30 พฤศจิกายน 2546 09:57 น.
พุด
ราตรีที่ดาวเต็มอ้อมฟ้า..
จันทร์เสี้ยวแขวนฟ้าอ้อนอ้อยสร้อย
ผู้หญิงผมสยายยาวเกือบถึงเอว
รวบผมยกขึ้นสูงด้วยกิ๊ฟประดับเพชรเก๋อันเล็กๆ
ในเสื้อยืดคอเต่าสีดำ
กับกระโปรงสบัดพัดพลิ้วยามย่างเยื้อง
ที่มีคนบางคนเตือนว่าระวังนะ
จะเป็นดั่งภาพมาริลินมอนโรแสนคลาสสิค
ในฉากที่พายุพัดจัดจนกระโปรงสีขาวระบัด
ขึ้นไปให้เห็นช่วงขาเพรียวงามวับๆแวมวาบหวาม
งามจับใจจับนัยน์ตาผู้ชายไปทั้งโลกในความเซ็กซี่
ที่แสนอมตะนิรันดร์กาล
พาหัวใจใครใครไหวสะเทือน..ตามเรียวขาเธอ..และนัยน์ตาขี้เล่น
ที่งามเกินโลกหล้าจะหานางใดมาเทียบเทียมได้
แต่คงมิใช่..ผู้หญิงคนนี้
ที่มีแค่ขาแข็งแรงอย่างนางกวาง
ที่พาร่างในรอบสิบปีออกไปชำเลืองแลสองฟากฝั่งร้าน
ในสวนลุมไนท์พลาซ่า..แบบสาวนาเข้ากรุงมุ่งดูแสงสี
และณ.ลานเบียร์ เสียงดนตรีแรฟกระหึ่มแสนแสบแก้วหู
เกือบแหกแตกเป็นเสี่ยงๆ
เกินเดซิเบลหัวใจจะรับได้..
ให้ต้องปลงอนิจจังอนิจจาลาจาก
เพราะว่าเรานี้หนา.เรื้อเวทีแสงสีมีก็แต่
หัวใจดวงล้าล้ารอนรอนอ่อนอ่อนไหวไหว
ชอบฟังเพลงเบาเบา.
.แบบเสียงลมพัดตึงเคล้าคลึงยอดตอง
ทำนองนั้นทำนองนี้ที่พ้อเพ้อฝันหาเรียวรุ้ง
ธรรมชาติบ้านนาป่าเขาลำเนาไพร
ห้วยละหานใส สายธารหวานระรินไหลละล่อง
ครองรักครองใจนวลเนื้อใจละเมียดละไมละเอียดละอ่อน
กล่อมน้องนอนนิทราฝันดีฝันหวานนานนิรัดร์...
เลยจบลงด้วยการเดินแบบผ่านๆตา
พร้อมกับคิดว่า
โลกคนกลางคืนไม่เหมาะกับเราเสียเลยแล้ว..
ผู้หญิงบ้านนาที่มีโลกแคบแคบ
มีบ้านราวป่าดงพงไพร
และตกใจกับฝูงชนคนมากมายล้นหลาม
ขนาดในยามดึกแล้วยังคึกไม่สร่างซาในท้องถนนทุกสาย..
ให้ห่วงใย.เยาวชนคนดีเหมือนที่ทิ๊กกี๊ว่าไว้
ในคำสอนว่าการเที่ยวท่องราตรี
ก็เป็นที่อบายมุขที่พาให้ใหลหลงหลงใหล
จนเกิดก่อก่อเกิดอาชกรรม
นำเรื่องน่าตกใจกลัวมากมายมากมี
ที่ไม่อยากพาโลกแสนดีของเรานี้เข้าไปข้องเกี่ยว..
กลับบ้านเราดีกว่า..
วิมานดินงามดิบเดิมล้ำค่า
มาจุดเทียนพรายพร่างแขวนสว่างไสววะวาววับ
ใต้แก้วงามระยับระยิบตา..
และรจนางานงามฝากรักพักพิงใจสมานฉันท์หัวใจพี่น้อง
ปรองดองสามัคคีในร่มรักเรือนไทยแสนร่มเย็นณ.แห่งนี้
ที่นะนาทีนี้ซึ้งใจซึ้งค่าว่าช่างสวนกระแสโลกที่เร่าร้อนรุนแรง
ข้างนอกนั่น..แบบฟ้าดิน..เลยค่ะ
เรามีชานเรือนให้นอนนับดาว
เรามีกอพราวดงดอกราตรีลำดวน
ที่หอมกำจายกับแก้วไม้ไทย
หอมไสวหวานเศร้านานาพรรณ..
ที่เราเพียรเพาะบ่ม
ผลิกิ่งฝันแตกผ่านตารจนารักผ่านหวานหวานใจ
แกล้มเกสรบัวพร่างในยามค่ำ..
กับจันทราดวงงามนามอัลมิตตรา
กับนานา*น้องน้องนักอยากจะเขียน*
ผู้มากฝันคว้างกระจ่างเจิดจรัสใจ
สวยใสงามล้ำค่าภาษารักภาษาใจ
มากนามนิยมชมชื่นให้เลือกเชย
เรามีขลุ่ยแผ่วผิวปลิวลมลอยละล่อง
จากคุ้งโค้งสองฟากฝั่งให้หวนหาเรียมขวัญ
ในรอยรักแผลเก่าแผลใจที่ฟังทีไร
ก็อยากสะอื้นเงียบเยียบเย็นฉ่ำทรวง..
เรามีคนดีที่เขียนโคลงงาม..
นามสดายุอัลมิตราและคุณหมอวฤก
ที่งามล้ำด้วยคำวิจิตรวิลิศมลังเมลือง
และฝากบอกสดายุด้วยค่ะ..
ชอบภาพ..
ตะวันตกดินสีส้มอมชมพูเสร้า
กับเรือลำน้อยลอยลาไปกับตะวัน..
เหมือนคนรักของฉันโบกมือลา
ดั่งบทเพลงโศกสะเทือนใจ
และเรา..
ยังมี..บทกวีงามล้ำ
ที่จะฝากใจไปกับจันทร์ฝากฝันไปกับดาว
ฝากเพลงยาวอย่างมีสีสัน..หลากรส
สุขเศร้าคลุกเคล้าคลอใจครองไปด้วยกันมิรู้สิ้นรู้จบ..
ตราบใดที่หัวใจเรายังตะวันดวงกลม..ขึ้นกลางใจ..
มีตะวันจริง..ดวงกระจ่างใสสวยส้มอมแดงแสงอ่อนอุ่นอาบทาบทา...
ชักรถมาเยือนแย้มแตะแต้มฟากฟ้าเวหาหน
ในยามอุษาสาง....ให้ใจดวงงาม ของเรา
มีพลังรับอรุณหมุนวนหมุนเวียน
มาปลอบประโลมใจไปทุกทิวาวัน.
และ
ตราบราตรี....ที่ฟ้าแหวกม่านสีกำมะหยี่
ให้นางฟ้าใจดีหอบตะกร้าทองคำ
มาหว่านโปรยดวงดาราระดะดวงดั่งเพชรพราว
ดั่งดวงดาวส่องนำทางใจประดับใจ
มาทายทักให้นักฝันได้ฝากใจ..อีกครานะเรือนไทยแห่งนี้
ที่เราแสนรักนะคนดีนะทุกดวงใจ..
และในยามเช้าวันหยุดนี้
ที่ฟ้าสีฟ้าจัดจ้ากระจ่างใส
หัวใจดวงละมุนหวานขอฝากหวานผ่าน
ต้นไม้..สวยแปลก..
แตรนางฟ้า..ดอกยาวปลายบานแฉกเหมือนแตรจริง
สีม่วงครามงามจับใจ...
ที่มาบัดนี้กำลังชูช่อไสวในสวนสวยสวนขวัญ
ให้ฉันฉ่ำชื้นชื่นฉ่ำใจเสียไม่มี..
ไหนจะการะเวก แม่ดอกดกทั้งปี
หอมหวานอวลทุกเย็นย่ำ ไม่เลือกฤดูกาล
ที่ฉันต้องเด็ดดอกนวลละออพิรี้พิไรเบามือ
มิให้พราวพ้อรอลาหล่นเกลื่อนพื้นเสียก่อน...
โมก กุมาริกา ลั่นทม ชมนาด
ไหนจะช่อมาลีที่มิมาลาแต่ว่ากลับพากันบานแฉ่ง
อวดดอกพริ้งพราว
ราวสาวสวยแต่งตัวอวดกันงาม..เอาเธอเอาใจฉัน..
ให้ทุกวัน..หัวใจฝันฝันรับงามมาประดับใจ
จากนานาพรรณดวงดอกไม้
ที่บานไสวรายรอบบ้าน
มาบานเบิกกลางใจดวงใสเย็น..
ขอเด็ดดอกงามมาจัดคละกัน
นำไปวัดนะเช้านี้
แล้ว...
หากคนดีดวงใจไม่ไปไหน
จงเปิดเพลงไพเราะ..
*ท้องทุ่งแห่งความฝัน*..แกล้มฝัน หวานๆ
กับมวลดอกไม้บานที่ตระการตาตระการใจ
ที่ชูช่อล้อลมไสว หอมอวลในทุกอณู ...
ในรู้สึกขอให้ราวหลับตาฝันไป....
ว่ากำลังเอนกายพักใจ คลอเคล้า
เคลียไคล้อกอุ่นของใครบางคนในดวงใจรัก
ได้พักพิงนุ่มละมุน
หลับตานิ่งนิ่ง
ทิ้งใจให้ดื่มด้ำล้ำลึกนานนาน.
กับฝันหวานหวาน
ที่รอวันฝันจะเป็นจริง..ทุกดวงใจนะคะ
ให้หัวใจใส่พรรู้สึกถึงความอ่อนโยน..ความละมุนในใจ
ความรู้สึกดี กับวันชื่นคืนสุขของชีวีนี้
แม้เพียงฝัน..
จะเอาอะไรกันนักหนา นะ
ชีวิตที่ถูกลิขิตจากฟ้าขอมีเพียงชีวา
งามพิสุทธิ์ใส มีดวงใจแสนงาม มีดวงตาสวยใส
ได้ซึมซับงามรายรอบที่ธรรมชาติมอบให้
ก็คุ้มค่า คุ้มดวงใจแล้วมิใช่ดอกหรือ..
อยากกระซิบ..บอกคนดีทุกดวงใจ.
ในยามนี้ฝากอรุณอุ่นใสดวงงาม
ฝากราตรีหวานหวาน
ฝากดวงดาวพราวพร่างฟ้ามาว่า
เปลือกนอกเปราะบางนั้นใช่สำคัญ
ขอเพียงให้จิตภายในนั้นสวยใสสว่างสงบ..
พบทางออก..ที่แสนดี ที่ถูกทาง
ที่ว่าง ที่พอดี ที่พอใจ ที่ใสเย็น ..
ก็พอเพียง เพียงพอ..
ให้รอดพ้นบ่วงใจ บ่วงกรรม บ่วงเสน่หา
ที่มาหลอกล่อให้เราติดกับ
ราวกับกงกรรมกงเกวียน
หมุนวนหมุนเวียนชั่วกัปป์กัลป์
รำพึงรำพัน..ฝันค้าง
ขอจบด้วยประโยคนี้นะคนดี..
ขอให้มีสติ มีปัญญา ที่จะนำทางนำพาจิต
ให้งดงาม หลุดพ้น จากการพลัดพรากจากรัก...
การไม่สมหวังในรัก
และการประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ด้วยเถอะนะ
ทุกดวงใจไทยโพเอมนี้ที่แสนรัก..เอยแสนรักในกมล..
สำหรับผู้หญิงคนนี้
ขอลาทีไปวัดก่อนนะคะ
และจะกราบพระสวดมนต์ภาวนาให้กับทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยของเราพบสุขสดใส
ทั่วหน้า..ทั่วหล้าทั้งผืนดินไทยนี้
ที่แสนดีนักหนาแล้วค่ะ
29 พฤศจิกายน 2546 11:10 น.
พุด
โลกเรานี้..
คงมีผู้หญิงมากมายหลายพันล้านคน
ที่คู่เคียงมากับผู้ชาย
บางคนบอกว่า..
โลกของเรา ละมุน สวยงาม
น่าอยู่ น่าอภิรมย์ เพราะผู้หญิง ........
และ ก็ เพราะผู้หญิงอีกนั่นแหละ
ที่ทำให้ โลกนี้ร้อนเป็นไฟ
อย่างที่บางหน้าของประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ให้โลกประจักษ์....
ถึงน้ำผึ้ง..... แสนหวานและยาพิษ ...
ที่กวีก็นำมาเปรียบเปรยว่าดั่ง...ความงาม ..และพิษสงของผู้หญิงเรา
และบางคนก็มักจะเปรียบผู้หญิงให้เป็นเช่นดอกไม้........
เพราะแสนสวยงาม.....กลีบบาง ละมุน..อ่อนหวาน อ่อนแอ...
เหมาะที่จะเกิดมาเพียงเพื่อประดับประดาโลก ..
สำหรับดวง..ดวงคิดว่าคงเปรียบผู้หญิงได้กับทุกๆสิ่ง......
แมกไม้ ..สายน้ำ ..สายลม......
และแม้แต่แสงแดดแรงร้อน
ที่พร้อมจะเผาไหม้ลามเลียใจใครบางคนให้มอดไหม้เป็นผุยผง.....
นั่นแล้วแต่ใจใครจะจินตนาการ......
.แต่ถ้าเป็นไปได้.......
สำหรับดวง...
อยากให้ผู้หญิง..มิใช่แค่ดอกไม้ไว้เพียงประดับโลกสวย..แต่ราโรยรวดเร็ว..
ดวงหวังให้เป็นเฉกเช่น........
พันธุ์ไม้ใหญ่ยืนต้น ที่มีประโยชน์ยิ่ง ต่อโลก ต่อมนุษย์ ....
ต่อทุกสรรพสิ่ง....แผ่กิ่งก้าน ให้ร่มเงา แก่ทุกผู้คนและพืชพรรณ ........
ออกดอกงาม...แย้มบานรับโลกสวย ส่งกลิ่นจรุงขจรไกล.......
นำฝน..มาสู่ผืนแผ่นดินที่แห้งผาก
นำน้ำใสไหลรินสู่ลำธารใจเพื่อหล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติ
เกาะกลุ่มแน่นเหนียวเป็นป่าใหญ่สล้าง
เพื่อพิทักษ์แผ่นดิน....น้ำ ..ฟ้า..นก....
ให้โลกดำรงอยู่สืบไป.....
.เป็นป่าแห่งชีวิต ก่อกำเนิดต้นน้ำใสไหลเย็น ชุ่มฉ่ำไว้รินรด........
ให้แก่มนุษย์ทุกผู้ได้ดื่มกิน..และเผื่อแผ่แด่สัตว์โลกอื่นๆ....
เพื่อยังชีพ เพื่อสรรสร้างประโยชน์
แก่โลกรุ่มร้อนนี้ให้เยือกเย็น ......ตราบชั่วนิรันดร์........
ดวงกล่าวเปรียบเปรยถึงผู้หญิงได้ลึกซึ้ง.....
เพราะดวงก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง.........
อยากจะเป็นผู้หญิงคนพิเศษ.....
แม้นมิได้ด้วยความสามารถ....
ก็อยากสร้างความพิเศษพิสุทธิ์จากใจ
ภายในที่ไม่เหมือนใคร ...
ดวงคิดว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำได้.....
เพียงแต่ใจจะไขว่คว้าหรือไม่
โลกยังคงหมุนไป.....พร้อมกับทุกๆสิ่งดำเนินไป.....
โลกของผู้ชาย....โลกของผู้หญิง.
รวมเป็นโลกของเราที่แสนจะกว้างใหญ่ไพศาล....ใบนี้.....
ในโลกใบใหญ่นี้ยังมีโลกของชีวิต
วางซับซ้อนซ่อนอยู่มากมาย..........
โลกของเด็กที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา..........
โลกของคนหนุ่มสาววัยแสวงหา..........
โลกของคนทำงานที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อยังชีพ........
โลกของคนวัยชราที่คงผ่านโลกจนเหน็ดเหนื่อย..
และพร้อมจะหมุนวนกลับเพื่อเริ่มต้น ชีวิตใหม่.......
โลกที่ต้องอาศัยโลกธรรมะเพื่อประคองใจ.
.เป็นเพื่อนทางจิตวิญญาน
นำทางไปในยามสิ้นหวัง......ไร้สิ้นกำลังใจ...
ไร้สิ่งยึดเหนี่ยวพาไปสู่โลกมืดมน
ข้างหน้าที่เฝ้ารอเราทุกคน......
โลกที่เราทุกคนพยายามลืมด้วยความ..ไม่รู้ .ด้วยความกลัว
ด้วยความลังเลสับสน...ด้วยความไม่แน่ใจ
ด้วยความไม่พร้อม..ว่าเราจะพบกับสิ่งใด
ที่เฝ้ารอเราอยู่...........
.เป็นการไปแต่เพียงเดียวดาย....ลำพัง..
มีเพียงจิตที่ถึงพร้อม
และเตรียมพร้อมเท่านั้นที่ จะนำทางสว่างให้เรา ..ผู้ไม่ประมาท.........
แม้ผู้ที่เรารักแสนรัก หวงแสนหวง
ห่วงแสนห่วง เราก็ต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง....... ..
นี่คือโลกแห่งความจริงใช่ไหม.........
และตราบที่เรายังมีลมหายใจเราก็ต้องเผชิญหน้ากับโลก
แห่งชีวิตที่ยังคงสับสนวุ่นวาย ของโลกเบี้ยวๆใบนี้นะ.....
และบางครั้งดวงเคยสงสัยใคร่รู้ ....
ว่าในโลกที่มีหลายๆโลกหลายๆวงการนี้ที่วาง
ซ้อนเรียงรายให้เราอยากเข้าไปค้นหานั้น....
น่าสัมผัสเพียงใด......
เพราะโลกชีวิตของดวงแสนสงบงาม เรียบง่าย แคบแสนแคบ.........
ดวงอยากศึกษา....โลกใบน้อยๆของเพื่อนมนุษย์. จะเป็นเช่นไรนะ
สนุกสนาน สวยงาม เหน็ดเหนื่อย
และมีรายละเอียด น่าทึ่ง น่าสนใจเพียงใด.....
ดวงอยากเปิดโลกของคนเหล่านั้น.......
โลกของดารา......โลกแฟชั่น.....โลกนางแบบ.......
โลกภาพยนต์.....โลกคนทำละคร......
โลกนักธุรกิจ...โลกตลาดหุ้น.....
โลกคนพิการ....โลกสีครามใต้ทะเล.....
.และโลก ..... ทุกๆโลก ของ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน......
แต่สำหรับคืนนี้...ดวงโชคดีที่ได้ไปสัมผัส....
โลก...โลกหนึ่งเรียกว่าโลกของคนรักยานยนต์
คำขวัญงานนี้คือ.....เพื่อโลก..เพื่อคน(มีสตางค์) ยานยนต์เพื่อวันใหม่...........
เป็นโลกที่เร้าใจ น่าทึ่ง น่าสนใจมาก ..
เพราะดวงคิดว่า โลกยานยนต์กลายมาเป็นปัจจัยที่ห้า
ในชีวิตเราทุกคนแล้วอย่างไม่มีวันหลีกเลี่ยง.....ได้เลย
ผู้คนหลั่งไหลมามากมาย....
.เพื่อมาสัมผัสเทคโนโลยี่สุดยอด
ดวงคิดว่างานนี้นอกจากได้ดู
รถสวย รถดี รถแพงแล้ว
ยังได้รู้ว่ามนุษย์ได้คิดประดิษฐ์สรรสร้างสิ่งใหม่ๆเพื่อสนองการใช้งาน
สนองชีวิตอันรีบเร่งของโลกอนาคตด้วย.........
ดวงถามตัวเองว่าถ้ามีเงินมากพอ.....
ดวงจะชอบรถแบบไหน และจะซื้อแบบไหนดี........
เป็นการตั้งคำถามเตรียมใจ ปลอบใจ ตัวเองไว้
เผื่อว่าวันหนึ่งว่าอาจจะรวยพอ ที่จะได้ทำตามความ
ต้องการที่ดวงเคยคิดว่าเกินจำเป็น
สำหรับชีวิตคนเรียบง่าย อย่างชีวิตของดวง ..
ดวงตอบตัวเองได้ในทันทีเลย
ว่าดวงชอบรถแบบแลนโรเวอร์
ที่หลังคาเปิดกระจกดูดาวเดือนได้
เพื่อจะใช้ลุยเข้าป่าไปตามหาฝันหาธรามชาติไพร...
ในป่าดง..
ความชอบของดวงคงไม่ได้ขึ้นกับราคาหรือความหรู..
.ความใหญ่โตอลังการ.......
แค่ความพอใจส่วน ตัว...
และคงมีคนคิดแบบเดียวกันนี้มากมาย....เช่นกันใช่ไหมละคะ ..
แต่นะวันนี้นั้น ฝันก็คือฝันลมลม
ดวงคงต้องกลับไปรับบทสาวบ้านนา
ขี่เกวียนแทนเก๋งท่าจะเข้าท่าเข้าทีดีกว่า
สำหรับผู้หญิงบ้านนอกคอกนา..
ที่เกิดมากับแสงตะเกียงริบหรี่
มีเพียงเสียงคลื่นเห่กล่อมให้นอนหลับฝันดี..
มีดาวสุกใสใกล้แค่เอื้อม
มีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่เท่ากระด้ง
ในยามสนธยาให้นับถอยหลัง
ยามตะวันลาลับฟ้าอ้อนอำลาทะเลงาม .หว่างเกาะแสนสวยตรงหน้า
มีดวงดอกผักบุ้งม่วงอมชมพู เป็นเพื่อนให้เชยชม
มีสระว่ายน้ำสีสวยใสกว้างไกลสุดขอบฟ้าไกล..ทะเลงาม
มีทรายขาวละเอียดให้นอนนับดาวพราวอ้อมฟ้า..มีและมี....
ไปสัมผัสด้วยดวงใจดวงตาเอาเองดีกว่านะคะ
เพราะว่าบางทีอาจจะยังเหลืองามน้อยลงทุกทีทุกที
*********..
งานนี้นอกจากได้สัมผัสความงามของรถแล้ว
ยังมีของแถมให้ใจสดชื่น..คือดอกไม้
แสนสวย แสนงามที่ประดับเคียงข้างรถอย่างน่าตราตรึงใจ.....
.ดวงตื่นตะลึงกับดอกไม้เหล็ก
ที่ดวงแอบขนานนามในใจ
ดวงดอกไม้มากค่า เกินราคา ที่ได้ใช้ความงามนั้นเพื่องาน
และเพื่อบอกให้โลกรู้ว่า....
ผู้หญิงงามนั้นไปกันได้กับทุกๆโอกาส....
ทุกๆสถานการณ์แห่ง ชีวิต..
เคียงข้างผู้ชาย เคียงข้างโลก
ไม่ว่าโลกอดีตหรือโลกแห่งเทคโนโลยี่ในอนาคต..........
งานนี้ดวงเองยังชอบเลย
แล้วไฉนหนุ่มๆหัวใจสะออนจะไม่ชอบเล่า ..
เมื่อเดินเข้าไปใน งาน
จะมีมุมต่างๆมากมายให้ดู..
นอกจากเรื่องเกี่ยวกับรถแล้ว
ยังมีการรับสมาชิกต่างๆอีกด้วย
แต่มีเพียงมุมเดียวที่คนหยุดดูนิ่งนาน
และดูจะสนใจเป็นพิเศษ..... ..
ในนาทีที่ดวงเงยไปเห็นป้ายชื่อ ..
.ดวงถามตัวเองว่า
ดวงควรตัดสินรจนาเรื่องนี้ให้คนรักรถรักงาม
มาดูงานยานยนต์ที่เมืองทองธานี
ยอมเขียนลงโฆษณาให้ฟรีฟรี
ให้คนดีได้ไปสัมผัสรัดรึงเร้าใจ
กระชุ่มกระชวย..และ..
ขอบอกว่า หากสาวไหนใจไม่ถึงพอก็อย่าพาแฟนมานะคะ
เพราะอาจจะเกิดปุจฉา อิจฉาตามมา..ว่า
มาผิดงานหรือไม่ละหนอ.....ละนี่
เพราะป้ายเบื้องหน้านั้นเขียนไว้ว่า..
รับสมาชิก PENT HOUSE........
PENT CAFE ..
และพร้อมรูปนางแบบมากมาย
ในชุดยั่วยวนชวนใจชายให้ใจลืมโลกและแม้แต่ผู้หญิง
คนใกล้ตัวใกล้ใจ.......เสียสนิท !..
28 พฤศจิกายน 2546 23:36 น.
พุด
ที่รัก..วันนี้ผมคิดถึงคุณ....
คิดถึง คิดถึงและคิดถึง..
ผมกำลังนั่งริมบึงบัว ในทุ่งนาเวิ้งว้างอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด
มีเพียงแสงสนธยาอ้อนอาลัยดงตาล
และนาข้าวพราวพร่างอาบแสงสีทองรอนรอนลารวงเรียว
ดงดอกโสนเหลืองละอ่อนละออล้อลมไหวไหวเอนพลิ้วไปมา..
บัวหลวงหลากสี แดง ชมพู เหลือง ทองผ่องผุดที่กำลังบานสะพรั่ง
และตูมตั้งเต่งตึงโผล่พ้นน้ำ
มิยอมพ่ายพยายามโผล่ชูช่อละออดวงดอกหวานบานงาม
มิยอมตกเป็นเหยือเต่าตมเน่าทับถมคาคลองโคลน..
กลิ่นดอกมะม่วงริมชายนา หอมพรายร่ายมนต์
ให้ผมเทวษถวิลถึงคุณคนดี..
ที่ชอบอ้อนผมทุกครา ที่ได้กลิ่นหวานหอม
น่าดอมดมพรมจูบของมวลหมู่ผกานานาพรรณ
ที่คุญบอกว่าพารัญจวญใจเสียยิ่งกว่า..น้ำหอมขวดแพงๆ
ที่สาวสาวชาวกรุงมุ่งประทิ่นทับ
รอรับสิเหน่หาสวาทหวาม...ยามใจร่างชิดใกล้คนรัก
พร้อมพลีภักดิ์กายให้ชายเชยชมดมดมดอมดอม
หอมหอมเสน่หาพาใหลหลง ลุ่มหลงสวาทมิคลาดคลา
ที่รัก..
ผมฝากใจ...ฝากสายใยรัก..โซ่เสน่หาของผม..
ผ่านกลีบดอกไม้ละมุนดอก....
ผ่านช่อดอกมะม่วง
ผ่านรวงเรียวข้าวใหม่ ในนาหอมหอมหอม
ฝากดวงดอกพะยอมที่หวานพรายมากับสายลมพร่าง
ฝากหน้าต่างเมฆมาเสกล้อให้คุณมองเห็นงามของหวานหวาน
ในวิมานเมฆ ราวสายไหมไยรุ้งเรียวฝัน งามละไมละมุน
ดั่งปุยนุ่นปุยฝ้ายพรายพร่างสีสลับสล้างเหลือบพรายพรรณ
เฉกสวรรค์ลอย....
ที่รัก..
หัวใจลูกผู้ชายคนยากขอฝากทุกสิ่ง
จากทุกสรรพสิ่งแสนงามที่ฟ้าประทานให้สองตาหนึ่งใจ
ได้พบ..ได้รัก..ได้ประทับซาบซึ้ง ตราตรึงฉ่ำเย็น
ในธรรมชาติเย็น ธรรมชาติธรรม..ธรรมดาๆ
ที่มากล้นค่ามาเติมใจให้สุขสงบพบแต่ดี...
ในดวงใจลูกผู้ชายชาติไพรคนนี้
ที่มองเห็นงามในทุกงามนี้!
จนอยากตามลงไปคลุกในกอข้าว
เคล้านาทองสุกปลั่งดั่งฉากสวรรค์บ้านไร่สีทอง
ดั่งฉากที่จิตรกรฝากงามสะบัดทีแปรง
แตะแต้มดวงดอกไม้ดอกหญ้า
งามจนเย้ยหล้าลวงตาว่าสวรรค์มีจริง
กับสิ่งตรงหน้าในคะนึง..
ในหอมอวลนวลนวลงามงามตรงหน้า
ในยามดายเดียวเดียวดาย
ไล้โลมอยู่เพียงผู้เดียว แม้นเปลี่ยวเหงาไร้ร้าง
หากแต่ทว่า..งามพร่างนั้น ยิ่งดำดิ่งล้ำลึก ถึงเบื้องลึกเบื้องล่าง
ลงสู่เนื้อใจให้ระรินไหว สุขสมถะสงบพบพอเพียง..ลำพัง
ฝังหยั่งรากรักเพาะงามดวงใจใครจะรู้นี้..
ที่รัก..
ผมขอนำทุกสิ่งในนาทีนี้..
ที่ประทับในมโนนึก ในคิดถึงคะนึงครวญ
หวนไห้ถึงคุณ ผู้มองโลกตราตรึงใจ ราวกับหัวใจเราดวงเดียวกัน
ผมขอพลีดวงใจรัก มากล้น มากห่วงหา ยาวนานคิดถึง
มาร้อยรัดพันทบทุกสิ่งแสนงาม
ในยามเย็นย่ำสนธยา ณ.รึมบึงบัวงาม
ยามดวงตะวันสีไพลชิงพลบนี้
เป็นริบบิ้นรักถักทอ หวังร้อยรัดใจคุณ....
คุณรู้ไหม..ผมหนีหัวใจตัวเองมาไกลถึงนอกเมือง
ด้วยหวังให้เรื่องรานร้าว
ที่ผมจริงจริงแล้วมิได้เศร้ามากเกินจนลืมรำงับ
เพียงอยากให้ดับไปกับแสงตะวันลา กับนกกากับฟ้างาม
กับมวลมหัศจรรย์พลังแสงแห่งนวลดาวประดับฟ้า..
ยามราตรี..
ที่ราวมีหิ่งห้อยนับร้อยนับพันดวง..ลอยวิบวับวิบไหว
กระพริบระยิบระยับดับทุกข์นี้
ที่เราราวธุลีเล็กๆ...
ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้..นะคนดี
ที่เรารอวันชีวีแสนสั้นฝันดี
ดับดวงร่วงลงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนพสุธา
มีเพียงท้องนภาพราวพร่าง
กับ*ดาวใจหนึ่งเดียวที่พิเศษพิสุทธิ์ใส*
ที่เราเลือกนำทางใจนำทางจิตวิญญาณ
สว่างสุกใสกระจ่างใจไปชั่วกัปป์กาล
ที่รัก..
แล้วไย..ผมจะต้องปวดร้าวใจ ในวันนี้..
เมื่อมีใครบางคนเตือนสติให้ผม..
ก้าวหันหลังลาลับ..ไปเสียจากชีวิตคุณ....
ใครคนที่รู้ว่า.....ผมรักคุณมากเกินไปแล้ว...
.และแสนสงสาร...ใจดวงนี้...
ที่เรานั้นพบกันเมื่อสายเกิน
วันที่พระเจ้าคงเผลอเพลินงีบหลับไปนานหน่อย
จนลืมปล่อยร่างใจให้ผมมาพบคุณ พันผูกใจจิตวิญาณ
ได้แค่นี้ เพียงแค่นี้
ที่ได้รับแค่คำเมตตา คำว่า..ชื่นใจ...จากน้ำคำคุณ.....
และ..
ผมยังสงสัย?
พระเจ้าสงสารผมหรือลงฑัณท์กันแน่ที่ทำให้ผม...อดทนรอคุณ.....
.แม้ทางข้างหน้ายังไม่รู้..จะจบสิ้นเดียวดาย ไร้หวังปานใด.......
ผมแค่เพียง....อยากเห็นรอยยิ้มคุณ...
ยิ้มที่แย้มเยือนงาม..เยือนแย้มใจของผม
และโลกใบนี้ให้บานเบิก ......
ราวกลีบดอกไม้เบ่งบานรับแดดอ่อนอุ่น...
หยาดน้ำค้างพราว...ยามอาทิตย์อุทัยไขแสง......
ผมมีความสุขแค่คิดถึง...
แค่อยากให้คุณอิ่มเอมใจ...ในความสุขทุกสิ่ง......
และนี่คือรักของผม....ของลูกผู้ชายคนนี้ที่รัก..
.และยินดีมอบทุกอย่างให้แก่คนดีที่ผมรัก...........
แม้ใจดวงนี้จะบอกว่า.....ปล่อยคุณไป...ก็ตามที......
คุณจำได้ไหม..........
วันที่ผมตามหาคุณ..รอพบคุณ
นาทียิ่งใหญ่ ที่ผมขอแค่โอบกอดคุณ
ตามธรรมเนียมผู้พบ..เพื่อน
ผมบอกคุณว่า
นาทีนั้นหัวใจดวงร้าว...
ที่ร่ำร้อง..รอ...รอ..รอและรอคุณมาแสนนาน
ราวชั่วกาลชั่วกัลป์กัปป์...
หากได้แนบชิดสนิทแนบยอดดวงใจ
ใจต่อใจ...กายแนบกาย.......
ไร้สิ่งใดขวางกั้น......
ผมคงกอดคุณจนแนบแน่น จนลืมตัว....
คุณคงตกใจ.....
แต่ที่รัก..มันยังน้อยไปเมื่อเทียบ
กับความรัก...ความรู้สึกมากล้น..
ที่มันซ่อนซึ้งอยู่ภายในใจ...
ที่คุณมิมีวันหยั่งถึง...
คุณบอกว่า..ผมผอมไป......ใช่..ผมผอมไป...
.เพราะตรอมตรม..ระทมกับวันคืนที่ยาวนาน ที่ไร้คุณเคียง.......
ผมนอนน้อย..หวังและรอทุกค่ำคืนที่จะได้คุยกับคุณ...
ผมมิเคยท้อ..รอ....เป็นเดือน...เป็นปี...
.ปีแล้วปีเล่า...ผันผ่านไป........
ด้วยผิดหวังซ้ำซาก..จนชาชิน....
ผมผอมไป.....เพราะตรากตรำทำงานหนัก...
มีคุณเป็นพลังรักพลังใจ.มีเพียงรอยยิ้มแสนงาม....
ในฝัน..ในใจ....ไว้หล่อเลี้ยงใจดวงนี้....
ที่บอบช้ำและทุกข์ทน.....เพื่อรอ และรอ...ต่อไป...
วันนี้.....นาทีนี้เพียงผมโชคดี..
ได้อยู่ใกล้ชิดสนินแนบ
และได้รับรู้เพียงคำเดียว..คำที่ผมรอมาแสนนาน........
คุณรู้ไหม...ผมเตรียมอะไรไว้ให้คุณ...โดยที่คุณคงคิดไม่ถึง.....
เย็นวันหนึ่ง....
หลังเลิกงานผมผ่านแผงขายเครื่องประดับ
นาทีนั้นแสงกำไลเงินงามลายละเอียดละเมียดละมุน
จากฝืมือแกะสลักลายดอกไม้นกผืเสื้อเกาะกลางกลีบเกสรอ้อนเถาวัลย์
พันช่อดวงดอกกุหลาบละออละเอียด..สะท้อนกระทบไฟ
ส่องประกายเจิดจรัส..สะท้อนตา..สะท้อนใจผม...
ให้ก้าวตามดั่งต้องมนตราล้ำค่า..น่าหลงไหล..
เพราะ ในคะนึงผมคิดถึงคำคุณครวญ
คุณบอกคุณชอบกำไล มิใช่ทองมิต้องเพชรไม่ต้องล้ำค่า
หากทว่ามันเป็นดั่งกำไลกำไรรักนี้ที่มิมีวันรู้สิ้นรู้จบ
ที่จะทบทวีเป็นวงกลมว่ายวนรัก
รัดร้อยนวลเนื้อแขนแทนนวลเนื้อใจหวานหวาน
ผ่านวันคืน..ทบทวี..ค่าในความทรงจำล้ำลึกลึกล้ำ
ที่เป็นดั่งอมตะรักเลอล้ำค่านานนับนิรันดร
ที่รัก..
ผมคิดได้แล้ว...ว่าด้วยเหตุใด..
ใจผมจึงเป็นเช่นนั้น...
ผมคิดถึง
ดวงใจแสนงามดวงตาแสนเศร้าเว้าวอนรัดรึงตรึงใจผม
ราวหยาดเพชรของคุณต่างหาก.......
ผมอยากเห็นวันที่ผมสวมสอดกำไลรักวงนั้นให้คุณ......และ......
ผมอยากเห็นหยดน้ำเพชรพร่างในเรียวตา..
.แข่งประกายเจิดจ้า....
ราวดาวสีเงินบนฟ้าในคืนจันทร์กระจ่าง....
คงงามหยาด..เย้ยหล้าท้าใจ...
ให้ลุ่มหลง......พอกัน....
ที่รัก....ใครๆบอกว่า..
จริงๆแล้วไซร้.เพชรคือความอมตะ..
.ความงามนิรันดร์.........
คือความสวยเลอล้ำ......
เทียบรัศมีดาวพราวทั้งจักรวาล.....
.มากล้นค่าที่พึงนำมาร้อยเรียง.......
เพื่อกำนัลยอดดวงใจนี้ที่รักยิ่ง.......
เพชรคือความรักแท้....
.คือความหนักแน่น..กร้าวแกร่ง...คงมั่น..คงทน...........
ใจที่เปรียบดังเพชรเท่านั้น...
ถึงจะมากค่าเฉือนคม..ดังคำ....เพชรตัดเพชร....
ที่รัก.
แต่สำหรับผมลูกผู้ชายคนจนคนนี้
มีแต่..ใจผมดวงนี้...
ที่รักคุณ....คงมั่นยาวนาน..
กร้าวแกร่งดั่งเพชร...มากค่า...อมตะ....พอกัน....
ดั่งเพชรที่ถูกเจียรนัยแล้ว....ด้วยตัวตน....
ที่รู้ผิด..ชอบ...ชั่วดี.....ของผม........
และ...ผมยินดี.....ที่จะมอบใจ....
ที่เปรียบประดุจ.....เพชรแท้น้ำงามให้คุณ....
ชั่วฟ้าดินสลาย..ไม่แปรผันปันใจ
ผมมิสามารถควักใจดวงนี้.....
ที่ดั่งเพชรมากค่า..มาวางกองไว้แทบเท้าคุณ....ได้........
แต่ผมมีฝัน มีหวัง มีพลังสมองดั่งเพชรเม็ดงาม
มีมืองามที่ผมเพียรพยายามรจนางานงาม
ด้วยฝันสล้าง.แรงใจที่ฟันฝ่า...ด้วยรักแลหวัง.....
และด้วยพลังแห่งรอยยิ้มเศร้า..
ยามที่ผมคิดถึงคุณ.....นะคนดี
เพื่อแลกกับค่าคำล้ำคำที่คุณเพียรมอบกำลังใจ
รินรด หยดลงบนใจดวงแห้งผากของผม
ผมขอพลีมอบตอบแทนน้ำใจรักภักดิ์พลีที่คุณมอบให้
แทนน้ำใจรัก......แทนใจทั้งดวง....
ทั้งชีวิตนี้ที่ผมหวังมีเพียงคุณเคียง......
หากรู้สักนิด
สวลี ผกาพันธ์ : : Key Ab
หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน
บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย
ว่าดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย
คงไม่ เลื่อนลอย เป็นของ ใคร
เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก
ฉันก็จะมิอาจจากไป
ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน
คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน
หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน
บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย
ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย
คงไม่ เลื่อน ลอย เป็นของ ใคร
เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก
ฉันก็จะมิอาจจากไป
ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน
คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน
หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน
บอกกันวันนั้นว่ารักสักหน่อย
ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย
คงไม่ เลื่อน ลอย จากสุดที่รักเอย...
*******
ผมฟังเพลงนี้..
ฟังพร้อมกับพลังฝันอันบรรเจิดจ้า
ราวเพชรกล้ากระจ่างกลางใจ
สว่างสุกใสให้ดวงใจผมลบลืมหม่นมัว...
อยากไขว่คว้าคว้าไขว่ดาวสักดวง
ห้ร่วงลงสู่อุ้งมือนี้ที่เพียรพยายาม
และหัวใจรักของผม
จะมิมีวันหมองเศร้า.....เฝ้าตรมตรอมตราบใด
ที่ยังมีคุณชิดใกล้นำทางใจไฟฝัน
คุณ...คือฝันพร่างสว่างงามภายในใจของผม...
ดังแสงเพชรส่องนำทางใจ
ให้ผมอดทนรอ...ต่อไป...จนกว่า........
จะถึงวันที่ผมวาดหวัง.....
วันที่ผมจะได้โอบกอดคุณ....
และสวมกำไลเงินงามมากค่า...
แทนรักแทนใจ..เกินกล่าว...
และผมจะเฝ้ากระซิบบอกคุณ...ถึงความมั่นคงจงรัก....
ผมหวังจะเห็น....
ดวงตาจรัสงามดั่งหยาดเพชรพราว....
ยามเชยช้อนสบตากันและกัน.
ท่ามกลางราตรีฝันอันน่าภาคภูมิปิติ
ให้สมกับที่ผมรักและรอคุณมาแสนนาน....
ด้วยใจดวงนี้ที่เป็นทาสรักภักดีคุณ....
มิมีวันผันแปร...มอดสิ้น...ตราบสิ้นลม.....นะดวงใจ
27 พฤศจิกายน 2546 11:23 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2020
เคย เคย.....บ้างมั้ย?.....
ที่เธอเหงาสุดหัวใจ
แม้จะมีใครใครรายรอบตัวเธอ
แต่ดูราวโลกนี้มีเธอเพียงลำพัง...
เคย เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ราวกับตัวเธอมี
หมอกกางกั้นระหว่างโลกฝันกับโลกจริง
ที่เธอเหนื่อยล้ากับทุกสิ่ง แต่ก็ยังจะเดินไขว่คว้า
ตามหาฝัน ท่ามกลางทะเลหมอกที่หนาวแสนหนาว
และค้นพบว่า สุดท้ายปลายฝันนั้น..
เธอก็ยังดายเดียวคว้างขวัญลำพัง..ไร้ร้างเงาใคร..
เคย เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่เธอยิ้มเริงร่าข้างนอก
แต่ข้างในดวงใจเธอกำลังปวดร้าวสุดทน..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ทุกครั้งที่เหงาเศร้า
น้ำตาเธอก็ราวจะรินรดดั่งหยาดฝนพรำ
อยู่ภายใน..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่เธออยากแบ่งปันรอยยิ้ม
ให้กับใครบางคนหวังผูกมิตรยาวยืน แต่สิ่งที่เธอ
ได้กลับคืนมา คือความหวาดระแวง...
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าในโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักคำๆนี้..
โดยเฉพาะคนที่มีบทกวีในหัวใจ
ณ..ร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าความเหงา ดั่งเชื้อโรคร้าย
คอยซุกไซ้อยู่ในดวงใจ
ที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป...
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่หันไปทางไหน
ก็จะได้ยินคนบ่น ถึงแต่คำคำนี้ ไม่ว่า
ในบทกวี ในงานเขียน
หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าความเหงาดั่งโรคร้าย
ที่คอยทำลายความรื่นรมย์แห่งชีวิต.
แต่..
ก็ยังมีคนฉลาดบางคน
ที่จะเลือกใช้ความเหงาอย่างโสภา สถาพร
เพื่อสร้างสรรงาน
เคย..เคย....บ้างมั้ย.....
ที่เรารู้ว่าเพราะระบบสังคมตัวใครตัวมัน
ทำให้มนุษย์ลืมหันหน้าเข้าหากัน
ลืมโอบเอื้อ อ้อมขวัญ..อ้อมใจ
อ้อมแขนอันอบอุ่น
สร้างสุขสัมผัสรัดรึง
มอบอ้อมกอดแนบแน่น...
แทนรักมากล้นทรวง
ให้ผู้เป็นดั่งยอดดวงใจ..
ดั่งยอดรักปลอบประโลม..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าเพราะระบบสังคมบูชาเงินเป็นพระเจ้า
จึงทำให้มนุษย์ต้องปวดร้าวกับการแย่งชิง
กับการแข่งขัน เพื่อคำว่าผู้ชนะ จนลืมรักคนอื่น
เพราะมัวแต่รักตัวเอง..ห่วงตัวเอง
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ยามเราเหงาสุดใจ
และมีใครบางคน เดินเข้าในชีวิต
ดังฟ้าลิขิต ในเวลาพอเหมาะพอดี
จนสร้างความรัก ความผูกพัน
ความเคยชินให้เรา..ห่วงหา..แล้ว
พลันก็กล่าวคำว่า..ซาโยนาระ
และจากเราไปแบบไม่หวนคืน......
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่อยากนอนหลับฝันดี
แบบไม่ต้องมีคราบน้ำตาบนรอยเรียวแก้ม
ทุกค่ำคืน ด้วย เหงา เหงา เหงา เหว่ว้าสุดใจ....
และ....
เคย..เคย.....บ้างมั้ย....
ที่หวังจะให้...มีพระเอกขี่อะไรมาก็ได้
เข้ามาทะลุทะลวงหัวใจ.. รักเรา
แบบเติมเต็มทั้งร่างและจิตวิญญาณ..
เพื่อที่จะได้ไม่เหงาอีกต่อไป..ชั่วนิจนิรันดร!
******
เคย เคยมั้ย?..
27 พฤศจิกายน 2546 02:44 น.
พุด
ผู้หญิงคนนี้ที่มีเนื้อหัวใจละไมละมุน
และชอบใส่เสื้อสวยเศร้าราวสีเปลือกมังคุด!
*********
ราตรีนี้..
นะกระท่อมไม้ใต้ต้นจำปี
ผู้หญิงในเสื้อยืดสีเปลือกมังคุด
ผมสยาย นัยน์ตาโศกซึ้งสะเทือน
เฝ้าแหงนเงยมองดาวประจำเมือง
และ..เดือนเสี้ยวดวงเศร้า
เคล้ากลิ่นดอกโมกช่อพราว
กับกองามพรายราวรักร้าวของดงดอกราตรี..
และลั่นทมสะพรั่งพรึบ.
หลายวันมาแล้ว..
ที่ดวงใจของฉันหม่นมัว
ราวกับมีหมอกบางๆครอบคลุม
คิดไม่ออก เขียนไม่ได้ หัวใจรานร้าว ราวถูกกดทึบ
ติดหนึบอยู่กับบางสิ่งที่ค้างคาใจ..
และ..
กับค่ำคืนเดียวดายนี้ที่..
บทเพลงนี้กำลังครวญคร่ำ...
ค่ำแล้วในฤดูหนาว
พอย่างเข้าเขต หน้าหนาว
ลมหนาวก็โชย พัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมา ในเวลาค่ำ ฮึม
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ย หนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้อง ก้องสนั่น ฮึม
ทำให้ฉัน เป็นสุขใจ
เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำ ๆ
หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง
คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ
หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม
ฉ่ำเท่ารัก เราไม่มี
สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป
เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น
เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม
ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น
นภาสะอาด ดูงามสดใส
ฉันรักจับใจ สะอาดน่ะนั่น
หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม
จิตใจฉันเลื่อนลอยไป
เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน
ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ
ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม
ไม่ลืมคำที่ฝากกัน
*******
และ
ท่ามกลาง..เสียงเพลงลมหวล
ลมหวน ...ที่ชวนให้น้ำตา
ละหลั่งรินถวิลหาใครบางคนที่เราแสนรัก
ที่ลาเลยลับ
และอยากกลับมา..แต่ก็สายเกิน!...
ลมหวน ชวนให้คิด
ถึงความหลัง
พะวังจิต คิดขื่นขม ระทมใจ
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน
ตัวใครเป็น
คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน...
********.
ฉันจุดเทียนหอม เปิดโคมไฟอบอุ่น
นั่งนิ่งนิ่ง พินิจดูดอกไม้หลากสีในโถแก้วตรงหน้า
ชบาแดงซ้อนกลีบหวานจัด
ปนกับเล็บมือนางสามสีสามสวยชมพู ขาว แดง
แซมแตะแต้มด้วยพวงเข็มขาว เข็มแดงที่บานแฉ่ง
อวดดอกดกริมรั้วบ้านมองแทบไม่เห็นใบ
แดงโดดละออตา อวดงาม
ที่ฉันเพิ่งเด็ดมาคลอเคล้า
ให้หวานอวลจรุงใจ อยู่ในนาทีนี้...
กรอบรูปตรงหน้า
คือภาพหญิงสาวในชุดบิกีนี่สีขาวกำลัง
สะบัดผมกลางทะเลกว้าง
ล้อเล่นสายน้ำจนเกิดประกายวะวับวาว
ราวสายเพชรพร่างพราย
เริงร่ากับทะเลสีมรกตสดชื่นสวยใส งดงามเสียไม่มี.....
ตั๊กแตนเตือนใจ
ยังแกว่งไกวล้อใจล้อฝันควะคว้าง
เฉกเช่นทุกคราที่ทรุดตัวนั่ง
ณ..ที่โต๊ะเขียนหนังสือนี้
ที่บัดนี้มีเก้าอี้เบาะแดง เป็นเก้าอี้..ประจำใจประจำตัว
ที่ฉันเรียกมันว่า เก้าอี้นักฝัน..
C.D กำลังบรรเลงเพลงของพี่แจ้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราวกับจะให้ทะลุทะลวงไปถึงดวงใจ
ใครบางคน..ที่แสนไกล แสนคิดถึง.......
************.
ตามมาด้วยบทเพลงแสนเศร้าเว้าวอน.
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438
ที่สุดของหัวใจ
หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลก
ยับเยินเสียก่อน
จะไปอ้อนวอน
ขอเธออย่าตัดรอน รอก่อนวันพรุ่งนี้
เคืองกันเรื่องไร พรากกันด้วยเหตุใด
ฉันยังไม่เข้าใจ
เพราะฉันใช่ไหม
หรือเธอเปลี่ยนไป ไยถึงไม่เหมือนเดิม
แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ
ฉันโทษใครได้
เป็นกรรมของใจ
พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้
นับช้ำมากี่ครั้ง
หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ
เพราะรักมากไป
เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ
อดทนไว้ก่อนนะใจเจ้าเอย ข้าวอน
จงแข็งแกร่ง แล้วทน รอให้ถึงพรุ่งนี้
พบเธอ แล้วถามเธอ อ้อนวอนให้เธอเห็นใจ
แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ
ฉันโทษใครได้
เป็นกรรมของใจ
พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้
นับช้ำมากี่ครั้ง
หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ
เพราะรักมากไป เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ...
******.
และ
ที่น่าแปลกใจมีเสียงนกมาร้องระงมจุ๊บจิ๊บ
พร้อมกับเสียงเพลงลมละเมอเพ้อครวญ
************
เสียง ลมพัดมาแต่ไกล
ฟังแล้วตรมจิตใจ ฟังเหมือนใครคร่ำครวญ
ฟัง..ดังเสียงเธอเรียกครวญ เป็นสำนวนเศร้าใจ
ฟัง ดังเสียงเธอ กู่ไกล พาหัวใจเศร้าไม่วาย
ลมเอ๋ย ลมพัดเลยเรียกหา
ขอเพียงหมายใจ ให้ลมพาขวัญใจคู่ชมมาภิรมย์แนบกาย
ลมไม่รับคำดั่งหมาย พาเสียดายใฝ่มองหา
ฉันครวญ เพราะความเศร้าใจ
ครวญเสียงดังอย่างไร ไม่เห็นใครตอบมา
วอนลมเอ๋ย..จงเมตตา จงหวนมาแต่ไกล
ขอเอ่ย น้ำคำออกไป พาสมใจได้ชื่นชม
ลมหวน ลมพัดทวนรื่นรมย์
ฉันทวนน้ำคำพร่ำไป ลมเอ๋ยจงหอบไป บอกขวัญใจเถิดลม
ลมไม่รับคำให้ตรม ลมหนอลมช่างใจดำ.....
***********
ฉันฟัง CD ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรียกอารมณ์ เรียกหัวใจ เรียกพลังใจ
กลับมาเพื่อรจนางานสักเรื่อง..
แปลกดีนะ..ที่บางครั้งครา
ราวกับว่าชีวิตและไฟฝันของเรากำลังจะมอดดับ
มันมอดเสียจนน่ากลัว..
ฉันถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
เกิดอะไรขึ้น กับหัวใจผู้หญิงช่างฝัน ขยันเขียนคนนี้
ทำไมทุกอย่างถึงดูราวกับจะชะงักงัน.
.นิ่งเงียบจนน่าตกใจ..ฉะนี้หนอ...
และก่อนที่หัวใจจะแย่ยิ่งไปกว่านี้
ฉันจึงฝืนจับปากกาเพื่อจะบอกว่า..ฉันจะมิมีวัน
ยอมแพ้ ยอมหยุดเขียน..
กลิ่นดอกไม้ไทยนานาพรรณ
รายรอบบ้านกำลังส่งกลิ่นหอมจรุง
อวลร่ำมาอบร่ำให้หัวใจช่างฝันของฉันหลอมละลาย
ให้ใจดวงร้าว พยายามต่อไฟฝัน
เติมพลังใจอีกคราครั้งในค่ำคืนนี้...
ท่ามกลางแสงเทียนและโคมไฟอันอบอุ่น..
กับกลิ่นกำจายของดอกไม้หอมละมุน
กับแสงเทียนพรายพร่าง
กับเสียงเพลงหวานหู มีมนต์ขลัง
ที่กำลังปลอบประโลมใจ
ให้หัวใจเลิกไหวสะเทือน..
เป็นคืนค่ำที่แสนดี..ในวิมานดินแห่งนี้ ที่แสนรื่นรมย์
แสนสุขสงบ เงียบงาม....
.....................
มองออกไปในฟ้ากว้างสว่างเรืองรอง
จะเห็นนวลแสงดาวพราวพร่างฟ้า
และในราตรีงาม
จะเห็นดอกปีบ
กำลังโปรยสายลงบนลานสวย
พราวพราย งดงาม ในคลองตาคลองใจ
ใสสวยเป็นยิ่งนักแล้ว...
ฉันกำลังบอกกับใจตัวเองว่า..
โลกนี้..คงไม่มีวัน...
ที่เราจะสุขไปทุกวัน หรือเศร้ามันทั้งปี
ทุกชีวีจะมีวันแสนดี คืนที่แสนงาม
ขึ้นอยู่กับใจเรา
ที่จะมองโลกให้เป็นให้เห็นงามหรือไม่เพียงนั้น
ลุกขึ้นมาสู้ มาสร้างไฟฝันให้กับตัวเอง มิใช่ใคร!...
ฉันเปิดเพลงให้ดังอีกนิด..
ฝากสายลม ฟากฟ้ากว้าง
ดวงดาวทุกดวง ถึงทุกดวงใจ
ในเรือนไทยนี้ที่แสนรัก
แสนคิดถึง นะคนดี
เพื่อทุกชีวีได้ผ่อนพักพิงใจไปด้วยกัน
ไปสู่ฝันหวานหวาน
สร้างงานตระการใจ ในยามนี้
กับเสน่หาราตรีที่เงียบงาม และสงบสุขเป็นยิ่งนักแล้ว....