25 มิถุนายน 2546 00:06 น.
พุด
ฟ้ายามเช้า..แจ่มสวย..
หลังฝนพรำพรำทั้งคืนเมื่อคืนนี้
เพื่อนสีเขียวของไพลรายรอบบ้าน
ระบัดใบเริงร่ารับหยาดฝน
ใบเขียวจึงดูสล้าง สดชื่น สวยใสกว่าทุกวัน..
ไพลมองผ่านกระจกใสแจ๋ว
ที่ถูกสายฝนชะล้างเมื่อคืนนี้
แล้วยิ้มออกมาอย่างยินดี..
ที่เห็นดวงดอกไม้นานาพันธุ์ของไพลนั้น
กำลังบานชูช่อ ล้อสายลมสะอาดหอม
กับสายลมยามเช้าที่พัดไหวระริน..
กุหลาบดอกตูมตั้งเผยอแย้มหวานบานอีกคราแล้ว
หางนกยูงฝรั่งก็ออกดอกแดงพรืดเต็มต้น
ไหนจะพุดเวียตนามที่บานพราวจนเก็บไม่หวาดไม่ไหว
ไพล..ดีใจที่วันนี้ไพลมีดวงดอกไม้หลากสี
ประดับโต๊ะเขียนหนังสือ ให้หอมจรุงไปทั้งวัน
จนถึงยามค่ำถึงดึกดื่น..
ที่ที่ไพลจะนั่งอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสืออยู่ตรงนี้
ที่เป็นมุมสงบสุข แสนดี อย่างเหลือเกิน..
แต่พอยามเย็นมาเยือน..
พลันฟ้าที่แจ่มสวยนั้นก็พลันหม่นมัวราวใจคน
ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะสลับกันสุขทุกข์
เป็นสัจจธรรมเฉกเช่นเดียวกันกับธรรมชาติงาม
ที่หมุนวนหมุนเวียนเปลี่ยนผันมาเยือนมาสอนใจ...
ฟ้าสวยกลับเศร้าเทาทึมราวร้าวรานจนอยากร้องไห้
ยามแหงนเงยมอง..ไปรายรอบทุกทิศทาง..
ลมพายุพัดแรง น่ากลัว
จำปี ที่เชยชิดถึงชายคา สลัดใบร่วงกราวปลิวว่อนไปตาม
กระแสลมแรงที่พัดกระโชกกระชั้น..
ร่มสีเหลืองคันใหญ่ ที่กางไว้ใต้ต้นก็พลันราวจะปลิวไปตามแรงลม..
ไพล..ใส่เสื้อฝนสีฟ้า รีบพาร่างออกไปนอกชายคา
ไปดูแลอ่างปลา..และ
เร่งมือกวาดใบจำปี มิให้พัดไปไกล กลัวว่าจะไปอุดท่อระบายน้ำ
นี่คือความรับผิดชอบของคนรักต้นไม้ ที่ต้องขยันหมั่นเก็บกวาด
มิใช่แค่..ปลูกหวังเชยชมเพียงอย่างเดียว..
แต่ต้องเอาใจใส่ดูแลต่อส่วนรวมมิให้ไปตกตามถนนและหน้าบ้านใคร..
กล้วยกออวบงาม ที่สูงใหญ่แทงใบโชว์ความเขียวอ่อนสวยใส
แทบถึงชั้นสองริมหน้าต่างห้องนอน..
บัดนี้ออกเครือมากมีหวีงามห้อยต่องแต่ง
หวาดเสียวว่าจะหักราญลงมา จนต้องไปหาเชือกมาผูกไว้
ในท่ามกลาง สายฝนกระหน่ำหนัก ที่พรมพร่างฝอยฝน
ราวธรรมชาติประทานฝันให้หัวใจไพลพลันสะอ้าน...
หวานไปกับฝนแรกแทรกบทเรียนสอนใจนี้ที่เวียนวน
ให้ผู้คนบนผืนโลกยอมรับโศกสุขราวฤดูกาลที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..
ตราบใดที่หัวใจยังไม่ว่าง..วาง
เพื่อหนีห่างหนี้กรรม..หนี้รักนี้ ที่คู่โลก คู่คน วนย้อนรอยมิรู้จบ.....
.........
23 มิถุนายน 2546 02:41 น.
พุด
ผมกำลังขับรถ กลับกระท่อมน้อย ในไพรกว้าง
ที่ไร้ร่างรักของผู้ใดรอคอย...
นอกจากเจ้าสุนัขน้อยนามลิเดย์ เพื่อนผู้รู้ใจมานานปี..
เพลงรัก กำลังครวญคร่ำ POWER OF LOVE
ที่เต็มไปด้วยพลังรัก พลังฝัน หวานหวังสร้างพลังใจ
ผมตัดสินใจ เปลี่ยนเส้นทาง อย่างกะทันหัน
เลี้ยวซ้าย ลงสู่เส้นทางเลียบทะเลสาบสีเงิน
สนธยาทายทักลมร้อน รอนแสงแดดอ่อนอุ่น กับไรฟ้าขลิบทอง
หางนกยูงกำลังรำฟ้อนอ้อนแสงสุดท้าย ยามสายันณ์ตะวันรอน
ผมเปลี่ยนเพลงใหม่ ในไหวหวามของหัวใจ ในไหวงามของธรรมชาติ
ให้ปลอบประโลมใจที่กำลังครวญคร่ำ..ร่ำไห้ มิอายฟ้าดิน ลำพัง
เสียงคุณ คนดีที่ผมแสนรัก เศร้าซึ้งสะเทือนใจ
กับบทเพลงนี้ ที่คุณฝากมาให้ผมฟัง
ในยามที่เราสิ้นหวังจะได้พบพาน ในวันพรากจาก
ยอดรัก..
จงมองที่ขอบฟ้า..
โอบโอบโค้งลงมา นั่นคืออ้อมกอดจากฉัน
ยามเมื่อเราไกลกัน ใจฉันดังอยู่เคลียเคล้า...
ยอดรัก...
สายลมอ่อนละมุน นั่นคือสามลมอุ่น ฉันพรมและจูบลูบไล้
เธอรู้บ้างหรือไม่ รักใครไม่เทียบเทียมฉัน.
คืนวันจะผันเปลี่ยนไป..แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรงคงรักนิรันดร์..หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย..
ยอดรัก..
การจากทั้งผูกพัน ย่อมจะคิดถึงกัน เร่งวันคืนกลับเคียงกาย..(ฮัมๆๆๆ)
ยังรักเธอไม่หน่าย วันตาย นั่นแหละวันลืม......
น้ำตาผมร่วงริน..น้ำตาลูกผู้ชายคนนี้
ที่ยินดีหลั่งรินไห้ ผู้หญิงในสายถวิลในดวงใจ..
ใช่เลย..กับวันนี้..กับสิบห้าปีที่รอคอย..กับเสียงกระซิบสั่ง
ถึงความหลัง จากโพ้นฟ้าไกล..
ในวันเกิดนี้ที่คุณขอให้ผมโชคดี มีความสุข
เสมอมา ยาวนาน..มิเลือนลืม..
ผม..เก็บน้ำคำ เก็บน้ำใจ
ที่อยากฝากหวังฝากใจไว้ในหัวอกหัวใจลูกผู้ชายอกสามศอกนี้
มิอยากให้คนดี ช้ำตรม ผมเก็บแม้กระทั่งผ้าห่ม ผืนเก่าเนานาน
ที่คุณเคยส่งมาให้ยามผมนอนหนาวดายเดียว ในไพรกว้างอย่างผู้พิทักษ์ไพร
ทุกคืนค่ำ ผมกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้หลงทาง อ้างว้างใจยามสิ้นไร้คุณ
จนต้องอาศัยผ้าห่มผืนนุ่มแทนนุ่มเนียนเนื้อที่เฝ้าฝันใฝ่หา ในทุกราตรี
คุณ..คือผู้หญิงคนพิเศษเสมอมา .....
ในดวงตา ดวงใจลูกผู้ชายดิบเดิมคนนี้ที่หนักแน่นมั่นคงดั่งแผ่นผา
ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตทำงานติดดินถวิลไพร...
ใช่เลย ..ผมกำลังร้องไห้กับดวงใจเราสองที่พิสุทธิ์ใส
ที่ไม่เคยมีใครเข้าใจและล่วงรู้ กับมหัศจรรย์แห่งรักนี้ที่แสนหอมหวาน
ในใจมานานเนิ่น และจะเป็นมหัศจรรย์รักชั่วนิจนิรันดร...
ในความรักนั้น..อย่าได้พิพากษาใคร หากหัวใจคุณมิเคยพบกับคำๆนี้
คำแสนดี แสนยิ่งใหญ่ แสนเสียสละ รู้คุณค่า รู้หน้าที่
รักอย่างมีเหตุผล รู้ดีชอบ ที่มนุษย์ผู้ที่มีใจละเอียดอ่อนเพียงนั้น
พึงได้มาครอบครองเป็นเจ้าของ มิสร้างรอยร้าว คิดร้ายมุ่งทำลาย
ให้หัวใจดวงบอบบางบอบช้ำ ซ้ำเติมใจกันและกัน
..........
เกลียวคลื่น กำลังครวญคร่ำ ทะเลกำลังร่ำไห้
กับนวลแพรดาวกับพราวน้ำตาเทียนวะวับวาวกลางกระท่อมไพร
และผมกำลังซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้น
อย่างไม่อาย อย่างลูกผู้ชายที่รักเป็นที่ร้องไห้เป็นในรอบสิบห้าปีที่รอคอย...
ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้
เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ
ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ
คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา..
โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง
จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา
ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา
ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ
เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้
ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน
ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป
เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา
ตัดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท
หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา
ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า
ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร!
21 มิถุนายน 2546 01:20 น.
พุด
ฝนตกพรำพรำ อากาศหอมชื่น..
กลิ่นดอกแก้วหอมระรื่นระรินลอยมากับสายลมเย็น..
ไพล ซุกตัวในผ้าห่ม หลับตาฟังเสียงฝน..กระทบหลังคา..พริ้งพราว..
พลัน..คิดถึงอดีต........นานมา...
ในราตรี ที่ฝนพรำฉ่ำฟ้า อย่างนี้..กับคืนที่มีใครบางคน....
คืนที่ซ้อน..มอเตอร์ไซด์ ท่ามกลางสายฝน
จากโค้งอ่าวหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง..
เส้นทางที่รถยนต์ใช้การไม่ได้..เส้นทางอันตราย
เย้ยฟ้าท้ามฤตยู ที่ตัดเลียบเนินผาสูง
เส้นทางที่มองลงมาเบื้องล่าง จะมีหุบเหว ให้หวิวหวั่น..
แต่ราวจะลอยเลื่อนสู่สวรรค์ของหนุ่มสาว
ยามที่มีคนรักโอบเอวแนบแน่น ทะยานปีนขึ้นผา ท้าหวาดเสียว..
เส้นทางที่..เขาของไพล..บอกว่า จะไม่มีวันลืม คืนฝันอันตรายนี้..
คืนที่ร่างสองร่าง เปียกโชก และเนื้อแนบเนื้อ ใจแนบใจ
ไร้สิ่งใดมาขวางกั้น เพื่อบึ่งขึ้นไปยังโขดหินที่มีศาลาให้หลบฝน..
เป็นคืนฝันอันงดงาม ...ที่คิดคราใด ก็วาบหวามไหว
ในความทรงจำรำลึกของไพลทุกคราครั้ง
บางเวลา..ไพล..อดคิดไม่ได้ว่า..
ในความทุกข์ระทมจากรัก เราทุกคนก็จักมีสิ่งสวยงาม แสนดี
ให้มิรู้เลือนลืม เฉกเช่นกัน..
คืนนั้น..คุณคนดี มัวแต่สาละวนเอาผ้าเช็ดหน้าผืนโต
คอยเช็ดหน้าเช็ดผมให้ไพลอย่างทะนุถนอมเบามือ
ด้วยห่วงใย กังวลว่าไพลจะไม่สบาย จนลืมคิดถึงตัวเอง..
รอเวลา..ให้สายฝนที่พร่างสายขาดเม็ด สร่างซา ให้ฟ้าเปิด..
เพราะหากขับลงไปดีไม่ดีจะลื่นไถลมีอันตราย
จากทะเลโคลนที่ไหลบ่ามากับสายน้ำจากภูเขา..
กลิ่นดอกไม้ป่า....อวลหวานละมุนมากับ..สายฝน..
นั่งเคียงกัน ดูทะเลเหงาเหว่ว้า
เบื้องล่างลิบๆราวกับผืนกำมะหยี่ในเงามืด กับราตรีที่ไร้จันทร์ส่อง..
เป็นคืนแรม..ที่หัวใจไพลแรมๆรอนๆเสียยิ่งกว่า..
เมื่อมองสบตากันนิ่งนานในเงาสลัวของคืนฟ้าหม่นไร้สิ้นแสงดาว ...
บรรยากาศหวานหวานเป็นใจ..
ให้ดวงใจสองดวงหลอมละลาย..
เบียดชิดร่างให้หนาวคลาย
เคลื่อนใกล้เข้ามาสู่อ้อมกอดอุ่นหวานละมุนละเมียดใจ
ไพลซบหน้ากับไหล่กว้าง เขาเคลียแก้มคางเชยชม..
โลกหยุดหมุนลงนาทีนั้น กับฝันสล้าง
แสนงามของสองดวงใจ..ที่งามงดหมดจดใจ
ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น..
21 มิถุนายน 2546 00:26 น.
พุด
ทะยานสู่โค้งฟ้าถลาร่อน
ทะยอยย้อนทวนท่องล่องเวหา
ทะเลเรืองเบื้องล่างกระจ่างตา
ทะนงกว่าปักษีที่แห่งไหน
จ้าวถิ่นจ้าวเที่ยวท่องเหนือท้องน้ำ
บ้างบินต่ำเรี่ยผืนคลื่นลมไล่
หากเจ้าอยากเหิรหาฟ้าไสว
เจ้าก็โผขึ้นไปดั่งใจฝัน
ประกาศอิสระภาพ ระนาบฟ้า
ผงาดกล้า กางปีก ฉีกกรงกั้น
ทลายขอบเขตขวางอย่างเหนือชั้น
จนหนึ่งวันผันพ้นจนมืดลง
มิยึดหลักแหล่งใดให้มีห่วง
เจ้าพ้นห้วงพันธนากว่าแรงหลง
อย่างปลอดปล่อยและเปล่าเปลี่ยวเที่ยวปลดปลง
แต่ยังคงมิขอใครให้เมตตา
เจ้าคือนางนวลนายแห่งสายชล
ผู้ดั้นด้นผู้ หลุดพ้น ผู้ค้นหา
ผู้วาดแววแจ่มใสให้โค้งฟ้า
ประกาศกล้ากลางคลื่นลมที่โถมพัด
นางนวลใจนวลนางพร่างสายฝัน
ทิวาวันทิวาวารผ่านมาสอน
ปีกเจ้างามยามเจ้าโผบินร่อน
แตะผืนน้ำก่อนสายันณ์ก่อนวันลา
ในดงไม้พรานใจร้ายหมายจ้องอยู่
เจ้าร้องกู่หาคู่ใจจนอ่อนล้า
เพื่อซุกฝันวันปีกหักแม้นรักฟ้า
หวังรอท่าอ้อมตักได้พักใจ
แต่ยิ่งค่ำยิ่งดำมืดใจหมองหม่น
สายเสียจนหมดเลือดรักที่รินไหล
กับสายน้ำเย็นฉ่ำกลับหนาวใจ
นางนวลไพรฝากใจร่างกลางสายชล..พ้นมือมาร!
20 มิถุนายน 2546 23:58 น.
พุด
บทเพลงเศร้ามิเคยจบลบลาเลือนจากโลกนี้
ตราบชีวียังมีรักและมีฝัน
บทเพลงเศร้ายังร้าวรอนอ้อนรำพัน
บทเพลงฝันวันเดียวดายไร้คู่ใจ..
บทเพลงเศร้าสอนสุขทุกข์คลุกเคล้า
นัยน์ตาเจ้ามีเงาใจไยหวั่นไหว
ดวงจันทราหยาดหวานสักปานใด
ม่านฝนในแววตาพาหม่นงาม..
บทเพลงเศร้าหลายดวงใจในโลกฝัน
ราวคืนวันคู่กันไปจนไหวหวาม
ทั้งมืดมนปนสุขสันต์ทุกโมงยาม
ทั้งต้องหามดามใจไอซียู..
บทเพลงเศร้าเคล้ากลอนฝันคืนวันนี้
แด่คนดีในดวงใจไร้ใครคู่
มากล่อมขวัญว่าวันหวานยังมีอยู่
ให้รับรู้คู่โลกนี้มีตะวันมีจันทร์งาม..ให้ชื่นใจ..(ไทยโพเอมทุกทุกคน)