15 สิงหาคม 2546 21:38 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=138
เพลงไพร...
ปลูกกระท่อมกลางไพรฟังเพลงฝน
พิรุณหล่นพร่างพรายชายคาจาก
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนฟังฝนพราก
จูบแก้มสากหอมหอมหลอมละลาย
วิมานไพรติดดินถวิลหวัง
ขอคืนหลังฝังฝากใจไม่ห่างหาย
นานนิรันดร์หลับฝันดีมิเคลื่อนคลาย
งามเรียบง่ายใช้ชีวิตที่ติดดิน
ปลูกดาวรุ้งรุ่งเต็มลานหวานดอกรัก
ช่อฟูมฟักรักบานชื่นคืนถวิล
มีสวนครัวผักริมรั้วให้เก็บกิน
ยอดกระถินฟักแฟงแตงลูกยาว
เอื้อมมือเด็ดผักและดอกไม้ใส่ตะกร้า
ฟ้าลับลากลิ่นแกงหอมจากน้องสาว
ทำขนมบัวลอยคอยชิมฝีมือเจ้า
คืนพร่างดาวไม่หนาวใจใครเคลียคลอ
กอราตรีริมชานเรือนอวลกลิ่นร่ำ
พิไรร่ำลำดวนดงหลงใครหนอ
จูบเรือนผมคลี่สไบบัวไหวรอ
เจ้าตัดพ้อคลอเพลงครวญรัญจวนใจ
เป็นความรักเรียบง่ายไร้แสงสี
มีคนดีคอยอ้อนใจให้หวามไหว
โลกเงียบงามยามเราสองแลกร่างใจ
ตำนานไพรตำนานรักภักดิ์ทุกภพจบด้วยงาม!
เขียนบทกวีบทนี้ในร้านกาแฟค่ะแกล้มกาแฟบราซิลซานโตส
เขียนเขียนไปก็ให้คิดถึงโรนัลโด้..
นะคะเลยนำมาสมมุติเป็นพระเอกแล้วกัน
ในกระท่อมไพรเพลงไพรเพลงฝนเพลงฝันแล้วกัน
แทนความจาบัลย์ที่พบว่าวันนี้ต้นไม้แสนรักถูกตัดเสียเหี้ยนเลยค่ะ
ที่เคยเข้าแถวทายทักพุดพัดชาด้วยจงรักมาทุกทุ๊กวัน..แฮๆๆๆๆๆ
แถมมีใครปลอบใจเก่งชะมัดว่า..ไม่นานมันก็งอกใหม่
โน่นแน่ะ นี่แนะสองปีจะโตเท่าเดิมได้รึปล่าวก็ยังไม่รุเลย..ฮือๆๆๆ
ที่รัก
แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ : : Key Dm
นานแล้วพี่หลงพะวงมิหน่าย
นานแล้วที่หมาย จะได้ภิรมย์
นานแล้วพี่รักคอยจักชื่นชม
นาน แล้ว รักเพียงลมลม ตรมเช้า ค่ำ
ที่รักนะรักเพราะใจมิกล้า
ที่ช้านะช้า มิกล้าเผยคำ
ที่คิดนะคิด กลัวอกจะช้ำ
เอ่ย คำแล้วเจ้าจะทำให้ช้ำใจ
อย่าเหมือนน้ำค้างพราวพร่างใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่ม กิน ได้
พอ รุ่งสางก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจ ได้แต่ ระทมชีวี
ที่รักนะรักเพราะเทพเสริมส่ง
ที่หลงนะหลง เพราะเจ้า แสนดี
ที่หวงนะหวง เพราะสวยอย่างนี้
กลัว ใครเขามาแย่งพี่ ไป เอย
อย่าเหมือนน้ำค้าง พราวพร่าง ใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่ม กิน ได้
พอ รุ่งสางก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจ ได้แต่ ระทมชีวี
ที่รักนะรักเพราะเทพ เสริมส่ง
ที่หลงนะหลง เพราะเจ้าแสนดี
ที่หวงนะหวง เพราะสวย อย่างนี้
กลัว ใครเขามาแย่งพี่ ไป เอย...
15 สิงหาคม 2546 21:13 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=290
ในร้านกาแฟ...
สายน้ำตกระรินไหลจากชายคา พร่างสายลงมายังบึงบัวเล็กๆ
เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงเบาๆคลอเคล้า..
ต้นไม้รายรอบกระท่อมไม้สนเขียวชะอุ่ม
มีเฟิร์นกับหญ้ามอสเกาะคาคบพญาสัตตบรรณสูงเป็นช่อชั้น
กระถางกล้วยไม้สะพรั่งสีสลับดอกดวง แขวนตรงชายคา..
แสงอาทิตย์ยามสนธยา ส่องลงมาทายทักอย่างอบอุ่นอ่อนโยน..
กลิ่นกาแฟ หอมกรุ่น หอมหวานพอกันกับรอยยิ้มเจ้าของร้าน..คละคลุ้งกำจายไปทั่วอาณา
เรือนไม้บ้านไร่กาแฟ ที่พุดพัดชาชอบมานั่งพักพิงเขียนงานงามตามใจฝัน
เธอ..เจ้าของร้านนั้นมีไร่อยู่ที่จังหวัดเลย.
.และคงไม่นานเลย ..จนเกินรอ..
พุดพัดชาวาดหวังว่าจะได้ไปเยือนตามคำเชิญที่มากไมตรี
แสนมีน้ำใจงามนั้น สักวันอย่างแน่นอน...
ในบรรยากาศแสนดี..พุดพัดชาเขียนเรื่องนี้ริมหน้าต่าง ท่ามกลางไม้ไพร
โต๊ะตรงหน้าเป็นกระจกใส ...มองเห็นเมล็ดกาแฟคั่วแล้ว อัดเต็มแน่น เป็นไอเดียงาม
และท่ามกลางแสงเทียน..วับแวม..กับเก้าอี้ไม่สน..ราวกระท่อมไพร แสนโรแมนติก
หากมีหวานใจมานั่งซึ้งซ่านสบตา..หวานฉ่ำเบื้องหลังแก้วกาแฟ ก็คงยิ่งพาฉ่ำชื่นชื่นใจ..ไฉนเลย!
และขอแถมด้วยบทความข้างล่างที่เคยแต่งไว้นานมานะคะ
กาแฟ กาแฟ และกาแฟ...
ฉันชอบกาแฟ...ถามตัวเองหลายหน แล้วว่าด้วยเหตุใด
คงเป็นเพราะ..ทำให้ ใจที่เหี่ยวเฉา คึกคักขึ้นมานะซี... กาแฟ
คิดอีกที หรือฉันชอบ เพราะสีของมัน ที่เข้มข้น
เหมือนชอบคนผิวสี ที่ฉันชอบคิดว่า ดูช่างแสน แฮนซั่ม..ยังไงยังงั้นเลย
เอ๊ะ!..แล้วมันไปกันได้ไหมนี่ ฉงนใจ....
ฉันชอบกาแฟ..ที่แน่แน่ ดื่มทีไร โลกสดใส แสนสดชื่น
แม้บางวัน ใจของฉันจะขมขื่น ฉันก็ดื่มกาแฟ ดับร้อนใจ
กาแฟหอมละมุนลิ้น กลิ่นยวนยั่ว ทั้งที่คั่ว ทั้งที่บดจนเป็นผง
ร้านกาแฟ ทำให้ ได้พบรักกับบางคน..
บางถนน จะมีร้านกาแฟ ที่ชุมนุม..
จะถกเรื่องนายกก็ที่นี่ เรื่องดนตรี เรื่องหัวใจ จิปาถะ...
ร้านกาแฟ เป็นสภาตำบล และหมู่บ้าน
ให้โจษขาน ทุกเรื่อง ว่าโลกเราไปถึงไหน
แล้วอิทธิพล กาแฟ จะไม่มากได้ยังไง เมื่อเดินไปที่ห้างหรู
ก็ยังมีร้านกาแฟ กาแฟ และกาแฟ !
..............
กาแฟ กาแฟ กาแฟ แย่ไม่เอ่ย!
กาแฟ กาแฟ แทนความรัก
ขมใจนัก อดไว้ รอกินหวาน
ถ้าไม่ชอบ รีบเติม รสน้ำตาล
ให้หวานหวาน มันส์มันส์ คงไม่ดี...
รู้รสขม กลมกล่อม ไว้เปรียบกับรสหวาน
รอรักบาน ขมก่อน อย่าเพิ่งหนี
หากมัวหลง น้ำตาล ไม่เข้าที
ไม่นานนี้ ไขมันสูง อุดหัวใจ.....
กลิ่นหอม บริสุทธิ์ ของหญิงสาว
ที่ต้องคาว ขมขม เพราะหวั่นไหว
มีบางคน มาเติมน้ำตาลปลอม ในหัวใจ
หลอกล่อไป วันวัน ฝันค้างคา...
กลิ่นกาแฟ หอมกรุ่น อุ่นไอรัก
ต้องรู้จัก ถนอม คอยห่วงหา
รู้จักเติม หวานวันละนิด ทุกเวลา
กาแฟจ๋า จะอร่อย ต้องคอยคอกาแฟที่เติมเป็น!ทำเป็นให้พอดี้พอดีจ้า!
15 สิงหาคม 2546 09:23 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=387
ราวไพร..กับใจดายเดียว!
แพร..เขียนเรื่องนี้ในราวไพร กับแสงเทียนหวามไหว
กับความไกลห่าง จากโลกแห่งความจริงที่อยากวิ่งหนีวันละหลายๆหน...
ยามเย็น..ตื่นตานิ่งงัน กับอาทิตย์ลับลาฟ้าชมพูอมส้มโศก ใบโตเท่ากระด้ง
กับแบคกราวน์ฉากฟ้าเบื้องหลังสีเทาทึมหม่นมัว
ขับให้อาทิตย์สี้ส้ม..สุกชัดราวกับ
อยากลบรอยเหงาในแววตาของผู้หญิงตรงหน้า
ที่นั่งมองฟ้ายามสายันณ์ อย่างดายเดียว
ด้วยเรียวใจบางบาง ที่ราวจะขาดผึงตามตะวัน.........
ตะวัน..ลาอ้อยอิ่ง..ระระ โรยตัวลงมาในแนวตา ในกรอบใจ
ผ่านยอดไผ่ที่ไหวเอน ต้องลม แวะแวะ..ร่ำลาดอกพราวของสักทอง
ที่ชูช่อชันบานแข่งกัน หอมท้าตะวัน มิให้ปันใจจากลา...
พ้อหารอฟ้ายามอรุณแดดอ่อนอุ่นให้มาแตะแต้มทายทักใหม่ในวันพรุ่ง...
โลก..สุขสงบราวสวรรค์ตรงหน้า
เป็นเงียบงามที่สวยเศร้า บาดใจ..ขาดใจ!
ฟ้าเปลี่ยนสี...
เป็นสีทองอมชมพูพรูส้มอ่อนจางจางบางบางเบาเบา
อมเทานิดนิดคล้ายสวรรค์สรวงสายไหม.
เคล้าบรรยากาศรายรอบด้วยเสียงแห่งไพรพง...
ดงหญ้าอ้อน..รอหยาดน้ำค้าง...
ให้รินรดเร่าร้อนได้ผ่อนพัก..
เสียงนกกากู่หาพากันร้องก้องกังวาน
ประสานเสียงระงม หวานเศร้า ราวรู้ใจผู้หญิงคนนี้
ที่กำลังซบหน้าร่ำไห้ราวสิ้นไร้ตะวันในดวงใจ!
บ้านไร่แสนรัก...ในราวไพร..
ยามที่ใจรอนรอนอ่อนล้าต่อคลื่นที่ถาโถมโหมทับมาปั่นป่วนกวนทะเลใจ
ที่เคยสวยใสสงบงาม ใจดวงที่หวามไหว..
ที่จะรินรดรักด้วยหยาดหยดน้ำใจที่ใสเย็น
ให้แก่ใจทุกดวง ด้วยเหว่ว้าพอกันในโลกฝัน
ในโลกลวงที่พบเจอ เพื่อหยัดยืน...
และคนดี..ในดวงใจ......
ฝันนี้มีเธอเป็นพยานรับรู่คู่ฟ้าดิน..
หวังเราสองนั้น
จะคู่เคียงขวัญวันแสนดีแสนไกลนี้ด้วยกัน..
ไปถึงฝั่งฝันนิรันดร..ทางจิตวิญญาณที่เรานั้นเคยผูกพันกันมาแต่ปางก่อน!..
ช่างเถอะนะ..ถ้าทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปในใจในโลกจริงในวันนี้...
เพราะโลกเรานี้ต้องหมุนไปข้างหน้า
ใช่หมุนกลับราวจับวางได้ดั่งใจ ไฉนเลย..
ขอเพียงท้าทายใจ เดิมพันใจ ให้คงมั่นฝันเป็นจริงในซอกลึก
สุดซึ้งถึงใจของสองเราเป็นพอ..
เทาทึมของเงาราตรี..โรยตัวลงมา ช้าช้า
ราวบอกว่าให้เตรียมตัวรับระทมกับความหมองหม่นมืดดำในยามค่ำคืน..
ดั่งชีวิตเรานี้ ที่บางทีบางวันมองฟ้างามสวยใสด้วยใจที่สุขล้น..
พอยามค่ำใจกลับทุกข์ทนหมองหมาง พรางเศร้า..
ค้นพบสัจจธรรมแห่งฝันค้างรานร้าวที่ยากจะเป็นจริง!...
จนใจแตกระยับไหว ยากหักห้ามใจ ให้เลิกหวั่นหวาด..และหวาดกลัว!
ตำนานนี้..จะแสนดีอยู่ที่ใจ..ใช่!จะใช้ร่างเราลิขิต
แต่จะสว่างอยู่กลางจิต...กลางใจดวงพิเศษพิสุทธิ์..
ที่มีพลังรักพลังฝันเท่าเทียมกัน..
เพื่อหมุนโลกฝันให้ซ้อนทับกลายกลับเป็นโลกจริงไม่ช้านาน..
และหาญกล้าบอกโลกว่า จะตามติดไปถึงภพหน้าถ้ามี...
ธารน้ำ..ระรินเซาะแผ่วผ่าน บ้านของเรากับกาลเวลา
ในยามนี้ที่ราตรี และเวิ้งฟ้าอวลกลิ่นดอกไม้ไทยไหวระรวย
เผยอแย้มบานหวานแย้มรอแต้มหยาดน้ำค้างกลางไพรพฤกษา..
ที่หยาดสายมาโลมไล้ ราวสายน้ำผึ้งพระจันทร์
ในคืนฝันวันอวลสุขเศร้าละไม..ละมุน..
ในคลองฝัน..แพรมีเธอนั้นในอ้อมกอด
กับฟ้าหนาวกับดาวที่ล้อเลียนพริบพราวราวดาวขี้อิจฉา
กับจันทราครึ่งดวง กับบ่วงเสน่หา ที่รัดร้อยใจเราเข้าด้วยกัน..
กับคำพร่ำพลอดระรินรักโลมไล้
ราวดอกสายหยุดที่ไม่เคยหยุดเสน่หา..
ไม่ว่าในยามย่ำสนธยาหรือยามที่ราตรีเงียบงัน
มีเพียงฝันหวาน หวานของสองเรา..
อ้อมพิษสวาท อ้อมรักจะซึ้งค่าแนบแน่นนานเนา
ด้วยใจต่อใจที่ไหวหวาม สะท้านสะเทือนรวมร่าง
รวมรัก รวมหวาน รวมความเข้าใจเพื่อรอแย้มงามบานเบิกรับอรุณ...
กางเต้นท์นอนหนาวรับแสงดาวโลมลูบ รับจูบจากจันทร์
และรับขวัญรับหวานจากมวลหมู่พฤกษ์ไพร
กับใจดวงดายเดียวที่สุขสงบพบทางออก...
ใช่เลย!....ในชีวิตหนึ่งนี้ มีเวลาแสนดี แสนงาม
เป็นความทรงจำกระจ่างใจไม่กี่ครั้งครา..
แล้วไยมาเสียเวลา คาดหวัง..ยึดมั่น
อยากได้ หวงแหน ครอบครอง เป็นเจ้าของ
และคอยตัดพ้อ.. ขอแค่เวลา..กับวันสุขล้ำ..ระหว่างกัน
คอยเกื้อโลกฝัน สร้างสรรสิ่งดีจรรโลงโลกนี้และใจเรา
หวังมิให้รานร้าว รานแยกแหลกยับกับความเสียใจ ...ไปเสียก่อน...นะคนดี
สายธารยังระรินไหล รับรู้ใจคนบนผืนโลกที่มีสุขโศกมิรู้สิ้น ให้ถวิลหา..
จนกว่า...ฟ้าแห่งชีวีจะมอดดับ..ทับถมเป็นธุลี..คืนสู่ผืนดินเป็นหนึ่งเดียว!
14 สิงหาคม 2546 23:31 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
ไพล..ในชุดผ้าลินินสีขาวยาวกรอมเท้า
เปิดไหล่ล้ำกลมกลึงให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งรวง
รายรอบคอจับจีบรูดระบาย ผูกเป็นโบว์ปล่อยชายพลิ้วไหวสะบัดลม..ยามย่างเยื้อง
หมวกลายลูกไม้ สีขาว ขับเรียวหน้าละออ เนียนละมุน งามสะอ้านหวานจับใจ
แสงอาทิตย์ยามสนธยา ทอทอดสาดส่องต้องเรือนผม
จน เป็นประกายสีน้ำตาลทองเจิดจ้าจรัสมลังเมลือง ไล้เรียวหน้าดั่งทองทา..
รองเท้าผ้าใบสีขาว รอบข้อเท้าคือสร้อยทองเคงามเรียบ มีเพียงเสียงกังวาน
กรุ๊งกริ๊ง กระทบกันเบาเบาแสนเสนาะยามเธอก้าวเดิน
ไพล..ก้าวลงเรือ ข้ามไปยังอีกฝั่งฝันเจ้าพระยา
ยามอาทิตย์เริ่มลาลับลา ทิ้งแสงสวยเศร้าส้มสุกทั่วทั้งท้องนภา
และท้องน้ำราวอาบด้วยมนตราของทองคำ
ทาทาบอาบเปลวระยิบระยับ
ไพล..ทอดสายตาซึมซับรับซาบซึ้ง ที่กำลังลึกล้ำถึงด่ำดื่ม
ให้สายน้ำ ซอนแทรกฉ่ำหวานระรินละล่องเข้าครองเนื้อใจนวล
ยิ้มหวานตรงเรียวปาก ให้กับคนขับเรือเพราะเที่ยวนี้มีเธอข้ามมาเพียงลำพัง
กับค่าโดยสารข้ามฝั่งที่ราคาแค่สองบาท ตั้งใจว่าให้คุ้มค่าน้ำใจ ค่าน้ำมัน
เธอคงจะวางเงินมากกว่าจำนวนนั้น โดยมิหวังเงินทอน
และทุกคราที่เธอข้ามมาณ.เกาะเล็กๆแห่งนี้ ซึ่งเป็นเกาะที่สามารถมาซุกซ่อนสุขทุกข์
ซึ้งเศร้า เคล้าคลุกงานงามเครื่องปั้นดินเผาที่เลืองชื่อฝีมือชาวมอญ ละเมียด
ให้ลืมโลกจริงไปชั่วขณะ ที่มากเรื่องร้อยราว
มากเศร้ามากสุขมากคน หมุนวนหมุนเวียนซ้ำๆซากๆ..
ไพลจะเดินเดียวดาย นั่งริมฝั่งชลใต้เงาไม้
ดูลำน้ำลำนำเจ้าพระยาเฝ้าเห่กล่อมหลอมดวงใจ...หอมดวงใจ..
ดูบ้านเรือนไทยริมน้ำ ที่พาให้หลับตาตามฝันไกลไป
ถึงอดีตอันเรืองรุ่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ที่คงงามเรียบง่ายสงบสบาย
และคงเหมือนฉากในละครดัง.ในยามนี้ทางช่องเจ็ดสี
เพื่อให้อบร่ำดวงใจ ใสเย็น ให้ผู้มองเห็นงามง่าย
ได้ชิดใกล้การใช้ชีวิตกับสายน้ำและความสะมุนละไม
กับธารน้ำรักน้ำใจที่ยังระรื่นชื่นฉ่ำ
ไหลเอื่อยอ่อยลอยละล่องราวแดนหิมพานต์..
เป็นธารน้ำใจระรินร่ำที่ยังมีเยื่อใยผูกพัน
เชื่อมโยง ดั่งลำนำลำน้ำแห่งชีวิต
ไพล..จะแวะเวียนซักถาม ถึงงานดินงานงามดิบนี้
ที่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง
แฝงปรัชญาในการรักษาให้ดำรงคงอยู่คู่ชีวีคนไทยมากมี
มากมายที่รู้คุณค่า ที่ผ่านตาผ่านสมองสองมือ
คู่ใจคู่บ้านมานานหลายชั่วอายุคน
ฝีมือปราณีตแฝงเสน่ห์ เนียนละออพ้อหาให้
ดวงใจคนชมคนรุ่นหลังคนรุ่นใหม่ผู้กำลังหยั่งรากฝังลึก
อิงเทคโนโลยี่ หันกลับมามองที่หัวใจแสนดี
ที่คิดงามคิดเป็นอย่างผู้เข้าถึง..ในงานงามศิลปะอันประณีตนั้น
ไพล..น้ำตาซึมทุกครั้ง เมื่อไปยืนซึมซับ ช้างปั้นตัวจิ๋ว
ที่ปั้นด้วยฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามราชกุมารี.
ที่ทรงประทานไว้ให้ที่บ้านช่างปั้น
ให้รำลึกนึกถึงจดจำ ว่าวันหนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมและ
ฝากผลงานเลอล้ำค่าเลิศล้ำใจไว้ให้รำลึก..นึกถึงทุกคราคราว
ในพระกรุณามหาธิคุณจากน้ำพระทัยที่ใสงาม
ที่ทรงมากพระปรีชารอบด้าน
และทรงมีพระทัยงามติดดิน
ผ่านงานที่ใสบริสุทธิ์ราวหยาดน้ำค้างพร่างจากผืนฟ้าลงสู่พสุธาทุกถิ่นที่
ด้วยพระเมตตา บารมีไปทุกหย่อมหญ้า..อย่าง
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
เพื่อให้ผืนดินไทย ผืนดินทอง
ของเรานี้ให้มีแต่ความงามสงบร่มเย็นเป็นสุขอย่างทั่วถึงกัน...ตราบนานนิรันดร์
.................
สายน้ำไหลล่อง
คิดถึงบทเพลงนี้ ที่กำลังดังก้องกึกในใจดวงนี้
ลุ่มเจ้าพระยา.....
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
.............
หัวใจนวลดวงน้อยนี้กำลังฉ่ำ
กำลังสดชื่นอย่างแปลกประหลาดพิลาสพิไล
ยามที่ไพล..เดินเข้าไปในโบสถ์ พร้อมดอกไม้ไทย ใส่กระทงใบตอง
พร้อมพวงมาลัยหอมงามที่ไพลเลือกมาผสานล้ำลึกให้จรุงแจ่มจรัสใจ
ในการนำมาบูชาพระ กราบพระ...
โบสถ์เก่า หลังงามนั้น กำลังซ่อมแซมทุกบานหน้าต่าง
ให้ช่างมาเขียนลายที่หลุดลอก..
มีองค์พระนอน สมัยอยุธยา ในท่าสิริไสยาสน์
งามจนอิ่มใจเอิบงาม โอษฐ์แย้มยิ้มด้วยพระเมตตาธรรม
พระพักตร์เปี่ยมกรุณา จนน้ำตาซึมกับสายพระเนตรอับโอบเอื้ออ่อนโยน
ไพล..ทรุดตัวลงนั่ง น้อมมโน ดื่มด่ำ
ด้วยศรัทธา แล้วก้มลงกราบนิ่งนาน
เย็นมากแล้ว นกกาเริ่มจ๊อกแจ๊กโผบินกลับรัง คืนรัง
ลำแสงสนธยาลอดผ่านบานหน้าต่างที่แง้มบานไว้
แสงสีทองส่องสว่างสาดจับไปที่พระพักตร์ผุดผ่อง
ดังพุทธะพาให้กลางใจสว่างไสวลดมืดมน
ชั่วหลับตา ไพลราวย้อนหลังไปในอดีตอันเรืองรุ่ง แว่วเสียงสังคีตดีดกล่อม
หวานแว่วแผ่วเบามากับลำน้ำลำนำเจ้าพระยากับลมรำเพย เย็นร่ำฉ่ำหวาน
ผ่านในอณูนึก...
ไพล..เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาพร่างรินมิขาดสาย.....................
14 สิงหาคม 2546 22:54 น.
พุด
....ต้นไม้ที่ตายแล้ว....
ลำน้ำน่าน
พิรุณโรยโปรยพราวทั่วราวป่า
ใต้ฟากฟ้าค่ำคืนเหงาเงาเมฆร้าย
ตกกระหน่ำซ้ำซัดให้ดับตาย
นอนซบกายรอฝนฟ้ายื่นปราณี
ใบไม้เหลืองเดียวดายร่วงรายรอบ
ทั้งเขตขอบฟ้าร้าวรอยก้าวหนี
ซอนซ่อนซุกฝนนรกอเวจี
ที่ตกตีความภักดิ์แตกหักลง
ทิ้งบ่วงใบหนีลมตรมหัวอก
ดั่งปีกนกอ่อนแรงลมแล้งหลง
ไม่อาจเกี่ยวเรียวรังฝันดั่งจำนงค์
รอร่วงลงคลุกธุลีพลีชะตา
และคือฉันเปรียบต้นไม้ที่ตายจาก
ทั้งเหง้ารากกิ่งก้านตระหง่านฟ้า
เหลือเพียงเศษผุพังรั้งคาตา
สิ้นเรี่ยวแรงไต่ขึ้นฟ้าระบัดใบ
วันพรุ่งนี้ริ้วลมหนาวจากราวป่า
จะพัดพาดอกขมขื่นมายื่นให้
ถอนใจรับดับความฝันกลางหัวใจ
ขอเป็นไม้ที่เหลือซากฝากคำเคลือ
ว่าเคยงามสล้างป่าพนาทิศ
ชุบชีวิตคนจนเศร้าสุดร้าวเหลือ
ละมุนละไมแผ่บุญอาบจุนเจือ
มีฝันเผื่อมีแรงร้อยถ้อยรจนา
พรุ่งนี้แล้วจะทรุดลงเป็นผงดิน
ซากหายสิ้นเหลือเพียงคำรำพันหา
จดจำไว้ว่าวันหนึ่งซึ่งผ่านมา
โลกอิ่มงามเต็มคุณค่าลดาวัลย์
นี่คือฉันเปรียบต้นไม้ที่ตายแล้ว
ไร้วี่แววจะแตกตาตามหาฝัน
ภาวนาหากชาติหน้าเกิดมาทัน
อย่าได้มีพระพรหมกั้นจัดสรรใคร
ต้นไม้ให้หอมในราวไพร..พุดพัดชา
พิรุณโรยโปรยปลอบมอบใจฝัน
ใต้เงาจันทร์ขวัญดาวพราวส่องแสง
ริมเรือนไทยในบึงใหญ่บัวดอกแดง
เฝ้าแอบแฝงแรงรักซ้อนแอบซ่อนใบ
ใบไม้เหลืองเดียวดายให้ร่วงหล่น
ธรรมชาติคนธรรมดาโลกโศกแค่ไหน
ฟังเสียงฝนเป็นดนตรีสิดวงใจ
แล้วทำไมให้รักแรกแหลกรานลง
พายุแรงแกล้งนกให้ปีกหัก
บินสูงนักใจผยองต้องลมหลง
เช็ดน้ำตาหาอกซุกไซร้ปีกคง
เลิกลืมหลงมนต์รักพักชะตา
เป็นไม้ใหม่ผลิใบใสแทนลาจาก
ถึงทุกข์ยากดินแล้งแทงสู่ฟ้า
ให้หยาดฝนพรมพรำชุบชีวา
พร้อมไต่ฟ้าตามหาฝันอันแสนไกล
กี่ฤดูผ่านฤดีที่ห่วงหา
จะพัดพาลาเลือนเลิกหวั่นไหว
ไฟข้างนอกหลอนลวงตกบ่วงใจ
ไฟในใจให้ลุกพร่างสว่างพลัน
ศรัทธามั่นฝันทำดีที่ยึดถือ
ให้โลกลือลูกผู้ชายอย่าไร้ฝัน
ละมุนละไมพอหวามไหวเพียงแค่นั้น
สร้างโลกฝันพันผูกถ้อยร้อยรัดใจ
เส้นทางฝันวันยาวไกลไปให้ถึง
ฝากใจซึ้งเขียนงานงามยามหวั่นไหว
เอื้อมเก็บดาวพราวสู่มือนะดวงใจ
โลกข้างในใสงามยามได้ครอง
อย่าเป็นต้นไม้ตายก่อนโตเลยยอดรัก
ขอแค่ผลัดใบใหม่รอเจ้าของ
รินน้ำรักรดน้ำใจประคับประคอง
เป็นสักทองหอมพราวให้ราวไพร..ให้สาวไพร!