15 พฤษภาคม 2547 16:42 น.

วิมานไพรวิมานภักดิ์

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1933
(วิมานดิน)
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=430
(ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง)

**********

อุษานี้..บ้านดอกไม้หอมม..ม...ม..
หอมพร่างไปทั้งบ้านด้วยดวงดอกไม้ไทย
ที่สะพรั่งกลิ่นรินพรายมากับสายลมในยามเช้า



แก้วตระการ..บานร่วง บานร่วงเต็มลานดิน
ราวมิถวิลต้น..พากันปลิดหล่นปลิดหล่นเกลื่อนกระจาย
พร่างหอมพร่างงามแม้นยามราโรย
ให้พื้นพสุธาพราวนวลพรม อมน้ำตาลทอง



นกเขา..ก็ยังคงเฝ้าขันคู จู๊กกรูๆ
และกับอีกมากนกมากนัก
ที่พากันมาทายทักด้วยเสียงเพลง จุ๊บจิ๊บๆๆๆระงม
แถมยังมีเสียงไก่ขัน
และไก่ตัวนี้แหละที่บางวันขยันขันเอาตอนเก้าโมงเช้า
ไก่กลางกรุงกรง คงหลงลืมฝันวันเวลาเสียแล้วละกระมัง..



บ้านดอกไม้หอม..ม..ม....
ยังมีกอกล้วยอวบใหญ่ให้ร่มใบบังแดดในยามเช้า
ยามละออละอองทองทอทอดลอดไพลนวลรำไรๆ



ยามว่าง..ไพล..ที่มิใช่ชื่อใบไม้ 
หากคือเจ้าของวิมานดินวิมานไพรนะแห่งนี้
จะ..
นอนนิ่งรานทอดตาหวานเศร้า
ซึ้งซับรับระยิบเรียวใบแก้ว..
ที่กำลังปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
ปรายโปรยแพร้วพร่าง..อย่างช้าๆ ช้าๆ..
ที่ช่างแสนงามจับตาจับใจเป็นยิ่งนัก



ที่ช่างให้ความรู้สึกหอมหวานในใจ ในสัจจธรรม
เปิดใจให้หอมงามอบร่ำพาพร่ำร่ำรินรับมาสอนใจ
ในธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดาๆ
ที่ทุกเวลาคือความจริงแห่งชีวิต...
.............



และ
บางครา..เมื่อไพล..เหว่ว้าใจสุดทน
ไพลจะหมุนกมลฟังบทเพลงบรรเลง
*Poetry Of The Sea&Mountain*
ที่ราวจะพาจิตวิญญาณไพรนี้ติดปีกเสรีแห่งความฝัน
ลอยพลันไปนั่งเหนือเนินทรายริมทะเล
เพื่อเฝ้ารอ ดูตะวันค่อยๆผันดวงโผล่พ้นผืนน้ำงามสีมรกต
ให้งามงดในใจ จนอยากร้องไห้



เห็นนกนางนวลโผผินบินถลา
น้ำทะเลพากันสาดซัดฝั่งอย่างนวลนุ่มอ่อนโยน
เสียงคลื่นวอนทรายคล้ายดั่งคำมั่นสัญญา
พาให้น้ำตาไพลละหลั่งริน ในสายถวิลเสน่หา
รักวันเติมวันมิผันแปรใจมิพรากไกลมิพรากลา

ไม่ว่า
จะผ่านกาลเวลามากี่ฤดูกาล
ผ่านฤดีใครมากี่คนก็ยังคงหนักแน่นมั่นคง
ไม่ไหวหวั่น
ยังคงสัตย์ซื่อถือมั่น เคลียคลอทรายทุกคืนค่ำ
ช่วยกันพร่ำฝัน บรรเลงบทเพลงรักเพลงเดียว...
ไม่เหลียวแลใครไม่แปรใจไม่แปรรัก..



และ
ในบางครา

มโนไพล..
จะพาลอยไปสัมผัส
กลิ่นควันไฟปะทุจากเตาถ่านแตกเปรี๊ยะๆ
ในกระท่อมร้างไร้ ในไพรกว้าง
ในยามอุษาสาง 
ที่หยาดละออละอองน้ำค้างเยียบเย็น
ยังพรายแต้มเรียวแก้มรวงข้าว
พราวไสวในทุ่งทองปองขวัญสวรรค์ไพรสวรรค์ใจ



ดงดอกหญ้ายังพัดไหวโบกพลิ้วเอนลิ่วล้อสายลมแรง
แฝงพายุกระหน่ำซ้ำซัดก็ยังระบัดไหวทานทน..

รออรุณเบิกฟ้า..หลังฝน สดแจ่ม 
แต้มหวานด้วยเรียวรุ้งพาดคุ้งโค้งฟากฟ้าไกล



ไพลจดจำ..เช้าวันที่ได้เดินย่ำทราย 
วิ่งไล่ล้อคลื่นกับรื้นน้ำใสในดวงตา
ในยามที่โลกหล้าและผู้คนยังพากันหลับลึกหลับไหล
ที่มีเพียงแค่ไพลลำพัง
เดินดายเดียวเดียวดายริมชายหาดกว้างร้างไร้ผู้คน



ในครองตาหมอง
ที่อยากร้องไห้สะอื้นไห้เงียบๆ
กับความเงียบงามของ
ทุกสรรพสิ่งกับทะเลนิ่ง น้ำจรดฟ้าไกล
กับเกาะสองเกาะตรงหน้า
ที่พากันเกี่ยวเกาะกันราวเพื่อนตาย
มิพลัดหลงพลัดหาย ราวเพื่อนภักดิ์ พลีรักพร้อม..


 
ที่ไพล..มิอาจบอกถึงความงามประทับใจให้ใครล่วงรู้
งามดวงใจได้ไปทั้งหมดทั้งสิ้น ในวันนี้มิมีเลย

นอกจากหวังหวานผ่านบทรักรจนา
พาคนงามใจรักงามไพรรักงามทะเลพอกัน
ไปปันใจไปเยือนแย้มแต้มใจฝันฝัน
ไปเดินเหว่ว้าคลอกันกับผืนทรายให้ซึ้งทราบ..สุขซ่าน
หวานหอมด้วยตัวตนด้วยตัวเอง..



.
และกับความจริงในวันนี้
ไม่น่าเชื่อเลยว่า
คืนฝันวันแสนสุขหนึ่งปีจะผันผ่านรวดเร็ว
ราวนกปีกหัก
อาลัยรักมาซุกซบให้โอบอุ้มทะนุถนอมใจ

และกำลังจะบินไกล ใฝ่สูง ฝันสูง
สู่ดวงดาวสู่พราวฟ้ากว้างทางช้างเผือก
เลือกดาวดวงงามสักดวงเคียงข้างประดับใจประทับใจ..
มิกลับมาสู่อ้อมใจอ้อมตักอ้อมภักดิ์อีกเลยแล้ว..



หนึ่งปีที่แสนสุขในร่มรัก 
หนึ่งปีที่หวานงามนักในทรงจำ
หนึ่งปีในความฝันที่ไม่อยากตื่น
หนึ่งปีที่นำชื่นมาล้นทรวงให้ห่วงหาโหยหา
หนึ่งปีแห่งชีวิตชีวาที่เปี่ยมล้นด้วยหลากรสชาติชีวิต
ที่จักสถิตเป็นบทเรียนมหัศจรรย์รักเป็นภักดิ์พลีชั่วนิจนิรันดร
ให้ซึ้งสุข ซุกซ่อนเศร้าดายเดียวเหงาเปลี่ยวให้ไหวครวญ
ยามหวนหาคำนึง..มิคลายมิราโรย..



ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่า
โลกหล้านี้และชะตาชีวิตในบางครั้ง
อยู่เหนือการควบคุม
เหนือความคาดหมายว่าร่างร้าวใจไร้
จะได้รับรางวัลใดจากดวงตาสวรรค์
เป็นกำนัลใจจากพระผู้เป็นเจ้านะเบื้องบน



ที่จะทรงต่อเติม เจ็บยื่นหรือชื่นหวาน
ให้จิตวิญญาณทุกดวงที่ยังมิล่วงพ้นแรงกรรม..เก่า..กาล..
จะให้รานจะให้ร้องไห้จะให้ดายเดียว
จะให้สวยงามทุกยามที่หลับตาลง..
ก็คือประสงค์ของพระพรหมผู้ลิขิตโลกโชคชะตา


 
ไม่มีคำถาม!..ที่ต้องการหาคำตอบ..
ทำไม..ทำไม..และทำไม
หากทุกใจพอใจทุกนาทีของชีวีชีวิต..



ไม่ว่า
จะเป็นเสียงหัวเราะ ร้องไห้
เสียงบทสวดไห้หา พาหลุดพ้นวนวงกรรม
เพราะ
คือชะตากรรมชะตาชีวิต
ลิขิตฟ้า..และจากใจข้าเอง
หากมิเกรงอินทร์พรหมยมพญา



หากอยากทายท้า
ก็สุดแต่ใจใครจะลองทนลองทำลองทดสอบดู..
ให้รู้แน่กันไปข้างหนึ่ง..จะยอมแพ้ หรือจะชนะ..ชะตา..
ว่ากันไปตามเพรงกรรม..กระทำกันตามใจชอบ



โอ้..
วาสนา
ชะตากรรม
ไยนำมาให้ไพลมีวิมานดินวิมานไพรนะที่นี่
มิใช่ที่อื่นไกลและยัง
น้อมนำให้กายไพลมานอนฟังทุกเสียงเงียบงาม
ในทุกยามหัวใจเต้นในเตียงโบราณนี้ 
มิใช่เตียงใดมิใช่เคียงใครมิใช่ไหนอื่น..



รายล้อมด้วยด้วยดวงดอกหอมๆของแมกไม้
ต่อสายใจสายใยรักทายทัก
ให้ไพลได้ยินเสียงนกร้องระริกหวาน
ขานรับหยาดน้ำค้างจับเรียวใบไม้
ราวสายฝนพรำยามย่ำรุ่งระรินไหว



ให้เห็นงามจับใจในทุกรายละเอียดของสรรพสิ่ง
มิวิ่งวนว่องล่องชีวาพาตามไปกับกระแสโลกบ้าวัตถุ



ไพล..จึงดีใจไม่มีคำถาม
ในทุกทุกข์ งามตรมบ่มสุข
ในทุกข์ทนเศร้า...ในไม่มี..ในว่างดาย
ในร่มไม้ชายคาแห่งวิมานรักนี้



และ
แสนพอใจ ดีใจ กับทุกเศษเสี้ยวในอารมณ์
มิว่าจะขมขื่นระทมหรือตื้นตันสุขใจสุขใด
ในวิมานไพรวิมานดิน
กับทุกสรรพสิ่งธรรมชาติไพรธรรมดาใจ



ที่ไพลเพียรสร้างจากน้ำใจรัก..
และยอมรับทุกสิ่ง
ไม่ว่าใครจะทิ้งอะไรไว้ให้ระกำย้ำรอยใจ
หัวใจไพลก็ยังคงมีหวังหวาน
ราวดอกไม้บานพราวเสมอมา..นะกลางใจในกลางซึ้ง



ราวมีดวงแก้วเพียงหนึ่งเดียว
เกี่ยวกระจ่าง สว่างใส
แตกพราย
ก่อเกิดประกายราวเพชรพร่าง จรัสเจรือง
เรืองรอง ส่องนำทางใจ



ราวสายรุ้งสวยใสบนเรียวฟ้า
หลังคืนที่ฟ้าผ่านพายุฝนพรำ..ฉ่ำน้ำตานางฟ้า..นภาฝัน
และหมุนวันอรุณรุ่งอันแสนหวานแสนอบอุ่น
มาอุ่นอ้อมโอบเอื้อ..
เกื้อกมลปลอบกมลคนใจงาม..ในทุกยาม..ในทุกข์รัก..




*****************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1933
 วิมานดิน   นันทิดา แก้วบัวสาย : : Key Eb  

ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า 
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน 
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...

 
				
14 พฤษภาคม 2547 20:08 น.

สิ้นสายฝัน!

พุด


URL http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=60
(สิ้นสวาท)
************

ค่อยค่อยเอื้อมเด็ดดอกไม้มิให้หมอง
จันทร์สาดส่องดาวยังแย้มแต้มฟ้าฝัน
ฟ้าหลังฝนลมพรายพรมรอตะวัน
อรุณขวัญรอวันหวานผ่านม่านไพร..

เรื่อเรื่อเรืองแสงสีทองงามผ่องผุด
ดาวเริ่มหยุดกระพริบริบหรี่ไหว
น้ำค้างทรงหยาดระรินกลางบัวใบ
หยาดเพชรใสวะวับวาวพราวน้ำค้าง...

เสียงนกเขาขันคูคู่กิ่งแก้ว
อุษาแก้วกลีบดอกไม้ยังพรายพร่าง
เกสรหวานบานคลี่ ในนวลราง
ฟ้าเรื่อรางสาดแสงพรายกระจายไกล...

ฟังดนตรีธรรมชาติในงามง่าย
จำปีกรายไกวกิ่งพ้อรอฟ้าใส
โลกยามเช้าหนาวลมจุดเทียนใจ
วะวิบไหววะวับวาวล้อดาวดวง...

เรียวแก้มหมองผ่านร้องไห้คล้ายหลงฝัน
รอตะวันผันดวงควงคู่สรวง
หยาดน้ำตานางฟ้ารินลาร่วง
ราวใจดวงใจดับนับวันรอ..

ยืนนิ่งนิ่งทิ้งใจหมองมองฟ้าเศร้า
ใจดวงร้าวหนาวในไร้ใครพ้อ
ไฉนเลยคนเคยรักเคยพะนอ
ปล่อยให้รอให้รักภักดิ์ผ่านปี

เขาคอยพร่ำย้ำเสียใจไปห่างห่าง
อย่าหลงทางหลงเพ้อเขาอยากหนี
อย่ามาใกล้อย่ามารักมาภักดี
ทางชีวีเขาทอดฝันวันยาวนัก..


ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
ปล่อยเขาไปปล่อยเขาไปเขาไม่รัก
ปิดดวงใจปิดหวามไหวปิดเพ้อภักดิ์
ตอกสลักขังวิญญาณไว้..ชดใช้หนี้..ด้วยโซ่กรรม..!

*************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_36172.php

ไม่เป็นไรครับผม!    
ไม่เป็นไร!        


รักของผมแบบฉบับของวันนี้..ชื่อว่า....ไม่เป็นไร......ครับ....
ผมกำลังทำใจของผมอยู่...นะครับ....
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณจะไม่รักผมอีกต่อไป........
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณจะทำร้ายจิตใจผม....
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณมองไม่เห็นความรักความภักดีของผม.......
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณจะเดินไปจากผม โดยไม่กล่าวคำร่ำลา....
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณไม่ต้องการพบเจอผมอีกเลย..จนชั่วชีวิตนี้
ไม่เป็นไร.....ครับผม...ไม่เป็นไร.......
ไม่เป็นไร.....ถึงอย่างไรชีวิตผมก็ช้ำมาพอแล้ว......
ไม่เป็นไร.....เพราะผมชินชากับความทุกข์......
ไม่เป็นไร.....ถ้าคุณจะเพิ่มบทเรียนให้ผมอีกสักบท..ที่ผมตั้งชื่อ   ว่า..ไม่เป็นไร....
ไม่เป็นไร.....ลืมเสียเถิดนะ  ...อย่าคิดอะไรมาก ใจคุณก็ใจคุณ ใจผมก็ใจผม......
ไม่เป็นไร.....ถึงอย่างไร....เราก็ไกลห่างกันอยู่แล้ว ทั้งกาย....ทั้งใจจะเป็นไรไป.....
ไม่เป็นไร.....ผมยังหายใจได้อยู่.....ยังไม่เห็นตาย.........
ไม่เป็นไร.....ครับผม.....ไม่เป็นไร......
 


				
13 พฤษภาคม 2547 19:12 น.

น้ำผึ้งขวัญพระจันทร์หวาน!!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=824
(หนี้รัก)
************

คนดี..
วันนี้คุณโทรมา..ทำเสียงวอน..อ้อน ขอ..พบผม
คุณทำท่าลับลมคมนัย ราวมีอะไรน่าตื่นเต้นซ่อนเร้นอยู่
ในน้ำเสียงหวานอ่อนซ่อนเศร้า.เร้าใจผมเสมอมา


คุณ..ย้ำ*พบกันที่เก่าใต้ลั่นทมเหงางามเหมือนเดิมนะ..
แต่ขอเปลี่ยนเวลาเป็นเช้าตรู่..
ให้พรูออกมาตามนัดพร้อมกันกับนกแล้วกันนะคะ*
เธอสั่ง ย้ำคำพร้อมหัวเราะเสียงปานระฆังใสหวาน
*อย่าลืม..นะคะ และมาแท๊กซี่นะ
ฉันจะเป็นสารถีพาคุณไปทุกที่เองค่ะ
แล้วเจอกัน*..
เธอลงท้ายสั้นๆลากเสียงซึ้งๆตามประสาเธอ


ทิ้งให้ผมเผลอคิดต่อ พรุ่งนี้จะมีอะไรอีกละหนอละนี่..
ที่น่าจะ..นะ..น่าจะ  ตื่นเต้นผจญภัย ..หากไปกับเธอ
ผู้หญิงไม่ไหวหวั่นกับฝันกลางแจ้ง 
ชอบสายลมแรงและท้าทาย
ได้กับทุกเรียวแดดและทุกธรรมชาติฤดู...


เช้าแล้ว
กับฟ้าที่ยังมิผ่องแผ้ว สดสว่างกระจ่างใจ
อากาศยามเช้ายังไม่ใส
ยังเทาทึมเหงาเศร้าหลังพายุฝนพัดกระหน่ำย่ำไหวแรงยามย่ำรุ่ง
ทิ้งสายฝนเรียวรุ้งให้ค้างโค้งฟ้า
ให้น้ำตานางฟ้าเจิ่งนองทั้งสองข้างทาง ตลอดทาง


คุณ..ยืนนิ่งนิ่งฝันฝันในเงาฝนใต้ลั่นทมใหญ่
แทบไร้ใบมีแต่ดอกดวงพวงพราวขาว
พราย ..ไปทั้งต้น อยู่นะตรงนั้น
ผมยังสยายยาวถึงกลางหลังรุ่ยร่ายเป็นธรรมชาติ
ขับวงหน้าสะอาดเรียวละมุน หวานเศร้า
ที่ทุกคราวผมอยากไล้ลูบ พรมจูบลบคิดถึงคะนึงหา
ที่ในสายตาสายใจ ไม่เคยมีใครงามเท่า งามเทียบได้เลย


นาทีนั้น 
ผมพลันราวไร้สติไปชั่ววูบ
ถลันเข้าไปตระกองกอด คุณอย่างแนบแน่น
อย่างลืมตัว 
ในยามที่คุณเผลอตัวกำลังละล้าละลัง ตั้งใจจะไขว่คว้า
เด็ดลั่นทมสักช่อพออย่าให้มือถูกยางหยดใส่..


ผมรีบไซร้..ริมแก้มซุกซน
ซุกจมูกดอมดมพรมจูบแผ่วผิวริมเรียวปาก
ราวพอเป็นพิธี
หากทว่าเที่ยวนี้แปลกดีจัง
กับวาบหวามหวานหอมที่ราวกับมีพลังไฟฟ้าดึงดูดให้วูบวาบ
วับไหวไปทั้งร่าง ที่แล่นผ่านร่างพร่างโชนไปทั้งกาย..ใจ


คุณ..เบี่ยงหน้าหนี
และค่อยๆถอยรี่สลัดตัวออกจากอ้อมกอดผม
ที่ยังมึนงง ราวกับโลกจะหมุนช้าลงๆจนราวจะหยุดนิ่ง
ทั้งที่ภายในใจผมกำลังบรรเลงบทเพลงรัก
อย่างระส่ำราวร่ำรัวกลอง
ที่กำลังก้องกระหน่ำไปด้วยคำว่าเสน่หาสวาทหวาม..
อย่างมิอายใคร..มิอายฟ้าดิน


และ
ราวฟ้าปรานี
เมื่อคนดี..ดวงใจของผม
หันกลับเดินตรงมาอีกครา
ตรงหน้า และ
ยื่นดวงดอกลั่นทม
หอมอวลเหว่ว้าส่งมาวางไว้นะกลางอุ้งมือผม


พร้อม
เขย่งตัว..ขึ้นมาดอมดมพรมจูบผม..อย่างละเมียดละไม
ไปตามไรผมริมแก้มแกมคางสาก..
นาทีนั้นผมมิได้ฝันไป
หากราวโลกและหัวใจผมแทบหยุดเต้นไปจริงๆ
ผมได้ยินเสียงเธอ กระซิบหวานแว่วแถวๆซอกคอและใบหู
*แฮปปี้เบิร์ทเดย์ค่ะคนดี ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ*


ผมถึงกับอั้นอึ้ง ซึ้งซ่านสุข
ที่กำลังรุกโรมมาโถมถาใจให้อยากหลั่งน้ำตา
ใช่แล้ว..
วันนี้..วันเกิดผม
วันที่ผมไม่เคยใส่ใจ จะจำและไม่เคยมีใครจะย้ำ จะจำได้
ตั้งแต่ผมพรากจากบ้านมา
เพราะทุกปีทุกคราที่ครบรอบคล้ายวันเกิด
มีเพียงเทพีไพร แม่ผู้แสนใจดีใจประเสริฐ 
เทพีประจำใจประจำบ้านเพียงผู้เดียว


ที่คอยเตรียมสำรับ อาหารคาวหวาน
และปลุกผมด้วยเสียงหวานๆให้
ผมมีหน้าที่ลุกขึ้นมายืนเคียงใส่บาตร
มิเคยขาดสักปีตั้งแต่เล็กจนโต...

 
จนวันนี้..
ที่ผม..แทบลืมเสียสนิท และไม่เคยคิดว่าจะสำคัญเลย
สำหรับชีวิตราวนกไพรพเนจรกลางกรุงกรง
ที่มัวแต่พะวงหาเช้ากินค่ำ 
ออกจากบ้านตั้งแต่ย่ำรุ่งยันตะวันลับฟ้า
สู้ทำงาน
เพื่อพอประทังปากท้อง..มิให้ร้องประท้วงเพียงนั้น 
วันๆคืนๆก็หมดๆไปแทบไม่ทันรู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ
ว่าชีวันชีวีย่ำรอยอยู่กับที่มานานปีมานานวัน

.
คนดี...
ผมน้ำตาซึม ซึ้ง ถึงกับร้องไห้ออกมา อย่างดีใจ
ที่คุณคนดี จดจำวันนี้ได้ขึ้นใจและทำหน้าที่แทนเทพีไพร
ได้อย่างงดงาม ตามเติมเต็มจิตวิญญาณผม
มิให้พร่องเหว่ว้าจนเกินไป



คุณบอก...คุณเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
จะพาผมนั่งรถออกไปนอกเมือง..
หนีเมืองกรุงรุ่งเรืองหรือรุ่งริ่งยังสงสัยอยู่เลย



ผมกอดคุณนิ่งนาน ด้วยความรู้สึกยากบรรยาย
ระบายความรู้สึกอิ่มเอมใจ ที่อัดแน่น 
อยู่ภายในแทบล้นทะลักออกมา
ด้วยความรู้สึก ซ่านสุข 
และดื่มด่ำสำนึกในน้ำใจงามของคุณ..ในวันนี้
................



คุณๆค่อยๆขับรถออกนอกเมืองขึ้นทางด่วน
ผ่านสะพานแขวน ที่มี
ตึกสูง นับร้อย นับพัน 
ลดหลั่นเรียงราย ยืนทะมึน 
ไม่ยอมหลับไหล ไปกับกาลเวลา....


 
เปิดเพลง...เพราะๆ..แผ่วๆในรถ 
ให้บรรยากาศ สุขล้ำ เกินรำพัน.... 
เสียงเพลงหวานระริน มากับกลิ่นกายหอมๆของคุณ
กับงามหอมเศร้าของกรุ่นกลิ่นดวงดอกลั่นทม
ที่อวดดอกระทมหากงามตรึงตราตรงหน้ารถ
.............



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=824
 หนี้รัก   
ปุ้ม อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Db  
หากจะรักแล้ว
รักใครก็จงรักเถิด
ความรักบรรเจิด
พริ้งเพริศหนักหนา
ชีวิตคนเรา มันสั้นเหลือคณา
อย่ารอช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านไป
หากมีหนี้แล้ว
ขอให้เป็นหนี้รักเถิด
ดอกเบี้ยที่เกิด
คือพลังรักพิไล
รักเธอเสมอ รักเธอจากดวงใจ
ยอดพิสมัย หลอมอยู่ในกายเธอ
หากวันใด ที่แสงทองของชีวิตผ่าน
โลกตระการ จะมืดครึ้มหมองเหม่อ
วาระนั้น จะได้อดีต
ไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยงบำเรอ
ต่อชีวิตให้ชื่นบาน
หากเป็นหนี้แล้ว
ขอให้เป็นหนี้รักเถิด
หนี้รักบรรเจิด
พริ้งเพริศ แสนหวาน
รักกันเสมอ แม้เวลาพ้นผ่าน
สองเราสราญ
เพราะหนี้รักสลักใจ

หากวันใด
ที่แสงทองของชีวิตผ่าน
โลกตระการ จะมืดครึ้มหมองเหม่อ
วาระนั้น จะได้อดีต
ไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยงบำเรอ
ต่อชีวิตให้ชื่นบาน
หากเป็นหนี้แล้ว
ขอให้เป็นหนี้รักเถิด
หนี้รักบรรเจิด
พริ้งเพริศ แสนหวาน
รักกันเสมอ แม้เวลาพ้นผ่าน
สองเราสราญ
เพราะหนี้รักสลักใจ...
 
...................


ทุกนาที ผมคิดอยากจูบลูบไล้ร่างแสนงาม
น้ำใจดีไปตลอดทาง 
หากต้องทำใจว่างๆให้มือไม้ห่างๆคุณเข้าไว้
เพราะคุณกำลังทำหน้าที่ขับรถ



จิบกาแฟ ทีละนิด ละนิด ปลุกชีวิตชีวา 
และอารมณ์ให้ตื่นเต้น เร้าใจไปกับ 
ความรู้สึกอ่อนหวาน แสนดี ในวันเกิดนี้
ที่ผมรู้สึก ดีที่สุดในรอบหลายปี 
ที่ผมคนนี้เคยแสนเหว่ว้าดายเดียว
เหลียวไปไม่พบใครสักคน
ใช้ชีวิตโสดอย่างเหงาเปลี่ยว
หาฝั่งฝัน ฝั่งใจมิพบเจอ
เก้อจนราวใจจะแหว่งวิ่น ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน



จน..กระทั่งถึงวันนี้วันแสนดีแสนงามที่
พระเจ้าพลัน..
เผลอเมตตาสั่งตรงส่งคุณลงมาให้เติมเต็มจิตวิญญาณ
ราวเสมือนโลก
มอบของขวัญกำนัลรักแด่ผู้ชายช่างฝันแสนเศร้า
ด้วยพราวตระการดวงดอกไม้ทั้งหล้าโลก
ให้มาบานสะพรั่งพรึบพร้อมกัน นะกลางใจผม
ให้เลิกระทม หยุดท้อ รอเพียงวัน
ที่จะมีคุณในอ้อมกอดแนบแน่นไปตราบชั่วนิจนิรันดร์



และ
ในวันนี้ คุณคือคู่หมั้นคนงามนามเพราะของผม
ที่กำลังพร่างพรมห่มหวานหยาดลงมารินรด
หยดนะกลางดวงใจรักผม
มิให้ผมฝันเพ้อละเมอหาใครอีกต่อไป


คุณบอก
ผมชอบธรรมชาติ
จะพาผมไปพบหวังวาดหาดสวย
สถานที่ในดวงใจแห่งหนึ่ง
ที่จะตรึงฝันสวรรค์หวานไปชั่วกาลนาน


คุณพาผม
ผ่าน
ดงตาล แถวเพชรบุรี 
ที่ น่าหลงใหลจน
บางครั้ง ผมเองคนช่างฝันยังเคลิ้มฝันไปว่า 
ได้ย้อนคืนสู่อดีต สมัยสุโขทัย ในยามก่อนเก่า 
นาข้าว เขียวชะอุ่ม..... 
พลิ้วรวงเรียว ล้อลมทายทัก แสงอาทิตย์สีทอง ในยามเช้า 
ให้น้ำค้างพราว เกาะก้านกอ กิ่งใบ หายวับไปกับ แสงแรก 
ของอรุณรุ่ง อุ่นรวงเรียว 


ภาพ พระสงฆ์ เดินเรียงมา เป็นทิวแถว 
ท่ามดงตาล ยิ่งพาให้ใจเรานี้อิ่มเอิบงามล้ำ 
ไปกับความสงบงาม ในยามนี้ ที่ได้ทำบุญตักบาตร 
อธิษฐานให้เกิดสิ่งดีมีมงคล..แก่ชีวีนี้ 
ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา....
พาใจให้ยิ่งสว่างไสว ร่มเย็น เป็นสุข.... 


ไม่นานนัก..คุณเลี้ยวรถ 
เข้าสู่กระท่อมหวาน กลางดงไม้ ดงตาล แห่งนี้ 
ที่เรียกกันว่า หาดปราณบุรี... 
ที่ทำให้คุณตาหวาน ยิ่งกว่าตาลในดงเสียอีก 
เมื่อมองไปรายรอบ ในกรอบตา กรอบใจ.... 
ทะเลตรงหน้า..น้ำเงินเข้มงาม สะท้อนแดดอ่อนอุ่น 
ละมุน นวล ด้วยเรียวแดด ไล้โลม 


เคียงคู่กระท่อมน้อย ที่พักพิงอิงอุ่นแสนน่ารัก
คือดงตาล และดงตาล สลับซ้ายขวา 
มีลั่นทม แดง ขาว พราวไปทั้งต้น 
อวดดอกบานหวาน พอกันกับคุณคนดี
ที่รีบเอามาทัดหูเคลียแก้ม 


เสียงดนตรี จากใบตาล ซัดส่าย ซู่ซ่า ซูซ่า 
กรอบแกรบ กรอบแกรก แทรกมาหวานแว่วรับลมทะเล 
เห่กล่อม ให้ใจผมนั้น พลันหวาน หวาม 
ราวถูกโอบอุ้มด้วย ฟองเมฆขาวนวล 


ผมขอหอมแก้ม แถมกอดแนบแน่นด้วยแสนรักคุณนะคนดี 
คนใกล้ ที่ช่างรู้ใจ พามาถึงที่ แสนดี แสนสวย แสนหวาน 
ในวันนี้ ให้ใจดวงดี ได้รับงาม ง่ายๆ 
ใกล้ชิดเชยธรรมชาติ ที่ชื่นชม ไม่เบื่อเลย.... 



น้ำผึ้ง..ที่ว่าหวาน สำหรับผมนั้น
ต้องรินรด หยดมาจากใจดวงดีที่หวาน บานรอรับงามเป็น..... 
ในปฐพีนี้ ที่โลกหยิบยื่นให้มา.. 
ถ้า...เริ่มเรียนรู้รัก ให้เป็น จักเห็น สิ่งที่ซ่อนอยู่ในงามละมุน 
ในทุกถิ่นที่ ที่มีความเรียบง่าย รายรอบ ตัวเรา..... 


.
กระท่อมหวาน ในดงตาล หวานไปกับ น้ำจิต น้ำใจ 
ของคุณคนดี ที่มีรัก และเข้าใจในกันและกัน 
ผมกอดคุณ...แนบแน่น ไปกับลมละเมอ
เพ้อครวญริมทะเล ที่เห่กล่อม....

. 
ราวจะบอกให้รู้รัก รู้ค่า รู้ถนอมใจ....ไปจนกว่า...
นาทีสุดท้ายของชีวิตนี้ ที่บางที 
อาจมิยาวไกล ดั่งใจเราคาดหวัง นะคนดี 
แม้เราสองนี้จะ.... แสนรักเอย... แสนรักในกมล.......
.............
				
13 พฤษภาคม 2547 10:15 น.

ทางแท้ธารธรรมธารทองลอยล่องใจ

พุด


URL http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
..............


หวังบุรุษหนึ่งซึ้งกลางใจเทพีขวัญ
ไม่หลงฝันหลงโลกย์วอนโศกสอน
เดินตามรอยพระพุทธองค์ดั่งคำวอน
มิผันย้อนลืมตนวนรอยกรรม..

เมื่อเนื้อใจไหวพร้อมจะน้อมรับ
รู้รำงับดับจริงทิ้งรอยช้ำ
หันหลังเดินทิ้งโลกย์โศกระกำ
ตามแนวธรรมนำใจทองล่องธารทิพย์...

เป็นธาราขวัญนิรันดร์รักอันงามเงียบ
ใจเย็นเฉียบกายเย็นฉ่ำดั่งน้ำทิพย์
ได้ดื่มรินยอมทิ้งสิ้นสู่โลกทิพย์
ทิ้งชีวิตสับสนค้นพบใจ...

อย่าเพียงเพียรหลอกโลกหยุดโศกสุข
ให้รู้หยุดรู้วางทางหวั่นไหว
ให้ทิ้งจริงทำจริงตามรอยไป
สู่ร่มใจร่มธรรมนำวิญญาญ์...

ชายผ้าเหลืองใช่ห่มเปลืองหนีพิษรัก
อดีตภักดิ์เรื่องหนหลังยังโหยหา
หากห่มใหม่ห่มใจว่างทุกเวลา
เพียรค้นหาจริงแท้ใช่แพ้ใจ...

หวังได้เห็นก่อนตายชายผ้าเหลือง
ส่องรองเรืองพร่างนาข้าวพราวไสว
ตามรอยบาทวาดหวังงามดวงใจ
อุทิศใจอุทิศกายรับใช้บุญ...

แม้นมิใช่นางสุชาดามาถวายข้าวมธุปายาส
จะน้อมกราบด้วยใจงามดวงหอมกรุ่น
ถวายดอกบัวงามแทนละมุน
ข้าวใหม่กรุ่นโรยมะลิพลีบูชา...

หวังสดับรับรสธรรมราวฉ่ำฝน
ให้พรายพรมดับร้อนทุกหย่อมหญ้า
เป็นสายน้ำนิรันดร์เคียงคู่ขวัญคู่พสุธา
เป็นธาราธรรมธาราทองล่องสายใจ...

ใช้แพธรรมแพทองล่องลงสู่
สายน้ำรู้สายน้ำรักสะอาดใส
สู่ฝั่งฝันฝั่งนิพพานอยู่ไม่ไกล
ฝึกธรรมใจเทียบท่าว่างห่างโลกย์วน..บัวพ้นน้ำ!

******************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33904.php

วิสาขะน้อมดวงใจให้ใสเย็น..

พระจันทร์ วันวิสาขะ 
บานเต็มดวง เหลืองทอง สุกปลั่ง 
ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม 
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... 

แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง 
ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก 
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า.... 

แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์......

ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม...ตามกันไป 
ในเส้นทาง ของพระพุทธองค์ 
ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า พาใจให้บานเบิก 
ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า 
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ 
จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้ 
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ 

กลิ่นพิกุล หอมเศร้าเคล้าแสงเทียน วับแวม 
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ 


ประเพณีไทย ประเพณีงาม ในยามค่ำนี้ 
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ 
ถึง อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค 
ทางแห่งการหลุดพ้น 
จากการเวียนว่าย ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น 


เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม 


ค่ำ..เวียนเทียน 
นำดอกไม้ ธูปเทียน เป็นมาลัยแทนใจ 
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมพลีบูชา 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. 


อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ ขอให้สุขภาพดี 
มีคนดี ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย 
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง 

กลับบ้าน มานอนดูพระจันทร์ 
ด้วยฝันเห่กล่อม 
ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ 
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม 


จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี ไม่มีอะไรสุขเท่า 
ขอเพียงคิดเป็น ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น 
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ 
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. 


ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ 
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า ยามราตรีนี้ 
กระซิบบอกว่า อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน 
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง 

โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. 
และ
ทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง 
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด 
เพียงอย่าหวั่นไหว 
ในมหัศจรรย์รักนิรันดร์นี้ของสองเรานะคนดีนะดวงใจ!



				
11 พฤษภาคม 2547 22:03 น.

ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975
(ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก)
...............

คนดี..ดวงใจของผม..
คุณรู้ไหม...
ทันทีที่นกยักษ์กางปีกออกและค่อยๆแล่นถลา
พลอยพาร่างงามของคุณ ไปตามทางรันเวย์ อย่างช้าๆนั้น
หัวใจผม..ก็พลันราวจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ
ด้วยความรู้สึกวูบไหว  ดั่งคล้ายจะปลิดปลิวลอยละลิ่วตามคุณไป
ในเวิ้งฝัน  เวิ้งฟ้านภากาศ   อันไร้ขอบเขตมิสิ้นสุด
อันแสนกว้างไกล ที่แยกร่างเราไกลห่างออกไป  ทุกที ทุกที...


ดวงใจ...
หัวใจผมราวหล่นหาย..ในนาทีนั้น
ทำไม...ผมราวสิ้นไร้ใคร ไร้ใจ..
ที่ยังคงต้องหายใจในร่างทรนง
ที่ยังคงต้องหยัดยืน  นะที่ตรงนี้..ที่สนามบิน 

ในท่ามทิวมะพร้าวพัดไกวไหวแกว่งราวร่ำไห้
คล้ายเคียงปลอบ ประโลมใจผม
ที่กำลังรู้สึกอ้างว้าง เหว่ว้า สุดทน
เหมือนกมลฝัน  ฝันฝัน....
อยู่ปลายโลกร้างกลางหนาวเหน็บเพียงลำพัง..


คนดี...
คุณเห็นผมมั้ย ผู้ชายนัยน์ตาสีสนิมเหล็ก
ที่คุณบอกราวสีอำพัน.....
 ผู้ชายอารมณ์ลึกล้ำ ช่างฝัน  ผันแปร
ที่ยากหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจ
ที่ขยันหยอกล้อพ้อใจ
พอใจเพียงรอ...ขอพรายยิ้ม แต้มอิ่มแก้มอุ่น
กรุ่นหอมหวานปานข้าวใหม่ของคุณเพียงนั้น...แค่นั้น
ก็สุขพลัน ก็สุขใจ..


ผู้ชาย คนนี้ที่คุณบอกว่า บางเวลานิ่งงัน
ราวแบกโลกฝันแปลกแยกแผกคิด..พิเศษพิสุทธิ์
มิเหมือนใคร เสมือนดั่งขุนเขาในเงาฝน
ท้าแดดลมบ่มพายุกล้าถาโถมมิหวั่นไหว หวาดกลัว


คุณ..บอกผมว่า
ใจผมคงลึกกว่าทะเลงามแห่งบ้านเกิด..ตรงหน้า
คงยิ่งกว่ามหาสมุทรสุดหยั่งถึง
เพราะทุกงาม..
ยาม..ผม..ตกอยู่ในภวังค์ฝันอันมหัศจรรย์ซึ้งเศร้า 
ยากนักที่ใครจะเข้าใจ ....


ในยามนั้น..ที่ตัวผมและใจผมพลัน
ราวตอกสลักลั่นดาล*บ้านภายใน*
แยกไกลห่างจากโลกภายนอกแบบกู่ไม่กลับ
มิมีใครสามารถได้ย่างกรายเข้ามาสัมผัสได้แม้เพียงผู้เดียว


จิตวิญญาณเหงาเปลี่ยวดวงสงบงามของผม
จะโผผินโบยบินไปกับปีกแห่งฝันเสรี
ไป..ณ..ที่แห่งหนึ่ง ...

ซึ่ง
ผมเพียงผู้เดียว...
จะชำนาญเที่ยวท่องล่องสู่ดินแดน.แห่งนี้
ที่แห่งความว่าง..
งามไร้...ราวทะเลเมฆ วิเวกสุขสงบเย็น
เร้นไร้ร่าง...ไร้ร้างผู้ใด..

ดวงใจ...
ในยามนั้น ผมเพียงเพียรเฝ้าอธิบายให้คุณได้เข้าถึง
จิตวิญญาณไพรเสรี ที่มีเพียง ความสงบเย็น
ไม่มีใคร ไม่มีคุณ ไม่มีเขา ไม่มีเรา
ไม่มีร่าง ไม่มีตัวตน
 เป็นกมลละไร้ สุขทุกข์
ไม่มี ไม่มี และไม่มี ทุกๆสิ่ง เลยที่รัก

ดวงใจ....
ผมมิสามารถ
จะพาคุณโบยบินไปกับผมในดินแดนแสนงามเย็นนี้ได้
หากคุณเองต้องใช้ความเพียรของคุณเอง..นะคนดี
แล้ว....
คงมีสักวัน 
ที่คุณจะได้สัมผัส
แดนดินแห่งรักนิรันดร์ฝันวาง ว่าง ร้างไร้ สงบงาม


คุณ..เพียงต้องใช้สมาธิ มีปัญญานำพาไป
เป็นหนทางใช่!ไกล...หากราวสถิตในกมลเราเอง


ที่แห่งสุดท้ายที่มวลมนุษย์มากมายมากมี 
เพียรพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้า
ต่างหลงผิดคิดกันว่าแสนไกลยากลำบากกว่าจะไปถึง
ซึ่งราวมีม่านกรรมบังตาพาบังใจ 
ไกลทางดับทุกข์ ทุกสรรพสิ่ง ให้ทิ้งทุกอย่างวางทุกเรื่องราว
เพราะเพียงวาง ว่าง ห่างแอกใจ
งามนั้นพลันจะบังเกิดกลางใจ
สว่างใสราวกระจกวิเศษเลยทีเดียว

 
แต่คนดี...นะวันนี้
ผม..มิโทษคุณ มิโทษใคร มิโทษใจตัวผมเอง
ที่ยังคงยอมปล่อย
ให้บทเพลงโลกย์โศกสุขทุกข์รุกล้ำมากล้ำกรายมาก้ำเกิน
*โลกภายใน บ้านภายใน*ที่ราวแก้วดวงใสสะอาดสว่างสงบเย็น..
มาพบเข็ญพบขมตรมเศร้าร้าวรานอีกครา...

.
บางทีเพราะผมรู้ดี...
โลกมอบบทเพลงนี้ ที่มีชื่อว่าบทเพรงกรรม..มาย้ำรอยวน
หมุนระทมให้ผมจำต้องดำรงร่างใจชดใช้
ราวรอเวลาหลุดพ้น บ่วงกมล บ่วงกรรม
แต่หนหลัง แต่ปางก่อน
ที่หมุนย้อนกลับมาอีกคราอีกภพอีกชาติ 
จนกว่าพิสวาทจะวาย คล้ายบททดสอบใจ


ดวงใจ..
ผม..จึงต้องพาใจมาไหวครวญหวนไห้ ราวคลื่นฝันรัญจวน
ครางครวญ ร่ำไห้ซัดทรายคลอฝั่ง ในคืนสิ้นหวาน ไร้หวัง
เหลียวหาฝั่งฝันฝั่งใจมิพบเจอ ราวละเมอรอจันทร์ในคืนเดือนดับ!


คนดี...
โลกของผมนับแต่นี้ จะมีก็เพียงเงียบงัน 
ในท่ามกลาง*ทะเลฝันพะงันงาม*
หว่างเราสอง..ผู้ครองเศร้า รานร้าว กับวันพรากจาก
ทันทีที่คุณก้าวเท้าลาจาก  ลาลับไกล   ลาลับไป...


จนกว่า..จะถึง วันที่
พระเบื้องบน จะเมตตาพาดวงใจผมให้เพียรหลุดพ้น
เพรงกรรม..โดยการรู้ทันใจ รู้ทำใจ รู้ดับไฟรัก 
หักสวาทขาดกันไปในภพนี้ชาตินี้
มิไหวหวั่นมิฝันเฝ้ารอเป็นนิรันดร์อันแสนว่างร้างไร้
ราวรอลมลมพร่างพรมระเหยหาย
คล้ายคือความว่างเปล่า ที่เป็นเงาตาม งามธรรมชาติสอนใจ
หากใจดวงดี ดวงงามคิดตามคิดเป็น...นะคนดีนะดวงใจ


คนดี...
ผม..ขับรถ กลับกระท่อมน้อย เหนือโค้งอ่าว
ที่คงเฝ้ารอคอยการกลับมาของผม
กับแสงตะวันลา อ้อยอิ่ง 
ที่วิ่งไล่ ตามหลังผมมา ราวปลอบประโลม..


แต่ทำไม..เล่า
น้ำตาเจ้ากรรมของผม..
จึง
ระรินหลั่งโหมโถมถั่งออกมาเต็มนัยน์ตาอย่างมิอายฟ้าดิน
ที่ราวสิ้นทุกสิ่ง  ไร้ทุกอย่าง..และ แสนอ้างว้าง ดายเดียว..


ดวงใจ..
ผม..ขับรถต่อไปไม่ได้ เมื่อนัยน์ตาซึมซึ้งถูกตรึงตรา
ด้วย ดวงดอกตะแบกเหว่ว้ารายเรียงสองฟากฝั่ง


ภาพที่ตรึงฝัน ตราใจผม ยามมีคุณเคียง
และคุณเคยขอให้ผมเบี่ยงรถหลบเข้าข้างทางใต้เงางาม
ใต้ร่มไม้ชายคาของดอกดวงม่วงละมุน..
ที่กำลังหมุนเกลียวกลีบบางเบาล้อสายลมเหงาเงียบระริน
ในยามค่ำร่ำสนธยา...


คนดี....
ภาพคุณงามละม่อมละมุน
ช่างหวานหอมกรุ่นในทรงจำนะกลางใจ
จากเลนซ์ใจ 
ที่ผมตั้งใจบันทึกภาพนางในฝัน
ไว้กลางก้นบึ้งซึ้งสุขซุกใจไม่มีวันเลือน


ภาพผู้หญิงผิวใสในเรียวหน้าแสนเศร้า
ที่ละออแดดอ่อนทอทอดราวทองทาบอาบงามราวนางไพร
กลางกลีบดอกไม้ไหวพรายร่ายฟ้อนอ้อนแสงสวยฉ่ำ..
ช่างงามเศร้าเร้าใจเร้าอารมณ์ผมเสียเหลือเกิน..
.........................


และ
คนดี..
ผมกำลังฝึกใจนี้ จิตใน ให้หยุดนิ่ง...
ทิ้ง..ฝัน..พราก 
ที่จากลาลับกลายกลับเป็นอดีตรักไปแล้ว


กมลดวงงามของผม
กำลังพร่ำบ่มเพียรสอนให้สงบสยบร้อน เร่า ในเศร้ารัก
ให้รู้ดับไฟรักทัน ผันผ่อน 
ให้ร้อนค่อยๆเพลาเย็นเหลือเพียงเป็นเถ้าฟอน
นำมาน้อมใจ ให้ราวมีน้ำใสระรินให้วาง ว่างมาแทนที่ 
มีแต่ปัจจุบันตรงหน้า
ที่มีแต่ฟ้า ฟ้า และฟ้า  ใกล้ค่ำ 
ราวกับดวงตะวันชีวี
ที่กำลังจะอำลาหล้าโลกทิ้งทั้งโศกสุขไว้...นะเบื้องหลัง


ตะวันรอนรอนอ่อนแสงพราย
ราวเรียวรุ้งห่มพร่างกลางทะเลเมฆ
เสกเวทีธรรมชาติวาดเวิ้งฝันอันยิ่งใหญ่
ให้มวลมนุษย์หยุดแหงนเงยดู
ได้สัมผัสงาม ในยามนี้..


ให้เราพร้อมพลียอมรับ
ราวธุลีที่จะปลิดปลิวปนไปในพื้นพสุธา
มินาทีใดก็นาทีหนึ่ง อย่าพึงประมาท..
จงวาดหวังใจพร้อมยอมรับ
ยามตะวันแห่งชีวีใกล้จะลาลับดับดวง


คนดี.
เพราะโลกนี้ราวละคร 
ทุกฉากตอน ร้อยรัดรึงให้ตรึงใจเพียงขณะ
ใช่ยาวยืน ฝืนชะตากรรมได้ ...


แค่มาหมุนสอน
ให้เราเพียรสร้างกรรมดี หนีทุกข์ในทุกสรรพสิ่ง
นิ่งและรำงับ ไม่หวังติดค้างใจ
ติดค้างใครเป็นหนี้กรรมหนี้ใจไปทุกภพชาติ
วนเวียนเวียนวนมิพ้นกฏแห่งกรรม..
จำต้องย่ำรอยเดิมเพิ่มมิรู้จักจบสิ้น..ในสายถวิลเหว่ว้า..


คนดี..
และนาทีนี้
น้ำตาผมหยุดไหล
พร้อมกับใจผมก็สว่างพราว
ราวมีดวงแก้ววิเศษส่องสว่างนำทางใจ
ไปชั่วกาลกัปป์ และ..
จักสถิตในจิตวิญญาณตราบนานเนาเป็นรักนิรันดร์..

..................



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย

มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้
ไม่หนักเลย...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด