27 มิถุนายน 2547 23:20 น.
พุด
ถึงทุกดวงใจ..ในค่ำคืนนี้นะคะ
ช่วงที่รอดูบอล
พุด
มาสะออนอ้อนอยู่แถวนี้นะคะ
และราตรีนี้
พระจันทร์สวยมากเหลือแล้วค่ะ
สีทองผ่องผุดนวลแอร่มแจ่มฟ้า
ทายท้าฟ้าสีน้ำเงินงามเข้ม
ดูเศร้าดายเดียวเด่นลอย..เลยละค่ะ
งามแจ่มมากค่ะ
พุดค่อยๆหรี่ตามองลอดใต้เงามะม่วง
ด้วยดวงใจรัก..
และพุดถึงกับทนไม่ได้ต้องเดินออกไปทายทัก
นอกลานบ้านกลางลานจันทร์
ให้น้ำค้างฝันน้ำค้างในดวงใจละหลั่งรินรับถวิลงาม
นาทีนี้หอมเคล้ากลิ่นจำปีพร่าง
หอมว่างงามเงียบ
หอมหัวใจใสเย็นเฉียบ
ยามได้ระร่ำรินทุกรสบทกวีคลอแกล้มใจไปด้วยกันค่ะ
เด็ดดอกลีลาวดีหวานๆหอมๆมาสองสามช่อพอเคลียใจ
พลิกดูภาพประทับใจใน*anywhere *
หนังสือท่องเที่ยว ที่มีสะโลแกน
(BE WHAT YOU WANT TO BE)
ใช่เลยค่ะ..
อ่าน
Bhutan Blessd from above
ภูฎานแดนบริสุทธิแห่งขุนเขาหิมาลัย
ที่ช่างงามจับใจจับตา
และด้วยภาพงามเดียวดายร่ายมนต์ภูไพร
พาใจพุดพัดชาไปนอนหนาวเหว่ว้า
บนเทือกสูงเหนือน้ำทะเลแล้วค่ะนาทีนี้
ความงามที่แสนพิสุทธิ์ใจในวิถึชีวิตอันมีเอกลักษณ์
ที่พุดพัดชาอยากไปสัมผัสมายาวนานแล้ว
และหวังสักวันไม่นานนี้
เมื่อปลดบ่วงชีวี จัดสรรทุกอย่างลงตัว
พุดจะออกโอละเห่เดินทางไกลเสียที
ไปทุกที่ ที่อยากไป
ธิเบต อินเดีย แม่น้ำภาวนา
ดูคงคาเรืองรองสายนทีทองนทีธรรมนทียากแด่ผู้ยากไร้
..........
พุดเพิ่งอ่านมาพบว่า
*บ้านใครออกแบบโดยไม่ใช้สถาปัตยกรรมสไตล์ภูฎาน
ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ก้อสร้าง
จึงทำให้สิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือน ร้านค้าในประเทศนี้
สามารถคงเอกลักษณ์อันโดดเด่นไว้ได้
โดยไม่ถูกบิดเบือนโดยวัฒนธรรมอื่นใด
อ้าวมาดูต่อค่ะ
โอ๊ะโอ..เพียงแค่เห็นภาพวัดทัคซัง(Taksang)
ตั้งตระหง่านงามง้ำงามล้ำอยู่บนริมผาบนเทือกเขาอันสูงชัน
หัวใจพุดพลันก็ฝันกระดอนกระเด็นแทบเต้นออกมานอกอกนอกใจ
เพราะคิดไปถึงงาน*อัฐิอาจารย์*ฉากที่เณรซุงไซ...
จุดเทียนก่อนหนีออกมาจากวัด
เป็นฉากอันประทับใจในความสมถะ
ในความเร้นลับ..มหัศจรรย์สงบงามเงียบในจิตวิญญาณ
ที่อ่านอีกสักพันครั้งก็มิรู้เบื่อค่ะ
ใครที่มีหนังสือเล่มนี้
แล้ว
ทิ้งขว้าง..ก็กรุณาให้ทำใจสล้างเสลารักกลับมาอ่านเสียนะ
และพาให้คิดถึง*ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณงานโนเบล*
ที่ส่งไปให้*ม้าก้านกล้วย*อ่านค่ะ
หากไม่อ่านคืนกลับมานะคะมาให้คนที่รักที่ชอบอ่านซ้ำอ่านซาก
เพราะพุด..ไม่รู้เป็นอะไรชอบอ่านงานเกี่ยวกับองค์ลามะ
หรือวัดจีนโบราณชอบวิถีเซนค่ะ
สำหรับวัดนี้
ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้
นอกเสียจากจะเป็นแขกของพระมหากษัตริย์หรือรัฐบาล
และ
วัดนี้เคยเป็นสถานที่
สำหรับนั่งสมาธิขององค์ลามะชื่อดังหลายรูปทั้งในทิเบตและภูฎาน
สร้างมาตั้งแค่ค.ศ1692
และเคยถูกไฟไหม้ การบูรณะต้องใช้เวลาหลายปีด้วยตั้งอยุ่บนผาสูงชัน
ปัจจุบันอนุญาตให้ขึ้นไปถึงแค่จุดชมวิวที่หนึ่งและที่สองเท่านั้นค่ะ
.............
ขอเบรคดวงตาและดวงชีวาล้าละมุนหน่อยนะคะ
ออกไปเด็ดดวงจำปีมาแซมผมก่อนนอน
ให้หอมงามเคลียแก้มแต้มขวัญหลับฝันดี
และ
หากว่าบอลคืนนี้สนุกด้วยนะคะ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
ดวงใจในฝัน
อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb
รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา
บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา...
27 มิถุนายน 2547 06:11 น.
พุด
ความเคลื่อนไหวของยูโร2004
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/page1/jun/26/p1_2.php
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/sport/jun/26/spo2.php
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/column/euro2004/jun/26_6_47.php
http://www.inet.co.th/thairath/
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/column/euro2004/jun/25_6_47.php
****************
ฉันเพิ่งจะดูฟุตบอลยูโร2004 คู่ฮอลแลนด์-สวีเดนจบลง..
เกมกิฬาของลูกผู้ชาย
เกมใจเกมจริง ที่ยิ่งกว่าใช้ใจเดิมพัน..
เป็นเกมกิฬาแห่งชีวิต
ที่แสนมันส์ ตื่นเต้นเร้าใจสะทือนขวัญสะเทือนใจ
เกมแห่งความฝันอันงดงามยิ่งใหญ่ ของมวลหมู่มนุษยชาติ
ที่ฉันนั้นมองผ่านลูกบอลกลมกลมที่กลิ้งกลิ้งไป
ทะลุมองเห็นสัจจธรรม.แห่งหัวใจแห่งชีวิต..มาทั้งเดือน..
ดวงตา..ของผู้แพ้.!..
ไฉนหนอหัวใจฉันจึงราวถูกเฉือน
กับดวงใจไหวร้าว
กับดวงตาแสนเศร้าสะเทือนของผู้แพ้ ไม่ลบเลือน.........
ราวกับดวงใจพลอยถูกเฉือนตามไป.. ในสนามแห่งชีวิต....
ที่มีทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะและน้ำตา
ที่ทุกหัวใจทุกฝีเท้าพยายามเฝ้าลิขิต
ด้วยความมานะบากบั่นขยันฝึกซ้อม
ด้วยหยาดเหงื่อรินรดหยดหยาดมานานปี..
เพื่อขอให้มีนาทีแห่งความยิ่งใหญ่สวยงาม...
นี่คือ..เกมแห่งใจแห่งโลกนี้...
ที่สอนและให้บทเรียนว่า........
ไม่ว่าในสนามรักสนามกิฬา..
คือความจริง..
ที่ต้องยอมรับว่า ....เมื่อมีผู้แพ้ต้องมีผู้ชนะ..
อย่าลดละ..สร้างฝันลุกขึ้นมาสู้ใหม่
ด้วยพลังใจเต็มร้อย
ที่หวังและรอคอยวันปรีดา
แม้ว่าวันนั้นจะมีมา..
หรืออาจจะไม่มีวันได้พบเจอ..
ขอเพียงเธอฉันได้ทำทุกสิ่งแสนดีที่รักนี้
ด้วยหัวใจดวงนี้ที่เต็มไปด้วยศรัทธาฝัน..ขวัญ
ที่มิมีวันจะยอมก้มหัวยอมแพ้!แก่เกมชะตา..
และ
ขอเย้ยทั้งฟ้าทั้งท้าดิน..สิ้นแล้ว..ราวชีวิตเรา!
25 มิถุนายน 2547 22:35 น.
พุด
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5524
คลิ๊กurl ฟังบทเพลงนี้ประกอบนะคะ
********************
คนดี..
ผม..มองคุณมาเป็นเดือนแล้ว
หนึ่งเดือนเต็มๆ
ที่ทุกวัน..ผมจะต้องเห็นคุณใน*คลองตา*
และนะบัดนี้คนดี..ครับ
คุณรู้ไหม ภาพคุณกลับมาสถิตใน*ครองใจ*ผมเป็นนิรันดร์แล้ว
คนดี..
ไม่เคยมีวันไหนในชีวิต..ที่ผมจะรู้สึกดีรู้สึกงาม
เท่ากับในยามสนธยาแรกที่ผมได้พานพบคุณ
ช่างน่าแปลกนัก...
ที่สวรรค์เมตตาหรือว่านรกปรานี
ที่ผมนี้ยังมิอาจจะคาดเดาได้เลย..ถึงวันข้างหน้า..นะคนดี
ผมเพียงอาจจะโชคดีหรือโชคร้าย
ได้รับการทายทักจากคำว่า*มหัศจรรย์รัก*
ที่ผมเพียรพยายามหลีกหนีมาเกือบชั่วชีวีชีวิต..เลยทีเดียว
คนดี..หลายคนที่รู้จักผมมักลงความเห็นกันว่า
ผมเป็นมนุษย์ผู้ชายพันธุ์พิเศษพิสุทธิ์..
ที่นับวันชักจะเหลือน้อยลงน้อยลงทุกที..และทุกที..แล้ว
เพราะอะไรนะหรือ..ครับคนดี
ก็เพราะว่าหัวใจผมนี้ไม่สะออนอ้อนหารักสาวใด
ไม่สนใจสนรักจะอยากฝากภักดิ์พลีใจให้ใครใครเลย..
ผมเบื่อ..คำว่ารัก..นัก
ผมชินผมเชยผมเฉยผมชาและชักจะ
ไม่เหมือนมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆเข้าไปทุกที
ที่ยังต้องมีกมลละไมละมุน
หมุนวนหลงในเกมกลเกมกาม
นิยามรัก
ที่มักจะพบทั้งสมหวังและผิดหวัง..
และทั้งสองฝั่งนั้น
สำหรับความคิดผมคือ*พันธะพันธนาการใจ*
ที่นับวันจะยิ่งทำให้ไกลห่าง
ทางงามเงียบสว่างสะอาดสงบพบ..ว่างวางถาวร..
คนดี...
ผม..สารภาพ..นะครับ
อาจจะเพราะผมเกิดมากับเนื้อนาบุณย์กับใจดวงนี้
ที่ยินดีเหว่ว้า ที่ยินดีรับสุขดายเดียวลำพังได้อย่างมิพะวักพะวงถึงผู้ใด
คนดี..
หัวใจ..ดวงนี้ลึกล้ำเกินไป
จนยากที่ใครจะหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งความคิด
ความฝันความเบื่อวังวนวนเวียนแห่งโลกวัตถุนี้
ที่เนื้อใจดวงดี ดวงพิเศษ
ราวคอยเฝ้ากระซิบเตือน
ให้ผมพาจิตวิญญาณและร่างราว*คนเหนือโลก*
ทิ้งทั้งโศกสุข ไม่มี ไม่รับ ไม่จับ ไม่จ่อจิตกับชีวิตที่ยึดมั่นถื่อมั่น
คนดี..
หลายคำถาม..ตามมาอธิบายให้ตัวผมเองนะนาทีนี้
ที่ผมอยากพลีใจบอกเล่าให้คุณได้รับรู้เพียงคนเดียว
ราวนางใจนางในฝัน
ที่ผมรู้ว่าคุณนั้นก็มีหัวใจดวงพิเศษพิสุทธิ์เสมอจิตเสมอใจ
พอที่ผมจะบอกเล่าให้เข้าใจให้รับฟังและรู้จักรู้ใจผมได้อย่างถ่องแท้
คนดี...
หัวใจดวงดิบดวงดินดวงดี..นี้..
เกิดมากับทุ่งกว้างอย่าง*เด็กชายชาวนา*ผู้ยากไร้
กับวัวควายกับโคลนเลน
กับโสน เอนละออ ออกช่อเหลืองทอง
ละอองผ่องพรายริมชายทุ่งชายนาป่าเขา
กับหอมเสลาตาลยืนต้นดายเดียว
กับกล้ารวงเรียวหอมพร่างสล้างพราย
ยามสายลมพัดข้าวเบามาเยือน..
กับดาวเลื่อนลอมฟางกลางมวลหมู่ดาวพราวฟ้าใส
กับน้ำค้างไพรหยดเย็น
ค้างกระเซ็นดั่งพราวเพชรเกล็ดกลางใบบัว
กับยามสลัวอุษาสางดุเหว่าแว่วแผ่วพร้องร้องเพลงหวาน
ขานขับรับอรุณอุ่นงามยามตะวันดวงสีไพล
ค่อยๆโผล่รำไรๆเหนือยอดไผ่ใบตองริมระเบียงกระท่อม
กับแก้วหอมหอมเชยชายคา
กับน้ำตาดาวเคล้ายอดหญ้ารอฝูงวัวควาย
ที่รอให้ผมสลัดร่างจากผ้าห่มผืนเก่า
หากทว่าหอมเพราอุ่นละออแดด
ให้ผมค่อยๆพาเทียมแอกแบกไถออกไปในนากว้าง
กับร่างแม่พ่อผู้ก่อเกิดงามนะกลางใจดวงน้อยๆของผม
แม่ผู้มีมือกร้านงานหากมีใจดวงหวานราวละอองน้ำค้าง
กลางไพร..เป็นดั่งดวงใจ..เป็นไพรเทพีของเราทุกคน
ในยามเช้า
ที่จะเห็นเงางามเดินไปมาในครัวมัว
เฝ้าก่อไฟด้วยฟืนหอมหอมให้คุคุปะทุลั่นเปรี๊ยะ
เพื่อหุงข้าวแก่นจันทร์พันธุ์หอมฟุ้งจรุงไปทั่ว
ยั่วน้ำลายให้หิว..อยากซดน้ำข้าวแดงเติมเกลือ..อุ่นๆ
กรุ่นท้องรอเวลาอาหาร..เต็มมื้อ
.........................................
รอติดตาม..ยังมีต่อค่ะ......
เพราะ
พุดรจนาสดๆห้านาทีนี้เองค่ะ
มีพล๊อตไว้ในใจแล้วค่ะ
คงยาวค่ะ.....และรจนาไปแก้ไปค่ะ
ด้วยรัก
24 มิถุนายน 2547 23:44 น.
พุด
บรรจงใจร้อยมาลัยกลอนอย่างอ่อนหวาน
ศรัทธาธารแทนด้ายรักอักษรขวัญ
คารวะบรมครูกวีศรีชาติดั่งตะวัน
คุณอนันต์ต่อฝันไทยใจทุกดวง..
ดั่งสร้อยเพชรนามบทกลอนงามอ่อนไหว
ดั่งสร้อยใจมิ่งมงคลงามใหญ่หลวง
ดั่งสร้อยรักภักดิ์ภาษางามเรียงรวง
ดั่งดาวดวงจรัสแสงจากแรงใจ..
พลีดอกไม้ฟ้าบูชากวีแก้ว
งามเพริศแพร้วพิลาสล้ำคำไหนไหน
สุภาษิตสอนหญิงมิ่งกมลงามดวงใจ
อันหวานใดไม่เทียบเท่าเจ้าจอมภักดิ์
พุดเพียงหิ่งห้อยน้อยแสงแฝงเรือนไม้
ใช่ดาวพรายฉายแสงหรูอยู่ด้วยรัก
เป็นนักฝันรักคำงามตามพ้อภักดิ์
ดวงใจรักหอมละมุนกรุ่นกลิ่นไพร
เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจอ่อนหวาน
กลอนชาวบ้านสาวชาวนาพิสุทธิ์ใส
กลอนธรรมดากลอนตลาดหญิงชาวไพร
ฝากหอมใจฝากหอมงามตามเห่กล่อม.
จุดเทียนทองส่องบูชานาทีนี้
กราบบรมกวีแก้วกลางใจพร่างพรมหอม
หวังกมลพุดคนดีที่ตรมตรอม
ปลูกพะยอมงามกลางใจ..ไทยทุกดวง..
************************
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php
ฉันอยู่ไหนในโลกนี้...ที่เธอฝัน
ในเงาจันทร์หรือเงาดาว..พราวไสว
อยู่บนดินปวงพฤกษ์ป่า..หรือพงไพร
หรือหัวใจอันแสนล้า....นภากาล
อยู่ในรักหรืออ้อมกอด..มวลดอกไม้
ในรอยทรายหรือรอยแยก..แตกสลาย
ในเเสงทองท้องทะเล...หรือหาดทราย
หรือเลือนหายเวียนว่าย...บรรณกรรม
อยู่ใต้หล้าบนฟ้ากว้าง....ทางแห่งสุข
หรือเงาทุกข์โถมเล้า......เงาความฝัน
หรือเป็นเพื่อนเตือนตอกย้ำ...ชะตากรรม
หรือแสงวันอันพร่างพราว...คราวมืดมน
อีกไม่นานจะกลับมา...หาบ้านเก่า
แนบนานเนาดวงใจ...ให้ลุ่มหลง
จะอยู่ไหนใจเตือนว่า...ยังมั่นคง
ก่อนปลิดลงจักคืนคอน....นอนแนบดิน
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน
คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน
ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล
ในดวงใจในดวงตาดารากาล..
อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก
ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน
ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน
ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร
อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข
ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน
เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ
ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน
รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า
ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน
พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร
เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!..
*************
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32306.php
แด่ดวงตาดารางามนามนักเขียน .... พุดพัดชา
พระจันทร์สีส้มสุกดวงโตสุกปลั่ง
กำลังสาดส่องทอประกายนวลละอองดั่งทองทา
เมื่อแหงนเงยหน้าบนฟากฟ้าสีน้ำเงินงามเข้มดั่งกำมะหยี่
ในราตรีที่ดวงดาวราวเร้น
หลีกหลบประกายกล้า
มิหาญกล้าทายท้าแสงนวลใย หายเข้าไปในหน้าต่างเมฆ..
ฝากดอกไม้ไทยที่พากันเอาใจ
บานละออชูช่อรอหยาดน้ำค้าง
ที่คงหยาดสายพรายพร่างในยามดึก...
ผ่านม่านมนต์เมฆเสกเสน่หาให้มวลมนุษย์
มองหาสวรรค์ฝันหวานหวาน
ฝากผ่านถึงดวงใจ..ทุกดวงที่ยังห่วงใยเกี่ยวกระหวัดรัดรึง
ให้ละเมียดละมุนด้วยความงามนั้ที่ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ
และผ่านดวงตาดารางามนามว่า
นักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝันกันมิว่างเว้นในยามนิทรา..
ที่ทุกดวงตาอื่นๆนั้นพากันหลับไหล
ไฉนเลย..!
เราจึงมาเดินบนถนนสายเดียวกัน
ในมิติฝันอันลี้ลับมหัศจรรย์ไร้กาลเวลา.
.นอกจากใจนำพาให้เราได้พบและรักกัน
ได้โอบเอื้อแบ่งฝันอันละเมียดใจ
ในทุกอณูหนึ่งนี้กับโชคดี
ที่กาลเวลาได้ประทานของขวัญ
อันแสนเลอล้ำค่ามลังเมลืองใจ ..เกินกล่าว..แล้ว ...
23 มิถุนายน 2547 08:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5820
URL http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
**************
ฝนเทสายรุนแรงราวฟ้ารั่ว
ผู้หญิงในชุดกีฬาสีขาว ร่างบอบบาง
ถูกสายฝนพร่างจนร่างเปียกโชก หนาวสั่น
ราวแทบปลิดปลิวไปกับพายุฝนและ ลมแรง
แต่ช่างน่าแปลกใจ..ที่เธอมิได้ไหวร่าง วิ่งหนีสายฝน
กลับแหงนเงยดูฟ้าเบื้องบนราวรอรับหยาดละอองหน่วงหนัก
เธอปล่อยให้สายฝน กระหน่ำซัดสาดใบหน้านวลละออจนปวดเจ็บ
ราวปรารถนากรงเล็บจากพระพิรุณย้ำตรึงตอกตรม
ผ่านใบหน้าไปถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจ..ให้สาสมใจ..
ต้นไม้สั่นไหวเอน ลู่ลม ราวรอเวลาหักโค่น
ฟ้าแลบแปลบปลาบ ช่างน่าหวาดกลัว
เสียงฟ้าคำรามลั่นราวพิโรธมวลมนุษย์มากมายบนผืนหล้า
ที่กล้าบุกรุกทำลายทายท้าธรรมชาติ ให้วินาศย่อยยับตามๆกันไป
อย่างใจดำมิปรานีมิคิดถึงทุกชีวีที่จะต้องรับกรรมตามมา..ผู้มาทีหลัง..
กิ่งไม้ยังไหวเอนระรัวระริก รายรอบพลิกพลิ้วปลิดปลิวลิ่วลอย
ควะคว้างหมุนวน ไปท่ามกลางพายุฝนลมพัดแรง...
ในมโนนึก บทเพลงงามพลันกระจ่างใจ
และน้ำตาพร่างรินในหัวใจ
ในเรียวตา
ก็พลันละลายลา
พร่างหายไปกับสายฝนพรำที่กำลังรินละหลั่งรด
กลบแม้กระทั่งเสียงสะอื้นเงียบๆ
**********
พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
******
เธอ..ยังคงก้าวเท้า
ทายท้าสายฝนไปตามริมฟุตบาธถนนสายงามสายโศก
กับเงาโยกของร่มไม้ใหญ่ไหวเอน..ราวรอหักโค่นมินาทีใดก็นาทีหนึ่ง
สองฟากฝั่งยังคงเป็นนาข้าวเขียวขจีสีไพล
นุ่มงามดั่งผืนพรมพราวราวเรียวแพรไหม
ไหวเอนอ่อนเป็นลอนคลื่นหวานพลิ้ว แลละลิบลิ่วล้อรวงลม..
หัวใจดวงตรมดวงตรอม ยังคง ให้หอมงามสว่างไสว
ด้วยความภาคภูมิใจ ในทุกลีลาย่างก้าว
ไม่ว่าจะเดินบนถนนสายเศร้าหรือสายธรรมดาแห่งชีวาชีวิต
ที่ฟ้าลิขิต
พรหมประทานทั้งสุขโศก
ให้ทั้งโลกรานร้าวแสนเศร้าเปลี่ยวเหงามา ก็ตามที
และในวันนี้ ณ.นาทีนี้
มาตรแม้นหัวใจดวงดีดวงให้
จักรู้รำงับดับเสียใจ
เหลือ
เพียงใจดวงเดิมดวงดีดวงดิบดิบแสนติดดินดายเดียว
เหลือเพียงวาง..ร้างไร้
คล้ายว่างเปล่าเงียบงามนะบ้านภายใน
นะกลางใจนะกลางร่าง..
เธอราวยอมรับได้ในทุกข์ชะตากรรมแล้ว
และเธอกลับยังรู้สึกดี ที่ยังเหลือหัวใจดวงงามล้ำนี้
ไม่หลงเหลือใครคนเคยรักภักดิ์พลีให้ต้องจดจำ
ไม่มีใครให้ร้องคร่ำครวญ
ไม่มีใครให้ไห้หวนให้อภัยให้อโหสิกรรม
ไม่มี.ไม่มี..และไม่มี..
เธอยอมรับดวงชีวีนี้ที่แสนเหน็บหนาวใจ
มิเคยโทษใครและกลับดีใจถึงแม้นไร้ใครรัก
เธอก็กลับ
รู้สึกราวได้ปลดปล่อยพันธนาการใจ
ได้อยู่กับโลกไร้ร้างอ้างว้างว่างเปล่าเหงาเงียบลำพัง
ราวโซ่กรรมรัดรึงที่เคยตอกตรึงได้คลายลง
*****************
และ...
พลันราวสวรรค์เบื้องบนจะเมตตารับรู้
พาเธอ..สู่แดนดินแห่งความฝันนิรันดร...
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวโลกสะเทือน!!!!..
..........................
........................
............................
ในนาทีฉุกละหุกนั้น
ราวพลังแห่งจิตวิญญาณภายในดวงใสแสนงาม
ที่มิเคยประมาท
กับนาที่สุดท้ายแห่งความพลัดพราก
เธอ..ได้ยินเสียงกระซิบจากที่แสนไกลโพ้น
*ท่องพุทโธ เข้าไว้ หายใจจับเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นำทาง
ดั่งดวงแก้วกระจ่างพร่างพรายรัศมีไสวสว่างสู่หนทางข้างหน้า
เพราะถึงเวลาของเจ้าแล้ว........
เจ้าดวงแก้วดวงชีวา
ที่จะลาลับดับร่าง..
เจ้ามิต้องอ้างว้างว้าเหว่
ในเส้นทางข้างหน้าที่น่าสงสัย
เจ้าทำใจนะ..
ไม่ต้องร้องไห้..
ไม่ต้องเสียใจ..
ไม่..
ไม่มีอะไรให้ยึดมั่นและต้องกลัว
เจ้าดำรงร่างอย่างดี รู้หน้าที่รู้ให้รู้เสียสละ
สละบริจาคแม้กระทั่งร่างเจ้าให้แก่โรงพยาบาล
เพื่อเป็นทานสุดท้ายแก่ผู้ทนทุกข์ยาก
และ
เจ้ายังบำเพ็ญเพียร ทานศีลสมาธิภาวนามาตลอด
เป็นดั่งยอดใจ..ยอดธรรมนำใจนำจิตวิญญาณเจ้าแล้ว!*
และ
ราวฝันฝันฝันไป นัยน์ตาเศร้าดายเดียว
คล้ายมองเห็นพระพักตร์พระพุทธพิสุทธิคุณ
งามละออละอองทองผ่องผุดงามสุกปลั่ง
องค์ใหญ่ในมโนนึก
ที่เคยยึดมั่นกราบไหว้สวดมนต์พร่ำภาวนาทุกคืนค่ำ
กำลังแย้มโอษฐ์ มากเมตตา ราวลอยลงมารอท่ารับ
พร้อมเสียงสวดมนต์หวานแว่วแผ่ววิเวกมากับฟากฟ้ากว้าง
อย่างช้าช้า ช้าช้า
เธอ..พยายามยกมือไขว่คว้า..ควานคว้า
หาผ้าสไบภักดิ์สะไบรักสีไพล
ราวอยากน้อมนำมาปูกราบลงด้วยดวงใจใสใสด้วยซาบซึ้งศรัทธา..
อย่างที่ทำมาเป็นกิจวัตรประจำทุกค่ำคืนมานานปีเกือบทั้งชีวีชีวิต
ใครบางคน ค่อยค่อยประคองร่างนวล
โอบอุ้มด้วยอ้อมแขนอบอุ่นอ่อนโยนอ่อนหวานและราวรานร้าว
ราวมีหยาดน้ำตาละหลั่งรินหยดรดต้องใบหน้าเธอตามมา
ด้วยความโศก..สะเทือน...
เมื่อได้ยินเสียงเธอเพ้อคราง*ขอ..ขอผ้า ผ้าสะไบในกระเป๋าค่ะ*..
เขารีบควานหาจากข้างตัวเธอ
พลางค่อยๆคลี่ห่มให้ร่างร้าว
ด้วยคิดว่าเธอกำลังหนาวเยือก..สะท้าน
มือแข็งแรงนั้น
ค่อยๆพยายามลูบไล้ใบหน้า
ราวอยากให้หยาดเลือดเหนียวหนะออกจากดวงตาเธอ
เธอพยายามลืมตา และราวกับว่าแสนง่วงงุน .........
ในดวงจิตเหว่ว้า
ในดวงตาดายเดียวเหงาเศร้า
เธอคิดว่าสองมือนั้นคือหัตถาแห่งสวรรค์
ที่เธอฝันเคยอยากจะจูบลูบไล้ทุกเรียวนิ้วรจนา..ดั่งเทวดา
ที่เคยอธิษฐานจิตภาวนาในทุกคืนวัน..ขอให้ฝันเป็นจริง..พระเป็นใจ
ในความเบาสบาย คล้ายร่างไร้น้ำหนัก
และ
ราวลอยคว้างกลางมวลหมู่เมฆงามพราวราวเรียวรุ้งแพรไหม..
โอบอุ้ม..เห่กล่อม..
ให้นอนนิทราฝันดี..
เป็นความฉ่ำเย็นอันเกินใจจะรำพันรำพึง
เธอได้กลิ่นซึ้งที่ติดตรึงในจิตวิญญาณ
หอมหวานรานเศร้าด้วยมวลหมู่บุปผชาติไทยนานา
ที่พากันส่งกลิ่นอวล
นวลนวลหอมหอมของทุกพวงพะยอม
หอมดวงดอกแก้วและดวงดอกพุดพิสุทธิ์ใจล้ำราวรู้กล้ำกลืนซ่อนเศร้า
ดวงดอกไม้นะกลางใจในกระท่อมทับวิมานดินนานมา
ที่นะบัดนี้ราวจรุงลา.....แรมรอน...มิอาจผันคืนดวงชะตาย้อนกลับมารื่นรมย์
เธอ..ยิ้มหวานอ่อนเศร้า
ราวปรีดากับธรรมชาติทุกสิ่ง
ที่เธอแสนรักและพันผูกรัดร้อยเป็นดั่งสร้อยใจ
สร้อยชีวิตมายาวนานนัก
ที่ราวถูกฟ้าลิขิตให้เกิดมาช่างฝันขยันฝากใจรักรจนา
ในเหน็บหนาว.....
ฟ้าไยแสนเศร้าหม่น
และไยมืดดำ...
แต่นั่นไยดาวระรินหลั่งน้ำตา
เดือนดวงเหว่ว้าไยร้องไห้สะอึกสะอื้น...
เธอ..พยายามฝืนแย้มยิ้มราวอยากปลอบประโลมอีกครา
และอย่างช้าช้า..ช้าช้า...
เธอ
เพียรพยายามทำสิ่งสุดท้าย...
............................
.............................
............................
ใกล้ค่ำแล้ว
ฟ้ายังร่ำไห้ราวฟ้ารั่ว
พายุสงบลงแล้ว
รถติดเป็นแถวทาง
ได้ยินเพียงเสียงเล่า....
เกิดอุบัติเหตุรถชนผู้หญิง!...
และ
น่าเศร้าจัง!
ที่คนขับรูปงามร่ำไห้ราวหัวใจจะแยก
เพราะ
*เขาบอกเธอมิครางครวญราวยอมรับความเจ็บปวด*
แต่..
หากหวนหาบางสิ่งเพียงนั้น..
...............................
.................
ในทุกสายตาที่มองมาพบภาพน่าเวทนาคือ
ร่างในชุดขาวสล้างพร่างไปด้วยเลือดสีแดงสีแดง...และสีแดงกระจาย
คล้ายภาพฝันมิใช่ภาพจริง
และ
ที่น่าแปลก
มือเธอด้านขวาที่ประดับด้วยกำไลเงินวะวาววับ
ที่กำลังสะท้อนส่งประกายระยับพร่างในท่ามกลางความมืด
มือน้อยซีดเซียวนั้น
ราวกำลังยกกำไลขวัญกำไลรักขึ้นประทับรับรอยจูบอำลา
ตรงริมเรียวปากอิ่มงามอย่างแย้มยิ้มยินดี
ราวฝันดีเหมือนเธอพลีพร้อมพราก
จากมหัศจรรย์รักตราบชั่วนิจนิรันดร......