11 ตุลาคม 2546 18:21 น.
พุด
http://greenmusic.org/thai/index.html
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1931
(อายฟ้าดิน)
..............
ผม..ชอบตื่นมาในตอนย่ำรุ่ง
รับอรุณเบิกฟ้า...
เฝ้าดูดวงตะวันพาไรแสง เรื่อเรือง รำไร เจือสีหวานใส
ทอทอดลอดแสงทองทาทาบอาบท้องฟ้าอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ผ่านเรียวเมฆ เสกโลกหล้าให้สล้าง ตื่นจากฝันคว้าง หลับไหล
สู่โลกจริงที่ต้องวิ่งดิ้นรนไขว่คว้าหาเลี้ยงชีพชอบไปวันวัน..
ผม..สูดลมหอมสะอ้าน..
ที่พัดพร่างบางเบาให้เนื้อใจเย็นรื่นให้ชื่นฉ่ำใจ
อย่างช้าช้า ช้าช้า..
ให้ซึมเซาะลึกซึ้งถึงหัวใจดวงนี้
ที่นับวันจะโหยหาแต่ธรรมชาติไพร
ผมเฝ้าดู..มวลหมู่นกกาโผผินบินสู่ไพรกว้าง
อย่างที่ผมวาดหวังอยากฝากร่างไร้ตัวตน
ติดปีกแห่งรักแห่งฝันพลันเหินบินตามไป...
ถลาสู่ไพรพง ดงดอกไม้ ดงดอกหญ้า
เนินสล้าง สู่เสรีแห่งจิตวิญญาณ
ผ่านขุนเขา เงาเมฆ ห้วยละหาน สายธารหวานระริน
ท่องล้ำเข้าไปสู่แดนดินถิ่นลี้ลับที่ราวกับให้มหัศจรรย์ใจ
เงียบสงบ สงัด...ร้างไร้ผู้คน มีเพียงมนต์แห่งธรรมชาติ
วาดเวิ้งใจให้แสนเงียบงาม
และ..แปลกสิ้นดี..!
ที่ราวกับมีใครบางคนตามติดสนิทแนบแอบซุกซบ
ในอ้อมอกอ้อมใจไปกับปีกแห่งรักแห่งฝันนี้ทุกถิ่นที่ ทุกราวไพร
ไฉนเลย..ไม่มีวันสิ้นสุดสลัดหลุดลา..โอ้ว่าฟ้าดินชะตารัก..
ทบทวน...
เมื่อคืนนี้..ที่ผ่านมา..
พาผมพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ
เราสองเลยพากันเชิญตัวเองให้มานั่งสวนอาหารโล่งกว้าง
ที่รายล้อมด้วยพันธุ์ไม้ไทยใสพร่าง
เขียวชะอุ่มงามดั่งนั่งอยู่ท่ามกลางพฤกษ์ไพรพง..
ผมแหงนเงย..มองฟ้า ..
ที่สล้างนวลด้วยแสงจันทราสีเงินงามผ่องผุด
ที่แทบทำให้ผมอยากหยุดโลกให้เลิกหมุนสักครั้งครา
ให้หัวอกหัวใจเหว่ว้าของคนหนุ่มอย่างผมที่กำลังหวามอมชมพู
ด้วยแอลกอฮอล์ผสมเลือดรักที่กำลังไหลพล่าน..
ได้รับหวานหว่านโปรย
ให้มีพลังรัก พลังใจ จากพลังจันทร์
ให้ขับเคลื่อนสู้ฝันสู้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่ง
ที่หมุนวนหมุนเวียน
ดั่งกงเกวียน กงกรรม ในกรอบใจ ในกรุงกรง มิรู้สิ้นมิรู้จบ
นาทีนั้น..หนาวในใจพลันกลายอุ่น
โลกละมุนพลันสดใสขึ้น
จนอยากโทร..ถึงใครสักคน หาอ้อมใจ อ้อมรัก อ้อมตัก
พักซุกซบขออ้อมอกไออุ่น
ให้ใจดวงนี้ที่อ้างว้าง ดายเดียว เปลี่ยวเหงา
จนซึมลึกถึงเนื้อในเนื้อใจมานานปี
ที่นับวัน นับนาที
มีแต่ความเบื่อ เบื่อ เบื่อมนุษย์มากมีมากมาย
ที่รายล้อม ที่ทุกข์ทนยาก
ที่ลำบาก ยากจะเอื้อมมือไปช่วยเหลือใครได้ ที่รายรอบตัว..
เพราะดวงตาภายในดวงที่สาม
ทำให้ผมมองไม่เห็นงาม กลับมองข้ามเข้าไปเห็นถึงฝั่งทุกข์
ในทดท้อ เหว่ว้า ในทุกใบหน้า ทุกแววตา ในทุกที่ที่พานพบ..
ป้ายรถเมล์..โรงพยาบาล กลางถนน อลวนอลเวง
ราวภาพชีวิตสิ้นไร้ ที่สถิตฝากไว้ให้หัวใจ เศร้าชั่วนิจนิรันดร์
ในวังวนวังเวร ทนทุกขเวทนา...พาให้ใจนิ่งงัน..สิ้นฝันสิ้นอยาก..
ผมเก็บตัว..ในห้องเช่า ราวกรุงกรงกักขัง
ที่คอยดูดไฟฝันให้ดับดวงทีละนิดละน้อย
ให้หัวใจค่อยค่อยตายแบบผ่อนส่ง
ล่วงลาลับ นับไม่รู้จบ จากวัน เป็นเดือนเลื่อนเป็นปีปี
และคงอีกหลายหลายปี..
ที่ทุกนาที..ผมเพียรพยายามปลดแอกใจ
ไม่ออก หลอกใจด้วยใจดวงฝันฝัน แค่ไหนก็ไม่สำเร็จ..
และมาวันนี้..
ผมยิ่งเบื่อเหลือที่กับหัวใจดวงนี้ ที่มีเนื้อใจไหวละมุนจนเกินไป
จนปล่อยให้สายธารใจเยื่อใยรักเย็นฉ่ำที่พร่ำรินรัดร้อย
ผูกมัด สลัดแอกรัก แอกใจ มิหลุด
เป็นดั่งโซ่พันธนาการจิตวิญญาณ ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าพันธะทางร่าง
ที่ยังสิ้นสุดหยุดได้ลง..
มันทุรนทุราย ให้ใจหาย ให้ร้าวรวด ให้ปวดร้าว รัดรึงตอกตรึงแน่น
แทบสิ้นแรงใจ อยู่ภายใน ที่ยากจะบอกใครยากจะอธิบาย.
และทุกคราที่ผมระกำช้ำหนัก..กับรักนี้ที่เป็นไปไม่ได้
ผมจะพาตัวเอง มายืนนิ่ง..ใต้ต้นไม้แห่งนี้ที่เป็นดั่งต้นไม้แห่งศรัทธารัก
ใต้ต้นพิกุล..ที่กำลังหอมพราว
ดอกดวงเล็กเล็กนิดนิดน้อยน้อยกำลังลอยควะคว้าง
กลางสายลมพัดไหว ร่วงผลอยปลิดปลิวลิ่วลอยพร่างพื้น..
ผมจะรอคอย..
ค่อยค่อยกางมือออกไขว่คว้า.. ดอกคว้าง..ให้ร่วงลงตรงกลางอุ้งมือผม
อย่างละมุนละม่อมทะนุถนอมราวดอกไม้เพชรพร่างพรม
ที่คอยห่มห้องหัวใจรักแสนหวานแสนงามนี้..
หัวอกหัวใจผมจะลอยละล่อง..ครองซึ้งคะนึงถึงภาพ..
เด็กผู้หญิง ใบหน้าหวานเศร้า นั่งดายเดียว ใต้ร่มเงาพิกุล ต้นใหญ่
กำลังร้อยมาลัย สร้อยพิกุล เส้นยาว งามพราวในละมุนมือ อย่างใจจดใจจ่อ..
ผม..ประคองดอกไม้งาม ดอกไม้แห่งความรัก ความฝัน
ดอกไม้ในใจ ในพันผูกรัดร้อย
อย่างอ้อยสร้อย ขึ้นดอมดมพรมจูบ
ด้วยรักล้นใจ ด้วยในอณูนึกทรงจำแสนหวานเศร้า
ที่ตามมาติดตรึง ตอกย้ำให้ผมล้ำลึกโหยหา
งามดวงใจใครเลยจะรู้..นี้..ที่มีมานานเนา..นานเนิ่น.
ผมเอนตัวลงช้าช้า .....
นอนดูฟ้ากว้างผ่านดวงดอกไม้แห่งศรัทธารักมิรู้จบ..
แสงฟ้ายามเย็นทอทอดลอดกระทบเงาน้ำในเรียวตา
ที่กำลังละหลั่งรินอย่างช้าช้า
เป็นสายพรายพร่าง อย่างมิอายฟ้าดิน!
...........
หล้าโลกนิ่งงัน..สิ้นคำปลอบประโลมใจ
กับสายน้ำใสจากดวงใจจากดวงตาลูกผู้ชายคนกล้า
ที่ยิ่งใหญ่เปรียบประดุจดังสายน้ำแห่งรัก สายน้ำแห่งฝัน
สายน้ำนิรันดร.......
10 ตุลาคม 2546 14:48 น.
พุด
http://greenmusic.org/thai/index.html
เปิดURLฟังชุดฤดูกาลแห่งชีวิต..เพลงจันทร์นะคะ
********
แพม..ติดปีกฝัน..ในค่ำคืนนี้..พาหัวใจโผผินบินขึ้นไปจูบจันทร์...
จูบให้หายคิดถึง..หายซึ้งเศร้า..ที่จันทร์ดูราวดายเดียวมาหลายค่ำคืนนัก...
จูบ..พรายตาเจ้าชู้ที่ดูราวกับล้อเล่น กับมวลหมู่ดาวพริบพราวขี้อิจฉา
ในยามที่ผู้คนบนหล้าโลก..เขามีความรัก..
ตกอยู่ในห้วงหาวห้วงเหวแห่งภวังค์รัก..ภักดิ์พร้อมพลีใจ...
แพม..ติดปีกฝัน ลอยละล่องสู่ท้องทุ่งดวงดอกหญ้า ดวงดอกไม้แห่งความฝัน
แล้วเด็ดดอกไม้หวานหอมนั้น มากำนัลมารัดร้อยด้วยแรงรัก วางไว้ริมหมอน
ให้หอม..หอม..หอม..ให้เธอดอมดมพรมจูบแทนร่างรัก...
แพม..ติดปีกฝัน..สู่ทะเลกว้างให้ฟองคลื่นโลมไล้ร่าง...งามสล้าง นวล
กลางทะเลจันทร์ อันอุ่นอาบ ให้หยาดหวานพรายพรมห่มร่างร้าวให้หนาวคลายให้กายอุ่น..เอิบ
แพม..ติดปีกฝัน..สู่ไพรพฤกษ์..ให้น้ำค้างยามดึก เสียงดุเหว่าแว่วหวาน
ให้ชานกระท่อมหลังคาจาก เป็นรวงรังรักในจินตนาการ
เป็นมนต์ม่านเสน่หาสวาทหวาม...
มิลามิเลือนลับดับดวงตามดวงดาราตราบฟ้าสาง..
ดั่งหยาดฝนหยดพร่างตึ๋งๆ..ตรงชายคาแห่งรัก..ให้ไฟรักมิดับมิมอดลง..
แพม..ติดปีกฝัน..สู่บึงบัวกว้าง..ริมเรือนไทย
ให้สองดวงใจโลดแล่นเข้าสู่แสงตะเกียง ริบหรี่
เคียงร่างซุกซบในอ้อมอกกันและกัน
ฟังเสียงวสันต์ลีลา ซัดช่า
ครางครวญหวนไห้ไปกับลีลารักลีลาพิสวาทบาดใจแห่งสองเรา..
แพม..ติดปีกฝัน..พาเธอนั้นโผผินบินตรง..ลงสู่ร่มรักเรือนไทย เรือนใจริมชายทุ่ง
มีม่านมุ้งสีขาวสะบัดไหว ให้หัวใจสองเราได้ผ่อนพักในงามเงียบ เรียบง่าย
ใช้ชีวิตดิบเดิมติดดิน คลุกโคลนเลนสาบควาย..ขี่เจ้าทุยลุยท้องนา..เก็บไข่ใส่ตะกร้า
ลงไปจับปลา ในบึงกว้าง เก็บผักปลอดสารพิษริมรั้ว..
และ..
ยามสลัวเย็นย่ำ..นำตำราแก้วกรุงเก่ามาประดิดประดอย เป็นกับข้าว
ให้หอมแกล้มข้าวมะลิหอมหอม
จรุงกลิ่น..จรุงใจ อิ่มปาก อิ่มท้อง..ไปพร้อมกัน..
แล้วเฝ้าจ้อง..มองพระจันทร์หวาน ยิ้มบานแฉ่งแข่งมวลหมู่ดาริกาดาระดาษ
แพม..จะเปิดเพลงบรรเลงลำนำธรรมชาติไพร..
ให้ม่านเมฆเริงร่ายระบำและขอตระกองกอดเธอแนบแน่นเต้นรำพร้อมกันไป
ให้พระจันทร์ทรงกลดนั้นยิ่งงดงามไสวพร่าง..กลางนวลดาวระยิบ
กระพริบพราวอวยพร ..ให้
ร่างรักเราสองที่หลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียว
ไม่เกี่ยวไม่เก่าไปกับกาลเวลานะดวงใจ....
****************************
ด้วยพระจันทร์ทรงกลดสวยมากกก..
กระจ่างดวงกลางฟ้าเข้มเต็มผืน
พุดพัดชายืนดูอย่างดายเดียวมาหลายคืนแล้วค่ะ
แต่ว่าในนาทีนี้วสันต์ลีลา..พร่างสายหนักมากพร้อมพายุ
และหากว่าราตรีนี้..คนดีที่รักและรักพระจันทร์และใคร
ที่อยากกัดพระจันทร์ให้เว้าแหว่ง
(ก็ไปกัดขนมไหว้พระจันทร์แทนละกันนะคะให้หายมันส์เขี้ยว)
พุดพัดชา..มอบให้ทุกดวงใจที่พ่ายพระจันทร์นะคะ
ในคืนแห่งวันเพ็ญ..เด่นดวงงามนี้..
ที่หวานมนตราพาให้อยากรจนางานงาม..
หลังจากหยุดมาหลายทิวาราตรีแล้วค่ะ
ที่พุดพัดชา..ขอย้ำอีกที นะคะ คนดี ทุกดวงใจว่า
ฉากสวาทหวานหวังนี้..
เขียนแทนใจคนดีทุกดวงใจ
ทุกดวงตาที่เฝ้ามองจันทราแล้วหรรษา..
อยากคว้าไขว่ใครสักคนมาซุกซบในอ้อมอกในอ้อมใจไปนิรันดร์
เป็นฝันดี...ที่มีจริง ชั่วชีวาชั่วชีวีนี้
ที่รอคอยมาแสนนานปานชั่วกัปป์กัลป์นะคะ
**********
ด้วยรักจริงจึงแต่งค่ะ
3 ตุลาคม 2546 11:49 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=72
แก้วตระการ...
ฝนพร่างสาย พรายพรม หน่วงหนัก ในยามดึก
ฟ้าครวญคร่ำ ดาวร่ำไห้..
กอแก้วนิ่งงัน ในงามเงียบ
กลิ่นหวานเศร้าของช่อดอกพราว..คลุกเคล้ามาปลอบประโลมใจ
กับสายลมละมุนบางเบา ในยามนี้..
ราตรีที่ฟ้ามืด ดาวหนีหาย จันทร์เสี้ยวรานร้าวใจ
ดาวคงไปแอบร้องไห้ในกลีบเมฆ..
การะเวกเลิกร่ายมนตราอ้อน..ใจใคร
ดวงดอกไม้ไทยรายรอบบ้านเลิกหวานเลิกบานชั่วคืนค่ำ...
ดวงใจอ่อนล้า..ในเงาตามีม่านฝน..พรำ
ดวงใจนั้นเงียบงัน..ว่างเปล่า..
แก้วคู่บ้าน คู่ใจ คู่เรือนไทย แก้วกลางใจพบพายุใจไหวหวั่น
พร้อมๆกันนะวันนี้ แทบทำใจไม่ทัน
ให้รู้ทันรู้เท่าโลกโศกวิโยคสะเทือนทับ
รับเนื้อใจละมุนนี้ ที่ราวกับ
เปลวเทียนฝันในดวงใจพลันริบหรี่ รุบหรู่อย่างช้าช้า ช้าช้า..
ไฉนเลย..
ในดวงชีวาดวงชีวีที่ผ่านมา..
ทุกช่วงเวลา มีแก้วหน้าบ้าน ยืนต้นตระการกิ่ง ตระการตา ตระการใจ
ในทุกคราคราว ไม่ว่ากี่ฝนหนาวกี่เศร้าฝัน
ในเนื้อใจอันไหวงามนี้ มีแก้วต้นนี้ที่หยัดยืนเคียงข้าง
และเฝ้าบานพราวนำทางใจ สู่เส้นทางรักเส้นทางฝัน..
ให้สล้างขวัญ ยามวสันต์เยือน นำแก้วคู่เรือนกอจริง
มาหวานหว่านกลางใจมาไหวกอฝัน
มาแตกช่อก่อกอรัก มาผูกรัดรักร้อย ในร่มรักเรือนไทย
ในงานงามแทบทุกเรื่องรักรจนา..
แก้วตระการตา..แก้วสวยพร่างพราวกลางใจ กลางใบเขียวขจี
แก้วที่สูงเชยชายคา เป็นแก้วตาดวงใจในอ้อมโอบแห่งรัก
ในวิมานฝันวิมานดิน ในถวิลถึงไพรกว้าง ยามแรมร้างรักลา
ในโศกสาสะซึ้ง ในคะนึงหา..ระหว่างเรา..
แก้ว..แก้ว..แก้ว..
ดวงดอกแก้ว
คู่ชายคาบ้าน เป็นร่มรัก ในเรือนไทยเรือนใจ
ให้พักใจ..เป็นปรัชญาใจสอนซาบซึ้ง
ให้เข้าถึงงามธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดา
หากรู้ค่าเปิดใจรับพลังอันยิ่งใหญ่
แสนสวยสงบนี้
แก้วที่สวยสดพร่างงามสล้างด้วยความดี
ดั่งมณีมีค่าเลิศล้ำในดอกดวงเรียบง่าย
พร่างพรายใจ ตระการพราวราวเพชรหนึ่งในร้อยดวง..
.....หนึ่งในร้อย..........
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง.....
ให้ตระหนักรักดอกแก้ว ซึ้งในค่า..และเกินคำพรรณนา..
ในครานี้..
ที่แก้วกลางใจของเราทุกคนในชายคาร่มรักเรือนไทย
พบพายุฝนลมแรง..
คนดี..ทุกดวงใจ..
เราจะใช้พลังใจหลอมดวงใจเกี่ยวก้อยกันไป
ใช้ไหล่รักมั่นฉันท์พี่น้องมากไมตรี
มาเอนอิงพิงกัน กางกั้น ปกป้อง ดวงดอกแก้วแสนงามของเรา
ให้กลับมาหวานสล้างบานพราวกลางใจ
นำทางใจเป็นร่มเงาแก่นกกา
เป็นเมตตาแก่ผู้มืดบอดทางใจ
ในเส้นทางรักสับสนที่ยังค้นทางสว่างว่างไม่พบเจอ
รอหยาดฝนพรายพรม
พร่างสายให้แก้วกระจายคลี่ขยายกลีบชูช่อ
ล้อแดดลม ห่มทุกห้องหัวใจรักให้อิ่มงาม อีกครั้งอีกครา..
มาสิทุกดวงใจ..
เราจะพร้อมใจกันผูกรักรัอยมั่นดั่งคำสัญญา
สวดมนต์ภาวนา และเราจะรอวันที่ฟ้าเบื้องบนปรานี
รอวันที่เราจะยิ้มทั้งน้ำตา..รอท่าวันนั้น
วันที่แก้วกลางใจ แก้วตระการตา จะกลับมาบานสะพรั่ง
กระจ่างใจ กระจ่างฝัน ทุกทิวาทุกราตรี ประดับเรือนไทยนี้ให้หอมเย็น
หอมงามด้วยคุณความดี เป็นรักนี้นิรันดร..
ดอกแก้วกลางดง
ลำน้ำน่าน
หอมหอมตริตรองใจ
ดอกไม้ไพรแก้วกาหลง
โดนเด่นอยู่กลางดง
งามสะพร่างหว่างหัวใจ
อาทรภมรเมือง
บ่ชำเรืองแลผู้ใด
ใจรักภักดิ์ดีไว้
ประพาสป่า ณ แดนดิน
ฤดูก็คล้อยเคลื่อน
บ่ได้เยือนแก้วกระถิน
บ่มช้ำกล้ำกลืนกิน
หนาวจำทนจนรุ่งราง
ระยิบระยับพราว
กลีบพรายขาวดั่งดาวพร่าง
จะรักหรือผ่อนวาง
ดลหัวใจให้ป่วนแท้
แมลงภู่ผึ้งป่าดอน
อยากคลึงคลอนดอกดวงแด
เพราะรักยากหักแท้
จึ่งชอกช้ำกับบุพเพฯ
บานงามนามมงคล
คลอหยาดฝนพรมเสน่ห์
สูงส่งใช่รักเล่ห์
ทั่วทั้งผองครองบูชา
ควรคู่ด้วยผึ้งหลวง
ดุจดาวดวงสถิตย์ฟ้า
ผึ้งป่าเหล่านกกา
อย่าแม้นเปรียบเทียบความงาม
อัญเชิญเข้าครองเมือง
รักเรื่อเรืองระบัดนาม
ดอกแก้วก็ไหวหวาม
บริสุทธิ์เกินกล่าวพรรณ
จำจรก็ตัดใจ
อันผึ้งไพรไหนสำคัญ
อกร้าวใคร่อาสัญ
อยู่อ้างว้างกลางดงแดน
..........................
คนไทยโบราณเชื่อว่า เรือนใดปลูกต้นแก้วไว้ประดับบ้าน ทำให้คนในบ้านมีความสุขและมีคุณค่าสูง เพราะคำว่าแก้วนั้นหมายถึงสิ่งที่ดีมีค่าสูง เป็นที่นับถือบูชาของคนทั่วไป ซึ่งโบราณได้เปรียบว่า เหมือนดวงแก้ว ดอกแก้วมีกลีบดอกขาวพร่างบริสุทธิ์ หอมนวล แมลงภู่ผึ้งชอบตอมตรมยิ่งนัก และถือเป็นไม้มงคล คู่ควรกับสิ่งทีดีๆ สูงส่ง..เสมอ ... แต่ในวันนี้นั้นลำน้ำน่านเป็นเพียงผึ้งไพร...
(ไม้ประดับดอทคอมเอื้อเฟื้อข้อมูล)