12 มิถุนายน 2546 02:00 น.
พุด
ฝนตกพรำพรำ จนถึงย่ำรุ่ง..
ดวงตื่นนอนยามค่อนมืด..ดวงดาวยังส่องแสงสุกใส
วาระแห่งทิวากาล แลเห็นเพียงแสงเรื่อเรื่อ ตามขอบฟ้าทิศตะวันออก
ได้ยินเสียงนก..รายรอบบ้านร้องระงมจอแจ และบินพรูพราว..
เสียงไก่โต้ง ขันอยู่เป็นระยะ จากบ้านชาวสวนละแวกข้างเคียง
ดวงค่อยๆแลลอดเห็นดาวประจำเมือง แขวนฟ้า กิ่งจำปีริมชายคากวัดแกว่ง
ส่ายใบ เห็นหยาดฝนพรำ สั่นไหวใบจำปีไปตามแรงลม....กระโชกกระชั้น..
ดวงหลับตา ฟังเสียงดนตรีธรรมชาติงาม ด้วยใจดวงเงียบ เสียงพริ้งพราวของสายฝน
ต่อสายฝันให้พริ้งเพริศตามไปด้วยคิดถึงใครบางคน ยามนี้..
บทเพลงแห่งธรรมชาติ ที่เป็นความยิ่งใหญ่หวามไหว ในใจดวงละมุนต่างๆกันไป
ตามสถานที่.......
เคยฟังเสียงคลื่นราวดนตรีกระฉอกซัดสาด หาดแผ่วๆ ยามอรุณรุ่งที่เกาะพะงัน
ที่เป็นเสียงดนตรี กล่อมฝันกล่อมจิตวิญญาณ มาตั้งแต่ยามเยาว์ ....
ธรรมชาตินี้ที่ซึมซับ ให้มีเช้าที่หอมงาม ที่ตามติด ในทุกยามแห่งชีวิต
ให้รู้จัก เงี่ยหูฟัง มิใช่นอนฝัน เป็นผีดิบคลุมโปง จนสายโด่งแบบคนเมือง
วาระแห่งอรุณ..ที่สะอาดสะอ้าน มีชีวิตชีวา ที่คนบางคนไม่รู้ค่าปล่อยกาลเวลาให้ผ่านๆไป
ไม่ไยดี เอาเวลาแสนดีมาเป็น ผีตาโบ๋ นั่งสว่างคาตา หน้าจอคอม(ว่าใครกันนะนี่)
เอาเถอะนะ..คนเราต่างฝันต่างสุข นี่นา ก็ตัวใครตัวคุณแล้วกันนะที่รัก..
เปิดประตูออกไปสัมผัส ไอเย็นของละอองฝน และสายลมเย็น
แหงนมองฟ้ากว้าง ฝากดวงดาวและจันทราที่ค้างฟ้า ให้โลมไล้ร่าง
คนดี.....พรมจูบจากใจ แทนห่วงใย ส่งพลังใจหยิบผ้าห่มคลุมร่างให้
จูบแผ่วผ่านริมคางและแก้มสากๆ ก่อนซุกตัวหลับไหลไปด้วยกันในอ้อมฝัน
ที่อยากให้เป็นจริงและแสนดี ที่ฝันฝากใจไปทุกค่ำคืน..
พร้อมเปิดเพลง แผ่วรับอรุณ..Hello ของไลโอเนล ริชชี่ หวานแว่วแผ่วมาจากC.D
อยากฝากเพลงนี้แทนใจไปกระซิบบอก ขอให้มี..มหัศจรรย์วันแสนดี ทุกคืนค่ำ
วันที่เรายังมีเรา..กันและกัน..ในความเข้าใจ ในสายใยห่วงหาอาทร..มิรู้สิ้น
เพื่อปลุกปลอบใจ ให้มีหวังว่า วันจะไม่ดายเดียว เหงาเงียบใจ..ในโลกกว้างใบนี้
ที่แสนวุ่นวาย นะดวงใจ....
ซุกใจ ซุกฝันสล้างกลางใจฉันนะ คนดี ส่วนร่างนั้นคือหน้าที่แห่งชีวิตที่จักดำรงอยู่คู่กันไปกับโลกใบนี้ที่ยังหมุนวน..มิรู้สิ้น..........
มอบให้เพราะคำ..ลำน้ำน่าน
ยามเห็นทองหลางดอกร่วงพราวลงลาต้น
ยามนั้นหัวใจลอยลิบลิ่วไปแล้วครับพี่พุด
บทกวีงามในหัวใจเหลือเกินครับ
คืนนี้ฝนพรำๆ ที่นี้.....อ่านงานพี่พุดแกล้มสายฝน หนาวหัวใจ ยิ่งนัก
12 มิถุนายน 2546 01:11 น.
พุด
กลางสระน้ำสีฟ้าอ่อน ใสแจ๋ว
มีร่างใครคนหนึ่งในชุดบิกินี่ สีฟ้าสวยเข้มกว่า..
ในท่า ลอยตัว ตามสบาย มองฟ้าปล่อยดวงใจลอยล่องฝัน
ไปไกลแสนไกลถึงใครบางคน
ที่ดูราวใกล้แค่เอื้อมแต่กลับไม่อยากเอื้อมให้ถึง....
ฟ้ากว้าง..ยามเย็น มีเมฆขาวนวลแตะแต้ม..อาทิตย์หลบอยู่หลังดงไม้สูง
เสียดฟ้า เป็นแถวทิว ฉากชั้น กั้นสายตา จากโลกภายนอก.....
รายรอบเงียบงาม ...สงบสุขจนเผลอใจคิดว่าวิมานทายทักให้พักใจ..
นิ่งนาน ในน้ำสวย กับดวงใจที่สุขล้ำ..
ยามเงยหน้าเห็นฟ้าหวาน.แย้มยิ้มพริ้มเพรา..เบื้องบนนภา..
พร้อมเพลงหวานไหวจากวิทยุที่ใครบางคนเปิดทิ้งไว้ริมสระ....ลอยลมมา..
รักเอย..
จริงหรือที่ว่าหวาน...หรือทรมานใจคน .....
ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ
รักนี่..มีสุขทุกข์เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี..
รักเอย.....
รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี
หวั่นในฤทัยเหลือที่ เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ(ฮัม.........)
...............................................................
ขืนห้ามความรักคงมิได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย..(ฮัม........)
หลับตา..ครวญตาม..กับน้ำเคลียปริ่มริมแก้ม หนาวเยือกไปถึงดวงใจ
ในนาทีนี้ ใช่เลย..... หวั่นในฤทัยเหลือที่...
เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ..ฮัมๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขืนห้ามความรัก คงมิได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย..........ฮัมๆๆๆๆๆ......
ในความรัก เป็นความทุกข์ ดั่งพระพุทธองค์ทรงสอนสั่ง
ดั่งพระจันทร์ทั้งข้างขึ้นข้างแรมมีทั้งหวานฉ่ำพรำสุขล้น
กับมืดหมองหม่นราวจันทร์แรมร้างราลาลับดับสูญ..ในยามพรากจาก
มิยั่งมิยืน..มิเที่ยงมิแท้แน่นอน
แปรผันลวงหลอนยอกย้อนหลอกใจ ให้กับใจมนุษย์ทั้งหลาย
ที่ยังต้องเวียนว่ายหนีไม่พ้นบ่วงกรรม.
ตราบที่โลกยังหมุนวน
และฤดียังหมุนเวียนมาชดใช้กรรมนะดวงใจ!
12 มิถุนายน 2546 00:33 น.
พุด
ฉันเขียนเรื่องนี้ กับฉากสายฝนหลงฤดูพรมพร่าง
ตกต้องแตะพื้นน้ำในสระสวนขวัญ สวนจินตนาการ
ที่ฉันมาฝากใจฝากร่างทายทัก พักใจทุกโมงยามที่เหงาเศร้าดายเดียว
เป็นฉากสายฝน สายฝัน ที่หม่นเศร้า เทาทึมรอบทิศทาง มีไม้งาม
รายรอบระบัดใบ..ไหวเอนรับหยาดละอองฝน
ชะล้างหม่นมัวให้เขียวสด สดสะพรั่งใสสะอ้านทันตา....
ฉันเงยหน้าแหงนรับหยาดฝนพรมพรำ ให้ชะล้างหมองหม่นของ
ร่างและใจฉันเฉกเช่นกัน ในวันนี้..
ในร้าวฤดี... คิดถึงบทเพลงเพลงหนึ่ง
จนเผลอร้องออกมาท่อนหนึ่งด้วยซึ้งซ่านและรานร้าวใจ.....
ล้างให้ออก ล้างให้ออก ล้างใจเธอ ด้วยใจฉันเอง!
.................
และอยากฝากเพลงนี้ ที่เคยโดนใจให้กับทุกคนที่แสนรัก แสนห่วงใย
ที่ดวงใจกำลังหมองไหม้ด้วยมลทินรัก มลทินแห่งใจ..ได้คิด..
ใช้หัวใจดวงดี ดวงหนักแน่น..รู้รัก..รู้อภัย..รู้เข้าใจ..รู้กลืนกล้ำอดทน
เพื่อชะโลมน้ำทิพย์รินรดหยดล้างใจให้กับคนดี..ทุกคนที่ยังหลงวนหลงเวียน
มืดบอดอยู่ในบ่วงกรรม..บ่วงรัก..บ่วงเสน่หา..หาทางออกมิพบเจอ
ฉันทอดน่อง..เดินช้าๆแหงนหน้าท้าหยาดพิรุณใส อย่างตั้งใจ..
ให้..สายฝนชุ่มฉ่ำรินรดใจดวงร้าว
ในวันนี้ที่รานแยกแหลกยับ กับการจากไปของเธอ..นะคนดี...
เอื้อมมือเด็ดดอกพิกุล ดอกเล็กละมุนซ้อนกลีบหวานเศร้า มาไว้ในอุ้งมือ
หวนคิดถึง วันก่อนเก่า ที่ไปวัดยามเช้ากับคุณย่า
และนั่งดายเดียวร้อยมาลัยใต้ต้นพิกุล พวงมาลัยหอมงาม
พวงมาลัยแห่งชีวิต ที่ตามติดงามงดมาคล้องดวงใจ
จนถึงบัดนี้ มิสิ้นไร้หายไปไหน
และไม่เคยมีสร้อยเส้นใด
แม้จะเป็นเพชรพราวสูงเทียบเลอค่าเท่านี้ในดวงใจที่ใสงาม..
คนดี..เธอรู้ไหมว่า ด้วยดวงตา และดวงใจพิสุทธิ์ใสดวงนี้ที่มากมีความทรงจำ
ราวกับซ่อนรุ้งเลื่อมพรายงามฉายฉาน อยู่ในสายใจ สายไยรัก ที่มิมีวันมอดสิ้น
และแจกแจงรจนา ออกมาได้ทั้งหมด..ทั้งใจ..
คนดี..ฉันผู้หลงรักนาทีนี้ นาทีแห่งสายฝนพรำ..
นาทีแห่ง สายฝัน สายน้ำผึ้งพระจันทร์ และแสงสร้อยสุริยายามจะลาลับฟ้า
ราวรอระบายฝัน สร้างพลังถักทอใจทุกดวงให้ก้าวเคียงกันฝ่าฟันไปบนถนนสายดอกไม้งาม..จรุง!
ฉันแสนรักนาที..หม่นเศร้า ราวสายฝนในใจฉันพรำรินรด..
ให้ใจซึ้งเศร้าจนเกินทนจนชาชิน จนนิ่งงัน และเงียบงามในที่สุด..
ต้นไม้แสนรักทุกต้นยังหยัดยืน กวัดแกว่งรอท่า ทายทักให้ฉันพักใจ..ระทม..ระทวยทดท้อรอลา!
นั่นต้นลั่นทม..ดอกพราว ที่เธอ..เคยก้าวเข้ามาเพื่อรอท่าให้เราสองอยู่ในอ้อมกอดสักครั้งสักครา กับวันเวลาแสนดีแสนรักที่รอมาแสนนาน..
เป็นฉากฝัน ที่สวยงาม หวามไหว..ที่บัดนี้ในม่านฝนและม่านน้ำตา..ฉันเหลียวหา..ไม่มีเธอ!
เป็นฉากฝันที่ลาลับ ยากหวนกลับคืนมา..ดั่งสายน้ำ..ที่รินไหลไปมิอาจย้อนหวนทวนคืนเฉกเช่นกัน..
นั่นทองหลาง..ออกดอกแดงพราว เคยสวยจัดจ้า แต่ไฉนเล่า!..กลายกลับเป็นแดงหม่นราวหยดเลือดและหยาดน้ำตา..ในวันนี้..ที่ไม่มีเธอ..อีกต่อไป..
พญาสัตบรรณ..เป็นช่อชั้น สูงใหญ่ คอยปกป้องผองภัย คุ้มแดด คุ้มฝน คุ้มหัวใจ คุ้มชีวีฉันนี้ให้มีชีวารอท่าเธอเสมอมา..กลับยืนเศร้า ราวได้ทำหน้าที่สิ้นสุดลงแล้ว.
คนดี....ลมกระชั้นกระโชกแรง พัดกระโปรงฉันพลิ้วไหว พัดหัวใจฉันกระเจิงไปกับสายฝนและลมแรง..
หอบหัวใจฉันนี้ให้พะว้าพะวัง กับฉากฝันต่อแต่นี้ที่สิ้นไร้เธอเคียง..
ฉัน..บรรจงเก็บพิกุล เต็มกอบกำ และห่อดอกดวงนั้นในผ้าเช็ดหน้า..ผืนโต..
ฉัน..จะกลับไปตั้งสมาธิร้อยมาลัยดอกพิกุล ในคืนค่ำนี้..ถวายพระ..
และสวดมนต์ภาวนาให้นานกว่าทุกค่ำคืนเพื่อเราสอง..
ฉันจะร้อยพวงที่สองวางไว้ใกล้หมอน และหลับฝัน เพื่อตื่นขึ้นมาในนิทราที่แสนดี
ว่ามีเธอคอยดอมดมพรมจูบเส้นผมอวลหอมกับลมหายใจรักระริน ที่รินรดเป็นหนึ่งเดียว
ของสองเรา..
คนดี..หลับฝันดีนะ และไม่ว่ากี่ทิวา และราตรีจะผันผ่าน นานเนาไปกับกาลเวลา เนิ่นนานสักปานใด
ก็จะยังมีผู้หญิงคนนี้..ที่รักคุณยิ่งนัก ที่มีอ้อมกอดแห่งรัก ไว้ทะนุถนอมห้องหัวใจและร่างคุณ
ไม่ว่าจะต้องการอบอุ่นหรือยามดายเดียวนะดวงใจ!
10 มิถุนายน 2546 23:26 น.
พุด
มีชีวิตติดดินตั้งแต่เด็ก
โลกใบเล็กกับทะเลกว้างกับฟ้าใส
กับชีวิตผู้คนมากน้ำใจ
โลกสวยใสสร้างหัวใจให้งดงาม..
มาวันนี้ภายในใจไม่เลิกหวัง
สร้างพลังมอบน้ำใจไม่เกรงขาม
ถึงผ่านพบคนไม่เข้าใจซ้ำเติมตาม
ย่ำเหยียดหยามยิ่งสู้อย่างรู้ตน
โลกมนุษย์มากคนมากความคิด
มากถูกผิดพลั้งพลาดหากสับสน
เพียงพบผ่านเป็นบทเรียนสอนใจตน
ไม่วกวนอ้างว้างทางแห่งใจ..
ขอฝากคำสอนใจในทุกสิ่ง
อยากได้รักจริงจากใครใจสวยใส
อย่าหวงแหนโหดร้ายทำลายใคร
แบ่งปันใจเอื้อโลกฝันกันและกัน
มีน้ำใจมองโลกสวยหลายหลายด้าน
ใจเบิกบานมอบดอกไม้แห่งความฝัน
เป็นลำธารเย็นชื่นชื่นใจกัน
แล้วสวรรค์..จะลอยมาแตะแต้มใจไม่ช้านาน..นะคนดี!
10 มิถุนายน 2546 23:20 น.
พุด
ตะวันเฟือนฟ้อนรอนรอนแสง
เหลือบเรียวแดงราวส้มสุกงามเจิดจ้า
ลอดโลมไล้ฟองเมฆนวลพราวราวรุ้งพุ่งพราวตา
นกถลากางปีกฟ้อนย้อนรอยแสงแห่งตะวัน..
เรี่ยเรี่ยรำรำระบำฟ้อน
ลมออดอ้อนไพรพฤกษ์พงดงไม้ฝัน
ตะวันฟ้อนพริ้งพราวเฝ้าปลอบดวงชีวัน
ช้อนตาพลันไยมืดหม่นจนหมองใจ..
ตะวันฟ้อนดับกลางใจคนว้าเหว่
โอ้ทะเล..เงียบงามเลิกหวามไหว
ตะวันฟ้อนอ้อนชั่วครู่เฟือนฝันไป
ตะวันจริงกลางใจ..ไม่มีแล้ว..ดับมืดมน..จนนิรันดร์!