12 ธันวาคม 2549 18:02 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song20.html
เธอ......ผู้หญิงคนพิเศษพิสุทธิ์ของผม...
กำลังก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...
สนามบิน..
ที่แสนทันสมัยขจรไกลให้โลกลือ
สนามบิน...
ที่คนไทยทุกคนถือเป็นความภาคภูมิใจ....
เฉกเช่นชื่อพระราชทานนั้นประดุจกัน
ด้วย..
ลีลาแลทีท่าแห่งความเชื่อมั่น..อย่างช้าช้า
และด้วย..
นัยน์ตาสงบนิ่งเงียบงัน
แฝงพลังฝันใฝ่ล้ำลึกราวผลึกแก้วเจียรนัย
ที่..
คอยตามเกี่ยวรัดร้อยใจ*ผม..*เสมอมา
และ..ไม่ว่า...
กัปป์กาลเวลาจะเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อน
เลือนผ่านมานาน...สักกี่วันเดือนปี...ก็ตามที...!
เธอ...ยังคงงามล้ำ
งามดื่มด่ำ ประทับ...ประดับในดวงใจผม
ที่..
ไม่มีวันจะผันแปร....
มั่นคงดั่งภูผาทายท้าสิ้น
ทั้ง...ฟ้าดิน..พายุฝน..และลมแรง
อุปสรรครักแกล้งหลากหลายเรื่องราว
ให้หนาวเหน็บ
เพียงเพื่อ..
ทดสอบใจ...พิสูจน์รักแท้แห่งสองเรา
และ...
ไม่ว่า....สักกี่ภพชาติกัปป์กาลเวลา
กับ..
โลกย์ที่หมุนโศกสุขเหว่ว้า
ให้..
เฝ้ารอคอย ร่างน้อยๆ อย่างมิท้อถอย
ด้วย..
*แรงจิตอธิษฐาน*
เพื่อ..
ให้ร่างงามไสวโผเข้ามา
ในอ้อมกอดอ้อมใจของลูกผู้ชายคนนี้
ที่ภักดิ์แสนภักดิ์ รักแสนรักเป็นที่ยิ่งนักแล้ว..
เธอ..แย้มยิ้มด้วยนัยน์ตา
นัยน์ตาที่พาให้ดูราวกับโลกหล้า
ยอมสยบสิ้นรวมทั้งดินฟ้า
ที่ต่างพากันหยุดหมุนเฝ้ามอง
ผม...กางแขนออก
พร้อมกับที่..
เธอโผเข้ามาในอ้อมจิต เป็นขวัญชีวีชีวิตของผมจริงๆ
ในนาทีนี้...ณ..นาทีนี้..
เราสบตากันนิ่งนาน
ในท่ามโลก
แลความสับสนวายวุ่นรายรอบแห่งวิถีผู้คน
หาก..
กมลภายในกลับ แสนเงียบงาม พร่างแจ่ม
ราวกับมี..*ลำแสงแห่งความว่าง *
ส่องกระจ่างสว่างเย็น นำทางไสว
ไปสู่แดนดิน ดินแดนอันแสนไกล..ไกลแสน
ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาล..อันประมาณหาที่สิ้นสุดมิได้...
ผมกระซิบริมแก้มนวล
ที่..
ยังหอมอวลด้วยนวลกลิ่น
ดวงดอกไม้ไทย..*ดวงจำปา*
ที่เธอแอบทัดแซมผมมา
ให้..
ผมได้ละเมียดละมุนใจ ในยามนี้
ยามที่..
ผม..ค่อยๆขับรถ..พาเธอออกมานอกชานเมือง
ให้..
เธอคนดีได้เอนอิงทิ้งตาทอดใจ
สัมผัสเส้นทางสายรวงเรียวแสนเปลี่ยวเหงา
หากให้ความงดงามอย่างแสนเรียบง่ายดิบเดิม..
อาทิตย์..กำลังอัสดงลงตรงชายทุ่ง ท่ามเวิ้งวัน
ในแดนดินแห่งความฝันอันสูงสุด...*อยุธยา *
ที่..
ผมกำลังขับรถพาเธอไป
เพื่อ..
กรานกราบองค์พระปฏิมา ในโบสถ์คร่ำ...
ที่..เธอร่ำเรียกร้องในทุกครา
เมื่อมีเวลาขึ้นมาให้ผมรับขวัญ..
หลัง..
วันคืนที่เธอเพียรตรากตรำ
ตั้งใจ..
สร้างสรรทำสิ่งยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ
*วิมานวนา*วิมานที่กำลังปรากฏจริงในโลกหล้า
เพื่อ...
รอเวลาพัฒนาจิตผองชนเพื่อนมนุษย์
ให้..
พบกับความหลุดพ้น...มิจำต้องเวียนวนหลงว่ายในวิบาก
อย่างหาทางออกมิพบเจอ โดยไม่มีความหวังพลังใจ
ฤาแรงบุญใดมาหนุนนำ..
ให้..
ทุกดวงใจใสงามมิยอมพ่ายเพียร....
....................
*คนดี..เหนื่อยมั้ย
เที่ยวนี้มาพักสมองพักใจ..ให้ผมรักรักรักได้สักกี่วัน*
ผม...ทำนัยน์ตาล้อ พ้อเพ้อ
อย่างคนที่หลงละเมอหวามไหว
อย่างเทใจ ทุ่มใจ ให้เธอจนหมดสิ้น
เธอ..ยิ้มหวาน
ก่อนจะยกมือผมขึ้นประทับจูบอย่างช้าๆ
อย่างเอาอกเอาใจ ....อย่างเข้าใจ..
และ..
เหนือสิ่งใด
ระหว่างเรา...
บทสนทนาใดไหนเล่า
ก็..
คงไม่จำเป็นสักเท่าไร
ในเมื่อได้ผ่านบททดสอบจากกาลเวลา
ที่ฟ้าดินเฝ้ารับรู้เป็นพยานมาอย่างยาวนาน
และ..
แน่นอนจนเกินจะนับนึก ในทุกอณูรู้สึก
ที่..
เคยได้แลกปลี่ยนแลแบ่งปัน
เกินกว่าฉันท์เพื่อนธรรมกัลยาณมิตรผู้สนิทใจ
อย่าง..
เอื้อโอบเกี่ยวก้อยกันไป
ด้วยความเอมอิ่มเกษมเปรมปรีย์
จน..
เกินจักหาคำมารำพันรำพึง
ในซาบซึ้งแห่งปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอนี้
อัน..
แสนที่จักน่าภาคภูมิใจ
ในความหนักแน่น สัตย์ซื่อ
ถือสัจจะคำอธิษฐานอย่างมั่นคง
อย่าง..
มิยอมหลงทาง
ไปท่ามกลางทะเลโลกย์เลือก
เปลือกกิเลสเนื้อหนังภายนอกเป็นสำคัญ
ที่..
จำต้องพบพรากจากลา
และคงแสนอ้างว้างเหว่ว้าใจ
ไปจนตราบถึงวันสิ้นลม..หากสายเกิน...!
เราสอง...
แวะซื้อมาลัยแสนงาม
ที่..
ร้อยรัดด้วยมะลิหอมกรุ่น
อย่างละมุนละเมียด
และ..
แสนดูเรียบง่ายหากตรงชายอุบะ
กลับแฝงฝังด้วยพลังแห่งความศรัทธา
เพราะ..
มาลามาลัยพวงพิเศษพิสุทธิ์นั้น
ได้รับการร้อยสร้อยโซ่อุบะด้วยบัวตูมบริสุทธิ์
สามดวงดอกแทนการคารวะพระรัตนตรัยทั้งสาม
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ผู้ทรงคุณอนันต์แด่สัตว์ผู้ยาก...
ให้..
ได้ฝากชีพชนม์
มิให้ติดกับหลงวนวิบากว่ายในทะเลโลกย์โศกน้ำตา
อย่างหาทางออกมิพบเจอ
ให้ได้พบพระพุทธศาสนา
ค่อยๆเพียรพายกระดับจิต ให้ขับเคลื่อนชีวาชีวิต
สู่แดนดินทิพยนิรมิต ดั่งชีวิตเกิดใหม่...
ผม....จอดรถที่วัดชัยวัฒนาราม
แล้ว..
เดินเกี่ยวก้อยเคียงไหล่...
เดินข้ามสะพานมิติแห่งกาลเวลา
ราว...
ย้อนรอยถอยหลังกลับไปสู่สมัยทอง
*แห่งรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ*
เสียงเสภาลอยแผ่วแว่วหวานมา
อย่างรานร้าวในบึ้งดวงหฤทัย
เมื่อคิดว่า...
เหตุใดไยเล่าเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จึงต้องพ่ายแหลกแตกยับ
ดับดวงเมืองไปกับความไร้รักสามัคคี..
ที่ในยามนี้...
เราลูกหลานเหลนโหลนไทย
ควรได้มองย้อนรำลึกนึกถึงบทเรียน
แห่ง..
นาฏกรรมสุดโศก แสนเศร้า วิปโยค
อัปยศ สะเทือนใจจนยากหาคำใดมาอธิบาย
หมาย...
เพียงหวังอย่าให้ซ้ำรอย..
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
๓.เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์
๔. โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์
๕. เสร็จสารพระยศซ้อง สรรเสริญ
ไป่แจ่มใจจำเริญ ร่ำอ้าง
ตราตรอมตระโมจเหิน หวนสวาท
อกวะหวิวหวั่นร้าง รีบร้อนการณรงค์
๖. แถลงปางบำราศห้อง โหยครวญ
เสนาะเสน่ห์กำสรวล สั่งแก้ว
โอบองค์ผอูนอวล ออกโอษฐ์ อรเอย
ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว คลาดคล้ายขวบปี
๗. รอยบุญเราร่วมพ้อง พบกัน
บาปแบ่งสองทำทัน เท่าสร้าง
เพรงพรากสัตว์จำผัน พลัดคู่ เขาฤา
บุญร่วมบาปจำร้าง นุชร้างเรียมไกล
๘. จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม
๙. โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ แลโลม โลกเอย
แม้ว่ามีกิ่งโพยม ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม แมกเมฆ ไว้แม่
กีดบ่มีกิ่งฟ้า ฝากน้องนางเดียว
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน
๑๑. ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา
ทราบสวยมภูวจักรี เกลือกใกล้
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง
๑๒. บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้งเตียงสมร
เตียงช่วยเตือนนุชนอน แท่นน้อง
ฉุกโฉมแม่จักจร จากม่าน มาแฮ
ม่านอย่าเบิกบังห้อง หับให้คอยหน
.
.
เสียงสวดมนต์หลายบท...
ด้วยแรงศรัทธาปสาทะสูงสุด
อย่างถวายจิตถวายใจของสองพลังดวงใจ
ที่...
กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ก้องกังวานไปกับสายลมอยุธยาในยามค่ำ
กับ..
เสียงสายน้ำเจ้าพระยาระรินร่ำ
ผ่าน...พระตำหนักสิริยาลัย
ที่..
ฟ้าเบื้องบนกว้างไกล
ณ..บัดนี้...ช่างงามล้ำมลังเมืองเจิดจรัส
ราวรัศมีรุ้งพุ่งพรายพราวเฉิดฉายฉันท์พรรณราย
รอเวลา..
*พูนพระจันทร์เดือนธันวา*
จะประดับฟ้า...ในท่ามราตรีเพ็ญ
ใจดวงงามสองดวง จึ่งพบเย็นกว่าเย็น
งามกว่างาม เกินกว่าที่จักให้ค่านิยามใด
แทนรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึกณ..บ้านภายใน
ได้จน..หมดจดหมดใจ
เรา...
ก้มพลีศิระกราน...กราบลาองค์พระพุทธปฏิมา...ในยามพลบ
อย่างอ่อนน้อมอ่อนโยน
ก่อน..
จะเกี่ยวกุมมือกันอย่างแนบแน่นมั่นคงจงรัก
เดินผ่านลานลั่นทมแห่งภักดิ์
ที่....
กำลังปลิดดวงดอกหวานเศร้า
ลงเคล้าคลุกธุลีหล้า ราวสั่งฟ้าฝากดิน
ให้รู้ซึ้ง..
ถึงบทเรียนแห่งถวิลเทวษโทมนัส
ที่ผ่านกัปป์กาลเวลา
ราวให้ย้อนกลับมาสอนสัจจธรรม อันแสนยิ่งใหญ่
ให้ใจไท ไทยทุกดวง
ได้หวนไห้รำลึก ไตร่ตรองรู้สึก
รู้รักสมานฉันท์ปันพลี
ปันดี ก่อนวันที่จักสายเกิน...
ฟ้า....งาม ในท่ามเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
พาให้หัวใจดวงอรชรอ่อนหวานของเธอ..
คงเผลอ..คิดถึงใครบางคน
*คนในอดีตกรีดใจ*
ที่..
ถือเป็นชาตินักรบทั้งตระกูล
ที่เคยมาเกื้อกูลเกี่ยวพัน
ให้ก่อเกิดสายใยรัดร้อยดั่งสร้อยโซ่รักโซ่ผูกพัน
ในบุพเพเพรงกรรม ตราบจนถึงวันนี้ ณ..วันนี้
ที่...
ดั่งมียอดดวงใจรักยิ่งใหญ่ร่วมกัน
ร่วมสายขวัญ สายใจสายหฤทัยแห่งรักแท้นิรันดร์
มาสานฝัน รังสรร ประโยชน์
แด่..
ผืนดินทองแลผองชนผู้ร่วมทนทุกข์ยากในแผ่นดิน
อย่างยากจะแยกออก
.....................
เธอ.....
กำลังเผลอเหม่อยลอยดูกระแสน้ำวนเชี่ยว
ดั่งเกรียวใจมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึง แห่งก้นบึ้งดวงใจ
ที่...
มากมีสัญญาเดิม สัญญาใจ ผูกพิสวาทกันมา
ให้จำต้องชดใช้
ด้วยการพลัดพรากจากลา
อย่าง..
สุดที่จะหนีพ้นในพันธนารักนี้...
ผม..พาเธอ มานั่งร้านเล็กๆริมฝั่งชล
ที่สายน้ำลึกล้นกำลังทอตลิ่ง
เสียงสายน้ำระรินระริกกระซิกกระซี้กระซิบ
อยากบอกทุกสรรพสิ่งแห่งชีวิตให้หยุดนิ่งฟัง
บทเพลงธรรม ธรรมชาติแห่ง*สายน้ำรักนิรันดร์ ได้ระบาย...
ดีกว่า..
ฝากกลายกลับพิโรธ
ราวอยากสอนให้มวลมนุษย์
ได้หยุดทำลาย แล้วแก้ตัว....เริ่มต้นใหม่...
.....................
กุ้งแม่น้ำ กับหลากอาหารค่ำ
แกล้มกับเสียงเรไรร่ำพร่ำบอก
ราว..
เสียงสายน้ำแห่งรัก
ที่..
คอยตอกย้ำเตือนให้ตระหนักถึงลมหายใจแสนสุข..
ที่มักแสนสั้น
ให้..
ทุกดวงใจ อย่าได้ไหวหวั่น
มัวประมาทไปกับคืนและวัน..*ที่ยากย้อนหวนคืน*
หาก..
สอนให้รู้รับชื่นรื่นอภิรมย์ ก่อนลมหายใจจักสิ้น..
และ
กับ...ทุกนาทีแสนมีค่า...
ยาม....
ได้พบรักแท้นิรันดร์
ได้ปันแบ่ง ทุกสิ่งแสนงามแสนดีอย่างแสนมีพลังใจ
ผม...
พาเธอมายังคอนโดกลางเมือง
*อาณาจักรแห่งรักแห่งฝัน*
ยามที่..
ผมเองนั้นยังจำต้องรับบทเป็น
*คนเมืองเรืองรุ่งมุ่งทำงานเพื่อสร้างหลักฐาน*
ให้..
เราได้สานฝันสร้าง
*วิมานลอย*
ที่กำลังคอยให้ฝันนั้นพลันจริง
เพื่อ...
ทิ้งความศิวิไลซ์
แล้ว..
ไปสัมผัสวิมานแห่งความสงบสงัดในยามบั้นปลาย
หมายได้ชิดใกล้ธรรมชาติ
และ...
วาดวงชีวีชีวิตให้สถิตสถาวร..สถาพร..
เพื่อ..
นำบทเรียนธรรม มาสอนใจแด่ทุกเพื่อนมนุษย์..
ไม่ว่า...ชนชาติภาษาใด
อย่าง..
ผู้เข้าใจโลก อย่างผู้อยู่เหนือโลก เหนือโศกสุขทั้งปวง
มิห่วงหาอาวรณ์สิ่งใดแล้ว
รอ...
เวลาร่างโรยร่วง ลงสู่ดิน
หากจิตวิญญาณดวงแก้วแววประภัสส์
จักโบยบินโบกด้วยแรงบุญแรงกุศลส่ง....
ให้ตรง...ไปยัง
*แดนดินแห่งความว่างเกษมเย็นเป็นนิรันดร์...*
.................
ราตรีแสนงาม...
กำลังพรายพร่างด้วยดารารายเรียงดวง
เธอ..
ยืนชมวิวบนระเบียงตึกสูง
แลลอยละลิบไปสู่ทิวทิพย์เมฆ
ทอดทัศนา รายรอบวิวทิวทัศน์ วัดวา
ยอดหลังคาโบสถ์อร่ามเรือง เลื่อมพรายพราวดั่งทองทา
โน่น....
พระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้วในยามค่ำ
แสนมลังเมลืองพราวพร่าง งามระยับจับนัยน์ตา
ราว..
เมืองฟ้า เมืองสวรรค์ ที่ฟ้านี้ประทานให้
กับ...
ลมหนาวละลิ่วละล่องมาปะทะร่างราน....
แลละลิบลงเบื้องล่าง
แลรายรอบราวเมืองสวรรค์ฝันสับสน..
กับ..
ชีวิตผู้คน..อลวนอลเวง..ในเมืองลวง และ..
รอ..
ดาวนำทางใจศรัทธาใจดวงไกล
ที่..
กำลังลอยละลิ่วปลิวด้วยลมรักลอยมาหา
มาปลอบประโลมใจ
ยามที่เราราวธุลีหล้าเล็กนิดเดียว
ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้....!
ที่ทุกดวงใจเฝ้าเพียรแต่สงสัย ถามใจตัวเองว่า..
จะมอบนิยามใดให้แก่โลกใบนี้ดี..ละหนอ ละหนา
ที่มีทั้ง ดิ้นรนเหว่ว้าสับสนต่อสู้
สุขแสนสุขในบางมุมของโลก
และ..
โศกแสนโศกโลกแทบสะเทือนไหวในบางชีวาชีวิต
ที่ถูกลิขิตไปตามกาลไปตามแกน
ความงามซ่อนอยู่มากมาย
ความชั่วร้ายก็ซ่อนอยู่มากมี
สุดแต่ใจเรานี้จะไขว่คว้าและ
ชะตากรรมนำพาหมุนวนให้ไปพานพบกับสิ่งใด
บางวันสุขล้นหัวใจอยู่ดีดี..
พออีกนาทีต้องมานั่งเศร้าดายเดียวลำพัง
น้ำตาพร่างพลันพรู
ร้างไร้ผู้ใดรู้เห็น....
โอ้ช่างไฉนเลย สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ลา สวรรค์ปิด
ผมเองเคยพลันคิด..
ฝันใฝ่
ใส่จินตนาการงาม..ให้..เมืองมลังเมลือง
เบื้องล่างนั้น
คือเมืองสวรรค์ในฝัน....
ที่มี...
แม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน
มีม่านหมอกราวสายไหม
มี..
ดวงดอกไม้หวานแอร่มแต้มไพรระดะดวง
มีเส้นทางสายงามทอดทาบราวอาบทองทา
นำพาไปสู่ป่าหิมพานต์
ณ.แดนดินแห่งมนต์ขลัง
เป็นป่างามสะพรั่งพรรณตระการตา
มี..
ดวงดาราพร่างดาระดาดกระพริบพราว
มืทางช้างเผือกงามอะคร้าว
ราวรุ้งเรียวรอรับร่างขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
เสกรวงดาวหว่านพราวพร่างพรมห่มให้โลกงาม
.................
หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์...
..............
ผม......
ค่อยๆเดินออกมา..
กอดกระหวัดรัดร่างเธอโอบกอดไว้
อย่างแนบแน่น
ด้วย..
แรงรักแสนรัก คิดถึงแสนคิดถึง
ให้ตราตรึงอบอุ่นณ..ทางเบื้องหลัง
แล้ว..
ไล้คางสากไปตามริมเรียวแก้มหอมหอมหอม
ดอมดอมดอมอย่างดูดดื่มชื่นฉ่ำใจ ..ภักดีใจ..
ในยามนี้..
ที่ฟ้าดินเบื้องบนกำลังเมตตาเป็นใจ
ประสานใจให้ใฝ่เฝ้ารอดูดวงดาวแห่งศรัทธารัก
ที่..
หวังจักโชนแสงส่อง
มาปลอบประโลมไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์.
และ..พลัน..!
ดาวในดวงชีวันก็ส่องกระจ่าง..สว่างไสว..ณ..กลางใจ
ดาวประจำเมือง..ที่สุกไสวราวรักเราสอง
ที่..
รอให้ครองเคียงคู่กันไป
แล้ว..
ลอยละล่องติดปีกฝัน สู่ไพรพฤกษ์พง
เราสอง...หลับตา
ราว..
ตกอยู่ในเงื้อมเงาแห่งเมตตา
จากหัตถาสวรรค์บันดาลดล
ให้..
ต้องอยู่ในมนต์ขลังภวังค์เสน่หา
และ.
ในมโนนึกอย่างแสนซาบซึ้งรักล้นล้ำเลอค่า
ในแย้มยิ้มยินดี...
เมื่อ*เรามีกันและกันในอ้อมกอด..*
ผม..จึ่งยืนนิ่ง
ให้เธอพักพิงอิงไหล่อยู่ในอ้อมโอบแห่งรัก
หอมหอมหอมเป็นยิ่งนัก
ทั้งกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพรในกลางใจเมือง
ที่กำลังไหวกิ่งฝันรับสายแสงจันทร์
และ
กับ..
อวลกลิ่นฝันอันอุ่นไอจากอ้อมอกแนบละมุนละไม..
จากหัวอกหัวใจของผมคนนี้
ที่เธอกระซิบว่า..
ดั่งสุภาพบุรุษลูกผู้ชายชาติอาชาไนยทรนงคงมั่น
สมดั่งสัจจอธิษฐานวาจา...
ให้เธอหนาวคลาย..ให้คลายหนาว..
ให้..
ใจดวงร้าว เลิกดายเดียว ตลอดไป
เราพากัน...ค่อยๆชี้ชวน
ชมทางช้างเผือก
ที่กำลังทอแสงสว่างกระจ่างเย็น
เป็นลำแสงว่างอย่างโชติช่วงชัชวาลย์
ปานประหนึ่งเพชรพร่างแพร้วพร้อย
พร้อม..
กระซิบพ้อรอรวมพลังรักอธิษฐานใจ....
ให้สองดวงหฤทัยแห่งเรา
ได้..
ครองคู่มหัศจรรย์รักยิ่งใหญ่...
ไปทุกภพทุกชาติ..อย่างพิสวาท..มิคลาดคลา...!!!!!!!
..........................................
ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..
ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!.
ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร...
เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม...
ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ....
ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม....!
........................
กลิ่นสไบนางหอม
หอมดอกพะยอมไม่เทียบเปรียบปาน
หอมดอกคัดเค้ารื่นเร้าจิตหวาน
เมื่อมาประมาณ กลิ่นไม่เทียบทานสไบ
กลิ่นสไบนวลนาง
แม้ห่างยังหอมไม่ชืดจืดใจ
ฉันจากถิ่นฐานมาเสียห่างไกล
โอ้กลิ่นสไบเจ้ายังร่ำไรไม่จาง
กลิ่นสไบใช่แล้วอกเอย
กลิ่นนี้พี่เคยเหมือนกลิ่นที่เชยจูบปราง
เจ้าปัดให้พี่วาง
พลัดปรางแนบใจ พี่ชื่นสไบบัวทอง
กลิ่นสไบนุ่มนวล
หรืออบลำดวน มะลิก่อนครอง
หอมยั่วจิตใจให้คิดใฝ่ปอง
ถ้าอยู่ห่างน้อง กลิ่นเจ้าร่ำร้องตามมา
กลิ่นสไบใช่แล้วอกเอย
กลิ่นนี้พี่เคย เหมือนกลิ่นที่เชยจูบปราง
เจ้าปัดให้พี่วาง
พลัดปรางแนบใจ พี่ชื่นสไบบัวทอง
กลิ่นสไบนุ่มนวล
หรืออบลำดวน มะลิก่อนครอง
หอมยั่วจิตใจให้คิดใฝ่ปอง
ถ้าอยู่ห่างน้อง กลิ่นเจ้าร่ำร้องตามมา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song20.html
วิมานสีชมพู
วิมานนี้สีชมพู
สีแห่งรัก งาม หรู
ซึ้งอยู่ในความฝัน
วาง ราก ศิลารัก สลักด้วย ดวง ชี วัน
จารึก ไว้ ร่วมกัน ไม่ มี วัน เสื่อม คลาย
ชื่น ใด เล่า เหนือกว่าใจเรา
เนาว์รัก มิวาย
ขอพลีใจ และกาย
รักเดียวไม่เคลื่อนคลาย
มลาย กลายสีชมพู
วิมานนี้ ฉันปลื้มฤดี เพราะมี เธอคู่
ถึงเข็ญใจ ไม่คลายชมพู เสรีรักอยู่ ชื่นชู ใจ
ชื่น ใด เล่า เหนือกว่าใจเรา
เนาว์รัก มิวาย
ขอพลีใจ และกาย
รักเดียวไม่เคลื่อนคลาย
มลาย กลายสีชมพู
วิ มาน นี้ ฉันปลื้มฤดี เพราะมี เธอคู่
ถึงเข็ญใจ ไม่คลายชมพู
เส รี รัก อยู่ ชื่น ชู ใจ...
8 ธันวาคม 2549 00:01 น.
พุด
ฉันจุดเทียนอาบน้ำ ในห้องน้ำ
ที่..แลลอดเห็นธรรมชาติดาวเดือนเกลื่อนฟ้า
มิเหว่ว้าด้วยมีเถาตำลึงเขียวสวยเลื้อยพันพ้อ
คลอสล้างไปกับกอกล้วยสูงใหญ่
กำลังออกหวีไหวปลอบประโลมใจ
เป็นความ..
อ่อนไหวอ่อนหวานอย่างที่สุด
และอย่างยากยิ่งที่ใคร..ผู้ใดจะหยั่งรู้แลเห็น
ในอณูทุกแรงเต้นของหัวใจในวันนี้..นาทีนี้
ด้วยความรู้สึกแสนดี แสนดื่มด่ำ
จนอยากจะร้องเพลงเสียงดังดัง
คารวะโลกทั้งโลกให้หยุดรับรู้นิ่งฟัง
ด้วยความรู้สึกขอบคุณยิ่ง
ใน...
เรื่องราวทุกสรรพสิ่ง
ที่สวรรค์มีตาฟ้าดินเมตตาปรารถนาดีหยิบยื่นให้..
เป็นธรรมสัจจะ รักเหนือรัก
ปาฏิหารย์รัก
ที่จักต้องใช้ความกล้าหาญ อดทน เสียสละ
และ..
กาลเวลายาวนานพิสูจน์...
กาลเวลา..
ที่มีเพียงความดายเดียวเหว่ว้า
ไร้สิ้นปรารถนาใด
มีความอ้างว้างหนาวเหน็บในดวงใจล้ำลึก
มีเพียงรู้สึกว่างเปล่าเหงางามเงียบเรียบง่าย
รักใช้ชีวิตชิดใกล้ไปกับธรรมชาติรายรอบ
ให้คอยเฝ้าปลอบประโลมรักษารอยบาดแผลใจ
เป็นความละไมละเมียดละมุน
เป็นความหอมกรุ่นเกินสิ่งใด
เป็นความพราวพร่างไสวนิรันดร์
เป็นความว่างอนันตกาล
เป็นความหวานกว่าหวาน
เป็นความแผ่ไพศาลสอนสัจจธรรม..
และ..
สุดท้ายเป็นดั่งผลึกหยาดน้ำค้างแก้ว
ที่คอยพร่างแพร้วรินรด
หยดลง..ณ..กลางเนื้อแท้ นวลใจ
ให้เกิดก่อ...
ความสงบ สะอาด สว่างใส
ปิติเกษมธรรม....เป็น..นิรันดร์....!
............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html
วิมานดิน
ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...
30 พฤศจิกายน 2549 23:48 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6020.html
อายฟ้าดิน..MY HEART WILL GO ON
.......................
ขอรจนากลอนสอนสัจจซึ้งสักหนึ่งบท
ฝากงามงดท่ามโลกโศกสิ้นหวัง
ว่าที่จริงทุกสิ่งอนิจจัง
ไร้จีรังรักฤาทุกข์สุขมายา
จากดวงใจหญิงหนึ่งผู้ครองเศร้า
ผ่านรานร้าวบทเรียนเสน่หา
ท่วมระทมตรมหมองไหม้กัปป์กาลเวลา
หากทว่ามิยอมพ่ายหมายฝากดี
ให้สัจจทุกข์ระทมเจียรนัย
จิตดวงใสดวงงามหอมศักดิ์ศรี
ค่าของคนผู้ทุกข์ทนคือความดี
พร่างรัศมีบุญงามนิยามภักดิ์
ปรารถนาโลกนี้มีเมตตา
ฝากดินฟ้าสวรรค์ซึ้งประจักษ์
ว่าชีพชนม์ลมหายใจแสนสั้นนัก
รอ..ผู้ภักดิ์เคียงปลอบขวัญนิรันดร์กาล...!
.....................
คริสมาสฝันสวรรค์รอ..
คืนนี้เป็นคืนคริสมาสอีฟ
ทั่วทุกแห่งหนในโลกหล้าหลายประเทศ..
รวมทั้งที่นี่....ประเทศไทย
เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง
เสียงเพลง..
ไฟพราว ประดับประดา
ม่านมนตราแห่งความสนุกสนาน
กำลังคลี่หวานผ่านคืนฝันวันสุข
ที่ทุกดวงใจ
จะได้มาแย้มยิ้มเอมอิ่มเยี่ยมเยือนคนในครอบครัว
ที่ปีหนึ่งบางทีจะมีแค่หนเดียว
ที่จะได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน
ได้มาร่วมรับขวัญปันแบ่งความสุขสนุกครึกครื้น
ที่แสนจะระรื่นชื่นฉ่ำใจ
และ
ก่อนหน้านี้..นานนับเดือน
ต้นคริสมาส
จะเริ่มถูกประดับประดาตกแต่งด้วยไฟพร่างพราว
ด้วยของขวัญมากมี
แม้กระทั่งหน้าทำเนียบขาว
ที่ออกข่าวไปทั่วโลก
เป็นประเพณี
ที่ท่านประธานาธิบดี
และท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
จะต้องขึ้นไปทำพิธีตกแต่งประดับประดาต้นตริสมาสสูงใหญ่
และ
จุดไฟแรกเริ่มนิมิตมงคล
รอวันเฉลิมฉลองพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ
เพื่อแสดงความชื่นชมยินดีในวาระ
ที่ปีใหม่กำลังจะเวียนมา
สำหรับ..ผม..คืนนี้
กำลังมุ่งหน้าไปสนามบินดอนเมือง
ให้ทันเที่ยวบินสองทุ่ม
และ
ราวๆสี่ทุ่มกว่าๆ
ผมจะได้สัมผัสสนามบินChanghi ของประเทศสิงคโปร์
แล้ว
ผมจะจับแท๊กซี่
เพื่อต่อไปยังสถานี Cabel Car
แล้ว
ข้ามไปยังเกาะเซนโตซ่าที่อยู่ใกล้ๆกัน
เพื่อไปยัง*สถานที่นัดพบ..กับใครบางคน*
ที่ดวงกมลผมหลงรักหลงรอมานานแสนนาน
นะนาทีนี้
ใจผมดวงนิ่งนิ่ง
ดวงดีดีดวงเดิมเดิมดวงดินดิน
ที่เคยรู้รำงับรู้ดับทุกสรรพสิ่งได้
ไม่ว่าสิ่งใดที่มาเวียนกรายมากระทบ
ก็แค่ภายนอกเพียงนั้น
ผมหาได้เคยรับอารมณ์ใดอารมณ์ใคร
ให้มามีอำนาจสิงสถิตในใจให้นานเนาก็หาไม่
แต่แสนแปลกดี
ที่..ในวันนี้
กลับเต้นตึกตั๊กในจังหวะรักแบบแผกพิเศษพิสุทธิ์
ยากที่จะหยุดให้เข้าจังหวะเดิม..
เพียงผมยอมตามใจ
เพราะอยากเพิ่มความรู้สึกแปลกใหม่ที่แสนดีแสนงาม
ที่นานทีนานครั้ง
ก็จะทำให้รสชาติชีวิตผมนี้
ที่แสนเงียบเหงา วังเวง
ได้ครื้นเครงได้พลันพาเพริศแพร้ว
เกินกว่าใจจักรำงับใจได้
จำต้องปล่อยไปเลยตามเลย..เพียงมิให้เกินเลย..แค่นั้นก็คงพอ
ขอแค่สุขเล็กๆบ้างเป็นบางวัน
ฝันเป็นบางราตรี
ทวีความรู้สึกดีดีก็เท่านั้นก็เท่านี้เอง
เสียงหัวใจผมในนาทีนี้
จึงราวบรรเลงเพลงรักยิ่งกว่ารัวกลอง
ที่พูดแล้วก็คงยังน้อยไป
ผมว่า..ราวมีบทเพลงคริสมาสทั้งโลกหล้า
มาบรรเลงกระหึ่มก้องอยู่นะบ้านภายใน
ให้สี่ห้องหัวใจผมแสนระริกระรัวราวแรกรัก..
ผม..พยายามค่อยๆหายใจเข้าออกอย่างช้าช้า
เพียรภาวนาพุทโธ
แต่โอ้ละหนอละนี่
ทำไมวันนี้หัวใจดวงดีดวงงาม
กลับไม่ยอมสงบ..โลดเต้นไม่เป็นส่ำเอาเสียเลย
ใช่แล้ว.ละครับทุกดวงใจที่รักที่แสนห่วงใยผม
ได้โปรดเมตตาเข้าใจรับรู้
ให้อภัยหัวใจดวงร้าวดวงเศร้านี้ด้วยเถิดได้โปรดกรุณา
หากรับรู้ว่า
มีบางสิ่งแสนดีที่หวานแสนหวาน
ที่พาให้หัวใจผมปานเปรมปรีย์เอมอิ่ม
และ
เลือกที่จะบินลัดฟ้า
มาตามหา*ปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รักภักดี*
ถึงแดนดินเมืองลอดช่องแดนสิงห์โตพ่นน้ำ
ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ฟ้าดินจะเมตตาเป็นใจให้ผม
ได้พบยอดดวงหฤทัย
ที่ผมรอคอยเธอมานานแสนนาน
ปานชั่วกัปป์กัลป์เลยทีเดียว
ผม...รอวันนี้มาราวชั่วชีวิต
วันที่พรหมลิขิตสวรรค์บันดาล
ให้ได้มาพานพบเธอ..*นางใจนางในฝัน*
ที่ผมคิดว่าบางที
สวรรค์ส่งฤานรกสาปมาให้ผมกันแน่ละหนอละนี่
ที่ทำให้หัวใจดวงแสนดีสุขสงบ
กลับต้องมาพบทั้งสุขทุกข์ระทม
ตรมตรอมหอมหวาน
คลุกเคล้ากับรักคราวนี้ที่แสนเศร้า
ต้องเฝ้าเพ้อพะวงหลงรอคอย
ราวถูกร้อยรัดรึงด้วยโซ่พันธนาการทางดวงวิญญาญ์
ที่
ผมยอมแพ้
ยอมพ่าย
ยอมถอดใจกายวางไว้แทบเท้าแทบตักเธอ..เสียแล้ว..อย่างสิโรราบ
คืนนี้แล้วสินะ..
ที่ผมจะได้พบกับอัญมณีใจ
ที่ส่องไสวพร่าง
ที่ผมใช้นำทางดั่งเข็มทิศ
ให้มานิรมิตฝัน
มาสร้างพลังปิติเกษม
เพื่อสรรสร้างสิ่งดี
เพื่อคืนกลับให้โลกนี้
อย่างหลอมรวมพลีภักดิ์
อย่างรู้รักเป็นรักเย็น
อย่างคนเหนือโลกย์
แม้นจะพบโศกสุขในบางหน
เพราะ
ผมก็ยังไม่พ้นความเป็นปุถุชนคนเดินดิน
ที่ยังต้องรินน้ำตาสังเวยบ้าง
ใช่ว่าลูกผู้ชายจะร้องไห้ไม่เป็น เสียที่ไหนเล่า
หากยังต้องพบรานร้าว
ยังไม่สละเพศออกบวช..ทั้งชีพ..ชนม์..ตลอดไป
หลายปี...
ที่ผม...มีชีวีชีวัน
ภายใต้เงื้อมเงาฝัน ดวงตะวันกระจ่างแห่งจิตวิญญาณ
อันแสนอบอุ่นอ่อนหวานแสนดี
เธอ..ผู้มากมีน้ำใจเมตตาหลั่งริน
ทุกระแสสินธุ์มิสิ้นสาย
*ให้*ผม ด้วยสายใจสายใยรักแสนพิสวาทเสน่หา
ให้
ผม..ที่เพียรหนีเส้นทางรักพันธนา
สู่เส้นทางธรรม..
ต้องมาจบเห่เอาลงตรงแทบตักเธอ..
แต่ช่างเถอะนะ
มันก็ไม่เลวนักหรอก
กับการที่ผมได้บทเรียนในทางโลกย์
บทที่มีชื่อว่าโศกสุขให้นำมาทดสอบใจ..ฝึกฝนจิต
เพียรสอนชีวิตจริง
ให้กมลยอมรับว่า
ทุกสรรพสิ่งคือวิบากเก่าวิบากกรรมวิบากรัก
จงรีบชดใช้หนี้รักภักดิ์พลี
หากหนีไม่พ้นมาชนเข้าเต็มๆเสียให้หมดสิ้น
กับ
ทุกสิ่งที่เป็นดั่งสัจจะและบทเรียนชีวิต
ก่อนที่ฟ้าจะลิขิตให้ผืนดินกลบหน้า
เพราะ
ผมคิดว่าประสบการณ์ตรง
จะสอนให้คนคงมั่นหนักแน่นแก้ปัญหา
ทายท้าดีกว่าการหนีแบบหัวซุกหัวซุน..
เมื่อยังมีนวลใจละมุน
ยังต้องการหวานหอมกรุ่น
สร้างความหวังพลังใจ
จากใครสักคน
มาเคียงคู่ใจเป็นคู่ธรรมคู่ทอง
ประคองกันไปจนกว่าชีพจะวายปราณ..
ร่างรานใจร้าวจะแตกดับฝากฝังไปกับธุลีหล้า
หัวใจผม...
จึงราวมีดวงดอกไม้บานตระการหวานหอม
ส่งกลิ่นสะพรั่งรินตลอดเวลา
หาใช่อย่างที่บางคนบอกไม่..
*ว่ารักคือทุกข์แสนยิ่งใหญ่เกินทานทน*
เพราะ
ผม..พยายามลากหัวใจรักผม
ให้พัฒนาไปในทางสร้างสรร
ใช่คิดฝันแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือทะเล
ซึ่งนั่นหาใช่เรียกว่ารักแท้ไม่
หากคือเนื้อหนังในที่ไม่นานเน่า
หาใช่จะยึดใสสวยได้นานไป
เสียที่ไหนกันหนอเล่าเจ้ายอดดวงใจ
หลายปี
ที่เธอคนดี รักผม..แบบทนรอ
มิพ้อ..มิท้อแท้..มิพ่ายแพ้ใจ
บางครั้ง
ผมแกล้งลวงใจเธอ
ให้เผลอหวั่นไหวว่า
ผมไม่ไหวแล้วจะลาบวชไม่สึกนะ
ไม่มีวันให้พบเจอ
อยากรอก็รอเก้อละเมอไปคนเดียว
ให้เหี่ยวแห้งแบบบัวคาบึง
คนเอื้อมไม่ถึงผึ้งตอมไม่ได้เถอะนะ
ผมทายท้า
และ
เพียรพยายามพาตัวหนีเข้าร่มธรรม
ใช้วาจาที่ห้ำหั่น
ให้ฝันเธอค้างเติ่งต่องแต่ง
เหมือนแกล้งให้ช้ำในตาย
วันละหลายหนหลายรอบ
รีบประชดบอกกับเธอไป
เพ้อไปเลยคนดี
เพราะ
รักของเรานี้
ต้องจบลงตรงคำว่าพรากลา
หามีวันได้พบพานกันไม่
แต่เธอ..ก็ไม่เคยระย่อ
ราวหลงโง่งมเชื่อมั่นศรัทธา
ในนิยายรักอันแสนหวาน..อันหามีจริงไม่
ในโลกใบใหญ่
ที่นับวันจะยิ่งย่ำแย่
ที่หาคนรักแท้รักจริง
ที่ยากยิ่งกว่าคำงมเข็มในมหาสมุทร
อันแสนสุดลึกล้ำยากหยั่งหา
ราวกับว่า
หลงรอละเมอรอท่าหาค่าคนค่าคำรักนิรันดร์
ฝันหวานได้หวานดีมานานปี
ที่ช่างแสนดีแสนพิลึกผู้หญิงเสียจริงๆเลยเชียว
ผมทน..ลองใจทดสอบจิตไม่ไหว
จนถึงในวันนี้นาทีนี้ไง
ที่ต้องยอมพ่ายหัวใจอันแกร่งกล้า
ราวอัญมณีเพชรเด็ดดวงของเธอ
ที่พร้อมพลีบูชารัก
ใช้ใจเดิมพันใจ ไม่ระย่อ ไม่หวั่น ไม่หวัง
และ
ที่ผมรู้..เธอมีเพียงพลังแห่งรัก
กับความหวานละมุน
ที่กรุ่นหอมราวดวงดอกไม้
และ
นั่นแหละคือมนต์มารหวานร้าย
ที่ค่อยๆทำให้ชาย
ยอมตายยอมสยบมานักต่อนักแล้วในแผ่นดิน
ที่แสนมากมีมิสิ้นในประวัติศาสตร์แห่งโลกหล้า
ที่
ชายชาตินักรบผู้หาญกล้ามาล้านเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
ยังยอมพลีกับคำรักนี้
ที่ราวโลกต้องคำสาป
ให้ชายหญิงต้องมาหมายมาดพิสวาทกัน
เพื่อสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ฤาไฉน
มหัศจรรย์แห่งรัก!
ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้
เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ
ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ
คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา..
โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง
จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา
ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา
ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ
เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้
ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน
ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป
เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา
ตัดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท
หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา
ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า
ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร!
..........
หาก
สำหรับผม..รักเธอแบบพิศดาร
ผม..บอกเธอว่า
ระหว่างเรา
แค่มาสร้างตำนานฝันปันพลี
แบ่งสิ่งดีดีงามงามให้แก่กัน
ก่อน
วันที่จะเลิกวนว่ายในวงรัก พากันพ้นพันธนา
หากให้เป็นธรรมชาติ
อย่าบังอาจฝืนคำประกาศิตลิขิตพรหม
มาตรแม้นถึงจะพบตรมตรอมใจ
ในรักสักเพียงไหน
ก็คงจงเข้าใจ
ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมดาธรรมชาติชีวิต
ราวใช้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง
ในทุกยามกับกาลเวลาเนานานที่ผันผ่านฝากดี
และ
แล้วพยายามหยุด
หาทางออกให้พบเจอ
มิลอยเก้อในทะเลโลกย์แห่งวัฎฎสังสาร
ให้ยาวนานออกไปอีก
เพียง
แค่มาพานพบ
เพื่อพากันขึ้นฝั่งฝัน
ใช่พากันจมน้ำตายทั้งคู่แบบดูดำไม่เหลือดี
มีแต่ติดเปลือกตมจมน้ำตาย
ผม..คิดมากตลอดทาง
ราวท่องในอากาศวาดวิมานรัก
จนสมาธิกระเจิงกระจายกระจุยไร้สติ
และ
ต้องมารำงับหยุดลงตรงที่
ได้ยินเสียงกัปตันประกาศก้อง
ให้ทุกผู้โดยสารสุภาพบุรุษสุภาพสตรี
เตรียมตัวลงด้วยความปลอดภัย..สบายผิดกันตามอัตภาพ
ยามมาเดินทางท่องเที่ยว
เกี่ยวเก็บประสบการณ์
ใช่..เพียงแค่เตือนให้ระวังมิจฉาชีพก่อนลงบางเมือง
ที่ไม่น่าประเทืองประทับใจเอาเสียเลย
ผม..ยังได้ยินเสียงเธอ
แว่วมาหวานมากับฟ้ากว้างในสายลมหนาว
ก่อนที่ผมจะเดินทางตามมาสมทบ
*คนดี..มาถึงแล้วนะคะ
และ
แวะทายทักเพื่อนเก่านิดหน่อย
กับเดินหาอาหารอร่อยๆทาน
และไปรำลึกอดีตที่ออชาร์ดโร๊ด
ที่ราวกับบ้านหลังที่สองก็มิปาน
เพราะอยู่มานานจนเคยคุ้น
ที่รัก..
อย่าห่วงอาการหัวใจรักกำเริบนะคะ
มียามาค่ะ
และหวังหัวใจคงไม่มาพยศ
ให้มาหมดสุขเจียนตายที่นี่ค่ะ
ในเวลาอย่างนี้
ที่เรารอมาแสนนานนะคะอย่ากังวลค่ะ*
และ
*ได้ข้ามมาเช็คอินรอที่โรงแรมแล้วค่ะ
ตั้งบนเนินสวยมากอย่างที่เห็นในเนต
อยากให้คุณมาถึงเร็วๆ
จะได้มาเอนอิงพิงกันนั่งดูโค้งอ่าวแสนงาม
ที่ราวสวรรค์สรวงลอยลงมาเยือนโลกหล้าเลยละค่ะ
เมื่อคืน
ออกไปเดินตากน้ำค้าง
หนาวนิดนิด อึดอัดแน่นหน้าอกนิดหน่อยค่ะ
คงเพระาอากาศเย็น
เลยต้องใส่เสื้อหนาวแทนอกอุ่นๆของคุณไปพลางๆ
แล้ว
ไปนั่งรับความงาม
อย่างดายเดียวลำพัง
ก็แสนสุขสงบดี
ได้ทำใจดวงนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางค่ะอิอิ
กลัวเพียงวันที่พบคุณจะเต้นไม่เป็นส่ำค่ะที่รัก
และ
งามไฟพริบพราวราวดาวลอยบนผืนน้ำเลยค่ะ
งามมาก
หากคุณเห็นต้องบอกว่านี่ไงสวรรค์ สวรรค์!!
ที่
คุณบอกว่าให้จับนิมิตฝันไว้ไงเล่าคะ
หากว่าเราสองยังไปไม่ถึงที่
ที่เราคิดไว้ว่าจะประคองกันไปให้ถึง
ที่ว่างแสนว่าง
งามแสนงามกว่านั้นยังไงล่ะคะ
จำได้ไหม..
ที่คุณบอกว่าหากวันไหนปราณแตกดับ
ให้เรามาจับมือไปพร้อมกัน
*ดั่งคำมั่นสัญญารัก
ดั่งสัจจะเพียรอธิษฐานขอพรพระเมตตา
ให้วิญญาญ์ทั้งสองจะได้ไม่ดายเดียว*
...............
...............
ผม..คิดถึงเธอ..จนกระทั่งนาทีนี้
ที่นั่งอยู่บนรถแท๊กซี่ขึ้นบนทางด่วนเพื่อไปพบเธอ
ผมรักเธอเกินกล่าว
คิดถึงเธอ คิดถึงมาก
และ
ราวกับทุกเรื่องราวกำลังไหลบ่า
ออกมาจากทุกห้วงอณูจิต
ในนิมิตแห่งความทรงจำ
อันแสนงดงามหวานหอม
หลั่งไหลระรินมิสิ้นสายรักสายเสน่หา
ราวกับว่า
คือสายธารศักดิ์สิทธิ์แห่งรักภักดิ์พลีในทุกคำพูดระหว่างเรา
ที่ฝากกันไว้แสนยาวนาน
ผ่านกาลเวลาที่แสนรักเอยแสนรักในกมล
ผม..เป็นห่วงเธอ
เพราะทราบว่า
เธอมีหัวใจดวงร้าว
ดวงที่
คงเหงาเศร้าสร้อย
แถมยังเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เกิด
หากวันนึง
ผมพรากลาไกลไปตราบชั่วนิจนิรันดร
ใครกันเล่า
จะเฝ้าทะนุถนอมดูแลห่วงใย
และ
ลึกๆ..ผม..คิดว่าเป็นความผิดผม
ที่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน
ว่าเธอมีหัวใจอันอ่อนบางเปราะบางเพียงไร
ผมยังไปเติมเพิ่มทุกข์ระทมทับ
ในดวงใจให้เธอมากขึ้นมากเข้าเสียอีก
และ
เธอ
ก็ไม่เคยปริปากบ่น
ได้แต่ทนร้องไห้ๆเงียบๆ
แถมบางทีกลับมาขอโทษผมเสียอีก
ที่
ผม..นี้แสนสงสาร
และยอมยินดีพลีชดใช้
ด้วยรักภักดีตราบวันตาย
และคงหมายถึงอีกกี่ภพกี่ชาติก็ยอม
คนดี..
ไม่กี่นาทีแล้วนะครับ
ผมเตรียมคำรักคำมั่น
และ
รู้ไหมในกระเป๋าผมมีอะไร
เป็นของขวัญกำนัลรัก
ที่จะพลีมอบตอบแทนน้ำใจงามของคุณ
ผมหวังจะคุกเข่ามอบให้คุณ
แทนวิญญาณรักภักดีดวงนี้
แหวนแต่งงานสองวงของคุณพ่อคุณแม่ผม
ที่ผมเก็บงำไว้ตั้งแต่วันที่ท่านมอบให้
ด้วยคำลาว่า
*คือแทนรักแทนความสัตย์ซื่อ
หากหัวใจลูกมีรักแท้แน่ใจในหญิงใด
นี่คือสิ่งแทนความภาคภูมิปิติใจ
ในความหนักแน่นใจดั่งแผ่นผา
เพชรบนเรือนคือ*อัญมณีล้ำค่า*
แทนค่าคำทั้งสิ้นทั้งปวง
ที่หวังให้สวมรวมรัดร้อย
ให้ทั้งสองยอดดวงใจ
*ดั่งดวงเดียวกัน*ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
ที่จักไม่มีวันสลายแม้นความตายมาพรากจาก
คนดี..ผม..รอนาที
ที่ผมจะได้สวมสอดและกอดรัดคุณแนบแน่น
แทนคำรักทั้งปวงระหว่างเรา..
รอผมนะคนดี..ไม่กี่นาทีแล้ว..นะยอดดวงใจ..
................
.................
เขาหลับตาลงช้าๆ
ดวงหน้าแสนหวานเศร้าของเธอลอยวนคว้าง
คล้ายมาสถิตกระจ่างนะกลางดวงใจดวงจิต
ในนิมิตแสนงามเศร้าโศกสะเทือน
และ
ทำไมภาพนั้น
ราวกับเธอกำลังร่ำไห้คล้ายรอท่า
ให้เขามารับจับจูงมือราวกับน้องน้อย
ผู้หลงทางรอพี่ชายที่แสนดี
ภาพตรงหน้า ราวภาพจริง
สิ่งที่เขาอยากจะลืมตาตื่นขึ้นมารับรู้
และจูงมือเธอไปด้วยกันพร้อมกับซับหยาดน้ำตา
หากทว่า
ก่อนที่ทันจะได้ยินเสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า
และ
โลกหล้าราวจะถล่มทลาย..
นานนาที......
...........
............
ก่อนที่
รถที่เขานั่งมา
จะพลิกคว่ำพลิกหงายหลายตลบ
และก่อนที่กระแทกกับราวสะพานจนหยุดนิ่ง
มีเพียงแสงไฟลุกท่วมโชนไปไกลอย่างน่าสยดสยอง
ในมโนสุดท้าย
เขาได้ยินเสียงใครบางคนแว่วมาอย่างลุกลนแสนตกใจ!
*รีบเอาร่างคนออกมา..เร็วเข้า..ช่วยกันเร็ว!*
ก่อนถังน้ำมันจะระเบิด*
สำหรับเขา..
รู้สึกตัวเบา
ราวลอยล่องไปบนฟากฟ้ากว้างอันแสนฉ่ำเย็น
ลมหายใจว่างเปล่า และ
เขาค่อยๆล้วงแหวนสองวงมากำไว้แนบแน่น
อย่างแสนรักแสนอาวรณ์ในอุ้งมือ..
เขาครางเบาๆคนดีพี่จะไปรับ..นะครับรอพี่นะนะ
และ
ก่อนที่ลมหายใจจะปลิดปลิว
ราวกับเขาเห็น
*ภาพพระพุทธองค์ในนิมิต*
ที่ทอดพระพักตร์เมตตามองลงมา
ราวรอรับร่างเขาไว้ในอุ้งพระหัตถ ์แห่งกรุณา
ที่เขาเพียรสมาธิภาวนา
ฝึกจิตจับเสมอมาก่อนวันตายก่อนตาย
และแว่วเสียงทรงพลัง
ที่ราวฟ้าสั่งถึงมั่นภักดิ์ในคำมั่นสัญญาให้ระลึกรู้
*พี่ขอพรพระอธิษฐานจิตทุกคืนวัน
หากวันไหนปราณดับเราสองจะจับจูงมือน้องพี่
ไปพร้อมกันนะคนดีที่แสนรัก..
..........................
............................................
เธอ..งีบหลับไป
ด้วยดวงใจหวั่นหวามราวมีลางสังหรณ์เตือน
และ
ในมโนนึก
เธอ..
ได้ยินเสียงสุดที่รักราวมากระซิบคำ
ไปด้วยกันนะครับคนดี..พร้อมรึยัง
พี่มาแล้วนะ
ก่อนที่...
หัวใจดวงร้าวดวงน้อยๆ
ราวค่อยๆรับรู้...
ที่
ดูเสมือนเริ่มเต้นเพียงแผ่วเบาอย่างช้าช้า
และ
พลันค่อยๆหรี่แสงตะวันลาแห่งดวงชีวี อย่างเงียบงันสงบงาม
ในท่ามกลางสายลมหนาวบางเบาลำพัง...
ในค่ำคืนที่มีเพียง..ดาวร่ำไห้สังเวย!
ในรักอันแสนงามงดนี้..ที่ยิ่งกว่านิรันดร์รัก
............................
.........................................
คนดี..ที่ไหนจ๊ะนี่
พาน้องมาที่ไหน
ไหนบอกจะมารับไปนั่งดูไฟพราวเหนือโค้งอ่าว
รับคริสมาสไงเล่าจ๊ะ
แล้ว
ทำไมที่นี่ถึงงามราวสวรรค์เลยละคะ
แล้ว
นั่นเรือนในฝันของเรานี่คะ
ในฝันที่มีต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณหอมฟุ้งกระจายเลย
และ
นั่นงามกว่างามเลยค่ะบึงบัวค่ะคนดี
บัวที่คนดีเคยสัญญา
จะพายพาน้องไปเก็บถวายพระไงคะ
น้องขอบคุณนะคะ
ที่พาน้องมาที่นี่
น้องมีความสุขจังค่ะ
เหมือนสวรรค์วาดไว้เลย
คนดี..
ต่อแต่นี้เราคงไม่พรากกันเล้วใช่ไหมคะที่รัก
ใช่ครับคนดี
เราจะไม่มีวันพรากจากกันอีกแล้ว
มาเราเดินไปดูเรือนรักร่มขวัญ
ของเรากันดีกว่านะ
น้องคงอยากรจนาเล่าให้เพื่อนๆฟังละสินะ
ถึงทุกสิ่งที่นี่
ที่เราได้พบว่ามันมีจริงยิ่งกว่าจริง
สิ่งที่เราเรียกกันว่าความฝันนิรันดร์รัก ปาฎิหารย์รัก
ขอเพียงจักทำความดีพลีเพื่อโลกหล้า
และ
เพียรพลีภักดิ์ให้จิตจับ
รู้รักษาคำมั่นสัญญารัก
ให้รู้หนักแน่นมั่นคงสัตย์ซื่อถือตรงต่อกัน
อย่างไม่หลงโลกย์
แล้ว
ทุกสิ่งที่แสนงาม
จะตามมารอท่าทุกดวงใจ
เช่นเฉกเดียวกันกับเราครับ..คนดี..
ยอดดวงใจในหฤทัยแสนรัก!
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6020.html
MY HEART WILL GO ON
Every night in my dreams
I see you, I feel you
That is how
I know you go on
Far across the distance
and spaces between us
You have come to show you go on
Near, far, wherever you are,
I believe
that the heart does go on
Once more,
you open the door
And youre here in my heart,
And my heart will go on and on
Love can touch us one time
and last for a lifetime,
And never let go till
were gone
Love was when I loved you,
one true time I hold to
In my life well always go on
Near, far, wherever you are,
I believe
that the heart does go on
Once more,
you open the door
And youre here in my heart,
And my heart will go on and on
Youre here,
theres nothing I fear,
And I know that my heart will
go on
Well stay forever this way,
You are safe in my heart and
my heart will go on and on...
28 พฤศจิกายน 2549 18:08 น.
พุด
ฝนโปรยสายมาหยาดเย็น
ฉันนั่งในกระท่อมดูละอองฝนพราย
ต้นไม้พลิกพลิ้วรับลีลาวสันต์
ดอกไม้ในใจฉัน
ก็พลันพลอยผลิกลีบตระการ
หวาน หวาน หวาน..อย่างบรรเจิดบรรจง...
ฤดูกาลผ่านมาผ่านไป....
เป็น*ปีทองอันแสนสุข*ยิ่งใหญ่
มาปลอบดวงหฤทัยขวัญ
ให้มีวันชื่นคืนสุขประโลม
เพื่อ..
เลือนลบรอยช้ำ..ลืมระกำระทม
ให้ใจดวงหมองไหม้ระบมลึกล้ำในบึ้งใจ
ได้...
พลอยใสสว่างกระจ่าง..จรัสช่วงโชติชัชวาลย์
ปานประหนึ่งเพชรรุ้งรุ่งพราวพร่าง
ด้วยพลังแห่งปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ...
ฉัน..หอมหอมอวลกลิ่นลั่นทม
ที่...กำลังพรมดวงดอกปลิดปลิวลิ่วลอยลงมา
ประดับพื้นพสุธา
ซึ่ง..
ดูราวกับความเศร้าตรา
จักลาเลือนเสมือนลั่นทมในยามนี้
ดวงดอกรัก ดอกภักดิ์
กำลัง..ผลิช่อแตกละออจากกอใจ
เป็นดอกแห่งความหวามไหว
ในทุกเสน่หาทิวาวัน
ที่.....
พรหมสรรสวรรค์ส่งเทพบันดาล.....!
............................
ทิวาหวานวันนี้ชีวีขวัญ
ดั่งตะวันนำทางใจส่องไสว
ดวงดอกรักบานตระการกลางลานใจ
คือปาฏิหารย์ภักดิ์ยิ่งใหญ่ใจดวงนี้
ดอม ดอม หอม หอมรอยที่รัก
สุขสลักภิรมย์ตราบชีพนี้
เปิดประตูให้ยอดดวงใจก้าวล้ำมาในชีวี
คล้องฤดีด้วยกุญแจธรรมล้ำค่างาม....!
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ณ.วันนี้
ญ .....ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช .....ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช.... ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ....หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช .....รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ ....คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
ช .....ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ....หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ....รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ ....คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป...
25 พฤศจิกายน 2549 15:18 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บุพเพสันนิวาส..
จันทร์เสี้ยวทอดวงอ่อนหวาน
ดารารายกระพริบระยิบระยับประดับราวฟ้า
สองฟากฝั่งถนนคือดงหญ้า
ที่มีดงตาลเคียงขนานคันนาสองฟากฝั่ง
ที่แลเห็นนาข้าวสุกปลั่งสุดลูกหูลูกตา
และ...
มีบึงบัวขุดไว้พร้อมเลี้ยงปลานานาพรรณ
ในท่ามกลางดงไม้...
ต้นไม้ไทย ดอกไม้ไทย
ที่เขียวสด หอมพร่างหลังสายวสันต์ละหลั่งริน
ไหนจะมีสวนผลไม้รายรอบล้อม
แถมมีเสียงไผ่กอซัดส่ายเสียดสีซู่ซ่าๆรับแรงลม
คล้ายกับว่าจะยินดีต้อนรับทุกแขกผู้มาเยือน..
ผมกำลังขับรถ
ด้วยดวงใจดวงหมดจดแสนสงบสุขอย่างที่สุด
เพื่อ*ก้าวตามรักในรอยใจ*
ตามรอยยอดดวงหฤทัย ของผม
*ผู้หญิงที่สวรรค์สรรส่งลงมา*
เพื่อ..
ให้มารอท่าผม รอคืนฝันวันสรรสร้างภารกิจร่วมกัน
ภารกิจทั้งทางโลกย์ทางธรรม
ราวคู่ขวัญเคียงใจกันไปจนตราบชีพวาย
ผู้หญิงที่มีวงหน้านวลละม้ายคล้ายดั่งนางในฝัน
ที่....
ผมไม่เคยนึกฝันจะได้พบเจอ
หลังละเมอเพ้อหามานานปี
ผู้หญิงที่ ผมใช้ใจเดิมพันใจเพียงนั้นถึงได้มา
ผู้หญิงที่ดูราวดายเดียวเหว่ว้า
ทว่า....แสนจักมีจิตใจอันเข้มแข็ง
เด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด..
ผู้หญิงที่สามารถหยุดโลกให้เลิกหมุนได้ชั่วขณะ
ยามเธอร่ายบทกวีด้วยลีลาเร้าใจ
ผู้หญิงชาวไพรที่แสนดูติดดิน
ใช้ชีวินอย่างแสนเรียบง่ายธรรมดา
ผู้หญิงที่รักท้องทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร
รักแสงเทียนวับแวมรำไร รักสายฝนปรายโปรย
รักโรยร่วงปลิดปลิวละลิ่วลอยคว้าง
ของมวลใบไม้ในราวป่าและรักไม้ดอกนานาพรรณ
และ..
ที่สำคัญเธอผู้มีความฝันแสนยิ่งใหญ่สวยงาม
เธอ..ที่ผม ยากจะหานิยามใดมาวางเทียบได้เทียม
นอกจากคำว่า..รักเธอ และรักเธอ เสียเหลือเกินแล้ว
เสียงเพลงในรถ
กำลังบรรเลงแผ่วแว่วหวานคลอเคล้า
ด้วยท่วงทำนองอันแสนโอบเอื้ออ่อนโยน
พาให้..
หัวใจดวงพิสุทธิ์ของผมยิ่งแสนผ่องแผ้วพราวพร่าง
ด้วยความอบอุ่นอิ่มเอม เปรมปรีย์อย่างที่สุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บุพเพสันนิวาส
เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม
คอยภิรมย์ เรื่อย มา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น
บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้
รักยังได้ บู ชา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา...
ผม..หยุดรถ ริมทางท่ามซอยเปลี่ยว
ที่จันทร์รูปเคียวราวนาวาทอง
กำลังลอยล่องท่องไปในทะเลเมฆ
ที่แสนวิเวกเงียบงาม ปานประหนึ่งสวรรค์สรวง
ประดับด้วยดาวรายเรียงดวง
ดั่ง....
รวงดาวนับหมื่นแสนแขวนฟ้าระยิบระยับ
ช่างแสนงามจับตาจับใจ...
ณ..เบื้องหน้าผม
คือ...
กระท่อมหินหลังใหญ่
ซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ไทยไพรพฤกษ์
ที่...
แสนเงียบงาม
ผมเห็นแสงเทียนทอทอดลอดออกมา
จากบานหน้าต่างและประตูกระจกที่จรดถึงพื้น
ผม..ถึงกับแทบล้มทั้งยืน
ตะลึงอึ้งอั้นราวฝันไปอีกคราครั้ง
เพราะนี่คือกระท่อมในฝันของผมเอง
ที่...
ผมเคยบรรเลงบอกไอเดีย
อันแสนบรรเจิดพริ้งเพริศเอาไว้ให้เธอได้รับรู้และ
เธอก็รู้ว่า ...
จักเป็นเรือนหอรวงรังแห่งรักของเรา
เธอ..ที่กำลังบอกใบ้...
ให้ผมมาตามหาลายแทงแห่งรักแท้นิรันดร์
มาตามฝัน
ที่...
เธอบอกว่าพลันจะพบสิ่งมหัศจรรย์อันแสนยิ่งใหญ่
อย่างที่สุดในชีวิตหนึ่งนี้ของผม
กระท่อมหิน..ก่อด้วยอิฐเก่า
แฝงตัวสงบนิ่งเงียบงาม
ในท่ามกลางพันธุ์ไม้เลื้อยที่กำลังเปลือยช่อดอกหอม
เหนือโค้งขอบประตูไม้บานใหญ่ราวโรงนา
ที่...
ผมต้องรีบพาตัวเองผลักเข้าไป
สำรวจดูสภาพโครงสร้างภายในแล้วถึงกับตะลึงงัน
ฝันแทบปลิดปลิวย้อนยุคสู่..*ศตวรรษที่18 ตามบ้านแบบทัสคัน*
ที่ก่อด้วยหินทั้งก้อน..
ให้กระท่อมนี้ดูงาม
ราวกระท่อมรักกระท่อมฝันอันแสนหวานแสนสงบสุข
กระท่อมที่...
หลังคามุงสวยด้วยแผ่นไม้เรียกว่า*แป้นเกล็ด*
ให้เข้ากับสภาพดงไม้ไทยรายล้อมหอมหวาน
กระท่อม...
ที่เพดานสูงตระหง่าน
งามด้วยโครงเคร่าไม้ธรรมชาติกลมกลึงหนาหนัก
รับกับระเบียงเดินไปสู่ห้องนอน
ที่มี..
ราวจับราวโรงละคร โรงโอเปร่า..
หากมองลงมา..จะเห็น..โถงกลางโล่งว่าง.
ที่งามสล้างส่องประกายเติมความอ่อนหวาน
ด้วยพื้นหินโบราณแผ่นโตระยิบ..ดิบเดิม..
มีเตาผิง..ก่อไว้ยามเข้าไต้เข้าไฟ..
ให้มีบรรยากาศ..วูบๆไหวๆ
ไปตามเปลวไฟในอารมณ์รักอารมณ์โรแมนติก
จากเสียงแตกปะทุและกลิ่นไม้ฟืนหอมๆ
มีห้องอ่านเขียนหนังสือ
ที่โต๊ะ ชั้น หิ้งวางหนังสือ
ทำจากไม้กระดานจากสะพานเก่าทั้งแผ่น
ดูดิบดิบแบบธรรมชาติ..
อันอ่อนหวานตามอย่างชนบทหมดจดใจ..
โคมไฟ..ระย้า
หากทว่าแปลกตางามระยิบระยับจับใจ
ด้วยมีที่วางเชิงเทียนให้พร่างไหวนับร้อย
จากโครงไม้ผสมเหล็กอ่อนช้อย
ด้วยรายละเอียดแกะสลัก
ลายผีเสื้อเกาะกลางเกสรกลีบดอกไม้เริงร่ายระบำเริงร่า
.............
และ...
นาทีนี้..
น้ำตาผมกำลังละหลั่งริน อย่างไม่สิ้นสาย
อย่างไม่อายฟ้าดินอย่างสิ้นความทรนง
อย่างที่...
ลูกผู้ชายที่พึงได้รับความรักหนักแน่นมั่นคง
มาอย่างยาวนาน
ให้ก้าวพ้นล่วงผ่านทุกข์อุปสรรค
ที่จักควรพลีสังเวยให้กับแม่ยอดรัก*หนึ่งเดียวในดวงใจ*
ผม...ค่อยๆสกดกลั้นความปิติโสมนัส
แล้วค่อยๆผลักบานประตูไม้สักเข้าไป
ณ..ภายในห้องนอน..
ที่มีเตียงตรงกลางตั้งวางไว้
อย่างเด่นสง่าภายใต้ยอดโดมดั่งปิระมิด
ที่นิรมิตออกแบบ
ให้มองเห็นเพดานดาวพราวพร่างฟ้า
เต็มอ้อมฟ้า...อ้อมฝันฝันฝัน...
ผม...รู้ดี..ว่านาทีนี้จักไม่มีร่างเธอ ดั่งคำมั่นสัญญา
ดั่งสัจจะวาจาที่ให้ไว้
หาก..ระหว่างเรา..
นี่คือวิมานรักวิมานฝันที่มาปันแบ่ง
ให้โลกแล้งไร้ยังมีความสดชื่นอภิรมย์...
ผม..นั่งลงตรงที่นอน...
ที่มี...ปลอกหมอนสีขาวนวลนุ่ม
ยังมีรอยบุ๋ม..
ราวเธอเพิ่งลุกจากไปไม่กี่นาทีนี้
ทิ้งกลิ่นหอมละมุน ของดวงดอกลีลาวดี
ที่...
แสนเศร้าซึ้งไว้ให้ผม...ค่อยๆเอื้อมมือ
ไปคว้าหมอนมากอดแทน..
ไว้อย่างแนบแน่นแนบอก
ด้วยอ้อมแขนอ้อมใจนี้เฝ้ารักรอ..มาแสนนาน
ผม..ทิ้งตัวลงนอนขวางไปตามเตียง
แล้ว...
ค่อยๆหลับตา
และ....
ในมโนปรารถนา
ราวกับว่า...ผมคือมัจฉา
ที่...
กำลังแหวกว่ายในทะเลแห่งว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์รัก
ที่มี...
เธอเคียงข้างอย่างมิอ้างว้างใจ...ไปตราบชั่วกาล.....!!!!