28 กรกฎาคม 2549 21:27 น.

ประดุจดั่งเงาใจในเวิ้งฝัน..ฝัน..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song485.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song48.html
(เด็ดดอกรัก ไม่รักไม่ว่า)

ราตรีนี้ฝนปรอยสายมาให้ฟ้าสร้อย
บรรยากาศดูอ้อยอิ่ง ทิ้งทอดเงาเทาทึมไปทั่วทิศทาง
คงใกล้ปลายฝนต้นหนาวแล้วสินะ
และ..
นี่คือฤดูกาล..
ที่ไม่ว่าเราจะพบพานรักชังหวังหวาน
ให้อ่อนหวานอ่อนไหวรานร้าวใจสักเพียงใด
ในไม่ช้านาน ทุกทุกข์สุขสรรพสิ่ง
ก็จะทิ้งเงาปัจจุบันกลายเป็นรอยอดีต


และอยู่ที่ว่า..
ใครจะฉลาดเลือกเก็บเอาไว้กรีดใจฤาเลือกที่จะทิ้งไป
ให้เหลือเพียงบทเรียนสอนใจ ในความทรงจำ
ไม่ว่าจะสุขล้ำฤาเศร้าลึก
ก็แค่เพียงนำมาฝึก*รู้สอนจิตตน*
ให้กมล
ไม่หลงพลาดผิด..
หรือ..หลงไปยึดติดยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป
กับสิ่งที่...ผันผ่านไปแล้วเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้


อนาคต ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะรอซึ้งฤาจะพบเศร้า
แม้น
จะกลัว..กลัว กลัว เหน็บหนาวสักเพียงใด
ในทุกราวเรื่อง 
ไม่ว่า..จะเรื่องหัวใจ เรื่องงาน ปัญหาบ้านเมือง
ก็ยังไกล จนไม่รู้ว่า 
จะเกิดอะไรอย่างที่เราคิดหรือไม่...


จึง..ดีที่สุด ให้หยุดลมหายใจไว้ในปัจจุบัน
และ...
หากยังรักที่จะฝัน ฝัน ฝัน 
แบบคนกวี หรือศิลปินผู้จำเป็นต้องมีพลังรังสรรค์
มอบพรสวรรค์ พรแสวง
ก็จงตั้งพลังจิตอธิษฐานในทางบวก 
ไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร
มีเพียงฝันหวานหวานใสใสจากใจดวงนวลนวล
ดวงสวยสวยแจ่มจรัส
ที่เพียงเพียรมีเมตตา ปรารถนาดี 

ให้เกิดรัศมีการุญย์
ลบโลกแล้งไร้ พลีให้ทุกดวงใจที่สิ้นหวังทุกดวง


จงได้..
พบจบลงด้วยการมีอ้อมกอดอ้อมใจใครสักคน
เคียงฝันเคียงไหล่กันไปเพื่อฟันฝ่า 
ให้..
ไม่อ้างว้างเหว่ว้าเดียวดาย
ได้มีเพื่อนผู้เข้าใจ รู้ใจ 
ให้พลังกำลังใจในทางที่จะทำความดี
รู้พลีฝันให้ไกลไปให้ถึงในทางสร้างสรร
เพื่อ..
พาชีพชอบชนม์สั้นได้เพียรประกอบกรรมดี
พลี ร่างจิตชีวิตนิดหนึ่งน้อยนี้
เพื่อไป
*สู่ความฝันอันสูงสุด*ในทางโลกย์


และ..
สิ้นโศกได้พบวิมุตติ ได้หลุดพ้นจากทุกข์พันธนา
ที่เราและมวลมนุษย์มากหน้า
ต่างยังพากันเวียนว่ายในทะเลโลกย์ทะเลโศกน้ำตา
ทะเลน้ำผึ้ง เสน่หา จนติดตมจมตรึง ยิ่งขึงรัดร่าง
ให้ยิ่งห่างยอดพระธรรม ร่มพระรัตนตรัย ไกลออกไปทุกทีๆ

ให้ฝันงามนี้...
ได้มีผู้สานสรร ปันพลี ให้มีโอกาสเป็นจริง
เพื่อได้ตอบแทนพระคุณแม่พ่อ ผืนดิน
และ..
คนในครอบครัว ทั้งทุกมิ่งมิตรผู้ชิดใกล้ผู้ที่รักเรา
ปรารถนาดีต่อเราดั่งดวงใจดั่งมิตรในเรือนใจ



สำหรับดวง..
แทบทุกวันดวงจะนั่งตรงเก้าอี้แดง..
และ...
เพียรสร้างแรงใจ ทำในสิ่งที่รัก
คือเรียบเรียงถักทออักษราภาษาไทยให้งามไสว
ในทางธรรม ธรรมชาติ 
และ
หวังเพียงจักฝากความพิสุทธิ์สะอาด 
มาตรแม้น..
ว่าจักมีค่าแม้นสักนิดสักน้อย แด่..ดวงใจใครสักคน
ที่รัก ที่หวัง..เก็บน้ำคำน้ำใจที่
แสนใสเย็นดั่งหยาดน้ำค้าง 
ไว้ด้วยประทับใจ ด้วยเข้าใจไว้ในกลางใจ
ให้..
หยดพรมห่มหอมให้ยิ่งนวลใจ 
ให้มีพลังใจที่จักก้าวเดิน
ไปในเส้นทางทองทางธรรม 
ทาง...
อันคือสัจจะ ที่ทุกชีวิตไม่ว่าจะโชคดี
มีหรือจน ก็จักหนีไม่พ้น เส้นทางสายนี้ 
และ..ก่อน..ที่จักสายเกิน 
นะคนดี นะดวงใจ

................


และ..
ในทุกวันที่ดวงจะต้องเข้าไปดูงานดวง
*หนึ่งในร้อยในพันเรื่องราว*
แล้ว..
ดวงจะ รู้สึกดื่มด่ำ ดายเดียว
หากแสนดีในความรู้สึกอันแสนล้ำลึก
อย่างยากยิ่งจะพรรณาบอกใครให้เข้าใจได้
เรื่อง..
ที่ดวงเททอดถอดใจพลีรจนาไว้มากมาย
และโดยเฉพาะเรื่องนี้ที่พลีให้แก่บ้านเกิดบ้านเกาะ..
ธรณีกรรแสง..!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem78270.html


แล้ว..
ดวงจึงพบว่าจะมีใครบางคนที่รักผลงานดวง
เข้ามาตามติด ในทุกวัน
และ..
บางทีดวงก็ราวมีพลังกระแสจิต
ว่า..
มีมิ่งมิตรท่านหนึ่งนานมา
ที่..พรหมชะตาพาให้เรามาพบกันในโลกมายาฝันนี้
และ..
เขาคนดี หลีกลี้ หนีห่างหายไปด้วยปัญหาสุขภาพ
ที่ทำให้ในวันนี้ ดวงยังมีความปรารถนาดี
แสนเป็นห่วงเป็นใย
ได้แต่สวดมนต์ภาวนาอธิษฐานใจ 
ให้เขาคนนั้นได้หายจากโรคภัยทุกวันทุกคืน
และ...
เพราะ เรื่องนี้ 
ธรณีกรรแสง..!
ทำให้ดวงคิดว่า
เขามากรายใกล้มาฝากความคิดถึงไว้
แม้น..
ยามนี้จะล่วงเลยมาเป็นปีแล้วก็ตามที...

ด้วยทุกคราที่ดวงได้ฟังบทเพลงนี้
ดวงจะรำลึกนึกถึงว่า คือสัญญาใจจากเขา นั่นเอง



และ.........
คนดี ไม่ว่าคุณคือใคร
คุณก็กำลังทำให้หัวใจดวงดวงนวลใสใส
ดวงรักหวามไหวละเมียดละมุน
ราวมีหยาดน้ำอุ่นอุ่น 
ราวมีสายฝนตกต้องในห้องหัวใจเสมอมา
ในทุกเวลานาที 
ที่ได้ผ่านตา ได้ยินบทเพลงนี้
เพลงที่...
พ้อครวญหวนหาดวง ให้ดวงแสนซึ้งค่าน้ำใจไมตรี
ความรักภักดี ที่คุณอยากพลีมอบให้ 
แม้นอาจจะเป็นเพียงความวูบไหว
แต่มันคือ..
พลังใจในทางบวกเพิ่มเติมไฟฝัน
ยามที่ดวงหันไปไม่เห็นใคร..เลย
และ..
มาตรแม้น
ดวงจะชาเฉยชินชา กับโลกมายาฝัน
จนราว*สวรรค์ปิด*มานานปีแล้วก็ตามที...


หากทุกนาทีที่ดวงรู้สึกท้อแท้ ไม่อยากรจนา
ดวงก็จะ นำมาคิดว่า ดวงคือผู้หญิงโชคดีนักแล้ว
ที่ยังมีลมหายใจได้ฝันแก้ว ฝันไกล
ได้ทำในสิ่งที่รัก...


และ..
ที่สำคัญ..ดวงได้รู้จักยอดกัลยาณมิตรทางธรรม
คนในเส้นทางเดียวกัน 
เพื่อต่อฝันเติมจิต
ให้ดวงชีวาชีวิตแห่งเราได้พบ*รื่นรมย์*
มิเหงาใจ...
ได้เคียงบ่าเคียงไหล่ ไปในถนนสายฝัน
โลกบรรณพิภพ 
ที่จะจบจาก พรากลาล่วงสู่พื้นพสุธาไม่นาน
ไปตามกาลตามกรรม 

ก็เพียงขอให้ลมหายใจที่มีได้ยังพอมีประโยชน์
แด่..
ผืนดินแม่มาตุภูมิบ้างมิมากก็น้อย
ก่อนที่จะ....
ค่อยๆปลิดปลิวละลิ่วลอยลาโลกโศกสุข..ละวาง
ดั่ง..
ดวงดอกไม้พร่างงามลงจูบพื้นพสุธา...
ในยามตะวันลา....
อย่าง....
ฝันดี ฝันพลี
ไป...ตราบชั่วชีวี... ชั่วนิจนิรันดร........
.............


ดึกดื่นดายเดียวกับเสี้ยวจันทร์
ฟังเพลงรักนิรันดร์ฝันคว้างหว่างโลกฝัน
คิดถึงคนดีเคยพลีคำร่ำรำพัน
ไม่รักกันไม่ว่าพาโศกนัก

ดวงใจเอ๋ยอยากจะเผยใจในวันนี้
ซึ้งคนดีพลีน้ำใจเคยฝากภักดิ์
ขอกระซิบคำฝากเธอนะที่รัก
ถึงไม่รักไม่ว่าอย่าลาไกล

วันเวลาลมหายใจช่างแสนสั้น
รอคืนวันได้พบเธอมิห่างไหน
ได้ชิดใกล้ไให้คลายหนาวนะดวงใจ
แล้วแค่ไยเพียงคำลาหาไม่มี

กระซิบฝากดาวเดือนเกลื่อนฟ้าคอยเฝ้าดู
ได้รับรู้ความจริงใจใครคนนี้
ฝากอ้อมกอดปลอบประโลมนะคนดี
หวังชาตินี้มีวันขวัญพบเธอ

หนาวเหน็บเจ็บแค่ไหนให้ไออุ่น
ทุกอุทัยโลกหมุนฝากลมรักมาพ้อเพ้อ
ว่ารักรักรักห่วงใยราวละเมอ
หวังมีเธอกลับมา..จะไม่ว่า.แม้ไม่รัก...


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song48.html
ไม่รักไม่ว่า

รู้รู้อยู่ มิควรคู่ กับจอมใจ 
วาสนาเราแสนไกล หนักหนา
แต่ความรัก หักฉันใดไม่เลือนลา
แค่เพียงไม่เห็นดวงหน้า เหมือนว่าจะบ้าตาย
สุดเหลือ จะบอกเขา ให้เข้าใจ
ว่าเรา รักเท่าใดจริงแค่ไหน ทั้งใจและกาย
ให้คิด เลิก รัก ไปเหมือนให้ตาย
มันโหดร้ายเกินไปแก้วตา
จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี

จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี...


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song485.html

เด็ดดอกรัก 

อย่าโศกไปเลย
อย่าเศร้าไปเลยเมื่อเคยรักกัน
ความรักต้องแปรเปลี่ยนผัน
เหมือนความฝันที่แปรเปลี่ยนไป
ร่วมคู่ครองกัน
ไม่เนิ่นนานวันต้องพลันช้ำใจ
ถึงรักมากแท้แค่ไหน
อย่าฝันใฝ่ยั่งยืนจีรัง
เกิดจากกรรมเวร
สุดแต่กฏเกณฑ์ลิขิตชะตา
เป็นคู่สู่สมสร้างมา
สูงสุดฟ้าต่ำจนหญ้าบัง
เมื่อรักมั่นจริง
ผ่านสิ่งลวงใจหากใครคิดชัง
รักแท้จะจูงมุ่งหวัง
ถึงจนก็ยังหวังความรื่นรมย์
เด็ดดอกรัก ร่วมต้นคนละกิ่ง
ไม่รักจริงจึงจืดจางเมินหมางคู่ชม
แรกรักกันมิเคยไหวหวั่นพลั่นคำติชม
เบื่อรักเหลือข่ม อ้างดินฟ้าห่างไกล
ตัดขาดไมตรี
สุดสิ้นกันทีเถิดความระทม
เมื่อคิดมีคู่สู่สม
ขอเด็ดดมดอกรักร่วมใจ
จับกิ่งเดียวกัน
เก็บดอกเดียวกันมั่นในฤทัย
ถึงทุกข์สุขแท้แค่ไหน
ขอฝากใจแก่คนรักจริง

เด็ดดอกรัก ร่วมต้นคนละกิ่ง
ไม่รักจริงจึงจืดจางเมินหมางคู่ชม
แรกรักกันมิเคยไหวหวั่นพลั่นคำติชม
เบื่อรักเหลือข่ม อ้างดินฟ้าห่างไกล
ตัดขาดไมตรี
สุดสิ้นกันทีเถิดความระทม
เมื่อคิดมีคู่สู่สม
ขอเด็ดดมดอกรักร่วมใจ
จับกิ่งเดียวกัน
เก็บดอกเดียวกันมั่นในฤทัย
ถึงทุกข์สุขแท้แค่ไหน
ขอฝากใจแก่คนรักจริง... 
 

				
28 กรกฎาคม 2549 17:18 น.

สร้อยเพชรอักษราภาษาไทยภาษาทอง..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
ร้อยบุปผา

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน 
.............................



ดวงขอขึ้นต้นด้วยบทเพลงนี้
ร้อยบุปผา
วันภาษาไทย29กรกฎาคม
ที่เวียนบรรจบมาครบรอบอีกครั้ง
เพื่อพลีแสดงกตเวทิตามุทิตาจิต
คารวะแด่ศิลปินทุกท่านทุกด้านภาษาศาสตร์ภาษาชาติ
ที่ทุกดวงใจใสงามทุกท่าน
ได้เพียรพยายามทุ่มเท
พลังสมองแรงใจไฟฝันอันแสนบรรเจิดจิต
สร้างทิพยนิรมิต จินตนาการ หวานหวัง
มาถักถ้อยร้อยรักรจนาอักษราภาษาสวรรค์

ดั่งสร้อยผกาเพชรพราว


เฝ้าพลีรังสรรค์งานงามมาจากดวงใจ..บ้านภายใน
ให้โลกได้พบ
*ความวิไลวรรณกรรม*..ที่แสนงามล้ำเลอค่า 
มาจากสมองสองมือทองแห่งคนของผืนดินถิ่นไท 
ผองเพื่อนผู้มีจิตไสวงามสว่างกระจ่างแจ่ม 
ดั่งพราวแพรวแก้วมณีสีใสแสนสวย


และ....
ล่างนี้...คือผลงานที่ดวงแสนรักนักรักหนา
ที่ผ่านกัป์ปกาลเวลาแห่งการเพียรเพาะบ่มเมล็ดพรรณ
จากธรรม ธรรมชาติหวังวาดฝากไว้ในผืนดิน
คอยรินน้ำใจรัก น้ำใจฝัน 
ดั่งน้ำค้างสวรรค์ที่ได้รับพรสวรรค์มา
และ..
ได้แถลงแจงใจในแทบทุกงาน
แห่งความเป็นมา*นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง*
*กระวีกระวาด *ผู้รักความพิลาสพิไล ละไมละมุนไว้อย่างถ้วนถี่


และ..
มาตรแม้น..
เพียงให้โลกหล้านี้จักดับแล้งได้เพียงน้อยนิด
เท่าที่สมองนิดน้อยจะพึงมีพึงคิดดีคิดได้
ให้ลมหายใจชีวีที่ผ่านทุกข์สุขโศก ผ่านโลกหนาวร้อน
มาเป็นอุทาหรณ์สอนชีวิตพัฒนาจิตตัวเอง..


และ....
ขอบรรเลงรจนาฝากพลีไว้รอท่า 
หากใครสามารถใช้เป็นประโยชน์
แม้นเพียงสักเล็กน้อย
พอดับร้อนคลายหายเหงาใจ  
พอให้หัวใจไม่สิ้นกลิ่นกรุ่นหอมหวานแห่งรสสุคนธา
ก็คงสมหวังดั่งปรารถนา แล้ว....



............


กวีแก้วกลางใจไทยทุกดวง 

บรรจงใจร้อยมาลัยกลอนอย่างอ่อนหวาน
ศรัทธาธารแทนด้ายรักอักษรขวัญ
คารวะบรมครูกวีศรีชาติดั่งตะวัน
คุณอนันต์ต่อฝันไทยใจทุกดวง..

ดั่งสร้อยเพชรนามบทกลอนงามอ่อนไหว
ดั่งสร้อยใจมิ่งมงคลงามใหญ่หลวง
ดั่งสร้อยรักภักดิ์ภาษางามเรียงรวง
ดั่งดาวดวงจรัสแสงจากแรงใจ..

พลีดอกไม้ฟ้าบูชากวีแก้ว
งามเพริศแพร้วพิลาสล้ำคำไหนไหน
สุภาษิตสอนหญิงมิ่งกมลงามดวงใจ
อันหวานใดไม่เทียบเท่าเจ้าจอมภักดิ์

พุดเพียงหิ่งห้อยน้อยแสงแฝงเรือนไม้
ใช่ดาวพรายฉายแสงหรูอยู่ด้วยรัก
เป็นนักฝันรักคำงามตามพ้อภักดิ์
ดวงใจรักหอมละมุนกรุ่นกลิ่นไพร

เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจอ่อนหวาน
กลอนชาวบ้านสาวชาวนาพิสุทธิ์ใส
กลอนธรรมดากลอนตลาดหญิงชาวไพร
ฝากหอมใจฝากหอมงามตามเห่กล่อม.

จุดเทียนทองส่องบูชานาทีนี้
กราบบรมกวีแก้วกลางใจพร่างพรมหอม
หวังกมลพุดคนดีที่ตรมตรอม
ปลูกพะยอมงามกลางใจ..ไทยทุกดวง..
 
 .......................



เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..

เหมือนจันทราเคียงฟ้ายามราตรี
เดือนดาราดวงดีดวงงามเคียงฟ้าใหม่
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้าตราบสิ้นใจ
เหมือนสายใยสายใจรักภักดิ์ผูกพัน

เป็นจันทร์เพ็ญจันทร์เต็มดวงประดับฟ้า
เป็นเสน่หามิตรภาพตราบสิ้นฝัน
เป็นความดีความงามหลอมรวมกัน
เป็นสวรรค์สวาทหวามยามพบรัก

เป็นนิยามให้คิดถึงให้ซึ้งค่า
เป็นมนตราสอนใจได้ประจักษ์
เป็นบทเรียนยามใจพบพิษรัก
เป็นน้ำใจรักหยาดสายซึ้งตรึงวิญญาญ์

เป็นที่ซุกซบอ้อมอกใจให้ไออุ่น
เป็นหอมกรุ่นแมกไม้ไทยให้โหยหา
เป็นสะพรั่งพรึบกลีบดอกไม้ร่ายมายา
เป็นบุปผาร้อยพรรณฝันฝากใจ

เป็นมนต์จันทร์มนต์ใจยามไกลห่าง
เป็นสว่างนำทางใจสุขสดใส
เป็นมิ่งมิตรไมตรีใจหลอมใจ
เป็นน้ำค้างไพรพร่างสายให้ไม้มวล...
...............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem34706.html
ลำน้ำน่าน 

งามอักษรสารงานเขียนที่เพียรก่อ
เป็นคำพ้อคำชมหลงคำหวาน
แนบติดตรึงดวงใจไปแสนนาน
เพียงกลอนกาลเล่าผ่านงามดวงใจ

จะเศร้าสร้อยร้อยร้าวสักเท่าไหร่
ยังปักใจใผ่รักไม่ผลักใส
แม้นหมื่นคนแปลผิดงามในใจ
จะแคร์ใยเมื่อใจมอบให้กับฝันตน

ให้อักษรกลอนงามประโลมจิต
ก่องานคิดงานเรียนเขียนเป็นผล
เป็นดอกไม้งดงามบานในตน
และเป็นผลเป็นทานบนทางไกล

ขอเพียงสื่อความนัยให้ประจักษ์
ระบายรักรานร้าวกว่าไหนไหน
ขอสักคนเคียงคู่และเข้าใจ
กลอนงามในแปลงามตาม..เข้าใจความคำกวี ...
.................



ความงดงามคือความดี ..ณรังษี 

ก้าวมากับคืนวันอันเวิ้งว้าง 
บอกดวงใจบอบบางให้เข้มแข็ง 
เผชิญหน้ากล้าหาญการเปลี่ยนแปลง 
เสวยแสวงคุณค่าอย่างท้าทาย 

บนเส้นทางสายยาวมีหนาวร้อน 
แต่ละช่วงแต่ละตอนมีความหมาย 
บรรจงฝันปั้นยิ้มให้พริ้มพราย 
ตะเกียกตะกายต่อสู้อยู่เรื่อยมา 

ก็อาจจะมีบ้างในบางหน 
ที่สับสนเสียใจเพราะไขว่คว้า 
อาจจะมีบ้างในบางครา 
ที่น้ำตารินหยดลงรดมือ 

ชีวิตคนรุ่มรามด้วยความหวัง 
ชีวิตมีความหลังเหมือนหนังสือ 
ชีวิตรุ่งเรืองรองด้วยสองมือ 
ชีวิตคือการอยู่สู้ความจริง 

ผ่านมุมหม่นบนโลกโศกสลด 
เรียนรู้รสเศร้าสุขแล้วทุกสิ่ง 
รู้กัดฟันขันแข่งรู้แย่งชิง 
รู้หยุดนิ่งข่มใจให้เย็นลง 

ก้าวมาถึงปลายทางอย่างสง่า 
ซาบซึ้งค่าของมนุษย์สุดประสงค์ 
ทั้งลาภยศชื่อเสียงไม่เที่ยงตรง 
ที่มั่นคงงดงามคือความดี *-*

.................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem54838.html
ร้อยรวงดวงบุปผามาคล้องใจ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem55913.html
กวีแก้วกลางใจไทยทุกดวง

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem36274.html
เมล์รักถึงพุดพัดชา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem37214.html
วิมานดินพุดพัดชา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem38065.html
เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem38031.html
แด่ลูกผู้ชายคนดีที่ชื่อบรีส

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40389.html
ฉันมิใช่นางเอก

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40994.html
ช่อดอกไม้ใช่น้ำตา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem45111.html
ปีกฟ้าติดปีกฝัน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42985.html
นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem49710.html
ด้วยปีกแห่งรัก

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem52581.html
ในว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์งาม!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem58025.html
อรุณสวัสดิ์ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ!รักรจนา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem43864.html
ดายเดียวสู่ดินแดนนิรันดร์กับพระจันทร์สีเงินงาม..

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem34191.html
ผลิดอกที่ตาแล้วมาบานเบ่งที่ใจ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem32306.html
แด่ดวงตาดารางามนามนักเขียน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem33606.html
พลังใจพลังจันทร์



				
26 กรกฎาคม 2549 22:26 น.

กระท่อมพุทธิปัญญา..!

พุด


http://www.christian.ac.th/ctc/HomeThai/Left.html 
(บทเพลงโบราณ)


ราตรีที่..
จันทร์เพ็ญพูนดวงแสนหวานปานน้ำผึ้งรวง
ที่ดูเสมอเสมือน...กำลังจะคลี่ยิ้มบานแฉ่ง
อวดลักยิ้มบนเรียวแก้มงามเหนือราวฟ้าด้วยแสนเกษมปิติใจ
เพื่อ..
พรายแสงอันหวามไหวอ่อนหวาน
ลงมาพร่างพรมห่มนวลใจ
ทุกอาคันตุกะผู้มาเยือน..พิเศษ*คนกวี*และคนดี*นักอยากจะเขียน*
ที่ได้รับเชิญ ให้กำลังค่อยๆเยื้องกรายมากรายใกล้....บริเวณงาน...


จาก..
เส้นทางสายเสน่ห์วนา..
สู่มนตราแห่งท้องนา..สายข้าวกล้าสุกปลั่งดั่งทุ่งทิพย์รวงทอง..
ที่เจ้าของสองดวงใจ ได้รอตัดสินใจ
เลือกสานฝันให้พลันจริง...ได้ทำในสิ่งที่รัก

หลังจาก..
ใช้เวลาหาทำเล ในละแวกนี้
ที่ผืนดินยังคงมีลำคลองสายสวยสายใส
ยังมีไร่นา สวนผสม ยังมีดินอุดม ด้วยแร่ธาตุ 
ยังมากมายธรรมชาติธรรมดาไพร
พอที่จะให้ฝากดวงใจ  น้ำใจ

ได้เริ่มต้นทำในสิ่งที่ดั่งเป็น..*ความฝันอันสูงสุด*
นั่นคือ 
ได้พาผองชน ให้หลุดพ้นจากพงวิบากกรรมกิเลส
มากมีมากมายที่ยังต้องเวียนว่ายวกวน..ทนสู้


ได้รู้ใช้ชีวิตพิสุทธิ์ดำเนินไป
ตามรอยตามแนวทาง*ทิพยทฤษฎีใหม่*
และ
หวังจักให้เป็น..
ที่ฝากใจฝากร่างไปท่ามกลางพงไพรในเรียวรุ้งท้องทุ่งนา
ในปวงป่า ไปตราบชั่วกาล นานเนา ตราบชั่วนิจนิรันดร..
........................


เส้นทาง..
ที่จักเข้ามาถึง*วิมานหล้าวนาสวรรค์*
กระท่อมพุทธิปัญญา..!
นั้นจะผันผ่าน
ดงดอกเสี้ยว*สีขาวพราวสะพรั่ง 
ขึ้นแซมยืนหยัดท้าทายสายลมหนาว 
ดอกสีขาวสะอาดตา ดลห้วงดวงใจ
ให้..
แขกพิเศษกระวีกระวาด นักอยากจะเขียนในดวงใจ 
ยิ่งพบความอ่อนไหวอ่อนหวาน 


เส้นทางที่สะพรั่งด้วยลานเสี้ยวไพร ผสมผสาน 
แทรกแซมกับหมู่แมกไม้...
ที่..
กำลังผลิใบสร้างสีสันต่างๆ 
บ้างสีน้ำตาลแก่ 
บ้างสีเขียวคราม บ้างสีเหลืองอมแสด 


*เครือเถาเท้าเทวดา* 
ไม้เถาที่มีดอกสีชมพู กลีบเล็กๆ 
แต่ละกลีบดุจดั่ง 
พระบาทแก้วแห่งองค์พระมหาจักรพรรดิ 

ขึ้นเป็นแพรพรมหนาแน่น 
เกาะคลุมอยู่เหนือทิวไม้ 
ใบสีเขียวตัดกับดอกสีชมพูอ่อนหวานน่ารักนัก 


*แคร์*ฝรั่งสีขาวแต้มดอกกับกิ่งก้านสีน้ำตาล ไร้ใบ
ดูโดดเด่น ให้ความรู้สึก ทระนง โดดเดี่ยว เข้มแข็ง 

ยามนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งที่เคยผลิ 
ดอกละลานตาได้ปลิดปลิวร่วงโรย
เหลือเพียงใบสีเขียวตองอ่อนลออตา อยู่เต็มต้น 


*กาสะลอง*สีขาวไม่ได้อวดโฉมแบบเช่นเคย 
มีเพียงกาสะลองอินเดียสีแสดนวลอวดโฉมมาแทนที่ 

*สุพรรณิการ์*หรือ *ฝ้ายคำ*สีเหลืองสว่าง 
คลี่กลีบบานยิ้มรับ ยามรถผ่าน
บนเส้นทางสายน้อย...ที่ปราศจากไฟสัญญาณจราจร 
หรือรถพลุกพล่านมากมาย..เฉกเช่นในเมืองหลวง เมืองลวง


สองข้างทาง..
มีเพียงป่าเขาลำเนาไพร 
ท้องนาไกล ลมพร่างไหวพัดข้าวกล้าระบัด
จนเรียวรวงระย้าระยับราวแพรไหมสีทอง
ค่อยๆคลี่ลอนรวงไล่เป็นระลอกคลื่น
ทะยอยทอยทอดกันไปแสนอย่างงดงาม
ราว..
คอยเป็นเพื่อนเดินทาง 
เป็นผู้เย้าคอยต้อนรับทุกผู้มาแย้มเยี่ยมเยือนอย่างยินดี 


*ลานดอกหญ้า*สูงหลายเมตร 
กำลังฟ้อนตัวอยู่ริมทาง 
ตามจังหวะดนตรี..ที่...พระพายดีดสี 

ดอกหญ้าที่นี่ 
มี..
ทั้งสีขาว สีม่วง สีน้ำตาลแดง ช่างงดงามบาดตาบาดใจ
และ
ที่งามจิตงามใจนัก....

ยามย่ำค่ำเมื่อมหาเทพรังสิมา 
จะอำลาโลกทิวา ลานดอกหญ้าจะค้อมคำนับอยู่ส่งเสด็จ 
กลับพิมานแห่งพระองค์ 


ลานฟ้าจะไขม่านแย้มยิ้ม..
ด้วยสีสันพรรณราย คราม แสด ชมพูปนฟ้า 
ต้อนรับม่านราตรีที่กำลังกรีดกรายย่างเยื้องร่างลงมาแทนที่ 
และ..
ในราตรี นี้..ที่ทุกนวลหวานใจ...
ได้รับเสด็จมหาเทวีจันทิมาธร 
เมตตาประทาน พักตร์พิลาสไฉไล 
พร้อม..
หมู่ดารารายประดับเคียงองค์มหาเทวี ดุจ 
ข้อราชบริพารผู้ภักดี
ที่คอยแห่แหนมงกุฎแห่งรัตติกาลด้วยพระเกียรติยศสูงยิ่ง 


สังคีตไพรแว่วหวานจะเริ่มบรรเลง 
หรีดหริ่งเรไรจะขานสำเนียง 
พริ้งเพราะเสนาะกังวานกล่อมแดนดินถิ่นวนา 

ดอกไม้ป่าอำนวยกลิ่นหอมหวานละมุนละไมในฉมสุคนธาให้ได้ดอม 
และ..
เมื่อมหาเทวีจันทิมาธร เสด็จคืนสู่ทิพย์วิมาน 
มหาเทพรังสิมาจะเสด็จเยือนสู่โลกอีกครา 


ดวงมณีหยาดเพชรเม็ดงาม นาม
 *อัญมณีไพร* จะสะท้อนแสงอุษาแพรวพราว 
ระยิบระยับจับบนปลายใบพฤกษา 

โลกทิวาจะเริ่มบทเพลงแห่งชีวิตอีกครั้ง เป็นวัฏจักรแห่งทิวา ราตรี 


และนี่คือ..
เสน่ห์แห่งวนา ...
เสน่ห์มนตราแห่งท้องทุ่งทอง...ที่แสนหอมหวานเคียงกัน
ที่กำลังคลี่บรรเลงเพลงไพลกล่อมขวัญ
เคลียทุกอ้อมใจ
ให้ยิ่งหวามไหวแสนละไมละมุน อย่างผู้มีใจดวงศิลปิน


กระท่อมพุทธิปัญญา..!พุดไพร
ที่ถวิลหวัง..
สร้างขึ้นเพื่อเปิดรับให้กับทุกนักเขียนและทุกกวีคนยาก
ได้มีที่รจนางานงาม
ได้มาต่อตามเติมใจไฟฝัน 
ได้หันมาเรียนรู้..*ทิพยทฤษฎีใหม่*

ได้พักพิงอาศัย ในร่มเรือนไม้ ชายคาจาก
ได้ฝากได้ใช้ใจดวงดีดวงที่นวลหวาน
มาผสานผสมเพาะบ่มห่มหอม

ฝึกเรียนรู้ธรรม ธรรมชาติ..จากนาข้าว..พราวบึงบัว
จากไร่นาสวนผสม จากสายลมรำเพยพร่างกลิ่นข้าวใหม่
ให้แสนบรรเจิดจิต และเปิดให้ผู้มาเยือนทุกชีวิต


ได้พบได้รู้จักกับความเรียบง่าย
ได้ใช้ชีวิตอย่างแสนติดดินธรรมดา 
ได้รู้ค่าของการมีชีวิตสามัญ
ได้ยินเสียงไก่ขัน 
ได้ยินเสียงระร่ำรินของสายน้ำ

ได้ยินเสียงดุเหว่า นกเขาป่าขันพร้อง
ร้องเพลงเสียงหวาน ๆๆ
ได้นอนดูดวงดอกไม้ไทยบานสะพรั่งทั่วทั้งราวป่าราวไพร
ได้ทอดทัศนาเทวีไสวบนหอมห้วงนภา
ดูดวงดารา ดาวประจำเมือง 
พาให้จิตดวงใสใสใจยิ่งแจ่มจรัส

ได้สัมผัสรัดร้อยวิถีไท 
ให้ได้ค่อยๆพายพาเรือท่องไปในยามเช้า
เฝ้าดูวิถีชีวีชีวิตริมสายน้ำ...


กระท่อมที่กำลังจะเปิดตัวเป็นทางการ ณ..ค่ำคืนนี้
ใน...
ราตรีที่ดวงดาราระดะดวงเต็มไปทั้งห้วงฟ้าห้วงฝัน
ที่ทั้งสวรรค์ แลสิ้นทั้งฟ้าดินอินทร์พรหม..เบื้องบน
มารับรู้เป็นพยาน....


ว่า...
ในเวิ้งกาล ตำนานฝันอันแสนบรรเจิดในโลกหล้า
จักกำลังรอเวลา..เป็นจริง
ให้ผู้คนแลทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าใต้ฟ้าไทอันผ่องอำไพ
 รอเวลา...
ให้นางฟ้าผู้ใจดี มาหยิบดวงดารารายรัศมีที่แขวนฟ้า
ใส่ลง...ไปในตะกร้าทองคำ


แล้ว...
รอกำนัลหว่านโปรยรับขวัญทุกดวงใจ 
แด่ทุกกวีไทกวีทองใจดวงทอง
ดวงผ่องผุดพิสุทธิ์ พรสวรรค์พรรณราย
ที่ดั่งมี..
อัญมณีฉายฉานโชติช่วงชัชวาลย์  ณ..บ้านภายใน
ที่จักใช้พลังใจไฟฝันมาปันพลี
 ความดีความงามความเมตตา...
จาก..
จิตวิญญาณอันแสนงาม
แสนบริสุทธิ์ใสแด่ผองชนคนร่วมชะตา
ใต้หล้าใต้ฟ้าพสุธาไทยเดียวกัน....


กระท่อม..
ทั้งเธอและเขาคนดี ได้หลอมรวมใจนานหลายปี
อย่างพากเพียร มิสิ้นสุดมิหยุดหวัง 
จน...
ถึงตราบวันนี้ ...
วันที่...ฝันนั้นพลันกลายจริง
ด้วย..
พลังแห่งสิ่งที่เรียกกันว่า*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ..*
ระหว่างเขาและเธอ..


แล้วก็...
กี่ปีแล้วนะ ที่หากนับนึก ถึงนาทีนี้
ประมาณ5ปี ใช่แล้ว5ปีแห่งความอดทนรอคอย
อย่างผู้มิน้อยใจในโชคชะตา 
อย่าง..
ผู้รู้ค่าคำว่า*ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา*
อย่าง..
ผู้รู้ค่าว่าการเกิดมาใต้ร่มเศวตรฉัตรร่มรัตนโกสินทร์ร่มรัตนตรัย
ร่มสามสี ขาว น้ำเงิน แดง
สามสายแสงแห่งความยิ่งใหญ่ความจงรักภักดี
ดั่ง..
พลังแห่งความรัดร้อยสมานฉันท์สามัคคี
ที่ได้รวมเลือดเนื้อไทยนี้ให้ยังคงดำรงธำรงอยู่
สืบไปถึงลูกหลานเหลนโหลนไทยในภายหน้า



และ..
กับราตรีสีเงินยวง.
ที่ปวงบุปผาไพร และร้อยพันหมื่นดาวไสว
ดวงฉายฉันท์พรรณรายในว่ายเวิ้งฟ้าสีกำมะหยี่
ที่ต่างพากันมาค่อยๆคลี่ แสงระยิบกระพริบพร้อยพราว
ราว..
ร้อยดาวเรียงดวงด้วยรวงดาวเต็มไปทั้งราวฟ้า 
ให้ท้องนภานั้นแสนดูงามอะคร้าวเกินคำรำพันรำพึง


แสง..จากนวลแสงไต้ ถูกจุด 
ให้ได้บรรยากาศ สาดส่อง ไปทั่วทั้งสองโค้งคุ้งน้ำ

ลานกว้างลานหญ้า  ที่ถูกโอบรายล้อม
ด้วยอาคารชั้นเดียวทรงเรียบง่าย
ที่ฉาบปูนทิ้งทีแปรง
แฝงร่ำความงามล้ำแบบโบราณ 


และ
ทุกห้องหับ
ที่รายล้อมลานหญ้านั้น
ภายในจะมีเพียงแค่เสื่อกก
กับ
ตู้เก่าแบบเดียวกับตู้เก็บพระไตรปิฎก
ไว้เก็บพระธรรมคำสั่งสอน

บนหัวนอนจะมีก็แค่ตอไม้เตี้ยๆ
ไว้วางแท่งเทียนไว้เขียนอ่านหนังสือ

และ
จะมีชานยื่นออกมารับเสากลมรายรอบ
ระบียงอาคารตามอย่างวิหารวัดบ้านนอก

หลังคาใช้กระเบื้องว่าวเก่ามามุง
ให้ดูงามขลังงามคร่ำงามเงียบสงบ


ตรงกลางลาน
คือโถงอาคาร
ที่เลียนแบบสร้างแบบโบสถ์เก่าคร่ำ
ที่ออกแบบหวังต้องการ
ให้อาคารสมถะงามเงียบเรียบง่ายนี้

งามดั่งกระท่อมธรรมกระท่อมทอง
ที่จะให้ทุกดวงใจใสงามนั่งสมาธิ วิปัสสนาในยามค่ำคืน


แทนที่
จะดั้นด้นไปตามโบสถ์เก่า
ที่ทุกคน..แสนศรัทธาใจ

ที่ซึ่งสถาปนิก..
ตั้งใจสร้างให้งามง่ายอย่างที่สุด

มีเพียงยกพื้นสูงขึ้นไป
ไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์โต
ที่งามผ่องผุดสุกปลั่งเพียงองค์เดียว



ไว้เป็นศรัทธานิมิตร
พาพบสะอาดสว่างสงบ
พบจิตกระจ่าง
ให้มีแค่แสงเทียน รำไรกระจายจับ
พระพักตร์พระพุทธิ์ผู้บริสุทธิคุณ 
ส่องสว่างให้กระจ่างจับจิต
ราว*แสงสงฆ์*


ให้ทุกคนที่พิงพักอาศัย..
ได้สวดมนต์ภาวนา
น้อมสมาธิเพียรพลีบูชา
ส่องนำทางในทุกนิยามชีวีชีวิตที่เหลืออยู่
ในชีพนี้
ที่ช่างแสนสั้นเสียนี่กระไร
ช่างไม่มีอะไรจะเที่ยงแท้แน่นอน...


และ..
นอกจากนั้น ...
รายรอบวิหารแห่งศรัทธา ด้านนอก
จะเป็นที่ตั้งแห่งกระท่อม แลเรือนไทยหลายหลัง 
ที่วางตำแหน่งปลูกรายรอบริมบึงบัวนิรันดร์
ให้มี..
*ชานขวัญ ฝัน*ยื่นไปเหนือสระ
เพื่อทอดทัศนาดวงดอกพุทธาสวรรค์


ที่...
เรือนทุกหลัง...
ต่างซ่อนตัวโอบกอดกันอยู่อย่างแสนเงียบงาม สงบ 
ราวย้อนยุคสู่ต้นรัตนโกสินทร์...
ใน..
สุมทุมพุ่มพฤกษ์แมกไม้ไทย ใบบัง 
ดงลำดวน พวงพะยอม หอมหอม 
หิรัญญิการ์ ลีลาวดี โมก จำปี ปีบการะเวก
วิเวก รับ...
ระรื่นเสียงแห่ง ดนตรีไทยเครื่องสายผสม
ที่กำลังบรรเลงบทเพลงลอยลมมาครวญคร่ำ
*สายน้ำนิรันดร์ เนรัญชรา นิพพาน*
 และ..
ตามมาด้วยเสียงเดี่ยวขิมเพลงนางครวญหวนไห้แสนไพเราะ


เหนือสะพานไม้สีขาวโค้งข้าม...บึง
ในยามนี้..
ที่ช่างแสนงามซึ้งงามเศร้า
ด้วยหอมเร้าอารมณ์อันฉมกลิ่นเกสรของ
มวลดวงดอกบัว..นานาพรรณ
เหล่าหมู่ภมรภู่ผึ้งภุมรินทร์ยังบินดอมดมอย่างดูดดื่มดำดิ่ง


สะพานใจ..
ที่ทอดจากเรือนไทยล้านนา
ไปสู่... ศาลาไม้สักทองฉลุลายทั้งหลัง
ที่..
ดูละม้ายแม้นจำลองมาจากเรือนขิงโบราณ

มีร่างสองร่างในชุดสบายๆ 
ฝ่ายชาย...
ใส่เสื้อ ผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาวที่ดูแสนสะอาดตา
กับกางเกงผ้าฝ้ายย้อมสีน้ำเงินเข้ม
ที่ออกแบบแสนเก๋ด้วยวิธีพันทบ
ตลบรัดด้วยสายคาดเอวแบบชุดกิโมโน


กับ..
สาวเจ้า ที่ใบหน้างามสงบสง่า
เพราะ...
เธอพันทบตลบม้วนมุ่นมวยผมราวแพรไหม
แล้ว...รัดร้อยรอบไว้ด้วยเกี้ยวดวงดอกพุดซ้อนพร้อมปักปิ่นเพชร
ลายละอออ่อนราวกลีบดอกไม้หลากสีแสนหวาน..
พร้อมคล้อง*สร้อยกรอง*จากดวงดอกลีลาวดีรอบลำคอระหง
และ..รอบข้อมือนวล...


เธอ...ดูงามพริ้งพราวผุดผ่องยองใย
ในเงามืดเงาไม้ 
ในเงาจันทร์ฉายสีเงิน
ที่..
กำลังสะท้อนทอทาบอาบผ้านุ่งยกทองลายดอกพิกุลสีฟ้าอมโศก
จนเกิดเงางามระยิบระยับ 
กับ...
เสื้อผ้าชีฟองบางเบาสีฟ้าเทาพยับหมอก
ที่แสนขับผิวให้ยิ่งงามผ่องพราย..
ดั่งมีรัศมีกระจายรายรอบร่างเธอ


สองร่างกำลัง เอนอิงพิงไหล่ 
ทิ้งใจดื่มด่ำกับบรรยากาศรายรอบ
เสียงกวีบางคน
กำลังได้อารมณ์ล้ำลึก 
เริ่ม..
ขับบทกวีชมไม้ของ
*เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์*(เจ้าฟ้ากุ้ง)
ซึ่ง..
ช่างแสนหวานซึ้งโศกสะเทือนใจลอยลมมา
ในท่ามกลางมวลหมู่ดาวเดือนดาริกาเกลื่อนฟ้า
มาให้ยิ่งแสนประทับใจ...ดื่มด่ำใจ



...........
..................
.............................
พุทธชาติดวงน้อยน้อย         คิดเจ้าร้อยพวงมาลัย
จำปาสายสุดใจ                    แซมเกศเกล้าเจ้าถอดถวาย
    
   พุทธชาติดวงน้อยกลิ่น       เปรมใจ
เจ้าช่างกรองมาลัย                เลิศแล้ว
จำปาเสียบแซมใน                มวยมุ่น
หอมพี่ชมน้องแก้ว                ถอดหยิ้นทูนถวาย
    
  ลำดวนเจ้าเคยร้อย             กรองเป็นสร้อยลำดวนถวาย
เรียมชมดมสบาย                  พี่เอาสร้อยห้อยคอนาง
  
 ลำดวนปลิดกิ่งก้าน               สนสาย
กรองสร้อยลำดวนถวาย         ค่ำเช้า
ชูชมดมกลิ่นสบาย                 ใจพี่
เอาสร้อยห้อยคอเจ้า              แนบหน้าชมโฉม...
................
..................................


ทิพยทฤษฎีใหม่ (Heavenly Kings Theory) ลำน้ำน่าน 

กาลคิมหันต์หงส์ฟ้ามาลับหาย
ผลัดปรายโพธิ์ประดู่ฤดูสมาน
หอมหวนทฤษฎีหล้าฟ้าประทาน
อย่าปลิดปราณดวงชีวาพสกนิกร

อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ผลิผลิตผลเกษตรสรมสลอน
หวานโลกธาตุหมื่นฟ้าวนาดร
พื้นอัมพรสยามสรรเสริญบูชา

มาประกาศกสิกรรมแก้วประคุณปราชญ์
ชาดหรคุณทฤษฎีที่ปรารถนา
ประหนึ่งพระพิรุณรุกขเทวา
จุติมาเหนือแว่นแคว้นแดนดิน

ทฤษฎีใหม่ฝ่าละอองธุลีพระบาท
อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
หวังวักน้ำพระทัยทิพย์ดื่มกิน
รดไปสิ้นรณเกษตรล้างวัตถุนิยม

พารุณสมัยไขแสงทองต้องบ่อบึง
กระโดดผึงพล่านปลาธาราประสม
ประสานศัพท์ไก่แก้วโก่งขันระงม
อุดมพันธุ์เหนียวจ้าวข้าวเนื้อทิพย์

พริ้มพรายช่อชะพลูตำลึงเรียง
เลื้อยระเบียงเลื้อยร้านดาษดื่นดิบ
ทยอยยอดทยอยปลิวไปลิ่วลิบ
จะเครียวหยิบช่อปาริชาตมาบูชา

ธัญมณฑลทฤษฎีเก่าดั้งเดิม
เติมแต่งใหม่หวานหอมเสน่หา
หนึ่งนิมิตทิพย์บึงบางชโลมนา
สองขุนข้าวกล้าข้าวขวัญละเลงลาน

สามจัดสรรจตุรทิศทรัพยากร
แบ่งบรรจถรณ์หมอนมุ้งผืนเสื่อสาน
สี่หว่านไถไร่พืชผักตระการ
ฝั่งฝายลำธารพล่านปลาทั้งสกล

พฤษภสัตว์กงเกวียนรอยคลองไถ
เทียมแอกเอกเกรียงไกรกี่โกฏิหน
โอบอุ้มชีพอย่าอาสัญบรรพชน
ไว้บนกระดูกสันหลังขนานพสุธา

ข้าวแตกรวงได้ทอดกายปศุสัตว์
วัฒนาการจำเริญวัยเว้นพรรษา
อยู่คู่บ้านคู่เมืองโบราณมา
ธนาคารโคกระบือที่เทพประทาน

ยุ้งฉางยังข้าวเปลือกฟางฟ่อนหอม
ห้อมล้อมรุกขชาติทิพย์ผลาหาร
เปิบข้าวแดงแกงร้อนไม่ดักดาน
ไหววิญญาณแต่พออยู่พอกิน

ทฤษฎีใหม่ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
กว่าจะชนะวัตถุนิยมกลืนแผ่นดิน
ทนจนสิ้นทุพภิกขันดรกัปนับเทอญฯ

................

วสันต์ลีลาฟ้าสีทอง  พุดพัดชา


วสันตฤดูหลงฟ้ามาพร่างสาย
พราวพรายประดับรวงเรียวรุ้งหวาน
ดั่งหยาดเพชรเก็จแก้วก่องตระการ
หอมดวงมาลย์เลี้ยงผืนหล้าพสกนิกร

น้ำพระทัยใสงามดั่งหยาดทิพย์
ทิพยนิรมิตทฎษฎีใหม่พลีฝากสอน
ทุกรอยบาทหยาดพระเสโทเอื้ออาทร
ดับแล้งร้อนด้วยน้ำพระทัยใสเมตตา

กสิกรรมแก้วเกษตรกรไทยใจเกินปราชญ์
ดั่งศรีชาติสนองคุณพระผ่านหล้า
พระพิรุณดั่งเพชรพร่างสวรรค์เทวา
หยาดสายมาให้ชนฉ่ำระร่ำริน

หมื่นทิพยพระราชดำริฝ่าละอองธุลีพระบาท
อัญมณีราษฎร์ตราจำมิสูญสิ้น
ดั่งบ่อน้ำพระทัยทิพย์วักดื่มกิน
ตราบจนสิ้นโลกล้างวัตถุนิยม..

แสงสุริยายามฟ้าพรายฉายเรียวรวง
ราวขวัญสรวงโลมหล้าฟ้าอาบห่ม
บัวตระการปลาฮุบเหยื่อผึ้งโฉบชม
แดนอุดมข้าวพันธุ์ทองผ่องระยิบ

งามเหลืองพราวโสนน้อยคอยเคียงนา
อีกระย้ายอดผักบุ้งรอยื่นหยิบ
ธรรมดาไพรธรรมชาติใจนิรมิต
ธรรมทิพย์วิถีโลกลบโศกวัน...

พอเพียงเพียงพอสงบงามสมถะ
รู้ซึ้งค่าสามัคคีสมานฉันท์
อิงดินน้ำลมไฟเอื้อโอบกัน
คือสวรรค์บนหล้าใต้ฟ้าไท..

สานรังสรรฝันงามนิยามให้
คนแมกไม้ข้าวกล้านาหว่านไถ
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่านะดวงใจ
อยู่อย่างไทยใจไม่เป็นทาส ชาติเสรี

ทิพยทฎษฎีใหม่สายธารใจฝ่าละอองธุลีพระบาท
คือขวัญชาติขวัญหล้าฝากศักดิ์ศรี
ให้นานาอารยะโลกสดุดี
ภูมิพลภูมียอดพระมหากษัตริย์ไทยใจดั่งทอง...
.....................



เสียงสรวลเสเฮฮาตามประสาคนพันธุ์จิตเดียวกัน
ได้สนทนาแลกถ้อยทัศนะกันอย่างคนมีไฟฝัน 
พรสวรรค์พรแสวง
มีแรงใจไม่มีสิ้นสุด ...มิหยุดรักผองชนคนร่วมชะตา
ที่..
อยากร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาจิตวิญญาณ 
อันคือ..
แก่นหรือฐานรากแก้วสำคัญของคน
ของเหล่าชนมวลมนุษยชาติ ที่จักขาดมิได้ หากโลกยังคงหมุนไป
เพื่อ..
คงความศิวิไลซ์ในทางสร้างสรรปันพลี.
อย่างไม่มีที่สิ้นสุดหยุดได้เลย
 

เสียงหวานแว่วของบทเพลงไพร
เสียงสายน้ำไหลระรี่ระริก เสียงใบไม้พลิกพลิ้ว 
เสียงปลากระโดดผึงดีดตัวยามฮุบเหยื่อโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ 
ที่ณ..บัดนี้..
ดวงดอกบัวขาว บัวแดง
กำลังบานแข่งกันรอรับพรายแสงจันทร์พราว

เสียงชายหนุ่มเอื้ออุ่นอ่อนโยน
ในขณะโอบไหล่เธอคนดีแน่นกระชับ
อย่างแสนรักใคร่..ทะนุถนอม...
*เจ้าจอมใจจอมขวัญเทวีสวรรค์..เทพีไพร*แห่งดวงใจเขาคนเดียว


*เป็นสุขไหมครับคนดี กับฝันนี้ของสองเราที่รอมานาน*
*เชื่อรึยังละครับว่า 
คำอธิษฐานจิตของเรานั้นทำให้ฝันเราเป็นจริงแล้ว*


*คนดี..
ผมดีใจที่เห็นเรือนไทยพุทธิปัญญา..!แห่งเรา 
ได้สืบสานตำนานคนกวีคนยากแห่งผืนดิน
และ..
ยังบันดาลดลให้คนไกลปีนเที่ยงคนชายขอบชายเขา 
ที่สิ้นไร้โอกาสได้มีที่ที่เขาจะพึ่งพาพักพิงมาอิงอุ่นใจได้
มา..
ขอคำแนะนำได้ไม่ว่าทางด้านจิตวิญญาณ
หรือทางสาขาอาชีพ
ที่เขาจะได้มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ในโลกใบนี้
ได้อย่าง มีปัญญา รู้ขยัน สมถะ พอเพียง
รู้เลี่ยงกิเลสโลก 
ไม่เป็นทาสของโศกมอมเมาโลกวัตถุ และเงินตรา
ความโลภ ตัณหาราคะ เข้าครอบงำจิตดวงใสใจดวงทองดวงธรรม*


ให้เขาได้ รู้ว่า..
ถึงมาตรแม้น
วันคืนจักหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ไปกับกระแสแห่งกาลเวลา
ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง 

หากทว่า..
รอยอดีตงามเงาแห่งเงียบงามท่ามวิถีไทยวิถีทอง
วิถี มีบ้านเรือนริมคลอง และท้องนา ยังคงมากล้นค่า 
ยังมีคน..
ตั้งปณิธาน อธิษฐานจิต ได้มีผู้คิดสืบทอด
ให้มิมลายสลายลาลางเลือนไปดั่งละอองไอเพียงในความทรงจำ


ให้ยังคงรู้ค่าข้าวทุกคราคำทุกคราคราว
ยามได้รับรสอิ่มหนำสำราญ

ให้รู้ค่าคน ค่าควาย 
ค่าชาวนา...
ผู้ที่ยังยอมเสียสละกาย หยาดเหงื่อแรงงาน
เพื่อหว่าน หวัง รวมพลังลงแรงในทุ่งไทย ทุ่งทอง 
ครรลองแห่งภูมิปัญญาผืนดิน 
ให้รอยไถไม่แปรไปในทุกถิ่นไทยถิ่นที่
ให้มาเลี้ยงเรานี้..


ให้ยังได้มีสมองสองมือ ได้หยัดยืนทรนง
เพื่อคงค่าความเป็นมนุษย์
เพื่อ..
สานสร้างลมหายใจบริสุทธิ์
พลีแด่....
ผองเพื่อน ผู้ที่ยากไร้กว่า 
ให้..
สมค่าคนที่ได้เกิดมาในร่มเงาไตรรัตน์ร่มพระมหาเศวตรฉัตร
ร่มฉัตรเพชรฉัตรแก้วแววประภัสสรไสวสว่าง
ที่สอนให้..
*ดวงจิต*รู้..พบงามแห่งการเสียสละทำความดีมีเมตตา
ตราบจนกว่าจะผืนพสุธาจะกลบหน้า...


*ไม่น่าเชื่อนะครับ
จากฝันเล็กๆของเรา..
ที่จะให้มีสถานที่สักแห่ง
ที่แสนเงียบงาม ในท่ามธรรม ธรรมชาติเงียบงามสงบสุข
ไร้การบุกรุกจากโลกศิวิไลซ์ 
ให้..
เราทุกดวงใจที่มีใจราวดวงเดียวกัน
ที่ยังมีไฟฝันที่จะสืบทอดความสมถะพอดีพอเพียง
และ..เลี่ยงกิเลส เมือง ..
หันมา..
หาความประเทืองประทับใจจากวิถีไทยวิถีทองวิถีทุ่ง
ให้..
บ้านเมืองเรายังได้พบเรืองรุ่งในทางจิตวิญญาณ 
ซึ่งทั่วทั้งโลกหล้า
ต่างพากันเห็นดีเห็นงาม 
อยากเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
พระมหากษัตริย์ไทยที่ยังทรงทศพิธราชธรรม


และ
ยังทรงเป็น ผู้นำในทางด้านความงามจิตภายใน
รู้ใช้ธรรม ธรรมชาติมาผสานผสมให้ไทยทุกคนได้
พบกับ
ความขยันสมถะพอดีพอเพียง 
มิต้องเสี่ยงกับสิ่งยั่วยุจากกิเลสวัตถุ
ที่เวียนวนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด
ที่จะทำให้เรา สูญเสียความเป็นมนุษย์เข้าทุกวี่ทุกวัน*
...........................



คนดี..อย่ายิ้มล้อพ้อผมด้วยดวงตาแบบนี้นะ...
เดี๋ยวดึกๆคอยดูนะ ผมจะขอลาแขกนอนแต่หัววัน
ว่าแล้ว..
เขาก็ทำตาเจ้าชู้ ..ให้..ดาวรุบหรู่ เดือนกระพริบ..ระริบหรี่
รอ..
พร้อมพลี..หยาดสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน..อวยพร...!!!!!

.............................
.......................................
				
23 กรกฎาคม 2549 01:22 น.

เพียงรอ..นิรันดร์..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(เธออยู่ไหน..ฉันรักเธอเสมอ)

ไพล..ในชุดผ้าลินินสีขาวยาวกรอมเท้า 
เปิดไหล่ล้ำกลมกลึงให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งรวง
รายรอบคอจับจีบรูดระบาย 
ผูกเป็นโบว์ปล่อยชายพลิ้วไหวสะบัดลม..ยามย่างเยื้อง
หมวกลายลูกไม้ สีขาว 
ขับเรียวหน้าละออ เนียนละมุน งามสะอ้านหวานจับใจ


แสงอาทิตย์ยามสนธยา 
ทอทอดสาดส่องต้องเรือนผม
จน ..
เป็นประกายสีน้ำตาลทองเจิดจ้าจรัสมลังเมลือง 
ไล้เรียวหน้าดั่งทองทา..

รองเท้าผ้าใบสีขาว 
รอบข้อเท้าคือสร้อยทองเคงามเรียบ มีเพียงเสียงกังวาน
กรุ๊งกริ๊ง กระทบกันเบาเบาแสนเสนาะยามเธอก้าวเดิน


ไพล..ก้าวลงเรือ ข้ามไปยังอีกฝั่งฝันเจ้าพระยา
ยามอาทิตย์เริ่มลาลับลา 
ทิ้งแสงสวยเศร้าส้มสุกทั่วทั้งท้องนภา
และ..ท้องน้ำราวอาบด้วยมนตราของทองคำ
ทาทาบอาบเปลวระยิบระยับ

ไพล..ทอดสายตาซึมซับรับซาบซึ้ง 
ที่กำลังลึกล้ำถึงด่ำดื่ม
ให้สายน้ำ ซอนแทรกฉ่ำหวานระรินละล่องเข้าครองเนื้อใจนวล

ยิ้มหวานตรงเรียวปาก ให้กับคนขับเรือ
เพราะเที่ยวนี้มีเธอข้ามมาเพียงลำพัง
กับค่าโดยสารข้ามฝั่งที่ราคาแค่สองบาท 
ตั้งใจว่าให้คุ้มค่าน้ำใจ ค่าน้ำมัน 
เธอคงจะวางเงินมากกว่าจำนวนนั้น โดยมิหวังเงินทอน


และ..
กับทุกคราที่เธอข้ามมาณ.เกาะเล็กๆแห่งนี้ 
ซึ่งเป็นเกาะที่สามารถมาซุกซ่อนสุขทุกข์
ซึ้งเศร้า เคล้าคลุกงานงามเครื่องปั้นดินเผา
ที่เลืองชื่อฝีมือชาวมอญ ละเมียด
ให้ลืมโลกจริงไปชั่วขณะ ที่มากเรื่องร้อยราว
มากเศร้ามากสุขมากคน หมุนวนหมุนเวียนซ้ำๆซากๆ..


ไพลจะเดินเดียวดาย นั่งริมฝั่งชลใต้เงาไม้ 
ดูลำน้ำลำนำเจ้าพระยา
เฝ้าเห่กล่อมหลอมดวงใจ...หอมดวงใจ..
ดูบ้านเรือนไทยริมน้ำ ที่พาให้หลับตาตามฝันไกลไป
ถึงอดีตอันเรืองรุ่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ที่คงงามเรียบง่ายสงบสบาย 


เพื่อให้อบร่ำดวงใจ ใสเย็น ให้ผู้มองเห็นงามง่าย 
ได้ชิดใกล้การใช้ชีวิตกับสายน้ำและความสะมุนละไม
กับธารน้ำรักน้ำใจที่ยังระรื่นชื่นฉ่ำ
ไหลเอื่อยอ่อยลอยละล่องราวแดนหิมพานต์..
เป็นธารน้ำใจระรินร่ำที่ยังมีเยื่อใยผูกพัน 
เชื่อมโยง ดั่งลำนำลำน้ำแห่งชีวิต


ในคลองตาเธอ
มีเพียงหยาดน้ำใสคลอคลองซึมซึ้ง
เมื่อคิดถึงใครคนหนึ่ง
ด้วยความซึ้งโศกสะเทือนใจ
ใครคนที่..
เคียงชีวีชีวามานับกาลเวลาหลายปีเดือน
คน...ที่..
ดั่งเพื่อนทางจิต 
ดั่งมิ่งมิตรที่แสนรู้ใจเข้าใจเธออย่างดีที่สุด


เสียงเพลงหวานแว่วแผ่วมาในคลองใจ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ 

หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์

เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
 

และ
ในมโนคะนึงราวเธอได้ยินเขาขับลำนำ
บทกวีที่แสนงาม ลอยลมมาในยามนี้....
 ที่*เขา*
*ลำน้ำน่าน *บุรุษแห่งสายธาร*
รจนาพลีแด่แม่ดวง*อัญมณีแห่งไพรพฤกษ์*
เมื่อ..
ครบรอบวันคล้ายวันเกิดนานมา....


เอาดิถีมาฆะฤกษ์วรทาน
แย้มมิติวิญญาณสาส์นรังสรรค์
ร้อยวลีอักษรบวรพรรณ
มอบกำนัลสุมาลีกวีมิตร

เอาพระพุทธเจิมใจจนใสนิ่ง
เชิญสัจจริงหิ้งพระมาสถิต
ทิวากรว่อนเวียนเปลี่ยนชีวิต
นฤมิตครบปีที่บรรจง

เด็ดดอกไม้ร้อยป่ามาร้อยรวง
เป็นดอกดวงร้อยใจให้ใหลหลง
ยกวิมานรุกขเทวาจากป่าดง
อีกสายน้ำนามวงก์วสุนธรา

มาร่อนเรียงเคียงใจสู่ไกวัล
มาปกป้องคุ้มกันวัลย์พฤกษา
มาหล่อเลี้ยงอัศจรรย์นัยนา
แทนอวยพรวิจิตรามาลินี

ดูรา-กาลโยกคลายโศกเศร้า
ประจักษ์เงาพระพุทธวิสุทธิ์ศรี
ตราบปาริชาตดอกฟ้ามาลาตี
ยังโปรยปรายสายนทีนิรันดร์กาล

เพียงหนึ่งพิศมองไปใคร่จักแจ้ง
เห็นเริงแรงทิพยรสกฎสถาน
ทั้งไตรโลกอาจสิ้นไปไร้ตำนาน
ปลาสนาการกวีแก้ววิเศษศิลป์

บทนิพนธ์คือค่าอมตะโลก
อุปโลกมโนจิตนิมิตถวิล
ชีพจรอ่อนไหวจากใจดิน
จดมณฑลเทวินทร์พรหมวิมาน

เหล่าไพฑูรย์รัตนาค่าอักโข
ทุกมโนเจียระไนเพชรไพศาล
ทั้งโลกธาตุไกวัลชั้นบาดาล
หอมกำยานธูปกวีสุคนธพจน์

เพราะเสน่ห์สง่างามท่ามกลางชน
ด้วยดอกผลกุศลกรรมนำกำหนด
ทุกผัสสะแห่งจิตนิมิตอรรถรส
ให้ปรากฎเฟื่องฟ้าสุธาสินี

นำมาลัยร้อยรสพวงพจน์ทิพย์
เพียงหนึ่งจิบอมฤตวิจิตรศรี
เพื่อต่อลมชีพจร...อรชรกวี
ยามมงคลสวัสดีมาฆะบูชา

รัตนชาติแห่งไพรสมัยเสมอ
จงบำเรอผองมนุษย์ทุกทิศา
ด้วยมณีบัวบุษย์พุดพัดชา
ประดับโลกโตรกป่าแวววิเชียร

อมตะไพรพรูสุวรรณศิลป์
ปณิธานกวินคุมบังเหียร
รัตตัญญูแท้จมดินสิ้นแสงเทียน
ทุกภพเปลี่ยนอสงไขย...ฤาไร้กวี

----------------------------------



และยามนี้
 หัวใจนวลดวงน้อยนี้กำลังฉ่ำ
กำลังสดชื่นอย่างแปลกประหลาดพิลาสพิไล

ยามที่ไพล..เดินเข้าไปในโบสถ์ 
พร้อมดอกไม้ไทย ใส่กระทงใบตอง 
พร้อมพวงมาลัยหอมงาม
ที่ไพลเลือกมาผสานล้ำลึกให้จรุงแจ่มจรัสใจ
ในการนำมาบูชาพระ กราบพระ...


โบสถ์เก่า หลังงามนั้น กำลังซ่อมแซมทุกบานหน้าต่าง
ให้ช่างมาเขียนลายที่หลุดลอก..
มีองค์พระนอน สมัยอยุธยา ในท่าสิริไสยาสน์
งามจนอิ่มใจเอิบงาม โอษฐ์แย้มยิ้มด้วยพระเมตตาธรรม
พระพักตร์เปี่ยมกรุณา 
จนน้ำตาซึมกับสายพระเนตรอับโอบเอื้ออ่อนโยน


ไพล..ทรุดตัวลงนั่ง น้อมมโน ดื่มด่ำ
ด้วยศรัทธา แล้วก้มลงกราบนิ่งนาน

เย็นมากแล้ว 
นกกาเริ่มจ๊อกแจ๊กโผบินกลับรัง คืนรัง
ลำแสงสนธยาลอดผ่านบานหน้าต่างที่แง้มบานไว้
แสงสีทองส่องสว่างสาดจับไปที่พระพักตร์ผุดผ่อง
ดั่ง...
พุทธะบัวทองพิสุทธิ์บานกลางใจสว่างไสวลดมืดมน..


ชั่วหลับตา ...
ไพลราวย้อนหลังไปในอดีตอันเรืองรุ่ง 
แว่วเสียงสังคีตดีดกล่อม
หวานแว่วแผ่วเบามา
กับลำน้ำลำนำเจ้าพระยากับลมรำเพย เย็นร่ำฉ่ำหวาน
ผ่านในอณูนึก...

ไพล..เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาพร่างรินมิสิ้นสาย....!!!!!!!!!

....................................


และ..
คนดี...กับราตรีนี้..
ที่..
ได้แต่ฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว
อยากเฝ้าทวงถามว่า...
เธออยู่ไหน..เธออยู่ไหน ..
และ..
ไย..
ปล่อยให้..
ร่มรักเรือนไทยเรือนทองเรือนริมคลองฝัน.ฝัน.เงียบงัน
และ
ปล่อยให้ขวัญ..ขวัญคว้าง เพียงรอ..รอรอ...รอเก้อ...
รอเพ้อเพียงเธอ...ที่..เหลียวหา..ไม่มี...!!!!




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html
เธออยู่ไหน 

ญใครคนนั้น ที่ ฉัน
ฝัน ถึง เขา
ใครคนนั้น ยิ้ม เศร้า เศร้า
เขา อยู่ ไหน
ใครคนนั้น ที่ฉันรัก
เหมือน ดวงใจ
อยู่ที่ไหน นะจันทร์
ฉัน หลง คอย
ชอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ
หรอกขวัญ จิต
โปรดจงคิด ถึง กัน
สักวัน ละหน่อย
อาจแทรกอยู่
กับน้ำค้าง กลางดาวลอย
อาจจะยิ้ม อย่างละห้อย
คอย สัมพันธ์
ญเธอ อยู่ ไหน
ชฉัน อยู่ นี่ ที่รัก จ๋า
ญเธออยู่ไหน
ชในดารา คือ ตา ฉัน
ญเธออยู่ไหน
ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ
ชที่กลางใจ เธอ นั้น
คือ ฉัน เอย

ญเธอ อยู่ ไหน
ชฉัน อยู่ นี่ ที่รัก จ๋า
ญเธออยู่ไหน
ชในดารา คือ ตา ฉัน
ญเธออยู่ไหน
ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ
ชที่กลางใจ เธอ นั้น
คือ ฉัน เอย... 
 


				
21 กรกฎาคม 2549 09:59 น.

แค่เสียใจ..ไม่พอ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2126.html
(แค่เสียใจไม่พอ)


ฟ้าโพล้เพล้ใจเหว่ว้าน้ำตาเอ่อ
หลงละเมอมายาฝันวันสับสน
แท้ที่จริงแค่ทางผ่านรานกมล
ให้ทุกข์ทนถมทับดับดวงใจ

เจ้าแชมพูเพื่อนยากคว้าแนบอก
น้ำตาตกเปียกหมอนรอนรอนไหว
คือวิบากกรรมจำชดใช้นะดวงใจ
ต่อนี้ไปลั่นดาลรักสลักตรึง

ไม่มีวันไม่มีทางอ้างว้างนัก
ไม่มีภักดิ์ไม่หลงเชื่อใครฝากซึ้ง
ถอดใจวางปลายโลกร้างสิ้นคะนึง
ชีวิตหนึ่งต้องคำสาปสวาทวาย

หันหลังลาวันนี้ก็ดีแล้ว
ใจดวงแก้วแหลกยับดับสลาย
ฝังจมดินสิ้นพิสวาทตราบวันตาย
พลีใจกายตายทั้งเป็นเซ่นสังเวย....!!!

..................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2126.html
แค่เสียใจไม่พอ 

วันที่เธอเดินไปจากฉัน
อาจเป็นเหมือนวันแห่งความช้ำใจ
แต่ที่ทำให้ใจต้องช้ำ เกินไป
คือวันนี้ ที่เธอกลับมา
คำเสียใจที่มีให้ฉัน นั่นมันยิ่งทำให้มีน้ำตา
ตัวฉันเองเหมือนคนที่ไร้ราคา
จะมีค่าแค่คำว่าเสียใจ
บอกฉันซ้ำซ้ำ ว่าเธอเสียใจ
แต่ไยวันนั้น ไม่คิดบ้าง
เมื่อเธอแปรผัน เมื่อรักจืดจาง
ฉันจะช้ำใจอย่างไร
เอ่ยซักคำที่ดีกว่านี้ สักคำที่ดีกว่าคำเสียใจ
คำที่ทำให้เราจบสิ้น กันไป
จากวันนี้ จนตายก็พอ

บอกฉันซ้ำซ้ำ ว่าเธอเสียใจ
แต่ไยวันนั้นไม่คิดบ้าง
เมื่อเธอแปรผัน เมื่อรักจืดจาง
ฉันจะช้ำใจอย่างไร
เอ่ยซักคำที่ดีกว่านี้ สักคำที่ดีกว่าคำเสียใจ
คำที่ทำให้เราจบสิ้น กันไป
จากวันนี้ จนตาย ก็พอ
คำที่ทำให้เราจบสิ้น กันไป
จากวันนี้ จนตาย ก็พอ... 
 




พระเอกขี่ม้าขาวพร้อมจากจร!  


ฟ้ามืด..แต่พรายพราวด้วยดาวพราย
ลมดายเดียวพัดเปลี่ยวเหงา
เดินทอดน่องแหงนมองจันทร์คอยตามเรา
เหมือนเป็นเงา..พริบพราวเฝ้าปลอบใจ..

เอนร่างนอนนับดาวกลางทุ่งหญ้า
หอมละออดอกไม้ป่าจนหวามไหว
พสุธา..ที่ข้ารักเคยพักใจ
ยามนี้ไกลอยู่ไหนหนา..ฟ้าตอบที..

ฟ้ากว้างเมินหนีหน้าคนว้าเหว่
อย่าหลงเล่ห์คำลวงให้คิดหนี
ฟ้ารู้เห็น..ยอดดวงใจ..ไม่ไยดี
เสียเวลาที่เพ้อฝันให้หวั่นใจ...

บอกกับฟ้า..อย่าตอกย้ำให้ซ้ำเจ็บ
ใจหนาวเหน็บพอแล้วกับหวั่นไหว
แค่สร้างพระเอกในฝันไว้ปลอบใจ
รู้บ้างไหม?
เขียนด้วยใจจบด้วยเศร้า..ให้พระเอกขี่ม้าขาว..พร้อมจากจร! 

 
 
......................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6992.html

 No more Second Chance

ที่รัก......
วันนี้หลังเลิกงาน..
ผมรีบตรงดิ่งกลับมายังวิมานไพรแห่งรัก..ของสองเรา.....
เพื่อมายืนนิ่ง..ตัวชา..ใจหาย..ราวร่วงหล่น.....
ผมรู้ด้วยสัญชาตญาน..ว่า..คุณจากผมไปแล้ว..
และหนนี้..คุณจะไม่กลับมาอีก.....
เหมือนดังคำพูดสุดท้ายของคุณ..
ก่อนที่ผมจะผลุนผลัน..ออกไประงับอารมณ์
หลังจากที่เรามีปากเสียงกัน..รุนแรง..เมื่อคืนก่อน......

คุณขู่ผมว่า..ถ้าผมก้าวเดินออกไปจากคุณ..ในวันนี้..
ผมจะไม่มีโอกาส..แม้จะกล่าวคำว่า
เสียใจ..และขอโทษ..ต่อหน้าคุณอีกตราบจนชั่วชีวิต.........

นาทีนี้....ผมเข้าใจแล้ว...และผมกำลังสับสนอย่างที่สุด.......
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า..ระยะเวลา.....
ที่เรารักกันนั้น..คุณจะกล้าตัดสินใจเด็ดขาด..เลิกรา
แค่ชั่วไม่กี่นาที...เพื่อเดินไปจากชีวิตผมทั้งชีวิต.......

ใช่...ผมยอมรับ....ผมทำผิดพลาดไปแล้ว..
อย่างไม่น่าให้อภัย....
คุณก็รู้ดี......ผมยังรักคุณอยู่.....
และรักมาก..เกินจะบอก..เหลือจะกล่าว.....
เหนือคำว่ารัก...คือความเข้าใจของเราสอง....
ที่มีตำนาน..ของความผูกพัน..เสียสละ..
มาอย่างล้ำล้นเหลือเกิน...........

อารมณ์ชั่ววูบ..
ที่คงเป็นอุทาหรณ์สอนใจ..ชั่วชีวิตของผม......ให้จดจำ......
ผมหลงทางไปไม่กี่อาทิตย์....
กับเปลือกของสาวสวยเพื่อนร่วมงาน..ที่ดูเปรี้ยว..เร้าใจ..
และน่าหลงใหล..ให้ค้นหาตามติด..
ในมนต์พิศวาส บาดจิต..บาดใจ..
ที่เขาหว่านเสน่ห์หยิบยื่นให้ผม
หัวปักหัวปำ...ด้วยคิดว่านั่นคือ..
ความแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง..
ท้าทายกายใจให้ชายชาตรีเร่าร้อนรุนแรง
อยากกลายร่างเป็นผู้พิชิตเชย.....ชม....

ผมเพิ่งค้นพบความจริงว่า..ในความรัก..
แม้มีความใคร่ย่อมไปกันได้สวยสดงดงาม....
แต่........
ถ้าเพียงใคร่..สิ้นไร้รัก..ศรัทธา..
ก็เปรียบดังดนตรีเล่นไปคนละทิศละทาง........
ยามผมเผลอไผล..ชื่นฉ่ำใจ..ยากยิ่งยื้อยุดฉุดกายไว้...
แต่..
เหตุใดเล่าใจของผม..กลับไม่อิ่มเต็ม
ในรสรักมากลีลา..ท้าสิ้นโลก..

แต่...กลับคิดถึงอ้อมอก หอมนวลยวนใจที่บริสุทธิ์หวานล้ำ 
ในเรือนร่าง..ที่คุณเป็นของผม..แต่เพียงผู้เดียว...
ทั้งจิตและวิญญาณรักอย่างที่คุณเฝ้าพร่ำบอก.....
ผมดื่มด่ำ..ล้ำลึก  
ทุกครั้งคราน่าแปลกใจในยามรักยามใคร่.....กับคุณ..

มันไม่มีช่องว่างกางกั้น...ที่ผมรู้ซึ้งแก่ใจ..
ในยามนี้ที่ได้บทเรียนปวดแปลบ..แลกมา..
ไม่ว่าผมอยู่กับหญิงใด..ในโลกหล้า....
ก็ไม่สนิทสนมกลมกลืนราวสวรรค์สรรสร้างเรามาให้คู่กัน..
อย่างพอเหมาะพอดี......

โลกให้รักกับผม..คุณให้ความมั่นคงจงรัก..ภักดี..
ที่จะต่อเติมใจ ในศรัทธา..แห่งรักเราสอง........
ให้หลอมละลายกลายเป็นดังวิญญาณดวงเดียวกัน.........

ที่รัก.....ผมนั่งเงียบงัน..ในความมืดมน....
คิดถึงทุกฉากตอน..ทุกอารมณ์..รัก..ชัง..ที่เป็นธรรมชาติ
ของชีวิตรักเราสอง..ที่พัฒนา..ด้วยสนิทชิดใกล้...
ให้สุกงอม..หอมหวาน..ฉ่ำชื่นในรสรัก....
และได้ตระหนัก..เรียนรู้..อย่างลึกซึ้ง..ลึกล้ำ..
กับคำว่า....สายสัมพันธ์ทางใจที่ตัดไม่ขาด.....
ตราบสายใจ......สายสวาท....ยังมิรู้สิ้น ........

ผมเพิ่งวางหูโทรศัพท์..ลง..
ด้วยใจดวงร้าว..ที่ก้องด้วยประโยครานร้าว
จากใจดวงที่แหลกสลาย....ของคุณพอกัน.......

แพรรักคุณ..รักมาก...แต่..เสียใจ..เสียใจไปแล้ว..
เสียความรู้สึกไปแล้ว.....เสียศรัทธาในรักไปแล้ว
แพรไม่รู้เหมือนกัน..ว่า..นานกี่วัน..กี่เดือน..กี่ปี..
ที่แพรจะเยียวยาใจดวงร้าวดวงนี้ให้รักคุณได้มาก
เท่าเดิม....ไม่รู้จริงๆ.........

ที่รัก......ผมเข้าใจ...ผมเข้าใจคุณ...
และผมแค่อยากให้คุณ...เข้าใจผม..เช่นกัน
ในฐานะมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง
ที่อ่อนแอ..หวั่นไหว..ที่สามารถ..ขาดสติ...ไม่ไตร่ตรอง...
ทำผิดพลาดให้คุณช้ำชอกใจจนสุดทน
ผมทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย....ต่อผู้ที่รักผม..ยิ่งชีวิต..
และฝากวิญญาณรักไว้กับผม......
แต่...มันเป็นครั้งแรก...และจะเป็นครั้งสุดท้าย.....
  
ผมอยากขอโอกาส....โอบกอดคุณไว้ ในอ้อมแขน..
อีกสักครั้ง..พร้อมคำสัญญามั่น..ว่า..
ผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป........ตราบชั่วนิรันดร์........



เขียนพลีมอบแด่
*ทุกลูกผู้ชายคนดี.*.ที่ใจพ่ายแพ้ต่อสิ่งยั่วยุ..ไร้ยั่งยืน..ด้วยรักค่ะ ...   


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6992.html
 
Let Me Try Again   Frank Sinatra 

I know
I said that I was leaving
But I just
couldnt say goodbye
It was only self
deceiving
to walk away
from some one who
means eveything
in life to you
You lean from every
lonly day
Ive learnd and Ive
come back to say
Let me try again
Let me try again
Think of all
we had before
Let me try once more
We can have it all
You and I again
Just forgive
me or Ill die
Please let me try
again
I Was such a fool
to doubt you
To try
to go it all alone
Thevs no sense,to live
Without you
Now all I do
is just exist
and thik about
the chance Ive missd
To beg
is not an easy task
But pride
is such a foolish mask
Let me try again
Let me try again
Think of all
we had before
Let me try once more
We can have it all
You and I again
Just forgive
me or Ill die
Please let me try
again 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด