21 มิถุนายน 2550 06:23 น.
พุด
เสียงเพรียกจากพงไพรสู่ใจขวัญ
ตามตะวันเรียวรุ้งสู่ทุ่งข้าว
กับอรุณรุ่งงามระยับด้วยดงดาว
หมอกห่มพราวทั่วท้องนาขอบฟ้าชมพู
นั่นดงดาลหวานเหว่ว้ารอรับรัก
แสงทองทายทักบัวคลี่กลีบรอผึ้งภู่
ละอองหยาดน้ำค้างหยดพร่างพรู
จากสรวงสู่ใบไม้แก้วในแวววัน
สายแสงแปรเป็นสีส้มจรัสจ้า
สุริยางามดวงราวภาพฝัน
สกุณาผกโผผินบินเสรีในตะวัน
ทิวาวันเริ่มใหม่ไทพสุธา
สาวบ้านนาใส่งอบงามเรียบง่าย
จูงวัวควายออกเดินเลาะเล็มหญ้า
วิถีไทวิถีทองมิเดียวดายเหว่ว้า
ดำรงค่าให้รอยไถมิกลายแปร....
..............!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
ข้าวคอยเคียว
ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
20 มิถุนายน 2550 10:45 น.
พุด
วิมานไพร..วิมานดิน..
ในท่ามแสงเทียนทองทอทอดโอบกอดอาบจับ
ไปที่ร่างๆหนึ่งนอนระทดระทวยเอนอิงพิงหมอนขวาน
ทอดนัยน์ตานิ่งดูหยาดละออละอองสายฝนพรำ
ที่ราวกำลังครวญคร่ำ ดั่งหยาดน้ำตานางฟ้าละหลั่งริน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา ดาวใจ ไพจิตร
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
แสงเทียนวูบไหว พอกับใจดวงงามหวั่นหวาม
ในท่ามฟ้ามืดฝนครวญ...
นวลดอกไม้ไทยไหวกิ่งฝัน
รับปันพลีจากหยาดสายพระพิรุณ..
ทั่วแดนดินถิ่นพสุธาทอง พสุธาไท...
ไม่ว่าโลกและใจคนจะแล้งไร้สักปานไหน
ดวงหฤทัยแลหยาดน้ำใจนางฟ้าก็มิเคยแห้งเหือด
หายไปกับกระแสกาล...เวลา
ยอมรานร้าวหนาวเหน็บเหว่ว้า
ทุกข์ระทมเพื่อปลอบประโลม...ฝัน..
แม้นฟ้าดูราวสิ้นไร้แสงจันทร์
ตะวันในดวงใจราวย่ำสนธยา
หากใจดวง..กล้าดวงขวัญ
ก็คงมิมีวันยอมพ่ายเพียร...สร้างงาม...!!!
.........................
ดาวรุ้ง..ดาวร่วง..!
ไพล..ตื่นมารับอุษาฟ้าสางยามใกล้รุ่ง
ด้วยเสียงฝน..ปลอย ปลอย..
เสียงกบในบึงน้อย ของชาวสวนหลังบ้าน ร้องระงม
ประสานประสมเสียงนกนานา
ราวดนตรีจากฟ้าจากสวรรค์สรวง
บรรเลงด้วยปวงน้ำมือเทพเทวา..พริ้งพราย..ร่ายมนต์กล่อมใจ
กล่อมโลก ลดโศกราน...
ดั่งนาฬิกาใจ นาฬิกาปลุกทุกอรุณ
ให้ลุกจากหลับไหลในนิทราฝันอันรื่นรมย์
คู่เคียงขวัญวันหวานวิมานดินมานานเนิ่น..
กล้วยไม้ที่แขวนริมชายคาเรือนจำปี
หลากสีสลับสวย สดสะพรั่งรับฉ่ำสดหวานจากสายวสันต์..
ราวหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์..จากราวสรวง..
พรายละอองน้ำค้างยามดึก พร่างพรมบ่มเกสรแก้ว
พุดซ้อนช้อนดอกออกจากใบละออ...
ที่หลบซ่อนอ้อนอาย คลี่กลีบกระจายรอรับสายน้ำทิพย์..
ไพล..เปิดประตูกระจก
ออกไปเชยชม ดอมดมรับลุ่มลึก
หอมอวลจากมวลพฤกษา
เด็ดดอกแก้ว พราวตา พราวช่อละออนวล
แซมใบเขียวสด..ตัดฉับ..
เพียงแค่เอื้อม จากเรือนจำปี..
ก็เด็ดดอกผลิเรียวยาวตูมตั้ง
มาผูกขวัญผูกผม เคลียแก้มแกมหอม
ลบตรอมตรมให้หอมเศร้าตลอดวัน...ตลอดเวลา
กระนั้น..เพียงแค่นี้
ใจไพลดวงดีก็แสนใสสด...
ก็พลันบรรเจิด..เอิบงาม ....
พร้อมผจญ..
บทเพลงชีวิตของคนบนโลกนี้ที่มีทั้งโศกสุข ...
หมุนเวียนเปลี่ยนผันมารับวันใหม่..
เปิดเพลง..ลุกทุ่ง หวานแว่ว
ของสันติ ดวงสว่าง...
นักร้องเสียงเซาะหัวใจ
ให้หลอมละลายดังคลื่นเซาะทราย
ให้ยิ่งเศร้า ยิ่งรานร้าว ยิ่งบาดใจ..
มาสิ...คนดี..มาเงี่ยหูฟัง เปิดใจฟังไปด้วยกันนะ..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5437
ความผิดหวังยังคอยฉันอยู่
สิ่งหนึ่ง ที่รอ
รอคอยฉัน อยู่
คือความ ผิดหวัง
ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่
ฉันเห็น มันใกล้มาแล้ว
ไม่แคล้ว เจอมันจนได้
ความช้ำใจ ช้ำ ใจ
อดีตที่ผ่าน มานานหลาย ปี
ฉันหนีไม่พ้น
ต้องมาเจอคน รัก ลวงจนได้
มันช้ำ จนอกกลัดหนอง
ฉันต้อง ร้องไห้ร้องไห้
เจ็บปวดใจ เหมือน ใกล้จะขาด
ผู้หญิง เขาเปรียบดอกไม้
สดใสสวย บริสุทธิ์
เปรียบประดุจ ดอกไม้ของชาติ
แต่ฉัน ขอเปรียบผู้หญิง
แท้ จริงคือ เพชรฆาต
ประหารประหัตถ์ ใจชาย
ไม่อยากจะอยู่ ดูโลกนี้เลย
กลัวความผิดหวัง
ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่
ลาแล้ว ลาก่อน ความช้ำ
ความช้ำ อย่าตามมาใกล้
แยกกันไป เสีย คน ละทาง
ผู้หญิง เขาเปรียบดอกไม้
สดใสสวย บริสุทธิ์
เปรียบประดุจ ดอกไม้ของชาติ
แต่ฉัน ขอเปรียบผู้หญิง
แท้ จริงคือ เพชรฆาต
ประหารประหัตถ์ ใจชาย
ไม่อยากจะอยู่ ดูโลกนี้เลย
กลัวความผิดหวัง
ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่
ลาแล้ว ลาก่อน ความช้ำ
ความช้ำ อย่าตามมาใกล้
แยกกันไป เสีย คน ละทาง...
จุดเทียน ในลูกแก้ว
ที่เหมือนลูกจันทร์สามสี..อ่อนๆ...
เหลืองพระจันทร์ ฝันแดงระวี สีเขียวพร่างไพรพฤกษ์..
เขียนเรื่องประเทืองใจ ประเทืองฝัน
หวังดับแล้งยามตะวันแผดแสง ให้หมองไหม้หม่น
และ
โอบเอื้อเย็นสำหรับทุกดวงใจที่ไหวงามละเมียดละมุน
ที่จะเปิดรับงามไปด้วยกัน นะยอดขวัญ ยอดดวงใจ...
แล้วก็หุงข้าว..หอมพราวราวดอกมะลิขาวนวลนุ่ม...
กรุ่นกลิ่น..ไปทั้งครัว
เตรียมตัวไปวัด..วันอาทิตย์..
อ้อมไปตัดใบตอง มารองขันข้าวเงิน..ให้งามใจ..
กล้วยกอใหญ่ ห้อยหวีแน่นลูกดก ...
แวบคิดถึงคุณแก้วนะ
หากว่าบ้านเรียงเคียงกัน คงหิ้วหัวปลี
ให้ทำอาหารไทยรับประทาน
ตามสูตรโบราณ ที่กลมกล่อม อร่อยลิ้น..นะ
ใต้ใบตองแตกลายริ้ว..
หัวใจพลันปลิดปลิว..คิดไปถึงฝันดีเมื่อคืนผ่าน..
หลับสบาย คล้ายปล่อยวาง หลังสมาธิสวดมนต์
ปล่อยกมล ฟังเพลงฝน ฟังเพลงไพร กล่อมฝันดี..
ราวมีวงออเคสตรามาบรรเลงหวานแว่ว..
แผ่วพรมชุ่มชื่นหัวใจ
ให้หลับไหล ลุ่มลึก..
ในฝัน...
เห็นหญิงงาม นุ่งผ้าถุงสวยสีไพลสว่างกระจ่างใจ
ยืนเดียวดายริมชายทุ่งกว้าง
กลางลานหวานดอกดาวรุ้ง ดาวเรือง สะพรั่งสี ....
มียุ้งข้าว ลอมฟาง
และมี..
เจ้าทุยเลาะเล็มหญ้า ขาเปื้อนโคลนอย่างมีความสุข
แปลกดีที่ว่า
เคียงกระท่อมหลังคาจากนั้น
อีกด้านหนึ่งนั้นคือภูเขาลำเนาไพรทอดตัวเขียวชะอุ่ม
มีนกไพร ผีเสื้อ บินว่อน ...เหนือโตรกธาร
หวานระริกระริน สายน้ำซอนเซาะซอกหิน
ซู่ซ่า ซัดสาด เบาเบา ให้เหงางามเงียบสงบใจ..
พลัน..
กลายเป็นยามสายัณห์ตะวันรอนรอน ....เหนือทิวไม้
เธอยืนร้าวรอน
ราวออดอ้อนอาวรณ์อาลัย สุริยาดวงโต..ที่ใกล้ลาลับฟ้า
มวลหมู่นกกา หมู่ภมร บินว่อนเหนือร่างเธอ..
ผมสีบรูเนต อมทอง..จรัสส่องประกายรับแสงสนธยา..
สยายพลิ้วปลิวไปเบื้องหลังยามต้องพายุ ลมแรงพัดไสว
ในอ้อมแขน..
มีดอกไม้ไพรพร่างสีบานสว่างกระจ่างใจราวภาพฝัน...
เธอแหงนหน้าราวรอฝัน...รอจันทร์.. รอใคร..กันละหนอ.......
ฤาเฝ้าฝันรอฟ้าปรานี ณ.เบื้องบน.....
และ....ชั่วพริบตา!
เสมือน
เวทีฟ้าเปิดการแสดง
ดาวบนฟากฟ้าจำนวนนับล้านดวง
ก็พลันพริบพราวพร้อมกัน..พรึบ..
ร่างเธอ...ยืนดายเดียวในเงาดาว ในเงาจันทร์ ราวฝันไกล....
ทันใดสายรุ้ง..ดั่งสายไหม สายสวรรค์...
ก็พลันพรมห่มร่างงาม..ที่ยืนสะล้างราวนางไม้ นางไพร..ก็มิปาน
สายลมแรง ยังโบกโบยกระชั้น
ระบัดมวลหมู่ไม้ให้ไหวเอน..
เมฆร้องเพลงฝัน...
สวรรค์โปรยสายฝนดาวตก..
ที่งามพราว...
ราวเพชรพร่างกลางร่างเธอที่เงียบงามราวรูปสลัก...
................