนนั้น
ว่าคุณงามล้ำในชุด
ผ้าถุงปาเต๊ะลายดอกไม้พาดพันราวเถาวัลย์เกี่ยวเกาะ
และ
คุณทัดชบาดอกแดงเด่นขับผิวหน้านวลปลั่ง
ให้ยิ่งงามละมุนให้ยิ่งงามเศร้าเร้าอารมณ์
ภายใต้แสงเทียนไล้โลมระบัดวะวูบวับวะวิบไหว



ผมแทบอดใจไม่ได้
สายตาคอยแต่จะแวะเวียนดูวงหน้างาม
ท่ามแสงเทียนทอง
ที่ยิ่งขับผิวละออขอคุณให้งามผ่องผุด
พิสุทธิ์ราวดอกไม้ป่า
ที่บานท้าแดดลมทะเลเห่กล่อมถนอมนวลถนอมนุช

**********
อ่านภาคสองต่อได้แล้วค่ะ
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_62670.php






รู้สึกรจนาพาหาสุนัขมากไปหน่อยแล้วนะ
ต้องกระชับก่อนห้าทุ่มค่ะ
พุดตั้งใจจะนอนไม่เกินสี่ทุ่ม
ให้พลังะรรมชาติดินน้ำลมไฟผสานกัน
แต่ไงละคืนนี้จะให้ทุกดวงใจไปฝันต่อเอาเองก็กระไรอยู่
เอาว่าพุดต่อเวลานอนห้าทุ่มเป๊ง
วางมือจากคีย์คอมค่ะ

และนะบัดนี้คนรจนา
ขอลาไปหาน้ำส้มคั้นดื่มสักห้านาทีแล้วจะมาคีย์ต่อค่ะทุกคน
หวังคืนนี้พระเอกกับนางเอกจะได้ดินเน่อร์ก่อนคอมเออเร่อนะคะ

******
*********
เช้ามาแต่งต่อแล้วค่ะแต่ทว่ากลัวคำไม่เนียนเนื่อง
ไม่ประเทืองประทับใจ เลยตัดสินใจ
พริ้นออกไปแต่งต่อทีเดียวแล้วค่ะ
หวังว่ามิตรรักแควนพุดคงจะตามอ่านนะคะ
ทุกดวงใจในร่มรัก..





				
30 กันยายน 2547 15:41 น.

ทะเลดอกไม้ดายเดียว!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2551

เดียวดายดั่งอยู่ปลายโลกร้าง
เหมือนหลงทางกลางป่าฝันใจสลาย
เหมือนนางนวลโผผินบินเดียวดาย
เหมือนต้นไม้ไร้น้ำรักรดสลดใบ..

เหมือนท้องฟ้าฝนพรำพายุกล้า
เหมือนนาวาฝ่าคลื่นฝืนไม่ไหว
เหมือนนกน้อยปีกหักเลือดท่วมใจ
เหมือนอรุโณทัยสิ้นแล้วแก้วตะวัน

เหมือนหัวใจไม่มีมันว่างเปล่า
เหมือนตัวเรามิใช่เราเช่นหลับฝัน
เหมือนโลกนี้สิ้นเดือนดับลับลาตามตะวัน
เหมือนสิ้นฝันแต่กลับอยู่เฝ้าสู้ทน..

เหมือนดอกไม้ใกล้ปลิดกลีบรอร่วงหล่น
เหมือนกมลว่างว้างร้างสับสน
เหมือนธุลีที่ถูกย่ำกลางกมล
เหมือนว่ายวนเหว่ว้าจนสาใจ...

เหมือนความว่างร้างไร้ใครมาข้องเกี่ยว
เหมือนดายเดียวเดียวดายไร้หวั่นไหว
เหมือนตายก่อนตายใจสลายแล้วดวงใจ
เหมือนหัวใจไม่มีแล้วแก้วแหลกลาญ...ตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์นิรันดร..!~

***********


ทะเลดอกไม้...


ฉันกลับมาพัทยาอีกคราครั้ง ในวันนี้...... 
ตึกที่พักนี้ เป็นชั้นที่สิบสอง..ตั้งอยู่บนเนินผา.. 
ด้านหลังพัทยา..
ที่เป็นหาดเงียบสงบ 

เมื่อยืนอยู่บนระเบียงบน
ที่แลรายรอบในกรอบตา
ได้กว้างไกลเกินร้อยแปดสิบองศานั้น  


จะเห็นเกาะช้างอยู่ตรงหน้า ขนาบข้าง ซ้ายขวา 
คือเกาะเล็กๆสองเกาะ เคียงข้าง มิให้ว้าเหว่ใจ..  

มองผ่านทิวไม้สลับสล้าง เขียวชะอุ่ม  
ที่มีตึกรามบ้านช่องซ่อนแซมระดะไป
 กับตึกสูงที่โผล่พ้นดงไม้  
แต่ยังไม่มากมายเท่าพัทยาด้านหน้า..
ที่มีร้านค้ามากมี

ที่ฉันหนีมาเสียให้พ้นๆ.. ความวุ่นวายสับสนนั้น.. 

 
ทะเลงาม เงียบสงบ ไร้คลื่นรบกวน 
มีเพียงฟองคลื่นขาวนวลแตกพราย
จากเรือเร็วที่พุ่งฝ่า..พาผู้โดยสาร ไปยังเกาะล้าน 
ที่เห็นตรงหน้า และมีเพียงแสงสีเงินวิบวับ 
จากหลังคาอาคารริมหาดกระทบแสงอาทิตย์..วะวับวาว 
สะท้อนแดดอยู่ไกลตา....

 
เวิ้งทะเล....ราวกระดาษสีเงินยวง ที่งามงด ..สุดตา... 
ตัดกับโค้งขอบฟ้ากว้างไกล
สีน้ำเงินอมฟ้าสว่างไสว กระจ่างใจ เจิดจ้า.... 


ฉันดื่มด่ำ..ล้ำลึก กับเวทีธรรมชาติ 
เวทีสวรรค์ตรงหน้า 
ที่ราวลอยเลื่อนมาทายทักให้พักใจ..
ในงามเงียบนั้น 


และแทบทุกครั้งครา.... เมื่อคิดถึงทะเลงาม 
อยากมาเติมใจไฟฝันวันแสนดีให้กับชีวิต
 เมื่อมาเยือนทะเลด้านตะวันออก  

ฉันจะมีมุมนี้ ที่เป็นความทรงจำ
ที่หอมงามสุขซึ้ง ไว้พักพึ่งพิงกายใจยามเหนื่อยล้า 
กับชีวิตชาวกรง....หลงทางฝัน...  


ฉันจะเปิดเพลงตะวันตกดินซ้ำๆ รอบรรยากาศจริงๆ 
ยามพระอาทิตย์จะทิ้งแสงสวยร่ำลา ทะเลตรงหน้า.
อย่างอ้อยสร้อยอ้อยอิ่งอ้อน 
ให้ทะเลเหว่ว้ารอคอยอรุณรุ่งเบิกฟ้า
มาทายทักอีกหน อีกครา..  


เป็นฉากฝันจากเวทีธรรมชาติตรงหน้า 
ที่งามละเมียดละไม ได้มาฟรีๆ 
เพียงแค่เปิดดวงตา ดวงใจนี้ให้รับไหลรื่นชื่นฉ่ำใจ 
ในงามจากมวลสรรพสิ่ง..  


จากม่านหมอกเมฆละออ
เป็นช่อชั้นสลับสล้างพร่างพราว โพยมพยับ... 
ส้มอมชมพู เจือทองจรัสแจรง แสง แสดสวย 
ทิ้งทวนให้เลอล้ำงามทั่วท้องทะเลไทย..มิมีวันซ้ำสี...  


นาทีที่ฉัน ได้อารมณ์หวานแบบดายเดียว เปลี่ยวเหงา
เศร้าล้ำลึก นึกถึงใครบางคน 

ที่เคยเคียงฝันวันวารในอ้อมอกอุ่นของกันและกัน.. ในนิ่งงัน
ที่หมดจดเจือใจให้สวยสุขซ่อนเศร้าร้าวไหวโศกสะเทือน .. 


กับยามทิวารอนอ่อนอ่อนแสง อัสดง
ลาลับลงสู่ผืนน้ำทะเล ทีละนิด ทีละนิด......  

ความเอ๋ย..ความสุข สั้นช่างไม่ยาวยืน..เหมือนกลางคืน กลางวัน 
เหมือนสว่างพลันแล้วมืดมิด 


ความสุขของผู้หญิงคนนี้.......... 
ที่ขอแค่งามง่าย ใกล้ตัวใกล้ใจ มิเคยคิดคว้าไขว่ 
จากวัตถุมากมี ที่จะมาประดับเพียงร่างงามไร้สุขจีรังยั่งยืน..  

ความสุขแสนดี จากพลังธรรมชาตินี้ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณ..
ให้เงียบงามล้ำลึกได้สอนใจ.. 


ความสุข..แสนดีที่มากมายรายรอบจากพลังแดดอ่อนอุ่น 
ในยามเช้า. และจากการเฝ้ารอดูแสงอาทิตย์ยามสนธยา 
 เพื่อรอท่าให้...  

พระจันทร์ดวงงาม มาโปรยสายหวาน
ดั่งหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์ให้ดวงใจเลิกดายเดียว.. 
ในยามดึกดื่นค่อนคืนให้ตื่นตาตื่นใจ..  


และ ณ..ยามค่ำ.ใน..ราตรีนี้ที่พัทยามีงานโต้รุ่ง  
โรงแรมหรูมากางเต้นท์ขาว คลอชายหาด 
เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวอิ่มท้อง 
จองดื่มไวน์ละมุนลิ้นกล่อมใจ..


ให้คึกคักไปกับเสียงดนตรีกระโชกกระชั้น เร้าใจ..
จากทิฟฟานี่โชว์ ที่เลื่องชื่อลือลั่นไปไกลในหมู่นักเที่ยว..เหยี่ยวราตรี..ทั้งหลาย..  

ฉันหนีเสียงอึกทึกนั้น 
มานั่งแอบดูพระจันทร์เพื่อเขียนแกล้มเรื่องนี้.
.เย้ยฟ้าท้าแสงดาวเดือน.. กับไฟพริบพราวจากเรือ 
ที่แตะแต้มทะเลพราวราว ...ทะเลดาว ..
ในคลองตาคลองใจฉันที่คิด..  
ราวปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ


นี่คือสุขล้ำของผู้หญิงคนนี้  
ที่รอโอกาสแสนดีแสนสงบงามถาวรให้กับชีวิต..
ที่ฝันใกล้เป็นจริงเข้ามาแล้วทุกขณะ 


ที่จะขอมีบ้านกระท่อม ที่ยังมีม่านลายลูกไม้ริมหน้าต่าง 
มียางรถยนต์เป็นชิงช้าแกว่งไกว
ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์หลังบ้าน.. 


มีลำธารเล็กๆเลาะเลียบ บ้านในหุบเขาราวไพร 
ให้ดวงดอกไม้ริมธารหวานบานร่วงลอยละลิ่วปลิวคว้าง ไปกับสายน้ำ.. 

ราวลำธารดอกไม้ไว้อาบหอม อ้อนจันทร์
และอ้อนใจใครสักคน..ให้หนาวคลาย..  
อย่างยากหาผู้ใดมาเสมอเหมือน


 ยามสาย..ให้แสงตะวันเชื่อมใจขวัญ ให้จิตวิญญานสงบ  
พบความรื่นรมย์จากขุมทรัพย์ปัญญาภายใน
กับทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติ..รายรอบ ..


 
ให้.. รักดวงดอกไม้หลากสี  
รักดวงตะวันที่ฉาดฉายแสงสดใสให้พลัง 
มิมอดหวัง รักชีวี รักท้องฟ้า รักมวลหมู่ดวงดารา  

รักดวงตาที่อ่อนโยนเอื้อประโยชน์ให้ทำสิ่งแสนดี  
คืนกลับแก่ผืนดินเกิดคือปฐพีแสนรักนี้..ในทุกวิถีทาง..  


และได้ฝัน..ฝากเพลงฝัน ฝากใจฝากดาว
ผ่านหน้าต่างเมฆไปถึงเธอนะดวงใจ  

ในยามราตรีที่มีจันทร์เพ็ญสุกปลั่งลอยเรี่ยทิวไม้สลับสล้าง..
ไปกับทิวเขางามโพ้นไกล..  

 

สิ่งที่เขียนนี้..หวังฝากฝันฝากใจว่าจะโดนใจ
กระทบใจ..ใครสักคน  ให้เรียนรู้งามจากภายใน 
ที่คว้าไขว่ได้ง่ายนัก แค่จักมองโลกสวยโลกเป็น
 และเห็นงาม.. แล้วจะไม่ทุรนทุราย..


กับชีวีนี้ที่แสนวุ่นวายสับสนวกวน ทั้งใจคนและโลก
ที่แปรเปลี่ยนไปทุกนาที...มิมีหยุดพัก..  

ราวตีสาม ณราตรี..นี้..ที่นี่ ในความเงียบ ..... 
ฉันถูกปลุกด้วยเสียงเพรียกจากบางสิ่ง......... 
สลัดผ้าห่ม..ออกจากร่าง 


เดินออกมาหยุดยืนกลางระเบียงลิบลิ่ว 
ราวสวรรค์ลอยเลื่อนละลิ่ว. มองไปเบื้องหน้า 
ราวกับว่าฉันกำลังฝันไป...  

พระจันทร์สีทอง เต็มดวงนวลงามสุกปลั่ง 
กำลังโปรยสายน้ำผึ้งหยาดหวาน  
ลงสู่ท้องทะเลที่เงียบงามรอรับ 
ประกายสีทองวะวาววะวาบวับ ระยับระยิบทั่วท้องทะเล.. 
สะท้อนพริบพราวราวโปรยด้วยกากเพชร.... 


ทุกสรรพสิ่ง นิ่งงันหลับไหล ไปกับภวังค์ฝัน  
แห่งมนต์ขลังยามนี้สำหรับคนที่มีคู่เคียงข้างให้ไม่หนาวใจ..  

มีเพียงฉัน..เท่านั้นที่หนาวสะท้าน 
ต้านลมแรงในชุดนอนบางเบา  
ให้เงาเมฆปลอบประโลม.. 


ให้แสงจันทรา..กระพริบกระซิบย้ำเตือนว่า..
ไม่ช้านานดอกนะ. ดวงใจฉันจะกลับมา..
โอบกอด ให้หายเหว่ว้า ดายเดียว.. 

ชี้ชวนให้ดู...ทะเลดอกไม้..ในคำนึงด้วยกัน  
ให้ฝันดีและฝันหวานหวานตราบนานเนานิรันดร์...นะคนดี!
*
**********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2551
เดียวดาย   
พัณนิดา เศวตาสัย : : Key Em  
เดียว ดายอาดูร สิ้น สูญแล้วทุกทุกสิ่ง
เธอ มาทอดทิ้ง จากไปแสนไกลสุดไกล
จำ ใจจำทน หม่น หมองเพ้อร้องร่ำไห้
โอ้ ยอดดวงใจ แสน เศร้า โศก ตรม
จำ ใจจำฝืน กล้ำ กลืนชอกช้ำเหลือเอ่ย
เธอ ทำเมินเฉย ห่าง เหินทำเมินไม่มอง
ยาม ใดใจเหงา เฝ้า ดูนวลแสงจันทร์ส่อง
ใจ คอยร่ำร้อง เรียก หา แต่ เธอ
ทอดทิ้ง ทอดทิ้ง ฉัน ไป แสน ไกล
สุด อาลัย ในรัก หัก หาย
ปวดร้าว ปวดร้าว เหลือใจ หมอง ไหม้
หมด เยื่อ ใย มิหวน คืน มา
คอย คอยหา ตั้ง ตาคอยเธอคืนกลับ
เธอ ไปลาลับ จาก ฉันคืนวันผ่านไป
คอย เธอหวน กลับ มาเคียง ชิดใกล้
ไย เป็น ไฉน คอย เก้อ เดียว ดาย
  
ทอดทิ้ง ทอดทิ้ง ฉัน ไป แสน ไกล
สุด อาลัย ในรัก หัก หาย
ปวดร้าว ปวดร้าว เหลือ ใจ หมอง ไหม้
หมด เยื่อใย มิหวน คืน มา
คอย คอยหา ตั้ง ตาคอยเธอคืนกลับ
เธอ ไปลาลับ จาก ฉันคืนวันผ่านไป
คอย เธอหวน กลับ มาเคียง ชิดใกล้
ไย เป็น ไฉน คอย เก้อ เดียว ดาย
ไย เป็น ไฉน คอย เก้อ เดียว ดาย...

 *********
  
				
29 กันยายน 2547 20:25 น.

แสนรักเอยแสนรักในกมล!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
******************

ดอกศรัทธาบานเต็มต้นบนลานฝัน
ดอกสรรค์ลอยลงมาจากฟ้าไหน
ดอกความดีผลิบานกลางลานใจ
ดอกดวงใจแตกช่อพราวราวเพชรพรหม..

ดอกไม้เพชรเด็ดแซมจิตสนิทแสน
ดอกเมืองแมนแดนหิมพานต์หวานหอมห่ม
ดอกไม้รักภักดิ์พลีชาติศาสน์สิ้นลม
ดอกระทมทิ้งทอดไปใจพุทธา

ดอกอธิษฐานแต่ปางก่อนฟ้าลิขิต
ดอกนิมิตรมหัศจรรย์ขวัญห่วงหา
ดอกคู่ธรรมคู่ทองลอยล่องธรรมธารา
ดอกวิญญาญ์พบฝั่งฝันฉันรอเธอ...

ดอกปาฎิหารย์บังเกิดแล้วแก้วกระจ่าง
ดอกสว่างร้างไร้ใช่พ้อเพ้อ
ดอกความดีบันดาลดลได้พบเธอ
ดอกรอเก้อหล่นหายกลางสายธาร

ดอกศรัทธาบานชูช่อบนลานโศก
ดอกรักษ์โลกบานแต้มใจหวานกว่าหวาน
ดอกพุดซ้อนซ่อนซึ้งเศร้ารอแสนนาน
ดอกนิพพานกี่กัป์ปกัลป์ขวัญไม่ท้อรอเพียรพบ!

****************


พระจันทรเดือนกันยางามแจ่มดวง..เจิดจรัส
ทอทอดทายทักทุกสรรพสิ่งบนผืนโลก
หวังลบโศกสร้างสุขให้ทุกดวงใจไหวหวานไปตามๆกัน
ดวงดอกไม้ทุกถิ่นที...
ยังค่อยๆคลีกลีบรับละออละอองของหยาดน้ำค้าง


สายธารยังคงระรินไหล
นกไพรยังคงร้องขับขาน
ดวงดอกไม้ในดวงใจ...
ยังเบ่งบานรอรับพรายแสงแรกจากดวงตะวัน
ยามอรุณเรื่อราง..อุษาวดีแสนงาม
ยามฟ้าสางดุเหว่าแว่ว
น้ำค้างแก้วยังพร่างพรมห่มหอม..รอระเหยหาย..
ไปตามวัฎจักรโลกโศกสุขคลุกเคล้า

ดวงใจ..แม่ดวงดอกพุดไพร ผู้ดายเดียว เหว่ว้า 
ยังคงเฝ้ารอหาหอมงามห่มห้องใจห้วงใจ..
หลงรอ...
สายน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวานในทุกราตรีทุกค่ำคืน
และ
กับยามเช้า..
ยังหวังว่า
จะได้เห็นสายแสงสีทองสาดส่องลบหมองหม่นแห่งดวงชีวาชีวิต
............


และแล้วปาฎิหารย์ฝันพลันบังเกิด
ที่มิอาจเอ่ยเอื้อนคำใดบอกเล่าให้ใครรับรู้ได้
ด้วยสิ้นไร้ซึ่งถ้อยคำอธิบายได้....ในมหัศจรรย์นี้

ที่คงมีเพียงดวงตาสวรรค์เพียงนั้นพลันรับรู้
โอ้ดวงตาสวรรค์ ดวงตาฟ้าดิน..
ที่ดวงใจนี้....
มิเคยสิ้นศรัทธาหลงรอท่ามานานแสน..ราวชั่วกัลป์กัป์ป

ราวพระจันทร์รอราตรีได้คลี่คู่..ดับหมองหม่น
ราวรุ่งอรุโณทัยรอดวงสุริยามาฉายฉานเปล่งประกายเจิดจ้า
ให้ดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าและดอกดวงใจได้เริงร่ายระบำ
เฉกใดก็ฉันท์นั้น

ดวงดอกไม้ขวัญ..ฝันพลันพร่างพรึบ
เมื่อรำลึกนึกถึงความฝันราวมหัศจรรย์รัก
*ที่แสนรักเอยแสนรักในกมล..

***********************************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
แต่ปางก่อน
ช....รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ....เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ...คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย

ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ... คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
				
26 กันยายน 2547 22:28 น.

รักฉันนานนาน!

พุด


 Url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=22

รักฉันนานนาน   

ช...รักฉันนานนาน อย่ารานรักห่าง
อย่าจางร้างไป 
จิตใจฝันใฝ่ จำไว้อย่าเลือน จิตเตือนใฝ่หา
ญ... รักฉันนานนาน อย่าพาลเผลอปล่อย
พลอยลืมสัญญา 
โปรดจำไว้ว่า อย่าคิดกลับคำ
จำไว้นานนาน
ช-ญ... หวาน ยามรักเราอยู่เคียง
สุขสองเราเพียง สู่สวรรค์
ช ...ขอเธอจำไว้ให้มั่น
อย่าลืมฉันหวั่นใจ
ญ... รักฉันนานนาน หมั่นจำไว้หน่อย
อย่าลอยลับไป 
จวบจนฟ้าใหม่ ไม่คิดกลับคำ จำไว้นานนาน

ช-ญ... หวาน ยามรักเราอยู่เคียง
สุขสองเราเพียง สู่สวรรค์
ช... ขอ เธอจำไว้ให้มั่น อย่าลืมฉัน หวั่นใจ
ญ... รักฉันนานนาน หมั่นจำไว้หน่อย
อย่าลอยลับไป 
จวบจนฟ้าใหม่ ไม่คิดกลับคำ จำไว้นานนาน...

*****************


ดวงกำลังฟังบทเพลงแสนงามนี้
กับราตรีที่ดารารายกำลังพรายดวง

ด้วยดวงใจดายเดียวเดียวดายเหว่ว้า...ว้าเหว่...


แหงนเงย..จ้องมองฟากฟ้าสีกำมะหยี่
เห็นดวงจันทราคลี่รักมาทายทักริมฟ้าริมใจแย้มเยือน..
เด็ดดวงดอกลั่นทมมาเสียบแซมผม
และ
กลับมานั่งพรมนิ้วร่ายรักรจนา
นะนาทีนี้..
ให้คนดีทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
รักกันนานนาน  นานนาน..นะคะ นะคะ 
และให้ดวงวิญญาญ์
พบหวาน หวาน หวาน นานนานนานเช่นกัน

มา

หลับตาฝันฝันฝัน

ในยามดึก
พลันเห็นมวลดอกไม้
ค่อยๆคลี่กลีบรอหยาดน้ำค้าง
ลงมาพร่างพรม



เห็น
เจ้านกไพรพเนจร
รอนแรมร่าง....
อ้างว้างกลางนภาผืนฟ้าไกล...ดายเดียวพอกัน
ไย..
เจ้าไม่หยุดพัก..หนีพายุใจพายุจริง
นิ่งนอนบนกิ่งส้ม..แสนเศร้าแสนสวยเล่า
เจ้านกไพร เจ้านกไพร..

ให้
ดวงดอกไม้
ร่ายกลีบลีลามัดเสน่หาหอมห่มพรมพร่างร่างราน
ให้หวานอุ่นอกอุ่นใจ
ก่อนผกโผผินบินไกล บินไกล บินไป เจ้านกไพร เจ้านกไพร!



เจ้า..ทิ้งขวัญ
ทิ้งฝันผันผ่านทิวาวันทิวาหวาน
ให้วาบหวามหวั่นไหวหลายราตรี
และจะนานเนาเช่นเฉกนี้ตราบนิรันดร์หรือไรหรือไร..



เจ้านกไพร
เจ้านกไพร
จง
เผยใจเผยคำ
เผยระรินร่ำรัก
ให้ประจักษ์แจ้งสักหนนะดวงใจ นะดวงใจ!

**************



ชีวิตหนึ่งนี้...ในบางช่วงเวลา... 
หัวใจของเราอาจมีเครื่องหมาย จุด จุด  จุด...
เป็นช่องว่าง ... 
เป็นดังคำถามของหัวใจ...
เป็นความอ่อนไหวอ่อนแอ...                                                                             

เพื่อรอใครบางคน...มาช่วยเติมเต็ม........

ในบางเวลา....
ที่ดวงใจของเรา..อ่อนล้า...                                                      
ยามที่น้ำหล่อเลี้ยงดวงใจพร่องหายไปครึ่งหนึ่ง..ไม่มีเหลือไว้                          

เพื่อขับเคลื่อนให้กับชีวิตเรานี้ยังคงมีความหวัง  กำลังใจ 
กับคืนวันฝันในอนาคต


เครื่องหมาย...จุด  จุด  จุด.......นั้น
ทุกคนฝันฝากใจ 
ฝากความหวัง ให้ใครสักคน ก้าวเข้ามาในชีวิตเรานี้ 

เพื่อที่จะเรียนรู้..เข้าใจ  และหาคำตอบ...
 เพื่อเติมเต็ม
เพื่อเป็นพลังใจ  
พลังฝันฝ่าฟัน เคียงคู่กันไปในโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้

ที่เราทุกคนกลัวความดายเดียว...

เครื่องหมาย...จุด  จุด  จุด.....นั้น
เป็นเครื่องหมาย ของชีวิตนี้
ที่แต่ละคน มีความต้องการแตกต่างกันไป.......


ใครบางคน!........
แสนเข้มแข็ง แต่กลับต้องการ 
ความอ่อนหวานจากใจใครบางคนมาโลมเล้าดวงใจ
ในบางหน 
ในยามชีวิตมืดมน 
ให้มีความพอเหมาะพอดี ให้โลกแห่งชีวิตนี้ละมุนลง

ใครบางคน!........
แสนอ่อนแอ 
และต้องการกำลังใจจากใครบางคน
ที่เข้มแข็งกว่าเพื่อนำมาเป็นกำลังใจ
ให้มีจุดยืน หนักแน่น และแกร่งกล้า  
สามารถท้าทายอุปสรรค คลื่นลมแห่งชีวิตอย่างไม่หวั่นไหว


ใครบางคน!........
อาจจะอยู่กับโลกแห่งเทคโนโลยี่ ในอนาคต 
ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตการงาน 
แต่กลับต้องการ ใครบางคน
ที่แสนเรียบง่าย อ่อนหวาน ติดดิน ไร้สิ้นมารยา 
เมื่อกลับมาถึงบ้าน
ที่ต้องการ
ให้เป็นแค่วิมานดิน...


ใครบางคน!.........
อาจจะต้องการผู้นำ..ชีวิต

ในขณะที่ใครบางคนต้องการแค่เพื่อนคู่คิด คู่ใจ
เพื่อก้าวไปพร้อมๆกัน อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่

ใครบางคน!...........
อาจจะต้องการ ผู้ตาม 
 ไม่อยากให้ล้ำหน้า
เพราะกลัวว่าตัวเองจะดูไร้ค่า อ่อนแอ และไม่เป็นลูกผู้ชาย....


ใครบางคน!.....ใครบางคน
และ
ใครอีกหลายๆคน
ยังมีความต้องการอีกมากมายหลายรูปแบบ
และหากจะมีใครบางคนใครสักคน
จงควรทำใจ
ยอมรับว่า...
โลกนี้  ไม่มีใครและอะไรจะสมบูรณ์แบบไปเสียหมด....


ฉะนั้น...จงคิดว่า..
ถ้าหากเรา..จะรักใครสักคน..

เขาและเธอคนนั้น...
อาจจะมิใช่พระเอกและนางเอก ในฝัน...


เราขอแค่หวัง...
ขอเพียงมา
เติมใจให้กันและกันจนเต็ม
ก็น่าจะพอใจ....แล้วนะคนดี นะดวงใจ..
แค่ใครบางคน..ใครบางคน...ใครสักคน

แล้วคุณล่ะ!.. รอใครบางคนหรือมีใครบางคนหรือยังละคะ...


				
26 กันยายน 2547 10:40 น.

กระท่อมไม้ระกำ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
**********


คนดี..ดวงใจ....

ผมกำลังนอนทอดตาฉ่ำชื่นด้วยหยาดน้ำตาคลอคลอง
ยามราตรีนี้อย่างดายเดียว
ในกระท่อมไม้ระกำ


ที่คุณจำได้ไหมว่า
เราเคยเอนอิงแอบแนบชิดสนิทเสน่หามาด้วยกัน
กระท่อมที่คุณบอกชื่อช่างเศร้า สิ้นดีหากแสนโรแมนติก 
ในความรู้สึกของผู้หญิงช่างฝันอย่างคุณ
คุณบอกชื่อกระท่อมไม้ระกำฟังแล้วให้ใจช้ำช้ำยังไงก็ไม่รู้


แต่นาทีนั้นคุณจำได้ไหม
คุณกลับมาซุกอกอุ่นผมแล้วไล้ลูบดอมดมพรมจูบ
ด้วยแสนรักเอยแสนรักในกมล..


กระท่อมในฝันในจินตนาการ
ที่ปลูกสร้างด้วยไม้ระกำ
ปลูกสร้างเคียงทะเลสีครามสีน้ำเงินงามมรกต
ตัดกับขอบฟ้าไกล..กลางเกาะที่ชื่อมันนอก
เกาะแสนบริสุทธิ์ใส
อวลอากาศสดกลางทะเลตะวันออกไกล


กระท่อมไม้ระกำ
ในดงไม้ครึ้มเคียงผาหินใกล้ทะเล

มีไม้พื้นเมืองประเทืองประทับใจ
ดงดวงดอกทองหลาง
พราวดอกส้มสดพร่าง
สว่างไสวกระจ่างจับฟ้าพิสุทธิ์ใสงามเข้ม


และ
ริมชายคาจะมีดงลั่นทมยืนเหว่ว้าอิจฉาทุกคู่รัก
ที่มาพักพิงเอนอิงกันในอ้อมตักอ้อมใจ
ชี้ชวนชมทั้งดงดวงดอกไม้ไพร
และดวงดอกไม้ใจที่กำลังไหวระริกรับรสรัก..
อันมักจะดำดื่มลืมตนไปกับธรรมชาติร่างธรรมชาติรัก


ที่รัก..จำได้ไหม
เรา..เพิ่งผ่านคืนฝันวันวิวาห์มาไม่นาน

และเมื่อเดือนผ่านลาไปในเย็นหนึ่ง
คุณบอกผมว่าคุณคิดถึงทะเลๆ
หลังจากที่ติดสอยห้อยตามผมเข้าป่าชมนกชมไม้
ในไพรพฤกษ์มาหลายครั้งหลายคราแล้ว


ผมจึงตามใจคุณ..
ให้มานอนคะนึงฝัน
เอนแอบอิงพิงร่างกันชี้ชวนดูดวงดอกทองหลาง
เคียงข้างกระท่อมงามนามระกำระทม


ทอดตาสวยเศร้าดูกระท่อมร้าวระกำนี้
ที่หากผมรู้เสียตั้งแต่นาทีแรก 
ผมจะไม่พาคุณมานะที่แห่งนี้เลย


กระท่อมที่ผมจะไม่มีวันลืม
ทั้งชื่อทั้งช้ำในอกในใจผม
อย่างยากยิ่งจะบอกผู้ใด


คนดี..ดวงใจ
เรา..มานอนฟังเสียงคลื่นทะเลครวญดูนางนวลโผผิน
ปลาสีเงินดีดผึงขึ้นกลางทะเลสีเงินงามเข้มในวันแดดทอสวย
ฟ้าสีครามงามจับตา
กับโค้งฟ้าจรดผืนน้ำสีมรกต
ที่กว้างไกลราวไม่มีที่สิ้นสุด


คุณชอบที่สุด
ที่จะลงไปแหวกว่ายในพรายน้ำทะเลในยามอรุณรุ่ง
ยามแดดสีทองทอสายพร่างพราย
ให้น้ำทะเลนั้น
พลันเกิดประกายงามระยิบระยับรับเรียวแดดทาบทา


ยามนั้น
คุณค่อยๆพรมจูบริมเรียวแก้มคางสากๆ
ก่อนจะพรากลาผมไปรอรับอรุณหวานตามลำพัง


วันนี้
ผมเสียดายเสียใจนัก
ที่ปล่อยให้วันแสนรักนาทีแสนยิ่งใหญ่ในทุกฟ้าสางนั้น
ให้ผันผ่านไป..

ผมมัวแต่พลันเพลียนอนนิ่งในที่นอนนุ่ม
หลับลึกหลับไหลไปกับฝันดี
กับรอยยิ้มพิมพ์ใจอิ่มเอมใจเอมอิ่มร่าง
ในสุขพร่างล้ำดำดื่มดำดิ่งที่คุณทิ้งทอดไว้ทั่วร่างผม


มีบางวันที่ผมพลันเพียรพยายามลืมตา
มองออกไปนอกหน้าต่างกระท่อม
ผ่านดงดวงดอกลั่นทมหอมเศร้า
ที่ยืนเฝ้าแอบอิจฉาผมทุกคืนค่ำ


ผมจะเห็น....
ผู้หญิงในดวงใจ..
ร่างละมุนหอมอวลกรุ่นอยู่ในพรายแดดเช้า

ที่ผมแสนรักเอยแสนรักในกมล
และร่างงามอะคร้าวนั้น
พลันค่อยๆลอยตัวเหนือผืนน้ำทะเลในชุดบิกินี่สีเงินงาม

ที่ขับผิวคุณให้ยิ่งมลังเมลืองพรายพร่าง
ด้วยสายแสงแห่งเพชรจากตะวันตกต้องร่าง
ให้ยิ่งผ่องผุดปานประดุจแม่เนื้อทอง..เนื้อนวล นางนวล


คนดี..
ดวงใจ..
ยามนั้นผมจะพลันพาตัวเอง
มานั่งหน้ากระท่อมน้อยจิบน้ำผลไม้
และเฝ้าคอยทอดตาดูคุณ
ที่กำลังนอนลอยตัวยิ้มพริ้มเพรา


รับแสงเงางามจากตะวันดวงหวานอันอ่อนอุ่น
ในอรุณรางระเรื่อเจือสายแสงแรก
แฉกประกายพรายพร่าง
สาดสีทองส่องจับไปทั่วทั้งท้องน้ำ.
และกับเรือนร่างเพรียวงามละมุนราวนางเงือกของคุณ


 คนดี..ดวงใจ
ท่าม
กระท่อมระกำร่ำรายพรายด้วยแสงเทียนทอทอด
 ในอ้อมกอดอ้อมอกหวานอุ่นปรุงปน
ด้วยกลีบเกสรแห่งรักภักดิ์พลี

ที่ทายทักรักทอดสอดผสานผสมห่มด้วยเสน่หา
ท่ามกลางแสงเทียนเหว่ว้า
หากทว่าแฝงความอบอุ่นอ่อนโยน


กับ
สายฝนสายฝันหลงฤดูฤดีในยามราตรีหนึ่ง
ช่างทิ้งซึ้งทิ้งเศร้ามากมายตามมาในยามนี้ให้ผมจำจด


ฝนภายนอกยังระรินหยดติ๋งๆๆปลายชายคาจาก

หากหัวใจเราสองกลับสงบงามแสนสุข
เมื่อได้ซุกร่างนอนดูหยาดฝนพรำด้วยกัน
ในผ้าห่ม
และกับ
ร่างหอมที่ราวกับจะหลอมบดขยี้เป็นเนื้อเดียวกัน
ให้สายรักสายใยสวาทพาดพัน
หลั่งถวิลมิสิ้นเสน่หามิรู้จบ


คนดี
ท่ามคืนฝันพระจันทร์หวานทะเลงาม
ที่มีดวงดอกฝนพรายพร่าง
แตกดวงร่วงหยาดรินลงพร่างพรม
กับบทดนตรีฝนดนตรีฝันดนตรีรัก
ที่ผมพร่ำเพียรบรรเลงด้วยรักคุณรักคุณ..และรักคุณ


ทุกนาทีที่โลกหมุน
ยามเรามีกันและกันในอ้อมกอด

เป็นนาทีที่ผมคิดว่าพระเจ้าช่างเยี่ยมยอดใจดี
ที่ช่างมีเมตตาปรานีต่อเราผู้รู้ค่ารักยิ่งใหญ่เป็นยิ่งนักแล้ว


ท่านเมตตามาแจกให้โลกนี้
ยังมีหวานมีหวังมีพลังใจ

ให้คุณและผมที่มีรักหนักแน่นมั่นคงจริงใจ
ได้มาพบกัน..รักกัน
ได้มาพลีขวัญใช้พลังรักนั้น
ปันกลับคืนไปยังผองชน


ให้ผมสร้างสมคุณงามความดี
ทำหน้าที่งดงามคืนกลับ
แด่เพื่อนร่วมโลกลดโศกรานเท่าที่มีโอกาส


ให้ผมได้วาดหวังอนาคตงาม
ที่จะมีคุณเคียงข้างเคียงใจไปด้วยกันแบบคู่ธรรมคู่ทอง
..


คนดี..
ดวงใจ..
พระเจ้าให้รักยิ่งใหญ่
มาสอนใจสร้างพลังให้ผมมากมาย
แล้วไยเล่า..ถึงเรียกคืน
................
...............


คนดี
นาทีนี้..
ผมถึงเพิ่งซึ้งถึงคำกล่าว*ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์*

ใช่ความสุขทางใจทางเนื้อหนังนั้น
ที่นะบัดนี้พลันผ่านไปแล้ว
ไร้วี่แววจะหวนกลับ



คุณลาเลยลับ..ทิ้งผมไว้ลำพัง
ให้ฝืนยิ้มรับโชคชะตาฟ้าลิขิต
อย่างอยากสอนบทเรียนทางจิต
ให้ผมฝึกจิตให้ถึงพร้อมยอมรับความจริง
ของชีวาชีวิต


กับคำว่า
ตายก่อนตาย..
ให้ผมได้ตระหนักถึงค่าคำ
อย่างที่คุณเคยให้สติผมไว้นานมา
แทบชั่วทุกช่วงเวลาแห่งชีวิตคู่ของสองเรา


*ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจะยึดมั่นถือมั่นได้*
ไม่มีรักร่างสุขเศร้าได้ยาวนาน
เท่ากับเพียรพยายามสร้างสมจิตให้กระจ่างใส

พยายามใช้เวลาและชีวิตน้อยนิด
ให้สมกับที่ได้มาพบกับงามธรรม..
งามธรรมชาติอันยิ่งใหญ่


ที่แค่ชีวิตเราราวผ่านมาผลัดกันชม
อย่าตรมเศร้ากับทุกสิ่งที่ไม่มีอะไรจีรัง


คนดี..ดวงใจ
ผมเซซังซมซาน
ตั้งแต่วันที่คุณร้องครวญครางในยามดึกแบบไร้สติ
ที่คุณบอกผมว่าคุณปวดท้องแบบแทบคุมสติไม่อยู่



คนดี..
ที่ไม่นานมานี้
ทั้งผมและคุณต้องยอมรับรู้และยอมรับความจริงว่า

คุณกำลังจะพรากจากผมไป
ด้วยโรคร้ายที่มากรายกล้ำย้ำความจริงแห่งวิถีชีวิตนี้
ที่ช่างไม่มีอะไรแน่นอน..
ไม่ผิดคำ
อย่างที่คุณคอยพร่ำสอนใจเตือนใจ
ให้บทเรียนผม..ให้เลิกตรมในทุกข์ทุกรัก


คนดี..
ดวงใจ
แล้วอะไรที่ผมจะยึดมั่นได้
มิให้ผมเศร้าสุดทน
ซึ่งผิดกับจิตคุณ
ที่ถูกฝึกมา
ให้ยอมรับความอนิจจังอนัตตามายาวนาน


ที่คุณเพียรว่าให้ผมลดละกิเลสกรรม
รวบรวมพลังสติ
สร้างสมาธิภาวนา

จะได้พบปัญญาพาลำแสงสุดท้ายอำลา
ยามจะมอดดับลาลับละร่าง
วางไว้นะกลางพื้นพสุธา


ให้ไร้โหยหาเศร้าหมองใดมากรายกล้ำตามติดไป
ให้หลงเหลือเพียงจิตใส
ดวงสว่างกระจ่างงามตามติดไปในทุกภพทุกชาติ

เมื่อยามสุดท้ายแห่งลมหายใจมาเยือน
อย่าให้เสียชาติเกิด



คนดี
ผม..ระลึกแล้วในวันนี้
วันที่พระเจ้าได้ให้บทเรียน
ที่ผมต้องหลั่งน้ำตาแลกมา


ก่อนที่จะตระหนักถึงคำว่า
โลกนี้และรักนั้นช่าง
*ไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอนเที่ยงธรรมเท่า..ธรรม..*
ที่จะน้อมนำจิตเรา
ให้กระจ่างใสไม่มืดบอดหลงวน


ธรรมชาติรายรอบแสนงามเพียงนั้น
ที่พลันราวจะบอกใบ้ให้เราทุกชีวาชีวิตได้
สนิทเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพื่อปลอบประโลมและได้ตระหนักรู้
*อยู่ก็สบายตายก็เป็นสุข*
ให้รักสงบสยบความวายวุ่น
ในโลกวัตถุมากมีมากมายนี้

ที่ช่างแสนสิ้นไร้เวลาเปล่าเปลือง
หากไปประเทืองประทับใจไปหลงเกาะยึดติดไว้


และ

คนดีดวงใจ
นาทีนี้ผมเศร้าดายเดียว..ลำพัง
หากทุกคำลา
ที่คุณเพียรภาวนาฝึกจิตกระจ่าง
พร่างราวสายแสงเพชรพร่างพรมห่มเนื้อใจผมนั้น


ทำให้ผมพลันยอมรับความจริงได้
และ
สัญญาจากลูกผู้ชายคนดีคนนี้
ที่คุณแสนรักเอยแสนรักในกมล
ที่คุณบอกว่าคุณแสนภาคภูมิใจ
ที่คุณเพียรขอ..พ้อให้
ผมเลิก..หลงโลกย์มิโศกสุข
พาตัวเองพ้นกองทุกข์ราวบัวพ้นน้ำ


เพื่อจะตามคุณไปสถิตในแดนดินนิรันดร์..
เมื่อตะวันลาตะวันแห่งชีวิตผมมาเยือน..
ให้รักเรานั้นดั่งคู่ขวัญคู่ธรรมคู่ทอง
คล้องดวงวิญญาญ์ไปชั่วกาลกัป์ปกัลป์นะคนดีนะดวงใจ..!!

***************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480


คำมั่นสัญญา   

ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป

แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...

**************
 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด