29 กุมภาพันธ์ 2547 08:12 น.
พุด
ฉันตื่นมา..
ด้วยเสียงน้ำค้างปลุกระริน
เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บๆๆๆๆๆ
เสียงไก่ขันเอ๊กอีเอ๊กเอ๊ก
และทุกสรรพเสียงดนตรีแห่งงามเงียบ
ที่กำลังบรรเลงเหมือนเฉกเช่นทุกวันมา
และรจนาสดให้อ่านเล่นซ้ำย้ำใจเศร้า
เพียงหวังทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย
ไม่ดายเดียวเหว่ว้า..
ไหวตามดนตรีใจในห้องหัวใจ
พุดพัดชาไปในวันหยุดนะคะ
หยุด..รัก
เดินออกไปที่ระเบียงบน
แหงนเงยดูจันทร์ครึ่งดวงดายเดียว
ด้วยใจว่างสว่างนวลงามตามแสงจันทร์
ดวงดารานับพันพริบพรายบนฟากฟ้าสุกใส
แต่ไยดูราว
เรือนจำปีแสนเศร้า
จันทร์ครึ่งดวงยังลอยเคล้าคลอเมฆดูเหว่ว้า
ดูโดดเดี่ยวเดียวดายนะราตรีนี้..
พอกันกับใจดวงนี้ที่กำลังหลอมละลาย
เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง..
นิ่งแสนนิ่งงามแสนงาม..
ฉันส่งจูบหอมหอมจากใจไปหาจันทร์
เก็บฝันเก็บรักกลับมาวางไว้กลางใจดังเก่า
เป็นงามเหงาที่รู้สึกดีเป็นครั้งแรกในรอบปี..
และ
เป็นอุษาแรกที่ฉันไม่ฟังเพลงบรรเลง
อยากทิ้งบทเพลงและปลดปล่อยใจรับเพียงใสงาม
ของดนตรีแห่งท่วงทำนองธรรมชาติ
ตามครรลองวิถีแห่งชีวิตจริง
ที่นิ่งและงามกว่าเป็นไหนไหน..
ในนาทีนี้ในอุษาราตรีนี้
เสียงมะม่วงหล่น..
คงเป็นฝืปากกระรอกน้อยน้อยหางห้อยพวงพู่
ฉันหยิบมะม่วงสีสวยขึ้นมาดู
อย่างเสียดายงาม..
แต่กลับอิ่มเอมใจ..ที่คิดว่ากระรอกคงอิ่มท้อง..
ตลอดฤดูนี้ แสนดีใจ.ไม่เป็นไรดอกนะ
ราตรีกาลหวานกลิ่นหอม..
ดวงดอกไม้ดอกเล็กดอกน้อยค่อยค่อยคลี่กลีบ
ยอมเผยอแย้มรับหยาดละออละอองน้ำค้าง
ในอ้างว้าง
กลับรู้สึกรื่นรมย์ใจ..
ขอบคุณดอกไม้สีขาวบานพราวแห่งราตรี
ที่ทำให้น้ำตาพร่างริน
ให้เกสรถวิลในแววตาแตกช่อละอออ่อนโยนอุ่นซ่านหวานจับใจ
คิดถึงผีเสื้อ..ที่กำลังหลั่งรินน้ำหวาน
กลางกลีบเกสรพร่างเปรมปรีด์แสนสุข..
มองใบไม้เขียวขจีในเงามืดไหว
อารมณ์ถวิลไพรคุโชนกลางใจ
อยากพาหัวใจสู่แดนดงพงไพรลึก
ในล้ำลึก
อยากกระซิบวอนอ้อนสายลมไหว
ในแดนดินแสนไกลห่างต่างฝันกลับมาซุกซบ
อยากขึ้นไปลบลืมเศร้าไกวเปลเมฆ
แล้วเสกสายหวานหว่านพรมลงกลางเรียวใจงามทุกดวง
อย่าได้พบลวงรานร้าวอ้างว้างร้างไร้รักอีกเลยนะ
และ
พลันราวลอยละล่องท่องเหนือเนินผาสูง
ละลิ่วสู่ท้องทะเลงาม
ดูนกนางนวลโผผินบินว่อนร่อนโฉบเหยื่อ
เหนือฟองคลื่นขาวพราวระลอกไล่ละหลั่นทอยทอดกระทบฝั่ง
ได้ยินเสียง..ริมเรียวฝั่ง..น้ำเซาะทราย
เหมือน*แทนใจแทนใครบางคนร้องไห้*คร่ำครวญ
กับปราสาทรักปราสาททรายปราสาทฝันพังภิณฑ์ทลาย
เหมือนดั่งทรายคล้ายถูกคลื่นโถม..แรง
แกล้งให้มลายหายวับไปกับตา
เห็นแสงรำไรไรแสงเรื่อเรือง..
จากขอบฟ้าทิศตะวันออก
เห็นพรานทะเลคืนฝั่งกับปลาเต็มลำเรือ
กับภาพทำให้น้ำตาละหลั่งริน
ภาพเด็กน้อยถาใส่อ้อมกอดอันอวลกลิ่นคาวปลาพ่อยอดรัก..
ที่คืนกลับมาสู่อ้อมใจ..มิหายไปกับทะเลลึกทะเลโลกย์.
และแล้ว
ปีกแห่งฝันแห่งรักก็จำหักใจ
บินกลับมาซุกซบลบลืม
มิออดอ้อนอาวรณ์อ้อนอาลัยใครอีกเลยแล้ว
กลับมานะที่เดิมที่เก่าที่เหงาเงียบงามใจ
เฉกเช่นทุกวันมา
กลิ่นดอกพุด ช่างพาหอมลุ่มลึก รัดรึงใจ
ในยามนี้....
ฉันค่อยๆจุดตะเกียง ที่ใช้เทียนแทนไส้....ให้บรรยากาศ
ว่าชีวิตฉันนั้น ราวตื่นมาพร้อมเสียงไก่ขัน ในบ้านชนบท
ที่น้ำค้างยังหยดเยียบเย็น แตะแต้มยอดหญ้า
รอเวลาระเหยหายไปกับแดดอ่อนอุ่น..
ในยามอรุณเปิกฟ้า
ยามที่....
ยังมีหมอกหนา ครอบ คลุมท้องทุ่ง ผืนนา
ยามที่พระออกบิณฑบาตร...
สีเหลืองนวลแจ่มกระจ่าง สว่างใจของจีวร
ตัดกับ สีนาของข้าวเขียว
ที่พากันกำลังออกรวงเรียว โค้งระย้าพวงพราว
ราวรอคมเคียวจากมือคนเก็บเกี่ยว...
และแม้....ความจริงในยามนี้
ที่ฉันมีก็คือ...วิมานใบไม้กลางกรุง
ที่งามด้วยพืชพรรณดวงดอกไม้
ที่ฉันพยายามใส่ฝันใส่ความเป็นชนบท
ให้งามราวกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ ไพรกว้าง
มิร้างรักมิไร้รัก
ยังมีหอมแผกตระลบ มากับจันทร์ซีด ดวงเศร้า
มิให้หนาวใจให้อิ่มฝันอิ่มงามตามใจนึก
รอ..เวลาฟ้ากระจ่าง
ใจสว่างตาม
ในเช้านี้
ที่เตรียมตัวหุงข้าวจัดสำรับไปวัด
และกำลังจะจัดจีบดอกบัวงามไปถวายพระ
เพื่อ
สร้างพลังใจหอมงามเผชิญโลกโศกตรมอีกวันและอีกวัน
ทำหน้าอันแสนดีในโลกจริงโลกฝันอีกครา
ตราบจนกว่า..ผืนดินจะกลบหน้า
จนกว่าพสุธาจะกลบร่างร้าว...มิหนาวมิร้อนอีกต่อไป..
********
ยามเช้าเจ้าพุดซ้อนจะไปไหน ......พุดพัดชา
นกเป็นเสียงนาฬิกาว่าเช้าแล้ว
พวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
เสียงไก่ขันกระชั้นถี่บนลานกว้าง
โลกสว่างดาวแขวนฟ้าราตรีนวล..
รับอรุณกับราตรีที่หอมเศร้า
หอมข้าวเช้าตัดใบตองร่องท้ายสวน
โรยมะลิในขันข้าวขาวใจนวล
ผลไม้สวนเอื้อมเด็ดมาใส่ตะกร้างาม
นุ่งผ้าซิ่นผืนสวยลายดอกไม้
ริมแก้มซ้ายทัดลั่นทมหอมวาบหวาม
เด็ดดอกไม้รายรอบสวนผูกช่องาม
อธิษฐานตามให้งามใจละไมละมุน..
พระ.พายเรือ มารอ รับบิณฑบาตร
ขอทุกชาติสร้างผลบุญได้เกื้อหนุน
เป็นสาวนารักสายธารหวานดอกไม้ลมละมุน
ตราบโลกหมุนสร้างศรัทธาพาดวงใจพบสุขจริง...พบสุขใจไปนิรันดร์
**************
จากผู้หญิงคนหนึ่งคนนี้
*ที่ชื่อพุดพัดชาสาวบ้านนา*
ซึ่งหลงรักท้องทุ่งนารวงเรียว
รักเรียวไผ่เรียวใบไม้
รักห้วยหนองคลองบึงใส
รักกระท่อมไพรงามล้ำ
รักดายเดียวดวงดาวในยามดีกน้ำค้างพร่าง
รักอ้างว้างเหว่ว้าใจในบางวัน
รักตะวันยามใกล้ลาลับฟ้า
รักเกสรเพชรพร่างในดวงตากวี
รักภูเขา ที่รอฟันฝ่า
รักเสน่หา
รักความเศร้า
รักเหงาเงียบ
รักเฉียบฉ่ำหอมรัดรึงดวงดอกไม้ไทยไหวกิ่งฝัน
รักงามจันทร์งามใจจริง
รักความนิ่งรักท้องฟ้า
รักเมฆารักเรียวรุ้ง
รักสายธารหวานดอกจิก
รักสถิตใจสนิทในแนบเนาในหวานหอมบทกวี
รักดงดอกหญ้ากับฟ้าใกล้ค่ำ
รักรินร่ำฉ่ำสดกล้วยไม้ป่ากล้วยไม้ไพร
รักไก่ป่าขันก้อง
รักเสียงนกไพรร้องระงมคืนรัง
รักฝันแสนดีแสนงามในห้องหัวใจใครจะรู้
รักลำคลองสายใสคู่ ท้องร่องสวน
รักมวลผีเสื้อเหลือรักหนักแน่นใจในภักดิ์พลี
รักกล้วยกอห้อยหวีไหวพ้อเพ้อ
รักลมละเมอระรินร่ำ
รักแสงตะเกียง
รักแสงเทียนในโบสถ์คร่ำ
รักบึงดวงดอกบัวงามยามใกล้ค่ำยามอรุณรุ่ง
รักพวงมาลัยหอมกรุ่น
ที่รัดร้อยสร้อยโซ่รักด้วยดวงดอกพุดซ้อนอ้อนมะลิลา
รักรักรักและรักรจนางานหวานหวานหอมหอม
ให้หลอมละลายใจไทยโพเอมทุกๆดวงเลยค่ะ
ด้วยรักรักรัก..
และ
****
ใครอยากรักอะไรก็มารจนาต่อได้นะคะ
ฤาว่าพุดพัดชาเหมารักธรรมชาติหมดแล้ว
ไม่เป็นไรนะคะ
เพราะถึงอย่างไร..
รักอะไรอะไรของพุดพัอชา
ก็ไม่เท่ารักทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ที่ยินดีมอบคืนกลับให้ทุกดวงใจอยู่แล้วค่ะ
28 กุมภาพันธ์ 2547 08:31 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6189
(บทเพลงพระราชนิพนธฺ*ใกล้รุ่ง*ค่ะ)
URL :http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6881
(น้ำเซาะทราย ..คุณจำรัส เศวตาภรณ์)
*********
ถึงคนดี...
มีคำถาม..
จากดวงใจใสสวยแสนงาม..แสนสดชื่น
จากคนที่แสนดีแสนเก่ง..
ที่ยังมองโลกนี้เป็นสีชมพู..
ถามพุดพัดชามาว่า
* สวัสดีพี่พุดครับ
ทำไมงานมักจะออกมาแนวเศร้าๆเสมอหล่ะครับ
ส.ธันวันตรี
จาก : รหัสสมาชิก : 5338 - หมึกมรกต *
และ.อีกหนึ่งค่ะ
*
หวัดดีจ๊ะ พุด สาวบ้านนา
ผม ...... นะ
อยากรู้จักหนะ
เอ่อ พูดไม่เก่งอะนะ แนะนำตัวพุดให้ฟังหน่อยสิ
เอ่อ แค่นี้ก่อนนะ
บาย.. *
เป็นคำถาม
ที่พุดพัดชาไม่มีคำตอบค่ะ..
เพียงขอกระซิบบอก..
ในความเป็นพุดพัดชาและสาวบ้านนานั้น
ทุกคำถาม
มีคำตอบในงานที่ร่ายรจนาแล้ว
หากรักและอยากรู้จักพุดพัดชาอย่างจริงแท้
ก็ให้ตามติด ตามคิด ตามอ่านหัวใจ
จากงานงามรจนา
ที่พยายามเพียรฝากธรรมชาติธรรมะธรรมดาคน
ไว้อย่างให้มองโลกนี้
แบบมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆ
*ที่ยังคงต้องมีรักในบางวันฝันในบางที
และในที่สุดดวงชีวาชีวีก็
ปลงตกยอมรับชะตากรรมได้กับทุกเรื่องราว*
และท้ายสุดสุดท้าย
ที่ได้พยายามเพียรบอกคือ
ให้ใช้ธรรมะปลุกปลอบใจ..น้อมนำใจ
สู่เส้นทางสายใสสายงามสว่างสงบ..
พบสุขว่างทุกฤดี..ดวง
และ
น่าแปลกใจ
เป็นมหัศจรรย์รัก
มหัศจรรย์ใจ
เชื่อไหมว่า
อดีต..
มีเพียงผู้เดียว..
ที่ตั้งใจอ่านงาน
แบบเก็บรายละเอียดมายาวนานนัก..
เป็นที่รักเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ
ที่รู้ใจรู้จักและอาจจะรักงานพุดพัดชา
อย่างถึงแก่นก้นบึ้งถึงดวงใจ
ประทับใจตราตรึงใจจำจด..
และแล้ว..
ที่นะวันนี้วันหนึ่ง..
เขาก็ถึง*อิ่มงามพบนิยามความเบื่อ*
และ
นี่ก็คือคนในโลกฝันโลกรจนา
โลกมายาอีกด้านหนึ่งของชีวาชีวิต
โลกนักอยากจะลิขิตเขียน..
เพียรฝันค้างอ้างว้างแสนว้าเหว่ใจ
แสนเปลี่ยวดาย
ที่หมุนมาสอนใจมนุษย์
ว่าเรามิอาจยึดมั่นถือมั่นอะไรได้เลย
ไม่ว่าเขาไม่ว่าใคร
แค่ผ่านมาฝากหวามหวังพลังใจ
ให้มีทั้งรักทั้งชังทั้งหวานขมขื่น
ทั้งรื่นอภิรมย์ใจ
เพียงนั้น....
ก็เท่านั้นก็เท่านี้..
กับฤดีคนคนคนวนวนมิรู้จบให้พบเจอมิรู้สิ้น
แค่มาฝากบทเรียนให้ไหวหวั่นฝันระทม
ให้...เรียนรู้รัก..หักใจ..พักใจ
รู้งามให้.รู้เมตตา..อภัย..
รู้ทันเท่าความเป็นไป
และในที่สุด
รู้ปล่อยวาง ..ว่าง...
ไม่ว่าค่าคำใด..
สรรเสริญ เยิรยอ ด่าทอ
หรือให้กำลังใจ
แท้ไซร้คือลม..ลม....และลม
ที่พุดพัดชา
ไม่ตรม..ไม่เศร้านานเลยไม่ว่ากับสิ่งใด
เหลือเพียงดวงใจ
ที่พร่ำสวดมนต์ภาวนา
ขอเมตตาขอพรพระ
ให้ใจดวงร้าวที่เฝ้า
หวังเพียรพยายาม
ให้ค้นพบเส้นทางสายงาม
ให้รู้วาง ว่าง มากขึ้นและมากขึ้น
ในทุกขณะจิตแห่งชีวิตหนึ่งนี้
ที่มากมีมากมายเรื่องราว
ผ่านเศร้าผ่านสุข
เข้ามาคลุกเคล้าให้ชีวิตมีรสชาติ
ที่ใจจริงแท้..นาทีนี้
พุดวาดหวังแค่ลืมทุกสิ่งทิ้งทุกอย่าง
วางไว้ข้างนอกเหลือก็เพียง
*บ้านภายในลั่นดาลรักตอกสลักตรึง*
ขอแค่ดำรงซึ่งร่างใจ
ทำหน้าที่ทั้งในโลกจริงและโลกฝัน
ให้ดีที่สุด
และหวังเพียงดวงชีวี
หากจะมีเหลือ
ไม่ขอมีรสชาติขอเพียงสะอาดสว่างสงบ..
พบว่างในบั้นปลายเพียงแค่นั้น
ฝันเพียงแค่นี้ค่ะ
และเป็นฝันพลี..สุดท้าย
จากดวงใจพุดพัดชา.
นักรจนาฝากไว้มากมายมากมี..
มาจนถึงนาทีนี้
ที่คิดว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน
ในโลกฝันมากขึ้นทุกที และทุกวัน
ที่ไฟฝันราวริบหรี่ลางเลือน
เหมือนใกล้จะมอดลงทุกทีแล้วละค่ะ
ไม่รู้ว่านาที*อิ่มฝัน*นั้นจะผันมาถึงในวันใด
ที่คงพรากจากไปแบบไม่จับปากกาอีกเลยแล้ว
เหมือนกำลังค้นพบว่า
หากจะยังคงเหลือแรงใจแรงรักรจจนา
ก็แค่อยากใช้เวลาให้มีค่า
ได้มีก่อเกิดงามฝันบันดาลใจ
รจนางานที่พอมีค่าคืนกลับโลก
เรียนรู้โศกลบทุกข์
ฝากให้ทุกดวงใจ
พบสุขในความเย็นรื่นชื่นฉ่ำชื่นทรวง
ดั่งธารน้ำใส..
มีดวงดอกไม้หวานหอมหลอมลอย
ประดับรับขวัญงามให้ทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ที่ยิ่งอยู่ไปๆนานนาน
ก็พานพบน้ำใจมิ่งมิตร
ที่มิชิดกายหากใกล้ใจมากมายเลยค่ะ
และ
สำหรับวันนี้
ชีวิตพุดพัดชายังคงมีคงฝาก
*เพลงบทเศร้ามิรู้จบ! *
บทเพลงเศร้ามิรู้จบลบลาเลือนจากโลกนี้
ตราบชีวียังมีรักและมีฝัน
บทเพลงเศร้ายังร้าวรอนอ้อนรำพัน
บทเพลงฝันวันเดียวดายไร้คู่ใจ..
บทเพลงเศร้าสอนสุขทุกข์คลุกเคล้า
นัยน์ตาเจ้ามีเงาใจไยหวั่นไหว
ดวงจันทราหยาดหวานสักปานใด
ม่านฝนในแววตาพาหม่นงาม..
บทเพลงเศร้าหลายดวงใจในโลกฝัน
ราวคืนวันคู่กันไปจนไหวหวาม
ทั้งมืดมนปนสุขสันต์ทุกโมงยาม
ทั้งต้องหามดามใจไอซียู..
บทเพลงเศร้าเคล้ากลอนฝันคืนวันนี้
แด่คนดีในดวงใจไร้ใครคู่
มากล่อมขวัญว่าวันหวานยังมีอยู่
ให้รับรู้คู่โลกนี้มีตะวันมีจันทร์งาม..ให้ชื่นใจ..(ไทยโพเอมทุกทุกคน)
**********
และ
ขอฝากเริ่มรุ่ง..อีกคราครั้ง
มอบหวังให้กำลังใจพลังใจทุกดวง
จากดวงใจพุดพัดชา..
ตราบที่ดวงใจรักรจนายังมิพรากลานะคะ
**********
เริ่มรุ่ง! .... พุดพัดชา
เริ่มรุ่ง.....
ในราวเมือง..
ที่มิใช่..ราวป่าใหญ่ไพรกว้าง.
ที่ฉันนี้ฝันใฝ่
อยากฝากกายใจไปเริ่มรุ่ง..ในราวพฤกษ์ไพรพนา..
เริ่มรุ่ง.....
เช้าวันใหม่ ทุกดวงใจ ทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่..
ต่างมีฝัน ต่างมีหวัง
ต่างยังมีลมหายใจต่อดวงใจรักไปอีกวัน
เริ่มรุ่ง....
ที่ยังมีเสียงนกร้องขันคู จู้จุ๊กกรู
จู้จุ๊กกรูเพราะพริ้งพราว
บรรเลงเพลงแห่งราวไพร.
เพราะยังมีต้นไม้ใหญ่
ให้เกาะคอนขัน..ในบ้านของฉันเอง..
เริ่มรุ่ง.....
ฟ้าหวาน ลมหนาว เย็นฉ่ำ เมฆอิ่มใส
อาบไรแสง สายไหม ลมชื่น อวลหอมดอกไม้
บานเบิกชูช่อชัน ขันแข่งกันกับใบไม้เขียว
ล้อลมไสว..รอหวานใจชื่นชม..ดมดอม
เริ่มรุ่ง.....
บ้านนี้ ที่ยังมีงามดวงใจใครจะรู้
ที่ทำให้ดวงใจใสชุ่มฉ่ำ
ราวหยาดน้ำค้างหยดพราว
มาให้ดอกไม้ฝัน..สดสว่างกลางใจ
บานแย้มรับหวัง พลังใจ
ไฟฝัน ในโลกหวัง โลกอนาคต
ที่หมดจดแสนดี ..มิมีท้อแท้แพ้พ่าย...
กับกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง..
เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีฝันว่า สักวัน
ใครบางคนที่พิเศษสุดในใจ
ที่เราแสนภาคภูมิใจในคุณค่าความดี
ที่มีรักแท้ หนักแน่นมั่นคงจะก้าวมาร่วมชายคา
พาให้ใจเราทุกคนฝันแสนดีร่วมกัน วันเคียงหมอน
มิจากลาเลยลับไปไกล ไปหนไหนอีกแล้ว...
เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีกลิ่นดอกไม้หวานหอม
จรุงใจลอยฟุ้งคละเคล้า
มากับสายลมหนาว
หวานอมเศร้าพราวกับหยาดน้ำค้าง
ที่รอระเหยหาย..ยามอรุณร่ำลา..
พายามสายมาเยือนเยี่ยมแทน...
เริ่มรุ่ง.....
ที่มีเช้าแสนดี มีละอองหมอกเย็น
แสนสบาย มาทายทัก ในบางวัน
พร้อมกับความฝันความรักมากมี
จากทุกดวงใจที่ใสงาม
มากด้วยรัก..ด้วยจริงใจ
ที่ยินดีมอบให้ไร้ร้องขอ...
เริ่มรุ่ง.....
กับใจดวงดี ที่รู้จักมองโลกให้เป็น
แลเห็นงาม ไม่มืดบอด รู้รัก รู้ให้ รู้ห่วงใย
เข้าใจอดทนต่อความเป็นไป ผันแปร
ไม่แน่ไม่นอนของโลกที่หมุนวน
ยอกย้อนลวงหลอนหลอกใจ ให้มากบทเรียน
มากประสบการณ์สอนใจฝากจำจด..
เริ่มรุ่ง.....
ที่รู้ค่าการมีชีวิต ที่ถูกลิขิตมาให้แสนโชคดี
มีดวงตาดวงใจเห็นในธรรมชาติเงียบสงบงาม
มีพลังใจว่าได้เกิดมาในแผ่นดินร่มเย็น
ได้พบพระพุทธศาสนาที่ส่องสว่างนำเส้นทางใจ
ให้แลเห็นในความว่างความพอดี พอดี..
เริ่มรุ่ง.....
ในวันนี้..ขอทุกชีวี คิดแต่เรื่องดี
ให้เรามีพลังสร้างฝันให้เป็นจริง
พบทุกสิ่งที่หวัง
และมีความสุข กับคนดี คนเดียวในดวงใจ..
ขอให้มีใครสักคนนอนเคียงข้างยามเริ่มรุ่ง..
ตราบวันนี้ ตราบชั่วชีวี และชั่วฟ้าดินสลาย...
27 กุมภาพันธ์ 2547 02:04 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=302
แสงดาวรำไรส่องเรียวไผ่เรียวใบไม้
นวลจันทร์ร่ายมนต์หวานม่านเมฆฝัน
แสงตะเกียงริบหรี่ไหวล้องามจันทร์
บทเพลงฝันบรรเลงเพลงนิพพาน...
ม่านฉลุลายนกยูงรำแพนพร่าง
พลิ้วเรื่อรางรับอุษาราตรีผ่าน
ใจดวงน้อยลอยละลิ่วอนันตกาล
นวลใจหวานว่างห่มพรมพร่างรับ...
เด็ดดอกไม้รายรอบบ้านหอมกว่าหอม
ค่อยค่อยน้อมค่อยค่อยดมน้ำค้างจับ
ดวงใจเอ๋ยหนาวใจเอยเดือนลาลับ
พราวระยับเรียวน้ำค้างพร่างกลางใจ...
นั่นพุดซ้อนซ่อนดอกพราวราวซ่อนรัก
แก้วพ้อภักดิ์ร่วงพราวกราวกิ่งไหว
กล้วยห้อยหวีนับไม่ถ้วนแล้วดวงใจ
รอคนไกลกลับมารอท่ารอ...
วาสนาไร้ดอกดูออกเหงา
กุหลาบเฉากลีบช้ำพลันพร่างพ้อ
จำปีเอ๋ยยืนต้นเฉยทนเฝ้ารอ
กี่ปีหนอรอรับขวัญมั่นสัญญา..
ใจดวงขวัญรอวันคืนเรือนรับ
จูบประทับริมเรียวแก้มเสน่หา
แล้วจะเว้าจะวอนอ้อนดวงใจทุกเวลา
อย่าพรากลาอย่าพรากใจไปอีกนะ..!
********
ทุกยามอุษาสวรรค์
ฝันแสนดีมาเยือน
จะนอนลืมตานิ่งนิ่งทิ้งทอดใจถอดใจ
ดูเรียวใบไม้เรียวจำปี
กับฟ้าที่ยังดูสลัวสลัวเลือนราง
ให้ใจดวงงามนิ่งงันพอกัน...
ได้ยินเสียงไก่ขัน
ดุเหว่าแว่ว..
แผ่วหวานผ่านพรมมากับสายลมระรินระริน
อวลกลิ่นดอกไม้ไทยที่ยังสัตย์ซื่อ
ส่งกลิ่นหอมหอมหลอมละลายใจ..ในทุกวันมา..
หลับตาลง......
ในฝัน..
ดวงกำลังนอนในเรือนรับขวัญ
ที่พุดพัดชาเพิ่งรจนา
ในม่านมุ้งขาวปลิวพะเยิบพะยาบ
ตามวูบไหวสายลมรำเพย..
ท่ามกลางแสงดาวส่องหวานผ่านเรียวไผ่เรียวใบไม้รำไรรำไร
ท่ามกลางแสงตะเกียวริบหรี่วูบไหววูบไหวที่หัวนอน..
ท่ามกลางหมอน ม่านลินินขาวฉลุลายนกยูงรำแพน...
พลันได้ยินเสียงเพลงบรรเลง..
ชุด*ริมฝั่งน้ำเนรัญชรา*
ตามมาด้วย*นิพพาน*
คลอแผ่วแว่วหวานล้ำลึกฝึกสมาธิ...
อยากหนีทั้งโลกจริงและโลกฝัน
ไปนอนไกวเปลโอ้ละเห่ที่ไหนสักแห่งที่งามสงบ
ค้นพบจิตวิญญาณแห่งการไร้ร่างว่างจากมนต์มายา
แต่ทว่าก็ยังต้องทนทำหน้าที่รจนาฝันฝันฝัน
ในวันนี้..เสียให้พอให้หนำใจ
ดวงจึงฝันว่า..ลงไปตัดดอกไม้
หรือไม่ก็พายเรือไปเก็บดอกบัวชูช่อรออรุณในบึงกว้าง
ธรรมชาติหวานเศร้าคลุกเคล้าเคียงดินถวิลไพร
แบบงานงามในดวงใจพุดพัดชา..รจนา
และดวงสาวเหว่ว้า
ก็พายเรือกลับมาเหมือนพระเอกพร้อมดอกบัวเต็มลำ..
ดวงคงลงมือหุงข้าว..ในครัวล่าง..ริมนา
ที่จะมองเห็นฟ้ากำลังเล่นแสงสีแปรแสงสวย
ราวเวทีธรรมชาติ สวยบาดใจสวยขาดใจ..
ดวงค่อยๆแขวนตะเกียง..ไว้
แล้วจุดเตาถ่าน..รอให้คุดี
ก็จะใช้หม้อดินหุงข้าวไร่หอมหอม
รอรับน้ำข้าวไว้ดื่มอุดมวิตามิน
ดวงได้ยินเสียงแม่ไก่พาลูกเจี๊ยบคุ้ยหาเหยื่อ
ดวงลงไปเก็บผักริมรั้วริมบึง..
เก็บไข่จากเล้าเต็มตะกร้าสานงาม
มาทำกับข้าว..
และจัดสำรับกับข้าวคาวหวานช้าช้า
ละมุนละม่อม
ลงมือพับจับจีบจัดดอกบัวบรรจงงาม..จับตา..
แล้วเข้าเรือน..
ไปนั่งแต่งตัวหน้าคันฉ่องโบราณ
มุ่นมวยผมงาม..
พันทบตลบรัด
ด้วยมาลัยดวงดอกตูมตั้งของมะลิซ้อนมะลิลา
ห้อยเสน่หาด้วยดวงดอกพุดซ้อนแสนอรชรอ่อนหวาน..
ใส่เสื้อผ้าไหมบางเบา
สีทองผ่องผุด
ขับผิวสีงาช้างพิลาสพิไล
คล้ายชุดกิโมโน
คลุมทับผ้าถุงทอเชิงชายลายน้ำไหล ผืนงาม
รัดเรียวแขนงามด้วยกำไลเงินลายละมุนละเมียด
*ผีเสื้อกับดอกไม้*
แสนอ่อนหวานนุ่ม..นวล..
ราวแม่มณีจันทร์ในฝันในหนังทวิภพ..
ที่มิรู้จบ..จับใจ..กลับมาอีกครารอท่าดูในวันนี้...!!..
***********
..
อ้าว..เอ๊ะ!..ลืมตาตื่น
ทำไมเรายังนอนที่นี่
มิใช่เรือนไทยสักกะหน่อย..เลย
ใจเอ๋ยใจ..ไยฝันไกลฝันค้าง
อ้างว้างตามเรื่องรักรจนาภาษางาม
ตามอินตามใจตามไปกับ
นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง
อ้างว้างว้าเหว่ใจอย่างพุดพัดชา
ทำไมเป็นฉะนั้นฉะนี้ไฉนหนอ..
ลืมตาตื่น..ดีกว่า
ว่าแล้ว
ก็ลงมากดคอมคลิ๊ก
ยุ๊กยิ๊กหาภาพดวงใจในฝัน
มาดูมาแกล้มประกอบฟังเพลงเศร้า..
แล้วไยเล่าเราถึงอยากร้องไห้
ช่างได้อารมณ์เป็นยิ่งนัก..
ทำไมหนอทำไมนี่..เขาคนนี้
ถึงหน้าไม่ตลกเลยเล่าเจ้าดวงใจเอ๋ยนะเจ้าเอย
น้ำตาเราเลยซึมซึ้งคะนึงหา
เลยเดิน..
ไปเด็ดดอกไม้ริมชายคามาแซมผม
มาดอมดมพรมจูบแทน
มาจัดมาวางแบบนางเอกพุดพัดชา
ท่าจะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
ให้พร่างสดหอมกระจ่างสว่างใจไปทั้งวี่ทั้งวัน
..
สักพัก..
เพื่อน..โทรมา..จะแวะหา..
เอาเงินที่ยืมสามสิบพันมาคืนซะที
โอ้..ว่าแสนดีใจ..
อ้าว..แล้วนี่มันเงินใคร..ก็เงินเราเอง..
ที่เรากริ่งเกรงจะหายไปไม่ได้คืน
เลยชื่นใจแบบตลกๆ..
แถม..สดชื่นได้ดอกเบี้ย
เป็นสเต๊กปลาอาหารมื้อกลางวัน
ที่เพื่อนขมีขมันเป็นเจ้ามือ...
และรางวัลใจ..ในวันนี้คือ
ได้แชทกับคนไกล
ที่ครีฟแลนด์แดนดินแห่งความฝัน
ที่เขายังหลงขวัญฝันหนักแน่น
มั่นคงซื่อตรงในรักแท้มิแพ้ใจมิพ่ายระยะทาง..
ที่แสนห่างหลายพันไมล์..
*****
และนี่คือที่มาของบทกลอนรัก
จากกระวีกระวาดนี้นะวันนี้
ที่บางคน..*อิน*มาก
ชอบยัดเยียดฝากให้รับบทรัก
แบบไม่รู้ใจรู้จัก โลกจริงเรื่องจริง ในชีวิต
เอาแต่อิงนิยายท่าเดียวเลยค่ะ..นะคะ
25 กุมภาพันธ์ 2547 22:07 น.
พุด
ผม...ตัดสินใจ
ซื้อที่ดินผืนนาร้างว่างเปล่านี้
ที่ผมดั้นด้นค้นหามายาวนานนัก
หลังจากเพียรพยายามตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
ทำหน้าที่ทางโลกอย่างดีที่สุดเป็นเวลาหลายแรมปี
เงินที่ผมถนอมออมเก็บกำมา เกือบตลอดทั้งชีวิต
เพื่อนำมาก่อฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง..สร้าง
*วิมานกระท่อมทับเรือนไทย*
เป็นรังรักอาณาจักรใจ ในจินตนาการ
ริมบึงบัวสล้างที่กำลังกระจ่างใจเป็นจริง
ให้หยาดน้ำตาผมรินร่วงด้วยภาคภูมิใจ
ตรงหน้าผมนี้แล้ว...
เรือนไม้เรียบงามสงบสันโดษ
ในท่ามกลางธรรมชาติพันธุ์ไม้ไทยดอกหอมพร่าง
แตกช่อสล้างพราว ขาวนวลหอมหวาน
รับอรุณยามเช้าอย่างสดชื่นระรื่นร่ำ ละออตาละออใจ
มีชานเรือนตรงกลาง
ให้นอนนับดาวเคล้ากลิ่นลำดวนดง
กับ การะเวก พุดซ้อน ปีบหอมพร่างกระจ่างใจ
พรรณไม้ไทยไหวกิ่งฝันนานา
เรือนไทยหลังน้อยของผม
สงบงาม ด้วยทางเดินร่มรื่น
ผ่านผืนนาร้างห่างเมือง
ผ่านหมู่บ้าน
เข้าทางถนนสายขรุขระ
ที่แสนมีเสน่ห์งามสำหรับดวงตาดวงใจผมนี้
ที่เห็นแง่งามมิตามโลกตามใคร
มิตามศิวิไลซ์เจริญรุ่งแบบกรุงกรงกักขัง
เส้นทางสายสวยสงบ
ที่จะพบแต่ความงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ
ท่ามกลางดงดอกหญ้าระบัดไกวไหวเอนอ่อน..
อ้อนสายลมเย็นย่ำยามตะวันรอน
ห่างแสงสีเทคโนโลยี่ฉับไว แสนจะไกลปืนเที่ยง
เพียงผ่านบานประตู
ไม้ไผ่สานละเอียดเก่าคร่ำเข้ามา
ที่ผมแค่ใช้กั้นอาณาเขต
*บ้านภายในกับโลกภายนอก*
เหมือนราวพบโลกทวิภพ..
มาพบโลกอดีตที่รินร่ำฉ่ำเย็น
แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชะอุ่มงาม
ใสพร่างหอมพรายนานาพรรณ...พฤกษ์
เรือนไม้ชั้นเดียว...
เป็นเรือนฝันสวรรค์เสก
กลางดงไม้ไทยร่มครึ้ม
ที่ด้านหนึ่ง
มีทางเดินลงสู่นาข้าว
พราวละมุนไกลกรุ่นสุดลูกหูลูกตา
ในนาที่กำลังออกรวงเรียวสีทองผ่องผุด
รอฤดูกาลเก็บเกี่ยวรอเคียวคม
ที่ผมอนุญาติให้ชาวนามาใช้พื้นที่
ช่วยหว่านเพาะปลูกหวัง
หว่านหวานฝัน อันบรรเจิดใจ
ปลุกปลูกจิตวิญญาณไพรพร้อมๆไปด้วยกัน
ผมชอบสวรรค์เสน่หาวันที่ข้าวกล้าระบัดไหว
ใน*ทุ่งรวงทองปองฝัน*ของผมนานมา
หวัง...
ยามอ่อนล้า ได้พาร่างใจ ลงไปคลุกโคลนเลน
เที่ยวท่องตามท้องร่องของกอข้าวเขียวขจีที่ไสวพร่าง
ริมนา มีต้นตาล
ที่ผมปลูกไว้ราวชะลอฉากมนต์รักลูกทุ่ง
อันหอมกรุ่นในสำนึกลึกล้ำ..ให้คืนหลังกลับมา..
อีกคราอีกครั้งดั่งภาพฝัน
ยามผมฟังที่ผมนั้นอึ้งอั้นต้องมนตรา
ในบทเพลงเสน่หา*มนต์รักลูกทุ่ง*
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3102
มนต์รักลูกทุ่ง
ละครทีวี : : Key G
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน
หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
และ
ผมปลูกผักนานา ไว้เก็บกินได้
ไร้สารพิษ
ผักบุ้ง ผักลิ้น กระถิน โสนเหลืองทองอร่าม
งามพราวพิลาสพิไลแถมเก็บไปกินได้ด้วย
พืชผักสวนครัวริมรั้วริมบึง
ข่า ตะไคร่ ฟักแฟงแตงร้านแตงกวา
ถั่วฟักยาว กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง สล้างเสลา
เคียงกันมีขนำนาเถียงนา ไว้มานอนรำพึงรำพัน
มองสวรรค์กลางดิน
มองรวงเรียวเขียวไพลเขียวพร่าง
ไสวสว่างกระจ่างใจ
ด้วยเรียวรวงสีทองราวคลื่นลอนระบัดพัดโบก
ราวผืนผ้าไหมยามลมไหวเป็นระริ้วพลิ้วระลอก
ไล่ละหลั่นสะบัดฝันเรียวรวงรอง
ผักก็งามทั่วท้องร่อง ริมบึงหนองริมท้องนา
กบเขียด อึ้งอ่างร้องอึงคนึงเคล้าคลึง
เถียงกันท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำจั๊กๆ
พรั่กพรั่กพร่างพรมลงบนรวงเรียว
จนเอนค้อมน้อมหนักลงแทบเคลียดิน
รวงงามราวนวลเนื้อนวลใจ
ราวกลีบดอกไม้พิสุทธ์ใสกลางกลีบใจ
ของนวลน้องนวลนางกลางไพรแม่สาวบ้านนา..
ผม..ชอบมานอนเหว่ว้า
อ้างว้าง ว่างใจ วางใจ ปลดปล่อยใจ
รินร่ำรับงามฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ
ฟังเพลงหวานแว่วจากวิทยุทรานซิสเตอร์
ละเมอหารักพ้อเพ้อละเมอใจหาสาวนา
ฟังบทเพลงธรรมชาติเหว่ว้ารายรอบริมบึงถึงริมใจ
ไหวหวามรำพึงคะนึงครวญหวนไห้ตาม
ให้ฝันให้ได้กลิ่นบรรยากาศของท้องทุ่งรวงทอง
ที่ยังรักกันแบบผ่องผุดพิสุทธิ์ใจราว*ขวัญ เรียม*
ในตำนานเที่ยวท่องล่องพงไพร
มิหลงแสงสี
มีเพียงแสงไต้ ยามราตรียามเข้าไต้เข้าไฟ
มีเพียงแสงตะเกียงลานดวงหวานริบหรี่วูบไหว
ให้ใจดวงหวาน หวามงาม พอกัน
..
บางค่ำคืน..
ผมจะมานอนฟังฝันฟังฝนทั้งคืน กลางเถียงนา
ดูสายฝนเหว่ว้ากระหน่ำลงมากลางนากลางใจ
ให้ไหวหวั่นฝันสะเทือนพอกัน
ดูสายฝนพรายพลิ้วละลิ่วโลมไล้ท้องนา
งามละลิบละลานตา
ดั่งสายหมอกสายเหมยสายไหม
ในทุ่งทิพย์รวงทอง
เรืองรองผืนนากับฟ้าพร่างพรม
ราวหยาดน้ำตาระทมร่วงพราวจากนางฟ้าใจดี
ที่งามเย็นทรวงร่วงให้รวงรับหยาดสายพรายพลิ้ว
และ
ยามใดที่ผมได้คลุกโคลนเลน
กลั้วกอดกลิ้งกับวัว ควาย
ที่เคยมากับกายใจในยามวัยเยาว์จนให้ใจถวิลหา..
*จะพาเกิดก่องามนิ่ม งามนวล ในเนื้อใจ*ผมนี้
ที่ราวกับว่า..เป็นหนึ่งเดียวกับชีวาชีวิตผมเลยทีเดียว
***********
*****
เรือนไทยของผมเป็นเรือนชั้นเดียว ยกสูง
ปล่อยลานโล่งไว้เสพทัศนียภาพรายรอบทิศทาง
ที่งดงามหวามหอม
ที่รายล้อมรอบ
ราวฉากฝันสวรรค์ลอยให้ลืมโลกจริง
ที่นับวันยิ่งแสนสับสนทุรนทุรายวายวุ่นขึ้นทุกทีทุกที..
******
ผม...
เพียรสร้าง..เรือนใจเรือนไทยเรือนในฝัน
ผสมผสานงานงามกับช่างภูมิปัญญาไทยพื้นถิ่น
วาดหวังให้เป็นวิมานดินเรือนรังรัก
ที่ผมระดมดวงใจรักจิตวิญญาณงามง่าย
หวังฝังฝากร่างไว้พบสุขสงบงามยามบั้นปลาย
ได้พิงพักใจตราบลมหายใจสุดท้าย
ที่แสนดายเดียวชั่วชีวาชีวิตผม
เครื่องเรือนน้อยชิ้น
ผม...มีเพียงเตียงไม้สี่เสาแบบโบราณ
ที่ผมเพียรเลื่อยไม้สร้างด้วยสองมือของผมเอง
แค่ผมพอนอนได้ มุ้งไว้ใช้แค่ กันยุง
เพราะเรือนโล่งจะเปิดหน้าต่างยันรุ่งอยู่แล้ว
เพื่อรอรับหยาดหวานกลิ่นกรุ่น
ไม้ดอกรำเพยเผยหอมหวานผ่านพร่างเข้ามา
***
ผม..ชอบนอนฟังเสียงสายฝนเฉียบเย็น
เต้นระบำบนเรียวใบไม้และปลายหญ้า
ผมชอบนอนนิ่งทิ้งใจดูจันทร์เพ็ญดวงหวาน
หว่านสายแสงกระจ่างสว่างไสว
ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้าที่อ้างว้างดายเดียว
ดูดาวพราวฟ้ากว้าง..ดาวประจำใจประจำเมือง
ดูดอกคูนเหลืองพราวไสวราวสายฝนสีทอง
ผ่องนวลกลางแสงจันทร์
ดวงดอกลดาวัลย์พันเลื้อยเถาริมรั้ว
กอสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน
ก้านกลีบลำดวนดง..ปีบปลิดโปรยลงพร่างพื้นพรมพร่าง
ในท่ามกลางแสงตะเกียงรำไรริบหรี่
กับ
ราตรีในวสันตฤดู
คลอเคลียคู่ใจ
แสนเศร้าหนาวในนานนัก
กับแสงเทียนแท่งหอม
ที่ผมชอบเพราะถูกหลอมให้รับรินรสหอมสดนี้
มาจากยอดดวงใจในจิตวิญญาณรักวิญญาณฝันของผม
คนดี..ที่นะนาทีนี้
เธอสถิตทอดทับไปทุกที่
ทั้งกลางใจในฤดีนี้ที่อบร่ำพร่ำรักเธอเพียงผู้เดียว
ที่ถึงแม้นผมจะละเมอเพ้อหาสักเท่าไร
เธอคงไม่รับรู้รับฟังแล้วในวันนี้
พร้อมกับที่ดวงใจฝันผมเลิกหวังเลิกเจ็บปวด
ผม..ฉลาดพอที่จะขอถอดใจ
เก็บจิตวิญญาณรักนั้นไว้
และให้เป็นกลายกลับเป็นเพียงความทรงจำ
ที่งดงามหวานหอม
ให้ใสส่องสว่างนำทางใจเส้นทางใจไฟฝัน
ให้ผมเพียรไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่มิท้อใจมิรอลา
ให้ผมทำสิ่งดีงามสานฝัน
ที่เธอหวังวาดให้เป็นจริงแทนเธอ
เธอ...
คนที่ผมแสนรัก
และเรียนรู้การหักใจทำใจมิไหวครวญ
ให้ผมรู้หยุด หวนไห้
เมื่อเธอได้ฝากบทเรียนรักบทเรียนใจ
ให้ไหวรับตั้งรับกับสายธารธรรม
มาน้อมนำใจให้ใสพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้าง
ให้รู้รัก รู้วาง รู้ว่าง และรู้ภาวนา
ให้มีสติมีปัญญาเลิกว่ายวน
หลงวงกรรม
ที่จะน้อมนำรัดรึงใจมิให้ใสว่าง
มิให้หลุดพ้นเกมกลเกมกาม
ที่ลามไหม้แผดเผาร่างใจ หากมิรู้ทันรู้เท่า
เฝ้าถาใส่ราวแมลงเม่าลงในกองไฟรัก
ที่แสนทุกข์หนักทุกข์ใจเสียไม่มี
เธอ..
ฝากพร่างใส
ราวเรียวแดดสวย
ราวดวงตะวันจันทราเอื้อโอบหล้า
เหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า
ที่เธอ..
กระซิบบอกว่า
จะนำทางผมไปสู่ฝั่งฝัน
ดินแดนนิรันดร์อันงามเงียบ
ที่รออยู่ที่แสนไกลในโพ้นฟ้า
ผมถึงมีฝัน..
และฟันฝ่า
มาสร้างรังรักพักใจ
นะเรือนไทยแห่งนี้ไว้ฝันฝากใจ
ตามหัวใจดวงงามยามสงบ
ที่ผมพบความรำงับได้จากรักที่แสนดีงาม
บัดนี้ความฝันทุกสิ่งในใจในวัยเยาว์ผม
ผมได้นำกลับมาทั้งสิ้นทั้งหมดตามมโนนึกแล้ว
และ
ด้านหน้าเรือนรักนั้นเพื่อสนองฝันสล้าง
ผมได้ใช้รถแบคโฮ มาไถขุดบึงกว้างเวิ้งว้างไกลสุดตา
ให้คนงานชาวนาปรับสภาพน้ำ
ลงบัวสล้างหลากสีสัน
ปล่อยปลานานาพันธุ์ มากมีมากมาย
และรายรอบริมบึงบัวนั้น
ผม..เก็บพันธุ์ไม้น้ำ ต้นเก่าไว้ ให้งามร่มรึมบึง
คล้า จิก ไทร ไหวกิ่งฝัน
ทิ้งดอกพลันพรึบพร่างหว่านหวาน
กลางสายน้ำสายชลร่ำแสนฉ่ำเย็น
ผม...
สร้างสะพานเล็กๆทอดตัวจากลานบ้าน
เป็นดั่งสะพานรักดั่งสะพานฝัน
ลดเลี้ยวทอดลง ตรงกลางบึงบัว
คลอเคลียขนาบข้างด้วยกอกก
แตกยอดชูช่อล้อลมไสวรำเพย
ที่ปลายสะพาน..
ผมจะผูกเรือมาดลำน้อยไว้
ที่ผมชอบอาศัยพายอ้อยสร้อย
ในยามเช้าเย็น
ยามเช้า...
ผมชอบพายไปเฝ้ารอ รับอรุณอ่อนอุ่น
ดวงแดงโดดใหญ่ราวกระด้งฝัดข้าว
ที่งามดายเดียว
รับสายหมอกหยอกเมฆละมุนงาม
เป็นงามอาทิตย์ในฤดูหนาวหม่น
ผม..จะฟังเสียง
นกไพรผกโผผินบินออกจากรวงรังรัก...หาเหยื่อ
ฟังเสียงปลากระโดดผึงงับเหยื่อ เหนือสายน้ำ
เห็นเกล็ดขาววะวาววับสะท้อนรับแดดอ่อนอ่อนอุ่นสีทอง
ดู..เรียวบัว กางออกหยอกพร่าง
น้ำค้างกลิ้งราวเพชรรุ้งพราย
ค่อยๆกระจายหายวับไปกับเรียวแดดละอออุ่น..
ยามเย็น..
ตะวันลา
ผมจะพายเรือมาเก็บบัวบานไปถวายพระ
และนาทีนั้น
หัวใจผมจะฝันพร่างสว่างใจกลางบึงบัวหลากสีนั้น
ดั่งภาพฝัน ในนิมิตร..
ราวโลกรายรอบอ้างว้าง ไม่มีใคร
แสนสงบเงียบงัน
เหมือนผมหลงเข้าไปในแดนสวรรค์สุขาวดี
ที่มีเพียงผมและความว่างเปล่า
กับเงางามของดวงดอกบัวชูช่อโผล่กอพ้นน้ำ
ที่งามสดสว่างไสวพ้นโคลนเลน เต่าตมจมใต้น้ำ
ผม...จะค่อยๆเอนตัวระนาบกับกราบเรือรับพร่างพรม
ดอมดมหอมกลีบพร่างกลางเกสรบัว
รับฉ่ำงาม..
ของสายลมสายน้ำ..
ที่แสนงามเงียบฉ่ำเย็น
สงบซึ้งถึงดื่มด่ำล้ำลึกในดวงใจในเนื้อใจ
ราวสายธารธรรม..ธรรมชาติ วาดเวิ้งใจ
ให้ไหลเข้าสู่ห้วงหอมอนันตกาลอันหวานกว่าหวาน
หอมกว่าหอม
ฉ่ำๆลึกๆนึกนึกล้ำ..รำงับระกำ
เหลือเพียงความว่างใจ..แทนที่ใจ..
ดวงใจดวงวิญญาณผม
ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียวกับมวลสรรพสิ่ง
มีเพียงใจดวงนิ่ง หลอมรับงาม
จากดนตรีธรรมชาติ
จากเสียงนกไพรภายนอก
ที่ยังร้องบอกราวย้ำเตือนว่า..
ผมยังมีชีพนี้ ยังมีดวงชีวีชีวา
ยังมีลมหายใจ
มิได้หลุดพ้นหลุดลอยไปไหน
และทุกห้อมหอมห้วงในดวงใจ
ยังเวียนวนไม่พ้นดงกรรม
ในโลกอันแสนวายวุ่นสับสนนี้
ทั้งๆที่...หัวใจดวงดี
ดวงแสนงามของผมนี้
หยุดครวญคร่ำพิร่ำพิไร มานานนักแล้ว
และผม..
หยุดพักวางทุกเรื่องราวรัก
มิว่าเศร้าหรือสุข ไว้ภายนอกร่างใจ
มิรับขยะใจใดใดให้มาทำร้ายกรายกล้ำ
เหลือเพียงจิตวิญญาณงามล้ำตามวิถี
เพราะใจดวงนี้
ได้ดำรงร่างทำหน้าที่ทางโลกมานานพอแล้ว
ชีวีที่เหลือ..
ขอพิงพักธรรมชาติงาม
สรรสร้างรจนาฝัน
ตามใจหนึ่งนี้
ที่คงเหลือคืนฝันวันหวานแสนสั้นคืนสู่โลกไม่นาน
..
ให้ดวงใจได้คืนงามนามธรรมะ
คุ้มครองใจคุ้มครองโลก
ลบโศกสุขทุกวิถีแด่ทุกผู้คน
ทั้งกับเรานี้
และ
กับผองเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นทุกคนด้วยเถิดนะ
ก็คงประเสริฐพอ
ที่ได้มาก่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้โชคดี
ได้มาพบพระพุทธศาสนา
มีดวงชีวีที่เพียรให้น้ำใจรัก
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
มิสิ้นหวัง สิ้นหวาน
ที่เพียรพยายามค้นหา
เส้นทางใจเส้นทางจิตวิญญาณ
พราวพร่างผ่องผุดพิสุทธิใจพิสุทธิ์งาม...
*****
ท่ามกลางสนธยาฟ้ามืด..
ผม...
ได้ยินเสียงระรินหลั่งของสายฝนพร่าง
ลงกลางบึงบัวงาม
ในยามวสันต์ลาฟ้าสะเทือน ในบางคืนค่ำ
ร่างกายและเนื้อใจผมราวดอกไม้สยายกลีบ
รับหยาดละออละอองของหยาดน้ำตานางฟ้าผู้แสนใจดี
ที่แสนมีเมตตากำลังพร่างสายละหลั่งริน ห่มว่าง
ให้ยิ่งดายเดียวเปลี่ยวเหงา
งามเงียบ...หนาวซ้ำ..ตอกย้ำใจ
ผมแหงนเงยหน้าท้าหยาดฝน ลมบน
กอบัวไหวเอนลู่ลม
พระพิรุณกำลังพร่างพรมห่มชะตาโลกสะเทือน
น่าแปลกที่หยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
กำลังพร่างสายด้วยปิติ
หลอมละลายหายไปกับสายวสันต์ลา
ทิ้งโลกโศกสะเทือนเศร้า
ทิ้งหยาดน้ำตาไว้เบื้องหลัง
***
ผมค่อยๆพายเรือช้าช้า
กลับเรือนรัง..
เสมือนดั่งนกไพรกลับรังรวง...เดิม..ดายเดียว!
**************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=314
บ้านเรา
สุเทพ วงศ์กำแหง : : Key Ab
บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
24 กุมภาพันธ์ 2547 00:17 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2088
ฉัน..
เป็นลูกสาวคนกลาง
พี่สาวสองน้องชายสี่.
และทุกสิ่งที่มี
ก็เพียบพร้อม
ทั้งความรัก ความอบอุ่นใจ
ไม่เคยรู้จักคำว่าขาด.....
นอกจากแม่ให้ชีวิต
ยังสอนให้มีจิตวิญญาน คิดดี คิดเป็น เห็นงาม
ในความเป็นไปของชีวิต.....
วันเกิดทุกปี
นอกจากสอนให้ ตั้งใจทำดี
มีความกตัญญู รู้บุญคุณ
ของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ที่เราคนไทยทุกคนควรเทิดทูน
แม่ยังพาไปวัด ทำบุญตักบาตร
และยังให้กราบขอพรต่อสิ่งศักสิทธิ์
ต่อแม่พ่อ ต่อแผ่นดิน นี้
ที่ให้เราได้เกิดมา รู้คุณค่าของ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ไม่หลงลืมละเลย....
และ....ที่สำคัญ...
ให้รู้จักแบ่งปัน เป็นผู้ให้
แก่ผู้ยากไร้ ทุกข์ทน คนร่วมแผ่นดิน
วันเกิด ปีที่ฉันประทับใจ..
คือการได้ไปเลี้ยงอาหารเด็กพิการบ้านปากเกร็ด....
ในความทรงจำ.....
เด็กพิการ ทุกรูปแบบ
ที่แทบทำให้ใจฉันร้องไห้....ได้สำนึก
ถึงความโชคดี
ที่ฉันนี้ มีทุกสิ่ง สมบูรณ์...ทั้งร่างกาย จิตใจ
และอยากฝากใจบอกทุกดวงใจ..ทุกๆคน
ที่ชีวีนี้ยังสมบูรณ์พูนสุข
แล้วยังคิดว่า
ยังมีโชคร้ายกรายกล้ำ
ไม่สมหวังดั่งใจไปเสียหมด ในทุกสิ่ง
ได้ตระหนักว่า...
เรานี้หนา....โชคดีนัก
ที่เกิดมาครบถ้วน
มีดวงตางาม ไว้มองโลกสวยใสให้ใจแสนสุข
มีดวงใจแสนงาม ให้ตามหาฝัน วันแสนดีของชีวิต
มีดวงจิต ให้สร้างรัก เข้มแข็ง อบอุ่นตามแต่ใจจะไขว่คว้า
มีสองขา พาให้ก้าวเดินไป พบโลกกว้างอย่างไม่สิ้นหวัง
วันคล้ายวันเกิด มีทุกปี
ที่เรามีสุข ได้เฉลิมฉลอง
หมดเปลืองเงินทองกันมากมาย
จงจักเสียสละ....สักปี
มามองชีวี และเข้าใจผู้ยากไร้
พิการทั้งกายใจในวันนี้ ที่ยังมากมี
ในแผ่นดินเดียวกันกับเรา.....
และ
ยังเฝ้ารอรับรัก อบอุ่นใจ ในไมตรี
ที่เราจะหยิบยื่นแบ่งปัน
แม้เพียงน้อยนิด...ไม่สิ้นแล้งน้ำใจ แก่กัน......
น้ำตาฉันหยาดหยด
เมื่อได้พบกับภาพ ในวันเกิด
ที่ฉันได้นำมาสอนใจ ในยามท้อแท้
เดียวดายไร้หวัง ให้ได้ย้ำสำนึก...ตรึกตรอง.....
กับผู้ไม่ยอมแพ้พ่ายแม้กายใจไม่สมบูรณ์เหมือนเรา
น้ำใจ...ฉัน..รินรด อยากหยดให้ ใจทุกดวง
ที่ว้าเหว่ เดียวดาย มากมาย ที่ได้พบเห็น....
เสียงเพลงขอบคุณอวยพร...
ให้เราคนดี ที่มีครบถ้วน
จากดวงใจใสเย็นของผู้ขาดไร้.....
ยิ่งทำให้ทำนบน้ำตาจากใจ ไหลริน
ด้วยความซาบซึ้ง......สุดทน...
คนดี..บทความนี้
ฉันขออุทิศ ให้เด็กทุกคน
ที่มืดมน ไม่สมบูรณ์เพียงกายและดวงตา
หาใช่จิตวิญญานไม่......
ขออุทิศ....
ให้กับใจดวงดีที่ไม่ยอมแพ้พ่าย......
และ
หวังเพียงให้ เราทุกคน
ที่โชคดี มีวันเกิด ได้รับรู้ว่า
เราโชคดีที่ยังมีแม่พ่อ ญาติมิตรเคียงกาย
ได้จัดงานสราญใจ....
จงอย่ารีรอ....แบ่งปัน ฝันดีๆ เพียงสักนิด
ให้แก่ทุกชีวิตบนผืนดินนี้
ที่ยังยากไร้ และทุกข์ทน เพื่อเพาะบ่ม....
รู้คืนกลับ ให้กับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก
ที่ยังโศกเศร้า อีกมากมี นะคนดีนะดวงใจ!
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2088
อย่ายอมแพ้
อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ : : Key D
หาก วันนี้ เรา ล้มลง
ยังคง ลุกขึ้น ได้ใหม่
ยังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้ม สดใส
ก้าวไป อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว
พร้อมทนทุกข์หมองหม่น
ผจญ ความมืดหมองมัว
ไม่กลัว จะฝันถึง วันใหม่
หากวันใดอ่อนแอ
ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง
ปัญหา แม้จะหนัก
ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าวไป
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง
หากวันใดอ่อนแอ
ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง
ปัญหา แม้จะหนัก
ก็คง ไม่เกินกำลัง
อย่าหยุดยั้ง ก้าว ไป
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง...