6 กรกฎาคม 2548 09:28 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song60.html
(สิ้นสวาท)
ท่ามแสงเทียนรำไรในวสันต์
ใจหวั่นหวั่นหวิวหวิวปลิวตามฝน
คนเคยรักเคยภักดีเคียงกมล
มาสับสนมาฝากเศร้าให้หนาวใจ
เสียงฝนพร่างกระทบกลางกลีบดอกไม้
เหมือนเพลงพ่ายย้ำรอยเคยหวามไหว
ฟังเพลงฝนหล่นลาในห้องใจ
บทเพลงไพรบทเพลงฝันวันแห่งรัก
ฟังเสียงฝนปลิบปรอยฝากรอยไว้
น้ำผึ้งพรายหยาดสายหอมห้อมห่มภักดิ์
เพ้อเพ้อเพ้อพร่ำพร่ำพร่ำรักรักรัก
ในอ้อมตักในอ้อมใจไม่ห่างลา
สิ้นดุเหว่าจนอุษาตราบฟ้าสาง
ฟ้ายังครางร่างยังครวญรัญจวนหา
ตราบฟ้าเหลืองเรืองรองเยือนส่องหล้า
ในนิทราหลับตาพริ้มอิ่มด้วยรัก
และ...
ไม่นานหวานนั้นก็พลันพราก
เหลือเพียงฝากรอยจำย้ำทุกข์หนัก
และนี่หรือคือสัจจธรรมแห่งความรัก
ราววงวัฎชีพนี้ที่คลุกเคล้า
เมื่อมีรักก็จักทุกข์สุขรอหาย
เหมือนเจ็บตายว่ายวนทุกข์ทนเศร้า
เหมือนทิวาราตรีมีค่ำเช้า
เหมือนกับหนาวคู่ร้อนมิผ่อนเพลา
และ...
นิรันดร์คือเจ็บตายใช่ไหมเล่า
เหลือเพียงคำเล่าขานหวานเงียบเหงา
เป็นตำนานฝันนิรันดร์รักภักดิ์เพียงเงา
สิ้นไร้เราไร้ใครในมายา
ลืมตาในเฝ้าภาวนาอย่ารอล่วง
หลงติดบ่วงพันธนารักจักเหว่ว้า
ต้องเวียนกลับชดใช้กรรมใครนำพา
หลงปรารถนาซ้ำรอยเฝ้าคอยใคร
มีเพียงเราไปลำพังท่ามงามเงียบ
หนาวเย็นเยียบหากอัญมณีทิพย์จิตไสว
มีหนึ่งเดียวยึดเหนี่ยวไว้นะกลางใจ
นำทางไปสู่แดนฝันนิรันดร์ว่างทางสายบุญ...
.............
โลกนี้ช่างมีแต่ความแล้งไร้
ฝากรอยหมายให้ใจคนสิ้นความฝัน
หากไม่ให้แล้วไยรู้ค่าพลีแบ่งปัน
โลกจึงพลันราวทะเลทรายแม้นภายใน
หากโลกนี้ไม่มีแม้นผู้ให้
แล้วไยได้แสดงออกถึงจิตใส
เพียงคำพูดเธอสบประมาทไปให้ไกล
พูดสิ่งใดทำไม่ได้ใช่ไหมเธอ...
ไม่เป็นไรหนาวในใจไม่นานก็หายเจ็บ
เพียงหนาวเหน็บไร้มิ่งมิตรไว้พ้อเพ้อ
แค่คนผ่านมาทายทักให้พักใจเพียงละเมอ
ฝันก็เก้อใจก็คว้างหลงทางรอ
ตอกรอยจำย้ำรอยใจไว้ซ้ำซ้ำ
วิบากกรรมวิบากเก่าของเราหนอ
คงไม่นานดอกไม้หวานตระการรอ
ขอเพียงขอชดใช้กรรมเคยทำมา
สิ้นสายใยสายใจมั่น*แค่คนอื่น*
อย่าไปฝืนทำสิ่งใดไม่มีค่า
นอกสายตานอกสายใจเสียเวลา
หันหลังลาเส้นขนาน อย่ารานรอ....!!!!!!!
.............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song60.html
(สิ้นสวาท)
เฝ้าแต่คอย รอรักอยู่
หมายชื่นชู รักคู่ใจ
กลับไม่สมดังฝันใฝ่ นับวัน ร้างไกล
เขาใย ด่วนตัดรอน
แอบไปมี คนรักใหม่
แท้ดวงใจ ไร้แน่นอน
ไม่นานนักรักคลายคลอน นับวัน ผันจร
มิเคย ย้อน กลับคืน
ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาท กันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวน ชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคย ช้ำอกตรม
ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาทกันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวนชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคยช้ำอกตรม...
2 กรกฎาคม 2548 08:48 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song88.html
(พี่รักเจ้า)
ผม..เฝ้ารอวันนี้มานานแสน
วันแสนดีที่ดวงใจผมจะคืนหลังกลับมา
วันที่
ฟ้าเมืองไทยจะไสวสว่าง
ราวกับ ณ..กลางใจผม
มีเพชรช่วงดวงงามกำลังส่องประกายเจิดจ้าจรัสพอกัน..
แล้ว...เธอ..ก็กลับมาจริงๆ
ที่รัก..ดวงใจภักดิ์ของผม..ยอดรักของผม..
ทันที่เที่ยวบินจาก...ปารีส..สู่..กรุงเทพ
ของสายการบินที่เธอทำงานแตะรันเวย์
ใจดวงเหว่ว้าดายเดียวของผมก็พลันพร่าง
พราวสดชื่นฉ่ำราวกับปลาได้น้ำข้าวได้ฝนหลงฤดู
ให้ฤดีได้พบเพียงความหวังหวาน
ตระการราวดอกไม้ทั้งหล้าโลกกำลังสยายกลีบ
บานสะพรั่งพรึบพร้อมกัน ณ..กลางใจ...
คนดี..ดวงใจ
คุณผอมไป หากงามมาก
งามเกินกว่าคำว่านางฟ้าผู้พิลาสผุดผาด
อย่างอาชีพคุณที่ใครๆกล่าวขาน
และทันที่คุณยิ้มหวาน
โผเข้ามาสู่อ้อมอกอุ่นของผมที่พร้อมกางออกโอบรอ
โลกที่เคยท้อเคยมืดดำมานานวันก็พลันกระจ่างเจิดจ้า
ราวทั้งหล้านาทีนั้นมีเพียงแสงไสว
และ
ตั้งใจหยุดหมุน
นานนาที
เพื่อฟังเสียงหัวใจรักละมุนเราเต้นพร้อมๆกัน
ที่กำลังหลอมละลายเต็มไปด้วยคำว่า...รักรักรัก..และรักรักรัก..
ดวงใจ....แล้วใดไหนเล่า
จะเทียมเท่างามรักนิรันดร์ไร้พันธนานี้
ที่แค่เราสัญญากันว่า
จะเป็นดั่งมิ่งมิตรมิ่งขวัญไปตราบนานปี
ที่ไม่หวังครองคู่ร่วมชีวีพลีเนื้อหนัง
อย่างคนเข้าใจโลกอย่างคนเหนือโลกย์
รอลบโศกจากทุกข์รัก
ปลดแอกแบกหนัก
และจักกันพาประคอง
พากันเดินเข้าสู่ร่มธรรมร่มทองอันแสนร่มเย็น
รอวันเวลาลอยล่องท่องเคียงกัน
ไปสู่ฝั่งฝัน นิรันดร์ว่าง ใช่ไหมเล่าเจ้ายอดดวงใจ..!
ดวงใจ...
แล้ว
ดอกไม้รัตนตรัยดั่งดวงดอกเพชรอัญมณี
ก็จักบานพลีรอรับ
*รักเหนือรักแห่งสองเรานะคนดี*
ที่รอเพียงวันที่
เราทำหน้าที่ทางโลกอย่างสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ให้ครอบครัวเราได้แสนภาคภูมิปิติใจ
เราจะได้หมดห่วงใย..บ่วงใจ..
และ
ก้าวหันหลังลาไปสู่เส้นทางสีขาว
ที่แสนงามพราวรอเราอยู่นะคนดี
ไปพลีเก็บบัวในบึงบูชา
ไปภาวนาเพียรมิท้อ
ไปขอเพียงแค่รักษาจิตใส
ให้งามว่างดั่งแก้วใสไร้ใยทุกข์พันธนา
และ..
ดวงใจ....
คุณคือนางฟ้า นางใจ ผู้มีปีกไพรสีขาว
ผู้รู้ตน
แม้นเหิรลอยบินบนฟ้า
ผู้รู้ค่าของวันเวลา
รู้ว่าลมหายใจแห่งชีวิตนี้แสนสั้นเป็นยิ่งนัก
มิได้หลงฝันเฟื่อง
เหลิงลมลอยดั่งว่าวบนฟ้า
มาตรแม้นว่าจักผ่านเมืองเรืองรุ่งศิวิไลซ์วัตถุ
ไปทั่วหล้าแหล่งทุกแห่งหนทั่วโลก
กมลและเท้าคุณก็ยังคงติดดิน
ดวงใจ..
ผมกำลังแนบแก้ม
แก้มหอมแก้มคุณ
หากทำไม...
ผมมิได้เพียงกรุ่นกลิ่นราวทารกน้อย
ที่ช่างแสนใสซื่อพิสุทธิ์ไร้เล่ห์มายาใด
หากทว่า..
นาทีนี้...
ผมกลับได้กลิ่นหอมแห่งความดี
กลิ่นกุลสตรีที่มากมีค่า
ที่หอมยิ่งกว่าหอมใดในหล้าโลกนี้
มาแทนที่เจ้า..เล่าคนดี..เจ้ายอดดวงหฤทัย!!!
...........
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song88.html
พี่รักเจ้ายิ่งกว่าปลารักน้ำ
กินนรรักถ้ำ ไม่ล้ำพี่รักเจ้า
กุญชรหวงงา มฤคา หวง เขา
ยังไม่เท่าพี่หวงนงเยาว์
พี่หวงเจ้ากว่าดวงฤทัย
กระต่ายพะวง หลง จันทร์
ถึงมัวเมา พี่ หลงเจ้ามัวเมากว่านั้น
นะชื่น ใจ พี่ นี้ แสน รักใคร่
รักเจ้ายิ่ง สิ่งใด ปองฤทัย ใฝ่ หา
แม้พี่ขาดเจ้า เท่ากับพี่นี้ขาดใจ
สุดสิ้นอาลัย สิ้นใจเพราะขวัญตา
อยู่ ไปไร้ใน คุณค่า
ใจปองน้องนางร้างรา คงตรมน้ำตาร่ำไป
พี่รักเจ้ายิ่งกว่าคำรักนี้
ยุพารักพี่ ครึ่งนี้ได้หรือไม่
จงปลงน้ำคำ โน้มนำ ดวง ฤทัย
พี่เพียงให้น้องนางรักใคร่
ได้ แม้ครึ่งพี่เอย...
2 กรกฎาคม 2548 07:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song113.html
(ปรัศนีย์หัวใจ)
ดอกถวิลหาบานสะพรั่งกลางกิ่งใจ
ดอกโศกไยบานรอพ้อดอกขวัญ
ดอกเสน่หาลาเลือนน้ำผึ้งจันทร์
ดอกคิดถึงทุกวันมาบานรอ
ดอกนับวันนับคืนเคยชื่นฉ่ำ
ดอกระกำบานไสวเพราะใครหนอ
ดอกพิสวาทพลาดถลำให้ใจท้อ
ดอกรักรอราโรยโปรยลาลาน
ดอกน้ำใจราวหยาดฝนเคยปรนพร่าง
ดอกอ้างว้างดายเดียวแทนรักหวาน
ดอกลานิรันดร์ขวัญหายบานตระการ
ดอกเศร้าบานแทนดอกรักเคยภักดี
ดอกเสียใจบานเต็มช่อรอปลิดขวัญ
ดอกสวรรค์ไกลเกินเอื้อมตราบชีพนี้
ดอกหักใจลาพรากไปไม่ไยดี
ดอกฤดีพลีพร้อมยอมว่างไร้...
ดอกไม้ธรรมหอมแทนที่มาพลีผุด
พราวพิสุทธิ์ดั่งน้ำค้างพร่างรินใส่
แทนดอกโศกดอกรักเศร้าในบึงใจ
ดอกรัตนตรัยผลิแย้มมาแต้มเต็ม....มาเติมเต็ม....!!!!!!
...........
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song113.html
บนความโศกศัลย์ของใจดวงหนึ่ง
เป็นความสุขซึ้งของใจอีกดวง
บนความชอกช้ำฉันน้ำตาร่วง
เป็นความชื่นทรวงสมปองของเธอ
ยุติ ธรรม แล้ว ละ หรือ
คนหัวใจซื่อ ต้องน้ำตาเอ่อ
คนลวงเช่นเธอสำราญเริงร่า
ดินและฟ้า ยัง คุ้ม ครอง
เป็นความผิดไหมที่ใจคิดซื่อ
เป็นความผิดหรือที่คอยสนอง
เป็นความผิดไหมที่ใจทุกห้อง
มอบเป็นเครื่องลองรักเล่นของเธอ
ตอบให้ฉัน รู้ได้ไหม
ว่ารักที่ให้เธอนั้นฉันเซ่อ
ตอบฉันซิเธอขอฟังสักคำ
จะได้จำไว้ สอน ใจ
บนความโศกศัลย์ของใจดวงหนึ่ง
เป็นความสุขซึ้งของใจอีกดวง
บนความชอกช้ำฉันน้ำตาร่วง
เป็นความชื่นทรวงสมปองของเธอ
ยุติ ธรรม แล้ว ละ หรือ
คนหัวใจซื่อ ต้องน้ำตาเอ่อ
คนลวงเช่นเธอสำราญเริงร่า
ดินและฟ้า ยัง คุ้ม ครอง...
30 มิถุนายน 2548 15:59 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song28.html
(ใต้ร่มมลุลี)
กับปลายฝนต้นหนาวหนึ่งผ่านมา
ที่ฟ้าดินเป็นใจ...
ฤาแกล้งลวงหลอนหลอกใจให้ผมติดกับ*กับดัก*
ในทุกข์พันธนารักก็มิอาจหยั่งรู้ได้..
ในวันที่
ฟ้าเศร้าฝนสวยพรำฉ่ำเย็นไปทั่วทั้งราวฟ้ากว้าง
และ...
พาให้ผมมายืนพิงกราบเรือเฟอรี่ลำใหญ่
อย่างอ้างว้างเหว่ว้าในท่ามกลางสายฝนพรำ...ลำพัง
ผมยืนนิ่งงันไปกับฝน และฝันงามเงียบ
ดูดวงดอกฝนพร่างโปรยโรยไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล
ที่ณ..บัดนี้
เริ่มกลายเป็น
*ทะเลดอกไม้ฝนดอกไม้ฝัน*พรายพร่างกระจ่างใจไปทั่ว
ซึ่งราวกับจะปลอบประโลมใจให้งามไสวไปอีกแบบ
ให้ใจดวงนวลละมุน
ยิ่งกรุ่นซาบอาบซึ้งแสนสุขใจ
ไปกับธรรมชาติ
ที่แสนยิ่งใหญ่ในยามนี้ที่หาดูได้ยากยิ่ง!
ในเรียวฝนพร่าง...
ในว้างเวิ้งกลางทะเลอ่าวไทย
ที่ลึกล้ำเขียวใสดั่งมรกตน้ำงามเนื้อดี
ใจดวงนี้ของผมกลับสุขว่าง
ไปกับความงามอ้างว้างของเวิ้งน้ำจรดฟ้าตรงหน้า
ที่กำลังถูกแตะแต้ม
ให้พร่าเลือนด้วยเงาฝนพราย
คล้ายฉากแห่งสวรรค์
ในม่านหมอกดวงดอกไม้คลี่คลุม
ให้แสนนวลนุ่มทาบทาด้วยสีเทาทึมไปทั่วทั้งท้องน้ำผืนฟ้า
ผมปล่อยให้ละอองฝนปราย
มาพรายพลิ้วสัมผัสใบหน้าคล้ำคล้ามแดด
ที่ใครใครชอบหันมามอง
และ
มักพากันคิดว่าช่างคมเข้ม
สมกับเป็นชายชาตรีลูกน้ำเค็มแดนใต้
หากทว่า ...
ใครเล่าจะหยั่งรู้ว่า
ณ ..ภายใต้ใบหน้าอันแสนสงบงันของผม
มีดวงใจอันแสนอบอุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน
ซ่อนซุก สุขซึ้ง ซุกอยู่ในทุกอณูแห่งลมหายใจ
ยามได้สัมผัสไพรวัลย์ขวัญงามแห่งธรรมชาติ..
และ...
ภายใต้เปลือก
อันแสนทรนงคงมั่นอย่างชายชาตรี
ที่มีเรือนร่างราวนักกีฬา
ผู้รักกีฬากลางแจ้งทุกชนิดนานมามานานปี
จะมีก็เพียงแค่คนชิดใกล้...ไม่กี่คนเท่านั้น
ที่รู้จักกมลขวัญ แท้จริงของผมดี
คนที่พยากรณ์ชีวิตจิตวิญญาณผมได้แม่นยำราวหลับตาเห็น
และ
ใครคนนั้น
สองคนนี้..คือ..*แม่พ่อ..ผู้แสนมีพระคุณ*
ที่ก่อร่างการุณย์
ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูผมมาเอง
ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนให้เติบใหญ่มาถึงในวันนี้
คุณ..แม่ผม..ที่มีชื่อแสนซึ้งแสนเก๋ไก๋
ว่า*เพชรนวล*
คลับคล้ายคลับคลา
จะเลียนแบบชื่อนางเอกตำนานหนังไทย
ผู้มีดวงตางามพราวราวน้ำผึ้งรวง
*คุณเพชรา เชาวราษฎร์ *
ที่ผมเกิดไม่ทันได้ดูและติดตามชม
หากทว่า
เคยเห็นเพียงภาพเธอที่แสนงามมาก
ในฉากภาพยนต์ที่ถูกนำมาฉายย้อนอดีต
และ
เธอคนดี..
ที่มีจิตงามพร่างนวลใส..ไสว..ดั่งเพชรแท้
ผู้เสียสละต่อจิตวิญญาณความเป็นศิลปินจริงๆ
ที่เธอยอมเททอดถอดใจ
แสดงภาพยนต์ไทยมากมายหลายร้อยเรื่อง
และ
ในยามบั้นปลาย
เพราะแสงไฟจากการถ่ายทำทั้งวันทั้งคืน
อย่างหามรุ่งหามค่ำมาอย่างนานปี
ที่ยังไม่ทันสมัย
ทำให้นัยน์ตาแสนงามราวหยาดน้ำผึ้ง
ของเธอจำมืดบอดลง
และ
ทำให้เธอหันหลังลาจากวงการ
โดยมิเคยออกมาปรากฎร่างอีกเลย
ฝากเพียง
ตำนานฝัน
ตำนานรัก
ตำนานแห่งความอมตะ
ของคำว่านักแสดงผู้หาญกล้าจนตราบนาทีสุดท้าย
ไว้ให้โลกมายาได้เล่าลือ อย่างนับถือศรัทธา
ในความสามารถแห่งค่าคนศิลปินไทย
.................
และ..
สำหรับผม..
ผู้หญิงงามใจอย่างหยาดฝนและ
ราวมีเพชรอัญมณีอยู่ณ..ภายใน
ที่คอยส่องนำทางใจผมเสมอมา
ต้องคนนี้เลย
*คนที่ชื่อคุณเพชรนวล*
ที่คือนางใจนางในฝัน
อันจักหาใครมาแทนที่ได้ไม่ในปฐพีนี้
จนตราบวันตายเลยทีเดียว
เธอคือเทพีไพรเทพีใจ
ที่ผมชอบกลับไปซุกร่างใจในอ้อมตัก
อันจักหอมกรุ่น
หวานละมุนไปเป็นนิรันดร์รักราวทารกน้อย
มาตรแม้น..
ผมจักเติบใหญ่เป็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
ที่ใครๆพากันชมว่ารูปงามนามเพราะ
มีหน้าที่การงานตำแหน่ง
แสนเหมาะเจาะเหมาะสม
ที่ต้องรับผิดชอบ
ในระบบราชการให้แสนก้าวหน้าไปไกล
ได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นถึงหัวหน้าคนแล้วก็ตามที
ผมก็ยังกลับชอบราตรี
ที่ได้นอนหนุนตักเธอ
ฟังดุเหว่าร้องเรไรร่ำ
มาฟัง...เธอเล่าโน่นนิดนี่..หน่อย
ย้อนรอยถอยหลังไปยังยามวัยเยาว์
ที่ผมยังเแสนขลา
คอยสร้างเรื่องวายวุ่นให้เธอว้าวุ่นใจมิรู้จบมิรู้สิ้น
ที่มาในวันนี้ ถึงวันนี้
ยามที่เธอ..พบผม
เธอจะหัวเราะเสียงใสอย่างดีใจ
ผสานเสียงกับผมที่ตลกตัวเองไม่หาย
ว่าไยช่างมากมายสร้างวีรกรรมวีรเวร
ตามประสาเด็กบ้านนอก
ให้เธอแสนตกอกตกใจเล่น
อย่างเช่นหนีไปเล่นน้ำริมไพรรกโตรกธาร
ให้น้ำจากเทือกภู
ที่กำลังบ่าหลาก
พัดร่างลอยละลิ่วผลุบๆโผล่
แล้ว
แทบโงหัวไม่ขึ้นเอาชีวิตแทบไม่รอด
หากไม่ได้น้าชาย
คนที่ชอบผิวปากเพลงครูทูล ทองใจ
ในยามอุษาสางหวานแว่วแข่งกับเสียงดุเหว่าไพร
คนที่ปอดแข็งแรงดำน้ำเก่งปานปลาไปช่วยไว้ได้ทัน
และ
ในยามเข้าไต้เข้าไฟ
ที่เธอมักชอบจุดตะเกียงทองเหลือง
ให้แสงเรื่อเรื่องส่องแข่งกับแสงดาวรำไรๆ
ที่ทอทอดลอดแมกไม้ไทยดอกอวลหอม
มาให้พลอดภิรมย์ชมชื่นฉ่ำระร่ำรินระรื่นรัก
แล้ว
มานอนพักนอกชานพร้อมหลับไหลนิทราไปกับฝันดี
ก่อนที่
จะให้ผมนอนหนุนตัก
ฟังเรื่องราวตำนานรักอันแสนอบอุ่นเป็นสุขใจ
และ
ใช้มืออันนวลใยลูบไล้ศีรษะผมไปมา
ราวกำลังเห่กล่อมถนอมร่างเด็กน้อย
ให้นอนหลับฝันดี
ไปกับราตรีที่ดาวดวงยังระดะ
พากันพร่างพริบเต็มราวฟ้า
กับ..
พรายดวงจันทรา
ที่พากันมาหยาดสายแสงแสนหวาน
ลงหว่านพรมห่มนวลทองไปทั่วทั้งผืนนา
ณ..กระท่อมไพรกระท่อมใจกระท่อมใบไม้ของเรา
ที่คงหางามใดในหล้าโลก
ให้แสนสุขสงบมิพบเจอแล้ว
ที่หามีไม่แล้วในทุกฉากตอน
ของชีวิตนิดหนึ่งน้อยนี้
ที่ผมผ่านทางพานพบเรื่องราวมาอย่างโชกโชนมากมาย
ให้ดวงวิญญาณและเลือดในร่างผม
ที่ราวถูกหลอมบ่มเป็นคนมาได้
ก็ด้วยธารน้ำรักหยาดน้ำนมอันอุ่นอิ่ม
*ด้วยพลังแห่งรักนี้ที่แม่ให้มิรู้สิ้นรู้จบดั่งหัตถาครองพิภพของเธอ*
จน..
ราวมองตาก็รู้ซึ้งไปถึงบึ้งใจกันและกัน
ไม่ว่าในยามใด
ที่ผมจะไหวหวั่นขวัญหายมากมายดีร้ายมากรายกล้ำ
กับทุกรสชาติเรื่องราวเผ็ดร้อน
ของลูกผู้ชายนักสู้...ผู้ไม่ยอมพ่ายในชีวิต
เธอ..มักจะกระซิบบอก
ถึงความเป็น*เด็กชายชาวนาผู้ช่างฝันของผม*
ที่ราวเป็นคนสองร่างในหนึ่งเดียว
บางคราบางเวลาหลังซุกซน
มักจะชอบปลีกตนลำพัง
ทำตัวแผกแปลกแยกจนน่าห่วงใย
ชอบไปนั่งเงียบๆ
และ
ราวกับถอดใจไม่รับรู้รับฟังเรื่องราวใดใด
มีเพียงโลกลำพัง
กับเจ้าลูกวัวเพื่อนยาก
ที่พ่อยกให้...
ตอนอายุได้สิบขวบพอดิบพอดี..เพื่อเป็นของขวัญวันเกิด
ที่จนบัดนี้จักหาสิ่งใดมากมีค่าทางใจ
มาเทียบเทียมยิ่งใหญ่แสนงาม
มิมีวันเทียมเท่า
กับยามที่ได้เจ้าลูกวัวตัวน้อยนัยน์ตาใสซื่อ
มาไว้ในครอบครอง
เพราะราวพ่อไว้ใจให้รู้รับผิดชอบดูแลสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่
ที่ต่อมาได้ตามติดชิดใกล้ราวเพื่อนยากผู้รู้ใจ
ไม่ว่ายามจะกินจะนอน
หรือยามเศร้าเสียใจกับใจใครใจคนมากมาย
คล้ายมีเพื่อนคอยปลอบประโลม
.......................
แม่บอกว่า...
มีบางสิ่งที่สื่อสะท้อนนวลใจของผม..
นั่นคือภาค..*ความเป็นคนศิลปิน*
ที่รักความงามในทุกสิ่งธรรม ธรรมชาติ
ที่ราวกับว่า
คุณตาผม..
ยังทิ้งเชื้อเหลือกรรมพันธุ์มโนราห์เก่า
ถ่ายทอดสายเลือดเอาไว้ให้
ที่เรายังคงมีการไหว้ครูครอบครูบูชาครูเพื่อสืบทอดอยู่ทุกปี
เพราะ..
ผมจะรักเสียงดนตรีไทย
เสียงปี่กลองฉิ่งฉับตับโหม่งที่แสนเร้าใจ
ให้อยากขยับร่างเคลื่อนไหวไปตามอย่างยากบังคับใจยามได้ยิน
และ
แม่บอกว่า ...
ผมมีความเป็นลูกผู้ชายชาติเพชร
ใจเด็ดดั่งเสือเมื่อเจอพบคนร้าย
ที่จักไม่ยอมก้มหัวให้กับความไร้ยุติธรรมหากใครรังแก
ราวนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้บนสังเวียนชีวิต มาจนถึงทุกวันนี้
หากทว่ากับคนดี
ผมจะมีเพียงด้านละไมละมุน
อันแสนพร่างใสอ่อนโยนมากท้นล้นน้ำใจเมตตา
ที่คอยท่าแต่จะหลั่งริน
โดยเฉพาะกับผู้ยากไร้..
ผมจำได้อย่างตรึงตรา..
ถึงอีกภาพหนึ่ง..
ที่คิดมาคราใดแสนซึ้งสุขใจ
ยังสวยใสสว่างงามในทุกโมงยามชีวิต
มาตรแม้นว่าในวันนี้.
แม่คนดี เลิกทำไปนานแล้ว
ภาพที่แม่ชอบอุ้มผมไปนั่งหน้ากระจกเงาโค้งมน
*โต๊ะเครื่องแป้งโบราณ*
และ
ค่อยๆหวีผมอันแสนบางหยอยๆให้ผม
พลางจะแนบแก้มแนบคางลงชิดและหอมเบาเบา
และ
จะสะกิดให้ผมดูเงาเราสองที่ราวเครื่องหน้าพิมพ์เดียวกัน
ผมตราจำภาพนั้นมาราวมิมีวันลืมเลือน
ภาพผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งนวลผ่องแก้มอิ่มใส
ที่ริมไรผมมักมีดวงดอกพุดซ้อนคอยเคลียคลอ
อ้อนหวานอยู่ริมแก้มตลอดเวลาในแทบทุกราตรี
และแถม
แตะแต้มด้วยรอยยิ้มพริ้มเพราพักตร์
ที่ช่างแสนงามนักงามหนามากมีเมตตา
และ
มีดวงตาราวหยาดน้ำผึ้งรวงคลอคลองตลอดเวลา
เธอ..คนที่ชอบสอนผมว่า
ให้ตื่นมาแล้วยิ้มกับกระจกทุกเช้า
มิใช่แค่เฝ้าหลงมายา
เพียงเพียรถามว่าใครงามเลิศหล่อล้ำในปฐพี
หากทว่า...ให้ดูเพื่อแย้มยิ้มยินดี
ให้พลังใจกับตัวเอง
ว่า...
เรายังมีลมหายใจแสนดีผ่านไปอีกหนึ่งวัน
ให้เพียรขยันสร้างความดีพลีเพื่อผู้คนผองชน
ใช่รักความสบายเพียงครอบครัวตนแต่ฝ่ายเดียว
อย่ามัวเฝ้าหลงรูปเงา
ที่จักเฉาราโรยไปตามวัฎฎะสังขาร
อันมิควรพลาดหลงเฝ้าประมาทลืมตน
ใช้ชีวิตให้สูญเปล่าเปลืองไปวันวัน
บางครั้งเธอ..จะเฝ้าบอก
ลูกรัก....
ดูดวงตาเจ้าสิ..
ดวงตาที่มีพลังชีวิต
แสนมองโลกสดชื่นสวยใสแสนงาม
จำไว้นะคนดี นะดวงใจ
*ว่าดวงตาคือหน้าต่างแห่งหัวใจเรา*
*ภายภาคหน้าเจ้าพบใครไม่ว่าจะดีร้าย
ให้เจ้าลองพินิจหมายในแววตา
เพราะ....
จักมีลางบอกว่าคนผู้นั้นคิดสิ่งใด
ศาสตร์นี้จะจริงหรือไม่เจ้าลองศึกษาหาประสบการณ์ดู*
สำหรับแม่
รู้สึกจะดูคนไม่ผิด..เมื่อนำมารวมพินิจตามจ๊ะ
ราวประยุกต์ตามลักษณะโหวงเฮ้งของคนจีน
และ
เข้ากับสุภาษิตไทยเราได้อย่างดีทีเดียวเชียว
ที่บอกว่าคบคนให้ดูหน้าซื้อผ้าให้ดูเนื้อ
สำหรับแม่เผื่อไว้อีกสิ่งไซร้
คืออย่าลืมดูเงาในดวงตาด้วยเล่าเจ้าดวงใจเจ้าจอมใจ
และ
สำหรับเจ้า..
แม่เฝ้ามองในเงาตาลูกรักมานานแสนรู้ไหม
และ
แม่ได้พบกับความขยันกตัญญูซื่อสัตย์
และ
ความหนักแน่นมั่นคง
ที่ไม่ว่าเจ้าทำการใด
จักพึงสำเร็จดั่งประสงค์จำนงหมายเลยทีเดียว
เงาแห่งความรักเดียวใจเดียว
รักแสวงหาความสันโดษเปล่าเปลี่ยว
ราวนักพรตผู้รอปลีกวิเวกบำเพ็ญบุญ
เงาแห่งความสงบงามล้ำลึก
รู้สึกแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์ลึกล้ำเกินคนธรรมดา
คนดี...
แม่เพียงห่วงใยห่วงใจเจ้า
แค่คราวพบเหว่ว้าเพียงนั้น
หากเจ้ารู้ทันเท่าเฝ้าอดทนพ้นข้ามผ่านไปได้
เจ้าจักได้เป็นยอดคนนายคน
*คนเหนือโลกย์นะลูก*อย่าลืม
..............
นานทีเดียว
ที่ผมเฝ้าดูเกลียวชล
แล้ว...
เฝ้าย้อนรำลึกนึกถึงคำสอนแม่
ที่ย้อนกลับมาสอนสัจจะใจบทเรียนใจ
จนถึงในยามนี้นาทีนี้
ที่มาตอกรอยจำย้ำรอยใจให้ไหวหวนครวญหา
เธอคนดีอย่างเหลือใจ
นางในดวงใจไพรเทพีรักนิรันดร์ของผม
ที่ผมกำลังคิดถึงเธออย่างมากมายล้นใจเสียนี่กระไร
ในทุกยาม
ที่ผมดายเดียวเดียวดายลำพัง..อย่างในยามนี้
ที่คำสอนเธอจะผุดพร่าง
มาให้กระจ่างใจมานำทางใจ
ราวกับมีหยาดน้ำค้างใสที่คอยพรมริน
.................
ผมรู้สึกหนาวนิดนิด
จนต้องกระชับเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวนอก..ให้กระชับร่าง
พลางเอามือล้วงซุกไปในกระเป๋าด้านข้างหวังให้อบอุ่น
หากแล้ว
ผมกลับต้องพบบางสิ่งบางอย่าง
ที่ทำให้ผมอดยิ้มอย่างละมุนใจเสียมิได้
*ดวงดอกพุดซ้อนพุดไพร*
ที่นอนนิ่งซ่อนซุกมาในกระเป๋าหลายวันแล้ว
จน ณบัดนี้กลีบพลันใกล้จะร่วงราโรย
เป็นเหลืองนวล
ผมจำได้ดี
ถึงวันแรกที่นัดมาประชุมกับมิ่งมิตรผองเพื่อน
ที่เกาะแห่งนี้อย่างไม่เป็นทางการกัน
วันที่ฟ้าแดดทอสวยกระจ่างสว่างไสวไปทั่ว
วันที่ผมก้าวเท้าและกำลังจะเดินขึ้นไปบนอำเภอ
และ
ได้กลิ่นหอมแผกของดวงดอกพุด
ที่กำลังพรายหอมอยู่ริมทาง
อย่างพร่างพราวดวงดอกดก
ให้ผมอดแบ่งเด็ดดมมาพรมจูบไม่ได้แค่สองสามดอก
และ
เก็บอวลไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ก่อนพาตัวเองไปพบใครต่อใครที่เฝ้ารอ
และ
มาถึงวันนี้ที่ผมเกือบลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
และ.....!!!!!!!
ที่
กำลังพาให้หัวใจผมไหวกระตุก
พร้อมพลัน...
กับกลิ่นดวงดอกพุดซ้อน
ที่แทรกซ้อนอย่างอวลอ่อนหวาน
ผ่านสายฝนลมพร่างที่รำเพยมา
ให้ผมพาแปลกใจจนต้องหันไปหาที่มา
และ
เห็นร่างๆหนึ่งในเรียวตา
กับเสี้ยวหน้าอันแสนงามนวลนุ่มละมุนเศร้า
กับฟ้าฝนปลายฤดูกาล
ที่กำลังพร่างหว่านใส
ใส่ท้องน้ำทะเลสีครามอย่างมิสิ้นไร้แรงรัก
ร่างที่ดูสว่างไสว
ในท่ามฟ้าหม่นมัว
บนระเบียงเรือนี้ที่มีแค่เราสอง
เธอ..ค่อยๆหันหน้ามาอย่างช้าช้า
*ตาเราสบตากันเพียงแวบดียว*
และ
หากดวงตาภายในผม
มิได้หลอนลวง
ให้ผมได้พบมหัศจรรย์ใจ
ปาฎิหารย์รักยิ่งใหญ่ใน*รักแรกพบ*เข้าให้แล้ว
และ
พลัน..!!!!
*โลกแห่งรักรอของผม..ราวชะลอหยุดหมุนในนาทีนั้น*
เมื่อผมหันเห็น
ริมไรผมเรียวแก้มหวานใสหวานเศร้างามสงบนั้น
มีดอกพุดซ้อนเสียบแซมประชันประดับ
ราวกับภาพผู้หญิงย้อนยุคโบราณ
คำแม่สอนหวานแว่วแผ่วมาในเวิ้งฟ้าเวิ้งน้ำกว้างไกล
*คนดี
เจ้าจงดูที่ดวงตานะ
หากว่าพบใครในปรารถนารอ..ราวชั่วกาลกัป์ปกัลป์*
*เจ้าเท่านั้นที่จะมีฌาณหยั่งรู้ดีกว่าใคร
ว่าเธอ..ใช่หรือไม่ คือหญิงในดวงใจศรัทธา*
ที่จักพาจิตวิญญาณเจ้าลอยผ่านภพ
จักจบด้วยสุขนิรันดร์แบบคู่ธรรมคู่ทอง
ที่ประดุจดั่งพรพรหมประทาน...!!!!!!!
..........................
รอติดตามภาคสองค่ะ
ที่พระเอกและนางเอกมีบ้านไร่ริมชายภูแสนงาม
และเกิดอะไรขึ้น
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song28.html
ใต้ร่มมลุลี
ญ...โอมมลุลี ร่ม นี้ มืด มน
ช้ำเหลือทน อับ จน หัว ใจ
ต้อง พราก รัก ไป ภาย ใต้ ร่ม ไม้
ของ เจ้า นี้
ช...ลืมรักที่หลั่ง ลง ฝัง กับใจ
ฝังฝากให้ ใต้ ร่ม มลุลี
จง ลืม รัก พี่ อย่ามีฤดี อาลัย ต่อกัน
ญ...ยาก เย็น กรรมหรือเวรอันใด
นำ ชัก ให้ ดวงฤทัยโศกศัลย์
ช...พี่ ตรม สุดภิรมย์รำพัน
บุญไม่เปรียบเทียบทัน ร้าว ราน ฤทัย
ญ...โอ้รักที่ผ่าน ดัง ฝัน ชั่ว คืน
ครั้นพอตื่น กลับ คืน หาย ไป
ช...โธ่ อย่า ร้อง ไห้
พลอยให้ดวงใจ ร้าวระทม
ญ...ยาก เย็น กรรมหรือเวรอันใด
นำ ชัก ให้ ดวงฤทัยโศกศัลย์
ช...พี่ ตรม สุดภิรมย์รำพัน
บุญไม่เปรียบเทียบทัน ร้าว ราน ฤทัย
ช...โอ้รักที่ผ่าน ดัง ฝัน ชั่ว คืน
ญ...ครั้นพอตื่น กลับ คืน หายไป
ช..โธ่ อย่า ร้อง ไห้
พลอย ให้ ดวง ใจ ร้าวระทม
ช-ญ...ร่มมลุลี เป็นที่ สุดท้าย
แห่งจุดหมาย น้อง พี่
มลุลี เห็น ใจ น้อง พี่
ว่าสิ้นคืนนี้ น้อง พี่ สิ้น กัน...
29 มิถุนายน 2548 08:17 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1752.html
(เพชฌฆาตใจ)
มาทายท้าเธอคนดีนะที่รัก!
คนเคยภักดิ์รักมั่นมิหวั่นไหว
ฉันยินดีพลีพร้อมรอเธอประหารใจ
เดินจากไปอย่าหันมา..ถ้าเบื่อแล้ว..!!
เพราะใจฉันมันดีเกินไปจะทำร้าย
คนชิดใกล้ด้วยดวงใจใสดั่งแก้ว
หากใจเธอเห็นฉันไร้ค่าแล้ว
ไม่เหลือแววอาลัยก็ไปเลย....
ใจดวงนี้ชินชากับรอยช้ำ
ใครจะย้ำกี่เจ็บก็เฉยเฉย
คนไร้ใจไม่มีแล้วรอใครเชย
มันชาเฉยชอบเงียบงามตามลำพัง
อย่าเยื่อใยเบื่อเบื่อแล้วอยากอยาก
ตัดใจพรากหาคนใหม่ดั่งใจหวัง
แทนที่ฉันไปตามฝันอย่าหยุดยั้ง
คนที่หวังจะดีกว่านะดวงใจ
ฆ่าฉันเสียวันนี้ดีกว่านะที่รัก
อย่าฝากภักดิ์ให้พลีหลงหวั่นหวามไหว
ลงมีดเชือดทาเกลือทั้งเนื้อใจ
แล้วหันหลังลาไปอย่าไยดี
ไม่เสียใจครางครวญรอยหวานเจ็บ
แค่หนาวเหน็บสาสะใจจบแค่นี้
ตราบวันตายลมหายใจสุดท้ายที่ฉันมี
ขออโหสิ..พลี
เลือดภักดิ์ทาสรักเธอเพียงชาติเดียว!นะเจ้าจอมเพชฌฆาตใจ..!!!
.............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1752.html
เพชฌฆาตใจ ....ชินกร ไกรลาส
น้อง เอ๋ย
ใครเขาเคยเหมือนพี่บ้างไหม
ช้ำ ช้ำ เท่าไหร่ พี่เป็นแผลใจ
ใคร จะเห็น
เจ็บเท่านี้เจ้ายังทรมาน
หรือเป็นพรานล่าใจ
ผลาญหัวใจใครเล่น
หรือเจ้าเป็นเพชฌฆาต
ที่เชี่ยวชาญ
โปรดฆ่าพี่เสีย
อย่าอ้างเอ่ยความสงสาร
จงประหารถ้าแม้ว่าเจ้าไม่รัก
ฮืม ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม
อิเหนา เอ๋ย
เคยรักนุชบุษบา
พี่ หลงไหลยิ่งกว่า
พี่สัญญาได้ ในเรื่องรัก
ปวดและช้ำในดวงฤดี
เหมือนดังมีมีดคม
ฝังใจจมเจ็บหนัก
รักของเจ้าฆ่าพี่อย่างเลือดเย็น
พี่เจ็บดวงใจคงไม่มีใครเล็งเห็น
เวร นี่เวรเธอเห็นพี่เป็นเช่นไร
ฮืม ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม...