15 พฤศจิกายน 2546 10:40 น.
พุด
ทุกๆคนคงรักเช้าวันหยุด
ที่ทำให้หัวใจและร่างกาย ไม่ต้องสะดุด
ตะลีตาเหลือก ตะเกียกตะกาย ออกไปสู้โลกแต่เช้าตรู่
วันแสนดี ที่นอนตื่นสาย ได้ตามสบาย
ตามสถานภาพชีวิตของใครก็ของคนนั้น..
สำหรับแพม...
พยายามรักยามเช้าทุกๆเช้า เพราะถือคติโบราณว่า
เมื่อลืมตาตื่น ควรคิดแต่สิ่งดีๆ ที่สวยงาม ที่เป็นมงคล
เพื่อเริ่มต้น วันใหม่อย่างแจ่มใส สดชื่นกับชีวิต
และโดยเฉพาะ...เช้าวันหยุด
บางอาทิตย์ ที่สามารถเนรมิตรให้เสรีภาพแก่ดวงตาและดวงใจ
ได้ออกไปพ้นเมืองกรุง (เมืองยุ่งเหยิง) เพื่อพาใจนี้หนาออกไปทอดทัศนา
วิว ทิวทัศน์ ท้องทุ่ง ผืนนา ป่าเขา ลำเนาไพร..
แพม....มีบ้าน อีกหลัง เป็นบ้านไร่แสนรัก ที่เมืองกาญจน์...
เมื่อมีเวลาว่าง และอยากเติมใจ ไฟฝัน เพื่อชาร์ตออกซิเจน
ให้กับชีวิต เราก็จะเดินทางไปพักผ่อน....
สำหรับคนอย่างแพม คนช่างฝัน ช่างจินตนาการ .....
เห็นอะไรสองข้างทาง ก็ดูแสนสวย แสนโรแมนติก
ขอแค่ให้ได้ไปไกลๆจากความจำเจซ้ำซาก เสียบ้าง
ในยามที่ใจจะมอด (ม้วยด้วยเบื่อ)
ยังดีที่ไม่โรแมนติก จนเห็นควาย แล้วร้องว่านั่นตัวอะไรคะพี่ .......
แพมอารมณ์ดี จนบางทีร้องเพลงดังๆในรถ ไปกับ คนที่คอยอุดหูฟัง
และใจชื่นบาน กับเสน่ห์ของเส้นทาง..สองฟากฝั่งถนนที่แปลกไป
ไม่ใช่เห็นแค่ร้านรวง และความมากมายของผู้คนที่เร่งรีบ .....
ออกจากบ้านแต่เช้า ...
ผ่านสนามบินน้ำ ผ่านสะพานพระนั่งเกล้า
เห็นเจ้าพระยา สงบงาม ทอดตัวเป็นโค้งคุ้ง ...
มีเรือเอี๊ยมจุ๊นและเรือต่างๆลอยล่อง......
ผ่านรัตนาธิเบศร์ ที่มีสวนดอกไม้ ให้ชมฟรี ทั้งสองฝั่ง
มีพรรณไม้นานา อวดดอกบานแฉล้มแกล้มใจ ให้เป็นสุข
แย้มยิ้ม ทายทัก กวักมือให้เข้าไปดอมดม และซื้อหามา
ประดับบ้าน ประดับใจ...
บางที ดูราวเข้าแถวส่งเรา บ้าย บาย
ให้โชคดี ได้ไปสูด ไอดิน กลิ่นฝน ในท้องทุ่งแทน ..เธอ.....
ผ่านนครชัยศรี ที่มีสะโลแกนว่า ส้มโอหวาน ข้าวสารสวย
และอะไรมากมีที่ไม่จำ
แต่หนุ่มๆอาจจะสงสัยและอยากรู้แค่ว่า... อกสาวนครชัยศรีนั้น
จะหวานและโตเท่าส้มโอหรือไม่หนอ ขอแค่อยากพิสูจน์.....
ผ่านมาถึงบ้านโป่ง ไม่เห็นค่อยมีลูกโป่ง
จะมีที่ประทับใจก็ของกินหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือไก่ย่างหมักขมิ้นข้างทาง
ที่อร่อยล้ำเพราะถึงเวลาหิวโหย
และเราจะลงไปกำกับให้ย่างอีกนิดร้อนๆ
นำมาหม่ำกับข้าวเหนียว แซบจน ต้องร้องว่า อื้อฮือ....แต่ไม่โอ้โฮ......
เมืองนี้ มีฉายา ว่ามีสาวงาม
และใครบางคนที่แพมแสนรัก
ได้วิ่งเข้าเส้นชัย ชนะใจ สาวงามบ้านโป่ง ตัดหน้าคนพื้นที่....ดีใจจังเลย
สาวน้อยคนนี้ สวยหรือไม่คิดดูเอาเองเถอะว่าแค่ไหน
มีแมวมองสะกดรอยตามมา ถึงมหาวิทยาลัย
เพื่อเชิญไปถ่ายโฆษณา แต่บังเอิญว่า เธอปฎิเสธ...จึงยังไม่รุ่งแรง....
ที่ตลาดบ้านโป่งนี้ จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมาก
ที่เราตั้งชื่อร้านให้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวตุ้ด
เพราะว่าเจ้าของร้านเป็นสุภาพบุรุษสตรี ที่แสนงาม
เป็นร้านที่น่าจะเอาดาวไปโปรยให้ ไม่ใช่มอบให้แค่ 5ดาว....
และเราต้องกลับมาเป็นขาประจำ ซ้ำๆซากๆจนคุ้นลิ้น........
ต่อจากนั้น แวะร้านขายกล้วยปิ้ง
กล้วยที่ถูกทับ ถูกทึ้ง จนแบนแต้ดแต๋ แต่แสนอร่อย
เพราะหอมน้ำกระทิ ที่แอบถามสูตรมาว่าทำยังไงถึงมีรถเก๋งเข้าคิวรอซื้อ
เจ้าของ จำหน้าแพมได้ คงคิดว่าไม่น่าจะทนร้อนยืนปิ้งกล้วยขายแข่ง
เลยบอกสูตรมา ว่าอยู่ที่น้ำตาลมะพร้าวหอมๆ
และกะทิต้องขูดเอาเองต้องสด
จึงจะหวานมัน และต้องเลือกคัดกล้วยให้ดีๆ ไม่มีเม็ด...
.เห็นไหมว่า เรื่องกล้วยๆ
แต่มันไม่กล้วยอย่างที่คิดนะจะบอกให้...ถ้าจะยึดมาเป็นอาชีพ.......
คิดคิดดู จะไม่ให้เรานี้สุขทั้งใจกาย ได้อย่างไร
ที่ได้ออกทัวร์ท้อง แบบนี้
ที่เพิ่มความอ้วนพี พุงกาง เลยค่ะ....
เมื่อถึงเมืองกาญจน์
หลังจากออกไปหาบรรยากาศป่าเขา หรือไม่ก็ไปไหว้พระ
ตามวัดวามากมี ที่บางที่ยังเป็นถ้ำสวยอีกด้วยนะ...
แล้วเราก็จะกลับมานอนดู
เมฆขาวเกลื่อนฟ้า
ท้องนภาที่สว่างกระจ่างใจ
ใต้ต้นไม้ใบบัง....
กับลมเย็นๆพัดรำเพย ให้สุขสมภิรมย์ใจ หาใดเปรียบปาน....
และก่อนจะกลับเราก็จะ หาร้านริมน้ำ เป็นที่ดินเนอร์ มื้อค่ำ
ใต้แสงดาวเคล้าแสงจันทร์ ให้อิ่มอร่อยก่อนอำลา..อาลัย..
มาผจญภัย ผจญกรรมต่อที่เมืองลวง.....(หลวง)..
เป็นทัวร์ท่อง ทัวร์ท้อง ที่ติดดิน
กับชีวิตนี้ ที่จำเจ ทำให้สุขใจ ไม่ต้องคอยเวียนวน
แบบคนเมือง อยู่แต่ ในร้านรวง ตามศูนย์การค้า
ที่พาใจให้เกิดความอยาก
จน จ้นเงินหมดกระเป๋า
บางคนบอกว่าเดินห้างดีกว่าเพราะว่า แอร์มันเย็น
แต่ใจนะสิมันจะร้อนรุ่มอยากจะซื้อ ซื้อ ซื้อ
สิ่งที่บางทีเกินจำเป็นต่อชีวิต..
รวบรัดเรื่องราว เล่าว่า ....
นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ของเช้าวันหยุด ถ้ามีโอกาส
และอยากให้แฟนๆ วางแผนทำวันหยุดให้มีชีวิตชีวา พาตัวเอง
ออกไปชนบทบ้าง ..นะคนดีที่แสนรัก...
จะได้ลดละบางสิ่ง และเพิ่มเติมต่อ
สิ่งดีๆให้กับชีวิตที่แปลกใหม่ไปบ้าง........
สุดท้ายอยากจะเล่าเรื่องราว..เรื่องๆหนึ่ง ที่เกิดขึ้น
ในวันหยุดกับ
นักอยากจะเขียน คนนี้ที่ชื่อแพม ที่ใครๆบอกว่า
เขียนเรื่องรักน้ำเน่า ได้หวานแหววแต๋วจ๋า
ซะไม่มี........
ซึ่งชีวิตจริงไม่ได้หวานแบบธรรมดาๆนะ
แต่เป็นคนหวานผ่าซาก
ในบางที บางบท กับบางครั้งของชีวิต
ในยามที่พบเห็นอะไร ไม่ยุติธรรม
ไม่ชอบมาพากล....
ใจกับตาจะพากันสามัคคีราวกับมีตาชั่ง..จะทนไม่ได้
ต้องเข้าไปต่อว่า....เรียกหาความจริงของชีวิต
วันที่เกิดเรื่อง....ให้ต่อว่า
คือวันหยุดที่กำลังจะเดินทางไปเติมไฟฝันนั่นแหละ
แต่ดันบังเอิญ ต้องสวมวิญญาณนางมารร้าย.....เสียก่อน..
เช้านั้น แพมต้องลงไปกดเงินจากตู้ เอ ทีเอ็ม ก่อนเดินทาง...
ขณะที่รอคิว และมีคนรอสองสามคนอยู่ก่อนหน้าแล้วนั้น....
พลันก็มี..รถเก๋งคันงาม เบ้นซ์รุ่นใหญ่ เอสที่เท่าไหร่ ไม่สนใจจำ
เพราะไม่ใช่ของเรา.. ก็มา..จอดพรืดใกล้ๆ.......
และเมื่อประตู เปิดออกมา ไม่ใช่นารีแสนสวย
แต่กลับเป็นพระ เห็นจีวรเหลืองละออ ลอยมา....แต่ไกล
ท่านเดินมา..แล้วชิงตัดหน้าแซงคิว
เข้าไปในตู้กดเงิน เฉยเลย...
วิญญาณ เปาบุ้นจิ้น จึงสิงแพม พร้อมๆกับเกิดปุจฉา.....แบบหมดศรัทธา
ว่าท่านทำอะไรของท่านนะ เหตุใดพระถึงมาทำกิจทางโลกอย่างนี้
แถมยังไม่มีมารยาทเอาเสียเลย......
แพม ไม่กล้าหยุดท่าน โดยการกระชากผ้าเหลือง
เพื่อให้ท่านรอคิว เพราะแค่คิดก็บาปมหันต์แล้ว..และไม่สุภาพ....
จึงรอเวลา...รอ ให้ท่านกลับออกมาจากตู้.....
เมื่อ..ท่านก้าวออกมา..แพมนมัสการท่านแล้วบอกว่า
ท่านไม่น่าลำบากมาทำกิจที่ไม่ใช่ของสงฆ์เองเลย
และถ้าจะทำท่านน่าจะรู้ว่ามีคิว...
ท่านมองหน้าและ ด่าแพม แทนการให้ศีลให้พร
แบบที่พระพึงให้แก่ฆราวาสว่า......
ไอ้ปากหมา...ไปทำบุญถวายวัดด้วยส้วมเสียนะ.
แล้วก็เดินจีวรปลิวจากไป......
เช้าวันหยุด วันนั้น...
จึงเป็นวันแรกในรอบปี ที่ไม่งาม
เพราะแกว่งปากไปหาเสี้ยน
และจึงเอวัง ด้วยประการละฉะนี้
ที่อยากทิ้งไว้ให้ท่านผู้อ่านรู้ว่า.....
แท้ที่จริงแพมนี้หนาคือ
นักอยากจะเขียนเรื่องแสนหวาน แสนน้ำเน่า
หรือว่าคนปากปีจอกันแน่ แฮ แฮ แฮ .....ช่วยตัดสินทีนะคะ ..
14 พฤศจิกายน 2546 00:21 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=716
บนระเบียง
ดวงใจ..
นานแล้วที่ไม่ได้เมล์ถึงคุณ...
และไม่อยากรบกวนคุณ
อยากแค่กระซิบบอกว่าใกล้ปีใหม่แล้วนะคะคนดี
นั่งเขียนเมล์นี้ถึงคุณ..บนระเบียงหลังบ้าน.......
พระอาทิตย์กำลังจะลับลาโลก
เห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านต้นไผ่..ต้นขนุน
และดงไม้ของบ้านชาวสวนหลังบ้าน ......
คุณรู้มั้ย ทำไมตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
คงเป็นเพราะสวนหลังบ้านที่มีความเป็นธรรมชาติน่าอภิรมย์
ราวกับนั่งอยู่ริมชายทุ่งเลยละค่ะ
และได้เสพสุนทรีย์ทางสายตา
โดยอาศัยทรัพย์สินทางธรรมชาติ
และเหล่าพืชพรรณรายรอบที่ยังรกเรื้อ...ดิบเดิม.
เพิ่มเนื้อใจที่ถวิลไพรให้ลดโหยหาลงได้บ้าง
แม้สักนิดสักหน่อยก็ยังดีค่ะ...
ยามตะวันรอนรอนอาทิตย์อ้อนอำลา
จะมีควันไฟลอยกรุ่นคละคลุ้งคลึงเคล้าเคลียไคล้กอไผ่
ยอดไม้ไหวระริก..
ที่ชาวสวนเพื่อนบ้านยังหุงข้าวกับไม้ฟืนอยู่เลยค่ะ
และยังต้นไม้มากมายมากมี
ขนุนละมุด...ไม่มีมังคุดลำไย
มีต้นสะท้อนอ่อนใจ มีกล้วยกอ
มีมะละกอห้อยโตงเตงโตงเว้า...
และที่สำคัญ
ยังมีเสียงขูดมะพร้าวกับกระต่ายแว่วมา..ให้อะฮ้าๆ
และมีลำคลองเล็กๆหลังบ้าน..
มีหวานดอกผักบุ้งนานะนาทีนี้
ที่คลุมผืนหญ้าพราวพร่างมองไม่เห็นดินเลย
ไพลชอบมุมนี้มาก....
เอาเก้าอี้เหลืองมานั่งรจจนางานได้องศาพอดิบพอดีเลยจ้า.........
.และที่ตรงนี้แหละ
ที่ใช้เขียนเรื่องน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง......
และ
มองท้องฟ้าจากตรงนี้จะไม่เหมือนกันสักวัน
บางวันตอนเช้าๆ
ฟ้าจะเป็นสีน้ำเงิน..สวยใส..ไม่มีเมฆหมอกบดบัง...
แทบทุกวัน ไพลก็จะโบกมือบ๊าย บาย
นกยักษ์สีเงินที่บินผ่านหลังคาบ้าน
ที่ทอประกายจรัสสะท้อนแสงวาววับ
กับฟ้าสีฟ้าสีเงินงามเข้มกระจ่างใจ
หากใครมองลงมาอาจจะเห็น
ผู้หญิงคนนึงใจแสนซึ้งแสนหวาน
ยกมือส่งจูบยิ้มหวานให้เดินทางปลอดภัย
ทุกดวงใจทุกร่างที่อยู่บนนั้น
เหมือนยามที่เธอเคยวิ่งไล่เครื่องบินริมทะเลยามวัยฝันวันเยาว์
เพราะสักวันคนที่เป็นยิ่งกว่าดวงใจที่เธอรักนักรักหนา
ก็คงต้องเหว่ว้ากินนอนทำงานบนนั้น..หามรุ่งหามค่ำ...ย่ำไปทั่วโลก
.....
ส่วนยามเย็น......
ฟ้าจะเป็นสีส้มๆปนเทา งามไปอีกแบบ.....
แค่มองฟ้ากว้าง...........
ใจก็แสนสุข
มันเป็นโลกส่วนตัวงดงามและสงบสุขมากเหลือเกิน
อยากให้คุณหลับตาเห็น
และซึมซับกับมันเหมือนกันกับไพลนะคนดี....
วันนี้
ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งกุหลาบ....เฟื่องฟ้า...และกิ่งโมก ...
วางกระถางในตำแหน่งใกล้ตัว
เพื่อจะได้ดูดีมีบรรยากาศ ตอนมานั่งเขียนหนังสือ.......
วางเก้าอี้ใต้ต้นโมกซึ่งเริ่มเก้งก้าง ....สูงชะลูด
มองช้อนขึ้นไปบนกิ่ง
เห็นมีผีเสื้อมาเกาะดอกโมก
ซึ่งกำลังออกดอกขาวพราวไปทั้งต้น
คุณรู้มั้ยถ้ามีกล้องใกล้มือ
จะจับภาพที่แสนงดงามให้คุณได้ดู.........
ไม่แน่พรุ่งนี้ ..จะลองดูนะ
และตอนนี้
มะม่วงริมชายคาพากันลาฝนชะช่อล้อพวงพราวแล้วค่ะ
หอมกำจายกรุ่นละมุนละเมียดใจในยามอรุณรุ่งอุษาสาง
และช่างเป็นมหัศจรรย์รักแห่งใจในรอบสิบปี
ที่มีนกเขามาทำรัง....บนกิ่งมะม่วง..
ให้อัศจรรย์งามบังเกิดกลางใจเลยค่ะ
น่าแปลกดีไหมคะ คนดี....
.
และนาทีนี้ไพลเขียนเมล์รักนี้
กล้วยกอก็กำลังออกหวีไหวเหว่ว้า.
กับหอมดอกพราว.ทุกราวกิ่งของการะเวก...
ที่เลื้อยเกี่ยวกระหวัดรัดรึงมาถึงบนระเบียงบนแล้วค่ะ
แถมพันชูช่อละอออ้อยสร้อยหอมห้อยไปตามหน้าต่างกระจกห้องน้ำ
ให้ตอนอาบสล้างใจเสียไม่มี...
ไพลเด็ดใส่กระทงใบตอง..พร้อมจำปีทุกวันค่ะ
ให้รางวัลกำนัลใจตัวเองไว้บรรเลงเรื่องรักรจนาไงคะ
แกล้มดอกจำปีหอมหอม.....เพื่อให้เรื่อง..Smoth like a Silk
มีบรรยากาศหวานแหววแต๋วจ๋ายิ่งขึ้น....
ให้เขียนเรื่องวันนี้ด้วยค่ะที่ขออุบชื่อไว้ ..... กำลังจะลง...
คุณรู้ใช่มั้ยความสุขเล็กๆเหล่านี้ ....
เราสามารถเนรมิตได้ ถ้าเราทำใจข้างในให้เป็นสุข .....
เราสามารถทำบ้านของเราให้เป็นวิมานดินได้ไม่ยากเลย....
เหมือนบทเพลงนี้.........ซึ่งขอมอบให้..
หวังว่าเมื่อใครมีบ้านของตัวเอง คงจะนึกถึงคนให้บ้างนะจ้ะ ...
บ้านของเรา
สวลี ผกาพันธ์ : : Key Bb
บ้าน คือวิมานของเรา
เราซื้อเราเช่า
เราปลูกของเรา ตาม ใจ
ย่อมเป็นสถานทิพย์วิมานพอหาได้
เป็นที่เกิด ที่ ตาย
ที่เราสร้างเอาไว้คอยท่า
บ้าน คือวิมานของ คน
ถึงแม้ยากจน
ก็ต้องดิ้นรน
อย่าจนปัญญา
หาบ้านสักหลัง
ที่พอประทังชีวา
เพื่อสนิทในนิทรา
ให้ตื่นมามองโลกชื่นใจ
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา...
คืนนี้จะนอนนับดาวสกาวเต็มอ้อมฟ้าที่เรือนจำปี
พร้อมกับจุดเทียนกลิ่นดอกไม้ราตรีผลิพราว
แกล้มฝันพิลาส..หวังวาดพิไล
ที่หัวใจกำลังบานเบิกกับเรื่องน่ายินดี..จริงไหมจ๊ะ
และ
จะเป็นกำลังใจให้ทุกนาทีแห่งหัวใจ
และทุกอุทัยโลกหมุนกรุ่นหอม
ให้หอมอวลละไมไปด้วยกลิ่นไอรักภักดี
พลีพลังใจ..พลังแห่งมหัศจรรย์รัก มหัศจรรย์ใจ
ที่ใต้ดวงอาทิตย์อุทัยใต้ผืนพสุธาในหล้าโลกนี้..
ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้.......
หากทุกทุก..
ดวงใจมุ่งมั่น ทำฝันให้เป็นจริง..
ทำสิ่งแสนงามแสนดีสร้างพลังจากใจดวงดีดวงงาม
ที่พากเพียรอดทนมิท้อแท้มิยอมแพ้พ่าย
เอื้อมไขว่คว้าให้ดาวพราย รายร่วง
พร่างพรมพร่างพราวราวสายเพชร
เป็นเกียรติยศ
ประดับร่างประดับใจประดับผืนดินไปตราบชั่วนิจนิรันดร์.....
11 พฤศจิกายน 2546 20:54 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219(เดือนต่ำดาวตก)
นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ
วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า..
หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว
ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์
นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน
ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..
เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..
นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน.
และใช่!..เลย
นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส
ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง
ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว..
ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง...
และ..
นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม
เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล
ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน.
.
นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย
เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..
คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ
พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน
หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ
ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์
คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม
ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล
ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..
ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ
กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย
กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว
กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก
แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ
เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน
เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง
อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ
ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก
เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง
ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ
อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย
ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...
*******
และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
ใครจะรู้..
ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..
หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..
แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว
ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
นองน้ำตารอรอและรอ...
เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน
หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ...
เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง..
ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ
ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!
นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..
********
กระทั่งวันนี้...
วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน
จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ
ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย
คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ
แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..
นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร
รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..
และ
นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ
ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง
ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน..
ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน
ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
*****
นกไพร..เจ้านกไพร..
น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม กำลังพร่างสายรินไหล
หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!
8 พฤศจิกายน 2546 14:59 น.
พุด
บุหลันลอยดวง สว่าง กลางฟ้า กระจ่างใจ ...
ริมฝั่งฝัน ปิงวังยมน่าน ผ่านสู่เจ้าพระยา
ในราตรี...
ที่กระทงสายพรายพริ้วพริบพราวราวพร่างเพชรแพร้วพร่าง
กลางลำนำ ลำน้ำ สายธาร หวานวะวับแวม
แกมประกายวูบไหวแตะแต้มดวงใจ
ให้หนุ่มสาวเคล้าคลึงคลอ
พนอนวลเนื้อละอียด
เบียดละอ่อน แนบนุ่มนวลนาง นวลน้อง
เฝ้าประคองรักประคองกระทงลงคงคาบูชารำลึกถึงพระคุณ..เทวีแห่งน้ำ..
ท่ามกลางลมหนาวพร่าง กลางจันทร์เพ็ญ พรมหวานพราย
ให้ทุกดวงใจได้ฝากฝันฝากพลังรักพลังศรัทธาใจไทยทั้งชาติ
ที่เชื่อกันมาแต่โบราณนานมาว่า..
แม่น้ำลำคลองทุกสายจะไหลรวมกันไปยังนัมทามหานที..
ที่ไหลผ่านไปยังพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์
ดังนั้น การลอยกระทง
จึงเป็นดั่งการสักการะต่อองค์พระธาตุบนสรวงสวรรค์
และเชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัย
ความเคราะห์ร้ายทั้งปวงออกไปจากชีวิต
และแสดงความชื่นชมยินดีผูกพันใจต่อสายน้ำ
ในชีวิตไทยโบราณที่มีบ้านอยู่ริมฝั่งนที
และแทบทุกเรื่องราวในชีวีหนีไม่พ้นได้มาจากสายน้ำ
ไม่ว่าอาหาร การสื่อสารเส้นทาง
และแม้กระทั่งความรัก
ที่มักมากับประเพณีเทศกาลจากลำน้ำ...
หนุ่มสาวคงเพียรเฝ้าพะนอ
ขออธิษฐานบานบนต่อแม่พระคงคา
ให้บุหลันกลางฟ้าและดวงดารา..รับรู้รักนี้
ที่หนักแน่นมั่นคงซื่อตรงคงมั่น เป็นดั่งสักขีพยานใจ..
และในดวงใจดวง..ก็พลันคิดถึงสายน้ำปิง..
ในค่ำคืนนี้...
ที่คงงามงดตระการตาตระการใจ
พาให้ใจดวงฝันฝันฝันเฝ้าอยากไปฝากฝัน
ไปชื่นชมดื่มด่ำล้ำลึกกับใครสักคนในคะนึง..
ดวงได้แต่ฝันสล้างพร่างละออพ้อเพ้อเห็น
กระทงสายพรายพร้อยนับร้อยพันพรูพร่างกลางสายน้ำ
งามอะคร้าวพราวพลอยราวสายสร้อยสายโซ่เพชร
ร้อยดาวเรียงดวงรวงดาวมลังเมลืองเรืองรองกลางผืนน้ำ
......
.
ไหนจะกว๊านพะเยา ที่สายน้ำไม่ไหล
พาให้ทุกดวงใจกังวลว่าทุกข์ตรมจะไม่ลอยพรากจากลาไปไหนพ้น
เลยหัวใส..เรื่องอะไรจะลอยกระทงลงน้ำ..
สู้จุดโคมลอยไปในนภากาศ ให้วาดหวังมิดีกว่าหรือ
และหากพร้อมใจจุดโคมลอยในเรือสักร้อยลำในกว๊านพะเยา
กับให้ทุกหมู่บ้านรายรอบพร้อมใจจุดโคมลอยปล่อยพร้อมกันไป
มีดอยบุษราคัมและดอยหนอกเป็นดั่งฉากหลัง
ในช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับฟ้า
ดั่งฉากสวรรค์หวานเจือสีส้มแสดแสง..แดงแรงร้อนเร่า..
ให้งามเงาในน้ำดั่งกระจกสะท้อนเลื่อมพราย
ราวมากโคมนับพันทวีคูณพูนเพิ่ม
แค่นี้ก็คงงามพร่างกลางใจไทยทุกดวงแล้ว..
ดวงขอฝากลำน้ำบทเพลงสักขีแม่ปิง
อิงหวานฉ่ำร่ำรมย์ให้ระรื่นชื่นฉ่ำใจมานะราตรีนี้นะคะ
พร้อมกับบทเพลงกว๊านพะเยาค่ะ....
............
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=303
ช..กุศล ดลพี่มาพบเจ้า
ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้
ญ..น้ำ คำ รักของคนเมืองใต้
จะจริงแท้แค่ไหน
สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล
ช..ชีพสลาย ยังไม่คลายรักเจ้า
ญ..จริงดั่งใจหรือเปล่า
หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น
ช..รัก จริง เพียงหัวใจแดดิ้น
ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย
ญ..น้ำ ปิง ล้น ฝั่ง
ช..ดัง รัก พี่เปี่ยมฤดี แล้วเจ้าเอย
ญ..แล้ว คง ละ เลย ไม่เหมือนเอ่ย
ช..โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย
ญ..หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า
ช..ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า
วานน้องฆ่าเสียให้ตาย
ญ..สาบาน ชจ๊ะสาบานก็ได้
หากความรักสลาย ขอตายในสายแม่ปิง
ช.. รัก กัน หวาน ชื่น
ญ.. เกรง ขม ขื่น ชื่นกลับชังช้ำอกหญิง
ช..น้อง ควร รู้ ใจ
พี่ทุกสิ่ง เช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่
ญ..หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น
ช..พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้
ญ..อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซีพี่
พร้อมจูบฝากรักสักที
ไว้เป็นสักขีแม่ปิง...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4125
โอ้ธารสวรรค์ กว๊านพะเยา
ธารรักเราครวญคร่ำ ลมโชย
พริ้วฉ่ำ ในวังน้ำวน
พร่างพรมมนต์รักมา
ดูราวสายชล ธารสวยตระการ
อยู่ในนิทรา แว่วเพลงรัก
ของปักษา ร้องอำลาคืนรัง
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย...
*********
และในจินตนาการรัก
ที่ดวงใช้แค่ดวงใจละไมฝัน
พลันติดปีกโผผินบินไปตามลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นสู่เชียงใหม่
เมืองล้านนา
เมืองแห่งดวงตาสวรรค์
ที่อยากฝากฝันฝากใจกับสาวงาม
สักคนที่งามแต๊ๆไปตราบชั่วนิจนิรันดร
.
และในฝันท่ามกลางฟ้าพร่าง..
ดวงเห็นนางใจ นางในฝันนั้น
นวลน้องงาม หนั่นแน่น นวลเนื้อนุ่ม กลมกลึงรัดรึงใจพิลาสพิไล
ห่มสไบสีงาช้าง..เดินทอดย่างในผ้าซิ่นสีแดง..มุ่นมวยผมแกมเกศ
รัดเกล้าด้วยมาลัยดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม
ห้อยพวงพราวระย้าย้อย
ด้วยดวงดอกมะลิซ้อนอ้อนหวานเอียงอายอายเอียงเคียงข้าง
ด้วยหนุ่มน้อยรูปงาม ในชุดชาวไทรัฐฉานสง่างามพอกัน
ริมฝั่งน้ำ น้ำในตาสาววะวาววะวับวิบระยิบพร่างพริบดั่งเพชรพราว
แข่งกับนวลแสงดาวที่พากันเฝ้าพร่างพริบ..อิจฉา
ยามเธอช้อนตาสบตา พากันส่งกระทงน้อยลงคงคา
ให้สายน้ำในธารา ในดวงตาในดวงใจ
เป็นดั่งพยานใจพยานรักชั่วกาล..
อย่าให้รักหวานกลายกลับเป็นขม
เหมือนดั่งเพลงที่กำลังลอยลมพร่างพลิ้วมาเลย
บทเพลงริมฝั่งน้ำ..
.http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=301
ริมฝั่งน้ำ
ริม ฝั่ง น้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน
เคยเรียกเธอ เสนอรักรำพัน
เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง
น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวาน ปานไหลหลั่ง
น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวัง ยังคงคอย
เคยชื่นใจ ฝากไว้หัวใจลอย
เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย
ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง
ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน...
และอีกที่..
เมืองแสนดีแสนงามนามเพราะเมืองประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย
สุโขทัย...เมืองในดวงใจแดนจันทร์แดนบุหลันงาม
ที่คงฝากความอลังการยิ่งใหญ่
เพราะมีฉากเมืองเก่าของเราแต่ก่อนให้อาวรณ์อาลัย
มีหลักศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ที่ตรึงใจก็ด้วยตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์
ที่นะค่ำคืนนี้คงคลาคร่ำด่ำดื่มกันถ้วนหน้าไม่ว่าหญิงชาย...
..........
แต่ดวงกมลของดวง..
ในค่ำคืนนี้นั้น
มีฝันอันอะคร้าวรอคลุกเคล้าใจให้ไหวงามอยู่แล้ว..
ดวงตั้งใจจะค่อยค่อยขับรถ..เข้าไปในเส้นทางงาม
เลียบลำน้ำเจ้าพระยา..สองข้างทางคือราวป่าเส้นทางสายชนบท
ลดเลี้ยวลับขนานไปกับทุ่งนา ดงตาลให้หวานในดวงใจ
และให้หวานพระจันทร์พลันพรายสีทองส่องทาทาบอาบรวงเรียว
ให้เสี้ยวใจริบหรี่ ได้พร่างพรมห่มด้วยหอมงาม
ให้บุหลันดวงหวานเศร้า ริมเจ้าพระยาคลอเคล้า
นะร้านชานเมืองชานเรือนไทยเรียบง่าย
ที่ดวงเคยเข้ามานั่งดายเดียวเดียวดาย
ใต้ดวงดาวในหมู่ร่มไม้เรือนใจพันธุ์ไทยดังไพรพฤกษ์พง
ที่ดวงดอกดงการะเวกหวานหอมแทบหลอมละลายใจ..
เททุ่มใจถอดใจร้องไห้ ร้องไห้....
ด้วยไหวคะนึงครวญหวนไห้ถึงใครบางคนสุดทนสุดใจ..แล้ว..
และนั่นดวงดอกไม้ในฝันเศร้าเสมอมามิราโรย..ร้าง
มิเคยห่างใจดวงร้าว..นี้
ลั่นทมพราวทุกราวกิ่งแกล้ม..แกมจำปีจำปา..
และกล้วยไม้ป่าห้อยคาคบยามพลบค่ำ
ราวดวง..นั่งในไพรพงจริง..
ดวงชอบเด็ดลั่นทมสองสามดอกเสียบแซมผม
มาดแม้นไร้ใครดอมดมพรมจูบ
ไล้เรียวแก้มแกมรักล้นใจ..ก็ตามทีเถอะนะ..
คืนนี้ ดวงคงนุ่งซิ่นผืนงาม
และคงคลุมไหล่สล้างด้วยผ้าไหมทอมือสีไพลผืนเก่า
ดวงคงจะขอฟังเพลงคลอพ้อรักฝากไปกับสายชล..
บทเพลงแห่งดวงใจรัก..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=302
สายชล
เหม่อมองดูสาย น้ำ วน
เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน
เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป
ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา
เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ
อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง
เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล
แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด
อดีต ช่างงามล้ำล้น
มิเคยลืม ภาพเราสองคน
มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป
มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
ลุ่มเจ้าพระยา
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
********
และคงอีกคราที่น้ำตาดวงจะหยดเผาะ เมื่อเพลงพ้อมาถึงคำร้อง..
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพรที่เหินบินคู่กันไปหัวใจ..คู่กัน...
******
และหากดาวประจำเมือง ดาวบนฟ้า คือดวงตาใครสักคน
ที่เคยกระซิบบอกดวงว่าทุกความห่วงใย
ทุกสายใจสายใยรักระหว่างเราสองนั้น
ให้ฝันปองมองหาดาวในดวงใจ
ยามเหว่ว้าอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด
ที่จะพริบพราวเฝ้าปลอบประโลมใจเสมอมาเสมอไป
เป็นนิรันดร์รักนี้..ที่มิมีวันได้เคียงครองคู่
และคนดี..
ไม่ว่าค่ำคืนนี้คุณจะอยู่นะที่ใดในประเทศไทยนี้..
ขอจงฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวมาถึงดวง..นะคะ
จงพริบพราวและเฝ้าดูดวงดายเดียวริมฝั่งชล..ลำพัง
ดวงพร้อมจะหลั่งหยาดน้ำตา..
บูชาพระแม่คงคาบูชารักเรา
ที่พลีพร้อมยอมไร้ร้างห่างกันไกลสุดขอบฟ้า..
เพื่อรอวันที่ดวงตาสวรรค์จากฟ้าเบื้องบนมีเมตตาปรานีให้พรเราสอง
และ...คนดีในฝันในดวงใจ..
ดวง..จะพลี..เพียง..ลั่นทมดอกเดียว
ที่จะ...
ค่อยค่อยลอยละล่อง
อย่างเดียวดาย... ดายเดียว...
เปลี่ยวเหงา..ไปตามสายชล...กลางสายชล... ลำพัง..
6 พฤศจิกายน 2546 21:44 น.
พุด
ฝันมีบ้านไร่ริมชายทุ่ง
หนีเมืองกรุงทำไร่ชายคาฝัน
ปลูกดอกไม้หวานบานแย้มทุกคืนวัน
หลับตาฝันมีลำธารสราญใจ
มีทุ่งหญ้า มีผีเสื้อ บินเวียนว่อน
หมู่ภมร เชยน้ำหวาน โลกสดใส
มองฟ้ากว้าง สีฟ้าแจ่ม เป็นเพื่อนใจ
มีราวไพรเงียบงามตามตะวัน
มีสวนสัตว์ ธรรมชาติ ไม่เหว่ว้า
มีเมตตา โอบเอื้อ ให้ฝากฝัน
มีความรักมีเธอเคียงข้างกันและกัน
หวังและฝัน ธงแห่งรัก จะปักลงณ.ตรงนี้ นานนิรันดร์!
คืนนี้จะเขียนต่อจากบทกวีนะคะ
อยากให้ดูภาพประกอบ
ที่พุดพัดชารักมากไปพลางๆก่อน
อยากให้ตัวเองงามดั่งภาพนั้น
และฝันว่าสักวันพุดอาจจะนั่งเดียวดายที่บ้านไร่ชายทุ่งเช่นกันค่ะ
รออ่านนะคะทุกดวงใจ