5 กรกฎาคม 2546 10:45 น.

เริ่มรุ่ง!

พุด


เริ่มรุ่ง.....
ในราวเมือง..ที่มิใช่..ราวป่าใหญ่ไพรกว้าง.
ที่ฉันนี้ฝันใฝ่อยากฝากกายใจไปเริ่มรุ่ง..ในราวพฤกษ์ไพรพนา..

เริ่มรุ่ง..... 
เช้าวันใหม่ ทุกดวงใจ ทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่..
ต่างมีฝัน ต่างมีหวังต่างยังมีลมหายใจต่อดวงใจรักไปอีกวัน


เริ่มรุ่ง....
ที่ยังมีเสียงนกร้องขันคู จู้จุ๊กกรู จู้จุ๊กกรูเพราะพริ้งพราว 
บรรเลงเพลงแห่งราวไพร. 
เพราะยังมีต้นไม้ใหญ่ให้เกาะคอนขัน..ในบ้านของฉันเอง..


เริ่มรุ่ง..... 
ฟ้าหวาน ลมหนาว  เย็นฉ่ำ  เมฆอิ่มใส  
อาบไรแสง สายไหม ลมชื่น อวลหอมดอกไม้ บานเบิกชูช่อชัน ขันแข่งกันกับใบไม้เขียว   ล้อลมไสว..รอหวานใจชื่นชม..ดมดอม

เริ่มรุ่ง.....
บ้านนี้ ที่ยังมีงามดวงใจใครจะรู้ที่ทำให้ดวงใจใสชุ่มฉ่ำราวหยาดน้ำค้างหยดพราวมาให้ดอกไม้ฝัน..สดสว่างกลางใจ  บานแย้มรับหวัง พลังใจ 
ไฟฝัน ในโลกหวัง โลกอนาคต ที่หมดจดแสนดี ..มิมีท้อแท้แพ้พ่าย...กับกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง...

เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีฝันว่า สักวัน ใครบางคนที่พิเศษสุดในใจ     
ที่เราแสนภาคภูมิใจในคุณค่าความดี 
ที่มีรักแท้ หนักแน่นมั่นคงจะก้าวมาร่วมชายคา  
พาให้ใจเราทุกคนฝันแสนดีร่วมกัน วันเคียงหมอน  
มิจากลาเลยลับไปไกล ไปหนไหนอีกแล้ว...

เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีกลิ่นดอกไม้หวานหอม จรุงใจลอยฟุ้งคละเคล้ามากับสายลมหนาวหวานอมเศร้าพราวกับหยาดน้ำค้างที่รอระเหยหาย..ยามอรุณร่ำลา..
พายามสายมาเยือนเยี่ยมแทน...

เริ่มรุ่ง.....
ที่มีเช้าแสนดี มีละอองหมอกเย็น  แสนสบาย มาทายทัก ในบางวัน 
พร้อมกับความฝันความรักมากมีจากทุกดวงใจที่ใสงาม  มากด้วยรัก..ด้วยจริงใจ ..ที่ยินดีมอบให้ไร้ร้องขอ...

เริ่มรุ่ง.....
กับใจดวงดี ที่รู้จักมองโลกให้เป็น 
แลเห็นงาม ไม่มืดบอด รู้รัก รู้ให้ รู้ห่วงใย 
เข้าใจอดทนต่อความเป็นไป ผันแปร  ไม่แน่ไม่นอนของโลกที่หมุนวน 
ยอกย้อนลวงหลอนหลอกใจ ให้มากบทเรียน 
มากประสบการณ์สอนใจฝากจำจด..

เริ่มรุ่ง.....
ที่รู้ค่าการมีชีวิต ที่ถูกลิขิตมาให้แสนโชคดี 
มีดวงตาดวงใจเห็นในธรรมชาติเงียบสงบงามมีพลังใจว่าได้เกิดมาในแผ่นดินร่มเย็น ได้พบพระพุทธศาสนาที่ส่องสว่างนำเส้นทางใจ
ให้แลเห็นในความว่างความพอดี พอดี..

เริ่มรุ่ง.....
ในวันนี้..ขอทุกชีวี คิดแต่เรื่องดี 
เรามีพลังสร้างฝันให้เป็นจริง  พบทุกสิ่งที่หวังและความสุข 
กับคนดี คนเดียวในดวงใจ.. 
ให้มีใครสักคนนอนเคียงข้างยามเริ่มรุ่ง..
 ตราบวันนี้ ตราบชั่วชีวี และชั่วฟ้าดินสลาย....
				
5 กรกฎาคม 2546 10:11 น.

เขาคือใคร?

พุด


เขา.......นิ่ง...สงบ...อ่อนโยน...และพูดช้าๆ
เขา.......ก้าวเข้ามา   นิ่งสนิทอยู่ในใจของฉัน  มานานปี
เขา.......ที่..ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดใด 
             ไม่ว่าจะเศร้า  สุข ทุกข์ตรมเพียงไหน ทางคำพูด
เขา.......ที่มีแต่แววตาเท่านั้น ในบางครั้ง
             ที่บ่งบอกให้รู้ว่า ดวงใจแสนช้ำโศกตรม
เขา.......ที่ทำให้ฉันแสนซาบซึ้งใจ 
             ในน้ำใจอันมากมาย ที่เกิดมาเป็นผู้ให้ไร้ร้องขอ
เขา.......ที่มั่นคง  หนักแน่น อดทน  ทุ่มเท
              และไม่ยอมแพ้พ่ายต่ออุปสรรคทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เขา.......ที่เชื่อว่า..คุณค่าของความดี เท่านั้นจะชนะใจ
              ของใครบางคนที่เขารักยิ่งชีวิต..
              ไม่ว่าจะต้องรอกี่วัน  กี่เดือน  และกี่ปี......
เขา.......คนนี้  ก็พร้อมจะนิ่ง  และรอคอย อย่างไม่ท้อถอย
              และสู้ทนแผ้วถางเส้นทางชีวิต
             ที่สวยงามไว้รอท่า เพื่อพร้อมที่จะก้าวเดิน
             ไปกับผู้หญิงคนดี  คนเดียวในดวงใจ
เขา.......ในวันนี้..ที่ทำงานหนัก มาก แม้เหนื่อยยากเพียงใด 
               ก็ไม่เคยปริปากบ่น 
               เพราะทุกสิ่งที่ทำนั้น ก็เพื่อคำว่ารักจริงหวังแต่ง
เขา.......ที่แสนดี  แสนเข้าใจโลกและชีวิตในวันนี้ 
             ทั้งๆที่วัยวันในชีวิตก็ยังเป็นเพียงแค่หนุ่มน้อย
เขา.......ที่มีเสน่ห์มากมาย ถ้าหากใครได้ชิดใกล้ ได้สัมผัส 
              และให้เขาเอาอกเอาใจอย่างอ่อนโยน
             เยี่ยงสุภาพบุรุษ....
เขา.......ผู้ที่....ไม่เคยหยุดยั้ง ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจ 
             เพื่อให้ได้ดวงใจรักของใครบางคน
              มาสู่อ้อมใจและอ้อมกอด....ในวันหนึ่ง...
เขา.......ที่ทำให้เรารู้ค่าของคำว่า
             ความรักความสงสารความเห็นอกเห็นใจ
               และอยากปลอบประโลม
             ให้หนาวคลายและคลายเหงา....  
เขา....... คนดี...คนธรรมดาธรรมดา ที่กลายมาเป็น 
             คนพิเศษพิสุทธิ์ สว่างไสวอยู่กลางใจของเรา
             ที่ทำให้อิ่มเอิบ  มีชีวิตชีวา.......
เขา.......ที่อยู่ไกลจากเรา สุดขอบฟ้า  แต่ไม่เคยเลย 
             ที่จะลืมบอกว่ารักและคิดถึงเราสุดหัวใจแทบทุกวัน
             มานานหลายปีแล้ว.........
เขา.......คนนี้  ที่มีใจดวงแสนดี    มีรักที่จริงแท้  
              แน่วแน่  มั่นคง ราวภูผา ที่นับวันจะหายากยิ่ง
             ในโลกแห่งรักสมัยใหม่นี้ 
              ที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว แทบตามไม่ทัน........

อยากรู้ไหม?........ว่า  เขาคนนี้...คือใคร? หรือว่า..
 เขาเป็นเพียงแค่ชายในฝัน   กับรักปัจจุบัน...
 รักของคนสมัยใหม่  
ที่ฉันได้แต่จินตนาการ....หวานหวานไปเอง
บางที...
เขาคนนี้ และยังมี เขา อีกหลายๆคนที่ดีกว่า...
อาจจะอยู่ภายในใจในฝันของคุณแล้ว
ถ้าเพียงแต่คุณนั้นโชคดี ได้พบ..เขา!... 
ขอเอาใจช่วยเช่นกัน....นะ....   


คิดถึงเขามาก เมื่อคืนเขากำลังขับรถไปแอตแลนต้า..
รอรับสายอยู่นะยอดดวงใจหากผ่านตา..
ด้วยความรักคิดถึงกับสายวสันต์
				
4 กรกฎาคม 2546 21:41 น.

เธอ..ดั่งดอกบานไม่รู้โรยในใจผม

พุด



ผมเป็นคนหนุ่ม..เกิดที่เมืองไทย
แต่กลับต้องไปใช้ชีวิตและเรียนที่อเมริกา 
ดินแดนแห่งความฝันและเสรีภาพ
ตั้งแต่ผมนั้นยังเป็นแค่หนุ่มน้อยๆ 
มาจนถึงณ..วันนี้ที่ก็ยังน้อยอยู่นะครับ...

ผมอยากบอกว่า..แม้ผมจะได้สัมผัส
และรู้เห็นสังคมรักวัยรุ่น วัยฝัน วัยมันส์
ในประเทศที่เจริญทางเทคโนโลยี่สุดยอดแล้วก็ตาม.......
แต่แปลกดีไหม...
ที่ใจผม มิเคยผันแปรไปซาบซึ้งใจในวิถีรักของคนรุ่นใหม่
ไฟแรงแบบสังคมที่นั่น......

ผมบอกได้แค่เพียงว่า..
เพราะใจผมดวงเดิมๆยังเป็นไทยๆนะซีครับ    
และผมทำใจยอมรับไม่ได้กับการทดลองแสวงหารัก  
ที่อาจจะพบเจอคนที่ใช่เลยในวันหนึ่ง.......
แต่ขั้นตอนที่จะพบเจอนะซี...
ที่ผมคนนี้...คนที่ค่อนข้างจะมีใจดวงละเอียดอ่อน
คิดว่าผมคงตายเสียก่อน..เพราะผมรักใครแล้วมักจะทุ่มกายใจสุดตัว.......
แบบที่ว่ารักเขามาก ก็ให้เขาหมด..นั่นแหละครับ มิเผื่อใจไว้เจ็บ...บ้างเลย....

และผมยังคิดถึงคุณค่า..ของคำว่าค่อยเป็นค่อยไป 
ค่อยทะนุถนอม เพาะบ่มความเข้าใจ
แล้วความรักที่แสนดีจะตามมาทีหลัง 
ด้วยความซึ้งค่า ในความยากลำบาก   
ความอดทนเพื่อพิสูจน์ใจกันและกัน..

ผมชื่นชม ศรัทธา ในรักแบบชาวเอเชีย 
ที่เป็นเรื่องสวยงามละเอียดอ่อน ซ่อนความหวาน
ความวับๆแวมๆของอารมณ์ล้ำลึก และความรู้สึก 
ให้อยากค้นหาติดตาม ไม่โจ๋งครึม จนเกินไป

ความโรแมนติกที่รักใครแล้ว 
จะศรัทธาในคุณค่าของกายใจที่รู้รักนวลสงวนตัว....
อย่างหญิงไทยที่รู้จักรักตัวเอง 
มิใช่ปล่อยกายให้ช้ำชอก จนเห็นว่าเรื่องรัก เรื่องโลกีย์นั้น
เป็นเรื่องแสนธรรมดาๆ...
เหมือนเดินไปหาก๋วยเตี๋ยวมากินแทนข้าวยามซ้ำซากและจำเจ..ใจ

เพราะมนุษย์เราต่างจากสัตว์ ตรงที่รู้จักอาย 
ตรงที่มีขนบ จารีตประเพณีที่แสนสวยแสนดีไว้คอยควบคุม
กายใจไม่ให้หลงระเริงมัวเมาอย่างไม่ยั้งคิดถึงพิษภัย 
แห่งรักนั้นที่นับวันจะเสื่อมทรามเข้าไปทุกที.....
จนโลกนี้วิปริตวุ่นวายสับสน เพราะคำว่า คนไร้ศีลธรรมจรรยา 
พาใจให้มืดบอดหลงวนอยู่แต่ในเกมโลกีย์

เราคนไทย โชคดี ที่ยังมีวัฒนธรรม 
ในความรักและการแต่งงาน ที่ยังงดงามเรียบง่าย                                             
แฝงความอ่อนโยนและละเอียดอ่อนมาก
ที่ยังมีกฏ กติกา มีกรอบที่จะคอยควบคุมจิตใจ 
ในการใช้ชีวิตรักด้วยกัน 
และด้วยศาสนาที่ย้ำเน้นสอนว่าห้ามผิดศีล และลูกเมียใคร......

ณ...วันนี้ผม..คนรุ่นใหม่ มีผู้หญิงในดวงใจแล้ว 
และเธอคนนั้นเป็นกุลสตรีไทยที่งามพร้อมกายใจ
ทั้งนอกทั้งใน และด้วยสมองสองมือ แบบหญิงยุคใหม่
ที่มีไฟแรง ที่พร้อมจะก้าวไปกับโลกยุค2000
ด้วยใจมุ่งมั่น ที่จะสรรสร้างสิ่งดีๆเพื่อตัวเอง 
เพื่อโลกและต่อรักของสองเราที่รู้รัก รู้หนักแน่น 
ถนอมใจกันและกัน จนกว่าจะถึงวันที่สุกงอมหอมหวาน 
ให้ดอกรัก บานไม่รู้โรย ในใจของเราสองที่ซื่อตรงต่อกัน...
และมั่นใจในรักแท้รักจริง........

รักยุคใหม่แบบของผมนั้นคือรักที่กล้าตัดสินใจ 
ไตร่ตรอง และมองไปข้างหน้านานวัน ใช่เอาแค่มันส์
ในวันนี้อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
 ที่อาจจะทำให้แม่..พ่อ..ครวญคร่ำด้วยความเสียใจ 
เพราะอย่าลืมว่าเรายังเป็นคนไทยนะครับ
เรายังมีแม่พ่อผู้ร่วมสมัยยังเป็นคนรุ่นเก่า.
.ที่รักและหวังดีต่อเราอย่างจริงแท้..แน่นอน.........

รักนั้นไม่ว่าเก่าหรือใหม่...
ดังเปลวไฟแผดเผาถ้าหากเราใช้มันไม่เป็น.........
และรักนั้นเปรียบดั่งน้ำอมฤต..
ที่จะหยาดหยดลงมาให้ใจดวงงามสวยใสสดชื่นตราบวันตาย
ถ้าเรารู้ค่าคำว่ารัก คำว่าปรับตัว
และการให้เกียรติกันและกัน การแบ่งปัน 
แบบต่างคนต่างเติมเต็ม..มิคาดหวัง........

สำหรับผม...รักเธอคนดีของผม คงมั่น 
มานานหลายปี และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป  
เพราะผมพบว่าเธอคือคนดีที่ ใช่เลย 
ที่พระเจ้าปรานีประทานมาให้กับคนที่รู้ค่าในรักพอกัน...

และเธอ ของผมนั้น เปรียบดั่งดอกรัก  ดอกบานไม่รู้โรย 
ที่จะบานไสวอยู่ในดวงใจของผมตราบกัลปาวสานต์              
ตราบนานเท่านานเท่าที่โลกนี้ยังมีคำว่ารักคู่โลกและคู่ใจ.. 
				
4 กรกฎาคม 2546 21:13 น.

พ้นพันธนา!

พุด


 
พ้นพันธนา.
หัวใจของฉัน ผู้หญิงคนนี้ 
ที่คิดว่าน้อมรับธรรมชาติมาแต่อ้อนแต่ออก 
บอกใครถ้วนถี่ก็มิได้หมดใจ 
นอกจากพยายามรจนาออกมาได้บ้าง 
เป็นบางส่วนเสี้ยวของชีวิต...  

ตอนเป็นอาจารย์ มักจะยกตัวอย่างธรรมชาติงาม
มาน้อมนำใจให้ลูกศิษย์ สาวชาวกรุง 
ผู้มิเคยได้สัมผัสของจริงได้รู้ว่า ฟ้างาม นั้นน่าตะลึงหลงเพียงใด 

มันเปลี่ยนสีไปราวเวทีธรรมชาติ 
ที่เล่นแสงสี แสงสวยโดยไร้มือผู้ใดบังคับควบคุม 
ทุกสิ่งที่ฉันได้ซึมซับ กลับรื่นรินไหลให้กับดวงใจอ่อนเยาว์ 
ให้อ่อนโยนที่ละนิดทีละน้อย อ้อยสร้อย รวมเป็นกอบกำ 
จนยึดครองสี่ห้องหัวใจของฉันไปหมดสิ้น...

จนถึงวันนี้ นาทีนี้..  
ฉันเคยมียามเช้าที่แสนดี มียามเย็นที่แสนงาม 
มีพระจันทร์ให้ฝันในยามค่ำ 
มีพระอาทิตย์เริงระบำ ตั้งแต่เช้าจนตกเย็น
เป็นราวเพื่อนใจในทุกโมงยาม 

มีหาดทรายกว้าง มีน้ำทะเลสวย 
มีดวงดาวสุกใส สว่างระยิบระยับ 
ใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ได้ นับดาวแทบไม่ทัน 

เป็นคืนฝันวันงดงามแจ่มกระจ่างใจ 
จนเขียนออกมามิได้หมดสิ้น..  

เมื่อย่างสู่วัยสาว วัยร้าวไหว กับคนและความรักเพรียกหา 
สองตาจะมืดบอดสนิท ลืมคิดลืมมอง ธรรมชาติ 
เฝ้าโศกตรม รำพึงรำพันฝันหาบ้าๆบอๆ กับพิษรัก 
ที่หลงลมคว้าไขว่ ให้ใจมีพันธนา 
แทบเป็นบ้าเป็นหลังไม่เป็นอันกินอันนอน..

และในยามนั้น ใช่จะมีไทยโพเอมให้ฝากฝันฝากรักระทม 
ถ่ายเท ใจอย่างในยามนี้เสียที่ไหนกัน 
ที่มากมีคนหัวอกเดียวกัน มากมายมากมีมาปลอบประโลมใจ..  

วิธีหนีทุกข์ ยามอกหัก ยามนั้นคือ...
ได้พักใจนั่งรถไฟซมซานกลับบ้าน 
เสียงรถไฟชึ่กชั่ก ๆๆ กับเส้นทาง สายงามทอดยาว 
จะช่วยลดร้าวระบมใจลง และค่อยๆลืมหมองหม่น
ไปจนตลอดทาง..ยาวไกล......... 

 เคยนั่งอ้างว้าง บนเรือโดยสารยามเย็นกลางทะล 
และยามอาทิตย์ใกล้จะลาลับฟ้า
เป็นภาพ ที่สวยจนพรรณาไม่ออกบอกไม่ถูกเอาเลยที่เดียว 
ได้แต่นิ่งงันฝันคว้างลอยเลื่อนราวมีวิมานตรงหน้า 

และทุกคราครั้งเมื่อถึงบ้าน..ฉันจะกระโจนลงทะล 
ให้หายว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวใจ   ไปลอยคอกลางทะเล
มีพระอาทิตย์เป็นเพื่อน มีดาวเดือนเห่กล่อม..
บางทีดำลงไปนิ่งนานให้น้ำเค็มขมของทะเลสอนใจ 
ยามที่รักแบบโงหัวไม่ขึ้น

 เพื่อรอคำถามว่าจะเลือกโผล่ขึ้นมาหาหวานมันส์ให้กับชีวิต
หรือว่าจะโง่งมงายให้ขมปี๋กัดกินใจและร่าง.....ต่อไป.... 
 และบางทียามที่ไม่มีน้ำทะเลช่วยเห่กล่อม 
จะมีแต่น้ำตาเป็นสายเดียวกับน้ำจากฝักบัวพรูพร่าง 
ยามตรอมตรม..ฉันจะพุ่งดิ่งตรงไปใต้ฝักบัวปล่อย
ให้สายน้ำพรูพร่างหยาดรด.. เปียกโชกแล้วนั่งค้างนิ่ง 
รอให้สายน้ำใสรุนแรงละลายหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำราว.. 
ประโลมร่างไร้ใจให้คืนกลับ......ด้วยใสเย็น..  

เคยร้องไห้ กลางสายฝนเดียวดาย 
กับยามไกลบ้าน เคยข้ามเคเบิลคาร์
พาร่างบอบช้ำและใจมืดหม่น เดียวดาย 
ไปนั่งดูไฟพริบพราวจากเรือในโค้งอ่าวสิงคโปร์ที่เกาะเซนโตซ่า.....  

เคยและเคยมาทุกรูปแบบ 
ที่ระบมกับพิษรักที่หนักยิ่งกว่าพิษไข้เสียเป็นไหนๆ.. 

แต่มาวันนี้..ใจดวงนี้ ถึงที่สุดแล้ว 
แม้จะมีน้ำตา แต่คงแค่ไหลออกมาระบาย
ใช่จะยอมรับไม่ได้ กับความผันแปรมิแน่มินอน
ของเกมรักซ่อนเงื่อน..ซ่อนใจ..

 รู้ระกำ รู้ทำใจ ปล่อยวาง รู้ว่าง รู้ปลดปล่อยจิตให้อิสระ 
ไร้พันธนาด้วยโซ่ตรวนแห่งกรรม 
ไม่ว่าจากใคร จากใจต่อใจ จากเขา จากเราเอง.. 
ไม่มีอะไรแน่นอน..เท่ากับความว่างความพอดี 
ความรู้ทัน....รู้เท่าทุกสิ่ง..ที่เป็นธรรมดาๆโลก 
ที่มนุษย์มากมีต้องเวียนว่าย หนีไม่พ้นเพรงกรรม
ที่เคยร่วมสร้างกันมาแต่ภพก่อน ปางก่อน.. 

 เวลาผ่านไป ไม่ช้านาน ทุกร่างรัก 
ที่แย่งชิง ริษยา เสน่หา มืดบอด หวงแหน
ก็จำต้อง โรยรา ร่วงหล่น ปนเปื้อน คืนกลับสู่ผืนดิน..ทุกตัวตน...
ยามสนธยาแห่งชีวิตมาเยือน.. 

				
4 กรกฎาคม 2546 20:37 น.

สายฝนสายฟ้าฟาดสวาทวาย!

พุด


เดินจากไปกับสายฝนสายฟ้าฟาดสวาทวาย!

แสงเทียน สายฝน สายฝัน
ระริกหวั่น วะวับแวม แซมไม้หอม
หอมกุหลาบ มะลิซ้อน พราวพะยอม
ก้มดมดอมระรินรื่นชื่นฉ่ำใจ....

เดินออกไปเงยหน้าท้าหยาดฝน
เปียกปอนจนหนาวร่างระริกไหว
พอกับใจดวงร้าวดวงเศร้าเหน็บหนาวใจ
ให้สาใจสาเจ็บเก็บมานาน..

คิดถึงยามเป็นเด็ก ตัวน้อยน้อย
เราเฝ้าคอยเล่นน้ำฝนสนุกสนาน
วันเวลาของชีวีที่สราญ
ค่อยผันผ่านถึงวันนี้มีแต่ตรม..

มองสายฝนเปลี่ยนไปเป็นสายเศร้า
ใจรานร้าวร่ำไห้กลางสายฝน
ปล่อยหยาดน้ำตาปนเปื้อนกับลมบน
น้ำตาฝน น้ำตาฟ้า น้ำตาใจ..

ล้างหัวใจด้วยเสียใจตอกย้ำย้ำ
ให้จำจำเจ็บเจ็บเกินทนไหว
ย้ำคำลาด้วยคำว่าเสียใจและเสียใจ
เดินจากไปกับสายฝนสายฟ้าฟาดสวาทวาย!

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด