19 มีนาคม 2548 08:20 น.

ช่อดอกขวัญ

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_72977.php

ต่อจากภาคแรกกระท่อมดวงดอกไม้

................


หัวจิตหัวใจ..
สาวไพรสาวพลอย...คนดีดวงนี้
ฝันฝันตลอดมา..ตลอดเวลา
ช่างน่าแปลกดี..
ที่ฝันนี้
เป็นเพียงฝันเล็กๆ..น้อยๆ
ที่คอยเพียงแค่จะมีความสุขสงบพบความเรียบง่าย
ได้ใช้ชีวิตอย่างติดดินธรรมดาๆที่สุด



เพียงรอขอมีกระท่อมหลังคามุงจาก
แม้นดูราวยากไร้
หากคิดว่ามันคงให้ความสุขใจพลอย..ได้มากกว่าสิ่งใด..



ที่ดูช่างสวนทางกับความฝันของผู้คนบนผืนโลกนี้
ที่เขาคงฝันไกลกันไปถึงไหนไหน
ไปถึงโลกดาวอังคารกันแล้ว

ฝันอยากมีแก้วแหวนเพชรนิลจินดา
มีบ้านหลังใหญ่ มหึมา
มีข้าทาสบริวาร..บารมี..มากมีมากมาย
มีชีวิตวนว่ายแสนหรูมีรถดูแสนแพง

หากทว่าฝันของพลอย..นิดน้อยเพียงนี้
จึงหวัง...
ไม่น่าถูกสวรรค์แกล้ง
ฟ้าดินแสร้งปล่อยให้พลอยต้องหลงถวิลคอยนานเลย



พลอย..
มีอาชีพเป็นนางฟ้า..
นางฟ้า...ที่
ติดปีกโผผินบินไกลไปในโลกกว้างได้ทุกที่
โดยไม่ต้องใช้สตางค์หากไม่พยายามใช้
แล้ว
แถมยังได้สตางค์ทุกเที่ยวเสียอีกนะจะบอกให้



หากพลอยถูกอบรมให้ใช้ชีวิตเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
ให้สองเท้าก้าวซื่อตรงคงมั่นกับความรักดินและรักดิน

ไม่ว่า...
พลอยจะสัมผัสสิ่งวิเศษมิรู้สิ้นที่เลอเลิศสักปานใด
หัวใจของพลอยก็ละห้อยโหยหา...รักเพียงแต่ท้องไร่ท้องนา
รักธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรเพียงนั้น

ที่หัวใจดวงเหว่ว้าช่างฝันเฝ้ารอ
ที่จะขอสานฝันสวรรค์เล็กๆของพลอยให้เป็นจริงสักวัน



พลอยรู้ดี เพราะชาตินี้
พลอยเกิดมากับดิน 
กับแสงตะเกียงเจ้าพายุ
กับชีวิตที่ไม่มีรองเท้าใส่
กับอะไรอะไรที่ดูไม่มี..ไปเสียหมด
หากแต่กลับงามงดให้ความรู้สึกแสนดีตรงที่ไม่มีนี่แหละนะ
เมื่อพลอยหันมาทบทวน ในเวลานี้นาทีนี้


เพราะ..ในความไม่มี..สอนให้พลอยรักพอดีความสมถะพอใจพอเพียง
ไม่เคยเกี่ยงความลำบากยากไร้ 
กล้าใช้ชีวิตลำพังเผชิญโลก
ถึงจะพบโศกสุขรุกเร้า ให้หัวใจหนาวเหน็บเจ็บร้าวสักเพียงไร
หัวใจพลอยก็ไม่เคยหวั่นไหวเฝ้าทนได้


และ
พลอยก็รู้ค่าการใช้ชีวิตแบบไม่รกรุงรังด้วยวัตถุมากมี
พลอยคิดว่าสิ่งเหล่านี้
มาเติมเต็มความสุขภายในจิตดวงใสดวงดีของพลอยคงไม่ได้


พลอย..คิดเอาเอง..จากใจแสนวังเวงเงียบงามรักสงบ
ที่รักแสนรักธรรม..ธรรมชาติของพลอย

ให้พลอยคอยค้นหาค่าของตน..ค่าของคน 
ว่า..อยู่ตรงไหน..
ว่า..คืออะไรในชีวิตแสนนิดหนึ่งนิดน้อยนี้



ว่าก่อนที่ตะวันดวงชีวีจะลาลับดับดวงนั้น
พลอยควร...จะเพียรพยายามหันไปค้นหาสิ่งใด
ให้คุ้มค่ากับการได้เกิดมาในผืนหล้าฟ้าพุทธภูมินี้

ให้ได้ใช้คืนวันแสนดี
และกาลเวลาที่แสนงามตามทำฝันให้เป็นจริงทำสิ่งที่เรารัก
สิ่งที่ถนัดพอใจ เพียงนั้นเพียงนี้


แม้น...
ชีวีพลอยอาจจะเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กๆ
ให้สังคมหมุนไปในทิศทางดีก็ตามที
ก็ยังดีเสียกว่าเกิดมาแล้วหลงทาง อ้างว้างใจ 
ค้นหาไม่พบความสุขใดสุขใจสุขที่คือปิติเกษมถาวร



และ
มีแต่สุขจอมปลอมมาหลอมหุ้มเป็นเปลือกจิต
ให้ชีวิตสิ้นใสติดตมตามๆกันไปไม่มีอะไรดี
ราวเหยื่อเต่าปลาน่าเสียดาย 

ไม่มีวันได้โผล่พ้นน้ำ
พบสายทองสายธรรมเส้นทาง
ที่น้อมนำไปสู่รอยวางว่าง
ให้ได้ใกล้พบพระนิพพาน
ตามแบบอย่างพระพุทธองค์
ที่ทรงสอนสั่งมาอย่างยาวนานเป็นอมตะสุขนับพันพันปี


พลอย..
จึงตั้งใจตรงคงมั่นจิต
ว่าหนึ่งในชีวิตหลักคือต้องยึดมั่นในคำสอน
ให้ซึ้งรสในพระบวรศาสนา
มียอดพระศาสดาพระรัตนตรัยเป็นดั่งฉัตรแก้วกางกั้นเกศ

ไม่ว่าจะช้าเร็ว
หวังจิตจักพบประภัสสรสุขนิรันดร์สักวันไม่ช้านาน
ให้ดอกบัวแก้วตระการนำทางใจให้สวยใสไม่รู้ท้อรอลา..



และ
ทางร่างกายที่ยังต้องดำรงหายใจไปวันวัน
ยังต้องฝันต้องประกอบชีพชอบอันสุจริตเลี้ยงชีวีชีวิต

พลอยคนดีก็ตั้งใจว่าจะหาทำเลทอง
ทำเลที่จะพาพลอยลอยล่องไปสัมผัสวิถีไพร
ตามใจดวงแสนงามของพลอย..ยามเหนื่อยล้าราโรยแรงสิ้นพลัง
ให้ยังคงมีหวังหวานต่อลมหายใจ..



และ
บัดนี้พลอยก็มี
กระท่อมดอกไม้
ที่กำลังร่ายมนต์เสน่หา
คือกระท่อมไพรกระท่อมพนากระท่อมดวงใจในฝันของพลอย
ที่เสาะหามาแสนนาน



และ
พลันเป็นจริง...ที่มีทุกสิ่งอย่างที่พลอยฝันจินตนา

กระท่อมที่ไม่เหว่ว้าใจเลย
เพราะรายล้อมรอบนั้นคือวิถีไทย
ที่ยังคงมีทุ่งนาป่าเขาเงาละหานลำธารสวยใส

เสียงนกไพรยังคงขับขานไพเราะ
ยังมีดวงดอกไม้บานสล้าง
ยังมีชีวีชาวนาชาวไพร
ที่ยังคงมีหัวใจเป็นทองใช้ชีวิตผ่องผุดแบบเดิมเดิม
ยังเดินไปเก็บผักหญ้ามาประกอบอาหารประทังชีพชอบ



ยังมีบึงบัวตรงหน้าฟ้ายามเช้าแสนสวย
มีชาวสวนชาวไร่ช่วยกันรักษาความเป็น*ช่างวัฒนธรรม*
งามล้ำประเพณี 

ที่มีเรื่องราวท้องถิ่นปรากฎงามในทุกฤดูกาล
ให้จิตใสหวาน
ให้ได้รับ..*รสมรดกทางใจของไทยแท้แท้*
มิแปรผันไปตามโลกย์โศกกรายวายวุ่นวกวนวง
หลงเพ้อหาแต่ของนอกกายใช้ชีวิตสิ้นเปลือง
กับเรื่องราวที่แสนไม่น่าประเทืองประทับใจ


พลอย..
จึงเลือกที่จะมาสร้างกระท่อมดอกไม้ที่นี่
ที่ยังมีทุกอย่างงามงดหมดจดใจ
ให้พลอยได้ส่องประกายใจสวยใสงามตามอย่าง
จนกว่าชีวิตและร่างของพลอยจะแตกดับไป
ฝากไว้ในผืนพสุธาเป็นหนึ่งเดียว



พลอย..เพียรปลูกดอกไม้มากมายมากมี
ทั้งไม้ยืนต้น จำปีจำปาปีบลั่นทมให้หอมตามลมไปไกล
สักไพรที่ดอกหอมหวานอวลระคนกมลละไมละมุนมากเหลือเกิน

เพลินใจกับคูนไสวราวสายฝนสีทองยามล่องคิมหันตฤดูมาเยือน
เตือนใจด้วยสีตรังบานแฉ่งแย่งกันชูชันช่อดอก
ไหนจะชมพูพันทิพย์พริ้งพราวให้เลิกหนาวใจลืมตรม



พรมด้วยตะแบกม่วงหม่น
แคร์ฝรั่งบานสะพรั่งฝัน
สวรรค์เยือนด้วยดงดอกทองกวาว



แถม
มีเรือนกล้วยไม้ไพรกล้วยไม้ป่า
ดงดอกหญ้าริมทาง..ก็ยังให้งามอรชรอ่อนหวาน
แสนให้อารมณ์ยามระบัดไหวล้อลู่คู่สายลม
ในยามเช้าสายบ่ายเย็นไม่เว้นในยามย่ำสนธยา

ยามที่พระอาทิตย์ใกล้ลาลับฟ้า
ทอดวงเรี่ยรายพรายแสงลงมาลอดไล้กระทบ
ให้งามสุขสงบใจอย่างแสนประหลาด



พลอย..
ทาสีผนังกระท่อมโล่งกว้าง  บางส่วน
ที่เพียงวางผังกั้นแบ่งเป็นห้องนอน
ด้วยสีผสมเองในปูน
ก่อนบรรเลงปาดให้มีทีแปรง...
ส้มอมชมพูดูแสนแปลกดี




มีหน้าต่างดูดีด้วยบานไม้สีเขียวก้านมะลิยกขึ้นลงได้
มีกระถางดอกไม้แขวนห้อยลงมา
ด้วยดวงดอกนานาพรรณ
มีซุ้มมะลิวัลย์ 
ซุ้มการะเวก 
ซุ้มพวงชมพู
มีดอกชบางามพรูหลากสี


มีบานไม่รู้โรยโปรยหว่านไปทั่วจนเป็นดงสีสลับ
มีเข็มขาวพราวพราวระยับกับแดงแทงออกมาเต็มต้น ริมรั้ว
มีกล้วยกอ มีละออนวลจากดวงดอกพุดซ้อน
มีกอกก อรชรริมน้ำ
มีดวงดอกมะลิลามะลิซ้อนหอมอ้อนใจ




และที่สำคัญหนีไม่พ้นต้องมี
พราวไสวด้วยรวงเรียวข้าวในนา
ที่สวยสุดในยามเช้า
ยามถูกอาบไล้ทาบทาด้วยสายแสงทองแรกแห่งวัน

และ
นี่คือ...*กระท่อมดวงดอกไม้ *
ร่ายมนตราพาให้น่าเสน่หา
พาให้มามีชีวิตอยู่ด้วยความสงบสุข
ความพอใจ ให้พลอยไสว
ได้นั่งเขียนงานงามรักรจนา
ยามเหนื่อยล้าจากงานประจำ

และ
ในยามค่ำ
ได้นั่งดูดาวประจำเมืองประดับฟ้า
ได้ฟังเสียงดุเหว่าไพรเรไรร่ำด้วยใจเหว่ว้า
รอย่ำหยาดละออละอองน้ำค้างหยดเย็นเท้า
ยามเฝ้าเดินไปบนลานหญ้า




ได้นอนในดงดอกหญ้า
รอท่าเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก
ทอดทัศนาผ่านผ่านท้องนาท้องไร่..ให้มิรู้เบื่อ
ได้เห็นนกกามากมาย
มาเกาะกรายสัมผัสกิ่งไม้แกว่งไกว



ได้เห็นวิถีชาวไพรดำรงชีวิตไปตามครรลองอันแสนสุข
ได้สถิตหยุดยุ่งในทุกสิ่ง
แล้วทอดร่างนอนนิ่งในกระท่อมทับ
เฝ้าดูสายฝนพรำในทุกยาม
กับฟังเสียงน้ำค้างระรินกระทบยอดหญ้า



ดูฟ้าเล่นแสงสีราวมีเวทีธรรมชาติ
มาทายทักทุกวันให้ฝันไกล
มีดวงใจหอมงาม
ยามได้พายเรือไปเก็บดอกบัวมาเป็นพุทธพลีบูชาพระ
ได้นอนดูหมู่มวลภมรภู่ผึ้ง
มาคลึงเคล้ากลีบเกสรในบึงกว้างร้างไร้สายตาผู้ใด



มีเพียงเสียงปลาฮุบเหยื่อ เป็นเพื่อนใจลำพัง
ได้นอนฟังเสียงสายน้ำนิรันดร์มากระซิบรำพัน
ฝันฝากรักซอนเซาะซาบซึ้งถึงบึ้งใจ
ในยามราพาย
แล้ว...
นอนดายเดียวกลางลำเรือน้อย
ในคืนฟ้ากระจ่างพร่างด้วยมวลหมู่ดาวพราวไสว
ให้นอนเหงาใจดูเดือนเตือนให้ใจคิดถึงหนุ่มนารำพึง



และ
เฝ้าตรึงความงามด้วยดวงตาที่สาม
ตราบจนลมหายใจสุดท้าย
อย่างไม่น่าเสียดายชีวิตเอาเสียเลย...แล้ว..นะเจ้าแก้วจอมใจ..!

***************************



เด็ดลั่นทมวางเคียงหมอนนอนหลับฝัน
ดึงพระจันทร์มายิ้มหวานหว่านเสน่หา
ให้สายลมพรมรักร่างยอดดวงชีวา
ให้ฟากฟ้าดวงดาวเฝ้าปลอบใจ..

หลับฝันดีคืนนี้นะที่รัก
จงหยุดพักเคียงหมอนนอนหวามไหว
ให้รู้ว่าราตรีนี้มีดวงตาฟ้ามองมานะดวงใจ
ฝันถึงไพรถึงกระท่อมดวงดอกไม้..ไว้พักใจ..นะคนดี..นะที่รัก!

***************




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556

อุทยานดอกไม้   เพลงเก่า : : Key Bb  

ชมผกาจำปาจำปี
กุหลาบราตรี
พะยอมอังกาบทั้งกรรณิการ์
ลำดวนนมแมว
ซ่อนกลิ่นยี่โถชงโคมณฑา
สายหยุดเฟื่องฟ้า
ช-บาและสร้อยทอง
บานบุรียี่สุ่นขจร
ประดู่พุดซ้อน
พลับพลึงหงอนไก่พิกุลควรปอง
งามทานตะวัน
รักเร่กาหลงประยงค์พวงทอง
บานชื่นสุขสอง
พุท-ธชาติสะอาดแซม
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน

พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน...

 


				
18 มีนาคม 2548 18:45 น.

กระท่อมดวงดอกไม้

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=336
................


พลอย..
กำลังนอนตาปรอยปรอยอ้อยสร้อยซึมซึ้ง
บนเตียงโบราณม่านมุ้งสีไข่ไก่นวลนวล
ฟังเสียงฝนครวญฟ้าคราง
ที่กำลังหว่านสายพร่างพรม
ลงบนหลังคาจาก
ชายคา*กระท่อมดวงดอกไม้*

ม่านฝนพาม่านฝันราวสวรรค์มาเยือนหล้า
มาระรินพร่างนา..
มารินรดพร่างใจ..
ให้สดชื่นระรื่นใจใสฉ่ำเย็นอย่างที่สุดแล้ว...



พลอยนอนหลับตานิ่งนิ่ง
ทิ้งใจฟัง..
เสียงฝนพรำพรำ
เปาะๆแปะๆ.....
ให้หยาดสายร่ายระบำไปพรำพรม
ซึมซึ้งให้แทรกซึมลึกล้ำไปถึงก้นบึ้ง
แห่งนวลใจอันไหวอ่อนหวานละไมละมุน
ด้วยเสียงแห่งดนตรีไพรดนตรีฝันดนตรีฝน
ดนตรี...ที่คนมีกมลรักธรรมชาติเพียงนั้นจึง
ได้รับพรให้ได้ยิน..อย่างดำดื่ม



แสงเทียนในตะเกียงเคียงหัวนอนถูกจุดขึ้น
ให้ระบัดไหวไปตามสายลมไล้
ในยามสงัดเงียบเรียบเย็นยามราตรี
ที่เดือนริบหรี่ดาวรุบหรุ่ยอมหลบอยู่ในม่านเมฆเทาทึม
ในท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนัก



พลอย...
ได้ยินเสียงทายทักจากบเขียดริมนา
ร้องระงมผสานผสมมากับสายลมเย็นในยามค่ำ
กับสายฝนยังร่ำรินมิสิ้นสาย
ริมชายคา*กระท่อมดอกไม้แห่งรัก*ของพลอย



ที่ใช้เวลานานปี
มิใช่น้อย
ค่อยๆหาทำเลมาสานฝัน
สร้างกระท่อมไพรในฝันให้มีจริงราวสวรรค์ลอย



พลอย..นอนนิ่งนิ่ง...
คลี่ยิ้มอย่างแสนอิ่มใจ...ในนาทีนี้...ราวฟ้าปรานี

สายฝนพรำกำลังร่ายระบำพร่างพร
อันแสนอ่อนหวานอ่อนโยน
ให้ชีวีพลอย...พบแต่คำว่าสุขสงบงามเงียบเรียบง่าย
ได้ใช้ชีวิตอย่างแสนดีเป็นที่สุดแล้ว...


พลอย..
หรี่ตาดูผ้ายกทองผืนงาม ทอดอกดวงสล้างแสนวิจิตร
ที่เชิงชายมีนิมิตหมาย*ช้างพลายงาม*หลายเชือกดั่งสิริมงคล
ที่มิ่งมิตรยอดรักคนดีของพลอยได้เลือกให้พลอย
ด้วยน้ำใจรักภักดีพลีซึ้งให้ตรึงใจ
และ
กำชับว่าให้พลอยใช้ห่มไปวัด


หากทว่า
พลอยกลับนำมาพาดไว้กับเตียงโบราณที่มีสี่เสา
เพื่อให้ได้พบเงางามหวานสะท้อนทอ...ให้ละออใจในทุกครา
ที่ดวงตาพลอยได้สัมผัสถึงรัดร้อยใจระหว่างเรา 
แทน....ความพรากไกล.....พรากลา
แทนเหว่ว้าดายเดียวแทนเปลี่ยวเหงาเงียบวางร้างไร้


และ
คือความเป็นเรา..สองที่ครอง
ความลึกล้ำแห่งใจ...
ด้วยความเข้าใจ
ด้วยสายใยผูกพันมานานปี
ด้วยความดี
ด้วยความรักนิรันดร์
อันยากยิ่งนัก...
ที่ใครจักเข้าใจในรักนี้
กว่าจะมีกว่าจะได้มา..ราวต้องรอท่าชั่วกาลกัป์ปกัลป์เลยทีเดียว..



เป็น...
ผ้าแห่งความฝันพลังหวังหวาน
ผ่านมือ....ของคนดี...ที่พลอยแสนรัก..เลือกให้พลอย

มือ...ที่พลอยเคยเพ่งพินิจดู
แล้ว..
รู้ค่า
คอยค่อยประคองละเมียดลูบคลำ
จูบทีละนิ้วของยอดขวัญอย่างช้าช้า
ด้วยน้ำตาซึ้งค่า...ว่า...คือ..*มือทองของกวีไทย*โดยธรรม โดยธรรมชาติ


ที่....
พระพรหมปั้น...สวรรค์...วาด
ราวลำเทียนทอง..
ให้ล่องฟ้ามาเกิด
เพื่อใช้สองมือประเสริฐพรขวัญ..พรสวรรค์นั้น
มาเอื้อโอบหล้าโอบผองชนสร้างกมลละไม
แทนใจอินทร์พรหม
มาลบโศกตรมระทมทุกข์
มาสร้างสุข
ปลุกจิตสำนึก
ด้วยบทกวีรจนาภาษาธรรม ธรรมชาติ
ที่แสนพิลาสพิไลไสวสว่างนำทางใจไปตราบลมหายใจยังมีเป็นนิรันดร์



ให้ทุกดวงใจที่พานพบได้จบด้วยฝันดี
พบรัศมีความกระจ่างเย็น
เน้นสงบงามตามรอยธรรมรอยทองของพระพุทธองค์

ผู้ทรงพิสุทธิใส
ผู้ทรงดำเนินครรไลไปล่วงหน้า
รอท่า..*มวลมนุษย์บริสุทธิชน*...ให้ตามมา

ราวรอบัวในบึงหล้าบึงใจ
บานตระการไปทั่วโลกทั่วหล้าฟ้าพุทธภูมิ
ให้...
พ้นหลับไหลมืดดำจมน้ำครำน้ำกรรมน้ำกาม
ข้ามพ้นโศกครวญ
มิต้องหวนวนมารับวิบากอีกต่อไป


พลอย...
แสนรู้สึกภูมิใจในวันนี้

ที่มือ..แสนดี.ใจดวงทองที่แสนงาม
ที่ได้เพียรพยายามปั้นคำล้ำเลอค่ารักอักษรา

ได้มาหยิบจับให้เกียรติ
เลือกของรักให้พลอย
มิว่าจะเป็นกำไลเงินน้อยๆให้พลอยสวมใส่สามวง
ปิ่นปักผมคงมั่นรัดร้อยแทนใจ
หรือกระทั่งผ้าทอไทย 
ที่ดวงใจแสนงามเราทั้งคู่
หยั่งรู้ค่าความงามเป็นยิ่งนักพอกัน



และ
เราคิดอยากพิทักษ์ปกป้อง
ทุกภูมิปัญญาทุกวัฒนธรรมทุกประเพณีไทย
อันงามผ่องผุดพิสุทธิ์ใส
สอนความนวลใจละเมียดละมุน
ที่มาจากใจดวงดีดวงงามดวงหอมกรุ่น
อย่างกุลสตรีไทย
สุภาพบุรุษไทย

ให้ชนรุ่นใหม่..ได้รักษ์ไทยอนุรักษ์ไทย
ไว้อย่างคงมั่น
และ
มิยอมผันแปรใจไปหลงเพ้อตามอารยธรรมชาติไหนไหน
ที่คงศิวิไลซ์เพียงเปลือกนอกลอกแล้วหามีกระพี้ใดไม่




ให้ยังคงหอมอวลครรไลระคนในกมล
ให้คงหวานงามอ่อนโยน

ด้วยศักดิ์ศรี
ที่ต้องมีจิตดวงดีดวงใส
ดวงไทดวงทองถึงจะทำได้
ที่ต้องใช้ใจดวงธรรม ธรรมชาติ
มาวาดฝันมาสรรสร้างจินตนา
มาพลันพา
ให้งามปรากฏด้วยสมองสองมือนี้
ที่เพียรสร้างโลก
ให้สงบเย็นได้อย่างมิต้องใช้เงินงาม
ให้อยู่ที่ความสล้างเย็นของดวงจิตภายใน
.......



และ
รู้ไหม..
พลอย..แสนจะสุขซึ้งใจ ..
ไม่ว่าเขา..อยู่จะแห่งหนไหนไม่สำคัญเลย
หาก...ทุกค่ำคืน...พลอย...มีเขาในหัวใจ
ในทุกธรรมชาติรายเรียงรายรอบ
ราว...
พลอยเคียงเพชรเม็ดใส..
เพชรเม็ดกล้า...
สว่างจ้า..ด้วยดวงดอกความดี
ความเข้าใจ ความไสวเย็น

ที่จะนำทางใจนำทางรักให้ผู้หญิงคนนี้
*ที่ชื่อพลอยไสว* ไปเป็นนิรันดร์

ให้..รู้ให้
รู้ปันแบ่งมิสิ้นแล้งน้ำใจ



มาตรแม้น...
ในยามนี้...
ที่ปีศาจวสันต์...มากระหน่ำ..พรำพรมรินรด
ให้หยาดน้ำตาฝนน้ำตาขวัญน้ำตาฟ้าน้ำตาใจไหลตกต้อง
ให้หมองหม่นอยู่นะภายใน
ใจดวงร้าวเศร้านวลเป็นธรรมชาติ
หาก...
ต้องฉลาดที่จะหยุดเศร้าเหงาดายเดียวเปล่าเปลี่ยวนั้น
ผันมาเป็นพลังใจบวกแทนระทมระกำ
มิยอมช้ำรานนานเกินไป
จนทำร้ายใจตัวเองในที่สุด..ใช่ใคร!เลย


โอ้ดวงใจ..เอ๋ย..
เขาจะรู้ไหม..หนอ..ละนี่
ว่าผู้หญิงนวลละออใจคนดี
*ที่ชื่อพลอยไสว..
นอนสยายผมราวแพรไหม
แม้น
ดวงใจจะไหวจะหวั่น
พบสวรรค์ลา
ฟ้าลงฑัณท์ฝันสลาย..
มามากมายหลายเรื่องราว
มากมี...พายุกล้ามาถาโถม โหมบุกทำลาย



ให้เนื้อใจรานร้าว
ให้เศร้าโศก
ราวโลกกำลังใกล้แหลกแตกดับลงตรงหน้าก็ตามที

หากทว่าหัวใจ..อันใสงาม
ยังมิหยุดเพียรพานพาพบพระธรรม
พบสายน้ำนิรันดร์รัก
อันแสนฉ่ำเย็นได้พักพิงพร่างพรม
ให้ลบลืมรอยระบม
เป็นพลังปลุกปลอบใจ
ให้มิไหวครวญหวนไห้ท้อแท้ระทมทับนาน..



พลอย..จึงเพียงรวบรวมพลัง
กอบกำร่างบอบช้ำระกำนั้น
มาสานฝัน
มาสรรสร้างสิ่งดีพลีบูชาโลก
หยุดโศกจะดีกว่า..ว่าดีไหม..



มา....
สร้างหัวใจทอง
มาลอยล่องอยู่ในท่ามวิมานวนา
*กระท่อมดอกไม้*มิให้เหว่ว้า
ไว้ร่ายมนต์หวานแสนหวานปานประหนึ่งนิรมิต
ให้ตระการกลางจิตมิ่งมิตรผองเพื่อน
ที่มาเยือนถึงเรือนชานได้ต้อนรับไว้ต้อนรับ



ให้เอนหลัง
ได้พักพิง
ได้เอมอิ่มกับความงามใจ
ให้รู้รัก*กระท่อมไพร*
รักวิถีไทยวิถีชีวิต..ที่ติดดิน

รู้กินรู้ใช้
มิให้ชีวีชีวินสิ้นเปลืองในเมืองอันเรืองรุ่งริ่งอีกต่อไป
ด้วย
ระบบศิวิไลซ์เงินผ่อน
ก่อนผืนพสุธาจะกลบหน้า
ก่อนที่
ฟ้าจะลงทัณฑ์สวรรค์เมิน
เพลินจนธรรมชาติพิโรธ
หากมีทางเลือก..
จงกระเสือกกระสน
ให้พ้นวังวนวัฎฎะหนีหนี้..นี้
พาชีวีมาสัมผัสไพรพง
จะดีไหมเล่าเจ้าดวงใจเจ้าจอมใจ...



มา..สิมา
มาฟังเพลงดุเหว่าไพรเรไรร้องหวานแว่ว
มาพบเสียงดนตรีแก้วแพร้วพรรณราย
จากสายลมเสียดสีกอไผ่แผ่วสัมผัส..ในยามเช้า

มาเฝ้าดูทุ่งข้าวในสายหมอก
มาหยอกล้ออาทิตย์แรกแย้ม
แต้มรวงเรียวดั่งทองทา
มา...พบค่าธรรม ธรรมชาติ 
สวรรค์บนดินถิ่นพสุธาไทยพสุธาทอง
จบลงด้วย
รักครรลองความสมถะพอดีพอเพียงนะคนดีนะดวงใจ...

****************************************


รออ่านภาคสองของความงามแห่ง
กระท่อมดอกไม้ค่ะ

****************




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=336
ปีศาจวสันต์   
สุนทราภรณ์ บุษยา รังษี : : Key F  
เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...

 
  



				
8 มีนาคม 2548 09:18 น.

ดอกพุดซ้อนซ่อนซึ้งเสน่หา!

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=11


เมื่อยังต้องตะเกียกตะกายว่ายวนในวงรัก
ยังหลงภักดิ์หลงเพ้อละเมอฝัน
ยังต้องรอพ้อเพียงเธอเพ้อนิรันดร์
ยังต้องฝันสวรรค์สวาทวาดไว้ไกล..

เมื่อยังต้องย้ำรอยคอยหารัก
อาลัยนักอาวรณ์นอนหวั่นไหว
ก็ยังต้องหมองดวงมาลย์รานร้าวใจ
ก็ยังไหวยังหวั่นทุกวันมา...

เมื่อหัวใจยังสลัดตัดไม่ขาด
หลงพิสวาทหลงลวงบ่วงห่วงหา
ยังหลงฝันหลงคอยยอดชีวา
ยังหลงว่ามีสักวันฝันเป็นจริง...

บทกวีบทนี้หวังพลีพร้อม
ลบความตรอมปลอบดวงใจในทุกสิ่ง
สู่เส้นทางสายงามรู้วางนิ่ง
ลืมทุกสิ่งทิ้งอดีตรักมิพักวน..

ตามมาสิสู่เส้นทางสว่างไสว
ทางงามใจนิรันดร์รักใช่สับสน
ทางไร้ทุกข์สุขสงบกลางกมล
ทางรอคนรู้ค่าธรรมนำน้อมใจ

ทางสายว่างพร่างพราวพบเมืองแก้ว
นิรมิตแล้วจับไว้กลางใจใส
สู่แดนฝันทิพย์สถานวิมานใจ
ไปเถอะไปอย่ารอช้ามากุมมือ..

พี่และน้องประคองใจมิเหงาโศก
จิตเหนือโลกย์เหนือสุขทุกข์มิถือ
คล้องจิตมั่นภาวนาธรรมให้โลกลือ
ว่าเราคือธรรมทายาทพิลาสพิไล...

พิสูจน์ได้ด้วยตนเองเกรงใดเล่า
หากเหงาเศร้าสิ้นสุขทุกข์หวั่นไหว
จิตจับปัจจุบันนิ่งเงียบงามตามดูลมหายใจ
ภาวนาไปคงไม่นานบัวบานรับ..

สู่วิมุตติหลุดพ้นลอยเหนือโลก
จิตสิ้นโศกสิ้นเศร้าพราวระยับ
พบคำวางว่างกระจ่างสว่างวับ
ทางที่นับทางที่นึกระลึกรอขอตามรอยพบพระพุทธองค์....
*************




แด่ทุกดวงหทัยไหวหวั่นไร้รื่นรมย์ด้วยพิษรักหักอกหักใจ
ให้รานแยกแหลกสลายคล้ายโลกสิ้นไสว
แทบไม่เป็นผู้เป็นคน 
มีเพียงกมลกับร่างหายใจไปวันวัน
จงค้นให้พบสุขนิรันดร์ 
อย่าหลงฝันสวรรค์ลวงที่ชีวีจะลาล่วง
ลอยลับรอวันดับดวงไป ในอีกหนึ่งชาตินี้
อย่างเสียทีที่เกิดมาในฟ้าพุทธภูมิ
มิพบทางงามจิตใส



ที่คือขุมทรัพย์อันแสนยิ่งใหญ่ซ่อนรออยู่ในกายในจิตเราเอง
ลอง..ฝึกค้นหาดู 
ฝึกสมาธิเพียรภาวนาพาพบปัญญา
อันจักบังเกิดสิ่งมหัศจรรย์อันคือ*รักนิรันดร์สุขนิรันดร์*
ซึ่งใครหามาให้มิได้ดอกนะ
นอกจากเราจะเพียรหาเอง..



หวัง..เราทุกดวงใจน้องพี่ทุกคนดีมีธรรมครอง
ปองมั่นว่าสักวันหนึ่ง..เราจะไปถึง
*แดนดินแห่งฝันนิรันดร*
เพื่อน้อมศิระกรานกราบพระพุทธองค์พร้อมกันนะคนดีดวงใจ*

*****************



ดอกไม้ว่างกลางใจสวนสวรรค์! พุดพัดชา 
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=47



เพาะดอกว่างกลางใจสวยใสพร่าง
แก้วกระจ่างนำทางใจไปทุกหน
ดั่งดอกพุดพบพุทธะกลางกมล
เงียมงามจนค้นพบทางสว่างรอ...

อธิษฐาน..พานพบเธอทุกภพชาติ
ดอกสะอาดดอกดวงใจใสชูช่อ
หอมความรักหอมใจภักดิ์หอมละออ
เกี่ยวใจขอสร้างกุศลผลบุญมี...

ใจของเธอใจของฉันฝันเคียงคู่
กรรมมีอยู่อย่ายอมแพ้แก้ตรงนี้
สร้างกุศลผลบุญครองชีวี
รักชาตินี้รอชาติหน้าอย่าท้อใจ...

รักพิสุทธิ์ดุจบัวขาวพราวพ้นน้ำ
รอฝนพรำร่ำกลีบหวานบานไสว
อรุณรุ่งพุ่งแสงงามคลึงเคล้าใบ
น้ำค้างใจน้ำค้างฝันรอวันดี..

ใจหลอมใจเหมือนใบบัวรอน้ำค้าง
พอยามสางแดดพรายหายเร็วรี่
ธรรมชาติให้บทเรียนความพอดี
โลกเรานี้มีได้มามีเสียไป..

ดอกดวงใจเราสองปองเป็นหนึ่ง
นิยามซึ้งนิยามเศร้าอย่าร้าวไหว
เพียงพระพรหมขีดเส้นชักนำไป
แก้กรรมใจอย่าเสียขวัญสรรสร้างดี

ดอกไม้สวรรค์บานพร่างรอเราเก็บ
แม้หนาวเหน็บฝึกใจในชาตินี้
เพียรเพาะบ่มห่มด้วยรักด้วยความดี
ชั่วชีวี..ที่เกิดมา..คุ้มค่าพอ!







ความรัก มีมากนิยามมากความหมาย.. 
แล้วแต่จะใช้ใจดวงไหนใจใครตัดสิน
ตามประสบการณ์ ประสบกรรม..

อาจจะเป็นพลังใจและในอีกนิยามคือความทุกข์...
สำหรับพุดพัดชา..
รักคือพลังใจขับเคลื่อนไปให้โลกหมุน..ให้ใจทุกดวงละไมละมุน

หากรักเป็น หากใช้เป็น..
รักชาติ.. รักศาสนา.. รักผืนดิน.. รักแม่พ่อ.. รักดอกไม้ 
รักธรรมชาติ มากมาย..
สายฝน..ลมแรง..แสงแดดกล้า..ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเวทีฝัน
รักพระจันทร์ดวงหวาน รักสายธารฉ่ำใส รักดวงใจเพื่อนมนุษย์
ผู้เกิดมาร่วมเสพสุข..ทุกข์ทนยาก..ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..

และ..
เมื่อดวงชีวิน ยังมิสิ้นไฟฝัน..วันรัก 
ก็จงจักใช้พลังรักนั้นให้เป็น ในทางสร้างสรร 
ฝันใฝ่คอยสร้างสิ่งที่ดีที่ควร..มอบให้มวลมนุษยชาติจักธำรงอยู่
อย่างมิเหือดแห้ง..สิ้นแล้ง..สิ้นไร้รัก..
และ
ให้ยอมรับกับแปรผันและเปรียบเทียบของโลกนี้ที่คงมีทั้งสองด้าน
เพื่อสร้างหวานสร้างสมดุลย์ ให้.เลือกเดิน..ไปตามใจ ไปตามฝัน
ในหนทาง..ที่เงียบงาม สว่างสงบ พบดวงใจดวงดี
ที่จะเกี่ยวก้อยร้อยรัดใจไปด้วยกันนะคะ
มิให้อ้างว้างอย่างผู้รู้ตน..ผู้รู้ใจ
ผู้ใฝ่งาม..และ..
เพียรสร้างความดีมอบคืนกลับให้โลกนี้ผืนดินนี้ที่หยัดยืน
ที่พาให้เราเวียนว่ายได้พบได้รักกัน
ไปนิรันดร์นานเนา..นะคะ
..........





นั่งเขียนกวีแล้วพบว่าเขียนชีวิต..ของคุณโกศล กลมกล่อมค่ะ
...
ฉันนั่งเขียนกวีที่โต๊ะเก่า
ค่ำเช้าเร็วผ่านนานแค่ไหน
มองโลกวันนี้ไม่มีใคร
ใบไม้สายน้ำร่ำละเมอ..

พริบตาเท่านั้นพลันเห็นภาพ
ชัดเป็นภาพเก่าให้เราเสมอ
สุขทุกข์ลุกข้ามเคยย่ำเจอ
พอเผลอผ่านวับยังจับทัน..

โลกเวียนเปลี่ยนไปได้นึกย้อน
สะท้อนภาพได้ไกลเกินฝัน
สะท้อนใจกวีทุกวี่วัน


ให้ฉันเขียนกวีเขียนชีวิต.!
*************



http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=11
เสน่หา   

ความ รัก เอย
เจ้า ลอยลมมาหรือ ไร
มาดลจิต มาดลใจ เสน่-หา
รัก นี้จริงจากใจหรือเปล่า
หรือ เย้า เราให้เฝ้าร่ำหา
หรือแกล้งเพียง แต่แลตา
ยั่วอุรา ให้หลง ลำพอง
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย...

 

				
5 มีนาคม 2548 22:20 น.

กองไฟลอมฟางกลางไพร

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_72114.php
ต่อจากภาคแรก...(ในฝันสวรรค์วนา)
....................


ใกล้ค่ำ..แล้ว
เขาทิ้งตัวลงนอนบนฟูกสีขาว....หลับตานิ่งทิ้งใจฝันฝันฝัน
กับบรรยากาศรายรอบอันแสนรื่นรมย์

กลิ่นลั่นทมริมกระท่อม
ที่หอมพร่างพวงพราว
อวลมากับสายลมเย็น..หวานปนโศก



เขา..ผสานจิตนิ่งสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
นิ่งฟังเสียงสายน้ำนิรันดร์ในทะเลสาบสีเงิน
กำลังกระซิบกระซาบรำพึงรำพันฝันรักรักเอยใฝ่หา
กับสายลมพรมพร่างที่แอบมาออดอ้อนวอนเว้ามาทายทัก



และ
ราวกับรู้ใจเขา..คนดี 
ที่กำลังรอราตรีหวานหอม
ที่จะมาแย้มเยือนเรือนใจเขาเช่นเฉกกันในค่ำคืนนี้

กอราตรีริมชาน..กระท่อมเบ่งบานปลอบใจ
โมกพิไลกำลังพลีดอกดวงกระจิ๊ดนิดน้อยคอยเอาใจช่วย
มิให้หัวใจเขากระโดดโลดเต้นออกมานอกอก
ราวหนุ่มน้อยละห้อยหวนโหยหารัก
ลบเหงาเงียบเดี่ยวโดดมานานปี...



เขา..คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน 
เมื่อคิดถึงเสียงหวานซึ้งตรึงใจ
ราวกระซิบเคลียอยู่ริมหูริมแก้ม
แฝงพลังให้หัวใจเขาไหวหวาม 
เสียงที่ดูใสซื่อแสนงาม
ราวรอปลอบประโลมทุกดวงวิญญาญ์ที่ได้ชิดใกล้..



เขา..รู้ดีชั่วชีวีเขานี้
ที่ราวรอผู้หญิงคนดีในฝัน
ที่จะเป็นดั่งหยาดน้ำค้าง
มาพร่างพรมห่มหอมงามให้หัวใจเขาซึ้งซ่านหวานสุข
เอมอิ่มที่แสนหายากเป็นยิ่งนัก..ในปฐพีนี้..


เขาปล่อยจิตว่าง 
ท่องไปท่ามกลางมวลเมฆเรียวรุ้ง
และ
ราวสายหมอกนวลนุ่มกำลังคลี่คลุมเห่กล่อม
ให้เขาตกอยู่ในภวังค์นิทราฝันที่แสนดีแสนหวาน
..........
.........




เขา...หลับไปนานเท่าไรมิอาจจะรู้ได้
หากตื่นขึ้นมาอีกที
เมื่อดาวดวงบนท้องฟ้ากำลังแย้มนวลพร่างทอกระจ่างสุกใส
มาทายทักพงไพรริมกระท่อมวิมานวนาริมทะเลสาบสีเงินงามเงียบ
และ..
มากระพริบตาล้อเลียนเขา..ถึงหน้าต่างกระท่อม...ยามแหงนเงยมอง



เขา...เปิดโคมไฟไม้ไผ่สานละเมียดเหนือหัวนอน
แล้ว..
พลิกตัวดูนาฬิกาข้อมือ
ที่กำลังบอกว่านาทีนี้กำลังเป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง
แสดงว่าเขางีบหลับไปราวสองชั่วโมง


เขา...ยังนอนนิ่งสักพัก...
ก่อนจะทบทวนสิ่งที่ผ่านมาในวันนี้
ที่แสนดีแสนงามแสนถือเป็นโชค

เขา..ค่อยๆพาตัวเอง
ลุกจากที่นอนมายืนอยู่นอกชาน
ที่ยื่นลงไปคลอพ้อสายน้ำนิรันดร์

ที่กำลังกระทบพรายแสงจันทร์เสี้ยวกระจ่างงามระยิบ
จันทร์เสี้ยวลอยค้างฟ้าดารารายพรายดวงสว่าง
พาให้ใจเขาประหวัดซึ้งไปถึงบทเพลงหนึ่งในมโนนึก...



http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=765


ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น
จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า 
คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง 
จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร

จันทร์คืนแรม วับแวมมีเพียงครึ่งใบ 
คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง
คอยรักที่จักเดิมเต็มในทรวง 
โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน

* จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า 
จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม

ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล 
ไม่รู้วันไหน หัวใจถึงจะเต็มดวง

** คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ 
แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน 
ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง

(* , **)

ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน 
ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง


****************************************


เขา..ยืนนิ่งทิ้งทอดใจ นานนาที
ก่อนที่...
จะผันร่างอย่างช้าช้าเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
รับปาร์ตี้ฝัน
กับคืนจันทร์เสี้ยวแสนงามในค่ำคืนนี้
ตามที่เธอ..คนดีพลีสัญญาไว้



เขา...
ค่อยๆเดินลัดเลาะผ่านดงดอกไม้ป่าแมกไม้ไทย
เข้ามายังเรือนโปร่งโล่งใต้ถุนสูง 

ที่ด้านข้างนั้นสร้างเป็นประภาคาร
ไว้สำหรับดูเดือนพราวดาวเต็มอ้อมฟ้าในยามราตรี
ที่จะมาเยือนแย้มแต้มแตะใจ
แถมมีหมอนนุ่มให้เอนอิงพิงร่างใจแสนสบายราวฮาเร็มก็มิปาน


โคมไฟในคาคบไม้ไผ่สาน
ถูกปักซ่อนไว้ให้พรายแสงพร่างวะวูบไหวเป็นระยะๆ
รายเรียงไปตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์..

เสียงเพลงบรรเลงแว่วหวาน
คลอกับเสียงสายน้ำระรินร่ำ
ราวรอรับรักอันแสนหวานฉ่ำปานประหนึ่งนั้น..



เขา...ยิ้มกว้าง..
เมื่อเห็นร่างผู้หญิงในฝัน
ที่แสนงามที่เขาแอบให้สมญานามว่า*เทพีพสุธา*
ที่กำลังหมุนร่างไปมาหลังเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม



ที่คืนนี้ถูกประดับประดา
ด้วยดวงดอกกล้วยไม้ไพรหลากสีในแจกันแก้ว
แถมยังมีลั่นทมช่อใหญ่ไสวพร่าง
ในโถลายครามให้แสนมีชีวิตชีวา


เธอ..คนดี
ปล่อยผมยาวสยาย
เสียบไว้ด้วยดวงดอกชบาสีแดงโดดเด่น
เน้นให้แก้มแกมนวลระเรื่อๆ
เจือตามแสงไฟสาดส่องสะท้อนทาบอาบไล้



เธอหันมายิ้มพริ้มเพรา 
เหมือนจะเอาใจเขา..หากพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง

*ดื่มอะไรมั้ยคะ
จะเลือกอะไรดี ยกเว้นที่มีแอลกอฮอล์นะคะ*


*ผมขอ..น้ำเสาวรสครับ*
เขา..แกล้งขอไปงั้นๆ
ไม่คิดไม่ฝันว่ากลางเกาะนี้จะมีน้ำที่เขานิยมชอบดื่ม
*ได้ค่ะ..และน่าแปลกใจที่คุณดื่มเหมือนที่ฉันชอบ
จริงๆสั่งมาให้ตัวเองค่ะ จากเรือเสบียง
ที่จะขนสัมภาระเครื่องดื่มข้าวปลาอาหารจากแผ่นดินใหญ่เข้ามา
ที่เกาะเราหาไม่มีนะคะ
ฉันชอบเลยพยายามสั่งไว้มิให้ขาดตู้แช่เลยค่ะ



เธอ..เสริฟเขามาในแก้วบางใสทรงสูง
มีละอองไอเย็นจับ
เสียบระยับมาด้วยดวงดอกกล้วยไม้สีม่วง
ให้ยิ่งน่าดื่มให้มีชีวิตชีวาหวานหอมอมเปรี้ยว
แบบได้รส..เสาวรสสดชื่นพอกัน



*รอสักพักนะคะ
เรากำลังเตรียมเคลื่อนคาราวานรักไปจัดโต๊ะปาร์ตี้
ท่ามกลางแสงดาวเดือนริมสายน้ำใกล้ลอมฟางเปลี่ยนบรรยากาศ
ตอนนี้...
ให้คนไปเตรียมก่อกองไฟพร่างแล้วละค่ะ
และทะยอยเครื่องบาบิคิวตามไปจัดไว้แล้ว



คุณแค่ช่วยหิ้วตะกร้าผลไม้
และ..
อย่าลืมหยิบเทียนที่วางไว้ไปด้วยนะคะ
ฉันกะจะจุดให้สว่างพร่างพราวบนโต๊ะ
ให้วับแวมหวามไหวเลยเชียวค่ะ



เขา...กุลีกุจอทำหน้าที่สุภาพบุรุษ
และ
มิลืมแอบหยุดสายตาชำเลืองแลมามองร่างงาม
ในยามนี้..
ที่กำลังเยื้องย่างก้าวเดินนำหน้าไปตามทางเดินในแนวไพร



เธอ...นวลไสวในท่ามกลางสายแสงจันทร์
ด้วยผ้านุ่งปาเต๊ะสีไพลไสวช่อพราว
ด้วยดอกพวงชมพูพร่างสลับ



และ
งามระยับเมื่อเธอคลุมไหล่ด้วยผ้าใยไหมสีนวลพอกัน
ที่ขับให้ผิวพรรณเธอยิ่งงามผ่องผุดผาด
สะอาดสว่างนวลใส
ในท่ามกลางแสงไฟริมรายทาง
กระจ่างสะท้อนทอวงละออหน้านวล


เธอ..เดินน้ำหน้าลิ่วไปยังกองไฟ
ที่ในนาทีนี้
มีผู้มาร่วมเป็นแขกทั้งไทยเทศราวยี่สิบคน
บางคนกำลังฟังเพลงพร้อมแก้วในมือ
ที่เลือกถือเลือกดื่มตามอัธยาศัย


เสียงดนตรีไพรก้องกังวานมาผสานผสม 
ทั้งเรไรจิ้งหรีดดีดสี
กบเขียดที่ประลองเสียงที่เถียงกัน
อันคือ..
บทเพลงธรรมชาติ
ที่ฟังแสนงามกว่าบทเพลงใดในโลกหล้า


ลอมฟางงามหอมจรุงกลิ่นข้าวใหม่ 
กองไฟหอมฟืนไม้ปะทุพร่างเปรี๊ยะเปรี๊ยะ

ทุกคนสนุกกับการปิ้งย่าง
ที่พร่างพรมด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
และ
กลิ่นหวานเศร้าของพวงพะยอมดอกไม้ป่าดอกไม้ไทย
ในท่ามกลางฟ้ากว้างมาคลุกเคล้า
ให้ยิ่งได้รสชาติแห่งชีวิตดิบดินเป็นที่สุด


เวลาผ่านไป....ผ่านไป
ก่อนที่แสงไฟจะมอดลง

เธอคนดีได้ร่ายบทกวีด้วยเสียงเศร้าปนหวานโศก
ราวหวังปลอบประโลมคนทั้งโลกให้นิ่งฟัง
เสียงที่เต็มได้พลังฝัน
ทั้งสุขเศร้าหนาวร้าวรานให้ซึ้งซ่านแสนสุขใจ
โดยเฉพาะ..
กับหัวใจเขาคนดี
ที่นะบัดนี้แสนไหวหวานหวามอย่างไร้เหตุผล
ในกมลอันเคยดายเดียวเปลี่ยวเหงามานานช้า
กลับ..
ทว่ารู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนเป็นยิ่งนักในนาทีนี้
ที่ขับให้หนาวคลายไปในบัดดล..



เขา...
แหงนเงยมองฟ้าเบื้องบน
ดูดวงดาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้า
ช่างแปลกดีนัก
ที่น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะรินไหลหลั่ง
อย่างไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใดและทำไมในนาทีนั้น



และช่างแสนแปลกดีนัก
ที่ในชีวิตนี้มีไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกอยากหลั่งรินน้ำตา
ด้วยความสุข อย่างมิอายฟ้าดิน
ทั้งๆที่ชีวิตผ่านทุกข์โศกโชคร้าย
มาอย่างโชกโชนสิ้นทุกลีลาทุกชะตากรรม



ฤาว่า..ฟ้าแลดินปรารถนา
มาลิขิตชะตา ดลมาให้เขาได้พานพบผู้หญิงในฝันในวันนี้
ที่ราวเขารอเธอมาชั่วกัปป์กัลป์กาล
นานแสนนานราวครึ่งค่อนชีวิตเลยทีเดียว



โอ้...หัวใจ..ทำไม..ถึงเป็นเช่นเฉกนี้
แล้วดูซี
เธอ..คนดีจะรู้บ้างไหมนะว่า
เขา...แอบซึ้งสุขลึกล้ำดำดื่มแอบหลงปลื้มเธอ..*ดั่งรักแรกพบ*


เธอ....
หันมาเห็นเขา..แล้วยิ้มประจบเอาใจ..หากตาเขาไม่ฝาด
พาให้ใจเขายิ่งประหลาดล้ำหวั่นไหวจนเกินทน



เขา..พยายามหันร่าง
เดินตากลมตากน้ำค้างที่พร่างริน...ปลีกกมลวิเวกไปทำใจ
มิให้หวั่นไหวไหวหวั่นฝันไกล
เชื่อในมหัศจรรย์รักนี้
ที่รอคอยมาแสนนาน
ราวรอตำนานชีวิตที่แสนปาฎิหารย์ยิ่งใหญ่


ให้หัวใจคนชาเฉยอย่างเขา
ได้มาพบเงานางใจนางในฝันที่หวังพลันเป็นจริง
ให้โลกพริ้งเพริศพราวพราย
ราวเขาลอยล่อง
ท่องในเรียวรุ้งแสนหวานอย่างมิลำพังดายเดียว


เธอ..หันมาแลเหลียวทันเห็นร่างเขาไหวๆ
เดินหายไปในท่ามกลางความมืด
ริมทะเลสาบสีเงินงาม
ที่กำลังสะท้อนรับแสงดาวเดือน
กระจ่างพร่างระยิบราวเกล็ดเพชรพร่างพรม..



เธอ..ค่อยๆวิ่งตามมาจนทัน
พร้อมกระชับผ้าคลุมไหล่
ที่กำลังจะปลิดปลิวลิ่วหลุดลอยร่วงลงจากไหล่งาม
สู่ผืนน้ำเบื้องล่างไปตามลม



เขา...คว้าไว้ทัน...
ก่อนที่จะ..
หันมา....
ค่อยๆ....คลี่คลุมบนไหล่สล้างอย่างช้าช้า
ด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอม
แล้ว...
ตาสบตาอย่างหวานเศร้า..
นิ่งนาน..

ให้โลกเงียบงันราวหยุดหมุนชั่วกาล....
ให้หัวใจสองดวงหวานตระการ
ด้วยดาวดวงในหอมห้วงแห่งรักกำลังคลี่คลุม
.........




กลิ่นดวงดอกไม้ไพรพราวพรมพร่างพร
ลั่นทมเลิกระทมชั่วคราว
มาอวลเคลียเคล้า
ให้สองดวงใจเลิกเศร้าแสนซึ้งนักในรักนี้

ในเรียวตา
ราวมีหยาดเพชรเกสรพร่าง
กระจ่างจรัสรัศมีราวหยาดน้ำผึ้งรวง
เขา..เหมือนละเมอเผลออยากเชยคางเธอมาจุมพิต



และ..
พูดกระซิบบางสิ่ง
ที่อัดแน่นในใจมาอย่างยาวนาน
ให้สมกับค่าคำงามล้ำย้ำว่านี่ละกระมัง*คือรักแรกพบ*


ที่แค่เพียงสบตานาทีแรก
ราวแทรกด้วยไฟเสน่หาสวาทหวาม
ท่วมท่ามท้นใจ 
ราวดอกไม้ทั้งไพรพงทั่วหล้า
มาบานไสวสะพรั่งพรึบพร้อมกันในนาทีนั้น



หากทว่า..เขาแค่คิด..
สิ่งที่สุภาพบุรุษชาติไพร 
วิสัยชายชาตรีคนดีทำได้ก็แค่คิดแค่นั้น
ก่อน..
ที่จะชะงักงัน
และ
เก็บกลั้นทุกสิ่งไว้นะจิตภายในรอเวลาอันควร


เธอ..ยิ้มก่อนกล่าวคำ
*อากาศดีนะคะ
คุณชอบที่นี่มั้ยคะ
พรุ่งนี้มีเวลาและในวันต่อๆไป
ฉันจะพาคุณท่องไพร
ไปดูกล้วยไม้ป่าและพันธุ์ไม้หายาก


ที่ต้องบุกป่าฝ่าดงลึกนะถึงจะได้พบเห็น
และยังมีสถานที่มากมาย
ที่อยากให้คุณได้สัมผัส
พร้อมจะผจญภัยมั้ยละคะ
จะปีนผาท้ามฤตยูหรือดำน้ำดูปะการัง
หรือขับรถเลียบฝั่งชมทัศนียภาพทั้งเกาะ
ก่อนไต่เลาะขึ้นเนินผาไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด..คะ
........



เธอ..ทิ้งคำถามให้ตามมาด้วย
รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนหวานของเขา
เขา...รับปาก*ตกลง*อย่างดีใจ
ในความมากเมตตาของเธอ



ที่เขาคิดฝันหวังละเมอว่า
นี่ละหรือคือนางฟ้านางใจของเขาในอีกไม่นานนัก
หาก..ชะตาพรหมไม่ใจร้ายมาทายทักแล้วทอดทิ้งเขาอีกครา
ในช่วงชีวาที่เหลือแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว...


และ
*คืนนี้ก่อนนอน
ฉันจะมีบทกลอนพิเศษมอบกำนัลแด่คุณนะคะ
มีมาลัยงามงาม
ที่ประดิดประดอยร้อยด้วยใจรัก
จากดวงดอกไม้ไทยรายรอบกระท่อม
มาให้คุณกราบถวายพระ
และ
วางเคียงหมอน ให้นอนหลับฝันดีนะคะ



สวดมนต์นะคะ ให้ทุกวันที่นี่มีแต่สิ่งแสนดีแสนงาม
ตามติดคุณทุกนาที 
แล้ว...
บางทีคุณอาจจะได้พบปาฎิหารย์ในบางสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่ค่ะ
หากใจคุณหนักแน่นพอ..อย่าท้อนะคะที่จะทำดี
ว่าพลางเธอหัวเราะ..แสนหวานตามมา..



และ
เพียงแค่นี้..แค่นี้..ยังแค่นี้...ที่ทำให้หัวใจเขาบานเบิก
ราวโลกทั้งโลกกำลังพลีพร




และ
กับเรืองรองของแสงดาว
ที่กำลังสุกสกาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้า
ราวกับว่าจะพากันร้องเพลงอวยพรให้กับเขา
มิให้...เหงาเศร้า
ไหวตรมระทมหนาวใจดายเดียวอีกต่อไป..ตราบชั่วกาล..นานนิรันดร์...!

*************************




http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
จงรัก   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key F  

โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม 
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน 
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก 
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม

อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...
				
3 มีนาคม 2548 10:42 น.

ในฝันสวรรค์วนา

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=200
(ในฝัน)
**********************

ทะเลหน้าร้อนกำลังถูกอ้อนอาบ
ด้วยสายแสงแห่งอรุณแรกแย้มยามเช้า
แต้มแตะไปทั่วทั้งผืนน้ำสีคราม
ให้แปรเป็นสีเงินงามวะวาววับระยับระยิบ
..........



กระท่อมหลายหลังที่สร้างอย่างเรียบง่าย
ทรงกลมคล้ายกระท่อมทาซานต์มุงหลังคาจาก
มีชานยื่นออกไปสัมผัสโอบล้อมรอบๆทะเลสาบสีเงิน

ที่เคยเป็นเหมืองเก่าหากถูกขุดทิ้งร้างไร้
ให้ว่างเปล่าเป็นบึงกว้างไกลสุดตา



ที่นะบัดนี้
ได้กลายมาเป็นของ*เธอ*คนดีที่มีไอเดียงาม
ยามที่เธอได้มาพบสถานที่
ราวแดนฝันสวรรค์สรวงแห่งนี้
ในยามเย็นวันหนึ่ง..



ขณะที่เธอขับรถไล่เลาะ
มาสัมผัสงามนะโค้งอ่าวที่ไกลห่างผู้คน
หนีความวายวุ่น
สู่เส้นทางละมุนทอดราวงูเลื้อย
ขึ้นเขาลงห้วย
เห็นหุบผาท้ามฤตยูเบื้องล่าง
ให้ช่างแสนน่าจะหวาดเสียว



ที่เธอต้องรวบรวมสมาธิบังคับพวงมาลัยด้วยใจเต็มร้อย
มิให้ละห้อยหวนหาทอดทัศนาชมในเส้นทางทอด
นอกจากจอดชมวิวในบางจุด
หยุดดูเวิ้งน้ำแสนงาม เบื้องล่างในบางครา..


แสงทิวากรรอนรอน..
กำลังทอดร่างอรชรอ้อนอำลาผืนน้ำสีมรกต
ทิ้งเพียงสายแสงสีทองอันงามงดทาบทา
รอเวลาราตรีทำหน้าที่มาเยือน



เธอดื่มด่ำกับทัศนียภาพตรงหน้า
กับสุริยาลาดวงสีโศกสีไพล
ไปกับโลกแสนงามยามตะวันตกดิน
กับเกาะแก่งตรงหน้า

เวทีฟ้าเริ่มแล่นแสงแปลงสีเป็นมณีรุ้งฉายฉาน
อันหวานเศร้าเคล้าใจ
ให้ไหวหวามไปกับยามตะวันลาจรัสจรุงใจ


เธอ..ค่อยๆขับรถ...
ไต่ลงมาเบื้องล่าง
ที่ขนานขนาบไปกับทะเลจริง
และ..


กับทะเลสาบสีเงินงามในยามโพล้เพล้

ในเรียวตา..
ท่ามกลางดงมะพร้าว
และดงไม้นานา
มีต้นมะม่วงหิมพานต์
ที่กำลังห้อยย้อยเม็ดออกมา
จากผลแก้มแดงฉ่ำมากมีมากมาย
และ..
แสนแปลกดี
ที่มีลั่นทมกับทองกวาวตะแบกพราวดวง
ขึ้นสลับแซมแต้มด้วยสุพรรณิการ์ให้หอมพราวไปทั้งราวไพร


เธอจึงตะลึงลาน
และยิ่งหวามไหว
เมื่อสายตาสายใจเธอหันไปเห็น
บึงกว้างกับสายน้ำนิรันดร์
ที่ซ่อนตัวอย่างเงียบงันสมถะดูแสนเงียบงามสงบสุข
ในท่ามกลางยามสนธยาต่อราตรี..


เธอ..จอดรถและนั่งนิ่งนิ่งทิ้งทอดใจนานนาที
กับความรู้สึกแสนดีตรงหน้า
กับฟ้าสีส้มอมชมพูหวาน
ไปกับความตระการงามอย่างล้ำลึก
ในความรู้สึกแสนดีนาทีอันแสนยิ่งใหญ่นั้น



ก่อนที่จะก้าวลงมาอย่างช้าๆ
และ
พาร่างเดินลัดเลาะไปตามละเมาะไม้
ริมชายชลสายธารนิรันดร์
สายฝันสายเล็กๆที่ไหลพัดเซาะ
หาทางออกมาบรรจบกับทะเลใจทะเลจริง


จน....
เกิดเป็นเกาะแก่งเนินทรายขาวสะอาด
ราวถูกกวาดไว้ละเมียดเนียนนุ่มสองฟากฝั่ง
ให้เกิดความงามแผก
แบบเนินทรายลดหลั่นลาด
ที่เกิดลายเส้นคดโค้งเหลื่อมล้ำช่างแสนงาม



เธอ..ดื่มด่ำกับความเงียบ..ที่ได้ยิน
เพียงเสียงสายน้ำกระซิบรำพัน
กับ
เสียงหัวใจอันอ่อนหวานของเธอเอง
ที่เต้นด้วยพลังแห่งความปิติเกษมเอมอิ่ม
กับทัศนียภาพที่แสนสุขสงบ



เธอ..ค้นพบ..แล้ว
ผืนดินที่เพียรรอท่าเสาะหามานานแสน
ที่อยากจะฝังฝากร่างใจ
ให้ได้ใช้ชีวิตในท่ามกลางไพรพงดงวนา
ห่างไกลโลกศิวิไลซ์แสงสีด้วยความเปรมปรีย์เรียบง่าย


และ..
เธอสัญญากับใจตัวเอง นาทีนั้น
เธอ..จะต้องกลับมา..
พร้อมกับโฉนดผืนดินล้ำค่าราวขุมทรัพย์ทองคำ
ให้เธอ..
สานฝัน..
สร้างฝัน..
ผลิช่อแตกกอรักภักดิ์พลีต่อแผ่นดินแม่นี้
ตราบจนกว่าจะถึงวันแห่งตะวันดวงชีวีจะลาล่วง
สิ้นห่วงใยอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งใดอีกเลยแล้ว
...........
..........



ไม่นาน....วัน
ฝันแสนงามของเธอ...ก็เป็นจริง
เธอ..ทิ้งทุกสิ่งในเมืองกรุงไว้เบื้องหลัง
หันมาใช้ชีวิตนะที่แห่งนี้

ในสวรรค์วนาที่ซ่อนตัวหลับลึกแฝงฝัง
ห่างไกลผืนแผ่นดินใหญ่

ในโค้งอ่าวที่แสนไกล
กับชีวิตที่มีทั้งความเป็นไพรพฤกษ์


และ
มีทั้งทะเลจริงทะเลสาบราบเรียบ
ที่แสนให้ความรู้สึกลึกล้ำหอมหวาน
ที่จะไม่ยอมแปรร่างใจให้ไกลห่างไปไหนอีกแล้ว



เธอ...เฝ้าลงแรง
สร้างสถานทิพย์สวรรค์*วิมานวนา*ด้วยดวงใจ
ปลูกพันธุไม้ไสวไปทั้งราวไพรราวป่าเคียงสายน้ำนิรันดร์
ไพรสะพรั่งไปด้วยดวงดอกคูนเหลืองพราว 
ตะแบกพราวพรมห่มกลีบร่ายร่อนอ่อนสีม่วงละมุน
กรุ่นหอม..
ด้วยดวงดอกเสี้ยวสีขาวสะอาดตา 
ที่พาให้หัวใจไหวอ่อนหวานเป็นยิ่งนัก



ปาริชาติช่อฉัตรในจินตนา
ที่ราวดอกไม้ฟ้าดอกไม้แก้วเมืองสวรรค์
พลันมาผลิช่อต่อแดงดอกโดดเด่นไร้ใบ
ไสวอ้อนวอนละเมอเพ้อสายลมร้อนไปทั้งราวไพรราวป่า



ลานดอกหญ้าสลับสี แดง ขาว น้ำตาลพราวพรึบ
พัดโบกโยกไหวไกวช่อระเนนระบัด
ส่ายซัดร่ายฟ้อนอ้อนสายน้ำระรินให้
พิณไพรแห่งพงพนาขับกล่อมถนอมนวล
มิให้เหว่ว้าดายเดียว
ได้ครางครวญฝากรักภักดี



ก่อน..
ที่ลานฟ้าลานฝันสรรค์สรวง
จะรอเทพีจันทร์ผันร่างหยาดงามมาเยือนหล้า
มาทอดระทวยอวยพร
มาทายทักทุกดวงใจในยามราตรีคลี่
ผืนนภาอวดดวงดารารายพรายพร่างฟ้าระยิบระยับ
ดับร้อนให้อ้อมอกหวานแสนหวานแทน



ยามนั้น...
* แม่หยาดน้ำค้างอัญมณีไพร*
ก็จะระบัดไหวพร่างลงมา
จับปลายพฤกษา*ราวหยาดเพชรร่วง*
เป็น..
*เสน่ห์ไพรเสน่ห์วนา*เสน่ห์ฟ้าประทานพร*
ให้ผองมวลมนุษยชาติได้ดำรงเย็นเห็นงามนิยามพฤกษ์
ที่ทุกเวลาน่าไหลหลงพะวงฝันเสียเป็นยิ่งนักแล้ว



เธอ...อดไม่ได้ที่จะขุดบึงบัวอีกด้าน
ตามความรักความต้องการ
ที่หวังจักได้พายเรือออกไป
เพื่อเก็บบัวไพรบัวงามมาในทุกค่ำคืนถวายพระ
และ
ไปนอนดอมดอม
กลิ่นพะยอมเกสรบัวพร่างในคืนจันทร์กระจ่างฟ้า

เธอ..
ไม่เสียเวลา
ที่จะเนรมิตอีกด้าน..
ไว้เป็นนาข้าวเขียวไสวเขียวไพลเขียวพร่างกระจ่างแจ่ม
ท่ามแสงจันทร์เพ็ญ..เดือนเพ็ญ


ในยามที่หัวใจเธอโหยหาถวิล
อยากเคล้าดินกลิ่นไอฝนในยามวสันตฤดู
และ
อยากมีลีลาชีวิตแบบสาวนา
ยามเหว่ว้าและดายเดียว
ให้ได้ยินเสียงกบเขียดเรไรร่ำ
ร้องประลองกันในยามสายฝนพรำ
มาฟังนกขมิ้นพร่ำมาร้องบอก..ว่าจะนอนที่ไหนเอย..เอ๊ยเอย
เจ้านกพเนจร..รอนแรมร้างรังรัก


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=3238
นกขมิ้น ดิอิมพอสซิเบิ้ล : : Key F ค่ำ คืน
ฉันยืนอยู่เดียวดาย
เหลียวมองรอบกาย
มิวายจะหวาดกลัว
มอง นภามืดมัว สลัวเย็นย่ำ
ค่ำคืน เอ๋ย ฮืม
ยามนภาคล้ำไป ใกล้ค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย เล่า นก เอย
อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์
เหมือนคนพเนจร
ฉันนอนไม่หลับเลย
หนาว พระพายพัดเชย
อกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่น ทอน
ฮืม
ยามนี้เราหลงทาง กลางค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
ฉันร่อนเร่ พเนจร
ไม่รู้จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย

บ้าน ใด
หรือใครจะเอ็นดู
รับรอง อุ้มชู เลี้ยงดูให้หลับนอน
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำไหน นอนนั่น
อกฉัน หมอง ฮืม
ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ
ยินเสียงร่ำ น้ำตก
โอ้หัวอก เอ๋ย
โอ้อก อาวรณ์ ฉันไร้คู่ ร่วมคอน
ต้องฝืน นอน หนาว เอย
เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย
เมื่อ มอง
หมายปองก็แลเห็น
หวิวในใจเต้น
เหมือนเป็นเพียงแต่มอง
เหมือน พบรัง จะครอง
แต่หมองเกรงที่
หวั่นจะมีเจ้าของ
ฮืม
ฟังสำเนียงเสียงเพลง
ครวญคร่ำ ใครหนอร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำนี้ จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย นอน ที่นี่ เอย...
...............



ให้ได้พบรสชาติแห่งชีวิตดิบดินถวิลไพร
ในม่านมนต์เสน่หาร้อยรัดมัดใจ
มนต์ไพรพนาที่สอนให้ใจดวงเหว่ว้า
รักแสนรักวิถีไทยหัวใจลูกทุ่งในแดนทอง
ให้หัวใจใสสวยดั่งดวงทองสดฉ่ำ
ได้พร่ำรินรับรสแห่งหอมงามนิยามชาวนาไทย..




เธอ..เนรมิตรทุกสิ่งได้ภายในเวลาไม่นานนัก
ด้วยความรักภักดีเททุ่ม
และ
คนเราไม่ว่าสิ่งใด หากเทใจทำจริง
สิ่งที่ตามมาย่อมตอบแทนให้เกินค่าแสนงามล้ำในความรู้สึก
เธอ..
จึงมีความสุขกับหยาดเหงื่อพลี
กับทุกนาทีแห่งชีวิตนี้ที่แสนดีแสนงามเงียบเรียบง่าย
ได้ชิดใกล้ธรรม ธรรมชาติอย่างที่สุดแล้ว
............
..........
............



เขา...คนดีขับรถเข้ามาอย่างช้าช้า
และ
จอดลงตรงหน้ากระท่อมไม้ไว้รับแขก
ลั่นทม
กำลังบานแฉ่งแข่งกันออกดอกดวงเป็นพวงพราว
ในท่ามกลางฟ้าสีฟ้าใสสดกระจ่างแจ่ม


สายลมแห่งคิมหันตฤดูโยนตัวพัดพรายทายทักหยอกเอิน
มวลแมกไม้พร่างพราวสลับสีไปทั้งราวป่า
เคียงอ้อมกอดอันฉ่ำเย็น
*สายน้ำนิรันดร์*ทะเลสาบแห่งความฝันแสนงาม



เขาเปิดยิ้มอบอุ่น อ่อนโยน
และกำลังเจรจาอยู่ตรงหน้าเธอนะบัดนี้

ผู้ชายผิวสี..ที่แสนดูดี
ที่คงผ่านสังเวียนชีวิตมาอย่างโชกโชน
สังเกตจากรอยกร้านแกร่งแฝงความหาญกล้าบนใบหน้า

ที่คงฝ่าฟันความผันแปร
ไม่แน่ไม่นอนของชีวิต
ผ่านร้อนหนาวมาอย่างยาวนาน
ที่ฟ้าดินพรหมลิขิตให้เขาเกิมาสมค่าคำชายชาตรีที่แสนทรนง


เขา..
มีนัยน์ตาที่น่าใหลหลงยามแลสบ
ราวสีน้ำทะเลอำพันอันงามงดที่ดูล้ำลึกนัก
........

*ผม...ดุ่มด้นขับรถ..ลงเรือเฟอรรี่มา
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปทางฝั่งอันดามันอย่างเคยชิน
ผม...ลืมไปว่า..
แถวนั้นต้องกอบฝันเก็บพลังจิตเนรมิตสร้างขึ้นมาใหม่
ที่คงต้องทำใจรออีกสักพัก
ตั้งหลักกันอีกสักหนครับ*



เลย..เปลี่ยนใจมาไกลถึงนี่..*เกาะสวาทหาดสวรรค์*
อยากรู้ว่าพระจันทร์จะงาม
อย่างนิยามที่เคยได้ยินได้ฟังจากผู้คนที่เคยมาฝังฝากใจ
ว่าจะจริงสักเพียงใด ผมอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเองครับ
และ..
อย่าบอกผมนะครับ..ว่าที่พักเต็ม 
ผม..อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงอ่าวแสนไกลนี่
ที่ยังมีความเป็นพงไพรแสนงามให้ตามหาฝันไว้ด้วย..


เขา...
จบประโยคแนะนำตัวยาวยืดไม่จืดอย่างเคยพานพบ
ทำให้เธอ..ต้องแย้มยิ้มแล้วสบตาเขานิ่งมินานนาที
ก่อนที่จะตอบคำ


*ไม่เต็มค่ะ..และยินดีต้อนรับ*
พักกี่วันคะ ตามสบายนะคะ
ฉัน..จะพาไปดูห้อง
อยากนอนเคียงนา
หรือว่าเคียงทะเลสาบสีเงินเลือกเอาได้ตามสบายค่ะ



อยากได้อยากสัมผัสอารมณ์ไหนละคะ
เพราะว่า
เรามีกระท่อมว่างตั้งหลายหลัง
จะบอกให้คุณฟังนะคะว่า
คุณโชคดีนักแล้ว ที่ฉันบอกอย่างนี้



เพราะ
ที่นี่เราเลือกแขกค่ะ
หากดูไม่สุภาพชน ไม่รักสงบเราจะไม่รับค่ะ
บอกตามตรงเลยนะคะ
เพราะว่า จริงๆแล้ว
ฉันจะสร้างไว้เสพสุนทรีย์ลำพังค่ะ



เธอ..กล่าวพลางหัวเราะ..ขำตัวเอง
จบด้วยคำ..
*เพราะมีคนหลงเข้ามาทายทักมากมายมาขอใช้ที่พัก
ด้วยรักบรรยากาศ
จึงตัดใจที่จะทำกระท่อมที่พักให้ผู้รักธรรมชาติ
มาปันแบ่งงาม
มิได้จะหวังรวยค่ะ..*



อ้าว..
เขายิ้มกว้างขำเช่นกัน ที่พบเจ้าของรีสอร์ท
ที่สวยบาดใจและดูดูช่างฝัน
หากมีความคิดแสนน่าประหลาดใจสิ้นดี
และดูเข้าทียามเจรจาพาที
แบบเสมือนเธอคนดี
มีโลกแผกแยกต่างจากทุกผู้คนที่เขาเคยพานพบ..


สำหรับเธอ..ในความคิดท่าทางเขา
ราว*นกไพรพเนจรรอนแรมมาแบบไร้รังรัก*
คงแค่อยากมาพักใจในวัยวันที่คงอยากทิ้งภาระหน้าที่อันรัดรึง
มาตรึงตรามาค้นหาความสงบสุขสักระยะ



ก่อนที่จะเดินหน้าต่อหรือรอลาอย่างถาวร..
ได้นอนหลับสนิทในนิทราริมฝั่งฝัน
ริมสายนทีทองอันงามผ่องพรรณ
พาลอยล่องสู่ฝันดี 


ไม่พลีร่างทุรนร้อนต้องออกไปผจญร้อนหนาว
ในโลกธุรกิจให้ชีวิตแสนวายวุ่นวกวนเวียนเป็นวงกรรม

ที่ต้องทำด้วยความรับผิดชอบอันแสนใหญ่หลวง
ห่วงคนที่อยู่ข้างหลังจะลำบาก
ก่อนจะปิดเปลือกตาฝากร่าง
ลงสู่พสุธาไม่อาวรณ์ห่วงใยใครอีกต่อไป..
ด้วยได้พลีทำหน้าที่ทำความดี
อย่างที่สุดแล้วในฐานะพ่อ..สุภาพบุรุษไพรหัวใจทรนง


พร้อมความคิดในใจ..เธอค่อยๆคลี่ยิ้มหวานราวประโลมใจ
ให้หัวใจผู้เดินตามไปที่พัก

ที่นะบัดนี้ 
เขา..รู้สึกดี
รู้สึกแปลก
พิเศษพิสุทธิ์ใสแสนวาบหวามใจแสนอบอุ่นใจเป็นที่สุด
ราวรู้จักเธอคนดีมาแสนนาน..ก่อนหน้านี้



และราวจะก่อนที่ฟ้าดินชักนำ
ให้มาพบเธอและเดินตามหลังมาต้อยต้อยติดติด
ตามลิขิตชะตาฟ้า..ให้เขาได้มาพักใจ
มาพบเทพีไพรมาพบไพรพงวิมานวนา

ที่ราวกับเขารอท่ามาชั่วกาลกัปป์กัลป์ 
เพราะมัวหลงฝันสวรรค์ลวงกลวงพร่างอยู่กลางใจกรุงกรง
ราวนกพเนจรหลงทาง
ให้อ้างว้างดายเดียวเปลี่ยวเปล่าไร้เงาคู่มานานนัก..



เธอ..นัดแนะ..
หลังจัดให้เขาได้ที่พักริมสายน้ำสงบงาม
กับหันไปอีกด้าน
คือบึงกว้างพร่างหอมกลิ่นเกสรบัวรำเพยกรุ่นมากับลมอ่อนอุ่น
ในยามค่ำย่ำสนธยา
ที่ฟ้ากำลังเล่นสีแสนสวยแล้วนะบัดนี้
ราวเปิดเวทีไพรต้อนรับอาคันตุกะ



คืนนี้...สองทุ่มตรงค่ะ
เราจะมีปาร์ตี้ต้อนรับคุณริมลอมฟาง
เราจะก่อกองไฟมีบาบีคิว
ที่มีแต่ปลานะคะ
และผักผลไม้
ที่นี่ไม่นิยมบริโภคสัตว์ใหญ่
เรานิยมแนวแมคโครไบโอติกค่ะแนวชีวจิต



และ
เราจะมีการร่ายบทกวีให้ดวงใจคุณรับซึ้งซ่าน
ให้นอนหลับฝันหวานฝันดี
ที่..ที่ไหนๆ
ไม่มีรับแขกพิเศษพิสุทธิแบบนี้ดอกค่ะ หาไปเถอะ

แล้วเธอ..
ก็ทิ้งเสียงหัวเราะใสใสราวระฆังเงินไว้
ให้หัวใจเขาหวามไหวหวิวหวิวราวปลิดปลิว
ไปนอนไกวเปลเมฆ
และตามร่างเธอ
ที่ค่อยๆเยื้องย่างราวนางกวางสาวเดินจากไป 


ให้หัวใจเขาเต้น
กระตึ๊กกระตั๊กราวหนุ่มน้อยคอยนัดคนรัก
รอค่ำคืนนี้
ที่กำลังจะเปิดม่านรักม่านฝันสวรรค์หวาน
ในอกในใจเขาคนดีที่ระทมระทวยมาช้านาน

ให้ปานสวรรค์ลอยมาเยือนหล้า
มาโอบหล้าเอื้อใจ
มาจุดไฟเสน่หา
ให้หัวใจดวงดายเดียวของเขา...



พลัน...
รู้สึกไสวพร่าง
ราวดาวประกายพฤกษ์จรัสจ้า
มาประดับฟ้าประดับใจในนะบัดดล..!

...............
รอติดตามภาคสองค่ะ




http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=200
ในฝัน ทูล ทองใจ : : Key Dm 

หากฝันว่าฉันและเธอ 
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน 
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว 
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย 
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน

หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...




				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด