8 มิถุนายน 2549 14:43 น.

หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรร่วงพลีแด่ผืนพสุธาไทนี้..แล..ผองชน..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
(อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก)


สองดวงใจ....
ลำน้ำน่าน....พุดพัดชา
ดั่งธุลีหล้า...
ข้าแห่งแผ่นดินไทผืนดินธรรมแผ่นดินทอง
ขอ..
ปองมั่นหมายจิต
อธิษฐานนิรมิตทิพยทองสร้อยภาษาอักษราไทย
ด้วย...
ดวงใจพิสุทธิ์ใส...
ดั่งหยาดน้ำค้างกลางหาวห้วงแห่งกตเวทิตา
สำนึกรู้...
ในพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ
ขอน้อม..
ศิระกรานกราบ..ณ..แทบเบื้องพระยุคลบาท
ด้วยแรงแห่งรักภักดี
พลีเทิดพระเกียรติแด่องค์ราชันขวัญชาติ

ด้วย...
บทความเรียงพร้อมบทกวี
*พบพุทธบุญเพรงสยาม*
เพื่อ..
เทิดไท้สดุดี..
พระปิ่นเพชรจอมขวัญจอมใจไทยทั้งชาติ...
เนื่อง..
ในวโรกาสมงคลสมัย
ที่พระองค์ทรงเถลิงถวัลยครองสิริราชสมบัติ
*ครบรอบ60ปี
ด้วย..
ทศพิธราชธรรม 
ที่ธ..ทรงนำไทยให้แสนสุขสงบร่มเย็นเป็นสุข...
บรรเทาทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า 
ด้วย..
พระปรีชาสามารถที่ทรงมองเห็นการณ์ ไกลเป็นยิ่งนัก


และ..ยังทรงตรัสสอน
ให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย
พอดี พอเพียง...มาอย่างช้านาน...
เพื่อปกบ้าน..
ป้องเมืองของเรานี้
เอาไว้..
ให้ลูกหลานไทยได้มีอิสระเสรี
ที่จะยังคงมีผืนดินหยัดยืน ได้อย่างทรนง 
คงความเป็นไท ให้..แสนภาคภูมิปิติใจ
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์...

................................. 


พบพุทธบุญเพรงสยาม..ลำน้ำน่าน


๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา*
โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้
แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล
อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ
(*นิราศนรินทร์)

(๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............    วงศ์สวรรค์
เก้ารัชกาลบรร-...................    จบแล้ว
รัตนวงศ์วรรณ....................    วัฏแผ่น ดินแฮ
สันตติวงศ์แพร้ว.................    ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ

(๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว..    ดำเกิง สุรีย์แล
แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง.....    ศึกเชื้อ
แดง...มารมอดมารเพลิง......    พ่ายพุทธ
แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ.....   เลือดแก้วละเลงสยามฯ

(๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า....   เครือกษัตริย์
กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ
ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล
ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ

(๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง
เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า
เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด 
เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ

(๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง
ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ
ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ 
ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ

(๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม
เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง
เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก 
เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ

(๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ
โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว
ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ
บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 

(๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา
เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ
นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป 
อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ

(๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม
สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม 
เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล
โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ

(๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา
ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม
พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา
แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ

(๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ
เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง
เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ
แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ

(๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล
จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า
ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่
นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ

(๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ
เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ
อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ
เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ

(๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล
ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้
บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล
บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ

(๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล
สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว
ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล
พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ

(๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ

(๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า
มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ 

(๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์
บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ
เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา
เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ 

(๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย
ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น
วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ
เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ

(๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา
แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม
ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ 
กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ

(๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์
เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว
ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา
สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ

(๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร
พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้
ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล
ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ

(๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา
เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น
ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล
จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ

(๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร
พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น
ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ
กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ

..............................



ดวงสุริยเทพ...
กำลังเผยโฉมอวดองค์อย่างสง่างาม
แผ่สร้านกำจายรัศมีสีรุ้งฉายฉาน
ปานประหนึ่งดั่งมณีแก้ววิเศษนพรัตน์อันจำรัสจำรูญ


ไขแสงสายพรายเหนือฟ้า*รัตนโกสินทร์*
แผ่นดินทองแผ่นดินไท..
แผ่นดินสาลีเกษตรอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
อัน..
ยังคงงามไสว..ด้วยเรียวรวงระย้าระยับ...
ราว..ถูกหัตถ์ทิพย์ปรายโปรย
โรยละอองอาบด้วยอัญมณีเพชรพราว..ระยิบ...


ตะวัน..ดวง...
ที่โชติช่วงฉายฉานเฉิดฉันท์พรรณราย
งามที่สุดในแผ่นดิน...ณ..วันนี้ในวันนี้
วันที่9มิถุนายนพุทธศักราช2549
วันครบรอบเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60ปี
แห่ง..
องค์พระมหาจักรพรรดิในดวงใจ..ของปวงชนชาวไทย


สายแสงแดด..ดั่งดาดทองดาดเพชรพราว
งามอะคร้าว...ตกต้อง..ลงกระทบผืนหล้าฟ้าไทย
ที่กำลัง...
พร่างไสว...ราวมีรัศมีสีเหลืองทองสุกปลั่ง
แห่งแก้วโกเมนมณีงามผ่องผุดจรัสชัชวาลย์
ขึ้นมา..
ในแดนดินสุวรรณภูมิพุทธิ์..ให้แสนพิลาสพิไล


ปวงเทพยดาฟ้าดิน..สิ้นทั้งมวลมนุษย์ทั่วโลกหล้า
ต่างพา..
กันมาเฉลิมฉลองแซ่ซร้องสรรเสริญสดุดี
ดั่งมี..
เสียงทิพยดนตรี มีเพลงพิณ..
ลอยมาจากแดนเทวสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
ที่ทวยเทพเทวา ต่างพากัน..
มาดีดสีพลีบรรเลงดั่งเพลงพรหมเสนาะ..สนองพร


สายน้ำเจ้าใจพระยา...ในทิวาราตรีนี้
ดั่งกระแสธารสีทองล่องไหลมาจากแดนดินศักดิ์สิทธิ์
มหาบรรพตหิมพานต์ 
ทิพยพิมานฟ้าขวัญแดนสวรรค์สรวง

ทอดตัวนิ่งเงียบสงบ 
เคี้ยวคดดั่งพญานาคจากแดนบาดาล..
รอรับขบวนพยุหยาตรา
อันแสนเกริกเกียรติเกรียงไกร
อัน...
แสนงามยิ่งใหญ่..
ซึ่งหามีไม่แล้วในพื้นปฐพี
ที่จะหาที่ไหนมาเทียมทันดั่งสวรรค์ลอย.....


แสงสีทองพร้อยแพร้วพร่างพราย
สาดส่องทั่วมหานทีธารเจ้าพระยา
ดั่งสายแสงแห่ง..
*มณีสวรรค์*
หยาดสายหวานหว่านเย็นลงประดับโลกหล้าแลฟ้าไทย


เสมือนเสมอ..
รัศมีหยาดเย็นแห่งน้ำพระทัย
ดั่ง...
น้ำค้างแก้วน้ำค้างฟ้า น้ำฝนทิพย์
หยาดอมฤตให้พสกนิกรไทยได้จิบ 
ด้วยดวงจิตแสนไสวเกษมเปรมปรีย์ปิติ
เปี่ยมล้น
ด้วย...
ความซึ้งค่า ในน้ำพระทัยมากล้นพระเมตตา
แสนชื่นชมโสมนัสในพระบารมี
แห่งพระบรมมหากษัตราธิราชเจ้า
นาม...
*พระภูมิพลนวมินทร์มหาราชา...*
พระโพธิทองร่มฟ้า..ร่มฉัตร...
แห่งผืนดินไทแผ่นดินธรรม...
พระ..
ผู้เปรียบดั่งสายธาราระรินใสสะอาด
ที่..เพียรหยาดสายพรายแผ่รัศมีฉ่ำเย็น
ดั่งมาจากธารทองแห่งพรหมโลก 
มาดับร้อนผ่อนโศก ให้โลกนี้แสนงาม...
ไป...จน...ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์...นิรันดร...
...............

กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ในโอกาสประชุมเอเปคในประเทศไทยพุทธศักราช ๒๕๔๖
ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัยผู้เห่ 
พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง
           
 บทที่ ๑ชมเรือ
ลอยลำงามสง่าแม้น................มณีสวรรค์    
หยาดโพยมเพียงหยัน...........ยั่วฟ้า    
สายชลชุ่มฉ่ำฉัน                    เฉกทิพย์ ธารฤา    
ไหลหลั่งโลมแหล่งหล้า            หล่อเลี้ยงแรงเกษม 

เรือเอยเรือพระที่นั่ง              พิศสะพั่งกลางสายชล    
ลอยลำงามสง่ายล                   หยาดจากฟ้ามาโลมดิน    
สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย             งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์    
โอดโฉมโสมโสภิน                  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม    
นารายณ์ทรงสุบรรณ              ดังเทพสรรเสกงามสม    
ปีกป้องล่องลอยลม                  ดุจเลื่อนฟ้ามาล่องลอย    
กระบี่ศรีสง่า                          งามท่วงท่าไม่ท้อถอย    
เรือครุฑไม่หยุดคอย              ยุดนาคคล้อยลอยเมฆินทร์    
อสุรวายุภักษ์                         ศักดิ์ศรีคู่อสุรปักษิน    
พายยกเพียงนกบิน               ผินสู่ฟ้าร่าเริงบน    
เรือแซงแข่งเรือดั้ง                พร้อมสะพรั่งกลางสายชล    
เรือชัยไฉไลล้น                     ยลเรือกิ่งพริ้งเพราตา    
ยักษ์ลิงกลิ้งกลอกกาย             แลลวดลายล้วนเลขา    
รูปสัตว์หยัดกายา                   พาโผนเผ่นเป็นทิวธาร    
นาวาสถาปัตย์                        เชิงช่างชัดเชี่ยวชาญฉาน    
ท่อนไม้ไร้วิญญาณ                 ท่านเสกสร้างเหมือนอย่างเป็น    
ฝีมือลือสามโลก                      ดับทุกข์โศกคลายเคืองเข็ญ    
ยิ่งยลยิ่งเยือกเย็น                 เห็นสายศิลป์วิญญาณไทย    
เจ้าเอยเจ้าพระยา                  ถั่งธารามานานไกล    
เอิบอาบกำซาบใจ                   หล่อเลี้ยงไทยแผ่นดินทอง    
รวงทองเหลืองท้องทุ่ง              แดดทอรุ้งเหนือเขื่อนคลอง    
ข้าวปลามาเนืองนอง               เรือขึ้นล่องล้วนเริงแรง    
วัดวาทุกอาวาส                       พุทธศาสน์ธรรมทอแสง    
น้ำใจจึงไหลแรง                    ไม่เคยแล้งจากใจไทย    
เกลียดใครไม่นานวัน            แต่แรกนั้นนานกว่าใคร    
เจ้าพระยาหยาดยาใจ             คือสายใยหยาดจากทรวง    
เห่เอยเห่เรือสวรรค์               เพลงคนธรรพ์ลั่นลือสรวง    
ฝากหาวเดือนดาวดวง            อย่าลับล่วงอยู่นิรันดร์เทอญ. 

บทที่ ๒
ชมเมือง

สยามเอยอุโฆษครื้น             คุณขจร    
สุขสถิตสถาพร                      ผ่านฟ้า    
ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน             .อวดโลก    
ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า             เมื่อโน้นนิรันดร์เกษม 

  
สยามเอย สยามรัฐ               งามร่มฉัตรทัดเทียมโพยม    
กิตติศัพ์ขับประโคม              โคมครืนครั่นลั่นหน้าคง    
สุโขทัยไกลสุด                      ถึงอยุธยายง    
ธนบุรีลอยฟ้าลง                    ทรงศักดิ์ฟื้นคืนคุณขจร    
รัตนโกสินทร์ศิลป์                สืบระบิลอันบวร    
แม่นแม้นแดนอมร              ถอนจากฟ้ามาเมืองดิน    
เจ้าเอย เจ้าพระยา               ถั่งธารามาเรื่อยริน    
ทวยไทยได้อาบกิน               ลินลาศลุ่มขุมกำลัง    
งามเอย งามระยับ                 แวววาววับวัดเวียงวัง    
ย่ำค่ำย่ำระฆัง                       วังเวงหวานซ่านซึ้งเสียง    
เจดีย์ศรีสูงเหยียด                เสียดยอดท้าฟ้ารายเรียง    
ปรางค์ยอดทอดเงาเคียง       เลี้ยงตาเมืองเรื้องเรืองรมย์    
พืชพันธุ์ธัญญาผล                 เลี้ยงชีพชนดลอุดม    
นาสวนชวนชื่นชม               ร่มรื่นไม้ไพรพฤกษ์มี    
รอยยิ้มพิมพ์ใจสวย              ชนรุ่มรวยด้วยไมตรี    
เสน่ห์ประเพณี                     ศรีสง่ามานิรันดร์    
น้ำใจไม่เคยจืด                    อยู่ยาวยืดยิ้มยืนยัน    
ต่างเพศต่างผิวพรรณ           แต่ใจนั้นไม่ต่างใจ    
แขกบ้านแขกเมืองมา           ไทยทั่วหน้าพาสดใส    
ท่านมาจากฟ้าไกล                อยู่เมืองไทยไร้กังวล    
เทคโนอาจน้อยหน้า             แต่ข้าวปลาไม่ขัดสน    
สินทรัพย์อาจอับจน               แต่ใจคนไม่จนใจ    
บ้านเรือนไม่หรูหรา              แต่สูงค่าปัญญาไทย    
หนทางอาจห่างไกล               แต่หัวใจใกล้ชิดกัน    
ศาสนาสถาพร                      ประชากรเกษมสันต์    
ร่มธรรมฉ่ำชีวัน                   ฟั้นฝึกใจใฝ่ความดี    
ราชันขวัญสยาม                   ปิ่นเพชรงามปักธานี    
ร่มพระบารมี                        ศรีไผทฉัตรชัยชน    
ไตรรงค์ธงชัยโชค                 ลอยอวดโลกโบกลมบน    
ขวัญฟ้าขวัญตายล                 ล้นเลิศหล้าศักดิ์ศรีสยาม    
เมื่อนี้ตราบเมื่อหน้า              คงคู่หล้ากล้าเกียรติงาม    
ใครบุกรุกเขตคาม                ตามหาญหักรักษ์แผ่นดิน    
ฟ้าเอย ฟ้าสยาม                   งามกว่าฟ้าทุกธานินทร์    
เพลงสยามทุกยามยิน           วิญญาณปลื้มดื่มด่ำเอย




และ..ทุกบทความด้านล่างนี้
ที่น้อมพลีมาเรียงวางไว้...เพียงส่วนหนึ่ง
จากหลายร้อยเรื่องที่พุดพัดชารจนานานมา...หลายปี
เพื่อน้อม*สดุดีพระองค์ท่าน..
ผู้ทรงเททุ่ม
*หยาดพระเสโทพราวราวหยาดเพชรพลี
แด่พสกนิกรแลผืนดินไท*ค่ะ

...................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42257.html
ความฝันอันสูงสุด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83930
น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html
ลีลาวดีมณีรุ้ง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=76322
ขวัญข้าวขวัญชีวิต
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64557.html
แด่พสุธาที่ข้ารัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76049.html
แผ่นดินของเรา
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=80090
แผ่นดินเดือด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=81097
เพดานดาว
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79708
ผ้าไทไหมทอง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79639
พระแม่ขวัญมิ่งเมือง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83932
ดวงตะวันธันวา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem68585.html
ฟ้าพุทธภูมิ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64605.html
อัญมณีไท
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67010.html
มงกุฏแก้วประกายพฤกษ์
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem65081.html
มุกดาเพ็ญ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html
สไบนวลสไบนาง



http://truehits.net/let/index.php?id=29&pageNum=29
เพลงเห่เรือ
http://www.rta.mi.th/52200u/songs/honor.htm
เพลงสดุดี
.....................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
รัก ....เพลงพระราชนิพนธ์ 

รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ

รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ... 
 


				
7 มิถุนายน 2549 19:20 น.

นวลไพร...

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
(ปรารถนา)


ราตรีนี้...
ฟ้ากำลังครึ้ม..ครึ้ม
ดวง..
รอให้สายฝนพร่าง..พรมพรำลงมา
เพราะ...
ว่า...อยากสร้างบรรยากาศบนเรือนจำปี
ให้มีทั้งกลิ่นฝนแกล้มฝัน..ไฟฝัน
ที่..ดวงกำลังอยากจะเสกสรรรจนา
ริน..เทบางราวเรื่อง
ที่กำลังตั้งท่ามาหลายวันแล้ว..


ดวง..
จุดเทียนหอมหอมหวานหวาน
มาวางไว้ในตะเกียงแก้ว..กันลม 
ที่..
กำลังพรมพัดละอองฝนเย็นฉ่ำ
มาจากที่ไหนสักแห่งแสนไกล
ไหว..
ผ่านพรายเข้ามาทายทัก
ให้หนาวเนื้อ ไร้เนื้อห่มเสียเป็นนักเป็นหนา...


ฟ้า..ไร้ดาว
และ..
จันทร์ครึ่งดวง..
ที่..เคยทอแสงสกาวครึ่งเดียว
ก็..
ลาลอยหายลับ....... 
เสมอเสมือนมาสอนสัจจธรรมแห่งความรัก
ให้..
ทุกดวงใจในพื้นปฐพีที่หลงฝันหลงคอยคนดี
ได้เรียนรู้ทำใจ 
ว่า..ไม่ว่าจันทร์ฤาว่าใจ ก็มีวันผ่านมาผ่านไป
เดี๋ยวมืด...เดี๋ยวสว่าง...
เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ คลุกเคล้ากัน


ค่ำคืนนี้
ดวง..คิดถึงคำว่า
*อ้อมกอดแห่งรัก**สีสันแห่งรัก*
ที่กำลังมาทายทัก
ตรงริมใจดวงอย่างทะนุถนอมแผ่วเบา


จึงช่วงที่พักรอ รจนา..*เรื่องมหามิ่งมงคล*
ที่..
ยังเพียรหาที่เริ่มต้น..เติมฝันให้จนจบมิได้
ก็จึ่ง จัก...
ขอพลีฝากเรื่องข้างล่างนี้
*สีสันแห่งรัก*
ให้..
อ่านเอาสุขนิรันดร์
 ฝันคว้างฝันเคลิ้มนอนนิทราฝันดีนะคะทุกดวงใจ
ในเรือนไทยร่มรักแห่งผองเรา...

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

.......................


สีสันแห่งรัก...พุดพัดชา

เธอ....เป็นสีสันแห่งรัก...
ที่..
ฟ้าเบื้องบนประทานมาให้..
มาประดับหล้า มาเคียงใจ
มาพร่างพรมให้โลกสดใสงามงด หมดจด..
เป็นความว่าง ความงาม ความเป็นกลาง
ที่มีทั้งหวานทั้งสุขโศกให้โลกนี้มีความพอดิบพอดี
มิใช่..สีสันจัดจ้า เร่าร้อนรุนแรง
หากแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม 


และ..
หากเป็นสีแล้วไซร้..
เธอ..เป็นดั่งสีเขียวของเรียวใบไม้ 
สีธรรมชาติ สีเอิร์ทโทนประมาณนั้น ประมาณนี้
ประมาณที่..บางทีบางครั้งก็ยังเป็นดั่งแสงงามแห่งเรียวรุ้ง
โอบท้องนาป่าเขาเงาละหานได้

เธอ..
ทำให้ทุกดวงใจอบอุ่นเป็นสุข หากอยู่ใกล้
เธอ..ให้ความรู้สึกดี..ความเอื้ออาทร 
ความอ่อนหวาน ความห่วงใย และเหนือสิ่งอื่นใด
การให้นั้น..ให้อย่างมีสติ 
ให้โดยไม่มีเงื่อนไข 
ไม่หวังผลตอบแทน..
เฉกเดียวกับธรรมชาติ..ผสมผสานรักกับผู้คนบนหล้าโลก..
มิรู้สิ้นรู้โศกรู้เพียงถวิลหวานถวิลหวัง..


เธอ.......เป็นสีสันแห่งรัก....
ก้าวมาทายทักให้ยิ่งหลงรักวสันต์ลีลา 
วันไหนฝนพร่างคืนไหนฝนพรำ  ฟ้าร่ำโศก โลกอ้างว้าง..
หรือ
ยามเดินดายเดียวในป่าไพรลำพัง..
เธอ..คนดีจะติดปีกฝันมาซุกซบให้เอนอิงพิงไหล่  
ในอ้อมอกในอ้อมใจ
ให้ไออุ่นกันและกัน..
ให้พลังฝัน..พลังใจ 
ไม่มีช่องว่างใดใด..ไม่มีคำว่ากาลเวลา..

เธอ..เป็นสีสันแห่งรัก..
ให้พักใจในยามดายเดียว 
เหลียวไป...
ไม่พบเจอใครเสมอเหมือนเทียมเท่าจิตวิญญาณ
ที่แปลกแยกแผกคิดแผกใจ
เธอ..พร้อมพลี เคลีอคลอเคียงข้างลบอ้างว้าง
ลืมช่องว่างใจ ให้แนบชิดสนิทใน 
ดั่ง...
หลอมละลายใจและร่าง
ให้มลายกลายเป็นเรา และเรา...


ในโลกอันเร่าร้อนรุนแรงแล้งน้ำใจ
ใน..
ความวุ่นวายสับสนขันแข่งแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ในการค้นหาทางใจของคนมายมายไม่พบเจอ 

ในห้วงหาวห้วงเหวแห่งความไม่มีใคร..
ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังตะเกียกตะกายดิ้นรนไขว่คว้า
อยากแค่
มีใครสักคนมาคลายเหงา..ไม่สิ้นร้างไร้รักอีกต่อไป..


เธอ..เป็นดั่งสีสันแห่งภูเขา เงาไม้
 สายธาร หวานหยาดจากพรายพระจันทร์
ดั่งดวงดอกไม้... ดั่งดงดอกหญ้า..ดั่งท้องทุ่งนา ..
ดั่งราตรีที่งามด้วยแสงดาวระยิบระยับ...
ดั่งเรียวรุ้งจับท้องฟ้างามยามหลังฝน..
ดั่งสายฝนพรมพรำชื่นฉ่ำใจ 
ดังท้องฟ้าใสกระจ่างเมฆงามลอยเลื่อน..
ดั่งดวงเดือนประดับฟ้า
และ..
ดั่งมนตราประดับหล้าโลกประดับใจ..ไปชั่วกาล..


เธอ..เป็นสีสัน
ให้ชีวีมีดวงตาที่สาม 
มองเห็นหนทางลบหมองหม่นใจ
ในบทเรียนโลกโศกสุขที่รุกราน 
รุกเร้าดวงจิต ตามติดมาแต่ปางก่อน
ที่มาลวงหลอนหลอกใจ..ในบางคราให้ทุกข์คลาย 
ให้โลกไหวหวั่นพลันลับลา
ให้..
รู้เหลียวกลับมามองความงามภายใน 
ให้ดวงใจสอดประสาน
เป็นดั่งเสมือนหนึ่งมิตรชิดใกล้กับธรรมชาติ 
ให้รู้การปล่อยวาง
ให้ใจเป็นกลางๆให้รู้จักความว่าง ความพอดีๆ 
อย่างผู้มีธรรมชาติเป็นครู..
ให้รู้..
เตือนรู้ตนไม่หลงทางยึดติดอีกต่อไป..


เธอ..เป็นสีสันแห่งดวงใจ 
ให้เพียรเพาะบ่มห่มรัก ห่มเนื้อใจด้วยร่มธรรม
เป็นดั่งร่มกั้นฉากป้องคุ้มผองภัย
ให้..
ดวงใจใสกระจ่าง
ราวหยาดน้ำฝน น้ำค้างกลางห้วงหาว
ดั่งดวงดาวพริบพราวสุกสกาวประดับฟ้า
ประดับใจส่องนำทาง
ให้เลิกไหวครวญ ให้เลิกหมองหม่น..

เธอ..
เป็นสีสันแห่งดวงใจ
ให้ใคร่ครวญคิด...ให้น้ำใจแบ่งปัน
ในทุกวันเวลากับผู้ที่ยากกว่าผู้ที่ด้อยกว่า
เพื่อฝึกการสละออก
ปลดแอกของความยึดมั่นถือมั่น มากมาย
หัดให้มองผู้ยากไร้ดั่งมิตรควรอุปภัมภ์..


เธอ..
ดั่งสะพานดาว 
ทอดยาวให้ทุกย่างก้าว
ของผู้คนมากทนทุกข์ยาก ในโลกนี้
ได้มีโอกาสเดินไปคว้าไขว่
เก็บดาวมาประดับใจประดับภาคภูมิ..

เธอ..
เป็นสีสันแห่งรัก
ที่สอนให้รู้ค่าของการพลัดพรากจากลา 
สอนให้ยอมรับสัจจะแห่งชีวิตนี้ที่อย่าประมาท
ที่มิ
อาจหมายมาดให้ยาวยืนได้ดั่งใจ..และ
ฉลาดในการวาดหวังรัก วาดหวังใจ 
สร้างไฟฝัน
ให้ไสวสว่างนำสู่เส้นทางใจ 
เส้นทางสายฝัน เส้นทางสายงาม
อย่าง..
ผู้เข้าใจโลก..
อยู่เหนือโลกเหนือโศกสุขอย่างเงียบงาม..


เธอ..เป็นสีสันแห่งรัก 
มาจากดินดี..ดินเดียวกัน..
มาหว่านเพาะดวงดอกฝันดวงดอกรัก
ด้วยเนื้อใจใสพร่างพิเศษพิสุทธิ์งาม

เพียรสร้างโลกภายใน ให้ทุกยามมีแต่ความเงียบง่าย
ให้ใช้ดวงตาที่สามที่ฟ้าเบื้องบนประทานให้ 
เฝ้า..
เตือนตน ค้นหางามแห่งความว่างความพอดี 
มีชีวิตอย่างสมถะ หากทว่าอิ่มใจ อิ่มสุข
มิ..
หวังตามหลงตามใครๆ
หลงไปในโลกวัตถุมากมี มากมาย
ที่ดูคล้ายจะนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อยเป็นยิ่งนัก..
ให้รู้จัก..หยุดอยาก......และพอ..

เธอ.
.เป็นสีสันแห่งรัก
ให้...โลกแล้งราโรย..โหยหาจิตวิญญาณไพร ได้เติมเต็ม
ให้อ่อนไหวอ่อนหวานให้เงียบงาม 
ให้สงบสุข 
ให้ทุกผู้ได้พบเรียนรู้ค่ารัก
ให้
โลกจักหมุนไปอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น
ด้วยพลังแห่งใจแห่งรักนี้ 
ที่เกิดมาเพียรสร้างสรร
มิใช่การทำลายล้างประหัตประหารกัน..


เธอ..
เป็นสีสันแห่งรัก
ที่...ไม่ยอมแพ้พ่าย 
มาดหมายจะเสียสละชีพน้อยนี้
ให้มากมีค่า จนกว่าจะถึงวันตะวันลามาเยือนดวงชีวิต 
ให้ใบไม้ปลิดปลิวโปรยพรให้นอนนิทราฝันดี 
ยาม...
ร่างนี้ได้ผ่อนพักละวาง..
กลับคืนร่างสู่พื้นพสุธา..เป็นนิรันดร์รัก เป็นหนึ่งเดียว..

เธอ...จะยังคงเป็นสีสัน ให้โลกฝันไกล 
ไม่ว่า...
เธอจะเหยียบย่างไป  ณ.ที่ใด
เธอ..
ก็คงไปส่องสว่างกระจ่างใจในทุกผู้คน
ด้วยใจดวงเดิมดวงดีดวงงามดวงนี้
ที่ไม่สิ้นไร้รัก ตราบที่โลกยังหมุนไปและหมุนไป

มีตะวันกระจ่างใสในยามกลางวัน
มีราตรีฝันให้จันทร์งามกระจ่างดวง

เธอ...จะยังเป็นสีสัน..
อยู่ในฝันในใจในเรือนไทยริมบึงบัวพร่าง
ในพื้นพสุธานี้..ที่งามเป็นยิ่งนัก..




เพื่อจะใช้ดวงใจน้ำจิตน้ำใจรักที่สวรรค์ประทานมา..
มอบรัก  มอบหวาน มอบงาม  มอบพลังใจ
ให้หวามไหว ให้เลิกหม่นหมองครองใจ ไปชั่วกาล
หาก...
หัวใจและร่างยังไม่สิ้นศรัทธารักนั้นจักยังคงดำรงอยู่..

และ...


เธอ...คือ...สีสันสีสันและสีสัน
สุด..แต่ใจใครจะเลือกใคร
มาเป็นสีสันใดแห่งชีวิตนะที่แห่งนี้..
มาเคียงขวัญเคียงร่างประดับโลกไร้ร้าง 
ประดับโลกฝันหรือโลกจริง
ให้...
พิสุทธิ์สวยใส กระจ่างใจ
นำทางใจไปชั่วนิจนิรันดร์...นะคนดีนะดวงใจ 
.....................


ฉัน..คงมิใช่สีสันแห่งสายลม
ที่พรายพรมพัดพร่างเพียงชั่วครู่ชั่วคราว..
ฉัน..
มิใช่สีสันและนางใจนางไพร
ที่จะทำให้เธอถูกใจ สมบูรณ์แบบไปเสียทุกสิ่ง..
ฉัน..
คงมิใช่ถวิลหวังให้ใครฝากฝังใจ 
หาก....แม้นหัวใจนั้นยังมีสีสัน
พร่างพรายสดใสสดสวยมากมายรอท่า
ให้ค้นหามาประดับใจประดับร่าง
ให้....
พรายพร่างชื่นฉ่ำใจมีชีวิตชีวาเสียยิ่งกว่า....


สำหรับ...ฉัน..
เป็นได้แค่เพียงสีสันเดียว....
เขียวไพลเขียวพร่างกลางใจ  ในโลกฝัน 
ให้ค้นพบสงบงามแห่งโลกภายใน 
ในทุกยามที่สิ้นไร้ใครสิ้นไร้รัก

ตามฉันมาสิทุกดวงใจ..
มาเคียงไพรเคียงใจไปกับฉันสู่ฝันนิรันดร....

....................................



พระเอกขี่ม้าขาวพร้อมจากจร!  ....พุด 

ฟ้ามืด..แต่พรายพราวด้วยดาวพราย
ลมดายเดียวพัดเปลี่ยวเหงา
เดินทอดน่องแหงนมองจันทร์คอยตามเรา
เหมือนเป็นเงา..พริบพราวเฝ้าปลอบใจ..

เอนร่างนอนนับดาวกลางทุ่งหญ้า
หอมละออดอกไม้ป่าจนหวามไหว
พฤกษ์ไพร..ที่ข้ารักเคยพักใจ
ยามนี้ไกลอยู่ไหนหนา..ฟ้าตอบที..

ฟ้ากว้างเมินหนีหน้าคนว้าเหว่
อย่าหลงเล่ห์คำลวงให้คิดหนี
ฟ้ารู้เห็น..ยอดดวงใจ..ไม่ไยดี
เสียเวลาที่เพ้อฝันให้หวั่นใจ...

บอกกับฟ้า..อย่าตอกย้ำให้ซ้ำเจ็บ
ใจหนาวเหน็บพอแล้วกับหวามไหว
แค่สร้างพระเอกในฝันไว้ปลอบใจ
รู้บ้างไหม?เขียนด้วยใจจบด้วยเศร้า..ให้พระเอกขี่ม้าขาว..พร้อมจากจร! 
 
 
..............


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html

ปรารถนา ...ทูล ทองใจ 

หากแม้นเลือกเกิด เองได้ 
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ตามใจเขา ปรารถนา 
แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
หากร้อนผิวกาย ใจระทม
ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม
เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน
หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน
ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น
เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง
อยากเกิดมาเป็น สีแดง
แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ
อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น
ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง
อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้
อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู
อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง
จะขอเป็นแหวนสวมก้อย 
เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย 
เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง
อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์
ขอเกิดเป็นหมอนข้าง
เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน... 
 
  


				
6 มิถุนายน 2549 16:38 น.

เทวดาเดินดิน..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2580.html

18 ฝน ธนพล อินทฤทธิ์ 

อาจจะมี บางทีฉันดูสับสน
มีใครบ้างไหมสักคน
ยอมทนรับฟังเรื่องราว
บ้านที่มี บางทีก็เหมือนไม่มี
มันคือนรกดีดี บางทีฉันก็ปวดร้าว
เฝ้าอิจฉา ดูใครเขาพร้อมครอบครัว
ทำไมฉันมีแต่ตัว
หวาดกลัวไม่รู้เรื่องราว
รู้บ้างไหม ในหัวใจ
มันร้องหาใครสักคน
คอยปรึกษา คอยเข้าใจ
ไม่ขอมากไปกว่านี้
ฝน หนาว มันร้าวในใจสิ้นดี
อย่าลืมฉัน อย่าเดินหนี
วันนี้ หัวใจสับสน

เกิดกำแพง กำแพงที่มองไม่เห็น
ปิดใจฉันแสนจะชา เย็น
เหมือนไม่มีจิตใจ
เกิดปัญหา ปัญญาก็มีแค่นี้
ผ่านฝนแดดปี เป็นทางแยกอันตราย
อาจจะเหมือน อนาคตฉันไม่มี
ใครใครเขามอง ไม่ดี
แต่ใครจะรู้ข้างใน
รู้บ้างไหม ในหัวใจ
มันร้องหาใครสักคน
คอยปรึกษา คอยเข้าใจ
ไม่ขอมากไปกว่านี้
ฝน หนาว มันร้าวในใจสิ้นดี
อย่าลืมฉัน อย่าเดินหนี
วันนี้ หัวใจสับสน
รู้บ้างไหม ในหัวใจ
มันร้องหาใครสักคน
คอยปรึกษา คอยเข้าใจ
ไม่ขอมากไปกว่านี้
ฝน หนาว มันร้าวในใจสิ้นดี
อย่าลืมฉัน อย่าเดินหนี
วันนี้ หัวใจสับสน
รู้บ้างไหม ในหัวใจ
มันร้องหาใครสักคน
คอยปรึกษา คอยเข้าใจ
ไม่ขอมากไปกว่านี้
ฝน หนาว มันร้าวในใจสิ้นดี
อย่าลืมฉัน อย่าเดินหนี
วันนี้ หัวใจสับสน... 
 
................



แม่ดวงดอกพุดไพร..ฟังบทเพลงนี้
พร้อม..
คิดถึงบทกวีน้องอัสสุอย่างที่สุด
หากทว่า..
เข้าไปฝากคำไม่ได้ด้วยระบบรวน
เลยมารจนาฝากความรักความเข้าใจ
*อารมณ์ย่าง19 *ไว้ในบทนี้นะคะ


นานมาแล้ว
เคยน้ำตาระรินแทบหมดสิ้นทั้งใจไปกับ
เรื่องราวของคุณจักรกฤษณ์
หาก..
จำไม่ผิดนะคะ
ที่ชีวิตเขาเคยพลาดผิดหลงติดยาจนคิดสั้น
เพียรพยายามทำร้ายตัวเองต่างๆนานา


และ..
จนกระทั่งฟ้าดินเมตตา
พาให้ดวงตาดวงใจของเขาที่เคยมืดบอด
ได้มองเห็น....
ความรักอันมากล้นยิ่งใหญ่...เกินฟ้า..
สุดคณนา...เกินกว่าน้ำในมหาสมุทร
พระคุณ...อันแสนพิสุทธิ์ใสของมารดา
ที่..
รักลูกเสียยิ่งกว่าชีวีชีวิตของตัวเองเสียอีก
ที่ถึงกับยอมตายแทนลูกได้..เสมอ..


น้ำตาของแม่ ที่ละหลั่งรินหมายถึงความสูญสิ้นสลาย
น้ำตา...
 ที่ยอมพลีหลั่ง..วอนไหว้สิ้นทั้งโลกหล้าแลฟ้าดิน
ได้จงอย่าสิ้นเมตตา
ขอเพียงให้ลูกยาผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ได้ยังมีลมหายใจแห่งชีวิต
อย่าได้ลิขิตให้พรากลาไกล ให้หัวใจแม่ยิ่งแหลกสลายเลย..
................


วัยรุ่นวัยฝันวัยวันอลวล
บนถนนสายคดเคี้ยวดั่ง*ทางโค้ง *มากมายมากมี
ที่..
รอท่าหมายมาดมาดูดกลืนชีวิต
ให้..ปลิดร่วงตกในบ่วงเหวลึก เหวรัก
หาก..
สิ้นไร้ใครสักคนที่เคียงชิดใกล้
พร้อมให้ความรักความอบอุ่นเข้าใจ
ให้..น้ำใจเอื้อโอบ ให้โอกาสแม้ยามหลงผิด
ให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกราวเรื่อง....
...........


และ....นาทีนี้..
กับ..ดาวเดือน
ที่กำลังหยาดสายหวานหว่านปรายโปรยปลอบประโลม
กระพริบระยิบระยับราวรับรู้อวยพร
กับ..
ดวงดอกไม้ที่กำลังอยากค้อมดอกร่วงพรู..พลีคารวะ...
แด่*คนดี ในดวงใจ**เทวดาเดินดิน*
ผู้ที่อุทิศ
*ทำความดีแสนยิ่งใหญ่*..แม้นใครจะไม่รู้เห็น
หาก..
*ดวงตาสวรรค์*ได้พลันเป็นพยานแล้วนะคนดี
*ผู้ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา*



แม้น..
ดวงใจจะแสนเหน็บหนาวเยียบเย็น
ในยามสัมผัสภาพแห่งความทุกข์เข็ญทรมาน
หาก..
แสนเป็นความดีงามอิ่มเอิบภาคภูมิปิติศรัทธา
เมื่อ*เทวดาเดินดิน*
ได้หยาดเย็นน้ำใจ..
เกาะกุมมือผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย..


ได้..
พลีนำทางสายไสวสวรรค์
ให้ผู้ป่วยนั้นได้นำดวงจิต
อันขาดวิ่นดิ้นทุรนทุรายด้วยเจ็บปวดรวดร้าว 
ที่..ไร้สิ้นใคร...
แม้นสักคนในครอบครัวเป็นเพื่อนใจ..
คอย...ปิดเปลือกตา
กับ..
นาทีสุดท้ายแห่งดวงชีวาชีวิต
ที่...
กำลังจะปลิดปลิวเลื่อนลอยลาลับดับ
ไปกับแสงสุดท้ายแห่งตะวันลา 


ไป..
กับฟ้าที่มีเพียงสีเดียว...สีโศก..โลกที่แสนมืดดำ 
ไร้เสียงร่ำไห้ แห่งผู้ใดในชีวิต 
ดวงตา..
ที่พร้อมจะปิดสนิทอย่างเศร้าสร้อย
ลา..โลกใบน้อยแสนสงบ
ให้ได้พบ...
เส้นทางสายสว่างสะอาด
มิคลาดแคล้วเบื้องรอยบาทองค์พระบรมศาสดา 
ที่ทรงดำเนินไปก่อนหน้านี้แล้ว


ให้..
ได้พบดวงแก้ว การุณย์ธรรมมาน้อมนำใจ
หาก..
ยังต้องกลับมาชดใช้กรรม
ในวังวนวิบากรักอีก
ได้..
พระพุทธศาสนา..
อย่าพามืดบอดเสมอเสมือนชาตินี้..ที่แสนสายเกิน...
ให้มี..
เสียงธรรมแสงเทียนทองคอยสาดส่องนำทางไสว
ให้..
จิตวิญญาณเขาได้ไปอย่างถูกทาง อย่างมิอ้างว้างใจนัก...


และ
พุดไพร ..หวัง...
พร่างแห่งหยาดน้ำใจใสเย็นนั้น
จักเป็น..
*ดั่งสายกุศลธารธรรมธารา *
ให้*เทวดาเดินดิน*ได้พายพา*เรือชีวิต*ลอยล่อง
ท่องไปเหนือทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลน้ำตา..


เพื่อ..
พบกับคำว่า นิพพานนิรันดร์..
อันคือ..
ความว่างกระจ่างแจ่มจิต 
ที่จักสถิต..
ราวอัญมณีแก้ว ณ..กลางดวงใจไปตราบชั่วกาล..........!!
...............................
				
5 มิถุนายน 2549 10:36 น.

ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3408.html
(ความรักไม่มีวันละลาย)


กาลเวลา....
นำพาสิ่งดีดีมาพลีมอบให้เราในทุกวันและทุกวัน...
ตราบใด..
ที่ใจเรายังมิมอดไฟฝัน 
ยัง..มีหวัง..
ที่จะรอรับหยาดสายหวาน
สายธารธาราธรรมเกษมเป็นนิรันดร์..ไปนิรันดร์

กุหลาบสีโอด์ลโรส สดฉ่ำ ในโถแก้ว
กำลังระร่ำรินส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ผลิบานตระการ
หวานให้หอมอวล  ณ..นวลกลางใจ....
ให้..
โลกงามไสว ในท่ามความแล้งไร้รายรอบ
ที่หลากดวงใจแสนบอบช้ำ ระกำระทม
หากหลงพะวงติดตรมใน..*มายาน้ำผึ้งพิษ*


ตรึงให้ร่างแลจิตวิญญาณ 
*ติดกับ*ทุกข์พันธนา
อย่างยากจะหนีพ้น...
ตราบ...
จนกว่าจะค้นพบว่าแท้เที่ยงแล้วไซร้
เรามาผู้เดียว ไปผู้เดียว..โดยลำพัง

ทุกสิ่งรัก สรรพสิ่งหวัง..
ไม่จีรังและยั่งยืนเลย..
ผ่านมาแลผ่านเลยไปดั่งโลกย์นี้คือละคอน


เพียงเสกสรร..ปัจจุบันรัก...
พลีภักดิ์ชิดใกล้หลอมละลายจิต
แนบเนาสนิท..สถิตสถาพร
เพื่อ..
เป็น*ดั่งพลังชีวิต*
ให้ทุกคนดี.ดวงใจ..ได้ก้าวไปสู่ฝั่งฝันสานฝัน 


พบ..
เส้นทางสายสวรรค์สายสงบสะอาดสว่าง
เส้นทางแห่งสุขว่างเป็นนิรันดร์
หลังฝ่าฟัน ขวากหนามและพายุกล้า
เพื่อพลีค่าคน ความดี รู้รักษ์โลกนี้ให้ยังอยู่ยง
ยังคง...สมถะเรียบง่ายสงบเย็น...


รักฉัน..รักให้เป็นรักให้เย็นใสงาม
อย่า..รักด้วยหลุมพรางเสน่หา
รัก...
ด้วยความว่างเปล่า
รักด้วยเงา แห่ง*ภาพฝัน* อันฉายฉันท์พรรณราย..

เพื่อ..
ให้ได้ใช้*พลังแห่งปาฏิหารย์รักนั้น*
บันดาล..* มหัศจรรย์*...คืนกลับให้แด่โลกใบนี้..
ที่ยังมากมีมากมายผองชนผู้ยากไร้..รอ...!!
.......................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html
(สายชล)


มิใช่..น้ำผึ้ง..หากเป็นเช่นน้ำอมฤต
หยาดให้จิบดั่งน้ำค้างอนันต์ค่า
คือน้ำใจใสงามเนิ่นนานมา
คือน้ำตาแห่งปิติพลีแด่กัน

จากใจทองครองขันธ์อันวางว่าง
เพียงแผ้วถางทางเหนือโลกย์ลบโศกศัลย์
ถือเป็นโชคโลกเมตตามาพบกัน
ดั่งคู่ขวัญคู่บุญสร้างทุนทาน

ในเส้นทางเลือกเคียงเลี่ยงกิเลส
รู้ดับเหตุแห่งทุกข์สุขแสนหวาน
รสใดเล่าจักคงอยู่นิรันดร์กาล
เท่าสายธารธรรมธาราสัจจะรัก

วันเวลามิประมาทอาจเช่นนั้น
จึงฝ่าดั้นคว้าดาวแม้นหนาวนัก
มาหว่านโปรยประดับใจทุกที่รัก
ให้ประจักษ์แด่ผองชนคนร่วมชะตา

เจ็บแลตายคล้ายเส้นทางยากเลี่ยงหลบ
ตะวันพลบรอชีพดับไปกับหล้า
มากผู้คนเวียนว่ายทะเลน้ำตา
สูญเวลาไปชั่วกาลหวานวัฎวน

สู่เส้นทางสายสงบพบกระจ่าง
สุขในว่างสุขนิรันดร์ฝันเพียรพ้น
ดั่งบัวบานเหนือน้ำค่าเหนือคน
กลางกมลดอกบุญบานตระการใจ

ฝันพาจิตลอยล่องท่องนทีทิพย์
ข้ามสีทันดรไกลลิบสู่สวรรค์ไสว
ปาริชาติบานรอรับขวัญนะดวงใจ
คือยิ่งใหญ่เหนือชีพชนม์สั้นวันมรณาในโลกามนุษย์..!
..............





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3408.html
ความรักไม่มีวันละลาย

ช...ดั่งขอบฟ้าไร้แสงตะวัน
หากใจฉันไม่มีรักของเธอ
ญ...ตั้งแต่วันแรกเจอ
ก็มีเงาร่างเธออยู่ในใจ
ช...หนึ่งชีวิตให้เธอผู้เดียว
จะไม่เหลียวไม่แลผู้ใด
ญ....หนึ่งความรักให้ไป
จะเนิ่นนานเท่าไรยังซื่อตรง
คู่...ตราบอาทิตย์
และดาวที่พร่างพราย
คู่เลือนหรี่ดับลับไปจนมืดลง
ญ....แต่สายใยแห่งรักจะมั่นคง
กว่าลมหายใจที่เรามี
ช....หากวันไหนสองเราจากกัน
อย่าหวั่นไหวเพราะใจเธอรู้ดี
ญ...กี่แสนวันหมื่นปี
ความรักเราไม่มีวันละลาย

คู่...ตราบอาทิตย์
และดาวที่พร่างพราย
คู่เลือนหรี่ดับลับไปจนมืดลง
ญ....แต่สายใยแห่งรักจะมั่นคง
กว่าลมหายใจที่เรามี
ช...หากวันไหนสองเราจากกัน
อย่าหวั่นไหวเพราะใจเธอรู้ดี
ญ...กี่แสนวันหมื่นปี
ความรักเราไม่มีวันละลาย...

				
2 มิถุนายน 2549 10:01 น.

หนาวน้ำผึ้ง..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html
(เสน่หา)


ใกล้รุ่ง....
ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงสายฝนปลุก
กระซิกๆกระซี้ๆพิรี้พิไรรำพันรัก

ในท่ามเตียงโบราณ 
มองม่านฝนพราว ดายเดียว
หนาวนักในนวลใจนึก
รู้สึก ...
ราวฤดีกาลหวานวสันต์ลีลา..ที่พรากลาเลย 
ได้กรายเชย มาชิดใกล้  คล้ายย้อนอดีตวนหวนคืน
ฝากรอยชื่น ใช่รอยช้ำ ใช่มาย้ำฤดีตรม..ระทม..นัก...


แสนแปลกดี ที่กลับ คิดถึง..ในคะนึงคือ
เจ้าลูกควายตัวน้อยน้อย
นอนอ้อยสร้อยคลอไคล้เคลียนมแม่ริมบึง 
ในเส้นทางสายสวยโศกซึ้งแสนเป็นธรรมชาติ
เส้นทางสายงามพิลาสพงด้วยรกเรื้อ 
ที่ยังคงหลงเหลือเสน่ห์วนาแบบไพรๆ

ให้หยุดยืนนิ่งนิ่งพิงต้นมะพร้าว 
ดูความงามบริสุทธิ์ใสของทั้งราวไพร
และ..ของดวงตาใสใสซื่อๆ
ที่..ที่สุดแล้วคือ..อยากระรินหลั่งน้ำตา 
ด้วยความรู้สึกหนาวในเมตตา
ที่ช่างแสนซึ้งค่าควาย
หา ใช่คนใช่ใคร....ฤาก็หาไม่...


และ..
กับ..ในบางคืนค่ำ
กับเสียงสายลม ระร่ำริน 
กับเสียงรอยถวิลของคลื่นภักดิ์ทายทักคลอทราย

เสียงใบมะพร้าวซัดส่าย เสียดสี ยามที่ต้องลมพัดตึง
และ...
พรายพัดรัดรึงร่างหนึ่งนวลอรชร 
ให้ได้เดินย้อนทวนสายลม
ไปในหอมห่มแห่งมวลดวงดอกไม้ไทย
ที่แสนชิดใกล้หาดทรายขาวดาวสวย
ด้วยแสงจันทราสาดส่องในคืนเดือนเสี้ยว..


แล้ว..
ไหนยังเหลียวเห็นเพียงผืนน้ำระยิบ 
แล...ในเวิ้งฟ้า
จักมีพลุไฟพร่างพรายแตกกระจาย..
ประดับประดาเคียงนภาพิไล..
จากเกาะสมุยที่ไม่ไกลห่างตรงหน้า

ขับฟ้ามืดฟ้าไกลให้สวยไสวราวฉากสวรรค์ลอย..


เสียงสายลมเสียดสีกับ*กอลังค่าย ที่คล้ายต้นจันทน์ผา*
มีลูกห้อยย้อยระย้าราวสัปรดสดสวย
ด้วยสีเหลืองๆเหลือบแดง
เป็นมนต์ไม้ไพรแฝงผสานผสม กับทุกสรรพสิ่ง 
จนต้องหยุดนิ่งฟัง

สายลมแรงราวแกล้งให้ร่างช้ำ
ในรอยร่ำแห่งน้ำตาดวงน้ำตาดาว
ในทุกคราคราว คืนหลัง กลับบ้าน...


และ..
ในท่ามเงาวูบไหวแห่งสายลมรำเพยไพร
ได้พัดแรงให้ผ้าคลุมไหล่ ไหลลื่นหลุด
จนรู้สึกแสนหนาวเนื้อ ..หนาวในนวลใจ
พาให้..
ฝันใฝ่สมมุติมายา..ฝัน..ฝัน..ฝัน
ว่า..
มีมือหนึ่งนั้น...อันแสนอบอุ่นแข็งแรง...
พลัน..คว้า..
มาคลี่ห่มให้อย่างแสนทะนุถนอมห่วงใย..

ปันพลี..
ความรัก..น้ำใจ..จากอ้อมอกอุ่นไอ..เอื้อโอบ 
ด้วย..
ดวงใจรักภักดี 
ที่หาไม่มี...แล้วในโลกจริง...  ช่างกระไรเลย...!!

......................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html
เสน่หา

ความ รัก เอย
เจ้า ลอยลมมาหรือ ไร
มาดลจิต มาดลใจ เสน่-หา
รัก นี้จริงจากใจหรือเปล่า
หรือ เย้า เราให้เฝ้าร่ำหา
หรือแกล้งเพียง แต่แลตา
ยั่วอุรา ให้หลง ลำพอง
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ
หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ
หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ
สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง
รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำ น้ำตานอง
ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย...
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด