14 ตุลาคม 2549 21:10 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4407.html
พิษรัก
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังใจ
พิษรักที่คุณฝากไว้
ช่างแสนร้ายกาจ
ถึงเป็นไข้ กินยาก็ยังหายขาด
แต่พิศวาสตัดไม่ขาดอนาจใจ
ไม่ควรริรักที่เกิดระทม
พิษรักนี่มันขื่นขม
ตรอมตรมหมองไหม้
เหมือนในอก
หมกเพลิงราวภูเขาไฟ
ตัดรอนถอนพิษไม่หาย
ก็เปรียบดังตายไปแล้วทั้งเป็น
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย...
....................
บทเพลง*พิษรัก*
กำลังบรรเลงครวญคร่ำ
พร้อมกับน้ำตาฝนน้ำตาฟ้าคงละหลั่งริน.....
ขอ....
ฝากคำปรารถนาดี...ห่วงใยมิรู้สิ้น...
ไปถึง....
*แม่ดวงดอกบัวทองผ่องผุดพิสุทธิ์งาม*
ที่ไปฝากคำรานร้าวเศร้าใจไว้ในงาน
เรื่อง
หอม..หอม..พรายแม่ดวงดอกไม้ร่ายฟ้อน..!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem93897.html
................
...........................
...............................
*พี่พูดถูกค่ะ บุญเหนือบุญคือการรู้จักตนเอง
เป็นบุญอย่างมากที่หยุดคิดได้
แต่ก้อ ยากมากนะค่ะที่เราจะทำได้
สติของเราเองถ้าเราไม่มีสติพอ
ทุกอย่างก้อต้องรุนแรงตามไป
ก้อเหมือนกับรักมากเกลียดมาก
ยิ่งรักยิ่งแค้น นี้แค่เปรียบเทียบนะค่ะพีพุด
แต่ที่บัวโดนมันอุบาตเกินไปค่ะ
แค่ไม่ใช่มาถึงตัวนะค่ะ
ถ้ามาถึงตัวบัว ตายคามือบัวไปแล้วแหละค่ะพี่
แต่ถึงอย่างไรบัว
ก็จะพยายามฝึกใจตัวบัวเองให้ถึงที่สุดค่ะ
ให้หลุดพ้นให้ได้
ให้เหมือนดอกไม้ของพี่ยามแรกแย้มสดใส
น่าชื่นชม ยามเหี่ยวเฉา
ก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลาไม่มีอะไรแน่นอน
แต่เพียรความดีความถูกต้องจะอยู่กับเรา
ไปทุกภพทุกชาติ
พี่พุดค่ะบัวลดทิฐิลงแล้วค่ะ
บัวรู้ค่ะว่าบัวมีทิฐิไม่ช่วยให้บัวดีขึ้นเลยค่ะ
บัวอัดอั้นตันใจเป็นที่สุดค่ะพี่พุด
บัวก้อยังห่วงคนรอบข้างบัวเสมอ
ในบางครั้งบัวก้อคิดว่าตัวบัวบ้าไปหรือป่าวค่ะ
ห่วงทำไมกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า
แค่รู้จักเท่านี้เอง แต่ก้อห้ามใจไม่ได้ค่ะพี่
พี่พุดค่ะ บัวชอบเพลง อุทยานดอกไม้มากค่ะ
บัวอัพเพลงนี้ไว้ในเครื่องบัวนานมาแล้วค่ะ
เวลาบัวฟังบัวจะรู้สึกมีผ่อนคลายมากค่ะ
พี่พุดรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
เวลาบัวร้องให้เสียใจบัวจะมาเปิดอ่าน
งานพี่เสมอค่ะ บัวเป็นห่วงพี่นะค่ะ*
...........................
คนดีคะ......
จะหาคำใดมาประโลมใจได้ดีเท่ากับ
หยาดน้ำอมฤตธรรม
ที่...
ตัวพี่พุดเองก็ยังต้องคอยระร่ำรินรด
ค่อยหยดหยาดลงบนนวลเนื้อใจให้ใสว่างกระจ่างงาม
ในทุกยาม...
ที่เรามีเรื่องรักร้อนรอนรานมากระทบ
ให้ไม่เศร้านาน ให้รู้ตามความคิดตัวเองทัน
ให้...
มิหลงฝันเพ้อละเมอหมายในสิ่งที่ยากจะไขว่คว้าค่ะ
คนดี...
ไม่มีอะไรจะช่วยเราได้เท่ากับ
สัจจะธรรมคำสอน
แห่ง..
*องค์พระบรมศาสดาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า*ได้ดอกค่ะ
ฉะนั้น...
การที่เราเพียรพาตัวเข้าไป
ในร่มเงาแห่งพระบารมีเมตตา
และ..
เพียรมองค้นหา
ที่..
*บ้านภายในจิตดวงใสดวงประภัสสร..*ของเราเอง
นั้นก็คือเส้นทางทองทางธรรม
ที่แสนจะงดงามที่สุดแล้วค่ะ
อย่าท้อนะคะ
เพราะว่า...
สักวันเมื่อเราหมดวิบากกรรม
เราก็จะพ้นทุกข์เทวษเองค่ะ
อธิษฐานจิตตั้งสัจจวาจาสิคะ
เพื่อ...
สร้าง*พลังบุญ ...พลังบวก..*ให้กับชีวิตนี้
ที่แสนสั้นเป็นยิ่งนัก...
แล้ว..หวังวอน...
ให้..
*สิ้นทั้งฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา.....
จง...ได้มาร่วมรับรู้...เป็นพยาน...!
.............
และขอพลีกำนัล...
งานเรื่องนี้แด่คนดีนะคะ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song297.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song92.html
.........................
วันนี้ดอกปีบร่วงพร่างพื้นหอมพราว
ดวงเก็บมาใส่แจกันไม้ไผ่
ที่น้องคนหนึ่งนำมาฝากจากเมืองกาญจน์
เป็นงามไม้ที่เห็นเส้นสายลายสวยมาก
และ
ดวงก็ชอบของดิบเดิมแบบนี้
นาทีนี้
ดวงจึงรจนางานคลอ..พ้อดอกปีบ
ที่กำลังหอมพร่างพราว
ราวกำลังบีบดวงใจดวงให้แสนคิดถึงใครบางคน
อย่างสุดซึ้งแสนตราตรึงใจ
ที่ช่างอ่อนหวานอบอุ่นในหัวใจเสียเหลือเกินแล้ว...
ดอกปีบหรือกาสะลองนี้
จะบานในหน้าหนาวนะ
และ..
ดวงรู้ดีว่า..คนดีจะคิดถึงดวง
เมื่อเห็นดวงดอกไม้ร่วงหล่น
ไม่ว่าดวงดอกใดในผืนหล้านี้
ในทุกยามที่ได้เดินทางไกล
และไม่ว่าเห็นอะไรที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ..
ที่คือธรรมชาติธรรมดาชีวิตดวงเช่นเฉกกัน
ดวง..รจนาบทกวีไว้บทหนึ่ง
ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับกาสะลอง
หากก็คือดอกไม้เช่นกัน
...............................
บัวบุญ..พุดพัดชา
ดอกบัวบุญผุดพร่างกลางกลีบใจเกสรเพชร
แสนรักเด็ดดอกบัวใจไหวกิ่งฝัน
ดอกบัวทองผ่องพิลาสท่ามธารจันทร์
ดอกบัวขวัญแสนงามท่ามธารใจ
ดั่งดอกไม้ในจินต์ถวิลหวัง
ประดุจดังพุทธบูชาพลีไสว
เป็นบัวธรรมบัวทองผ่องพิไล
เป็นบัวใจบัวบุญหนุนทางธรรม
หลับตาสิ..แล้วเพาะลงตรงกลางเนื้อใจว่าง
หยาดพรมพร่างดอกสมาธิภาวนาพร่ำ
หยุดอดีตอนาคตกำหนดลมเลิกวนกรรม
ปัจจุบันจิตปิติเกษมเปรมปรีย์นัก
เมื่อหยุดคิดก็สิ้นทุกข์หยุดทุกสิ่ง
คือวางนิ่งเลิกรักใครไหวพลีภักดิ์
รักคือทุกข์ดุจโคลนตมพันธนารัก
จงหยุดรักปลูกบัวธรรมน้อมนำใจ
แล้วบัวบุญดอกงามจะพร่างใสไสวช่อ
แตกจากกอสติมั่นตระการไหว
เป็นบัวงามบูชาพระรัตนตรัย
เป็นบัวใจในนิรมิตนิจนิรันดร์.....!
...................
กายเนื้อเมื่อถึงเวลา ก็จะพากันร่วงโรยโปรยเถ้าสู่ธุลีหล้า
หากทว่า จิตดวงใสประภัสสรที่ว่างพราวขาวสะอาด
ราวดอกบัวแก้วแวววะวับสีชมพูประกายพฤกษ์
จักสนิทในมโนนึกนิรมิตใจ
ไม่มีวันแตกดับ
สร้างจิตใสด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
พาให้พบวิมุตติหลุดพ้นพันธนาการแห่งรัก
ฉะนั้นหากมิพ้นพงกรรมวิบากเก่า
ก็จงอย่าเขลาเพียรพาผู้อันเป็นที่รัก
ให้ได้พบทางธรรมทางทอง
เพื่อลอยล่องกันข้ามห้วงทะเลโลกย์
หยุดทั้งโศกสุข..
และ..
นั่นคือ...รักที่แท้จริง..ยิ่งกว่าจริง..ค่ะ......!
..................
14 ตุลาคม 2549 18:45 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
ลุ่มเจ้าพระยา..
ใกล้ค่ำ...ย่ำสนธยา
ดวงนอนสยายผมดูวสันต์ลีลาจากฟากฟ้า
ในกระท่อมทับอย่างดายเดียวเงียบงัน
หากด้วยดวงใจแสนสงบสุข...
หาก..ลึกๆ...ไยเล่า
ใจดวงนวลนวล จึงเจือเศร้า หมองหม่น
ไป...ตามฟ้าฝน...ลำพัง
อาจจะเป็นเพราะ...วันนี้...ดวงมีโอกาสดูทีวี
ที่นานทีจะตั้งใจดูเอาจริงจังในบางรายการ..
แล้ว...
น้ำตาแห่งรานร้าวก็ซึมซึ้งละหลั่งริน
เมื่อ...ฟังบทเพลง
*ลุ่มเจ้าพระยา*ที่ฟังแล้วราวกับเตือนใจสอนใจ
ให้..*บทเรียน*..เราว่า..
คนเรานี้หนา..*ชีวิตช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนัก*
ให้..
เราควรจักปันพลี ทำความดี เอื้อโอบ *ให้น้ำใจ*
แก่ทุกใครทุกคน
และ..
กับธรรมชาติทุกสรรพสิ่งที่รายรอบ
อย่างคนที่ถึงพร้อม ไม่ประมาท...
และ..
กับภาพ*วิกฤตการณ์เจ้าพระยา*
ภาพแห่งความทุกข์ยากลำบาก
ของพี่น้องคนไทยด้วยกัน
ที่ช่างทุกข์แสนสาหัสสากรรจ์นัก
บางที่..ท่วมมานานหลายเดือนแล้ว
จนเกิดความเครียดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ไปกับพิโรธ แห่งน้ำฟ้า ให้คนไทยไร้ดินที่จะเดินดำรง
คงชีพชอบประกอบการงานอย่างเป็นปรกติสุข....
และ..
นี่คือภัยบุกโหม ที่เรามวลมนุษยชาติ
มิอาจต้านรับได้ หากยังคงหลงประมาท*เฝ้าทำลาย*
สำหรับดวง...ด้วยดวงฤดี รักแผ่นดิน
ดั่งธุลีหล้า
ที่อยากแสดงกตเวทิตา
แม้นจะทำได้เพียงน้อยนิด
นานหลายปี ........
ที่ดวง..นี้..อดหลับอดนอนเฝ้า..เวียนวนรจนา
ถึงธรรม ธรรมชาติ อันแสนพิลาสพิไล
หวังเพียงฝากให้..
ทุกดวงใจที่นี่ ...
ทุกมิ่งมิตรน้องพี่ ในร่มรัก
ได้พักพิง อิงใจ ..
ให้...
ได้พบพลังน้ำค้างใสหยาดเย็น...
เพื่อ...
ธำรง..ดำรงดวงใจ ให้รักวิถีไทย
ที่แสนเรียบง่ายสมถะสงบงาม ในท่ามโลกแล้งไร้นี้
และ..
พึงเฝ้า...เพียรพลีลมหายใจแห่งชีวีอันนิดน้อยนี้
แฝงคำพร่ำเพาะบ่มให้เราทุกคนได้รู้รื่นรมย์
รู้คุณค่า ในพระคุณแห่งดินน้ำลมไฟ...
อันคือ...
*สัจจธรรม อันแสนยิ่งใหญ่*
ที่จักหล่อเลี้ยงเคียงข้างร่างใจ
จิตวิญญาณไทยของเราไปตราบชั่วกาล...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
ลุ่มเจ้าพระยา
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
...............
และ..กับนาทีนี้...
ใจดวง...ผู้หญิงผู้รักเหว่ว้า..
จึง.....รู้สึกอ้างว้าง...
ราวท่อง...
ในท่ามกลางทะเลโลกย์ ทะเลโศกน้ำตา...ลำพัง
กับ..
ความสิ้นหวัง กับโลกนี้ที่ยากเยียวยา
หาก..
เราไม่เรียนรู้หันหน้ากันมาร่วมมือสมานฉันท์สามัคคี
ไม่รู้การดำรงชีวี อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
อย่างเอื้อโอบ เมตตา พึ่งพาพึ่งพิง...
อิง...ไปกับธรรม ธรรมชาติแสนงาม
อย่างผู้อยู่เหนือโลก เข้าใจโลก
อย่างผู้มีสติมีปัญญา
อย่างชาญฉลาดพอที่จะรู้ว่า....
แท้แล้วไซร้ ..
เรา มวลมนุษย์นี่หนา
แค่มาอาศัยโลก โศกสุขพบทุกข์สุขร้อนหนาว
ชื่นชมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว..แล้วพรากจาก
ให้ฝากเพียงดี
ให้รู้ที่จะหยุดทบทวน
และ...
พัฒนาดวงจิตภายในให้สวยใสงดงาม..สว่างกระจ่างสงบ
พบแดนดินถิ่นพุทธภูมิ
เพียรพาไปสู่ฝั่งฝันอันคือ
การสิ้นสุดหยุดเกิด ดับ นับนิรันดร์...แค่นั้นเองเช่นนั้นเอง...!
............................................
พร้อมพลีกำนัล..
สายใจเจ้าพระยา.! ด้วยรักแด่ทุกดวงใจ..ค่ะ
ไพล..ในชุดผ้าลินินสีขาวยาวกรอมเท้า
เปิดไหล่ล้ำกลมกลึงให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งรวง
รายรอบคอจับจีบรูดระบาย
ผูกเป็นโบว์ปล่อยชายพลิ้วไหวสะบัดลม..ยามย่างเยื้อง
หมวกลายลูกไม้ สีขาว
ขับเรียวหน้าละออ เนียนละมุน งามสะอ้านหวานจับใจ
แสงอาทิตย์ยามสนธยา ทอทอดสาดส่องต้องเรือนผม
จน เป็นประกายสีน้ำตาลทองเจิดจ้าจรัสมลังเมลือง
ไล้เรียวหน้าดั่งทองทา..
รองเท้าผ้าใบสีขาว
รอบข้อเท้าคือสร้อยทองเคงามเรียบ
มีเพียงเสียงกังวานกรุ๊งกริ๊ง กระทบกันเบาเบาแสนเสนาะ
ยามเธอก้าวเดิน
ไพล..ก้าวลงเรือ ข้ามไปยังอีกฝั่งฝันเจ้าพระยา
ยามอาทิตย์เริ่มลาลับลา
ทิ้งแสงสวยเศร้าส้มสุกทั่วทั้งท้องนภา
และ
ท้องน้ำราวอาบด้วยมนตราของทองคำ
ทาทาบอาบเปลวระยิบระยับ
ไพล..ทอดสายตาซึมซับรับซาบซึ้ง
ที่กำลังลึกล้ำถึงด่ำดื่ม
ให้สายน้ำ ซอนแทรกฉ่ำหวานระรินละล่อง
เข้าครองเนื้อใจนวล
ยิ้มหวานตรงเรียวปาก ให้กับคนขับเรือ
เพราะเที่ยวนี้มีเธอข้ามมาเพียงลำพัง
กับค่าโดยสารข้ามฝั่งที่ราคาแค่สองบาท
ตั้งใจว่าให้คุ้มค่าน้ำใจ ค่าน้ำมัน
เธอคงจะวางเงินมากกว่าจำนวนนั้น โดยมิหวังเงินทอน
และ
ทุกคราที่เธอข้ามมาณ.เกาะเล็กๆแห่งนี้
ซึ่งเป็นเกาะที่สามารถมาซุกซ่อนสุขทุกข์
ซึ้งเศร้า เคล้าคลุกงานงามเครื่องปั้นดินเผา
ที่เลืองชื่อฝีมือชาวมอญ ละเมียด
ให้..
ลืมโลกจริงไปชั่วขณะ ที่มากเรื่องร้อยราว
มากเศร้ามากสุขมากคน หมุนวนหมุนเวียนซ้ำๆซากๆ..
ไพลจะเดินเดียวดาย นั่งริมฝั่งชลใต้เงาไม้
ดู...*ลำน้ำลำนำเจ้าพระยา*
เฝ้าเห่กล่อมหลอมดวงใจ...หอมดวงใจ..
ดูบ้านเรือนไทยริมน้ำ
ที่พาให้หลับตาตามฝันไกลไป
ถึงอดีตอันเรืองรุ่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ที่คงงามเรียบง่ายสงบสบาย
และ
คงเหมือนฉากในละครดัง.ในยามนี้ทางช่องเจ็ดสี
เพื่อให้อบร่ำดวงใจ ใสเย็น ให้ผู้มองเห็นงามง่าย
ได้ชิดใกล้...
การใช้ชีวิตกับสายน้ำและความสะมุนละไม
กับ..
ธารน้ำรักน้ำใจที่ยังระรื่นชื่นฉ่ำ
ไหลเอื่อยอ่อยลอยละล่องราวแดนหิมพานต์..
เป็นธารน้ำใจระรินร่ำที่ยังมีเยื่อใยผูกพัน
เชื่อมโยง ดั่งลำนำลำน้ำแห่งชีวิต
ไพล..จะแวะเวียนซักถาม ถึงงานดินงานงามดิบนี้
ที่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง
แฝงปรัชญาในการรักษา
ให้ดำรงคงอยู่คู่ชีวีคนไทยมากมีมากมายที่รู้คุณค่า
ที่ผ่านตาผ่านสมองสองมือ
คู่ใจคู่บ้านมานานหลายชั่วอายุคน
ฝีมือปราณีตแฝงเสน่ห์ เนียนละออพ้อหาให้
ดวงใจคนชมคนรุ่นหลังคนรุ่นใหม่ผู้กำลังหยั่งรากฝังลึก
อิงเทคโนโลยี่ หันกลับมามองที่หัวใจแสนดี
ที่คิดงามคิดเป็นอย่างผู้เข้าถึง..ในงานงามศิลปะอันประณีตนั้น
ไพล..น้ำตาซึมทุกครั้ง
เมื่อไปยืนซึมซับ *ช้างปั้นตัวจิ๋ว*
ที่ปั้นด้วย
*ฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามราชกุมารี.*
ที่..
ทรงประทานไว้ให้ที่บ้านช่างปั้น
ให้รำลึกนึกถึงจดจำ ว่า..
วันหนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมและ
ฝากผลงานเลอล้ำค่าเลิศล้ำใจไว้ให้รำลึก..
นึกถึงทุกคราคราว
ในพระกรุณามหาธิคุณจากน้ำพระทัยที่ใสงาม
ที่..
ทรงมากพระปรีชารอบด้าน
และทรงมีพระทัยงามติดดิน
ผ่านงานที่ใสบริสุทธิ์
ราวหยาดน้ำค้างพร่างจากผืนฟ้าลงสู่พสุธาทุกถิ่นที่
ด้วยพระเมตตา บารมีไปทุกหย่อมหญ้า..อย่าง
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
เพื่อให้ผืนดินไทย ผืนดินทอง ของเรานี้
ให้มีแต่ความงามสงบร่มเย็นเป็นสุขอย่างทั่วถึงกัน...ตราบนานนิรันดร์
.................
สายน้ำไหลล่อง
คิดถึงบทเพลงนี้ ที่กำลังดังก้องกึกในใจดวงนี้
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
ลุ่มเจ้าพระยา.....
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
.............................
หัวใจนวลดวงน้อยนี้กำลังฉ่ำ
กำลังสดชื่นอย่างแปลกประหลาดพิลาสพิไล
ยามที่ไพล..
เดินเข้าไปในโบสถ์ พร้อมดอกไม้ไทย ใส่กระทงใบตอง
พร้อม..
พวงมาลัยหอมงาม
ที่ไพลเลือกมาผสานล้ำลึกให้จรุงแจ่มจรัสใจ
ในการนำมาบูชาพระ กราบพระ...
โบสถ์เก่า หลังงามนั้น กำลังซ่อมแซมทุกบานหน้าต่าง
ให้ช่างมาเขียนลายที่หลุดลอก..
มี...
*องค์พระนอน สมัยอยุธยา ในท่าสิริไสยาสน์*
งามจนอิ่มใจเอิบงาม โอษฐ์แย้มยิ้มด้วยพระเมตตาธรรม
พระพักตร์เปี่ยมกรุณา
จน...น้ำตาซึมกับสายพระเนตรอับโอบเอื้ออ่อนโยน
ไพล..ทรุดตัวลงนั่ง น้อมมโน ดื่มด่ำ
ด้วยศรัทธา
แล้ว...
ก้มลงกราบนิ่งนาน.....
เย็นมากแล้ว.....
นกกาเริ่มจ๊อกแจ๊กโผบินกลับรัง คืนรัง
ลำแสงสนธยาลอดผ่านบานหน้าต่างที่แง้มบานไว้
แสงสีทองส่องสว่างสาดจับไปที่พระพักตร์ผุดผ่อง
ดังพุทธะ...พาให้กลางใจสว่างไสวลดมืดมน
ชั่วหลับตา ....
ไพลราวย้อนหลังไปในอดีตอันเรืองรุ่ง
แว่ว....เสียงสังคีตดีดกล่อม
หวานแว่วแผ่วเบามากับลำน้ำลำนำเจ้าพระยา
กับ...
ลมรำเพย เย็นร่ำฉ่ำหวาน
ผ่านในอณูนึก...
ไพล..เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาพร่างรินมิสิ้นสาย...!
13 ตุลาคม 2549 21:03 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song556.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song685.html
(อุทยานดอกไม้...บ้านของเรา)
วันนี้...มีราชรถซึ่งมีชายหนุ่ม...รูปงาม
อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง
มาเทียบเชิญถึงหน้าบ้าน
พาไปดูต้นไม้ ต้นไม้ และต้นไม้....
ให้แสนสราญรื่นรมย์ใจ
ดวง..หยิบหมวกสานปีกกว้างใบสวยฝืมือชาวบ้าน
ที่ซื้อจากหน้าพระลานมาสวมใส่
เพราะ...ต้องฝ่าแดดลมไป..ไกล
ในยามบ่าย
เราพากันไปถึงย่านพุทธมณฑล
ที่ริมถนนทั้งสองข้างต่างดาระดะ
เต็มไปด้วย พรรณไม้นานาพรรณมากมาย
ทั้ง...ไม้สวน ไม้ประดับ
ไม้ใหญ่ยืนต้น...
ประเภทที่...
นักจัดสวนสามารถนำมาเนรมิตร
จัดใส่ให้...*คฤหาสน์รวยไม่เลิก..*ของมหาเศรษฐี
กลายกลับเป็น....
วิมานบ้านทรายทองได้ภายในชั่วพริบตา....
แต่...ทว่า...
คงต้องแลกด้วยเงินตรามากมายถึงได้มา....
และ...
สำหรับดวง ...ก็คิดว่าดีนะ
ระหว่างการมี..หรือสะสม...*วัตถุเฟอร์นิเจอร์ไร้ชีวิต*...
ที่..แพงแสนแพง...
กับ...
การนำเงินมาแต่งสวน ให้มีธรรม... ธรรมชาติ
รายล้อม ลื่นไหล เข้าไปสู่เนื้อนวลใจ
ให้แสนอ่อนหวานละมุนละไมละม่อม
และ....
ได้น้อมนำความเขียวขจี
ฤาดวงดอกไม้ มากมีมากมายด้วยพลังสีสันอันงดงามนั้น
มารังสรร จรรโลงชีวีชีวิต..
ให้....
ได้สนิทชิดใกล้คล้ายดั่งเพื่อนธรรม..
วันนี้....
ดวงเลยถือโอกาส เดินชมสวนไม้ดอกไม้ประดับ
อย่างประทับใจ...อย่างแสนอิ่มเอมใจ
และ....
พร้อมกับ.....
วันฟ้าแจ่ม ...โลกก็..แย้มยิ้มกับดวงอย่างเบิกบานที่สุดแล้ว....!
.......................
*สวนขวัญ*
วันนี้....
มีความสุขที่สุด มือได้เปื้อนดิน
จัดสวน..สวยของใจเรานะ
เฟื่องฟ้าสดสีสดใสสดสวยสามสี..
แดง ส้มชมพูและขาวบานแฉล้มแกล้มใจเรา
และ
ตัดกับท้องฟ้าสว่างไสวสีน้ำเงินเข้ม..แสนงาม..กระจ่างใจ...
โมก..สลัดใบกราวเลย เหลือดอกผลิติดก้านกอกิ่ง
ขาวนวลพรายพราวหอมละมุน..
การะเวก..เราปล่อยให้เลื้อยพัน
พ้นระแนงจนออกดอกดกละออนวลทองสยายพราวราวคนขี้เกียจ..
กล้วย..ต้นใหญ่มาก อวบอิ่มน้ำ
ใบเขียวสดสบัดตามลมจนแตกลายรายริ้ว..
เราปลูกพ้อรอคนไกล ตั้งแต่แทงหน่อ ออกปลี ออกเครือ
จนวันนี้..
ลูกเหลืองสวยอุดมด้วยวิตามิน..ย้อยระย้า..
รอคนไกลกลับมาปลิดกิน..
หรือไม่ก็ให้เรานี้นำไปบวชชียามชีช้ำใจกินกันวันเศร้าไง
ไหนจะมะลิซ้อน มะลิลาช้อนหน้าท้าแดดอ่อนอุ่นโลมเล้า
ราวสาวบริสุทธิ์ไร้มือชายเชยชมมาดมดอมหอมนวล..
วาสนา ที่ออกดอกโค้งงอ คลอดิน
รอวาสนารักให้สมหวังดั่งฝันดั่งใจนี้..
ที่...
เฝ้ารักเฝ้ารอ..มาแสนนาน....
กุหลาบ..แดง ..ดอกใหญ่..
เผยอคลี่กลีบหวานบานออกจากช่อตูมตั้ง
สยายฝันรอรับหวานจากหยาดน้ำรัก
จากใจมือนี้ที่รินรด..ค่อยๆหยดหยาด..ให้หยดค้างบนกลีบดอก..
ราวหยาดน้ำตาจากฟ้าจากใจขวัญ
พุดสามสี..ม่วงโศกราน..บานแข่งกับหวานอมชมพู..ของชวนชม..
กุหลาบทะเลทรายที่ให้ดอกดกพราวราวไร้ใบทั้งปี
ให้เรานี้ได้เด็ดดมมาลอยในแก้วสีฟ้าใส
ตัดฉับกันกับหวานสวยของดวงดอก..ดอกดวงละมุน....
นั่นไงผีเสื้อ..บินว่อนร่อนถลามาเกาะกิ่งโมก..
แอบดูเห็นนกเขาคู
มาเกาะขอบอ่างใหญ่
ที่เราใช้ลอยดอกไม้หวานยามมีงานปาร์ตี้บนระเบียงนี้..
ยังมีอีกมากมวลหมู่พฤกษา
ที่...
เรานี้หนาพยายามหามาทำให้บ้านเรา
ราวอยู่ในไพรพฤกษ์พงดงไม้งาม
ให้ใจหวามไหว ไว้เขียนเรื่องรักฝันในจินตนาการ..
ให้หวานหวามตามใจไฟฝันนี้ที่คงยากที่จะมอดดับ...
...................
ช่อมาลี..มาลา
หอมจำปีระรินปนกลิ่นฝัน
แหงนมองจันทร์จันทร์ดายเดียวด้วยเปลี่ยวเหงา
เอื้อมมือเด็ดพุดซ้อนซ่อนใจเรา
วาสนาเฉาช่อมาลีที่โรยรา..
ช่อมาลี..มาลีลา จากจำจด
ช่องามงดกลางใจเคยใฝ่หา
มาวันนี้ มาลีงาม อยากหนีหน้า
ซ่อนเหว่ว้า อายฟ้าดิน สิ้นทางใจ..
การะเวก พ้อเพ้อ พราวพร่างพื้น
รู้กล้ำกลืน ยอมรับ สะเทือนไหว
ยอมร่วงหล่น ปนเปื้อนดิน รานร้าวใจ
ธรรมดาใจ ธรรมชาติงาม ยามแย้มยล..
ทรุดตัวนั่ง นิ่งนิ่ง มองฟ้าเศร้า
ใจดวงร้าว น้ำตาริน ด้วยสับสน
ฟ้าไยมืด จันทร์ดูหมอง ฟ้องใจตน
ถอดกมล นับวันคอย..จนน้อยใจ..ใครบางคนไม่หวนคืน!
.
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song556.html
อุทยานดอกไม้
ชมผกาจำปาจำปี
กุหลาบราตรี
พะยอมอังกาบทั้งกรรณิการ์
ลำดวนนมแมว
ซ่อนกลิ่นยี่โถชงโคมณฑา
สายหยุดเฟื่องฟ้า
ช-บาและสร้อยทอง
บานบุรียี่สุ่นขจร
ประดู่พุดซ้อน
พลับพลึงหงอนไก่พิกุลควรปอง
งามทานตะวัน
รักเร่กาหลงประยงค์พวงทอง
บานชื่นสุขสอง
พุท-ธชาติสะอาดแซม
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song685.html
บ้านของเรา
บ้านของใครของใครก็รัก
เรือนเขา
บ้านของเราหนอเราก็เฝ้า
รักปอง
บ้านฉันมีนกร้อง
ส่งเสียงทองคล้องขัน
มีไม้ไพรพฤกษ์พร้อม
พร่างพยอมหอมหวนอวลอ่อน
ละมุนละม่อมอ่อนขวัญ
มีพลิ้วเพลงผูกพัน
เพ้อรักอันรอท่า
นกเขามันเฝ้าปราศรัย
พิรี้พิไรรักหล้า
ฟังเคลิ้มคล้ายกะว่า
กล่อมให้อุรารักรังนิทรา
เรือนทอง
บ้านของใครของใครก็รัก
เรือนเขา
บ้านของเราหนอเราก็เฝ้า
รักปอง
บ้านฉันมีนกร้อง
ส่งเสียงทองร้องหา
เรือนฉันมีรักหวาน
โอบชีวิตฉันไว้ในบ้าน
แล้วโลมใจร่านลอยล้า
มีวิมานอุรา
คล้อยค้างคาอารมณ์
เขารู้มันจู้เพลงพ้อ
ขันล้อทำคอโคงก้ม
ชีวิตหนอพอตรม
ก็กลับชื่นชมเพราะเพลินภิรมย์
เรือนทอง...
12 ตุลาคม 2549 11:56 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song78.html
(หนาวตัก)
ฟ้ากระจ่างแจ่ม เมฆแตะแต้มเต็มราวฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
สไบแพร ค่อยๆลืมตาบนเตียงโบราณ
มองลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว แล้วต้องอมยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
นั่น....
กระรอกหางฟู กำลังไต่ตามต้นมะม่วง
ที่มียวงใบของพลูด่างเลื้อยพันพร่างราวพัดแผ่
โน่น....
แก้วพร่างดอกหยอกสายลมเย็นอ่อนละมุน
พาให้ใจดวงละมุนละไมของเธอคิดถึง
ใครบางคน ที่งดงามราวบัวบานในบึงใจ..
ที่ทุกความทรงจำช่างสดใสสว่าง....
เต็มอ้อมใจ ในอ้อมขวัญ ฝัน ตราบชั่วนิจนิรันดร
นะคนดี ที่แสนภักดิ์..แสนรักเอยแสนรักในกมล...
และ...กับ...
ฟ้าวันนี้ดูงามจรัสจรุงมาก
หลังเมื่อคืน ยามใกล้รุ่งที่เธอมองเห็นดาวประกายพฤกษ์
กระจ่างนวล พร้อมมวลดวงดาราที่กระพริบพราว
บนฟากฟ้าราวเฝ้าคอยอิจฉาเธอ..
เสียงบทเพลงหวานแว่วแผ่วมารับอรุณรุ่งอุษาแสนงาม....
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5867.html
LOVE WILL KEEP US ALIVE ....The Eagles
I was standing
All alone against
the world outside
You were searching
For a place to hide
Lost and lonely
Now you've given me
the will to survive
When we're hungry
love will keep us alive
Don't you worry
Sometimes you've just
gotta let it ride
The world is changing
Right before your eyes
Now I've found you
There's no more
emptiness inside
When we're hungry
love will keep us alive
I would die for you
Climb the highest
mountain
Baby, there's nothing I
wouldn't do
Now I've found you
There's no more
emptiness inside
When we're hungry
love will keep us alive
I would die for you
Climb the highest
mountain
Baby, there's nothing I
wouldn't do
I was standing
All alone against
the world outside
You were searching
For a place to hide
Lost and lonely
Now you've given me
the will to survive
When we're hungry
love will keep us alive
When we're hungry
love will keep us alive
When we're hungry
love will keep us alive...
ใจดวงนวลซึ้งซึ้ง จึงหลับตาลงอีกครา
พร้อมกับเห็น...*สกุณาในดวงใจ*ค่อยๆเหินบินไป
เหนือโลกย์อย่างสิ้นโศก แสนอิสรา
ในท่ามฟ้าสีคราม เพื่อเริ่มวันงามวันใหม่แห่งชีวิต..!
.........................
พร้อม...
พลีกำนัลอีกเรื่องรักรจนา*รับขวัญ..วันสวยฟ้าใส*ค่ะ
ทุกคนดีในดวงใจของ..แม่นวลสไบแพร....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5867.html
(หนาวตัก)
กระท่อมรจนากลางป่าฝนป่าฝัน
ในสายลมฉ่ำเช้าแห่งปลายฝนต้นหนาว
กับอาทิตย์พราวแสงตะวันแรกรับอรุณ
นกสีเงิน..จอดนิ่งสงบกลางลานบิน..
ลำตัวถูกเพ้นท์งาม..
มีมวลหมู่มัจฉาแหวกว่ายระเริงคลื่นชื่นฉ่ำใจ
กับทิวมะพร้าวไสวระบัดลมเคียงกัน..
ให้ใจดวงฝันฝันทุกดวง
ได้แย้มยินยินดีมีความสุข
รอซุกซบกับอ้อมกอดของหาดทรายสายลมแสงแดด
และทะเลเงียบงาม..สีมรกต..สดชื่นสดใสบานเบิกใจ
กับฟ้ากว้างกับร่างใจพ้นพันธนา
ให้นกอิสราพาเหินฟ้าหนีจากกรุงกรง..
ลงสู่เกาะ..มนต์รักแห่งทะเลใต้..
ผม..แทบเผลอใจส่งจูบลา..
เมืองหลวงเมืองลวงเมืองเรืองรุ่งไม่ประทับใจ..
แม้นจะพรากลาไกล..ไปไม่กี่วัน..
ก็แสนดีแสนอิ่มเอม..ใจ..เสียไม่มี
แนบหน้ากับหน้าต่างมองลงสู่เบื้องล่าง
ที่เต็มไปด้วยตึกรามราวเมืองเนรมิตรเมืองตุ๊กตาที่วายวุ่น
ใจดวงงามราวติดปีกลอยเหนือโลก..แลละลิบ ..
ผมแอบคิด..
หากยามนี้ดวงชีวีผมต้องแตกดับลาลับไป
ผมก็คงเตรียมใจพรากลา
ด้วยจิตวิญญาณฉ่ำเย็นจนนาทีสุดท้าย
ให้มโนนึกราวลอยล่องท่องแดนสุขาวดีมิเปรียบปาน..
ทัศนียภาพเบื้องล่างผ่านม่านเมฆช่อชั้นที่แลเห็น.....
คือโลกสีคราม...กว้าง...ไกล....สุดตา.....
เวิ้งทะเล..สีน้ำเงิน...เขียวมรกต.....
และโทนสีทะเลที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ....
แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม......
เรือลำน้อย...ค่อยๆวิ่งฝ่ากระแสชลแตกฟองขาวนวล......
มองลงไปเบื้องล่างทิวมะพร้าวนับแสนไร่
แน่นขนัดเรียงรายแลละลิบ
โค้งอ่าวเห็นเนินทรายขาวละเอียดค่อยๆเป็นแนวชัดขึ้นๆ
นักบินค่อยๆร่อนโฉบนกน้อย
ให้ผกโผให้โฉบชมวิวทิวคลื่น
และเกาะแก่งราวไข่มุกเม็ดงาม
ในท่ามกลางทะลแพรไหมมรกตผืนงาม
เกาะแก่งมากมายหลายเกาะงดงาม
ในท่ามท้องทะลสีเขียวใส
ไล่โทนสีไปตามความลึกล้ำ
นั่นเกาะพะงันเกาะแตนอกแตใน โน่นลิบๆ
กระจายกระจายจัดคือมวลหมู่เกาะนางยวน
และหมู่เกาะอ่างทอง
บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้..ดงมะพร้าวเงียบสงบ....
มีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ..............
เครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์
ค่อยๆแตะรันเวย์อย่างช้าๆ
นะสนามบินเกาะสมุย
น้ำตาผมซึมซึ้ง...
หลายสิ่งหนักอึ้งในดวงใจถูกปลดปล่อย
ให้ลอยคว้างวางไว้นะกลางกรุงกรง
หลงเหลือเพียงหัวใจอิสราที่ราวมีปีกจริงๆกำลังโผผิน
ทะยานผ่านหน้าต่างเมฆ
ลงสู่แดนฟ้า..เกาะสวาทหาดสวรรค์...พลันนะบัดนี้
ผมค่อยๆหายใจลดความตื่นเต้นปิติใจ
ที่กำลังก่อตัวนะกลางใจ
ดวงใสดวงเศร้าดายเดียวมานานวัน
เมื่อเครื่องบินจอดนิ่งสนิทในท่าอากาศยานท้องถิ่น
ที่ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงามกลมกลืน
ไปกับทัศนียภาพรายรอบ
ผมสะพายกระเป๋าใบเดียว
เดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆออกมา
ขึ้นรถรับส่งที่เทียบถึงบันไดเครื่อง
นำผู้โดยสารทั้งไทยเทศไปส่งยังอาคารที่พัก
ให้อวลกลิ่นทะเลรินร่ำรับขวัญ
ที่หาใช่สำคัญเท่ากับภาพนี้ไม่..
เธอ..คนดีที่ชื่อรจนานารี
สตรีในฝันนางแก้วในใจผมมานานปี
ที่ผมนี้หลงนับวันเฝ้ารอคอยที่จะมีวันนี้
วันที่
จะได้เห็นเธอคนดี รอผมอยู่ณ.ที่นั่น
ในท่ามกลางผู้คน
ที่เธอคนดีของผมดูโดดเด่น
ในลีลาบุคลิกน่าติดตรึงต้องใจแสนงามอย่างเป็นธรรมชาติ
ผมเห็นผ้าผูกผมสีส้มแสดลวดลายราวดวงดอกไม้เมืองร้อน
เกาะเกี่ยวพันพัดปลิวไสวล้อมกรอบหน้านวลเด่น
ในคลองตาคลองใจ
ในเรียวตาแสนไกล
และ
ทันใดที่เธอโอบอ้อมแขนกอดรับขวัญผม
ผมพลันได้พินิจเห็นดอกชบาฮาวายแดงเด่น
ทัดแซมริมเรียวแก้มหอมหวานละมุน
เธอ..นุ่งผ้าถุงลายดอกไม้สีชมพูพันผูกปมทิ้งชาย
และใส่เสื้อผ้าไหมสีดำ
ที่ยิ่งขับวงหน้านวลนั้นให้ยิ่งงามเข้ม
รับกับระยับผมมันขลับ
ราวแพรไหมที่ปลิวไสวไปกับสายลมแรง
เธอหันมาคลี่ยิ้มอ่อนหวาน
รับขวัญนัยน์ตาผมที่แสนคลั่งใคล้
ส่งยิ้มที่ราวยิ้มให้โลกทั้งโลก
ได้พลอยชื่นบานไปด้วยกัน
ราวดวงดอกไม้หวานตระการบานสะพรั่งพรึบ
ในทันที่นะบัดนี้นาทีนี้ ตรงหน้าผม
ให้ละลานตาละลานใจ
ให้ไหวหวามและแสนอิ่มสุข
*เป็นไงบ้างคะ สิงคโปร์เที่ยวนี้..
ผมได้แต่โอบไปรอบเอวบาง
และตอบไม่ตรงคำถาม
ผมคิดถึงคุณ..มากกก..ครับคนดี
มีของฝากมาให้คุณมากมาย
พวกเครื่องหอมและผลไม้ทั้งสดแห้ง
ค่ะขอบคุณ
*เป็นไงค่ะ เที่ยวนี้จะหนีเมืองกรุงยุ่งเหยิงมาได้กี่วันคะนี่*
ไม่น่าถามนะครับ หากเจ้าของอนุญาต
ผมตั้งใจจะอยู่ที่นี่ตราบชั่วนิจนิรันดรเลยคุณก็รู้ดีนี่นา*
*
อ้าวแล้วธุรกิจพันร้อยกว่าล้านของคุณละคะ จะให้ใครดูแล*
เธอเย้าแล้วหัวเราะแบบรู้ใจอยู่ในที..
ไหนจะธุรกิจสวนไม้ดอกที่กำลังทำกำไรงามวันงามคืน
ไหนจะสำนักงานสถาปนิก
ไหนจะร้านของเก่า ลูกค้าจะเหงาเงียบตาย
ลูกค้าที่สิงคโปร์มิต้องบินมาตามดอกเหรอคะ
ว่าคนดีหนีหายไปไหนแล้ว
*มาค่ะ..ฉันจะพาคุณไปทานอาหารอร่อยๆรับขวัญ
ที่ยังอุตส่าห์ปันแบ่งร่างมาถึงนี่ได้
แล้วเดี๋ยวจะเป็นไกด์พานำเที่ยว
*จะเที่ยวแบบไหนดีคะ
ทะเลหรือหมู่เกาะไปเกาะแตนมั้ยคะ
ดูป่าระบบนิเวศป่าชายเลน
หรือดำน้ำชมปะการังที่หมู่เกาะนางยวน
ดูวิวที่สวยสุดใจในหมู่เกาะอ่างทอง
หรือเที่ยวน้ำตกธารหน้าเมือง
น้ำตกแพงและน้ำตกธารเสด็จที่เกาะพะงัน
แล้วไปฟูลมูนปาร์ตี้
อีกหลายที่ค่ะ
เที่ยววัดหรือพิพิธภัณฑ์
หอวัฒนธรรมบ้านละไมก็งามดีนะคะ
รวบรวมของใช้พื้นบ้านโบราณไว้คุณน่าจะสนใจ
อีกหลายที่เลยค่ะ
ดูชนควายมั้ยคะ
อันนี้ทราบเลยคุณไม่ชอบบอกทารุณสัตว์
งั้นก็ชมสวนผืเสื้อ สวนสัตว์
หรือ ขับรถหาของอร่อยๆทานของพื้นบ้าน
แล้วไปดูสภาพเรือนโบราณที่คุณสนใจ
ที่ยังมุงด้วยกระเบื้องว่าว
เป็นเรือนภาคใต้ที่ยังมีลายฉลุงาม
ไปไหนดี
คนดี..ครับ
คุณก็รู้นี่นาผมมาพักผ่อนครับไม่ได้มาเที่ยวท่อง
ผมจะมาฝากทุกห้องหอมห้วงใจในกระท่อมรจนา
กลางป่าฝนป่าฝันครับผม
คุณรู้ไหมไม่มีที่ไหนในโลกนี้
ที่จะทำให้ผมโหยหาห่วงหา
ราวบ้านวิมานดินเท่ากับที่นี่
ที่ผมอยากกลับมานอนทอดใจดวงเหงาๆดายเดียว
ดูดวงดอกฝนพราวพร่าง
กระทบใบมะพร้าวใบไม้ราวดนตรีไพร
ฟังเงียบงามของเสียงดนตรีไพร
แล้วหลับตาฝันฝันฝัน
ว่าราวนอนในสวรรค์วิมานบนผืนหล้า
ที่แสนอบอุ่นเสียไม่มี
*คุณคงลืมแล้วผมมาที่นี่หลายสิบเที่ยวแล้ว
ผมแค่อยากสัมผัสทุกสิ่งอันหลอมรวมกัน
แล้วมีคุณใกล้ๆแค่นั้นก็พอ*
เธอ..หัวเราะ ค่ะ..อยากมากจัง หยุดก่อนดีกว่า
ค่อยไประบายใจระบายฝันคืนนี้ดีไหมนะคะ
ฉันยินดีฟังความอยากอยาก อยาก
อันแสนมากมายที่ซุกซ่อนไว้ในใจคุณค่ะ
หากแต่ว่าตอนนี้หาอะไรมาเติมท้องดีกว่านะคะ
อย่าอยู่อย่างอดอยากปากแห้งเลยค่ะ
เสียชื่อเจ้าถิ่นหมดเลย..
ไปค่ะ นาขอเหยียบคันเร่งเท่าแรงหิวแรงอยากนะคะ
รัดเข็มขัดให้ดีดีนะ
จะพาเหาะข้ามขึ้นเขาใหญ่แล้วค่ะ
ทางชันอันตราย เพราะรถเราเปิดประทุน
สักพักจะได้ทานข้าวแกล้ม
กับบรรยากาศทะเลๆที่โหยหามานานแล้วค่ะ
เธอ..คนดี จอดรถริมทะเล
นำทางผมเดินลิ่วผ่านร้านอาหารเปิดโล่ง
เปิดโปร่งรับลมทะลพรู
ไปหยุดนั่งเคียงทะเลผืนงามงามกว้างไกล
ที่ในยามนี้เห็นเพียงน้ำจรดฟ้า
งามเกินกว่าจะบรรยาย
และ
ตะวันดวงโตกำลังสาดแสงอำลาทะเลอ้อยอิ่ง
ทิ้งแสงสวยไว้เบื้องล่างผืนน้ำ
ลมทะเลพัดพร่างพรมอวลกลิ่นไอเค็ม
หากในมโนผมกลับหอมหวานปานน้ำผึ้งเจือ
เธอ..นั่งตรงหน้าผมนี้แล้วกับแก้วไวน์ขาวตรงหน้า
เธอ..กระซิบยิ้มๆว่าค่ำนี้ต้องขอฉลอง
เป็นเมรีขี้เมานิดหน่อยพอครึ้มๆ
ให้สมกับที่ปลื้มปิติที่เพื่อนเก่ากลับมาเยือนถึงถิ่นที่
มาให้รับขวัญปันหอมงามใจ
ผม..อิ่มเอม
จนไม่อยากแม้จะแตะต้องอาหารทะเลสดรสดีตรงหน้า
ราวกับว่าคืนวันที่ผมรอคอยมาแสนนานนั้นราวฝันไป
นะบัดนี้ ที่ผมได้นั่งเคียงชิดคนดีในคะนึงหามายาวนานนัก
ทั้งยามหลับและยามตื่น ในชื่นคะนึงนิจ
ผมอิ่มสุขกับทุกรสเร้ารัก
จน แทบอยากหยุดหายใจหยุดหนาวใจ
อย่างที่เคยเป็นมา
อย่างที่อยากให้โลกเมตตาหยุดหมุนไปชั่วกาลนานนิรันดร์
เธอ..ปรนนิบัติผมเหมือนเด็กๆ
ที่ท่าที่ละเมียดละไม
ค่อยๆแกะเนื้อปลาและวางลงในจาน
ให้ผมลองลิ้มชิมรสนั้น
พลันพาให้น้ำตาผมอยากจะหลั่งรินจนปริ่มตา
ขอเอาใจหน่อยนะคะ ในฐานะเจ้าของบ้าน
ว่าพลางเธอก็ยิ้มหวาน
ให้ผม..ย้อนกลับ
แค่นั้นเหรอครับ..สงสัยจะรับแขกบ่อยนะครับ
ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีหวงแหนให้เธอแย้มยิ้มเอ็นดู
ผม..อยากกระซิบพร่ำคำรักในใจดวงนี้
ว่า..คนดี
ผมมิได้หิวอาหาร
หากหิวโหยร่างงามตรงหน้าในทุกอณูเนื้อ
ผมทราบซึ้งดี..ระหว่างเราระหว่างใจระหว่างจิต
ที่เคยแลกเปลี่ยนความคิดอันแสนลึกล้ำมายาวนาน
อย่างถอดใจอย่างเททุ่มใจ
ว่าจะมีและเพียรรักษาขอบเขตแห่งหัวใจ
หอมห้วงใจหอมหวามไหวได้ในระดับหนึ่ง
มิใช่เนื้อหนังเสน่หา
ที่จะพาให้ยิ่งอาวรณ์ถอนใจมิพ้นพันธนารัก
ที่เรานี้ต่างตระหนักดีว่า
เมื่อมนุษย์มาถึงจุดนี้นั้น
ก็พลันจะตกบ่วงกรรมว่ายวนรักเป็นวงวน
มิพ้นการคะนึงหา
ที่จะยิ่งพาจิตให้ยิ่งสถิตทอดทับ
ดับบ่วงกามได้อย่างยากเย็นเข้าทุกทีๆ
เพราะขนาดแค่นี้ แค่นี้ ผมยังแค่นี้ ยังต้องเพียรบังคับจิต
ให้ไม่ไปติดต้องใจในนวลเนื้อหนั่นแน่นแสนงามของคุณ
.
เรารู้ดี ถ้าจิตมาถึงระดับนั้นแล้วนี้
อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้มีสมาธิพาเพียรภาวนา
เพื่อพบทางแห่งความรักความว่างงามอันจักเป็นนิรันดร์
ที่มนุษย์ในโลกนี้ต้องยอมพ่ายแพ้ฝันตกทะเลโลกย์โลกีย์
หนีไม่พ้นมานักต่อนักแล้ว
คนดี..ผมมีสิทธิรักคุณ ใช่ไหมเล่าคนดี
รักความดี รักความงาม
รักทุกนิยามแห่งความเป็นมิ่งมิตร
ผู้มีน้ำจิตน้ำใจสวยใสหยาดเย็นงาม
ราวนางฟ้านางแก้วนางในฝันนางสวรรค์สวาท
หากก็มิเคยคิดมากเกินแลยรู้หักห้ามใจรำงับใจ
จนล่วงเลยมาเข้านี้แล้วเกินสิบปีที่รอคอยและ
ทุกหอมงามที่พึงมีพึงได้พึงให้พึงปรารถนา
ผมต้องเพียรผ่านการทดสอบจิต
ให้ไร้สิ้นซึ่งความหวั่นไหว
และเราทั้งคู่มิใช่ละหรือยอดดวงใจ
ที่เคยฝากคำมั่นสัญญาว่าจะ
ช่วยกันประคองจิตพายพาสู่ฝั่งฝัน
มิทิ้งกันและกันมิยอมพ่ายแพ้แก่เกมกาม
คนดี..นาทีนี้ผมจักรำงับดับทุกข์รัก
จากจิตผมเองที่ยังคงเป็นปุถุชน
และผมรู้ดีว่าสำหรับคุณแล้วนั้น
แค่มองตาผม
คุณก็เข้าใจซึ้งไปถึงก้นบึ้ง
แห่งดวงใจอันแสนสวยใส
งดงามแสนมั่นคงหนักแน่น
ที่เราทั้งคู่ต่างมีเป้าหมายเดียว
ตรงไปในทิศทางเดียวกัน
ราวคู่ธรรมคู่ทอง
ที่จะชวนกันพาลอยล่องข้ามทะลโลกย์
ไปสู่อีกที่หนึ่ง
อย่างพึงหวังตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะนานสักปานใด
อภัยผมเถอะนะคนดี
ที่นาทีแรกๆนั้น
กว่าผมจะหยุดยั้ง
ความรักความเสน่หาปรารถนาได้นั้น
ช่างแสนยากเย็น
ผมถึงซึ้งเมื่อรำลึกนึกถึง
พระบรมศาสดาของเราชาวพุทธ
ที่กว่าจะเพียรพาหลุดพ้นจากบ่วงกรรมบ่วงกาม
หนีโซ่กรรมโซ่รัก ตัดทุกข์รักทุกข์ทุกบ่วงนั้นได้
ต้องใช้ความเพียรแสนยาวนานมาก..
และหากมิพากเพียรอย่างตั้งใจ
ไฉนเล่าจะค้นหาทางสว่างไว้รอรับ
ให้เราเดินลัดตัดตรงไปแบบไม่ต้องพะวงหลงทางมัวเสียเวลา
คนดี..ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจ
กับสายลมเย็นย่ำ
กับความฉ่ำเย็นในเรียวตางาม
ที่ราวมีหยาดน้ำละอองค้างคลอตลอดเวลา
ให้งามจรัสให้ทอรัศมีอันแสนอบอุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน
แสนสุกสดใสสกาว
ราวดวงดาวพราวพร่างฟ้าในยามคืนเดือนมืด
ที่ส่องนำทางจิตผมให้หลุดพ้นพงหนามแห่งชีวีชีวิตนี้
มายาวนานนักโดยมิพักอธิบายคำ..
กับทะเลงาม ยามนี้
ผมจึงครวญเพลงรักเบาๆให้คุณรับฟัง
ไปกับฟ้ากว้าง
ที่ดาวดวงเริ่มระดะเต็มราวฟ้าราวมือนางฟ้า
มาหว่านโปรยให้มนุษย์
ได้พบฝันหวังหวานในยามราตรี
ได้มีจินตนาการงามสร้าสรรโลกลบเร่าร้อน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song78.html
หนาวตัก
ทะเล งาม ยามดึกดื่น
ฮึมเหมือนคลื่น หลับ
แสงเดือน จับ เจิดนภา เวหา หาว
นั่งเรือ น้อย เคลื่อนคล้อย ใต้แสงดาว
พร่าง น้ำพราว ผ่องเพชรเกล็ด นที
ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน
ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน...
......................
คุณค่อยๆขับรถพาผมลัดเลาะ
เข้ามายังกลางป่าฝนป่าฝัน
ในกลางหุบไพรนะใจกลางเกาะ
ที่ซ่อนเร้น*อัญมณีไพร*เอาไว้
จากสายตาโลกและคนภายนอก
พาผมกลับมายังสถานที่
ที่ผมรอคอยมาแสนนานราวชั่วกาลกัปป์กัลป์
*กระท่อมรจนา*
ที่ต้องจอดรถเอาไว้ด้านล่าง
แล้วค่อยๆเดินปีนแนวเนินโขดหิน
ที่มีเส้นทางสายงามสายเสน่ห์
ให้ได้ร้อยรัดสัมผัสความลำบาก
หากทว่าแทรกความละมุนหอมหวาน
ยามได้ได้ทอดทัศนาเส้นทางธรรมชาติ
ที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เมืองร้อน
นานาชนิดสูงใหญ่ เป็นช่อชั้น
ราวป่าดงดิบสลับสล้าง..
ใบไม้เขียวพร่างระยิบระยับ..ไปทั้งราวป่า
และ...
ทางขึ้นกระท่อมนั้น..
ดังพรมสวรรค์สีเขียว..ของหญ้ามอสส์สอดแทรก
ตามปุ่มปมหินแง่งาม
ที่เกาะเกี่ยวให้ไต่ตาม ค่อยๆเลี้ยวเลาะ..
ให้สงบ..ให้ผ่อนคลาย ..
.
ราวเส้นทางทอดสู่สวรรค์หล้ากลางป่าไพรพงพฤกษ์
งามลึกล้ำด้วยทิวมะพร้าวและสวนผลไม้เมืองร้อน
กลายเป็นป่าที่มีสวนผสมหลากพันธุ์
ทั้งแปลงผักไร้สารพิษที่ปลูกไว้เอง
และใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติ
ที่มาจากแผงโซล่าร์เซลล์
กระท่อมรจนา..
งามง่าย เป็นเรือนไม้สักเก่า
หลังคามุงด้วยกระเบื้องว่าวโบราณ
โครงเคร่าและพื้นใช้ไม้แดง
ใช้มะพร้าวที่หักโค่น..มาตกแต่งราวระเบียง
หน้าจั่วทำเป็นช่องให้ตะวันยอแสง
แยงยอนลงมาพรายพร่างกระจ่างงาม
มีลายฉลุงามตกแต่งด้านในห้องนอน
พื้นไม้ละเมียดละไมบุทับด้วย
เสื่อจูดสานสวย
ไม่มีโต๊ะ มีเพียงตั่งเ ตี้ยๆไว้วาง
หนังสือธรรมแสนรัก
มีเพียงฟูก
ที่นอนขาว กับหมอนนุ่มนุ่ม
มีมุ้งที่บัดนี้หอบขึ้นไปผูกไว้
ยามมิได้ใช้งาน..ก่อนนอน..
หัวนอน..
มีเฟอร์นิเจอร์อีกอย่างอีกสิ่งที่แสนดิบเดิม
ที่ใช้ลำต้นมะพร้าว..เจาะช่อง
ไว้วางของจุกจิกไม่กี่ชิ้นจำเป็น
มีเชิงเทียนดินเผา
ที่เหลือเทียนครึ่งเล่ม..เพียงนั้น
กับขันทองเหลืองที่เจ้าของกระท่อมทับ
ใช้จัดใส่ดอกไม้ไทยรายรอบนานาพรรณ
ที่บัดนี้พลันพากันมาหอมอวลคละคลุ้ง จรุงไปทั่วทั้งกระท่อม
กับสายลมเย็นยามค่ำ
กับยามที่พรายวสันต์เพิ่งราเม็ดพร่างพรม
ห่มไปทั่วทั้งราวไพร..ให้ฉ่ำเย็น..
ให้งามจับตายามถึงคราฤดูใบไม้เปลี่ยนสี...
ที่มีเสียงจิ้งหรีด เรไร
ดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติ
และสายลมอันอ่อนโยนละมุน
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร..อวลไกล..ในยามค่ำ..
ไพรกว้างเงียบงาม....
ซ้องผสาน..เสียงเพลงไพรเสียงสัตว์ไพร ขับขาน
ทั้งดุร้ายและหวานเศร้า
คละเคล้าดำดิ่งลึกล้ำงามเงียบไห้ไหยหวน.
สู่ห้วงหฤทัยผู้รักไพรพงเป็นชิวิตจิตใจ..
ธรรมชาติ..เปิดม่าน..
หวานหวานหว่านมนตรา
เริ่มตั้งแต่ยามทิวา อรุณรุ่งมุ่งสู่ราตรี
ที่ฟ้ากว้างประดับด้วยทางช้างเผือก..
ระดะดาวพราวพร่าง
เต็มอ้อมฟ้าเต็มอ้อมฝัน..พริบพราวเคล้า
นวลจันทร์กระจ่างฟ้า..เล้าโลมหล้าโลก
ให้มวลมนุษย์คลายโศกหรือยิ่งเศร้าหม่น
สุดแต่คน..แต่ใจใคร..จะไขว่คว้า
ผมทิ้งตัวนอนเหยียดยาวนอกชานริมผาหิน
และ
หลับตาราวไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย
ผมได้กลิ่นดอกไม้แบบบุหงาส่าหรี
ที่มากมีมากมายนานาพรรณ
นำมาประดับรวมกันในขันทองเหลืองวะวาววับ
กลิ่นลั่นทมมะลิเสียบแซมก้านมะพร้าว
ปีบดอกพราวมัดซ่อนแสนอ่อนหวาน
เคลียพุดซ้อนชบาอ้อนดวงดอกแดงแฝงกลิ่นจำปีจำปารินร่ำ
กล้วยไม้ไพรในคาคบริมเรือน
ที่พากันชูช่อไสวรอสายวสันต์จะพลันพร่างมาลาลีมาลีลา
เทียนหอมถูกจุดมาในลูกมะพร้าวที่ขัดเงางาม
แล้วเจาะรูร้อยให้สายแสงพร้อยพราวพร่างออกมา
งดงามจับตาจับใจ
ไหววะวูบวับรับลมละอองฝนที่พรมพร่าง
ที่หนาวชำแรกผ่านมา
จากเทือกภูด้านหลังที่ดั่งฉากหิมพานต์
ผมนอนหลับตานิ่งนาน
จนกระทั่งได้กลิ่นหวานกว่าหวาน
จากร่างหนึ่งมานอนนิ่งอิงซบในอ้อมอกอุ่น
ผมลูบไล้เรือนผมแล้วหลั่งน้ำตารินเงียบๆ
ผมเฝ้าละเมียดจูบแก้มคิ้วคาง
และพลางหยุดไล้โลม
ด้วยรำลึกรู้ ว่าร่างเธอนั้นหนาวสั่นราวลูกนก
ที่อยากได้เพียงให้อ้อมอกผม
ให้ไออุ่นหนาวคลายเพียงนั้น
เรากอดกายกันแนบแน่นเท่าแรงรักแรงคิดถึง
หากเป็นเพียงแค่ฝากซึ้งคลายเศร้า
ให้คลายรานร้าวด้วยความคิดถึงคะนึงหา
และ
ราวฟ้าดินจะเป็นใจรับรู้
พะยอมไพรไหวกิ่งปลิดปลิว
พลิ้วพร่างพรูโปรยพร
ให้กับสองดวงใจพิสุทธิใสในรักนี้ที่ใครใครยากจะหยั่งถึง
หยาดน้ำค้างจากตา..พร่างริน..
เมื่อเราสองนอน..นิ่งดูงาม*ดาวประจำเมืองประจำใจ*
และ
ราวกับว่าดาวในดวงใจแห่งรัก..
กำลังกระพริบพราว
ราวกับจะกระซิบฝากคำอ้อน..วอน..
ว่า..
ทุกนาทีที่อุทัยโลกหมุน..
กรุ่นแห่งรักหนักแน่นภักดีจักดำรง..
เป็นนิรันดร์..ระหว่างเรา..
แม้นจะเหงางามตามลำพัง..รู้หวังรู้รอคอย
ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณรักภักดิ์พลี
จะมิมีวันมอดดับ..ลาลับเลือนไปกับกาลเวลา
หากเราซึ้งค่ารักแบบ..คนเหนือโลกโศกสุข..
รู้หยุดรู้รำงับรู้รักเย็น..รักเป็น..
รักให้งดงาม จักเป็นนิยามแห่งความสุขแท้..ชั่วนิจนิรันดร.
ดาวประจำเมืองเรืองพราวบนราวฟ้า
ราวดวงตาสวรรค์เฝ้าฝันถึง
คือห่วงใยอบอุ่นใจในคะนึง
แทนความซึ้งตรึงใจอย่างคืนนี้...
ใจดวงร้าวเหินหาวราวนกน้อย
นับวันคอยนับคืนรอมิท้อหนี
แม้นหลงคอยใจดายเดียวมานานปี
รอราตรีที่ยาวนานหวานอกเธอ
ฟ้าเมตตาให้มาเพียงแค่นี้
รับเสียทีที่ได้มาเกินพ้อเพ้อ
ถึงร่างห่างใจเดียวกันใช่ละเมอ
เป็นความเก้อความฝันมหัศจรรย์รัก
.......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song12.html
ชั่วฟ้าดินสลาย
ชั่วดินฟ้า รัก เธอ เสมอ ใจ
ที่ ฉัน รำ พัน ทุก วัน ฝันไปถึงเธอ
อยากให้เธอ หวาน ใจ อยู่ ใกล้
พรอด รัก ร้อย เรียง ร่วมเคล้าเคียง
ฉันและเธอ
ก่อนเข้านอน ฉัน วอน ฝัน ไป
เพ้อ ครวญ ภาพเธอหลอน ให้ชวน ละเมอ
อยากให้เป็น ของ เธอ ชั่ว ฟ้า
ดิน ได้ อย่า มี อันใดพรากไป ไกลกัน
ก่อนเข้านอน ฉัน วอน ฝัน ไป
เพ้อ ครวญ ภาพเธอหลอน ให้ชวน
ละเมอ
อยากให้เป็น ของ เธอ ชั่ว ฟ้า
ดิน ได้ อย่า มี อันใดพรากไป
ไกลกัน...
10 ตุลาคม 2549 17:46 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
ฝน..ข้างนอกกระท่อมโปรยสาย..กระหน่ำหนัก
ท่าม...
คืนค่ำที่เงียบงัน งดงาม เยียบเย็น
กลิ่นกำยานหอมเร้นหวานลึก อวลเศร้า.อยู่ ณ...ภายใน
เทียนสีนวลแท่งใหญ่ถูกจุดขึ้น
ให้วะวูบไหวระบัดไปตามแรงลม
เสียงสายฝน กระทบบันไดหิน
ที่ทอดสูงขึ้นมาสู่กระท่อม*วิมานลอย*
แล้ว..
พร่างพร้อยหยดหยาด
ดั่งดวงแก้วกุดั่นบนเรียวไม้ใบหญ้า..
เสียงดนตรีธรรม ดนตรีทิพย์ จากทุกสรรพสิ่งรายรอบ
กำลังระร่ำรินรับรสสดชื่น ระรื่นรมย์.....
ในท่ามฟ้าครวญ ลมคราง...
สองร่างที่เอนอิงใกล้เตาผิง
ต่างค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหากันอย่างช้าช้า
ด้วยพลังแห่งมนตราเสน่หาสวาทหวาม
แทรกสุขซุกไซร้ละเมียด
และ..
เบียดตามมาด้วยรอยจูบดูดดื่มดื่มด่ำ
ใน..ท่ามกลาง ระริกไหวแห่งฟืนไฟอันอวลอุ่น
แล..
ท่ามหอมหวานจรุงแห่งกรุ่นกลิ่นปวงดวงดอกไม้ป่า
ในเสน่หาถวิล แกมรสชื่นแห่งสุคนธา
พร้อม
*ฟ้าแลดินร่วมรับรู้เป็นพยาน*
ร่างนวล..งามไหวดั่งดอกบัวบาน
ที่..กำลัง..ค่อยๆชูชันแย้มเผยอกลีบตระการ
รอ..
ละออละอองเกสรหวานแสนหวาน
เพื่อ..ผสานผสม..จากภมรร่อนภิรมย์
ที่ค่อยๆละเมียดดอมดม ด้วยรักแสนรัก....
เสียงฝนรำพัน ฝัน ขวัญเพ้อละเมอรำพึง
ด้วยซ่านซึ้งสุขล้ำไปกับคืนค่ำ
ที่..
แม้นดาวเดือน...
ยังต่างพากันเลิกพราวกระพริบวะวิบวับ
ชิงกันหลบหน้าหนีหายเข้ากลีบเมฆไป
ด้วยความอิจฉา..แสนอิจฉา..
ใน...
*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์นี้ที่..รอคอย...*.....!!
....................
สวรรค์ส่งเธอมาวันฟ้าหมอง
ดาวยังพลีร้องไห้แทนคนสิ้นหวัง
ดินเฝ้าครวญพายุโหมโถมประดัง
ลมเพ้อคลั่งรับเพียงโศกโลกทุกข์ทน
หากเพราะใจเพชรภายในไม่เคยท้อ
ไม่คอยพ้อถามฟ้าให้สับสน
ติดปีกใจเหิรบินไปท้าลมบน
ฝ่าพายุฝนลมแรงสู่แสงฟ้า
สร้างพลังจิตนิมิตหมายมิยอมแพ้
หาสัจจะแท้สัจจธรรมอย่างผู้กล้า
บินเหนือโลกย์ลบรอยโศกลิขิตชะตา
เพียรไขว่คว้าแสงธรรมทองส่องนำใจ
ณ..ปลายฟ้าทางช้างเผือกทอดพาดผ่าน
มีวิมานลอยในสายรุ้งงามไสว
เทพแห่งพรหมรอรับขวัญยอดดวงใจ
หลอมฤทัยรวมหนึ่งเดียวเกี่ยวก้อยสู่แดนฝัน..นิรันดร...
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...