25 มีนาคม 2550 09:46 น.
พุด
สายวสันต์หลงฤดู..
กำลังพร่างพรมไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเลสีเงินงาม
จนดูราวดวงดอกไม้เล็กๆกำลังบานพราวตระการตา
ระยิบระยับ..
งดงามจับตาจับใจ..
ฟ้า..สีเทาหม่นคลี่คลุมไปทุกทิศทาง
ให้เกิดความรู้สึกแสนอ้างว้างใจเสมือนตกอยู่ใน
*ทะเลแห่งความฝัน*
ทะเลอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
ที่..ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้พบผืนแผ่นดิน..รอ....
เรือเฟอรี่กำลังบ่ายหน้าไปสู่ฝั่งฝันพะงันงาม
อยู่ในท่ามม่านหมอก..
ค่อยๆแทรกลำไปในผืนน้ำที่แลลึกล้ำเงียบสงบ
หากร้างไร้เหว่ว้าเดียวดาย
เมื่อหมายมองไปไม่มีสิ่งใดนอกจาก
*น้ำจรดฟ้า*
คลื่นขาวนวลกำลังม้วนตัวปะทะ
พร้อมกับเกิดพรายฟองแตกกระจาย..รายรอบ
ตรงท้ายเรือ...
หญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนซึมซึ้ง
ทอดตานิ่งงันดูทะเลฝันในม่านฝน..ละออง
เขาโอบตระกองกอดเธอไว้อย่างแสนรักแสนภักดี
ราวสุภาพบุรุษที่พร้อมพลีไหล่กว้างแลอกอุ่น
ให้เธอพักพิงอิงแอบไปตราบชั่วนิจนิรันดร..
ใกล้ถึงชายฝั่งเข้าไปทุกขณะ
แลเห็นผืนน้ำที่กำลังแปรสี เป็นอ่อนจาง
นั่น..
นางนวลสีขาวกำลังถลาร่อนว่อนบินโฉบเหยื่อไปมา
โน่น...
ใกล้เส้นตัดขอบฟ้าเรือประมงของพรานทะเลลำน้อย
กำลังลอยลำทอดแห..ห่างฝั่ง..แลไกลละลิบ...
แล..
นั่น...ประภาคาร แสนสงบงาม
ที่ยืนยามรอทุกชีวิตให้คืนหลังกลับบ้าน
ฤา..
ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาจากแดนไกล
ทุกถิ่นที่ มาสู่แดนสุขาวดีบนดิน
สวรรค์วิมานหล้า
*มนตราแห่งเกาะมหัศจรรย์..มนต์รักทะเลใต้..*
ให้..
ได้พบกับฝันดี..
ให้ได้ระรื่นรมณีย์
ไปกับช่วงชีวีที่ช่างแสนสุขสงบสว่างกระจ่างใส
ไปกับทุกสรรพสิ่งที่ธรรมชาติให้มา
*ดินน้ำฟ้าลมไฟ*
ที่พอเหมาะพอดีเพื่อเพิ่มสุนทรีย์อภิรมย์
ให้สมกับที่..
ได้ดั้นด้นฝ่าฟันทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลใจมา..
แล...
ให้สุขสมปรารถนาทุกถ้วนหน้ากัน...
ให้..
ทุกชีวัน
ได้เติมใจไฟฝันเพื่อกลับไปสรรสร้างผลงานพลี
แด่...
แผ่นดินแม่..แห่งเรานี้
แลผองชน...คนบนผืนดินเดียวกัน..
................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5535.html
ทะเลใจ
แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียงตัว และจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน
เหมือนชีวิตผันผ่าน คืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ตัวเป็นของเรา ใจของใคร
มีชีวิตเพื่อสู้ คืน วันอันโหดร้าย
คืนนี้ตัวกับใจ ไม่ตรงกัน
คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวันอัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลิบโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ
ทุกชีวิตดิ้นรน ค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกาย กลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอ ก็เป็นสุข
คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวัน อัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลับโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ
แม้ชีวิตได้ผ่าน เลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ตลอดกาล...
...................
และ....ณ..นานี้
ท่ามฟ้ากระจ่างแจ่ม...
แตะแต้มด้วยมวลเมฆนวลนุ่มบางเบาราวขนนก
เขา..กับเธอ..
ค่อยๆขับ*เจ้าพยัคฆา*คันเก่งกล้าแกร่ง*
ไต่ระดับถนน..ขึ้นสู่ภูผา...
ที่ตั้งแห่ง...
*วิมานวนา*
*วิมานลอย*คอยภักดิ์
ลัดเลาะเลียบขนานไปตามลาดเนินผาหิน เหว
ท่ามเปลวแดดระยิบ..ระยับ
ทอจับน้ำทะเลสีมรกตเบื้องล่างพร่างพริบวิบวับ
กลายเป็นทะเลสีเงิน...งามจับตาจับใจ...เสียเหลือเกิน
สองข้างทาง....
คือ..
บ้านเรือนที่ยังคงมีเอกลักษณ์
เรือนไทยสไตล์ปักษ์ใต้
ที่มี..
กระเบื้องว่าวเป็นหลังคาลอน
มี..อรชรลายลูกไม้ฉลุรายรอบชายคา
อย่างอ่อนหวานอ่อนช้อย..
..................
เขา..
จอด*เจ้าพยัคฆาไว้..เบื้องล่าง
ก่อนที่จะค่อยๆชวนกันพาร่างป่ายปีนขึ้นไปเยือนแย้ม
*วิมานลอย สวรรค์หล้า*..ที่ฟ้าประทานให้มา
และ...
ไม่นานช้าในคลองตาของคนทั้งคู่
ที่..
กำลังพิงไหล่โอบตระกอง
พากันหันหน้าหน้าออกทอดทัศนาชมทัศนียภาพ
อันราว*ภาพวาด ภาพแห่งความฝัน*
ในท่ามทิวาวัน..
ที่ท้องนภา..ฟ้างามเข้ม..เต็มผืน....
กำลัง..
กระจ่าง...สว่างไสว
แลลงไป..
คือยอดเนินไล่ลดหลั่น..ละลิบ
เคลียทิวทิพย์เมฆ
ทอยทอด
โอบกอดทะเลไว้อย่างแสนรักใคร่
ให้เขาและเธอ
หันมาคลี่ยิ้ม..หวานหวาน
อย่าง..แสนอบอุ่นอ่อนโยนแก่กันและกัน
ใน..
ฝันพลี..ฝันดีนั้นอย่างแสนสุขเกษมเปรมปรีย์
แล้ว....
พลัน..
จูบดื่มด่ำ..ล้ำลึกก็ตามมา...
ราวสวรรค์ลอยเลื่อนอยู่ตรงหน้า ณ..กลางใจ......!
............................
24 มีนาคม 2550 09:54 น.
พุด
http://www.salathaila.com/kasailohid.html
สายโลหิต
ข้าคือชายชาญ ชาติทหาร วิญญาณ แห่งนักรบไทย
ศึกนี้ หรือศึกไหน หัวใจไม่เคยหวั่นเกรง
และความรักข้า ก็คือดวงใจ เจ้าดวงนี้เอง
ใครหาญ มาข่มเหงข้าเอง จะหยุดมัน
ออกศึกข้านึกแต่รบ และรบจบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น
หากรอดชีวิตกลับมาหากัน
หวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ ชีพพลีนี้เพื่อ แผ่นดิน ชีวา ต้องมามลาย
ยังขอ ปกป้องไว้ ด้วยสาย โลหิตของเรา
ออกศึกข้านึกแต่รบ และรบ จบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น
หากรอดชีวิตกลับมาหากัน
หวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ ชีพพลีนี้เพื่อ แผ่นดิน ชีวา ต้องมามลาย
ยังขอ ปกป้องไว้ ด้วยสาย โลหิตของเรา.
คืนนี้....
จันทร์เสี้ยวเกรียวทองกำลังลอยคว้างทอดวง
กลางนภาที่ดารารายเรียงดวง..ดาระดาด
ต่างพากันกระพริบพราวพร่าง
ให้ฟ้า..
ดูราวกับว่าจะถูกอาบห่มด้วยประกายแสงเพชรวะวิบวับ
ริมรั้ว...กล้วยกอออกเครืองาม
ห้อยหวีไหวลูกดก..
นาน...นับเดือน
กว่าเจ้าของจะได้ลองลิ้มชิมรส
สุกงอมหวานหอม
นาน...จนรู้ซึ้ง
ถึงสัจจธรรมสอนใจจากธรรมชาติกล้วยกอ
ให้บทเรียนธรรมดา..ธรรมดา..ชีวิต..
ทุกลิขิตจากเพลงพรหม..ชะตา
จำต้องผ่านการเพาะบ่มพัฒนา
จากกาลเวลา ไม่ว่าเรื่องราวร้ายดี
ที่มากมีมากมายมาทายท้าทดสอบ
ความอดทนกล้าหาญอภัยเมตตากรุณา
ให้ทุกลีลาชีวิตแห่งเรา ได้ก้าวพ้นผ่าน ผ่านพ้น
ไปสู่ฝั่งฝันแห่งนิรันดร์เกษม ที่แสนกระจ่าง
สว่างสะอาดสงบ สยบทุกข์กิเลสโลกย์โศกสุข
ด้วยความปล่อยวาง..เปล่าดาย
มิหมายยึดมั่นถือมั่น ต่อสิ่งใด
เหลือเพียงความว่างเปล่าด้วยความเข้าใจ
แม้นจะไม่มีใคร สักคนเคียง ...ก็ตามที
หลับตา....
ในม่านตาซึมซึ้งคะนึงเห็น..ภาพ*พระยาตาก*
ทอดตาเศร้าสะเทือน...
ยืนอยู่ที่ชานเรือนไทยริมน้ำ
มองเรือ..
ที่..กำลังพายพาเมียแลลูกสุดที่รักยิ่งกว่ายอดดวงหฤทัย
ให้ค่อยๆพรากลาจำจากไกล...จำตัดใจ..
ไปกับสายน้ำแห่งรักนิรันดร์..เจ้าพระยา...
ในวันที่..
ฟ้าแห่งกรุงศรี..แสนเศร้าหมองครองวิปโยค
ทุกธุลีหล้า
ด้วยภัยสงครามจากอริราชศัตรูพม่ามารานรุก...
บุกประชิด..ให้ไททุกชีวิตได้ถวาย
*สายโลหิต*ทุกหยาดหยดเพื่อปกบ้านป้องเมือง..
อันเคยเรืองรองไสว
ด้วยเรียวรวงข้าวกล้าสุกปลั่งในผืนนา
ราวกับอาบทาไปทั้งแผ่นดินด้วยทองคำ
ด้วยแสงสงฆ์ภายใต้ร่มธรรม
ร่มฉัตรอันแสนร่มเย็นเป็นสุขมาช้านาน
จนได้นามขนานว่า
คือ..
*แดนดินแห่งสุวรรณภูมิพุทธิ์ *พิสุทธิ์พราย
แผ่นดินแม่...
แผ่นดินที่...ให้ข้าวให้น้ำอุดม
ให้..
ลูกหลาน ทุกไททรนงยังคงได้หยัดยืนอย่างอิสรา
หากยังรู้ค่าคำความสมานฉันท์สามัคคี...
ราตรีนี้..
น้ำตา..ดวงจึงกำลังไหลพราย...
แข่งเป็นสายพราวพร่างพอกับน้ำตาดาว..
ด้วย..
ช่างหนาวเหน็บในดวงใจ
ดายเดียว
ไปกับ..หลายเรื่องราว...โศกสะเทือน..!
...................
22 มีนาคม 2550 11:08 น.
พุด
http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
ทรายกับทะเล
แด่*นวลนุชนัยนา*
อรุณรุ่งแล้ว..
เสียงดุเหว่าแว่วมากับฟ้าในยามสาง
ขอบฟ้า...
เริ่มเรื่อรางด้วยรัศมีจากสายแสงตะวัน
อันอุ่นเอื้อโอบตระกองทั้งผืนหล้าแลป่าไพร
ขับสายหมอกสายไหมในยามเช้า
ที่กำลังเคลียเคล้าห่มภูผา..ผืนนา..ทุกธุลีหล้า
ให้..
สลายลา...ไปกับเรียวแดดละอออ่อน...
เธอ..ลืมตาอย่างช้าช้า..
ราวถูกปลุกด้วยพรายแสงจากตะวันดวงสีทอง
ที่ทอดไล้เข้ามาโลมร่างอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน..
ให้รอรับอุษาวดีแห่งทิวาวัน..
ดวงตาดำใหญ่นิ่งงัน..เมื่อพลันเห็น..ดวงดอกลั่นทมพราวพร่าง
กำลังฟ้อนอ้อนอวดกิ่งอรชรอยู่ไหวไหว
ไปกับสายลมระรินในยามเช้า...
ไปกับฟ้าที่พราวด้วยมวลเมฆนวลนุ่ม..ลอยล่อง...
พาให้เรียวตาซึมซึ้ง..อึ้งอั้นด้วยหยาดน้ำตา
ที่มาคลอครองด้วยความรู้สึกแสนดี..แสนดื่มด่ำ
เธอ..เอื้อมมือเปิดบทเพลงแห่งรักนิรันดร์
ให้กล่อมฝันกล่อมใจเพื่อรับวันใหม่ที่ช่างสดใสแสนงาม
ค่อยๆพาร่างอรชรออกยืนอ้อนอิง
ณ..ริมระเบียงเชิงผา..
เพื่อ..
รับพลังจากฟ้าจากสายแสงสุริยา..อาทิตย์อุทัย
ที่จักหมุนวนมาใหม่ให้ทุกชีวีได้เริ่มต้น
แล..ลงไปเบื้องล่าง
คือท้องทะเลสีเงินยวงกระจ่าง..สว่างสงบงาม
นกนางนวลสีขาว
กำลังถลากางปีกบินโฉบเหยื่อเหนือผืนน้ำจรดฟ้า
หมู่ปลากำลังกระโดดผึง ผึ่งเกล็ดสีเงินวะวาววับ..
สะท้อนแสงแดดวะวิบระยิบยับ...
เรือ..ประมงกำลังคืนฝั่ง
หลัง..
*พรานทะเล*..พากัน
ไปลอยล่องท่องทำภาระกิจ เพื่อปากท้อง...
แลเห็น..
ฟองคลื่นสีขาวพราวนวลแตะแต้มไปทั่วผืนน้ำสีมรกต
ช่างแสนงดงาม ตรึงตรา ประทับใจ...
หัวใจดวงงามของเธอ คนดี..
กำลังติดปีกอิสรา
พาจิตวิญญาณ ลอยละลิ่ว..
ปลิวขึ้น...เหนือ..*วิมานลอย*แล้ว..ณ..นาที..นั้น..!
..................
http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
ทรายกับทะเล..นันทิดา แก้วบัวสาย
ดนตรี 4 Bars..2..3..4.
จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้
ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ
หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ
พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ
หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน
ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา
ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา
คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม
คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้
จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น
อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล
ดนตรี 16 Bars..14..15..16..
คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้
จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น
อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล
(จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน)
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล.
21 มีนาคม 2550 19:20 น.
พุด
การะเวกกำลังบานอย่างหวานหอม
ดอมดมดอมหอมหอมอวลนวลใจนี้
ลั่นทมปลิดปลิวลิ่วลอยคว้างร้างฤดี
จำปีจำพรากจากต้นรัก
โมกดอกนวลหอมอวลให้นึกถึง
จากมือหนึ่งมอบให้ด้วยใจภักดิ์
ดอกนิดน้อยแทนรัดร้อยแทนแน่นหนัก
แทนความรักผ่านคืนฝันวันของเรา
มากทรงจำล้ำค่าตราไว้ในดวงจิต
สร้อยลิขิตฝากน้ำคำลบเลือนเหงา
มีกันและกันลืมโลกแล้งไร้ตราบนานเนา
สัญญาเรารักมั่น...นิรันดร...
.................
หอมกลิ่นการะเวกมาในยามฟ้าโพล้เพล้
จากซุ้มเรือน
ที่..
ดวงดอกดกมากมายกำลังกำจายขจร
เลือก..
เด็ดมาดอมดอมดอม
หอมหอมนวล...
หอมนอน
ในยามค่ำคืนนี้..ให้รัญจวนอาลัย
หวังโลกในดวงใจ บ้านภายในคงงามใสสงบเย็น
คิดถึง เอย แสนคิดถึง ทุกโมงยามในคะนึง
ที่ใครคนหนึ่งเคยฝากตรึงใจให้ตราจำ
มือแข็งแรงอบอุ่นรู้กอบกำทะนุถนอมดวงดอกโมก
มามอบให้อย่างแสนรัก....
และอะไรเล่า
จะหอมหวานเท่าความพลีภักดิ์
ที่เพียรบอกด้วยการกระทำมานานเนิ่นเกินนับนึก
มากมายคุณงามความดี
ที่จิตมากมีเมตตากรุณาเสียสละ
ให้... และ...ให้ ให้ ให้....
ทั้งน้ำคำน้ำใจ
ดั่ง..
หยาดน้ำฝนน้ำค้างไพร
มิให้คืนฝันวันแรม สิ้นไร้...
ฝ่าฟันทุกข์อุปสรรคมิหวั่นไหว
ก่อให้เกิดความรู้สึกแสนยิ่งใหญ่ล้ำค่า
ค่อยๆเพาะบ่มพัฒนา
กลายเป็น..
ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ...
อันหวัง...
จัก..ตราจำไว้ในดวงจิต..ตราบชั่วกาล......!
................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3387.html
หนทางสู่รัก ..แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์
แม้หัวใจยังใฝ่สุขสม
อย่าระทม ถึงรักจะไม่ แลเหลียว
รักมอบไป เพียงข้างเดียว
ถึงไร้เสี้ยว รักตอบแทน อันใด
ใคร หากทำได้เช่นนี้
ดุจสวรรค์นั้นบ่งชี้ ทางยิ่งใหญ่
ทุกแห่งหน จรดลอย่างสดใส
เพราะจิตใจกว้างไกล
ใหญ่เหลือ เส้นทาง
แต่รักในใจ ใครจะแลเห็น
ทุกข์ยากลำเค็ญ
ก็ไม่แปรเปลี่ยน เจือจาง
รักลอยไปใจอ้างว้าง
อย่าหลงทาง สร้างความหวัง นำไป
ใคร ที่ใจหักเห
เพราะทุ่มเท ให้รักไป จนล้นใจ
คาดคะเน ผิดพลาดไป
ผลจึงครองหมองใหม้
ไป่ชั่วนิจนิรันดร์
เมื่อฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน
เราบอกรักกัน ไม่มีวันจืดจาง
แล้วเราไย ต้องเหินห่าง
ปล่อยฉันหลงทาง เสาะหารัก หลายปี
ฉัน ต้องหม่นหมาง
หาหนทาง คืนกลับสู่รัก ไม่พบสักที
โปรดเถิดรัก โปรดบ่งชี้
หนทางที่ ครองชีพนี้ รื่นรมย์
โปรดเถิดรัก โปรดบ่งชี้
หนทางที่ ครองชีพนี้ รื่นรมย์...
19 มีนาคม 2550 22:55 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song716.html
บ้านของเรา
บ้าน คือวิมานของเรา
เราซื้อเราเช่า
เราปลูกของเรา ตาม ใจ
ย่อมเป็นสถานทิพย์วิมานพอหาได้
เป็นที่เกิด ที่ ตาย
ที่เราสร้างเอาไว้คอยท่า
บ้าน คือวิมานของ คน
ถึงแม้ยากจน
ก็ต้องดิ้นรน
อย่าจนปัญญา
หาบ้านสักหลัง
ที่พอประทังชีวา
เพื่อสนิทในนิทรา
ให้ตื่นมามองโลกชื่นใจ
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา...
...............
ราตรีนี้ฟ้ายังไร้แสงแห่งจันทร์เพ็ญ
ฟังบทเพลงบ้านของเรา
ด้วย..ความรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึก
หอมการะเวกแผ่วผ่าน
บานกระจกกว้าง..ลอดไล้มา..โลมใจ
ให้แสนชื่นใสงาม
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
พร้อมกับ...
ปลายสายระบายบ่นรำพึงรำพัน
ถึงฝันร้ายแห่งโลกมายา
*โลกของงาน*
ที่..
พานพบว่ามีเพียงพากันแย่งชิง..ทำร้าย
หมายเหยียบบ่าเหยียบไหล่
ก้าวขึ้นไปสู่ความมีอำนาจวาสนาบารมี
หาก..
ไร้สิ้นความเมตตา แบ่งปัน โอบเอื้อ
เพื่อผดุงยุติธรรม ให้แผ่นดินนี้
ได้รับประโยชน์โภชน์ผลสูงสุด
ให้..
สงบร่มเย็นเป็นสุข
กับความสมานฉันท์สามัคคี
ใช่...!
แค่ชิงดีชิงเด่น แบ่งพรรคแบ่งพวก
จนชาติย่อยยับอัปราชัย
ก็..
หาได้ตระหนักไม่...
ใจดวงนวล จึงหนาวเหน็บเหน็บหนาว
เศร้าราน
ไปกับผู้เป็นที่รักแลกับโลกย์กิเลสนี้
ที่คงทำหน้าที่ได้เพียงให้หยาดน้ำค้างคำ
ระร่ำรินธารน้ำใจใสเย็น
ปลอบปลุกประโลมให้ลุกขึ้นสู้ความอธรรม
น้อมนำความถูกต้อง
ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
อย่างคนที่มีดวงกมลเหนือโลกเหนือโศกสุข
เหนือ..ทุกข์แห่งความอยากได้ใคร่มี
อย่าง..
มนุษย์ผู้ที่มีปัญญาถึงพร้อม
ผู้รู้สึกตัว รู้ทันเท่า..
เฝ้าพัฒนาเพาะบ่มห่มหอมด้วยสายแสงธรรมแสงทอง
ให้จิตวิญญาณผ่องพรรณรายฉายรัศมีบุญ
ดั่งบัวบานเหนือน้ำ..พ้นน้ำ..
ตระการชูช่อ
พ้นหมองมัวมลทินใด มลทินใจ..
ในเดียวดาย
กับสายธารแห่งการต่อสู้ของมวลมนุษยชาติอันแสนเชี่ยวกราก
หลากหลาย ร้ายแรงขึ้นทุกวี่วัน
ให้..
ผู้คนบริสุทธิ์พากันขวัญหาย
คล้ายความโหดร้ายทำลายคือเรื่องปกติธรรมดา
จนน่าเหว่ว้าเศร้าใจ..แสนโศกสะเทือน....
ดวง..ได้เพียงสวดมนต์อธิษฐานจิต
ภาวนา..
ให้ทุกชีวิตในผืนดินไทยและผู้เป็นที่รัก
ได้พบกับความสะอาดสว่างสงบ
สยบความแล้งไร้เร่าร้อน
ไปทุกหย่อมหญ้า ในยามนี้...
ที่..แท้เล้ว
คือ..
แผ่นดินแม่...
แผ่นดินอุดม..ที่ให้อิสรา
ให้..
หัวใจได้พบพระพุทธศาสนา
ได้เกิดมา...
ในร่มฉัตรเพชรพระบุญญา
แห่งองค์พระพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
ให้สองขาเราได้หยัดยืนอย่างทรนง
ให้เรายังคงเงยหน้ามองฟ้าดินได้อย่างเต็มตา
ให้ในน้ำยังมีปลา ในนายังมีข้าว
ให้..
ยังมีสาวหนุ่มผู้ยังคงรู้คุณค่า
รู้..รักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย
ที่หลอมละลายใจให้เรารู้สำนึกแสนรัก
ในวิถีทองวิถีทุ่งวิถีธรรม
เพียงเพื่อ..
มาบ่มร่ำน้อมนำให้เราแสนภาคภูมิปิติ
ว่า..
ลูกหลานเหลนโหลนไทยนี้..
ใช่ทาสใคร...!!!!
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
แผ่นดินของเรา
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน...
......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
บ้านเรา
บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...