8 กรกฎาคม 2546 11:25 น.
พุด
จากดวงใจใครบางคนที่ตามหาพุดพัดชาจนสุดหล้าอาจจะยังมิพบเจอค่ะ
..........
คิดถึงเธอ !......
ในใจใครบางคนที่คิดถึงเธอ
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอคนนั้นอยู่ไหนนะ
เธอบอกว่าจะจากหายไปจากฉันสักระยะ ....
ไปที่อื่นที่ซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าเป็นที่ไหน ..
เพราะเธอเองก็ไม่ได้บอกเอาไว้.
.คำว่าสักระยะของเธอมันช่างยาวนานเหลือเกินจนฉันกังวล...
.แม้จะเชื่อใจเธอว่าเธอจะไม่จากฉันและที่นี่ไป
แต่ฉันก็หวั่นใจเหลือเกิน ...
จริงอยู่ที่ระยะทางที่ห่างไกลสำหรับเธอและเขาคนนั้น
ไม่ใช่ปัญหาแต่สำหรับฉันคนนี้ฝนตกตรงโน้นหนาวไม่เท่าคนตรงนี้จริงๆ
สิ่งที่ฉันทำได้คือรอเธออย่างเดียวกระมัง..
.อยากบอกให้รู้จริงๆว่าฉันรอเธออยู่ตรงนี้เสมอ ....
จำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันเจอเธอขอพูดจากใจจริงฉันหมั่นไส้เธอเหลือเกิน
เพราะเธอทำตัวเหมือนเจ้าแม่เป็นเหมือนซูสีไทเฮา
ที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในที่ตรงนี้
ฉันมาที่แห่งนี้ครั้งแรกก็เห็นแต่ชื่อเธอเต็มไปหมด...
เธอที่พูดถึงแต่ต้นไม้ใบหญ้าหน้าบ้านและเขาคนนั้น
ฉันแปลกใจหนักหนาที่เธอพยามเหลือเกิน
ที่จะเขียนที่จะพูดในเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในมุมมองที่แปลกแตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้ง
เธอคงจะคิดถึงเขาคนนั้นมากหรือไม่
เธอก็เป็นคนช่างฝันช่างจินตนาการในเรื่องรัก..
อา..ฉันใช้คำพุ่มเพือยไปแล้ว..
ใจจริงอยากพูดว่าเธอน่าจะเป็นคนโรแมนติกมาก
และเธอคงจะเป็นคนที่สวยงามเหมือนบทความที่เธอเขียนขึ้นมา
บางครั้งก็มีบ้างที่เธอโดนคนอื่นหมั่นไส้เหมือนที่ฉันเป็น
ถึงขนาดพูดจาถากถาง ...
แต่เธอก็ไม่ได้ออกมากล่าวโทษอะไรครั้งนั้นมั้ง
ที่ฉันประทับใจในความเป็นเธอจริงๆ....
เพราะเธอกระมังที่ทำให้ฉันต้องมานั่งพิมพ์อะไรอย่างนี้...
ฉันพยามยามที่จะเขียนอะไรที่มันแสดงถึงความรักเหมือนๆกับเธอ...
อยากทำได้อย่างที่เธอทำ..แต่ฉันก็ไม่ใช่แมนอินเลิพ..
ฉันทำอย่างเธอไม่ได้สิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียงพิมพ์ๆๆ
และก็พิมพ์ในสิ่งที่ฉันคิดว่ามันน่าจะสนุกเท่านั้น
ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่สนุกนักหรอก...
.ฉันพูดอะไรเสียเนิ่นนานเนี่ย..
จริงๆแล้วฉันอยากบอกว่าฉันคิดถึงเธอจริงๆนะ
กลับมาเถอะทางบ้านให้อภัยแล้ว
ก็คิดถึงหนะ... แล้วจะให้ทำไงดีละ
8 กรกฎาคม 2546 11:08 น.
พุด
เสียงสวนคุยกันในคืนฝันวันดายเดียว!
คืนนี้...ฉันได้ยินเสียงสวนคุยกัน..
สวนขวัญริมรั้วบ้านถึงชานระเบียงบน
ที่มีไว้นอนนับดาว และปล่อยให้การะเวกเลื้อยพัน
ทายทักให้ฝันสล้าง ริมอ่างอาบน้ำ..
ที่เป็นกระจกบานกว้างและยามเปลือยร่างจำต้องดับไฟ
หากให้อารมณ์ ลุ่มลึกด้วยแสงจันทราริบหรี่..
มาพิรี้พิไรอ้อนออด ทอดไล้โลมเรือนร่างให้วาบหวามใจ
ไปกับฟองสบู่และเมฆนวลพราวราวระยับจับใจ...ละมุนฝัน..
เอื้อมมือเด็ดการะเวก..เบาแสนเบา
กลัวพ้อลาเกลื่อนเสียก่อน
มาหอมหอมดอมดอมดมดม
แล้วลอยคว้างกลางน้ำปริ่มใจไปกับริมบัวงาม..
ที่บานเย้ยหล้าท้าจันทร์ในยามนี้..นวลใย..ผ่องผุด..
หลับตา..นิ่งนาน ฝันหวานหวานลอยละล่องไปกับฟองสบู่..
ท่องไปตามใจฝัน คะนึงหา
ในม่านตา ในเวิ้งฝันกับมวลหมู่ดาวนับพัน
กับจันทร์ดายเดียวแขวนเศร้า
ราวโหยหาใครบางคนพอกัน..ทั้งจันทร์ทั้งใจ..
กุหลาบงาม..คลี่กลีบหวานบานสะพรั่ง
แข่งกันรับหยาดละอองฝนพร่าง
พ้อหาคนรู้ใจไปฝากฝันฝากกำนัลใครสักคนได้แล้วนะ
อย่าปล่อยให้แห้งเหี่ยวโรยราคาต้น..
หมดหวาน..หมดใจ..อย่างนี้เลยนะ นะ
พุดสามสี..มีพี่ชื่อระทม พากันอวลระทมละเมียดใจ
แต่ไม่ละไมฝันเอาเสียเลย..ในอณู..
กล้วยกองาม..สูงใหญ่ใบยาวยักษ์ทายทักถึงชายคาบ้าน..
ไม่น่าเชื่อเลย รับลมพราวแกว่งไกวจนใบแตกลายริ้ว...
บางเวลาที่ฉันอยากลองท้าทายความจริง..
เวลาที่ร้อนนักอยากพักร้อน..... ฉันจะลองโอบลำต้นสูงใหญ่
ที่หวังเย็นดับร้อนผ่อนคลาย..
ใจรานร้าวบางทีเผลอนึกถึงใครบางคน..
ที่คุยกันถึงเรื่องกล้วยกล้วยด้วยเข้าใจวิถีงาม
ง่ายยังประโยชน์ให้ทุกชายคาชนบทถึงเมืองลวง..หลวง..
เข็มกอขาว..แตกตุ่มจากเข้มเขียวแทงช่อชูชัน
จากกระเปาะทีละนิดละน้อย อ้อยสร้อย
ออกดอกบานขาวนวลพราวตา พร่างใจ...
แต้มแตะด้วยเกสรเหลืองละออ .ถึงชายคา..
หอมเย้ยบาน..หวานถึงใจ...
พุดซ้อน ซ่อนรัก ซ่อนดอก ออกแต่ใบเขียวอ่อนใสใส ..
บางคืนวันทำเอาตาฉันลุกโพลง
ด้วยยินดี ที่นานทีจะอวดดอกขาวซ้อน
ซ่อนกลีบกลับระยับงามในดวงใจให้หอมไกล..
ให้ถวิลถึงคนปลูกเสี่ยงทาย
ที่จำพรากจากลาห่างกันไกลคนละซีกโลก...
เฟื่องฟ้า..บานจัดจ้าจนฟ้าเฟื่องสวยใสยามกลางวัน..
หลากสีสลับท้าฟ้างามเฉิดฉันท์เฉิดโฉม เสียจนน่าตะลึง..
โมกกำลังพิไรร่ำ อวดดอกกระจิ๊ดกระจายนวลพราวไปทั้งต้น
ทุกปุ่มปมจนแทบไม่เห็นก้านกอกิ่งใบ..
หางนกยูง..แพนใบระยิบระยับ กระจายไกลร่วงพราวพื้น..
ทุกดวงดอกแดงสดหวานริมปลายช่อเป็นกระเปาะ
พร้อมดีดผึงเผยอแย้มงาม..ให้ชื่นชม..สมที่รอ...................
ทุกดวงดอกไม้ไหวหวาน กำลังคุยกันด้วยห่วงใย..
ในตัวเจ้าของบ้านยามนี้ที่นอนนิ่งดูดาวพราวฟ้า
กับน้ำตารื้นชื่นตา จนน่าสะเทือน...
.การะเวกวอนกล้วยให้พัดไกวบอกสายลมเย็น
จากที่แสนไกล มาดับร้อนใจให้คืนกลับมาอย่าช้านาน..
ในราตรี..ทุกพันธุไม้เพื่อนใจคุยกันด้วยใจหวั่นวิตก
ในรานร้าวของเจ้าของ..ที่กำลังตรอมตรม
กับความคิดถึงที่ซ่อนซุกสุขซ้อน..
ทุกโมงยามในหัวใจยามนี้..
ที่เงียบงามดายเดียว..สิ้นหวังอย่างเหลือเกิน..
7 กรกฎาคม 2546 22:14 น.
พุด
ทิน..ดำผุดดำว่ายกลางทะเลสวยใสสีมรกต
ราวแผ่นกระจกใสเรียบ
เขาโผล่ขึ้นมา ยืดร่างที่มีพราวน้ำจับตามแผงอกและลำตัว..
ย้อนแสงสนธยา สะท้อนจับร่าง
จนผิวกลายเป็นสีทองแดงเลื่อมพรายพราว..
ทิน...มาที่นี่มัลดีฟส์ ที่มีเกาะลังกันสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย
เป็นเกาะเล็กๆ ที่ใช้เวลาเดินได้รอบเกาะภายในหนึ่งชั่วโมง
มีชายหาดและทะเลที่นับว่าสวยที่สุด ติดอันดับโลก..
เพราะพื้นที่มีน้อย เขาจึงคิดสร้างบ้านพักให้อยู่ในน้ำทะเล
และมีวิธีการเดินท่อดี ท่อน้ำเสีย บ่อพักน้ำได้แยบยลมาก
เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นรีสอร์ทแห่งแรก
ที่ดีไซน์ราวบ้านของโรบินสันครูโซ มีทั้งหมดเจ็ดหลัง
ที่เป็นห้องพักแบบสวีท
ไม่มีสะพานทอดจากฝั่งไปถึง และระหว่างบ้าน
ก็ไม่มีสะพานเชื่อมต่อกันเสียอีก เสนอความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุดใ
ให้ผู้มาพัก เพื่อใช้ชีวิตสองต่อสองอย่างโดดเดี่ยว
แต่ไม่ดายเดียวกลางทะเล อยากจะไปไหน ก็ใช้เรือบดเอา..
ทิน..ชอบห้องน้ำที่มีอ่างน้ำริมหน้าต่าง มองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา
และแสนจะเซ็กซี่ เร้าอารมณ์ เมื่อผนังเป็นกลาสบล้อก
จะเห็นร่างงามเย้ายวน เป็นเงารางเลือน..ยามใครบางคนอาบน้ำ..
ทิน...จึงตัดสินใจเลือกที่นี่ บรรยากาศหวานฉ่ำขนาดนี้
มากับ..ผู้หญิงคนดีที่เขาแสนรัก และคิดว่าแสนโชคดีที่สุดในโลก..
ที่ได้ชิดใกล้ครอบครองเป็นเจ้าของทุกตารางนิ้วในตัวเธอ
ได้มองภาพเธอ ตรงหน้า..ราวภาพฝัน..
ผู้หญิงที่กำลังสวมชุดบิกีนี่สีเงินวะวาววับ รับกับผิวเนียนละมุนสีงาช้าง
ที่บัดนี้ถูกแสงอาทิตย์ยามอัสดงโลมร่างจนเป็นสีแทนดั่งทองทา
เธอ..จมอยู่ในภวังค์ฝัน..กับผืนน้ำทะเลที่สวยสุดใจ
ที่คงไม่มีที่ไหนอีกแล้วในโลก..
ที่มีทั้งสีฟ้าอ่อน ฟ้าสด ฟ้าเทอร์ควอยซ์ เขียวมรกต
น้ำเงินเข้ม ที่ทั้งหมดไล่เฉดสีกันอย่างสนุกสนาน บานเบิกใจ..
และในไม่ช้าจะถึงเวลายามสายัณน์ตะวันรอน
ที่พระอาทิตย์จะลาลับฟ้า..
พาให้ทุกดวงใจ ต้องนิ่งงันราวต้องมนต์สะกด..
.กับฉากจริงตรงหน้าที่ราวกับว่าฝันไป!
ทิน..เหนี่ยวตัวขึ้นมาจนถึงบันได
ที่ทอดรับกับห้องพักกลางทะเลสวยใสนี้..
โอบตระกองไปเบื้องหลังไหล่สล้างละมุน..
จุมพิตเบาเบาริมแก้ม..เรียวปาก และทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง..
กุมมือกันไว้เงียบเงียบ.. สองดวงใจดื่มด่ำ..กับทะเลฝันตรงหน้า
พระอาทิตย์กำลังโรยตัวช้าช้า แตะแต้มผืนน้ำ อ้อยอิ่ง
และทิ้งแสงสวยสีทองฝากร่ำลา สะท้อนวะวับวาว
ราวเกล็ดเพชรทาทาบ..จับผืนน้ำ..
ทิน....หันมาสบตา ยิ้มหวานนิ่งนานกับหญิงสาวตรงหน้า
ใช้สองมือประคองใบหน้า นุ่มละมุนเบามือ
ให้เงยแหงนรับจูบดื่มด่ำ..เนิ่นนานอ้อยอิ่ง..โลมไล้นุ่มลึก..
จูบหวานเริ่มรานรุกล้ำลึก รุนแรง จริงใจ จากใจ...
จนโลกสวยใส ทะเลกว้างตรงหน้า สงบงัน ด้วยอิจฉา
และทายท้าให้โลกแห่งความจริงหยุดหมุนชั่วขณะ
ราวสวรรค์ลอยเลื่อน.. หญิงสาวกระซิบบอก.....
ขอโรสแมรี่สองที่ดีไหมคะ?จูบเราจะได้หวานกว่านี้..
ไม่อาว..คุณก็รู้นี่นา จูบผมหวานกว่าไวน์ซะอีกนะ นะ
และคุณก็รู้นี่นา..ผมจะหลับทันที่ถ้าหากมีแอลกอฮอล์ ในตัวผม..
เอาไหมละ! คืนนี้..คุณจะได้ดายเดียว..
ทินยิ้มล้อ..หัวเราะทำตาเจ้าเล่ห์เสน่หาใส่!
ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า เราจะมีวันสุขแสนดีอย่างนี้ด้วยกันนะคะ
ทิน....สบตาอีกคราครั้งโน้มตัวไปจูบเคลียแก้ม
ไล้ไปตามซอกหูซุกซน และหยุดนิ่งที่ริมฝีปากช่างเจรจา..
มาเลิกพูดดีกว่า..มามะมานั่งบนตักผมนี่..
ผมมีอะไรจะกระซิบให้คุณฟัง..นะ
คนดีถ้าผมจะบอกคุณคือผู้หญิง
ที่ผมตามหามาตลอดชีวิตใฝ่หามาตลอดชีวิต
และเป็นสนิทเดียวกับจิตวิญญาณของผม
ผมยอมพลี เพื่อให้ได้คุณมาแนบข้างในวันนี้ นาทีนี้!
ที่ผมรู้ว่ามีค่าสูงสุดเหนือสิ่งใด ในชีวิตนี้ ที่ผมรอคอยมาแสนนาน.
และผมรู้ว่าตราบวันตายของเสองเรา
ผมจะไม่เหงาใจและดายเดียวอีกต่อไป!
ที่รักคะ....ฉันก็มีอะไรจะบอกคุณมากกว่านั้นนะคะ
สิ่งที่ดีที่สุด มีค่าที่สุดในชีวิตคนเรา
ก็คือมิตรภาพอันบริสุทธิ์และจริงใจต่อกัน
ผ่านคืนและวันนานเนิ่น..
ในความรัก ความเข้าใจกันนั้นต้องอาศัยเดิมพันใจ ..
ที่หนักแน่นมั่นคง รู้อดทน กลืนกล้ำ รอคอย....
มิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย.. แม้บางครั้งบางคน..
อาจจะไม่มีวันโชคดีได้พบจุดจบแบบวันนี้เหมือนอย่างเรา..
แต่เขาทั้งสองก็จะภาคภูมิใจ ในหัวใจอันเด็ดเดี่ยวมั่นคงจงรัก..
ที่จักไม่มีวันตาย!
คนเรามิได้เกิดมาเพียงภพเดียวชาติเดียว..จริงไหมคะ?
แล้วจะท้อใจไปไยเล่า จริงไหมกับรักนี้ที่ต้องรอคอย..
แม้จะนานแสนนานสักเพียงใดหากใจเรายังมิมอดหวัง!
เอาเถอะนะ..สำหรับเรายังโชคดี ที่ฟ้าปรานีเห็นใจในที่สุด...
คนดี...ฉันมีอะไรจะกระซิบนะคะอีกอย่างนึงค่ะ..
หญิงสาวเอนตัวลงบนตักกว้าง สองมือประสานโอบรอบคอ
และโน้มลงมาเพื่อ ดอมดมพรมจูบริมหูริมแก้มสากๆกับคางหอมละมุน..
และกระซิบคำหวานบอกเบาๆ .....................
(ให้ผู้อ่านทุกท่านเดาเอาเองและเติมตามใจตามจินตนาการหวานๆที่ชอบค่ะ)
ด้วยรักนะคะ >
จงรัก............
โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต..
และโปรดอย่าถามว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอและรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน กำหนดวัดได้เท่าดวงใจฉัน..
อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์
เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงปานนั้น
รู้แต่เพียงฉัน..หมดสิ้นรักเธอ..เมื่อฉันหมดลม..........
7 กรกฎาคม 2546 12:04 น.
พุด
ฤดูร้อนยังอ้อนอิงอ้อยอิ่งอยู่กับฤดูฝน......
ยามเช้าดวงอาทิตย์สีส้มแปร๊ด ยังทายทักฟ้าสีเหลืองนวล
ดวงดอกไม้ยังเริงร่ายระบำรับแดดอ่อนอุ่นและยามบ่ายรับหยาดละมุน
ของละอองฝนพรำ พรมพร่าง พัดมากับพายุแรง..จนถึงยามเย็นย่ำ..
บ่อปลาของฉัน ใต้ซุ้มการะเวกต้องคอยดูมิให้น้ำล้นบ่าพัดพาปลาแสนสวย
กระเสือกกระสน ออกมาตายหมู่แบบปลาแดดเดียว..
มวลหมู่มัจฉา..ยังเริงร่า ว่ายวน รอท่าเล่นน้ำฝน..สเริงสราญ..
ฝนตกทุกครั้งครา ทำให้ฉันอยากกลับไปเป็นเด็กจัง เพราะชอบเล่นน้ำฝน
บางเวลาฉันเฝ้าคิด เด็กสมัยนี้จะมีบ้างไหมนะ ที่รอท่าออกไปวิ่งเล่นกลางสายฝน..เพราะแม่ พ่อ เลี้ยงดูทะนุถนอม คงไม่ยอมให้ลูกตากแดดตากฝน..
ผิดกับเรานะ ที่เกิดมาในชนบทไกลปีนเที่ยง ที่คอยลบเลี่ยงแม่พ่อรอเอาศรีษะ
หรือกะบาล ไปรอท่ารอรับหยาดฝนเล่น ให้ฉ่ำชื่นชื่นใจ เย็นฉ่ำในทรวงและท้าทายสายพิรุณใส..ด้วยการแหงนเงยหน้ารับสายฝนแรง ให้เจ็บๆคันคัน มันส์สะใจดีแท้ ..และได้ชิดใกล้ธรรมชาติยามวสันตฤดู..
เป็นสิ่งแสนดี ที่คิดแล้ว ทุกวันนี้ยังแอบทำอยู่เลย..
บางวัน ตลอดวัน และไม่มีอะไรทำ เด็กเด็กอย่างเรานั้น
จะพากันไปที่ชายทะเล ไปเล่นน้ำทะเล ที่แสนอุ่น ยิ่งกว่าน้ำในอ่างจากุชชี่
ที่แสนดี แสนสนุกจนได้เรื่องก็มี ที่วันหนึ่งฉันนี้ถูกแมงกระพรุนไฟฟาดเข้าให้ ด้วยความซุกซน หาญกล้าพาเพื่อนๆออกไปกลางทะเลกว้างห่างจากชายหาด แสนไกล ..
แมงกระพรุนไฟที่ฟาดร่าง ฟาดขา แสบร้อนราวร่างจะแยก ต้องกระหืดกระหอบว่ายกลับมาเอาทรายถูพิษออก และต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มนานหลายวัน ถือเป็นประสบการณ์ที่แสบคันมันส์แบบจำไม่ลืมเลยทีเดียว
ที่ฝากแผลริ้วลายบนขาขาวๆ นานหลายปี..
มาวันนี้ ฉันคิดดูก็ตลกและขำมากกับชีวิตวัยเยาว์ ที่แสนผจญภัย..
ทุกความทรงจำช่างเป็นสิ่งสวยงามแสนดีที่คราใดยามใจดวงละมุนนี้คิดย้อนหลังจะยิ้มหวานบานเบิกใจ..
ฉันคิดว่า ชีวิตคนเรานั้น ทุกความทรงจำไม่ว่าดีร้าย มีความงดงามหวานหอม
ซุกซ่อนให้สุขซึ้งใจ ..เหมือนยามที่เรารักใครบางคนมากมาย จะดีจะร้ายจะรักเขาข้างเดียว ข้าวเหนียวค้างปียังไงก็ยังดี ที่หัวใจดวงนี้ของเรายังได้หวามไหว เรียนรู้ที่จะให้ความรักที่ยิ่งใหญ่สวยงามกับใครสักคนอย่างโอบเอื้อ อ่อนโยน อ่อนหวาน ละมุนละไม..และ ..
แม้ใจเรานี้จะว้าวุ่น แสนทุกข์ตรมดายเดียวก็ตามทีเถอะนะ...ดวงใจ!
7 กรกฎาคม 2546 11:03 น.
พุด
ฉันกำลังเปิดCDเพลงนี้จากเสียงนุ่มละมุนของพี่แจ้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์..
หลั่งความขื่นขม ที่ถมอยู่ในใจคน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั่นคือหยาดฝนฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมพื้นไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองคุ้งทุ่งหนองนองไป
หล่อเลี้ยงพืชพรรณมีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหลพลันฟื้นตื่นใจ สวยงามสดใสจริงเอย...
พอแสงทองอาทิตย์ทาบทา(ซ้ำ)
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมระเพยพัดเลยลอยวน..
หยาดน้ำจากตานางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ผ่านมากับลมเป็นฝนพร่างพรมใจคน
แต่น้ำจากตา ตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอยระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝนฉ่ำใจ...(ซ้ำ)
ทุกครั้งที่ฝนตกฉันมักจะเปิดเพลงนี้คลอเคล้า
และยามที่ดวงใจร้าวรานสุดทนจนต้องหลั่งน้ำตา..
แม้จะมีคนกล่าวว่า..น้ำตา..มิสามารถแก้ปัญหาใจได้ก็ตามที..
ใช่..บางทีมันก็จริง แต่ก็..จะใช่เสมอไป...
เพราะบางครั้งครา..น้ำตาก็ช่วยชะล้างระบายคลี่คลาย
ความหมองหม่นใจได้ เหมือนดั่งหยาดฝน
ที่คลายความมืดมนแห่งท้องนภา
ให้มีฟ้าหลังฝนสว่างแจ่มใสและหยดน้ำตาพา
ให้ดวงใจแจ่มจ้าอีกคราครั้ง..
หลังพายุร้าย พายุรัก พัดผ่าน.ลาเลยลิบ ไปไม่หวนคืน...กลับมา
และในทุกยามที่เรานี้หันไปไม่มีใครคอยปลอบโยนช่วยเช็ดน้ำตา..
ฉันมักร้องไห้เสมอ ยามนี้ที่มีปัญหาคาใจ ...
หลังจากนานปี ที่ดวงใจนี้เคยฝึกความใจแข็งจนใจแห้งผากไปทั้งดวง..
เก็บความโศก รานร้าว เศร้าหมองไว้จนใจมันด้านชา
จนน่ากลัว..กับความทุกข์ที่สาหัสสากรรจ์..
บทเรียนที่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า
แม้หยาดน้ำตาจะมิได้ช่วยแก้ปัญหาเราได้ทั้งหมด..
แต่ก็สามารถทำให้หัวใจเราหมดจดได้ระดับหนึ่ง
หลังจากได้ผ่านการครวญคร่ำร่ำไห้ดายเดียว
ได้ระบายชะล้างทั้งดวงตา และดวงใจที่มืดบอด..
ให้คลายหม่นทนระทมลงได้บ้าง..
ทุกค่ำคืน..ไม่ว่าคืนค่ำไหน หากดวงใจฉันโศกช้ำสะเทือน.
.ฉันจะนอนนิ่งๆทิ้งตัวในความมืด...
จะมีดวงดารากระพริบพราวพร้อมเป็นเพื่อนหยาดน้ำตา
ให้กับดวงใจที่เหว่ว้าในเรียวตาที่สะอื้นไห้อย่างเงียบๆลำพัง...ดายเดียว..