14 มิถุนายน 2550 10:18 น.
พุด
พุดพัดชามารับอรุณอุ่นไอโอบเอื้อ
ด้วยใจดวงหอมหอมหวานละมุน
นาทีนี้..
พุดกำลังรจนางานเรื่อง
*เดือนดอกกุหลาบ*
เพราะ..
พุดมีความสุขสงบมาทายทักโลกภายใน..ดวงใจพุด
ที่แสนรักความเรียบง่ายสมถะเสมอมา
ตราบชั่วชีวิตก็คงว่าได้
แม้...
ในยามที่โลกภายนอก
*โลกโศกแสนศิวิไลซ์*
จะหมุนไปกับเกรียวกิเลสแทบมอดมลายหายวับ
ไปกับตามวลมนุษยชาติแล้วก็ตามที
มนุษย์ผู้คิดว่าตนแสนฉลาดล้ำ
แต่..
ก็ยังหาได้มีปัญญา
มีดวงตาเห็นแสงแห่งธรรม ธรรมชาติ
ที่เพียรเฝ้าสอนสัจจธรรม ฤาก็หาไม่
ยังคงหลงในกิเลส
แห่งการแย่งชิงทำลายล้าง
สร้างความวิปโยคโศกสะเทือนใจ
ไปทุกธุลีหล้า ทุกข์หย่อมหญ้า
แม้นในแผ่นดินไทยไท แผ่นดินธรรม
แผ่นดินอันให้อิสราเสรี
มี...น้ำใจเผื่อแผ่เมตตา
รัก..
ทุกชาติศาสนา
ให้อาศัยร่มไม้ชายคารัฐ..รัตน์
ได้..อยู่มาอย่างร่มเย็นเป็นสุขช้านาน
ชั่วลูกหลาน...หลายชั่วบรรพ..
ทุกคนดี...
พุดพัดชาสะเทือนใจจนน้ำตาจะไหล
ในเช้าวันหนึ่งที่ได้ยินข่าว
สองครูสาวผู้บริสุทธิ์ เสียสละอุทิศตน
ให้กับชาติกับแผ่นดิน
อย่างรู้กตเวทิตาคุณ
อย่างผู้มีหัวใจดวงทอง ดวงผ่องแผ้ว
ดั่งเพชรแพร้วพรรณราย
ดั่งดวงเทียน
เพื่อฉายฉานแสงทอง แสงธรรม
ให้อบร่ำ เฝ้าพร่ำสอน
เพียรเพาะบ่ม
ให้ลูกศิษย์มิหลงทาง
ได้เดินไปบนเส้นทางสีขาว
ที่แสนงามพราวด้วยคุณธรรมแห่งความดี
ความงาม ในท่ามโลกมายาแล้งลวง
เพื่อ..
ต้านกระแส การหลงโลกวัตถุ
โลกที่แท้แล้วไซร้
กำลังพามวลมนุษยชาติ ลงเหวร้าย
แห่งความฉิบหายสูญเสีย
ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ผลาญพร่าทั้งทรัพยากร ให้โลกแล้ง
เหมือนแกล้งให้โลกพิโรธกี่ครั้งครา
ก็หาได้มีจิตสำนึกไม่
พุดพัดชา..ขอน้อมจิตกราบกรานคารวะ
บูชาแด่ดวงวิญญาญผู้เสียสละ
แด่แผ่นดินด้ามขวานทอง
ขอให้ปองปวงคนดี มีคุณธรรม
ที่...
ยอมพลีร่าง
น้อมนำสอนสัจจธรรม
แม้นจะปราศจากลมหายใจระรินร่ำ
ก็ให้รับรู้รับทราบว่า..
ยังคงมีหยาดน้ำตาแห่งเราทุกคนผู้อยู่ ณ..เบื้องหลัง
พร้อมกันละหลั่งริน...คารวะ
ขอให้สวรรค์รับดวงจิตของผู้กล้าเหล่านั้น
ให้เสวยบุญ บารมี..
ที่ได้พลีเพื่อแผ่นดินไทยด้วยเทอญ...
พุดพัดชา...
จึ่งขอน้อมจิตน้อมใจคารวะ
แด่..คุณครูคุณธรรม ผู้สร้างสรรจรรโลงโลก
ด้วยดวงใจที่แสนซึ้งเศร้าโศกสะเทือน
หาก..ทว่า..แสนผ่องพราว
ด้วยความภาคภูมิปิติใจ..ในทุกค่าแห่งคน
ที่ตน..
ได้เรียนรู้บูชา
เพื่อเป็นดั่ง...ศรัทธานิรมิต
สร้างสาน..ดวงจิตดำเนินรอย..ตาม..
ตราบชั่วชีวีจะหาไม่ค่ะ...!
....................
เสมือนดวงดอกไม้ให้หอมคุณธรรมประดับโลก
ฝากรอยโศกสอนสัจจธรรมนำวิถี
โลกดำรงคงอยู่ได้ด้วยความดี
จึ่งยอมพลีร่างไร้หมายฝากงาม...!
............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song490.html
แม่พิมพ์ของชาติ
แสงเรืองๆที่ส่องประเทือง
ไปทั่วเมืองไทย
คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่
โอ้ครูไทยในแดนแหลมทอง
เหนื่อยยากอย่างไร
ไม่เคยบ่นไปให้ใครเขามอง
ครูนั้นยังลำพอง
ในเกียรติของตนเสมอมา
ที่ทำงานช่างสุดกันดาร
ในป่าพงไพร
ถึงจะไกลก็เหมือนใกล้
เร่งรุดไปให้ทันเวลา
กลับบ้านไม่ทันบางวันต้องไป
อาศัยหลวงตา
ครอบครัวคอยท่าไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน
ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสาย
จวนได้เวลา
เห็นศิษย์รออยู่พร้อมหน้า
ต้องรีบมาทำการสอน
ไม่มีเวลาที่จะได้มาหยุดพอพักผ่อน
โรงเรียนในดงป่าดอน
ให้โหยอ่อนสะท้อนอุรา
ชื่อของครูฟังดูก็รู้ชวนชื่นใจ
งานที่ทำก็ยิ่งใหญ่
สร้างชาติไทยให้วัฒนา
ฐานะของครูใครๆก็รู้
ว่าด้อยหนักหนา
ยังสู้ทนอุตส่าห์
สั่งสอนศิษย์มาเป็นหลายปี
นี่แหละครูที่ให้ความรู้
อยู่รอบเมืองไทย
หวังสิ่งเดียวคือขอให้
เด็กของไทยในผืนธานี
ได้มีความรู้เพื่อช่วยเชิดชู
ไทยให้ผ่องศรี ครูก็ภูมิใจที่
สมความเหนื่อยยาก
ตรากตรำมา...
13 มิถุนายน 2550 21:59 น.
พุด
นอนนิ่งนิ่งอิงหมอนนุ่มดูนวลฟ้า
สนธยาแตะริมใจจนไหวหวั่น
ขวัญกลางใจหายวับกับตะวัน
รองามจันทร์หยาดสายหวานเสกม่านมนต์
เด็ดดวงดอกไม้ไทยหอมหอมนวลมาเคลียแก้ม
แล้วก็แย้มแล้วก็ยิ้มรับโลกสับสน
มายาฝันวันรักรอทุกข์เวียนวน
ปล่อยกมลวางว่างกระจ่างใจ
พบเงียบงามในท่ามโลกใบน้อย
นั่นดาวลอยโน่นเดือนเพ็ญพูนไสว
แล้วนี่เราดั่งธุลีหล้ารู้ทำใจ
นับอสงไขยกัปป์กาลเวลามาชั่วกัลป์
มิช้านานวิบากรานวิบากรักจักพ้นโศก
ดั่งบัวบานเหนือโลกปาริชาติสวรรค์
เพียรพายเรือใจข้ามมหาชลาลัยสีทันดรท่ามเวิ้งวัน
สู่...เส้นทาง สวรรค์ ขวัญนิพพาน สถิตสถาพร...!
.................................
8 มิถุนายน 2550 10:10 น.
พุด
ในอรุณแห่งวันอันวนว่าย
ดวงดอกไม้ยังคลี่แย้มทักทายหล้า
แอบออดอ้อนซ่อนรอยยิ้มกับนวลนภา
ประดุจดั่งขวัญพสุธาปลอบเหว่ว้าแด่ผองชน
ชีวิตคือพรพรหมเชื่อเช่นนั้น
ดวงตาสวรรค์เมตตาลบหมองหม่น
สอนบทเรียนให้สัจจธรรมกลางกมล
ให้ผ่านพ้นวันทุกข์ท้อทรมาน
รักฤาชังหวังหรือรานผ่านคืนโศก
นี่คือโลกมายาน้ำผึ้งหวาน
สัจจแท้ว่างเปล่าชั่วกัปป์กาล
อนันต์นานมวลมนุษย์..หลงทาง
ลมหายใจแสนสั้นรอวันนิทราสนิท
ใครจะปิดเปลือกตาอ้างว้าง
ขวัญเดียวดายดั่งเรือน้อยลอยควะคว้าง
ในท่ามกลางทะเลโลกโศกลำพัง..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4423.html
เรือใบบนสายรุ้ง D
ใหม่ เจริญปุระ
ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
รู้ว่าเธออยู่ไกล
รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
ฉันต้องข้ามไป
ด้วยเรือใบสักลำ กับพลังของฉัน
และด้วยลมแห่งรัก กับวิญญาณของฉัน
แม้ว่าเธอจะไกลสักเพียงใด
ฉันก็จะไป ไปหากัน
เรือใบบนสายรุ้ง
จงนำความรักไป
มีคนที่รักฉัน
เขาจะคอยอยู่
คอยฉันด้วยหัวใจ
ประกายแห่งสายรุ้ง
นำทางให้ฉันที
ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
เจอใจที่ดีดี
แม้จะมีแต่ฉัน
อยู่บนความเวิ้งว้าง
แม้จะไปอีกไกล
แต่ไม่เคยอ้างว้าง
เพราะว่ามีจุดหมายอยู่ในใจ
ไม่ท้อไม่ลังเล ไม่หลงทาง
เรือใบบนสายรุ้ง
จงนำความรักไป
มีคนที่รักฉัน
เขาจะคอยอยู่
คอยฉันด้วยหัวใจ
ประกายแห่งสายรุ้ง
นำทางให้ฉันที
ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
เจอคนที่แสนดี
ดวงตะวันยังทอ สายรุ้งเรืองรอง
วางบนละอองสายฝน
เรือจะลอยลำไป
ในท้องฟ้าเบื้องบน
ค้นหารักที่แท้จริง
จะไม่มีวันใด ที่สายรุ้งเลือนลาง
ในการเดินทางครั้งนี้
ลมแห่งรักรุนแรง
อยู่ทุกวินาที
รู้ ว่าฉันจะมีเธอ
ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
รู้ว่าเธออยู่ไกล
รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
ฉันต้องข้ามไป
แหละฉันจะเจอเธอ...
7 มิถุนายน 2550 08:23 น.
พุด
เป็นยามเช้าที่แสนหวานเหลือเกิน
กับ..
นวลอากาศ..แสนสดชื่นระรื่นระริน
กับเนียนแดดสีทอง.
ที่ส่องฉายฉานผ่านมวลแมกไม้
ให้เกิดแสงเงาพร่างพรายกระพริบวะวิบวับ
ราวกับใบไม้แก้ว..ใบไม้ทอง.ไปทั้งแนวไพร
ยามที่ไหวกิ่งรำไพต้องลมพัดระบัดโบกโบย
ให้พลิกพลิ้วไปตามแรงลมเป่า
ไพล..นั่งนิ่งนิ่งทอดตาดูทัศนียภาพรายรอบ
อยู่ที่ร้าน..ชานเฉลียงไม้ ริมทาง..กลางป่า
อุทยานแห่งชาติ นั่งวาดฝันว่า
นี่คือ..
*ป่าหิมพานต์วิมานแมนแดนสวรรค์สรวง*
ในท่ามโลกแล้งลวงแห่งการแย่งชิงรบรา..
ใกล้ตาก็เขียว... ไกลตาก็เขียว...
กระจ่างแจ่ม...
แตะแต้ม...
สลับสีสันพรรณรายพร่างพร้อยแพรวพราว
ระย้าย้อยห้อยระยับ
ด้วยเรียวใบไม้ใหญ่ไพรพฤกษ์ต่างสีสัน
แดงส้ม น้ำตาลอมทอง เหลืองไพล
ซ้อนทบสลับสล้างให้ดูแสนงามเงียบสงบใจ
ในท่ามพงพนา
ที่ฟ้าสวยสดใสด้วยอวลไออากาศ
ปราศจากมลพิษ....
ราวช่อฉัตรร่มใจ
ที่ดิบเดิมด้วยพันธุ์ไพรสูงใหญ่ยาง
เสลา นนทรี จามจุรี สักทอง
ผ่องชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์เหลืองอินทนิล
และ....
อีกมากมายนานาพรรณ
มิสิ้นนับนึกดำดื่มล้ำลึกในคลองตาคลองใจ
อันไสวยืนต้นอย่างเฉิดฉันท์ระหง
ทรนงราวกองทัพทหารธรรมชาติ
ที่..
พึงจักพิทักษ์รับภารกิจ รักษ์ วัฏฏจักรชีวิต
ทุกมวลสรรพสัตว์ป่า สัตว์เมือง
ให้ยังคงดำรงอวลอากาศ ดิน น้ำ ลมไฟ
ให้..
เป็นไปอย่างผสานผสมกลมกลืนพอดิบพอดี
เพื่อความมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ตราบนานแสน...
ไพล...สุขใจ สุขจริงที่ได้วิ่งหนีมนต์มารม่านเมือง
ที่ไม่เคยประเทืองประทับใจ
หากจำใจต้องอาศัยอยู่ไป..
จนยอมรับได้ให้เห็นเป็นธรรมดาชีวีเช่นนั้นเอง
เพื่อบรรเลงบทเพรงพรหมวิบากรักพันธนา
รับภารกิจ วิบากชีวิต
ที่ยากจะหนีพ้น ตราบจนกว่าลมหายใจจะสิ้น
หาก..ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปี ที่คืนฝันทิวาวันจะผันล่วง
ใจดวงนิดดวงน้อยดวงนวล นี้
ก็มิเคยจะที่หมดสิ้นฝันเพื่อพบวันงาม...!!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2535.html
ป่าลั่น
เมื่อ อาทิตย์อุทัย
ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร
โลก แจ่มใสอีกครา
เหม่อมองนกโผบิน
แว่วธารรินไหลหลั่ง
ป่าลั่นดังสะท้านใจ
แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่
พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง
ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง
เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป
ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง
แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้
รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย
ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี
เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า
กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี
คราบใด ไหนเล่า
เท่าคราบ โลกีย์
เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน
โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า
แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน
ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน
รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง
แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่
พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง
ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง
เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป
ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง
แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้
รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย
ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี
เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า
กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี
คราบใด ไหนเล่า
เท่าคราบ โลกีย์
เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน
โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า
แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน
ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน
รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song273.html
กล้วยไม้
กล้วย ไม้ ของเราแต่เก่า ก่อน
อยู่ในดง ใน ดอน เจ้าซ่อนช่อ ซ่อน ใบ
ไกล ภู่ ไกล ผึ้ง
เจ้าอยู่ถึง ไหนไหน
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
น่า ชื่น น่า เชย เจ้าไม่เคยชอก ช้ำ
เช้า สาย บ่าย ค่ำ
ชื่นบ่ช้ำ ชอก เลย
เดี๋ยว นี้ ดูรึ กล้วย ไม้
มาชูช่อ ชู ใบ บานอยู่ใน กระเช้า
ลืม ดง ลืม ดอน
ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
เจ้า ไม่น่า เลย ที่จะมาไหล หลง
เจ้าลืมสุมทุม พุ่ม พง
ลืม ดง ดอย เอย...
6 มิถุนายน 2550 22:48 น.
พุด
พบเงียบงามสี่ห้องใจใสราวแก้ว
วะวับแววราวสายรุ้งพร่างพรายสี
ตะวันใจส่องไสวแล้วคนดี
กับวันนี้โลกแสนหวานปานน้ำผึ้งรวง
เมื่อดวงใจแห่งรักกลับคืนเรือน
นอนดูเดือนนับดาวเจ้าขวัญสรวง
มาคุ้มฝันคุ้มใจให้ชื่นทรวง
เจ้าดั่งดวงดารารายเฝ้าหมายรอ......!
ราตรีนี้ ฟ้ากระจ่างไร้เมฆหมอกหม่น
กมลขวัญช่างหอมหวานปานน้ำผึ้งรวง
ดั่งมีดาวดวงดาริกานับพันพร่างพรายในสายใจ
การรอคอยใครสักคน ให้คืนหลังกลับมา
ช่างมากมีค่า ทางความรู้สึก
อันแสนล้ำลึกผูกพัน
ดั่งมีสายใยขวัญ..สร้อยโซ่รักพันธนา
ขอบคุณฟ้าดิน ขอบคุณที่เมตตามิสิ้น
ต่อผู้หญิงคนนี้..เสมอมา
ให้ได้พบคนดีมากมีค่า
ดั่งอัญมณี..
มาปลอบประโลมแด่ดวงชีวีน้อยนิดหนึ่งนี้
ให้..หนาวคลาย..!
...............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง
จันทร์ กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์
งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย...
......................
พร้อมพลีกำนัล
รับขวัญ..
ในราตรี..
ที่ดวงดอกไม้
กำลังบานหวานหอมในดวงใจแม่ดวงดอกพุดไพร..ค่ะ
...................................
ทะเลสาบสีเงิน!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song282.html
(ธาราระทม)
จำได้ไหม..ดวงใจ
ทะเลสาบแห่งนี้ที่คุณเคยบอกว่า
คล้ายกับเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่*
ของลอร่าอิงกัลส์ ไวเดอร์
ที่คุณเคยอ่านมาตั้งแต่เด็ก
ภาพฝันจึงตามมาในจินตนาการ
ถึงภาพป่าใหญ่ไพรกว้าง..ทุ่งกว้างด้วยดงดอกหญ้า
กับตะวันสีทองอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ละลานตาเต็มไปด้วยดวงดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
ป่าที่ยังอุดม ด้วยสัตว์ป่านานา หมี เสือ สิงโต
และ
ชนชาวอินเดียนแดง
ที่กำลังพยายามปกป้องแผ่นดิน
ที่ถูกคนขาวที่เจริญกว่าเข้ามาจับจองแย่งชิง
หนังสือชุดนี้มีหลายเล่ม
ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนอเมริกัน
ที่เพิ่งจะอพยพบุกเบิก
และเริ่มสร้างบ้านสร้างเมือง
คุณผู้ซึ่งหลงรักวิถีไพร จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้เบื่อ
ทุกกระท่อมที่ชาส์ล เลือกและสร้างเองนั้น
ช่างงามง่ายไร้มายา
และภาพที่แคโรไลน์ภรรยา
ทำกับข้าวภายในครัวกระท่อม
ให้หอมอวลกรุ่นน่ากินในคำนึง..
ดวงใจ
นวนิยายเรื่องจริงนี้ เป็นแรงฝันบันดาลใจ
ให้คุณ บอกผมว่า
ให้มาสร้างกระท่อมนะที่ตรงนี้
ที่เคียงทะเลสาบสีเงิน
ยามเราบุกบั่นป่าเข้ามา
และพบ ที่ตรงนี้ที่เป็นบึงกว้าง
เกิดจากการขุดแร่ทำเหมือง..
และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ให้งามราวทะเลสาบผืนใหญ่
ราวผืนแพรไหมสีเงินงาม
ที่กำลังสะท้อนพร่างวะวิบวับรับพรายแดดอ่อนละออ
ที่คุณถึงกับอุทานดีใจเมื่อมาเห็น
ฟ้าสีครามงามเข้ม..ใสกระจ่าง..สดสว่างไสว..สุดตา
ตัดฉับกับผืนทะเลสาบสีเงินระยิบตาตรงหน้าระยับใจ..
ประดุจสวรรค์สรวง
อากาศหอมสดชื่นบริสุทธิ์
กระแสลมแรง..จนแล้งไร้ต้นไม้
มีเพียงร่ายระบำของดงดอกหญ้า
ไหวเอนรับรินร่ำพรายแสงรอนรอน
ละอออ่อนอุ่นยามค่ำย่ำสนธยา
ดวงใจ..
ยามนั้นคุณบอกผมให้หันหลังให้
แล้วถอดเสื้อออกเพื่อกระโดดลงไป
นะกลางสายธารอย่างเริงร่าราวปลาแหวกว่ายในสายชล
คุณ..ว่ายน้ำเก่งราวเงือกสาวและยิ่งดูราวจะยิ่งเหมือน
เมื่อคุณนอนลอยตัวเหนือทะเลสาบสีเงินนั้น
และพลันแผ่สยายเส้นผมงาม
คล้ายสาหร่ายลอยเป็นแพ ล้อมรอบวงหน้าเรียวละมุน
ร่างงามคุณดูโดดเด่น
ในท่าที่คุณนอนหลับตาพริ้มลอยตัวเหนือผืนน้ำ
และ
กระทบกับสายแสงสุริยาที่กำลังจะลาลับฟ้า
จนพาให้ร่างคุณนั้น
งามจรัสเรืองแสงคล้ายนางไพรนางไม้หนีมาว่ายวน
เริงร่าในท่ามกลางป่าไพรในทะเลสาบสีเงิน
กับดวงดอกไม้ป่า
ที่กำลังส่งกลิ่นสะพรั่งรินรายรอบ
ให้ผมแอบชำเลืองดูคุณ
และแทบอยากให้โลกหยุดหมุน
ได้แต่นอนเอนอิงริมตลิ่ง
แล้วเฝ้าวนเวียนสายตาไม่ไกลไปจากร่างคุณ
จำได้ไหม..
ดวงใจ..ยามที่คุณแกล้งลากผมลงมา
แล้วเราสองต่างพากันโอบตระกองกอด
ในอ้อมอกอ้อมฝันของสายน้ำ
ที่พลันอุ่นอิ่มไปกับนิ่มเนื้อนวลหนั่นแน่น
ที่เบียดร่างผมแนบแน่นด้วยแรงรัก
จนทำให้หัวใจผมกระเจิงด้วยมนต์เสน่หา
และ..จำต้องจูบประทับรับขวัญบดขยี้
แทบให้ร่างเราสองนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ดวงใจ
มาตรแม้นชีวิตผม..ในวันนี้
มีแต่ความเงียบเหงาเปล่าร้างเพราะไร้คุณเคียง
หากชีวีผมก็แสนสุขสงบงามกับทุกโมงยามณ.ที่แห่งนี้
ที่ซึ่ง ราวอาณาจักรไพรริมทะเลสาบสีเงิน..ลำพัง
ผม..จะพาตัวเองไปนอนนิ่งฟังเสียงดนตรีจากทุ่งหญ้า
ทุ่งแห่งความฝัน
ฟังดนตรีไพรร่ายมนตรา
บรรเลงบทเพลงธรรมชาติอันโอบเอื้อพึ่งพิง
ให้ผมเฝ้ามองดูฟ้าเล่นแสงสีราวเวทีธรรมชาติ
ดูเมฆแล้ววาดเป็นภาพงามตามแต่ใจนึก
ดูแมกไม้ไพรพฤกษ์ฝูงสกุณา
ที่พากันผกโผผินบินร่อนมาโฉบเหยื่อ
เฝ้าดูฟ้าที่งามระเรื่อเจือสีชมพูอมส้ม สวยสดเศร้า
กับความเหงางามในใจ
ที่ช่างเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่
ราวเราแค่เศษเสี้ยวธุลี
ที่มาแฝงร่างผสานผสมห่มห่อด้วย
ความงาม อันยากยิ่งจะพรรณนา
นอกเสียจากผู้รักวิถีไพรดิบเดิมเพียงนั้นถึงจะเข้าใจ
ยามที่เราถอดใจถอดจิตราวสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ดวงใจ..
ในยามราตรี
ผมจะก่อกองไฟริมกระท่อม
แล้วนั่งจิบกาแฟบนขอนไม้
หาอาหารง่ายๆมานั่งรับประทาน
กับเจ้าสุนัขเพื่อนยาก
ยามนั้นผมจะได้ยินเสียงสายน้ำ
ในทะเลสาบครวญคร่ำระรินราวร่ำไห้อย่างดายเดียว
เสมือนเพื่อนยากผู้รับรู้ความเปลี่ยวเหงาใจ
ยามผมไม่มีคุณ..
ผมจะนอนหนุนแขน
ฟังเสียงฟืนปะทุ
และ
ในอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
เฝ้ามองดูดาวประจำเมือง ประจำใจ
ที่พราวพร่างสุกใสนับพันดวง
ดาวใจที่คุณเคยฝากไว้ให้
ส่องนำทางชีวิตจิตวิญญาญ์ผม
ยามอ่อนล้าท้อแท้แพ้พ่ายไร้สิ้นกำลังใจ
ให้น้ำตาลูกผู้ชายชาติไพรซืมซึ้งในเรียวตา
ด้วยเหว่ว้าดายเดียวสุดทน
และ
ดวงใจ
ทุกอุทัยโลกหมุน
ผมพึงใจที่อาศัยริมกระท่อมทะเลสาบสีเงิน
อันงามเงียบนี้ลำพัง..
กับยามค่ำที่ผมได้รจนางานงามอันเลอล้ำค่า
พลีบรรณาการให้แด่โลกบรรณพิภพ
ที่ยิ่งดวงชีวีผมพบความงามเงียบเท่าใด
งานงามของผมก็ยิ่งแสนงามยิ่งใหญ่พอกันเพียงนั้น
ผมมีเวลา ทำงานเพื่อสังคม
ในฐานะเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ผู้รักษาอุทยานและป่าทุกผืนในประเทศนี้
ให้ยาวยืนไปจนถึงลูกหลาน
เป็นงานงามที่ราวปิดทองหลังพระ
เหมือนพ่อพระในดวงใจของผม
ที่เคยเททุ่มทำงานฝากอุดมการณ์อุดมคติไว้ให้ชนชาวไทย
ทุกดวงใจได้หันมารับฟังแม้นต้องแลกกับชีวิต
คุณ..สืบ นาคะเสถียร ผู้เพียรพยายาม
แม้นถึงกระทั่งยอมสังเวยชีวิตเพื่อ
เพรียกเรียกร้องสามัญสำนึก
ให้สังคมหันมาสำนึกรำลึกรู้ค่ารักษ์ป่าไพร
ที่ดวงใจ..คุณคงรู้ว่า
หากไร้ป่าแล้วไซร้ เราก็เท่ากับรอวันตาย กับภัยพิบัติที่นับวัน
จะมาฝากพิโรธสอนสั่งให้เราสำนึกรู้
ว่าคนเรานี้จะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไรไฉนเล่า
หากไร้ซึ่งเงาแห่งร่มไม้ได้ดูดซับน้ำไว้
ให้โลกได้สงบงามอย่างพึ่งพาพึงพิง
ทุกสรรพสิ่งเป็นวัฎจักร
ที่โลกสรรสร้างมาให้อย่างลงตัว
มีฟ้า มีดิน มีน้ำ ลมไฟ
มีดวงใจที่ใสงาม ตั้งแต่เริ่มเกิด
หากเรามองเมินเพียงเพลินผลาญทำลาย
ทุกสิ่งที่ธรรมชาติให้มาอย่างงามง่ายแสนงาม
ให้หลงละเมอหยาบหยามต่อเติมเพิ่มความทุกข์
รุกล้ำก้ำเกินในทุกสิ่ง แบบโง่เขลาเบาปัญญา
แม้นกระทั่งดวงจิตอันกระจ่างราวแก้วใสภายในตัวเราเอง
ที่พระเจ้าให้มาอย่างบริสุทธิ์ใส
หากเรานั้นหาได้เฉลียวใจไม่
พากันมาเติมตัวทุกข์สุขในโลกวัตถุไม่รู้หยุดรู้พอที่ไม่จีรัง..
ให้หุ้มห่อพอกไว้ยิ่งหนานับวัน
จนยากจะลอกเปลือกออกพบแก่นกระพี้
ที่แสนงามแสนดี
คือจิตกระจ่างงามพราวราวดวงแก้ววิเศษ
ดวงใจ...
ผมก็แค่ธุลีในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
ที่พัดผ่านมาคละเคล้าไป
ในดงมนุษย์อันมากมีมากมายนี้
หากแม้นเปรียบชีวีแค่ธุลีนี้
ก็ขอแค่ได้มาพลีฝากดีฝากงาม
ก่อนวันจะสิ้นสายแสงแห่งดวงสุริยาใจ
ไม่เป็นธุลีใจที่หมองหม่นปนเปื้อนมลทิน
หากขอเลือกเป็นธุลีดิน
ที่งดงามอุดม
รอเพียรเพาะบ่มให้ทุกต้นกล้าแห่งรักได้หยัดยืน
ให้งานรักรจนา
ได้พาจิตมนุษย์ไสวพร่างกระจ่างจิตไสวชูช่อ
ราวรอรับพรายแสงตะวัน
อันหมุนวนมาสอนบทเรียนใจในทุกวันให้รู้คุณค่า
ว่าทุกดวงชีวามีโอกาสเริมต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ
และ
ราวกับพราวนวลจากเดือนดวงงามนามพระจันทร์
ให้ประดับขวัญประดับโลกงาม..
เป็นนิยามความดีสามัคคี
ที่แสนร่มเย็นเป็นสุขใจไปตราบชั่วกาล..
ดวงใจ...
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
หากมิใช่เศษเสี้ยว
ที่มาฝากร่างเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
ให้ได้มามองดูโลกงาม
ให้ได้มารู้ค่าคำรัก
อันจักเป็นพลังสรรสร้างอันยิ่งใหญ่
หากทุกดวงใจรู้รักเย็น
และ
โชคดีเพียงใด
ที่ได้เกิดมาในผืนดินอันอุดมร่มเย็น
ใต้ร่มฉัตรใต้ร่มธรรมใต้ร่มทองแห่งพุทธศาสนา
ที่จักประคองให้จิตเรา..ใสกระจ่าง
รู้ฝึกวางว่างก่อนจะสิ้นแสงแห่งตะวันใจไปชั่วกาล
ดวงใจ...
ผม..ภูมิใจในตัวคุณ และตัวผมนี้
ที่เกิดมามีนวลเนื้อใจที่แสนบริสุทธิ์ใสแสนงาม
รู้หักห้ามรู้รักเย็น
และ
มาตรแม้นเราเป็นเฉกเช่นชาวดินชาวไพร
หากดอกดวงใจเรานั้นรู้ใฝ่เพียรหาดวงดอกธรรม
และน้อมมาพร่ำห่มหอม..
เผื่อแผ่ให้ทุกดวงใจได้พบใสงาม
ไปด้วยกัน..
และสุดท้าย
ไม่มีอะไร
*จะงามเท่าดอกดวงใจใครเล่าจะรู้นี้*
ที่เราสองต่างพร้อมพลีภักดิ์
เพียรถักทอทองดั่งสายสร้อยภาษาร้อยรักรจนา
เพื่อคืนกลับให้ผืนดินแห่งมาตุภูมินี้
ที่เป็นที่รักยิ่งกว่ารัก
ศรัทธาภักดิ์ยิ่งกว่าศรัทธา
เปรียบประดุจดั่งพสุธาแห่งความฝันอันสูงสุด
ที่แสนหนักแน่นมั่นคงยิ่งใหญ่เหนือ
กว่าสิ่งใดในหล้าโลกนี้
แล้วมิใช่ละหรือ..คนดี..นะยอดดวงใจ!
.................
ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..
ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!
*
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน
คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน
ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล
ในดวงใจในดวงตาดารากาล..
อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก
ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน
ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน
ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร
อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข
ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน
เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ
ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน
รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า
ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน
พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร
เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!..
*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song282.html
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
........................