7 มิถุนายน 2548 10:43 น.

แม่ยอดตำลึงอวบใสระริกระริกไหวเอียงแก้มหอมรับอรุณงาม..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song634.html
(สาวชาวสวน)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song467.html
(หอรักหอร้าง)
..........


กับเริ่มรุ่ง
ที่น้ำค้างยังใสพราวราวหยาดเพชร
เกาะค้างจับกลีบกลางเกสรดอกไม้ใบหญ้า

ไพลคว้าจักรยานคันเก่าคู่ใจค่อยๆพาตัวเอง
ออกมาจากบ้านวิมานดินวิมานไพรในเมือง



ตั้งใจจะมาทอดทัศนาทัศนียภาพ

ยามอรุณเรื่อฟ้า...
ยามนกกาผกโผผิน..กางปีก  บินล้อลมแรกแทรกฉ่ำใส

ไรแสงสาดสายพรายพรม
ห่มพลิ้วด้วยริ้วนวลสายไหมไรหมอก
ที่จะพากันหยอกเอินนาข้าวเขียวขจีเขียวไพล  


ที่บัดนี้อาจจะเหลือเป็นแปลงสุดท้าย
ที่ใกล้เมือง ใกล้ใจไพลที่สุดแล้ว

เพราะ
เบื้องหลังนั้น..
เมื่อมองออกไปคือตึกเป็นแท่งสูงเสียดฟ้า
หลายสิบแท่ง..
*อาณาจักรเมืองทองธานี*
ที่เป็นของอภิบรมมหาเศรษฐี*



ที่ชาตินี้
หากเอาเงินมากอง
ก็คงสูงท่วมฟ้าพอกันกับแท่งตึก 

ที่นึกนึกดูก็คิดไม่ออกว่า ชาตินี้จะใช้หมดได้อย่างไร...

และ
ก็คือธานีทองของคนรวย 
มิใช่ของคนจนบนผืนหล้าที่มากมีมากมาย
ไร้แม้กระทั่งที่ทำกิน 
แค่หวังพอฝากชีพสิ้นพออยู่รอดไปวันๆ


อย่างคนจน

*ที่ตำบลบ้านลานดอกไม้ดก..เมืองกำแพงเพชร*
ที่มีชื่ออย่างแสนงามนามไพเราะ 

หากทว่าผู้คนจนยากไร้
ไม่มีหัวใจใสสดพอ
ที่จะรอดูดวงดอกไม้ดก..
ตกร่วงควงพลิ้วหวาน..
หว่านสายพร่างลงมาณ..กลางลาน..ดอกนะ



ได้แต่งันงกรับจ้างไปวันวัน
เพราะแม้กระทั่งกระท่อมจะอยู่..ยังไม่มี

อย่าว่าแต่ที่จะทำกิน *ทรัพย์ในดิน*
ที่จะนำมาไถแปร*..มายังชีพชอบเลย



และ..
นี่คือ ความแตกต่าง...
ห่างกันไกลเหลือแสน..ในแดนด้ามขวานทอง

อันชักจะผ่องผุดเพียงในมือนายทุน
 ผู้รวยยิ่งรวยล้นฟ้า  กันอยู่ไม่กี่กลุ่ม..รุมกินโต๊ะชาติไทย
ไม่ปันแบ่งใคร

นอกจากวงศาคณาญาติ
พรรคพวกเพื่อนพ้องพี่น้องเพื่อนฝูง

ผู้ราวอภิสิทธิ์ชนคนกุมบังเหียนชาติ 
ฉลาดลงทุนหมุนวนเวียนรับ

เพราะมีหนทางมากมายนักจากพลังเงินงาม
มีมือยาวสาวผลประโยชน์ทั่วสยามได้กว้างไกลกว่า..
........



เอาละนะ..เช้านี้..
ไพล..เพียง..พามาชมธรรมชาติ..*เริ่มรุ่งรับงาม *
ไฉนลามไล้
ไประบายไปถึงความยากไร้ในทุกธุลีหล้าได้ก็ไม่รู้สินะ...!
......



กลับมานาทีนี้

กับเรื่องดีดีตรงหน้าดีกว่านะ
ทุกคนดีทุกดวงใจในร่มรัก..แห่งผองเรา

ที่ไพล...พลีพาร่างใจ..และจักรยานจอดไว้ไม่ไกล..

แล้ว
เดินลัดเลาะเลี้ยว
เข้าไปในเส้นทางลูกรังสายเล็กๆ

ที่ณ.บัดนี้มีดวงดอกน้ำค้างยังแตะแต้มแก้มดงดอกหญ้าไพร

ที่ต่างพากันไหวเอนระเนน
ระบัดช่อพ้อพร่างอย่างอ่อนช้อยคล้อยตามระลอกลม
เริงร่ายส่ายผสมระบำรับอรุณอันอุ่นเอื้อ..แรกแย้ม..!



ใน..คะนึงนวล

ไพลได้กลิ่นหอมอวล..นาข้าวพร่างพราย
ร่ายมนตรามากับลมอรุณแรก
แทรกมากับทิวาหวามในยามเช้านี้



ไพล ได้กลิ่นแม้กระทั่งจากใบตองนวลสไบนางฟ้า
ที่พากันเริงร่าโบกสะบัดไหว
ในริมรั้วเรือนไม้ชาวสวน 

ได้กลิ่นอวลตรลบของดวงดอกพุดซ้อน
ที่ช้อนกลีบละออนวลหนานุ่มคล้ายกลีบละมุนกุหลาบขาว

หากให้กลิ่นเร้าแรงรัดรึงตรึงใจ
ให้ซึ้งซ่านหว่านหวามไหว
ให้หลงในมนตราเสน่หาได้ลึกล้ำดำดื่มกว่ากัน..
 


เรือนไม้ชายสวนชาวสวน..และที่นาละแวกนี้

ที่บัดนี้...
อาจะเหลือเพียงผืนเดียวหลังเดียวเดียวดาย
พรายซ่อนซุกในรุกขชาติร่มไม้ไพรเทวาพันธุ์พฤกษ์ษาผืนนา

เพียงหลังเดียว..โดดเดี่ยวมิโดดเด่น
หากทว่าแฝงเร้น
อยู่ในท่ามกลางความเงียบงามสุขสงบสมถะ


แม้นว่า
จักมิห่างจากเมืองวายวุ่น เคียงถนน

ที่ผู้คนกำลังกรุ่นร้อน
ไปด้วยความเร่งรีบกับรถราแน่นขนัด
ที่พากันตะบึงบีบแตรระงม
ให้หูตรมใจตรอมก็ตามทีเถอะนะ


ละแวก...
ที่มีนายทุนบ้านจัดสรร 
มาขันแข่งแย่งกันสร้าง
ก่อแท่งตึกหน้าตาอัปลักษณ์

สร้างเป็นอาณาจักรอาณาเขตส่วนตัว
มารุกคืบขยับไล่วิถีชีวีชีวิตชุมชน..วิถีไทย
ให้ไม่เหลือหลอ...ความพอเพียงเพียงพอ..ดำรงอยู่คู่ฟ้าไทย



ให้กลายเป็นอาณาจักรศิวิไลซ์
กั้นด้วยรั้วเหล็กประดิดประดอย แสนแพง

หากทว่าสำหรับดวงใจไพล 
ดูเท่าไรๆในมโนนึกก็มิลึกล้ำมีค่า

เพราะราวป้อมปราการฤาว่าหอคอยแห่งคุก
คอยคุมขังชีวิตจิตวิญญาณ
ให้ไร้นวล..แตกงาม..ได้สัมผัสค่าคำอิสรา



ที่ดูอย่างไรก็ไม่งามเท่า

รั้วไม้ไผ่...
ที่มียอดกระถินตำลึงไล่เลื้อยพันพร่าง
พ้อฝนพรายกอ...แตกช่อผลิงาม..เขียวไสว

อวดอวบยอดตึงรึงรัด
มัดคลึงเคล้าคลอพ้อพราว...ไปกับรั้วดิบเดิม

ให้นึกแสนอบอุ่นอ่อนโยนเป็นยิ่งนัก..เสียยิ่งกว่า...



ที่มีเพียงเรือนไม้...
แม้นมิใช่จะทาสีฟ้าหรือมีม่านบังตาสีชมพู
แบบในรังรักจินตนาการหวานหวัง...อย่างในบทเพลงก็ตามที

หากก็ยังให้ความรู้สึกดีรู้สึก ดิน
รู้สึกถวิลไพรกว่าเป็นไหนไหน




เรือนไม้  ที่ยังมีที่นาเคียงใกล้มีสวนผักผลไม้
มีซุ้มเถาวัลย์ 
เถา ฟักแฟงแตงกวา แตงร้าน
ห้อยย้อยอวดลูกยาวเรียวรีเขียวเขียวมันมัน
 ดกแทบถึงดิน 

ให้มิสิ้นงาม
ให้นัยน์ตาเหงานิ่งงันได้สัมผัสล้ำลึก
นึกเห็นแม้กระทั่ง....
หยดฝน ฉ่ำชื้นหยาดเย็นที่ยังจับนวลชื่นผิวผล



ไพลเคยแวะคุย
กับเจ้าของเรือนไม้ริมสวนริมนาหลังน้อยหลังนี้

ที่เขาบอกว่า 
*นี่คือสมบัติทรัพย์ในดินชิ้นสุดท้าย *

ที่มาตรแม้นนายทุน
จะใช้พลังเงินตรามาตามต่อขอตื๊อซื้อสร้างอาณาจักรหิน
เขาก็จักไม่ขาย...ตราบชีพสิ้น...


ในเมื่อ 
แผ่นดินนี้มีที่มาแห่งวิถีบรรพบุรุษ
ฝากฝังทุกสิ่ง...ที่มากเรื่องราว.
*หอมงามแห่งความทรงจำ*

อันคือที่มาแห่งชีวีชีวิตนิดหนึ่งน้อยราวธุลีหล้านี้
ที่เคยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

แบบครอบครัวคนไทย
ที่แสนโอบเอื้ออบอุ่นใจ..แสนเป็นสุขใจ



ที่ต่อให้เงินตราก็หามาแลกไม่ได้

เขาเพียงอยากฝากชีวิต..สถิตอยู่กับความสงบงาม

อยู่กับความรู้พอดีพอเพียง...
ในผืนดินถิ่นเกิดก่อกาย


ได้รู้ค่าการใช้ชีวิต
ที่มิยึดติดกับวัตถุ

ที่แม้นจะหรูแสนหรูแพงแสนแพง
ก็ดูดูจักไม่มีวันเติมสุขพอ
ขอแค่มีกินมีใช้ 
และ
ได้ไปวัดทำบุญสร้างกุศลทานบารมี

ที่เขายังพอมีงานสุจริต 
รับซ่อมจักรยานให้เด็กๆแถวบ้านเพื่อเลียงชีพชอบ

ได้ดำรงร่างประกอบบุญ ก่อนสิ้นลมหายใจสุดท้าย
ที่จักใช่ แน่นอน มิวันใดก็วันหนึ่ง
.........



เช้านี้ ...!!!
ในนาทีนี้...

ไพลจึงกำลังยืนนิ่งนิ่งซึมซึ้ง
ดูฟ้าสวยใส..ไรแสงแรกแหวกหวาน

ดูพระอาทิตย์ค่อยๆคลี่ดวงแดงแรงร้อนอ่อนอุ่น
เอิบงาม ผ่านม่านมวลนวลเมฆนิ่ม อย่างอิ่มเอิบใจเป็นที่สุด


ฟ้าเริ่มทอแสงกระจ่างแจ่ม
แย้มรำไรรำไรระเรื่อระเรื่อสีแสงส้มอมชมพูจรัสเรือง

มวลดอกไม้ไพรดวงดอกหญ้าใกล้ม่านเมือง
เริ่มฟายฟ้อนร่ายร่อนซัดส่ายกลีบบางๆ
ให้พร่างหยาดน้ำค้างระเหยหายไปกับพรายแดด..!



รวงข้าวแรก..เริ่มผลิอวล
หวานหอมละมุนมากับสายลมอรุณ

มาทายทักริมหัวใจ สาวนาสาวไพล 
ให้ยิ่งหนาวนวลใจ ในละไมฝัน

ราว..กำลังกระซิกกระซี้ระรี้ระริก
พร่ำ..รำพันรำพึง
ฝากกระซิบ  
คำซึ้งซึ้งซึ้ง ว่าแสน*รัก..รัก...รัก ..และ...รักรักรัก*..
เสียนักแล้ว
นะเจ้าแก้วขวัญเจ้าจอมใจ....ในหอมใจ......!!!!!!!

*******************



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song467.html

หอรักหอร้าง 

เรือนหอหลังนี้ พี่สร้างรอเจ้า
แก่ต้อง อัปเฉา เฝ้าแต่รอ
หม่นหมองฤดี
เฝ้าแต่รอรักน้อง มาร่วมชีวี
ฝันหวาน คอยพี่
สุขขี วันวิวาห์
เรือนน้อย คอยรัก คอย
เธอ เคียงคู่ ได้แต่
มองดู ขาดยอดชู้ คู่ขวัญ
ชีวา สิ้นสลาย
รักคลาย สัญญา
น้อยหรือ แก้วตา
เปลื่ยนวาจา ลืม
น้ำใจ ดึกดื่น ตื่นตา
อกผวา ครวญ
เห็นห้อง ให้หวล
ครวญคร่ำอาลัย
สาย ลม โชยกระซิบ
ร่ำไห้ ห้องหอ เรือนใจ
ไร้ เทวี เดียว ครอง
เรือนหอหลังนี้ เห็นที จะร้าว
สวาท ขาด จาง
เปลี่ยว อ้างว้าง
ไม่สม ปอง สร้างเรือนหอ
ไว้รอ ปรางทอง
เหลือ เพียงหอ ห้อง
กับเจ้าของ เรือนรัก ทลาย

เรือนหอหลังนี้ เห็นที จะร้าว
สวาท ขาด จาง
เปลื่ยว อ้างว้าง
ไม่สม ปอง สร้างเรือนหอ
ไว้รอ ปรางทอง
เหลือ เพียงหอ ห้อง
กับเจ้าของ เรือนรัก
ทลาย... 

*****************
 


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song634.html
สาวชาวสวน .....ลัดดาวัลย์ ประวัติวงค์ 

โอ้ อก สาวชาวสวน
นอน หนาวใจรัญจวน
อยู่บ้านกลางสวน ทุเรียน
ลม หนาว พาพัดอยู่
ฤดูผลัดหมุนแปรเปลี่ยน
วัย สาวหมุนเวียน
มา สิบแปดหน้า ฝน
โอ้ อก สาวชาวสวน
ฟังเสียงเรไรครวญ
โศรกเศร้ากำศวร
เหลือ ทน
ยามแสงจันทร์นวลส่อง
ฉันตรอง ครุ่นคิดหมองหมุ่น
หากมี คู่รัก สักคน
คงจะพ้น หนาว ใจ
มองทุ่งมะลิวัลย์
เถาทอดเลื้อยพัน
รอบรั้วกระถิน
กลิ่นหอม ไกล
มะลิยังพรอด
กอดกระถินด้วยเหตุใด
แมลงแกล้งจูบดอกไม้
เหมือนมีใครแอบ จูบแก้มฉัน
โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้
ในสวนยามราตรี
แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์
ยาม ฉันมีชายคู่
คิดดูวาบหวิวใจหวั่น
อยากให้เถา มะลิวัลย์
เป็นอ้อมแขนของ เธอ
  
โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้
ในสวนยามราตรี
แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์
ยาม ฉันมีชายคู่
คิดดูวาบหวิวใจหวั่น
อยากให้เถา มะลิวัลย์
เป็นอ้อมแขนของ เธอ... 
 






http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html(รังรักในจินตนาการ)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html(เดือนต่ำดาวตก)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song162.html(กลิ่นโคลนสาบควาย)




น้ำค้าง

น้ำค้างพราววาวแววรับเรียวแสง
เรียวแดดแรงโลมใล้คล้ายปลุกฝัน
มวลดอกไม้สยายกลีบรับตะวัน
น้ำค้างขวัญพลันมลายหายวับไป
ดอกไม้หวานบานกลางไพรรอฟ้าสาง
หยาดน้ำค้างแตะแต้มแกล้มกลีบไหว
ดอกไม้เอ๋ยเจ้าได้เชยชุ่มฉ่ำใจ
อย่าเสียใจรอเวลาท้าอรุณ
กลางสายฝนลมแรงแกล้งกลีบเจ้า
ให้รานร้าวชอกช้ำขวัญว้าวุ่น
แต่ไม่นานดอกหนาได้ละมุน
หยาดพิรุณแพรวน้ำค้างพร่างพริบพรายใต้เงาจันทร์กับฝันดี....



				
6 มิถุนายน 2548 10:31 น.

เดียวดาย..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html
(เดียวดาย)



ขอเจ้าเป็นดั่งนกไพรบินเดียวดายแม้ไร้ฝูง
หากบินสูงเหนือโลกย์โศกเหว่ว้า
มีอัญมณีไพรใจดวงงามไร้พันธนา
ฝ่าพายุกล้าสู่เวิ้งว่างหนทางไกล

บินข้ามหล้ามหานทีสีทันดร
ข้ามสิงขรห้วงทุกข์อสงไขย
พบฝั่งฝันนิรันดร์สุขไร้ทุกข์ใด
นะดวงใจเจ้านกกล้าท้าตะวัน

ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งวิมุตติ
อย่าสิ้นสุดหยุดบินอย่าสิ้นฝัน
แม้นเหนื่อยล้าเหน็บหนาวในคืนวัน
มีอ้อมขวัญอ้อมใจไออุ่นรัก

หยุดหลบเลียแผลใจหากเหนื่อยล้า
พักปีกกล้าใต้กิ่งใจในอ้อมตัก
มีพฤกษ์ไพรบึงกว้างธารน้ำภักดิ์
คอยรอซับหยาดเลือดหยดน้ำตา

ต่อเติมใจเติมจิตเติมนิรมิตหวัง
เติมพลังเติมแรงใจให้แกร่งกล้า
พร้อมโผผินบินหว่านดาวดวงร่วงสู่พื้นพสุธา
เป็นขวัญหล้าขวัญชีวิต..ดั่งรวงทิพย์อัญมณี...!!!!!!

..............



เมื่อคืนไพลดูละครเรื่อง
*อยู่กับก๋ง*แล้วสะท้อนสะเทือนใจประทับใจ
จนอยากร้องไห้ ในหลายฉากตอน

ที่วนซ้อนย้อนรอยให้ถอยหลังกลับไป
ในวิถีวัยเยาว์ที่เคยพบพานผ่านมา
และ
ราวกลับมา สอนสัจจธรรมใจ
ให้กับเด็กไทยในวันนี้ให้รู้ใช้ชีวิต...


ที่มีดวงจิตห่างไกลวิถีงามแห่งความเรียบง่าย
ให้รู้ค่าความยากไร้ในชีวิตติดดินแบบเด็กชนบท
ที่แสนงดงาม

รู้ใช้ชีวิตอย่างสมถะพอเพียง
ได้ชิดใกล้ธรรมชาติ

และ
มีความสงบสุขตามประสายาก
หากทว่า
มีงามดวงใจใสพร่างนี้
ที่แสนกระจ่างสว่างพราว
ราวร่างได้อาศัยในวิมานแมนวิมานวนา...
หากมองย้อนกลับไป

ที่นับวันจะหามีไม่แล้วในวิถีไทยทุกวันนี้
ที่มีแต่แก่งแย่งแข่งดีเร่งรีบเร่าร้อนรุนแรงไร้ละเมียดละมุนใจ
ไร้ประณีตใจ..


ชีวิตวัยเยาว์แบบข้นแค้นแสนยากลำบากร่าง
หากฝากงาม
ที่คอยหลอมหล่อจิตวิญญาณบ้านภายใน
ให้งามใสพราว*ดั่งดวงแก้วอัญมณีไพร*

เพราะ..
ว่าทุกดวงจิต
ทุกชีวี...ไม่คิดทุรนทุรายเร่าร้อน
ผ่อนหนี้วัตถุที่รุกโหมคืบบ่า
มาทำลายความเรียบง่ายไร้อยาก...อย่างผู้คนทุกวันนี้

ที่ถูกกลืนกินไปตามกระแสกิเลสโลกย์โศกสุข 
ที่มิยอมหยุดโหมบุกรุกคืบทำลายให้ยิ่งย่อยยับอับจน
ทั้งร่างใจ ... 



มี...คนกล่าวไว้ว่า
ยามดูหนังดูละครแล้วให้นำมาย้อนสอนใจตน

เพราะโลกทุกวันนี้
ที่ว่าแสนสับสนวายวุ่น
*ก็เปรียบดั่งโรงละครเช่นเฉกกัน
ต่างกันที่เราจะเลือกเล่นบทใดรับบทใด



และโลกแห่งชีวี
ก็มีสุขทุกข์คลุกเคล้าดั่งตัวละครในนวนิยายโลกย์
ที่มีทั้งดีร้ายโศกสุขหมายฝากค่าคนค่าคำ
ฝากสัจจธรรม...ฝากบทเรียนก่อนลาไกล

ก่อนจะถึงวันที่สิ้นลมหายใจแห่งชีวิตที่แสนนิดหนึ่งน้อยนี้

ที่ช่างแสนสั้น
จะเหลือก็เพียงดีชั่ว..
ฝากไว้ประดับหล้าพสุธาใช่เพียงร่างแลชีพชนม์..ฤาก็หาไม่..!!!!

...........



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html
เดียวดาย 

ขวัญ เอ๋ย
เคยภิรมย์ชิดชื่น สุขสันต์
หลง เพ้อฝัน
รักมั่น มิทันจะเนิ่น
เธอ เมินหมาง
โอ้ อ้างว้างอารมณ์ ฤดี
เหมือนโนรี
จากคอน หลงรังนอน
ลืม พี่ เหมือนชีวี
เดียวดาย เอกา
โอ้ ดึกเดือนคล้อย
เดือนเจ้าจะลอย จากตา
มอง นภายังเห็นดารา
เรียง ราย

เหลียวหา จนทิวาโฉมเจ้า แล หาย
หรือ รักแล้วแหนงหน่าย
รักเอ๋ย ลืมง่าย
ใย เมินเฉย
โอ้ ใจเอ๋ยใจเลย แรมรอน
ฉันยังจำ ติดตา
ทุกทิวาคืนก่อน
เหลืออาวรณ์ใจเอย ค่ำลง
โอ้ ใจสะท้อน
จะหลับจะนอนพะวง
ลืมไม่ลง
มันเหมือนมีมนต์ ดล ใจ... 
 






http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก 

ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา

แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา... 
 


				
4 มิถุนายน 2548 07:03 น.

อวลมะลิหอมระรินหวานริมหมอน!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song653.html
...............


อุษาวดีคลี่ฟ้าอีกคราแล้ว
ดวงดอกแก้วหอมพรายริมหน้าต่าง
นกเขาไพรปลุกดวงใจฟ้าเรื่อราง
ริมหน้าต่างกลางดงดอกจำปี

นอนคลี่ยิ้มแอบดูเจ้านกน้อย
เพื่อนผู้คอยเคียงขวัญยามเช้านี้
ไกวเปลหวานแกว่งไกวพร้อมดนตรี
ธรรมชาติชีวีธรรมดาเช้าเฝ้าทายทัก

หอมมะลิระรินที่ริมหมอน
กับที่นอนนวลนุ่มน่านอนนัก
ขอนิทราหลับตาฝันอีกนิดนะที่รัก
ฟังเพลงภักดิ์ในยามเช้าเคล้าอรุณ

โลกหอมหวานภายในใจดวงแก้ว
รับหวานแว่วสรรพสิ่งพร้อมโลกหมุน
เปิดดวงใจบ้านภายในงามหอมกรุ่น
สร้างละมุนพบละไมกลางใจธรรม

แล้วสวดมนต์ช้าช้าอย่าเพิ่งลุก
เพื่อปลอบปลุกพลังใจหวังรินร่ำ
แผ่เมตตาขอบคุณโลกโชคน้อมนำ
ได้มีวันทำความดีนาทีทิพย์

ทุกลมหายใจที่ยังมีช่างมีค่า
ขอบคุณฟ้าแลดินที่ยื่นหยิบ
ได้ชื่นใจในรสพระธรรมอันล้ำค่าน้ำอมฤต
ใสสนิทจิบซ้ำซ้ำพรำพร่างริน

ดั่งน้ำค้างหยาดสายกรายสู่หล้า
ดั่งน้ำฟ้าหยาดพรายมิรู้สิ้น
สู่บึงบัวรอบัวบานเหนือวาริณ
เพียงถวิลรับอาทิตย์อุทัยในเวลา

ดั่งนาฬิกาชีพชนม์คนแสนสั้น
ลืมตาฝัน พลันตื่นล่วง บ่วงเสน่หา
ที่รัดร้อยสร้อยห่วงหวงพันธนา
สร้างศรัทธาเดินตามรอยบาทมิวาดวน

พาจิตใสตั้งใจตรงคงสัจจะ
มิลดละภาวนาบุญสร้างกุศล
เพียรฝึกสมาธิมีปัญญาคุ้มค่าคน
ก่อนที่ลมหายใจจะไม่มี..!นะคนดี นะดวงใจ..
..................................



อุษาสวาท..อรุณสวัสดีค่ะ
ไพลตื่นมา
รับอรุณวดีที่รัก  ที่แย้มเยือนมาทายทักอีกคราแล้ว

ให้ใจดวงผ่องแผ้ว..เปิดรับ..*.เริ่มรุ่ง..แสนงามค่ะ*
ไพลนอนคลี่ยิ้มอย่างเอิบอิ่มพริ้มพราย..ในนวลเนื้อใจ
ที่ไหวหวานรับทิวาหวามอรุณหวัง

ฟังเสียงนกไพรมากมาย
ที่มักมาร้องเพลงหวานหวานให้ฟังทุกยามเช้า
เคล้าหยาดละออละอองน้ำค้างแก้ว
ราวกับรักแสนรักไพลเสียเป็นยิ่งนักแล้ว

มาเมตตาเอื้อโอบขวัญ
ให้ไพลนั้น..ได้ฝันพร่างได้กระจ่างจิต
แสนประทับใจ

และ
ราวเพื่อนไพลเพื่อนไพรเพื่อนใจ
ฝากในทรงจำงดงาม
มานานวันมานานปีเลยทีเดียวแล้วค่ะ

นัยน์ตาทอดจับ
ผ้ายกทองทอดอกดวงแสนงามแสนรัก
และภาพวัดไชยวัฒนารามที่นำมาติดไว้คู่กัน
ริมเตียงในครองตา
กับ
จับที่กลีบกุหลาบสีแดงในโถแก้ว
หน้าโต๊ะเครื่องแป้งโบราณ
ที่กลีบบางๆยังสดฉ่ำชื่นพราว
ด้วยหยาดละอองน้ำราวละออน้ำค้าง
ที่ไพลฉีดพร่างรินไว้ก่อนนิทราฝัน
ให้หอมกระจายจรุง เพื่อปลอบใจให้นิทราฝันดี

และ..
หวัง..

ให้ทุกคนดีในร่มรักเรือนไทยในชายคาแห่งรัก
ได้พบกับ..คำว่าเริ่มรุ่งอันแสนงดงาม
มีทิวาหวามราตรีหวังในทุกวันเวลาแห่งนาทีชีวิตนี้
ที่ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้วนะคะ

***************


เริ่งรุ่ง...

ในราวเมือง..ที่มิใช่..ราวป่าใหญ่ไพรกว้าง.
ที่ฉันนี้ฝันใฝ่อยากฝากกายใจไปเริ่มรุ่ง..ในราวพฤกษ์ไพรพนา..

เริ่มรุ่ง..... 
เช้าวันใหม่ ทุกดวงใจ ทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่..
ต่างมีฝัน ต่างมีหวังต่างยังมีลมหายใจต่อดวงใจรักไปอีกวัน


เริ่มรุ่ง....
ที่ยังมีเสียงนกร้องขันคู จู้จุ๊กกรู จู้จุ๊กกรูเพราะพริ้งพราว 
บรรเลงเพลงแห่งราวไพร. 
เพราะยังมีต้นไม้ใหญ่ให้เกาะคอนขัน..
ในวิมานดินวิมานฝัน..บ้านของฉันเอง..


เริ่มรุ่ง..... 
ฟ้าหวาน ลมหนาว เย็นฉ่ำ เมฆอิ่มใส 
อาบไรแสง สายไหม ลมชื่น 
อวลหอมดอกไม้ บานเบิกชูช่อชัน ขันแข่งกัน
กับใบไม้เขียว ล้อลมไสว..รอหวานใจชื่นชม..ดมดอม

เริ่มรุ่ง.....
วิมานไพรนี้ ที่ยังมีงามดวงใจใครจะรู้
ที่ทำให้ดวงใจใสชุ่มฉ่ำราวหยาดน้ำค้างหยดพราว
มาให้ดอกไม้ฝัน..สดสว่างกลางใจ บานแย้มรับหวัง พลังใจ 
ไฟฝัน ในโลกหวัง โลกอนาคต ที่หมดจดแสนดี ..
มิมีท้อแท้แพ้พ่าย...กับกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง...

เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีฝันว่า สักวัน ใครบางคนที่พิเศษสุดในใจ 
ที่เราแสนภาคภูมิใจในคุณค่าความดี 
ที่มีรักแท้ หนักแน่นมั่นคงจะก้าวมาร่วมชายคา 
พาให้ใจเราทุกคนฝันแสนดีร่วมกัน วันเคียงหมอน 
มิจากลาเลยลับไปไกล ไปไหนไหนอีกแล้ว...

เริ่มรุ่ง.....
ที่ยังมีกลิ่นดอกไม้หวานหอม จรุงใจ
ลอยฟุ้งคละเคล้ามากับสายลมหนาว
หวานอมเศร้าพราวกับหยาดน้ำค้าง
ที่รอระเหยหาย..ยามอรุณร่ำลา..
พายามสายมาเยือนเยี่ยมแทน...

เริ่มรุ่ง.....
ที่มีเช้าแสนดี 
มีละอองหมอกเย็น แสนสบาย มาทายทัก ในบางวัน 
พร้อมกับความฝันความรักมากมี
จากทุกดวงใจที่ใสงาม 
มากด้วยรัก..ด้วยจริงใจ ..ที่ยินดีมอบให้ไร้ร้องขอ...

เริ่มรุ่ง.....
กับใจดวงดี ที่รู้จักมองโลกให้เป็น 
แลเห็นงาม ไม่มืดบอด รู้รัก รู้ให้ รู้ห่วงใย 
เข้าใจอดทน
ต่อความเป็นไป ผันแปร ไม่แน่ไม่นอนของโลกที่หมุนวน 
ยอกย้อนลวงหลอนหลอกใจ ให้มากบทเรียน 
มากประสบการณ์สอนใจฝากจำจด..

เริ่มรุ่ง.....
ที่รู้ค่าการมีชีวิต ที่ถูกลิขิตมาให้แสนโชคดี 
มีดวงตาดวงใจเห็นในธรรมชาติเงียบสงบงาม
มีพลังใจว่าได้เกิดมาในแผ่นดินร่มเย็น 
ได้พบพระพุทธศาสนาที่ส่องสว่างนำเส้นทางใจ
ให้แลเห็นในความว่างความพอดี พอดี..

เริ่มรุ่ง.....
ในวันนี้..ขอทุกชีวี คิดแต่เรื่องดี 
เรามีพลังสร้างฝันให้เป็นจริง พบทุกสิ่งที่หวังและความสุข 
กับคนดี คนเดียวในดวงใจ.. 
ให้มีใครสักคนนอนเคียงข้างยามเริ่มรุ่ง..
ตราบวันนี้ ตราบชั่วชีวี และชั่วฟ้าดินสลาย....

...............

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song653.html
อุษาสวาท

ยาม อุษาฟ้ากระจ่าง
ทั่วนภางค์สว่างแล้ว
ตื่นนิทราเสียเถิด น้องแก้ว
สว่างแล้วนะ แก้ว ตา
แจ้ว จำเรียง
เสียงกระซิบ สั่ง ดั่งสัญญา
กระซิบคำรักว่า
อุษาสวาทปอง
อย่าข้องใจ
มอบฤทัยไว้ร่วมกัน
ยามน้องหนาวตัก
พี่ซบ ทรวงพักตร์
อุ่นไอรักจะอุ่นพลัน
อย่าโศกศัลย์ ขวัญตา
เจ้าอย่าลืมสัมพันธ์
ปองรักกัน จนวันตาย
ใจ ผูกพันรักกันจนกว่า
ดินและฟ้าจะมลาย
อุษานี้มีมนต์ ดลรัก สลักใจ
ร่วมสายใยสวาทเอย

ยาม อุษาฟ้ากระจ่าง
ทั่วนภางค์สว่างแล้ว
ตื่นนิทราเสียเถิด น้องแก้ว
สว่างแล้วนะ แก้วตา
แจ้ว จำเรียง
เสียงกระซิบ สั่ง ดั่งสัญญา
กระซิบคำรักว่า
อุษาสวาทปอง
อย่าข้องใจ
มอบฤทัยไว้ร่วมกัน
ยามน้องหนาวตัก
พี่ซบ ทรวงพักตร์
อุ่นไอรักจะอุ่นพลัน
อย่าโศกศัลย์ ขวัญตา
เจ้าอย่าลืมสัมพันธ์
ปองรักกัน จนวันตาย
ใจ ผูกพันรักกันจนกว่า
ดินและฟ้าจะมลาย
อุษานี้มีมนต์ ดลรัก สลักใจ
ร่วมสายใยสวาทเอย...

				
2 มิถุนายน 2548 10:19 น.

บัวขาวพราวไสวในบึงฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
..............



วสันต์พรายมาหลายวันแล้ว..ในยามเย็น

ทำให้ไพล..อดเต้นออกกำลังกาย..
ในลานจันทร์ฝันพลี...ลานกลางแจ้ง...

ที่มีมวลแมกไม้รายรอบ
ส่งกลิ่นหอมหวานระรินๆมาเป็นระยะๆ
แกล้มให้ยิ่งได้อารมณ์แสนน่าถวิลเสน่หา
เช่นลีลาวดี.... 
ที่ไพลมักชอบแหวกกอช่อดอกแล้วพลีจูบ..แทบทุกวัน..!



เย็นนี้...
ไพลนุ่งกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า
ตัวเก่งตัวเก่าตัวเดิม
ที่เก่าซีดมิรีดยับเพราะชอบใส่ซักๆทุกวัน



แล้วผันตัวเองออกมา .....

มาตรแม้นว่า...เริ่มเห็นฝนทำท่าตั้งเค้า
ให้หนาวเหน็บในดวงใจดวงน้อยนี้

ที่มักจะอ้อยสร้อย...คอยแอบซึมเศร้า  ซึ้งสุขรุกเร้า
ให้อารมณ์กับไพลคนนี้....
คนที่..ดวงใจแสนรักความโรแมนติก
และหยาดฝนพรำมาแต่ไหนแต่ไร



และ
ไม่ว่ายามใดแห่งชีวาชีวิต

ที่บางคราวแม้นจักได้ยินเสียงฝนพราวราว
*ปีศาจวสันต์มาร้องโหยไห้ครางครวญ
มาลวงหลอกหลอน ก็ตามทีเถอะนะ..คนดีที่รัก



และเคยลองกลับ..
ไปอ่านเรื่องราวมากมายมากมี...
ที่เคยรจนาพลีฝากไว้
ยามวสันต์มา..ฟ้าร้องไห้  

นับแล้ว...ก็ได้..สักเป็นร้อยเรื่อง..ละกระมังนะกระมังนี่..



กลับมา. ..วันนี้...

ที่ยัง...มิดีกว่า ยังกับว่า..
ฤดีระกำ..ชอบย้ำวน..มากับฤดูกาล ไม่เลิกลา
ก็นะ วิบากกรรม 
อาจจะยังชดใช้ไม่หมด ก็งดงามดี
หากคิดในทางดีทางบวกแบบนางงามจักรวาล



เพราะว่า..
คือการได้สอนเศร้า 
ให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวีชีวิตนี้อย่างถ่องแท้ถี่ถ้วน

*ว่าใดใดในโลกล้วน   อนิจจัง 
   คงแต่บาปบุญยัง        เที่ยงแเท้*

ที่แน่ๆไร้หวานใด..มีแต่ทุกข์เต็มร้อย 
หากวันใดทุกข์ลดน้อย..สักห้าเปอร์เซนต์
นั่นแหละอาจเรียกว่าสุข



*สรุปคือทุกชีวีนี้ 
 *แค่ทุกข์ลดลง..ตามสัจจธรรมจริงแท้
ที่แน่แสนแน่   ยิ่งกว่าแช่แป้ง...ที่ยังมีวันบูดเน่า..เสียอีก

หากรู้จักใช้ชีวีตัวเองเรียนรู้เป็นครูตน
ก็จักยอมรับดีร้ายได้...
อย่างมิหวั่นไหวหวั่นหวาม..ในทุกผัสสะอะไร ไว้นานเลย



รู้ทำใจให้ชินชาเฉย วางว่าง
 
สร้างเพียง...คุณงามความดี..พลีเป็นบารมีบุญ
ก็พอเพียงก็เพียงพอ...ก็แค่นั้นก็แค่นี้...
ก็แค่ตราบชั่วยังมีลมหายใจ..แห่งชีวาชีวิต..!



เพราะโลกหล้าเรานี้...
เราต้องอยู่กับคน...มากมาย ดีร้าย
ปนมากับวิบากกรรมวิบากเก่าวิบากรักเรา..ที่จักตามมา



ตราบใด....
ที่เรายังต้องกลับมาเกิด  

ยังมิใช่ ...
 มีจิตประเสริฐ
*ดั่งแก้วประภัสสรใสวิเศษ*แพรวพรายราวอัญมณี

ให้ได้พบความว่างกระจ่างสว่างสงบงาม 
ได้ละวาง ว่าง ให้ได้ตรงไปถึงยังฝั่งฝันพระนิพพาน



ก็ยังจำต้องมาชดใช้ 
มาพบความเกิด แก่..เจ็บ..ตาย 
ว่ายวนเวียนวุ่นวาย 
คล้ายมายามิรู้สิ้นรู้จบทบทับทวีคูณพูนเพิ่ม

หากไม่รีบเพียรภาวนาพาตน 
ฝึกสมาธิ มีปัญญา..ละร่างหนี..วง..วน..กรรม
มิให้ย้ำรอยซ้ำรอย ..


ไพล..เบื่อตัวเองเหมือนกัน

ที่รจนาไปมาๆ..
ก็มัก วนมา หนีไม่พ้น  *เรื่องจิตวิญญาณบ้านภายใน*
ที่อยากให้มิ่งมิตรน้องพี่มี*งามดวงใจใครได้รู้นี้*

ที่น้องๆพี่ๆที่แสนรักไพลแสนห่วงใยปรารถนาดี
 คงเบื่อมาก
และ
คงอยากกระซิบบอกพี่ไพล
ว่า...ราวแม่ชีรอหนีบวชเข้าไปทุกวันเข้าไปทุกทีแล้ว



แต่...
คนดีไพลก็อยากกระซิบอีกที และอีกที  เช่นเฉกกัน นะคะ

ว่า...
แล้วยามคนเรานั้น
เวลาดวงจิตชีวิตพบความวายวุ่นแล้ว
เราจะเอาอะไรมาเป็นทุนรักษาใจ

หากไม่.
*สะสมบุญ*ใส่บัญชีไว้ในธนาคารใจ* ไฉนเลยเล่าทุกคนดีทุกเจ้ายอดดวงใจ..!



ไพล...จึงยังคง..มิหลงทาง ขอเพียรมิท้อมิรอราสมองสองมือ

ขอรจนาภาษาโบราณ ๆ

ใช้ใจดวงโบราณๆ...
 ดวงเฉยๆชาๆชินๆ
ทั้งทุกข์ๆสุขๆ
ที่ยังพอมีเหลือนิดๆน้อยๆ
มาค่อยๆคอยบอก  



คอยฝากหวานหวัง
มาให้กำลังใจ ดั่งสายน้ำสวยใส 
ดั่งโอเอซิส ในทะเลทรายมายา
 
มาปันพลีในโลกฝัน
ให้ได้พบสวรรค์หวานได้อ่านภาษาเย็นๆฉ่ำๆ



หวังเพียงดั่งหยาดน้ำค้างฤาหยาดฝนพรำ
ได้มาลบความเร่าร้อนในดวงชีวี
หากน้องพี่ ยังรักพี่ไพล
มาอ่านงานไพล 

ที่มาตรแมันมักจะได้อารมณ์เดียว
ไม่แปรไป..มิแปรใจ..มิแปรผัน..ไปตามใคร..


นั่นก็คือ..

อารมณ์ดายเดียว..รักความสงบเงียบงามเรียบง่าย
รู้ใช้ชีวิตติดดิน ถวิลไพรพฤกษา
รู้รักธรรมะ ดั่งยาวิเศษ ดั่งน้ำอมฤตใส

ที่จักนำพามา สยบความว้าวุ่น...
วุ่นวายในกมลของผู้คนบนผืนโลกนี้..ที่ประดุจดั่งกังหันชีวิต



และ
มักมีแต่แมกไม้ใบหญ้า..
ฟ้าดิน  อินทร์ พรหม ธรรมชาติ..พิลาสพิไล

รักก็รัก...ธรรมดาๆใจ
ที่ไม่ได้มีแต่ด้านหวานชื่น
หากต้องเจือขมขื่นตรอมตรม 
สอนให้มิหวังวาดประมาทใจยามลองเล่นกับ*ไฟรัก*ที่จักเผาไหม้ลามเลีย

คือ..ให้รู้เท่าทันฝันหวานฝันดี 

ที่บางครา 
ต้องตื่นยอมรับความจริงอิงสัจจธรรม
กับคำว่า *รักคือทุกข์ *
หาใช่สุขนิรันดร์ฝันดีไปตลอดถ้วนทั่วทุกตัวคนก็หาไม่



ให้รู้เตรียมใจ..ไม่ประมาทวาดหวัง

และ
จงได้อย่าหยุดยั้งรั้งรอที่จะ
เข้าไปสู่ร่มพระรัตนตรัย 
หวังพึ่งใบบุญสร้างจิตให้สวยใส..ดีงามพร้อมพลีไปด้วยกันจะดีกว่า
.............



ในวันนี้นาทีนี้
ไพล..จึงมารำพึงรำพันตามฟ้าฝนลมบน

หากดวงกมลใคร..ที่รักชอบความสงบงาม
ก็คงตามมา  อ่านเป็นแฟนพันธุ์แท้
คงมิแย่มาก หากถึงครายามจิตสับสนกับผู้คนบนผืนโลกนี้



ที่ดูดูช่างมีแต่ทุกข์ในอัตตากันมากมาย
ไร้แล้งน้ำใจ

 ไม่เมตตากรุณากันและกัน 
ไม่ปันพลีความหอมหวาน
ดั่งดอกไม้ตระการ
ที่จักแย้มบานประดับโลก 
ลบโศกสุขให้ทุกดวงใจได้กลิ่น ไม่ถวิลเลือกที่รักมักที่ชัง



ที่ไพลหวัง...แค่หวัง...ให้พลังรักรจนา
เพื่อให้ทุกดวงใจเหว่ว้า สิ้นไร้รัก 
ได้มาพักพิงใจได้มานอนเอนอิง
พิงหมอนขวานในชานเรือนไทยเรือนไพล..*ไทยโบราณ*



ที่แสนหวานด้วยดอกน้ำใจ
และ
ดวงดอกไม้
ที่กำลังค่อยๆสยายผลิกลีบบอบบาง..แย้มเผยอรอรับขวัญ

ที่คงสนองเสนอ...ความงาม..ได้ 
ด้วยความดายเดียว ที่คงพอกันกับเจ้าของเรือน
อย่างใจเดียวกัน ใจตรงกัน..มาพลันพร่างหลอมละลาย



แล้ว..พากัน
สูดดมดวงพวงพะยอม...อันแสนหอมงาม
แห่งอะเคื้อเอื้อฝัน
อันแสนโอบเอื้ออบอุ่นอ่อนโยนอ่อนหวาน



อันคืองามอมตะ
อันคือ ลีลาธรรมชาติแห่งชีวิตนักลิขิตฝันจักพึงปันพลี
บนถนนบรรณพิภพนี้ 
ที่เรียกว่า *ถนนสายดอกไม้งาม*

แล้ว
เจ้าของเรือนไทยนี้
ก็จักร่ายอ่านบทกวีธรรม 
อันแสนฉ่ำชื่นใจ
อันแสนเย็นใสดั่งธาราธรรมระริน



ให้ปลอบประโลมพร่างพรม
หอมห่มห้วงใจ  

ให้ลบลืมหนาวใจ ในรักร้อนเร่า 
ราวโลกนี้มีเพียงเราลำพัง 
*ราวโลกธรรมโลกทิพย์..*ที่นึกนิรมิต*ได้ด้วยใจดวงงาม มิยากเลย



ที่จะ..มิหยิบจับเรื่องขยะมาใส่
ให้ใจต้องหมองหมางระคายระเคือง 
เปล่าเปลืองเสียเวลา

มาพรรณาความงาม มองเห็นความดี 
มาพลีรักพรักพร้อม

มารัดร้อยสอดสร้อยสานฝัน
มาถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างผู้มีน้ำใจกระวีกระวาด
อย่างฉลาดเลือกโลก 
เพียรใช้โศกสุขมาเป็นบทเรียนเพียรสอนใจ



 เพียรให้มิไหวหวั่นประมาทพลาดพลั้ง
*ดั่งกัลยาณมิตรธรรม กัลยาณมิตรน้ำหมึก*
ที่คงมิดำ
หากแดงด้วยสีสันสีแสงด้วยแรงแห่งรักภักดิ์พลี



ให้รู้สามัคคีกันฉันท์มิ่งมิตรน้องพี่
ที่มาร่วมชีวีมาพลีจิตวิญญาณ

มามีอุดมการณ์
มาพึ่งพิงอิงอิงไหล่เดินเกี่ยวก้อยกันไปด้วยกัน
*บนถนนสายฝันสวรรค์หวานนี้*

........


ไพล..
จึงกลับมาจากความคำนึงเนื่องจากคิดถึงความวายวุ่น
ณ..บ้านภายนอกแห่งโลกฝันโลกมายา

ที่หาใช่จัก...
มากระทบถึงบ้านภายใน..ใจดวงงามได้นานฤาก็หาไม่

เพราะอาศัยฝึกจิตมาที่เพียรพาให้รู้ทันเท่า..



แม้นใจดวงร้าวรักโรแมนติก
จะชอบเฝ้า..รักชอบ ไปกับทุกบทกวีฝัน

กับทุกสวรรค์พลีบรรเจิดเพริศพริ้งพราว
ทุกหนาวฝน ทุกราวดวงรวงดวงที่ถูกเรียงร้อย
เป็นดั่งสร้อยโซ๋รักอักษรา

มากำนัล
มาเป็นดั่งสร้อยขวัญสร้อยบุหงาสุมาลีสุมาลัย

มาคล้องดวงใจ
มาทำให้หวิวไหวหวั่นหวาม 
แสนงามแสนดี แม้นเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว



ก็แค่ราวฝันฝันฝัน หวาน  หวาน หวาน  
ผ่านมากระทบตากระทบใจ 

ก็แค่มาผ่านไป ผ่านใจ
ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า
วิบากรักเราเงาเพรงกรรม
ที่เราคงเคยทำเอง...ก่อเอง ..ก็เท่านั้นก็เท่านี้..!!!!!
...........




ฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้

ให้ไพลคนดี  
จำต้องพาร่างรานและใจดวงร้าว
หนาวแสนหนาวในดายเดียว

มานั่งทอดตาเศร้า ในยามฟ้าพราวฝนพรำ
ยามไร้ตะวัน โพล้เพล้


ที่มีบึงงาม
มีดอกหางนกยูงยังบานสะพรั่งฝัน แดงโดดเด่นดวงดอกพราว

ยังมีสายลมกระทบผืนผิวน้ำบางเบา..
ให้ไหวกระเพื่อมพราวยามมีดวงดอกฝนพร่างลงณ..กลางน้ำ


ที่ยังมีเงาลั่นทม ฝากตรอมตรมระทมโศกสะท้อนในผืนน้ำ

ยังมีมวลมัจฉาปลาสวายมาว่ายวนรอฮุบเหยื่อ

เหลือ..ก็แต่ไม่มีบัวขาวสะพรั่งพราวราว
บทเพลงนี้..
ที่ต้องหามาบรรเลงเติมเอง
*ลงในบึงฝนบึงฝัน *พลันจินตนาการ..ให้หวานสะพรั่งพรึบ


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html
บัวขาว

เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา
น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา
ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ...
............




ไพล ...จึงนั่งนิ่งนิ่ง...
ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึก ลำพัง
ทิ้งตาทอดใจว่างๆให้นานแสนนาน 

แล้ว..
พลางราวหยาดน้ำตานัยน์เรียวตาซึมซึ้ง
จะพากันไหลหลั่งมาเองกับภวังค์สมาธิ




ที่ ณ..บัดนี้ 
ไพลปล่อยให้
*ฝนหนาวเศร้าขวัญ* พลันพร่างผสมผสานกันไป
บนแก้มใสกมลเอิบงาม
ในท่ามกลางฟ้าครวญ

กับนวลกมลนี้ 
ที่มิมีวันมอดดับด้วยไฟฝันแรงบันดาลใจ

ดั่งมีอัญมณีไพรเพชรพร่างสว่างพราว

ไม่ว่า...จะกี่ฝนหนาว.....กี่เศร้าสุข..
กับทุกทุกนาทีแห่งชีวิต..นี้...
ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ...จะมิหวั่นเลย..!!!!!


********************************


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html

เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว... 

				
1 มิถุนายน 2548 14:51 น.

ปลายฟ้าปลายฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
..........


ดวงรจนาเรื่องนี้...รวดเร็ว....
จากดวงใจ
จากภาพที่ได้สัมผัส
แล้ว
ทำให้บันดาลใจ..ย้อนรอยถอยหลัง

รำลึกนึกคิดไปถึงความหลัง...แสนสว่างกระจ่างจิต

คิดถึงวันที่เดินทางด้วยเครื่องบิน
ไปถึงสมุยในยามดึก 
แล้ว...
หาเรือกลับบ้านเกาะบ้านเกิดมิได้
และ..
จำต้องค้างคอยเรือ ในรีสอรท์ริมทะเลฝัน

ดวงจำได้ถึงคืนนั้น...*ราตรีจันทร์กระจ่างฟ้า*


และ...

กับเหว่ว้าดายเดียว..
ยามเดินไปสัมผัสทะเลที่รักแสนรัก

ราวเพื่อนรักมิ่งมิตรที่พรากลากันไกลไปแสนนาน
ที่ราวรอคอยการกลับบ้านของดวง

รอสถิตทอดโอบกอดปลอบประโลมขวัญให้กำลังใจ
ในหอมห้วงแห่งดวงใจเสมอมา..ตั้งแต่ยามเยาว์


ในวันนี้ ในม่านน้ำตา 
เมื่อมีมิ่งมิตรบางคนบอกว่า

*ในความคิด  ความ ฝัน 
ราวกับเคยเห็นภาพยามดวงเดินดายเดียว
เหว่ว้า เงียบเหงา มองทรายหมายซ่อนหยาดน้ำตา
จึงพาให้ซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนักแล้ว

ที่ราวกับเขามิ่งมิตรคนนั้น
เข้าใจชีวีดวงอย่างดีมานานปี..มานานวัน

ซึ่งผิดกับหลายคน..ในชีวีนี้
ที่มองไม่เห็นค่าคนใกล้ตัวใกล้ใจ
ลืมให้เกียรติ ให้น้ำใจแบ่งปัน 

ตราบจนกว่า...

วันหนึ่งวันใด
เมื่อ คนใกล้ใจ ใครคนนั้น
ยอมถอยลาหันหลังหายไป..ไม่มีร่องรอยให้ฝากคำซึ้งใจซึ้งค่า

เขาอาจมีน้ำตา เพียรขออภัย 
หากสายเกินไป....ที่ใครจะหันกลับมา

หากตัดสินใจเดินหน้า เพื่อลบลืม ราวคลื่นในรอยทราย..!



และ..
นี่แหละหนาคือมนุษย์...!


ขอให้จงอย่ามองข้ามความงามความดีของดวงใจใคร
ก่อนสายเกิน..

และ
ยามที่ดวงเห็นภาพแสนรักภาพทะเลแห่งใจดวงขวัญ..
ในงานคุณอัลมิตรา ที่ดวงขออนุญาติยืมมา
อันแสนงามสงบ ..
เพื่อสยบผู้คนและโลกหล้านี้ที่หมุนวนราวกังหันชีวิต




..............


จากแรงบันดาลใจในงาน*นิยายรักที่ไม่ขาดตอนค่ะ

ภาพทะเลสีเงินค่ะ

เพราะนานมาแล้ว
บินไปสมุย
แล้วตื่นมาเดินเดียวดายริมฝั่งฝันลำพัง
ทันเห็นทะเล
ยามเช้าที่ราวกับเลื่อมวะวับวาว
งามพราวราวแพรเงินยวงผืนเดียว
ทั่วทั้งท้องน้ำ
แถมฟ้าก็เป็นสีเงินราวหมอกเหมยพอกัน
งามจนเกินบรรยายเลยค่ะ
งามจนคิดว่าแดนนิพพานเลยค่ะ
ว่างเวิ้งกระจ่างจรัสจรุงใจ
หาคำมาพรรณาที่แสนเศร้าซึมซึ้งสุขใจไม่ถูกดอกค่ะ
........




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
ปลายฟ้า 
มะลิลา บราซิลเลี่ยน 
ปลายฟ้าปลายฟ้า
แค่หลับตาลง คงพบกัน
โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์
ท่ามกลางความฝัน ของเรา
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล

คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
ปลายฟ้า... 
 



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด